คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : ตอนที่ 10
ตอนที่ 10
พราวดาวเดินไปตามทางเดินของโรงพยาบาลรักสัตว์ ซึ่งเป็นอาคารชั้นเดียวรูปทรงตัวที ด้านหน้าเป็นมุกกว้าง15เมตร ยาวราวๆ30เมตร มีทางเดินตรงกลางเชื่อมต่อกับอาคารด้านหลังที่แยกออกเป็น2ทาง ความกว้างเท่ากับด้านหน้า แต่ความยาวจะยาวกว่า มีห้องทุกช่วงทั้งสองข้าง หน้าต่างติดเพดานปลอดโปร่ง หน้าห้องมีป้ายติดชื่อสัตว์ที่มาพักรักษา อาคารหลังนี้น่าจะเป็นอาคารเก่าแก่ที่ถูกดัดแปลงตกแต่งใหม่ให้เป็นโรงพยาบาล
พราวดาวเห็นอาคารหลังนี้ที่ยังไม่ได้ปรับปรุงมาตั้งแต่เด็ก หล่อนได้ยินมาว่าเป็นของผู้ดีเก่า ที่ดินและบ้านเช่าตลอดทั้งซอยก็เป็นของเขาทั้งหมด ยกเว้นบ้านของหล่อนหลังเดียวที่ไม่ใช่ของคนอื่น หล่อนสอดสายตามองเข้าไปทุกห้องเมื่อเดินผ่าน ผู้ชายสองคนสวมเสื้อกาวน์ กระเป๋าปักตัวหนังสือ โลโก้ของโรงพยาบาลรักสัตว์เดินผ่านมาพอดี
พี่มดรูปร่างอ้วนส่งยิ้มจุ๋มจิ๋มอดฟันซี่เล็กให้หล่อน ส่วนคนผอมหล่อนเคยเจอแต่ไม่เคยทักทายกัน หล่อนเดาว่าน่าจะเป็นพี่ช้าง
“น้องพราวดาว ใช่ไหมครับ” คนผอมเอ่ยขึ้น
“ใช่ค่ะ พี่คงเป็นพี่ช้างใช่ไหมคะ”
“ใช่ครับ” คนผอมตอบยิ้มกว้างอดฟันขาว
“ต้องขอโทษด้วยเมื่อวานไม่ได้ทักทายกัน”
“ไม่เป็นไรเลยครับ อย่าคิดมาก”
“เมื่อวาน คุณหมอวาฬเปรยให้ฟังว่าฉกพวกพี่มาจากหน่วยกู้ชีพ มูลนิธิที่ไหนสักแห่งหนึ่งใช่ไหมค่ะ”พราวดาวถาม
“แหม น้องพราวดาวฉกที่ไหนกันเล่า พี่ทั้งสองเต็มใจหนีตามมาต่างหากครับ” พี่ช้างพูดปนเสียงหัวเราะ
“พี่ว่า น้องพราวดาว รีบไปเถอะ พี่เห็นคุณหมอวาฬถามหาตั้งแต่เช้าแล้วครับ” พี่มด
“งั้นเดินตามพวกพี่มาเลยครับ”
พราวดาวเดินตามทั้งสองไปจนสุดทาง เมื่อไปถึงห้องสุดท้ายด้านซ้ายมือ หล่อนก็เห็นหมอวาฬกำลังฉีดยาปฏีชีวนะให้กับจระเข้น้อยที่นอนสงบนิ่งอยู่บนเตียง แล้วหันไปสั่งให้พี่ช้างกับพี่มดช่วยกันอุ้มไปไว้ในบ่อพักฟื้น
พราวดาวเห็นตัวเงินตัวทองอยู่ในกรง หล่อนเดินเข้าไป มันเอียงคอมองแลบลิ้นแผล็บๆ
“มันไม่เป็นอะไรมาก ให้อาหารอีก2-3วันก็ปล่อยคืนสู่ธรรมชาติได้แล้วครับ”
หมอวาฬพูดก่อนจะเดินไปห้องถัดไป
จันทร์เจ้านอนตาปรอยอยู่ในกรง หายใจปกติดีกว่าเมื่อวาน
“จันทร์เจ้าของคุณตัวยังอุ่นๆให้นอนพักสัก2วันก็น่าจะกลับบ้านได้” หมอวาฬบอกหันไปเปิดก๊อกน้ำล้างมือในอ่างสแตนเลส หล่อนยืนฟังอยู่ข้างๆเจ้าจันทร์
“โธ่ จันทร์เจ้าจะหายแล้วนะ” พราวดาวน้ำตาคลอไม่รู้ตัว
จันทร์เจ้าส่งเสียงเหมียว ๆ
“อ้าว อย่ามัวแต่น้ำตาซึม คุณยังมีอะไรทำอีกตั้งเยอะ”เขาพูดเสียงดัง
