ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    แว๊น แซ้บ ในคืนท้องฟ้าปลอดโปร่ง

    ลำดับตอนที่ #3 : คืนท้องฟ้าปลอดโปร่ง

    • อัปเดตล่าสุด 15 ธ.ค. 58


    ตอนที่ 3   คืนท้องฟ้าปลอดโปร่ง

    ณ  ถนนตัดใหม่ ยามค่ำคืนบนท้องถนนปลอดโปร่ง จักรยานยนต์แต่งดัดแปลงนับร้อยคัน  ผู้ขับขี่ส่วนใหญ่เป็นวัยรุ่นชายที่มักจะมีวัยรุ่นหญิงนั่งซ้อนท้ายมาเกือบทุกคัน  พวกเขากำลังจอดรอแก๊งอื่นที่กำลังทยอยตามมาสมทบที่บริเวณถนนตัดใหม่ในช่องจราจรที่ยังไม่เปิดให้ใช้บริการ   

    วินทร์นั่งอยู่บนเบาะรถมอเตอร์ไซค์ที่ถูกแต่งมาอย่างดีจากหน่วยสายลับพิเศษ  ซึ่งช่วยให้เขาแฝงตัวเข้าไปปะปนกับพวกเด็กแว้นได้อย่างกลมกลืน 

    เสียงเร่งเครื่องจากท่อไอเสียจากการดัดแปลงใหม่แผดเสียงกึกก้องไปทั่วบริเวณ  เร้าใจทุกสายตาหันไปมองเด็กวัยรุ่นชายวัย 17 ปีหน้าตาหล่อเหลา นั่งอยู่บนรถมอเตอร์ไซค์สีเงินที่กำลังเบิ้ลเสียงอวดความแรงของเครื่อง

    วินทร์ถูกกฤษณ์ฝึกฟังเสียงของเครื่องก็พอจะรู้ว่า รถมอเตอร์ไซค์คันนี้ถูกดัดแปลงเพิ่มความแรงเกินกว่าปกติด้วยช่างฝีมือดี 

    เขามองอยู่ครู่หนึ่งถึงกับชะงักงัน  

    ไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์นักร้อยคันเหมือนจะสว่างจ้ากว่าเดิม  เขาเห็นเชหัวหน้าเด็กแว้นที่ถูกผู้การอาญาหมายหัวไว้ บิดมอเตอร์ไซค์สีดำ ตามด้วยมอเตอร์ไซค์ดัดแปลงไม่แพ้กันอีกสองคันแล่นเข้ามากลางวงล้อมของแก๊งเด็กแว้น

    เชเดินผละจากรถ มีรูปร่างสูงราวๆ 180 ซม. ท่าทางองอาจ   มีผิวสีแทน ใบหน้าขาวเนียนได้รูป ดวงตาคมเข้ม  ผมสีโทนน้ำตาลแดงซอยสั้น ใส่ต่างหูเพชรแวววาม 

                    พี่กฤษณ์ได้ประวัติมันมาอย่างคร่าวๆ

    เชเป็นเด็กกำพร้าที่หนีออกมาจากสถานสงเคราะห์ซึ่งต้องอยู่ในกฎระเบียบวินัย    เชเลือกที่จะออกมาดำเนินชีวิตที่เป็นอิสระ    แรกๆก็ไม่มีที่อยู่เป็นหลักเป็นแหล่งกลายมาเป็นเด็กร่อนเร่ทำทุกอย่างเพื่อได้เงินมาไม่ว่าจะเป็น วิ่งโพนบอล  เด็กส่งยาให้กับพวกค้ายารายย่อย  จนมีเงินซื้อรถมอเตอร์ไซค์เข้ามาท้าแข่งกับพวกเด็กแว้นบนถนนตัดใหม่ได้รับชัยชนะเกือบทุกครั้ง จนกลุ่มเด็กแว้นยอมรับให้เป็นหัวหน้าเด็กแว้น ซึ่งต่อมามีลูกน้องชื่อเกมกับบอล  เด็กที่มาจากครอบครัวยากจน แตกแยก และกดดันต้องหนีออกจากบ้านคอยติดสอยห้อยตามเชจนถึงทุกวันนี้        

              เชโบกมือทักทายส่งเสียงทักทายให้กับเพื่อนร่วมแก๊งนับร้อยคัน วินทร์เบนความสนใจไปที่วัยรุ่นชายวัยไล่เลี่ยกันอีกสองคน รูปร่างผอมสูงไม่เกิน170 พอๆกัน  ผิวเหลืองซีดราวกับขาดสารอาหาร  ผมเผ้ายาวถึงท้ายทอยทำสีผมน้ำตาลทองแต่งด้วยเจลยีผมให้ดูรุงรังเหมือนกันทั้งคู่

    วินทร์เดาว่าน่าจะเป็นลูกน้องที่ชื่อเกมและบอลทั้งสองกำลังเดินตามต้อยๆ  ท่าทางฮึมเหิมทะนงตนตามหัวหน้าแก๊งของพวกมัน 

    "เครื่องแรงดีนี่ นายแต่งเครื่องที่ไหนวะ" เชทักทายเจ้าของเสียงที่แสบแก้วหู  

    "ฉันแต่งเอง ก็ไม่เท่าไหร่หรอก"  วัยรุ่นชายคนนั้นยักไหล่ 

    "นายชื่อไร! มาจากไหนวะ"   เชถาม  

    "รัน! ช่างยนต์ปี 3"  รันตอบสีหน้านิ่งเงียบ แต่คนถามกลับมีดวงตาพราวแพรว 

    วินทร์หรี่ตามองผ่านแสงเจิดจ้าจากไฟหน้ารถมอเตอร์ไซค์คันหนึ่งที่หันมาสาดใส่หน้าจังหวะนั้นพอดี  เขาจำได้เพิ่งวิ่งชนไอ้หมอนั่นหน้าวิทยาลัยช่างเมื่อวานนี้เอง

