ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    อดีต..ปัจจุบัน ฉันและเธอ (The memory of you)

    ลำดับตอนที่ #9 : บทที่ 9

    • อัปเดตล่าสุด 26 พ.ย. 48


                         พี่มายด์  ผู้หญิงคนหนึ่ง  ที่มีความมั่นใจในตัวเองสูง  เป็นหญิงเด็ดเดี่ยว  และมีรูปร่างสวยงามราวนางแบบก็ไม่ปาน  



    เป็นคนทำให้สุภาษิต  งานเลี้ยงย่อมมีวันเลิกรา  เกิดขึ้นระหว่างตองและพี่ฮายด์  เมื่อวันหนึ่ง  เธอได้เข้ามาในชีวิตพี่ฮายด์อีกครั้ง



    หลังจากที่เธอได้หักอกพี่ฮายด์มา  ตั้งแต่สมัยที่พี่ฮายด์อยู่บ้านหลังเก่า  



    ซึ่งนั่นทำให้พี่ฮายด์เสียใจมากและมันก็ส่งผลต่อการย้ายบ้านใหม่ของเขา   เป็นเวลานานกว่าที่พี่ฮายด์จะทำใจได้  



    แต่เมื่อเธอได้เข้ามาในชีวิตเขาอีกครั้ง  กลับทำให้ความสัมพันธ์ของทั้งสองรื้อฟื้นได้อย่างไม่ยากเย็น  



    และความสัมพันธ์ทั้งหมดของพวกเขา  ส่งผลให้เกิดการเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่กับความรักระหว่างพี่ฮายด์กับตอง  



    ไม่ต้องพูดถึง  แค่เพื่อนบ้านอย่างฉัน  มีหรือว่าจะไม่   การเปลี่ยนแปลงต่าง ๆ ของพี่ฮายด์  ทำให้ตองไม่สบายใจ



    และแน่นอนว่าตัวฉันเองก็รู้สึกอย่างนั้น  ตองโทรมาหาฉันด้วยเรื่องของพี่ฮายด์บ่อยขึ้นมาก



    หลังจากที่ไม่เคยได้รับโทรศัพท์จากพี่ฮายด์เป็นเวลานาน  และไม่ค่อยได้ไปไหนมาไหนด้วยกันสองคน  ไม่เว้นแต่การเจอหน้ากัน  



    ซึ่งสามารถนับครั้งได้ในเดือนนี้    เมื่อพูดถึงเขากับตัวฉันเอง  มันก็ไม่ได้แตกต่างจากตองไปมากสักเท่าไหร่  





                  เพียงแต่ว่าเวลานี้  ฉันควรเก็บความรู้สึกที่มีต่อเขาเหมือนกับตอง  เอาไว้ก่อน  หน้าที่ของฉันตอนนี้  



    คงจะต้องเป็นคนคอยปลอบเพื่อนรักให้เข้มแข็งขึ้น  ฉันไม่รู้ว่าตองรู้สึกอย่างไรบ้าง  เธอไม่เคยเอ่ยความในใจให้ฉันได้รู้  



    มีเพียงแค่คำถามต่าง ๆ มากมาย  และน้ำตาที่ไหลรินบ่อย ๆ กับดวงตากลมใสคู่นี้  



    ทำไม  เพราะอะไร  จะทำยังไงดี



              ถึงแม้เธอจะเอ่ยเพียงคำถามและปล่อยเพียงน้ำตาอุ่น ๆ ให้ไหลรินจากดวงตาที่เคยสดใสจนบัดนี้มันบอบช้ำขึ้นทุกวัน  



    แต่มันบ่อยมากบ่อยเสียจนมันทำให้ฉันจวนจะเข้าใจถึงความรู้สึกเธอมากขึ้น  เธอกำลังวุ่ยวายใจ  กำลังเจ็บปวด  



    ราวดวงใจได้หลุดหายไป  เป็นการยากสำหรับการทำใจในรักครั้งแรกของเธอ  คล้ายกับพี่ฮายด์  ที่มีรักครั้งแรกเป็นพี่มายด์เช่นกัน  





                       ทุกครั้งที่ตองโทรหาเขา  จะมีข้ออ้าง ต่าง ๆ นานา   มีธุระบ้าง  ติดสายบ้าง  ซึ่งตองรู้และเข้าใจดีโดยที่เขาไม่ต้องบอก



                  ตองยังไม่อยากจะเคลียร์ปัญหาของตองกับพี่ฮายด์ตอนนี้  กลัวว่าถ้าพี่ฮายด์บอกเลิกตองขึ้นมา  



    ตองจะเสียใจมากและกลัวว่าความเสียใจของตองจะกระทบต่อการสอบปลายภาค  ซึ่งฉันเองก็เห็นด้วย



    ว่าสอบเสร็จก่อนเถอะแล้วค่อยคุยกันดีกว่า  แต่นั่นมันสำหรับเธอ  สำหรับฉันแล้ว  มันต้องเคลียก่อนสอบปลายภาคแน่นอน  มิฉะนั้น  



    เกรดของฉันคงจะไม่เหลือตัวเลขไว้ให้ชมเลยสักตัว







                  “พี่สัญญานะ  ว่าจะไม่ให้ตองต้องเสียใจ”  “พี่จะดูแลตองเอง  ต่อจากนี้ไป ตองจะมีพี่เป็นเพื่อนตลอดไป”  



                      ประโยคต่าง ๆ นั่น  เป็นของเขา  พี่ฮายด์เป็นคนพูดกับตอง  ซึ่งทั้งหมดมันถูกถ่ายทอดให้ฉันฟังโดยตองเอง  



    ฉันไม่เคยเห็นตองเป็นแบบนี้มาก่อน  เรื่องที่เธอเคยเสียใจมากที่สุด  เห็นจะเป็นตอนที่สุนัขคู่ใจของเธอ  เสียไป  เท่านั้นเอง  



    แต่นี่  ถึงแม้ครั้งนี้จะไม่ได้เสียใครไป  แต่หัวใจทั้งดวงของเธอ ถูกดึงและกระชากจากคนที่เธอรักที่สุดไป  



    ฉันพยายามชวนเธอไม่ทำกิจกรรมต่าง ๆ เพื่อให้ลืมเรื่องของคนรักบ้าง  ถึงแม้จะไม่ได้นานนัก