หล่อนสะดุ้งรีบใช้หลังมือปาดน้ำตา
“ตามผมมา” เขาสั่งแล้วส่งเสื้อกาวน์ตัวใหม่เอี่ยมให้
หมอวาฬเดินนำหน้าหล่อนออกมาตามทางเดิน แล้วมาเจอ พี่ช้าง พี่มดพอดีก็เลยตามมาสมทบด้วยอีก
เขาพาลงบันไดที่เชื่อมต่อกับบริเวณพื้นที่จัดสวนเกือบ3ไร่ ปลูกต้นไม้นานาชนิด มีบ่อน้ำพูพวยพุ่ง มีม้านั่งยาวตามมุมสบายใต้ต้นไม้ที่มีดอกสีชมพู ล้อมรั้งด้วยต้นโมกเขียวขจีหนาทึบส่งกลิ่นหอมฟุ้งจรุงใจจากดอกสีขาวช่อเล็กงดงามไปจนถึงด้านหน้า
ส่วนด้านหลังจะเป็นรั้วคอนกรีตสูง3เมตร มีต้นจามจุรีใหญ่แผ่กิ่งก้านปกคลุก หากไม่สังเกตดีๆ มองจากด้านหน้าจะไม่เห็นเรือนไม้คอกสัตว์เปิดโล่ง หลังคาจั่วทาสีครีม แบ่งเป็น10ล็อค เป็นแถวยาวตามรั่ว แบ่งเป็นล็อคสัตว์ใหญ่5ล็อค และทำเป็นเรือนลูกกรงสำหรับฟื้นฟูนกอีก 5 ล็อค
“นกพวกนี้ส่วนใหญ่เป็นนกพิราบ ได้รับบาดเจ็บจากการบินชนกระจกอาคารสูง ซึ่งก็เป็นปัญหาของเมืองใหญ่ เมื่อได้รับการรักษาหายแล้ว นกทุกตัวก็จะได้รับการปล่อยคืนสู่ธรรมชาติเหมือนสัตว์ทุกตัว แต่ถ้านกตัวไหนปีกหักจนบินไม่ได้เราก็ต้องคอยเลี้ยงดูมันต่อไป” หมอวาฬอธิบายสีหน้าขรึม
พราวดาวยืนเกาะลูกกรงดวงตาสลด
พวกมันทำตาปริบๆ มีนกพิราบปีกหักหลายตัว
บางตัวตกลงไปในน้ำที่มีสารพิษจนขนสีขาวกลายเป็นดำ
ตัวไหนเจอสารพิษที่มีฤทธิ์แรงกว่า ขนจะหลุดร่อนเห็นผิวหนังแดงทั้งตัว
พวกเราเมื่อเดินมาหยุดอยู่เรือนคอกสัตว์ ดวงตาเริ่มมีประกาย
พราวดาวเห็นน้องช้างที่ช่วยไว้เมื่อคืนยืนแกว่งหางไปมาอยู่ในเรือนพักฟื้นล็อคสุดท้าย
“คนสุดท้ายที่จะแนะนำให้รู้จักคือลุงไก่มีหน้าที่ดูแลสวนและให้อาหารสัตว์ทุกตัว ”
ลุงไก่อายุราวหกสิบ ผอม ใบหน้าตอบ ผิวคล้ำส่งยิ้มให้อย่างเป็นมิตร หล่อนยิ้มตอบแล้วเดินเข้าไปลูบหัวช้างน้อยก่อนเอ่ยขึ้น
“อาการของน้องช้างเป็นไงบ้าง”
“มันดีขึ้นแล้วครับ อารมณ์ดี ได้กินกล้วยไปหลายหวี” ลุงไก่พูด
“เมื่อคืนน้องช้างน่าสงสารมาก ลุง”
“คุณก็เลยช่วยล้วงเอาห่อยานรกออกมาให้มัน คนสมัยนี้จิตใจทำด้วยอะไร ช้างยังเด็กอยู่เลย ถ้าไม่ได้คุณช่วย ห่อยาอาจจะแตกในท้องก็ได้ คุณหนูพราวดาวสุดยอดจริงๆ” ลุงไก่พูดแถบยังยกนิ้วให้อีก
เสียงหัวเราะของพี่ช้าง พี่มดที่กลั้นไว้ไม่อยู่ดังแทรกขึ้น
พราวดาวหน้าเจื่อน กระดากอายเมื่อทุกคนรู้เรื่องกันหมด
หล่อนเหลือบมองคาดโทษหมอวาฬไว้ ทำทีเป็นก้มหน้ากลั้วหัวเราะไปด้วยอีกคน
เมื่อทุกคนแยกย้ายไปทำหน้าที่ของตัวเอง
พราวดาวเดินตามเขาเข้ามาในห้องพักที่โรงพยาบาลรักสัตว์
“แล้วหน้าที่หลักของฉันละคะ” พราวดาวถามขึ้น