    "นายมายุ่งอะไรกับพวกนี้ด้วยวะ" วินทร์พึมพำพลางเอี้ยวหูฟังการสนทนาของพวกมันต่อ 

                    เชมองด้วยสายตาเจ้าเล่ห์แสยะยิ้ม ก่อนตะโกนท้าเสียงดังตั้งใจให้ทุกคนได้ยิน

    "ถึงว่า! ใช้ความรู้ที่ร่ำเรียนมาดัดแปลงเครื่องยนต์ให้แรงกว่าคนอื่นเขา ไม่ธรรมดาเลยวะ ฉันชักอยากลองแข่งกับนายแล้วสิ"

    รันเงียบไปชั่วขณะ 

    “แข่งเลย” เสียงเด็กแว้นคนหนึ่งโพล่งขึ้น

    “แข่งเลยๆๆ” เสียงเชียร์ที่ถูกยั่วยุดังตามมาติดๆ

    รันสบตาหัวหน้าแก๊งเด็กแว้นพลางครุ่นคิด  เขาเคยได้ยินมาบ้าง จากแก๊งเด็กแว้นคุยกัน  หากใครมีโอกาสได้แข่งกับเชหัวหน้าเด็กแว้น และชนะก็จะได้เงินเดิมพันค่อนข้างสูง  แล้วที่มากกว่านั้นยังจะได้รับการยอมรับจากแก๊งเด็กแว้นเสมือนหัวหน้าคนหนึ่ง   แต่ถ้าเกิดใครแพ้ก็จะได้หายหน้าหน้าตาไปโดยไม่กล้ามาเหยียบสนามนี้อีกเลย

    เหมือนรอน พี่ชายคนเดียวของเขา  เด็กแว้นเล่าลือกันหนาหูหลังจากแข่งกับเชครั้งล่าสุด  พี่รอนหายไปอย่างไร้ร่องรอย    แววตาของรันเปล่งประกายเจ็บแค้นวูบนึ่ง  ก่อนจะปรับให้เป็นปกติในฉับพลันเมื่อลูกน้องของมันที่ชื่อบอล

    "หรือว่า นายจะเป็นพวกเสียงดุ  บิดจริงๆ แปล๊กๆ ไม่มีแรงก็ได้วะ"  บอลพูดเสียงดังตามด้วยเสียงหัวเราะร่วนของกองเชียร์

    "แล้วฉันจะได้อะไร"  รันสวนกลับ  

    ความเงียบเข้าแทรกฉับพลับ  

    เชเดินเข้าไปใกล้ถือวิสาสะโอบไหล่รันราวกับคุ้นเคยเป็นกัน 

    "เงินเดิมพันสองเท่า"  เชตอบเสียงดังและโน้มตัวข้างหู  "แลกกับ...นายไง"  เสียงกระซิบกระซาบ 

    ทุกคนเงียบกริบพยายามเอี้ยวหูฟังแต่ก็ไม่มีเสียงเล็ดลอดออกมมาให้ได้ยิน

    รันสบตาอย่างไม่สะทกสะท้าน

    ขณะที่ภาพในอดีตผุดขึ้น  เขากับพี่รอนกำลังคุยกันถึงเรื่องการแข่งรถเมื่อถูกเชท้าประลองมาแล้วหลายครั้ง  ขณะพี่รอนใช้มือบิดคันเร่งเบิ้ลเสียงรถเพื่อทดสอบความแรงของเครื่อง  พี่รอนก็พูดแทรกเสียงดังของเครื่องขึ้น

    “ความแรงของเครื่องอาจจะสูสี แต่ก็ต้องไปวัดกันในสนาม”

    “แต่ด้วยฝีมือ ผมมั่นใจพี่รอนต้องชนะมันได้เหมือนทุกครั้ง” รันเน้นเสียง

    “นายไม่ต้องห่วงพี่  ปีนี้เรียนปวช.ปีสุดท้ายแล้วสิ  นายต้องตั้งใจเรียนเอ็นให้ติดวิศวเครื่องกลปีหน้า พี่กับแม่จะได้ภูมิใจ” รอนพูดอย่างชื่นชม

    “แต่ผมภูมิใจในตัวพี่มากกว่า ได้ข่าวว่าเงินเดิมพันครั้งนี้สูงกว่าทุกครั้ง  และมากพอที่จะพาแม่ ผมและน้องย้ายออกจากบ้านขุมนรกนี้ได้”

    “ใช่  ถ้ามันไม่โกง มันก็ไม่สามารถชนะพี่ได้หรอกรัน ถึงเวลานั้นพวกเราจะได้พ้นจากนรกสักที” รอนเน้นเสียงพลางโอบไหล่น้องชายอย่างรักใคร่

    ภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้ายของสองพี่น้อง  รันพยายามข่มใจไม่ให้ความอาฆาตแค้นที่กำลังพลุ่งมาทำลายความคาดหวังบางอย่างจากพวกมัน ก่อนจะรับคำ

    "ตกลง"    

    เชแสยะยิ้มเจ้าเล่ห์หันไปตะโกนบอกกล่าวใช้พรรคพวกรู้ว่า

    "คืนนี้ท้องฟ้าปลอดโปร่งโว้ย "   เชพูดเป็นนัยว่าวันนี้แข่งได้ไม่มีตำรวจคอยก่อกวน   เสียงเชียร์จากแก๊งเด็กแว้นดังกระหึมขึ้น

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×