    แต่อย่างน้อยมันก็ยังทำให้ตองได้มีรอยยิ้มที่สดใสบ้าง  ระหว่างสถานการณ์อย่างนี้





                     ยิ่งนานวันที่พี่ฮายด์เปลี่ยนไป  ตองก็เริ่มทำใจได้มากขึ้น  และเมื่อถึงวันสิ้นสุดของทั้งคู่  



    โดยพี่ฮายด์เป็นคนเอ่ยตัดความสัมพันธ์ที่ยั่งยืนเกือบ  6 เดือนนั่น  ตองเพียงเอ่ยขึ้นด้วยเสียงที่ไม่บ่งบอกความรู้สึก  ว่า  เพราะอะไร  



    และทำไม  เพียงแค่นี้  เธอไม่โวยวาย  ไม่กระฟัดกระเฟียด  เหมือนว่าพร้อมที่จะจากไปอย่างเงียบที่สุด  



    และนั่นมันทำให้พี่ฮายด์สบายใจ  แต่เขาหารู้ไม่ว่า  ก่อนหน้านี้เธอเจ็บปวดมากแค่ไหน  เธอเป็นอะไรบ้าง  เขาไม่เคยรับรู้เลย



      เขาไม่เคยรับรู้อะไรนอกจากความสุขของตัวเองกับคนรักเก่าเท่านั้น  





                  ดูว่าเธอเป็นคนที่อ่อนแอและบอบบาง  แต่เวลาที่จะตัดใจจากอะไรแล้ว  ไม่น่าเชื่อว่าเธอจะสามารถทำได้ขนาดนี้  



    และดูว่าเธอเข้มแข็งขึ้นเป็นกอง  หลังจากพี่ฮายด์ไป  ตอง  ยังคงมีคนรักอีกหลายคน  และไม่มีทีท่าว่าจะหยุดกับการกระทำของเธอเลย



      เมื่อเลิกกับคนรักคนเก่า  เพียงไม่กี่สัปดาห์  คนรักคนใหม่ของตอง  ก็โผล่หน้ามาให้ฉันเห็น  ไม่น่าเชื่อจริง ๆ





                 สำหรับตัวฉันเอง  ก็คล้าย ๆ กับตอง  ทุกครั้งที่โทรไปหาเขา  กลับมีเพียงเสียงตอบรับของหมายเลยโทรกลับ



    บางครั้งที่อาจจะเป็นโชคของฉันที่โทรติด  แต่มันอาจจะเป็นโชคร้าย  เมื่อได้รับฟังคำจากปากของเขาที่ว่า  “หลี  พี่ติดธุระอยู่  ไม่ว่าง”  



    เป็นอย่างนี้เสมอ  จนฉันเริ่มท้อกับการโทรไปหาเขา  



              พร้อมกันกับความเปลี่ยนแปลงครั้งยิ่งใหญ่ของตองและเขา  ความเปลี่ยนแปลงของเขาและฉันก็เปลี่ยนไปด้วยเช่นกัน  



      ความพยายามของฉันที่เคยทำมาก็ดูว่าจะสำเร็จด้วยดีโดยที่ฉันไม่ต้องทำอะไรเลย  



    ตอนเช้า  เขาไม่ได้ไปโรงเรียนกับฉันแล้วฉันก็ต้องเดินไปโรงเรียนเอง  ตอนกลางวัน เขาไม่ได้มาหาฉันอีก  



    และฉันก็ต้องกินข้าวที่โรงเรียนคนเดียวแทนที่จะได้นั่งคุยกับเขาไปด้วย  ตอนเย็นตรงที่นั่งใต้ต้นไม้ใหญ่ก็ไม่เหลือแม้เงาของเขาอีกแล้ว  





    ไม่เหลือแม้แต่เศษกระดาษที่เขาเคยพับให้ฉันก่อนกลับบ้านทุก ๆ วัน  โทรศัพท์ที่เคยมีตอนสองทุ่มทุก ๆ วันก็หายไป  



    สวนสาธารณะที่เคยไปด้วยกันก็ไม่มีร่างสูงขาวให้เห็นอีก  ที่จะมีก็มีแต่ตัวฉันเอง  ที่ยังไปที่นั่นทุกวันไปเปลี่ยนแปลง  





    นิทรรศการวันดอกไม้บานเขาก็ไม่เคยชวนฉันไปอีกเลย  และฉันอีกเหมือนกันที่ยังไปที่นั่นทุกครั้งไม่เปลี่ยนไป





                 บ้านหลังใหญ่ใกล้บ้านฉัน  ที่ฉันเคยเข้าออกทุกวัน  ห่างกันเพียงแค่ 4-5 หลัง  แต่ฉันกลับไม่มีโอกาสจะเข้าไป  



    ไม่มีแม้แต่โอกาสจะไปยืนอยู่หน้าบ้านของเขาอีก  และแน่นอนสำหรับกล้วยไม้ของเขาที่บ้านฉัน  คงจะเหี่ยวเฉาตายไปสักวัน  





                     คิดถึงสายตาคู่นั้นที่เคยมองมาและบางครั้งมันก็สื่อถึงอะไรหลาย ๆ อย่าง ให้ฉันได้สุขใจ  



    คิดถึงใบหน้าคล้ายผู้หญิงที่เคยได้มองอยู่ใกล้ ๆ  คิดถึงเสียงทุ้มต่ำที่เคยคลอเคลียอยู่ข้างหู  



    คิดถึงผมนุ่มสลวยดังเช่นสำลีที่เคยได้สัมผัส   จากวันนั้นมา  ทุกอย่างฉันก็คงกลับไปเป็นเหมือนเดิม  เหมือนครั้งที่ฉันยังไม่เคยมีเขา  



    ก็น่าจะสมใจฉัน  เพราะฉันตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนี้ตั้งแต่คราวตองแล้วนี่





                 ทุก ๆ วันที่ไม่มีเขา  ก็เหมือนจะไม่มีฉัน  ทุก ๆ ที่ที่มีเขาก็จะมีฉันอยู่ด้วยเสมอ  แต่บัดนี้  ทุก ๆ ที่ที่มีเขาก็จะไม่มีฉัน  