“คุณก็เป็นผู้ช่วยผม คอยออกนอกสถานเมื่อได้รับแจ้ง ” หมอวาฬพูด
ขณะที่ป้าเกษมสอดสายตาจ้องจับผิดเพื่อจะเอาไปรายงานปาวดี แกแสร้งทำเป็นเช็ดโต๊ะทำงานให้หมอวาฬแต่ก็คอยเอี้ยวหูฟังการสนทนาของทั้งคู่ตลอดเวลา
ปาวดีเดินเข้ามาในห้องพักแพทย์ของโรงพยาบาลรักสัตว์ หล่อนมองหาหมอวิทย์ตัวแสบ เจออีกที่จะขู่สักฟ่อให้หงอยไปเลย จะได้เริ่มยุ่งกับหล่อน เมื่อไม่เห็นแม้เงาก็รู้สึกโล่งใจไปอีกอย่าง
เสียงโทรฯสายด่วนกรีดเสียงดังขึ้น
หมอวาฬรับสาย รอฟังเสียงต้นสายเพียงชั่วครู่
“วัวท้องสาวตกท่อ”เขาพูดขึ้น
พราวดาวยืนอยู่ห่างๆขยับเข้ามาใกล้อย่างลืมตัว
“ทำเป็นตื่นเต้น แค่วัวท้องของชาวบ้านตกท่อ ไม่ใช่เมียตัวเองสักหน่อย” ปาวดีพึมพำชักสีหน้าใส่
“ที่ไหนครับ พุทธมณฑลสายสี่ ครับๆ ผมจะรีบไปเดี๋ยวนี่ครับ” หมอวาฬตอบวางสายแล้วหันมาบอก
“คุณพราวดาวมีคนแจ้งเข้ามาว่ามีวัวท้องตกท่อได้รับบาดเจ็บ ”
“ค่ะ ฉันพร้อมแล้วค่ะ”
“ดี งั้นตามผมมา”เขาบอกขณะคว้ากระเป๋าเป้ที่พิงไว้หลังเก้าอี้ขึ้นมาพาดบ่า
“แล้วฉันล่ะ วาฬ” ปาวดีหน้าหวอ
หล่อนมองสองคนนั้นผลักประตูออกไป
ป้าเกษมแอบฟังอยู่ก่อนหน้านี้ โผล่หน้าออกมาจากผนัง
“คุณวดี ตามคุณหมอไปสิ”
“ตามไปทำไม ร้อนก็ร้อน แถบอาจจะเจอขี้วัวอีก ยี๊” ปาวดีทำเสียงขึ้นจมูก
“ร้อนก็ต้องทน คุณปล่อยเขาไปกันตามลำพังได้ไงค่ะ นังพราวดาวก็ทำคะแนนนำหน้าคุณไปก่อนสิค่ะ”
“เรื่องไร ฉันไม่ยอมหรอก” ปาวดีตาลุก
หล่อนมองผ่านประตูกระจกเห็นหมอวาฬสาวเท้ายาวๆไปที่รถโดยมีพราวดาวตามไปติดๆ
เท่านั้นแหละ
หล่อนถึงได้รีบแจ้นตามไปฉับพลัน
พราวดาวเปิดประตูข้างคนขับกำลังก้าวขึ้นรถจี้ปหรู
“หลบไป” ปาวดีโพล่งขึ้นก่อนจะแทรกตัวเข้าไปนั่งข้างคนขับอย่างไม่มีปี่มีขลุ่ย
พราวดาวถอนใจแล้วหันไปเปิดประตูขึ้นไปนั่งเบาะหลังด้วยสีหน้าไม่สู้ดีนัก
“คุณจะตามมาทำไม” หมอวาฬถาม
“วันนี้ฉันอารมณ์ดี อยากจะไปช่วยคุณ แล้วก็อยากจะไปช่วยตรวจสอบพนักงานใหม่ของคุณด้วยว่ามีคุณสมบัติเหมาะจะมาเป็นผู้ช่วยสัตวแพทย์มือหนึ่งอย่างคุณได้หรือเปล่าค่ะ” ปาวดีตอบแล้วหันมาส่งสายตาเย้ยหยันอย่างผู้กำชัยชนะ
“เรื่องนั้นไม่เกี่ยวกับคุณ”
“เกี่ยวสิค่ะ แล้ววดีก็อยากไปด้วย เราจะได้ทำงานใกล้ชิดกันมากขึ้นไงค่ะ”ปาวดีย่ำ
“งั้น คุณไปสวมชุดกาวน์ของโรงพยาบาลก่อน ผมจะรอ” เขาบอกมองชุดกางเกงสีฉูดฉาดของหล่อน
“ไม่ค่ะ วดีกลัววาฬไม่รอ ขับหนีไปก่อน วดีจะทำไง ไปเถอะค่ะ นะคะๆ” หล่อนทำเสียงออดอ้อนเกาะแขนติดหนึกไม่ยอมปล่อย
เขาทนฟังไม่ไหวจึงขับรถออกไป
ความคิดเห็น