    และทุก ๆ วันที่ไม่เห็นเขา  แต่จะเห็นฉันในวันนั้น  





               ตอนนี้ฉันได้รับคำตอบสำหรับคำถามของตัวเองแล้วว่า  การที่หัวใจของเราไม่ได้อยู่กับตัวเรามันเป็นยังไง  ความเสียใจที่มีตอนนั้น  



    ก็ยังไม่ถูกลืมไป  ฉันอยากรู้เหลือเกินว่าทำไม  เขาถึงเปลี่ยนไปขนาดนั้น  อยากรู้เหลือเกินว่าทำไม  เพราะอะไร  



    ฉันอยากจะเคลียทุกอย่างให้มันรู้เรื่อง  แต่ฉันก็ไม่สามารถทำได้เหมือนตอง  เพราะก่อนสอบหรือหลังสอบ  





    ฉันก็ยังโทรไปหาเขาไม่ติดเหมือนเดิม  ฉันเพียงแต่อยากให้เขารู้ว่า  ฉันรู้สึกอย่างไร อยากถามเขาว่ารู้ตัวหรือเปล่าว่าทำอะไรลงไป  



    บางครั้งก็พลานอยากให้เขาได้รับรู้รสชาติถึงความเจ็บปวดที่ฉันมีบ้างเท่านั้นเอง    





    “สวัสดีครับ”



    “พี่ฮายด์  หลีนะ”



    “อือ”



    “พี่ฮายด์รู้ไหมว่าพี่เปลี่ยนไปมาก  พี่เปลี่ยนไปมากรู้ไหม”



    “มันไม่ใช่.....”



    “ทำไมล่ะพี่  ทำไมต้องเป็นอย่างนี้  พี่รักเขามากจนขนาดทิ้งตองไปได้เลยเหรอ”



    “หลี  ฟังพี่ก่อนได้....”



    “หลีเกลียดพี่ฮายด์ที่สุด”



                     จนเมื่อความพยายามของฉันสำเร็จ  ฉันโทรหาพี่ฮายด์ติด  และเขาก็ว่าง  ฉันเพียงแค่พูดให้เขาได้รู้ตัว  



    ถึงแม้จะมีคำถามสำหรับเขา  แต่ฉันก็ไม่ต้องการคำตอบอะไรอีก  ในเมื่อการกระทำของเขามันบ่งบอกทุกอย่างแล้ว  อีกอย่าง  



    ถ้าพูดนานกว่านี้  เสียงของฉันคงสั่นให้เขาได้รับรู้ถึงความอ่อนแอที่ฉันมี  





                    ฉันไม่รู้ว่าการที่เขาพยายามโทรมาขอโทษฉัน  โทรมาอธิบายกับฉัน  มันคืออะไรกันแน่  เขาคิดอะไรกัน  



    จากความเจ็บปวดรวดร้าวที่มีในตอนนั้น  มันไม่ได้แปรเปลี่ยนไป  มีแต่ ความโกรธเคืองที่เพิ่มมากขึ้นเท่านั้น  



    คล้ายกับว่าเขารู้สึกตัวว่าเขาทำให้ฉันเสียใจ  จากโทรมาแล้ว  เขาก็ไปทุก ๆ ที่ที่ฉันจะไป  เขาพยายามไปขอโทษฉัน  



    และทุก ๆ ที่ที่เขาไป  จะมีกระดาษที่เขียนคำติเตียน  ตัดพ้อต่อว่าเขาจากฉัน  เวลาที่มีโทรศัพท์จากเขา  ฉันจะรับ  และวางลงทันที





    ครั้งหนึ่งที่เขาโทรหาฉันสำเร็จ



    “สวัสดีค่ะ”



                 “หลีเหรอ  อย่าเพิ่งวาง  ฟังพี่พูดก่อนได้ไหม”  เขารีบพูดประโยคนั้นออกมา  กลัวว่าฉันจะวางเสียก่อนที่เขาจะพูดจบ



    เป็นครั้งแรกที่ฉันรอฟังคำอธิบายจากเขา  



    “หลีฟังพี่นะ”



    “อือ”



    “พี่ขอโทษ  หลีจะไม่โกรธพี่ได้ไหม  ไม่สิ  พี่รู้ว่าหลีโกรธพี่มาก  หลีไม่ต้องหายโกรธพี่ก็ได้  แต่หลีอย่าเกลียดพี่เลยนะ นะหลี”



    “พี่รู้ว่าพี่ผิด  พี่แค่อยากขอโทษ  สิ่งที่พี่ทำไป  พี่ไม่สามารถจะย้อนอดีตกลับไปแก้มันได้ หลีอย่าเกลียด…..”



    “ไหนเคยบอกกับหลีล่ะ  ว่าพี่ฮายด์จะเดินกลับบ้านกับหลีตลอดไป”



    “แล้วที่พี่บอกกับหลีล่ะ  ว่าพี่จะเป็นเพื่อนกับหลี ไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้นเราจะเป็นอย่างนี้ตลอดไป”



    “ไหนล่ะที่พี่เคยบอกหลี  ว่าพี่รักหลี”



    “พี่ฮายด์พูดทุกอย่างให้หลีมีความหวัง  ให้หลีไว้ใจพี่ฮายด์  ให้หลีคิดว่าพี่จะไม่มีวันทิ้งหลีไป  แล้วทำไมล่ะ  แค่ขนาดเพื่อนหลี



    พี่ฮายด์ยังหักหลังได้ขนาดนั้น  ทำไม  หลีไม่เข้าใจ”  ฉันใส่อารมณ์กับเขาเต็มที่



    จนทำให้คนฟังอีกด้านหนึ่งรับรู้ถึงความอ่อนแอของฉันจากเสียงที่สั่นคลอน



    “หลี  หลีอย่าร้องไห้สิ  หลีอยากให้พี่.....”



    “มันไม่เกี่ยวกับพี่ฮายด์สักนิด  ไม่ต้องมายุ่ง  ไม่ต้องมายุ่งกับหลี หลีเกลียดพี่ฮายด์ที่สุด”  แล้วก็เป็นอีกครั้งที่ฉันวางสายไป  



                  ฉันตัดสินใจเดินออกจากบ้านไป  กลัวเหลือเกินที่จะต้องประทะกับเขาตรง ๆ  กลัวจะเจอหน้าเขา  และที่สำคัญ  



    ฉันกลัวใจตัวเอง  กลัวว่ามันจะต้องเจ็บปวดไปมากกว่านี้



               และคิดว่าครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย  ที่ฉันจะไปกับสถานที่ของเรา



    ฉันวิ่งไปที่สวนสาธารณะอันเป็นที่ที่ฉันกับเขาชอบมานั่งเล่นกันบ่อย ๆ ตอนนี้มันยังคงเป็นสวนสาธารณะแห่งเดิม  



    ที่มีร่มเงาจากต้นไม้เขียวขจีเหมือนเดิม  บรรยากาศเดิม ๆ ยังคงไม่เปลี่ยนไป  แต่จากนี้มันจะไม่เหมือนเดิมอีกแล้วสำหรับตัวฉัน





                จากนั้นฉันก็ไปร้านกล้วยไม้ที่เขาชอบไปซื้อมันบ่อย ๆ  มันยังคงมีกล้วยไม้พันธุ์ต่าง ๆ ที่ดูแปลกเสมอ  คนขายยังเป็นคนเดิม  



    บรรยากาศก็เหมือน ๆ เดิม  แต่คนที่ไม่เหมือนเดิมคนอย่างเขา



           ในที่สุดฉันก็ไปหยุดอยู่ที่โรงเรียน  สถานที่ที่มีความทรงจำระหว่างเรามากที่สุด  ไปที่ที่เราสองคนเคยไปกินข้าวกลางวันด้วยกัน  



    และแน่นอน  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  มีเพียงเขาที่ไม่เหมือนเดิมเท่านั้นเอง  และที่สุดท้ายที่ฉันเดินไปก็อยู่ที่ใต้ต้นไม้ใหญ่นั่น



    ที่ที่ฉันกับเขาเคยเล่นกันก่อนกลับบ้านทุก ๆ วัน  ที่ที่ฉันชอบมานั่งบ่อย ๆ  เช่นกัน  ทุกอย่างยังคงเหมือนเดิม  



    เว้นเสียแต่ ความรู้สึกของคนบางคน





                ฉันนั่งที่นี่อยู่นาน  พับกระดาษเล่นไปเรื่อย ๆ พยายามยิ้มให้กับอดีตที่เพิ่งผ่านไปไม่นาน  พยายามยิ้มให้กับตัวเอง  



    และพยายามที่จะยิ้มให้กับภาพของเขาที่ปรากฏอยู่ในใจ  แต่ความพยายามนั้นก็จบลง  เมื่อฉันได้เห็นหยดน้ำใส ๆ ที่กระดาษในมือของฉัน  



    เกิดคำถามกับตัวเองมากมาย  ความคิดที่ว่า  ฉันจะไม่ยอมปล่อยคนที่ฉันรักให้จากไปนั้น  หายไปแล้วหรือ ทำไมฉันถึงต้องโกรธเขา  



    เพราะเขารักแฟนเก่าของเขางั้นหรือ  เพราะเสียใจแทนเพื่อนฉันงั้นใช่ไหม หรือว่าเพราะเขาเปลี่ยนไปกันแน่  





    ยิ่งคิดความรู้สึกที่มีในใจกลับตีกันมากมาย  ทำให้น้ำตาที่ไหลอยู่แล้ว  เพิ่มขึ้นอีก



    ขนาดแฟนของเขาเองยังไม่เป็นขนาดฉัน  แล้วฉันล่ะ  เป็นใครที่ต้องมาเป็นแบบนี้







               “หลี  หลีพี่ขอโทษ” เสียงคุ้นเคยของคนที่ฉันรักเอ่ยขึ้น  



             “หลีร้องไห้ทำไม”  เขาพูดเมื่อเห็นใบหน้าของฉันเต็มไปด้วยน้ำตา  และมันก็ยิ่งเพิ่มขึ้นเมื่อฉันเห็นหน้าเขา  



    ฉันไม่ได้ตอบเขาไปว่าทำไม  ก็จะให้ตอบว่าอะไร  ในเมื่อเขาก็น่าจะรู้อยู่แก่ใจ ทั้ง ๆ ที่เขาเปลี่ยนไปขนาดนั้นเขาไม่รู้ตัวเลยเหรอ



    “หลี  บอกพี่มาสิว่าจะให้พี่ทำยังไง”



               ฉันกลั้นใจเอ่ยต่อไป  โดยที่น้ำตายังไม่มีทีท่าว่าจะหยุดไหล  แต่ก็ได้พบว่ายิ่งพูดน้ำตาก็ยังยิ่งเพิ่มมากขึ้น



              “พี่บอกว่าจะเดินกลับบ้านพร้อมหลีตลอดไป  พี่ฮายด์บอกว่าจะเป็นเพื่อนกับหลี  ไม่ว่าวันนั้นจะเป็นยังไงพี่จะเป็นเพื่อนกับหลี



    ตลอดไป  พี่ฮายด์บอกว่าพี่จะไม่ทิ้งหลีไปไหน  พี่บอกว่าพี่รักหลี  แต่ตอนนี้พี่กลับเปลี่ยนไป  พี่รู้ไหม  ทุก ๆวันที่พี่ไปกับพี่มายด์นั่น  



    หลีต้องเดินไปโรงเรียนคนเดียวทุกวัน  หลีต้องนั่งกินข้าวคนเดียว  หลีต้องเดินกลับบ้านคนเดียว  พอหลีโทรไปหาพี่ พี่ก็ไม่เคยว่างตลอด  



    หลีรู้ว่าพี่รักเขามาก  แต่พี่รู้ไหม ความรักของพี่ที่มีให้กับเขา  มันทำให้หลีเจ็บแค่ไหน พี่รู้ไหมว่าหลีรักพี่มาก  รักมาก  



    หลีต้องทนเจ็บทุกครั้งที่เห็นพี่ไปกับตอง  เจ็บทุกครั้งที่เห็นคนที่หลีรักทั้งสองคนอยู่ด้วยกัน  แต่เป็นเพราะที่หลีรักพี่ฮายด์กับตองมาก



    หลีก็เลยอยากให้ทั้งสองคนมีความสุข  แต่พี่กลับตอบแทนด้วยการทิ้งตองไป  กลับตอบแทนด้วยการไปรักคนอื่น  ใช่นี่  



    หลีจะมีความสำคัญอะไร  ในเมื่อหลีก็เป็นแค่เพื่อนบ้าน  ไม่ใช่คนรัก  ไม่ใช่คนที่พี่แคร์  หลีไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับพี่เลย”  





               เว้นระยะอยู่นาน  ไม่มีเสียงอะไรเล็ดลอดออกมา  เขาคงจะตกใจอยู่ไม่น้อย  อาจไม่เชื่อว่าฉันสามารถพูดได้ถึงขนาดนี้



    ฉันพยายามสงบสติอารมณ์ก่อนที่จะพูดต่อ



                “หลีจะพูดครั้งนี้เป็นครั้งสุดท้าย  พี่ฮายด์ไม่ต้องพูดอะไรทั้งนั้น  ฟังหลีให้จบ  แล้วหลีจะรีบออกไปให้เร็วที่สุด  



    หลีจะรีบออกไปจากชีวิตพี่ฮายด์แน่นอน  พี่ไม่ต้องห่วง  ต่อไปนี้  หลีจะพยายามทำเป็นไม่รู้จักพี่ฮายด์ให้ได้  หลีจะลืมทุก ๆ อย่าง



    ทุก ๆ สิ่งระหว่างเราให้หมด  หลีจะไม่เสียใจอีกเมื่อพี่ฮายด์เปลี่ยนไป  หรือพี่ฮายด์จะไปรักใคร  ต่อไปนี้พี่ฮายด์จะทำอะไร  



    หลีจะไม่มา

    รบกวนอีกแล้ว  หลีจะไม่บังคับ  ไม่จู้จี้  หลีจะไม่ไปยุ่งเกี่ยวกับชีวิตพี่อีก  ขอให้พี่ฮายด์สบายใจได้ ต่อไปนี้  เดหลีคนนี้



    จะไม่มีตัวตนอยู่ในชีวิตพี่ฮายด์อีกต่อไป”  ยิ่งพูด น้ำตาของฉันก็ยิ่งไหลออกมาอย่างมากมาย  มากจนไม่สามารถกลั้นเสียงสะอื้นได้  



    ความจริงความคิดฉันตอนนี้อยากจะวิ่งหนีออกไป  วิ่งไปไหนก็ได้ที่ไม่มีเขา  แต่ตอนนี้ขาฉันมันไม่มีแรงเลยสักนิด



    ที่ฉันทำได้ตอนนี้ก็แค่ฟุบหน้าลงกับโต๊ะหินอ่อน  เพื่อไม่ให้เขาเห็นน้ำตาของฉันไปมากกว่านี้    คำพูดเมื่อครู่ที่บอกว่า  ฉันจะลืมเขา  



    ฉันจะไม่เสียใจ  ฉันจะออกไปจากชีวิตเขา  ความจริง  ฉันคิดว่าฉันทำมันไม่ได้เลยสักข้อ  ฉันรู้ดีว่าฉันไม่อาจลืมเขาได้  



    ไม่อาจจะเอาเขาออกไปจากชีวิตฉันได้  ฉันไม่อาจจะทำอะไรได้เลย  กี่ครั้งแล้วที่ฉันคิดจะทำให้ฉันลืมเขา



    แต่ฉันก็ทำมันไม่สำเร็จเลยสักครั้ง  เมื่อเขาเปลี่ยนไป แทนที่ฉันจะดีใจ  แต่ฉันกลับเสียใจ  



    และเสียใจมาก ๆ  ตอนนี้ฉันไม่รู้ว่าฉันจะควรทำอะไร  ควรอยู่ที่ไหน  ควรพูดอะไร  สิ่งที่ฉันรู้ตอนนี้  ฉันรู้แค่เพียงว่า  



    ฉันอยากจะเป็นเหมือนเดิม  เป็นเหมือนเมื่อก่อนที่ฉันกับเขายังสนิทกัน  อยากให้เรากลับไปเป็นเหมือนเมื่อวาน  วันที่เขายังแคร์ฉัน



    เขายังเป็นห่วงฉัน  วันที่เขายังรักฉัน  



                \'เพียงแค่ทำให้หลีได้ยินคำว่ารักออกจาปากพี่ฮายด์อีกสักครั้ง เพียงแค่นี้  แล้วหลีจะเป็นเหมือนเดิมอีกครั้ง  แต่มันก็คงเป็นไปไม่ได้  หลีรู้ดีพี่ฮายด์  ช่างมันเถอะ  หลีจะพยายามตัดใจ\'





                        “หลี  หลีฟังพี่พูดนะ  ครั้งนี้จะเป็นครั้งสุดท้ายจริง ๆ พี่รู้ว่าหลีเสียใจ  และพี่เองก็เสียใจไม่แพ้หลีเลย  



    ครั้งนั้นที่มายด์บอกเลิกกับพี่  หลีรู้ไหมว่าเพราะอะไร  เพราะคนรักใหม่ของมายด์ขู่มายด์ว่าถ้ามายด์ไม่เลิกกับพี่  



    คนรักของมายด์จะทำร้ายพี่  เขาจึงขอเลิก  เลิกทั้ง ๆ ที่ใจเขายังมีให้พี่  เลิกเพราะเห็นแก่พี่  ตอนนั้นพี่ก็รักมายด์มาก  



    มายด์เป็นคนแรกของพี่  พอเลิกกันพี่จึงเสียใจมาก  เมื่อเจอกับตอง พี่ก็คิดว่าพี่ลืมมายด์ได้แล้ว  พี่จึงหันมาคบกับตอง  



    แต่เมื่อมายด์กลับมาอีกครั้ง  เขามาบอกความจริงทุกอย่าง  มันทำให้พี่รู้ว่าตลอดเวลานั้นพี่ไม่สามารถลืมเขาได้เลย  หลีเข้าใจพี่บ้างนะ



    พี่รู้ว่าหลีรักพี่ หลีก็ยังเป็นน้องของพี่อยู่ไง ไม่ได้มีอะไรเปลี่ยน  หลีลองคิดดูสิ  ถ้าหลีเป็นพี่  หลีจะทำยังไง  



    ในเมื่อในใจของหลีมีแต่คน ๆ นั้น  แล้วเมื่อเขาคนนั้นกลับมาอีกครั้ง หลีจะทนอยู่ได้หรือ”



        “หลีไม่เคยรักใคร  หลีไม่รู้หรอก  หลีก็แค่คน ๆ นึง  คนที่ไม่เคยรักใครเท่ารักตัวเอง  หลีมันก็แค่คนเห็นแก่ตัวคนนึง  



    หลีจะเข้าใจอะไรพี่ฮายด์ได้  พี่ฮายด์ไปเถอะ  ไปหาคนที่พี่รักเขาและเขาก็รักพี่  ไปสิ  ไม่ต้องมาสนใจหลีหรอก  



    หลีมันไม่ได้เป็นอะไรมาก  ไม่เป็นอะไรมากจริง ๆ”



            ฉันเดินจากเขาออกมา  โดยไม่โวยวายอะไร  ไม่พูดอะไรอีก  ไม่มีอะไรนอกจากน้ำตาที่มันยังนองเต็มหน้า  



    และก็ยังไม่มีทีท่าว่ามันจะหยุดไหลได้เลย   ฉันเดินมาตามทางเรื่อย ๆ  เดินมาตามเส้นทางที่ฉันใช้มันเดินมาตลอดเวลา 1 ปี



      กับคน ๆ หนึ่งที่เป็นส่วนหนึ่งของชีวิตฉัน ไม่เป็นไรหรอก  แค่วันนี้ฉันต้องเดินกลับบ้านคนเดียว  



    ฉันไม่เป็นไรจริง ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา  3 ปี ฉันก็เดินคนเดียวมาตลอดโดยไม่มีใคร  เขาก็แค่เข้ามาเดินด้วยเท่านั้น  



    ต่อไป ฉันก็แค่กลับไปเป็นเหมือนเดิม   ไม่เห็นจะเป็นอะไรเลย  ก็แค่เดินคนเดียว







        ฉันรู้ว่าตลอดทางมามีคนเดินฉันตามมาด้วย  ฉันคิดว่าน่าจะเป็นเขา



    และถ้าไม่ใช่เขาจะมีใครอีกล่ะที่เดินตามฉันมาได้นานขนาดนี้  ไม่ใช่เขาแล้วจะเป็นใคร  เขาเดินตามฉันมาจากที่โรงเรียน  



    ตอนนี้ตะวันก็ได้จากฟ้าไปแล้ว  เขาก็ยังไม่หยุดเดินตามฉันมา  เขาไปทุก ๆ ที่ที่ฉันเดินไป  เมื่อฉันหยุดในที่ที่เราเคยมาดูดาวด้วยกัน



    เขาก็หยุดเป็นเพื่อนฉันเหมือนกัน  เมื่อใกล้ถึงบ้าน  เขาก็ยังไม่หยุดเดินตามมา  ฉันตัดสินใจหันกลับไป  แต่ก็ต้องตกใจ



      เพราะเขาคนนั้นที่เดินตามฉันมา ไม่ใช่พี่ฮายด์





        “แกเป็นใคร  ต้องการอะไร”  ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่น  เพราะความกลัวที่มันรุกล้ำเข้ามาในใจ  



    คนแปลกหน้าคนนั้นไม่ได้พูดอะไร  ที่ฉันเห็น  เขาไม่ได้มีอะไรติดตัวมาด้วยนอกจากไม้หน้าสามเท่านั้น    



    และคนแปลกหน้าคนนี้ก็ไม่ได้พูดพร่ำทำเพลง  เขามาฉุดกระเป๋าเป้ไปจากฉัน  แต่คนอย่างฉันไม่ใช่ง่าย ๆ ที่จะปล่อยไป



    มันก็เลยใช้อาวุธที่มีให้เป็นประโยชน์  ก่อนที่ไม้หน้าสามนั่นจะมาถึงตัวฉัน  ฉันก็เตะมันไปได้เสียก่อน  ฉันคงประเมินค่าไอ้โจรคนนี้ต่ำไป



    หลังจากที่มันไม่ได้กระเป๋าเป้ไปจากฉันแล้ว มันก็มีพวกมาอีก 2 คน และเข้ามาจะทำร้ายฉัน  สามต่อหนึ่ง  แล้วคนอย่างฉันจะสู้ได้อย่างไร



      ที่เห็น  มันมีคัตเตอร์ และมีดมาอีกด้วย  ฉันคิดว่าถ้าอยู่ต่อไปคงสู้กับพวกมันไม่ได้แน่นอน  





                 และฉันกำลังจะหนี แต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว  เมื่อมีอยู่สามทางที่จะหนีไปได้ และพวกมันก็มีอยู่สามคน  ที่มาปิดทางหนีของฉัน



    พวกมันใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ  ฉันไม่รู้ว่าจะทำอย่างไร ที่ดีกว่าการจะสู้กับพวกมันตอนนี้ ก็ฉันหนีไม่ได้แล้วนี่  



    พวกมันเห็นว่าฉันคิดสู้มันก็เอาคัตเตอร์กรีดเสื้อฉัน เหมือนเป็นการขู่เบื้องต้น แต่เบื้องต้นของพวกมันก็ทำฉันกลัวไปหมดแล้ว  



    เสื้อผ้าฉันขาดยุ่ยไปหมด  สภาพฉันตอนนี้จึงเหมือนสุนัขถูกรุมไม่มีผิด  ในที่สุดฉันก็ตัดสินใจวิ่งหนี  



    ตอนแรกฉันคิดว่าคงหนีไม่ได้เพราะมันปิดกั้นทางทั้งสามไว้หมด แต่ตอนนี้มันไม่มีทางเลือกอะไรเลย พวกมันเล่นขู่กันแบบนี้นี่นา  



               และทางเลือกทางสุดท้ายของฉันก็พบจุดจบ  เมื่อฉันไม่สามารถวิ่งหนีคนอย่างพวกมันได้  



    ก็อย่างพวกมันขนาดนักวิ่งโอลิมปิคยังต้องยกมือไหว้เลย  แล้วคนอย่างฉันล่ะ จะเหลือหรือ



      เมื่อพวกมันจับตัวฉันได้ก็คิดจะใช้อาวุธที่พวกมันมีทำร้ายฉัน คนหนึ่งจับตัวฉันไว้  และอีกสองรอเข้าคิวทำร้ายฉัน



    แต่ฉันก็ยังพอมีสติจึงเตะมีดกับคัตเตอร์ออกจากมือพวกมันไปได้  ก็รอดไปสำหรับการตายกับมีดและคัตเตอร์  ที่จะตายในตอนนี้  



    ก็คงเป็นไปได้แค่  ‘ตายทั้งเป็น’  



                 เหมือนความคิดฉันจะถูกต้อง  เมื่อเห็นว่าพวกนั้นกำลังจะถอดเสื้อของฉันออก  



    ตอนนี้ฉันคงใช้อะไรไม่ได้นอกจากวิชาที่เคยเรียนมาเท่านั้น  ฉันก็เตะมันไปตรงจุดสำคัญที่สุดของมัน  รู้สึกภูมิใจนิด ๆ ที่มันจุกไปเลย



    แต่ก็ต้องเสียใจอีกครั้งที่มันยังเหลืออีกสอง  เมื่อกี้มันก็คงยังถนุถนอมฉันบ้าง  แต่พอมันเห็นว่าฉันมีปัญญาสู้



    ถึงแม้นิด ๆ หน่อย ๆก็ตาม  คราวนี้ฉันก็คงไม่รอดแน่นอน  



        “โอ๊ย!!!!!!”  ฉันร้องออกมาด้วยความจุกและเจ็บเมื่อมันนำหมัดอัดเข้ามาที่หน้าท้องซึ่งเป็นจุดอ่อนของผู้หญิงทุกคนเต็ม ๆ



      และแน่นอน  วิชาที่ฉันเรียนมาก็คงไม่มีประโยชน์แล้ว  ในเมื่อตอนนี้  ฉันทำอะไรพวกมันไม่ได้เลย



        และวินาทีนั้นเอง  เหมือนมีพระเอกมาช่วยฉัน  เมื่อฉันนึกออกมาได้ว่าฉันยังมีสองนิ้วที่ยังเป็นประโยชน์



    ก็ใช้สองนิ้วอันแข็งแรงที่สุดในตัวฉัน  จิ้มลงไปที่ตาของพวกมันทั้งสองคน  แล้วก็วิ่งกระโผลก กระเผลกออกจากที่นั่นมา  



    ไปได้ไม่ถึงไหน  ก็มีอัศวินขี่ม้าขาวมาช่วยฉัน  พร้อม ๆ กับปีศาจร้ายทั้งสามตัวนั่น  





                   เมื่อเห็นสภาพฉันตอนนี้ดูว่าพี่ฮายด์จะตกใจมาก  และก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเมื่อเห็นปีศาจทั้งสามตัว  



    ตอนแรกคิดว่าพี่ฮายด์จะไปต่อยกับมันให้เหมือนพระเอกในหนัง  แต่ก็ต้องผิดคาด  เมื่อพี่ฮายด์ชวนฉันวิ่งหนี  



    ฉันรู้สึกอยากหัวเราะออกมาเหมือนกัน แต่ความเจ็บและจุกตอนนี้มันทำให้ฉันขำไม่ออก



    รู้สึกว่าเราทั้งสองต้องสวมวิญญาณนักวิ่งสี่คูณร้อยเมตร  ความจริงถ้าตอนนี้ไอ้พวกนั้นมันไม่ได้บาดเจ็บอะไร  



    นักวิ่งสี่คูณร้อยเมตรอย่างฉันและพี่ฮายด์คงต้องหลีกทางให้  เมื่อนักวิ่งระดับโอลิมปิคอย่างพวกมันมาเอง  



    ว่าไปคนที่หนักที่สุดก็คงเป็นฉันแหละนะ เพราะยังจุกไม่หายเลย  ที่วิ่งมาได้นี่ก็ไม่รู้ว่าเป็นปฏิหารย์หรือว่าอัศจรรย์กันแน่  



    ก็ตอนนั้นฉันเล่นลืมความเจ็บไปเลย





                   เขาและฉันรีบวิ่งจากจุดเกิดเหตุและวิ่งต่อเนื่องมายังบ้านของเขา  ทำไมไม่กลับบ้านฉันล่ะ  คำถามนี้เกิดขึ้นในใจ  



    เมื่อถึงหน้าบ้านฉัน และฉันก็กำลังจะเข้าบ้าน แต่เขาก็ฉุดมือฉันให้วิ่งต่อไปยังบ้านของเขา  



    ฉันก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมเขาต้องพาฉันไปบ้านเขา สงสัยคงเพราะเขาไม่อยากให้คนที่บ้านเป็นห่วงมากเกินเหตุ



    ถ้าเราไปบอกกับพวกผู้ใหญ่ตอนเรื่องมันไม่ร้ายแรงแล้วคงดีกว่า  เมื่อฉันถามและคิดคำตอบเองได้แล้ว  



    ก็หันมาสนใจคนที่วิ่งข้าง ๆ ฉันที่ตอนนี้มือของเขายังกำมือเล็กของฉันแน่นตั้งแต่ตอนนั้นถึงตอนนี้  เขายังไม่ปล่อยฉันเลย  





                   เราทั้งสองคนเข้ามาอยู่ในห้องนอนของเขาแล้ว   พี่ฮายด์ให้ฉันนั่งลงตรงที่เตียงใหญ่หนานุ่มเตียงนี้  และเขาก็มานั่งข้าง ๆ ฉัน



    เมื่อฉันได้มองหน้าเขาอีกครั้ง  ก็เหมือนความเสียใจตอนนั้น  ตอนที่ฉันเดินจากเขามา  ความตกใจระคนหวาดกลัวกับไอ้พวกโจรนั่น  



    ที่มันจะเข้ามา ‘ทำร้าย’ฉัน ความรู้สึกที่เมื่อกี้ถูกลืมไปก็ผุดขึ้นมาในความรู้สึก  เหมือนว่าความรู้สึกทั้งหมด ที่เกิดขึ้นเมื่อกี้  



    ความรู้สึกเสียใจ  ตกใจ  เขามาตีกันยุ่งเหยิงไปหมดในใจ   ไม่ต้องพูดอะไรก็เหมือนว่าพี่ฮายด์รู้  รู้ว่าฉันรู้สึกอย่างไร  



    แขนทั้งสองข้างของเขาก็เปิดอ้า  คล้ายกับว่าเขาพร้อมจะเป็นคนปลอบโยนฉันเอง  เมื่อฉันต้องเสียใจหรือต้องเป็นอะไรไป



      เขาพร้อมที่จะเป็นเพื่อนฉันตลอดไป





               “พี่ฮายด์”  ฉันเอ่ยขึ้นด้วยเสียงสั่นสะท้านไปทั้งตัวและหัวใจ และผวาเข้าไปในอ้อมกอดของเขา  





    ฉันได้แต่ร้องไห้เพราะความรู้สึกและเหตุการณ์มากมายที่เกิดกับตัวฉันเมื่อกี้นี้มันประดังเข้ามาในใจ  พี่ฮายด์กระชับอ้อมกอดมากขึ้นอีก



    เมื่อตัวฉันสั่นคลอนด้วยเสียงสะอื้น ที่ไม่สามารถกลั้นไว้ได้  



             “หลี  ใจเย็น ๆ”  เสียงเขาช่างนุ่มนวลและอ่อนโยนเหลือเกิน  แต่กระนั้นมันก็ยิ่งสร้างน้ำตาของฉันให้ไหลเพิ่มขึ้นอีก



             “ไม่เป็นไร  พี่อยู่นี่ไง”  ประโยคนี้เหมือนกัน  ที่มันอ่อนโยน  แต่มันก็ทำให้เสียงสะอื้นและการร้องไห้ของฉัน  หนักเพิ่มขึ้น

      

    เมื่อเห็นว่ายิ่งพูด ฉันก็ยิ่งร้องหนักเข้าไปอีก  เขาจึงหยุดพูดและกระชับอ้อมกอดไว้อย่างนั้น เป็นเวลานาน





              ความหวาดกลัวที่มีในตอนนั้นก็ได้หมดสิ้นไปกับอ้อมแขนอันอบอุ่นของเขา  ความตกใจของฉันได้หายไปหมด



    เมื่อได้เห็นหน้าเขา  ความเสียใจของฉันก็มลายหายไปกับคำของเขาที่ว่า



                “พี่รักหลีนะ”  แค่คำนี้คำเดียว  ความรู้สึกที่มีกลับหายไปหมดสิ้น  ความรู้สึกที่เข้ามาแทนที่คือความปลื้มใจ



      แค่มีเขาฉันก็ไม่กลัวอะไรอีกแล้ว





               เหมือนว่านานแสนนานที่ฉันอยู่ในอ้อมแขนอันอบอุ่นของร่างสูงบางคนนี้  เมื่อเขาเห็นว่าฉันเริ่มตั้งสติได้  



    เสียงร้องไห้และเสียงสะอื้นของฉันเริ่มซาลง  เขาก็จับแขนทั้งสองข้างของฉันและมองมาที่ตัวฉัน



                       “หลีไม่ต้องกลัวนะ  เรายังมีพี่อยู่เป็นเพื่อนเสมอ  ไม่ว่าหลีจะเป็นยังไง พี่จะอยู่เป็นเพื่อนหลีเอง  พี่รู้  



    ว่าสิ่งที่สำคัญที่สุดของผู้หญิงคืออะไร  และก็เข้าใจความรู้สึกดีว่าเมื่อเราต้องสูญเสียสิ่งสำคัญนั้นไปมันจะเสียใจแค่ไหน



    หลีไม่ต้องกลัวนะ  ตั้งสติดี ๆ  หลียังมีพี่อยู่นะ  ไม่ว่าวันนี้หลีจะเป็นคนยังไง  จะเสียอะไรไป



    หรือหลีจะเป็นคนที่เลวร้ายที่สุดในสายตาคนอื่น  สำหรับพี่หลีจะเป็นน้องของพี่เสมอนะ หลี จำไว้”  



               ฉันคิดว่าเขาคงเข้าใจว่า  ฉันโดนไอ้โจรนั่น ‘ทำร้าย’ เอาเสียแล้ว  ก็สภาพฉันตอนนี้มันให้เลยนะ  ดูสิ  กางเกงน่ะไม่เท่าไหร่หรอก



    แค่เลอะเปื้อนดินโคลนนิดหน่อยเท่านั้น  แต่เสื้อฉันสิ มันขาดเข้าไปไหนถึงไหนแล้ว  เป็นเวรของฉันที่ไม่ได้ใส่เสื้อทรับไว้ด้วย



    เมื่อนึกขึ้นได้  ฉันก็รีบเอาเศษเสื้อผ้าที่เหลือปิดในส่วนที่สำคัญ ๆ ไว้  ฉันก็อายเป็นเหมือนกันนะ





                วันนี้ฉันได้พบกับความเสียใจที่สุดและก็ได้พบความสุขที่สุดในวันเดียวกัน  ฉันเลือกที่จะลืมความรู้สึกแรกและเก็บความรู้สึกที่สองไว้ในใจตลอดไป



    ตอนนี้ฉันดีใจมาก  ฉันสามารถที่จะยิ้มให้เขาเหมือนเดิมได้  ฉันสามารถลืมความเสียใจได้  



    และฉันก็มั่นใจว่าเราทั้งสองจะเป็นเหมือนเดิมได้อีกครั้ง  



    พี่ฮายด์ทำหน้างง  ๆ เมื่อเห็นใบหน้าของฉันมีรอยยิ้มแต่งแต้ม  



    “หลี  มีอะไรที่พี่ยังไม่รู้หรือเปล่า”  เสียงเขาดูกังวลและไม่แน่ใจ



    “มีสิ”  ฉันตอบกลับเขาไป  ด้วยเสียงที่เป็นฉันเหมือนเมื่อก่อนที่คุยกับเขา



    “ก็ตอนเย็นที่หลีเดินออกมาจากที่นั่น............”  ฉันเล่าทุก ๆ อย่างที่เกิดขึ้นกับฉันในเหตุการณ์นี้  เมื่อรับรู้ว่าฉันไม่ได้โดนทำร้าย  



    และไม่ได้เสียอะไรไปอย่างที่เขาคิด  ก็ดูว่าความกังวลที่มีอย่างมากมายได้หมดไป



    “ความจริงน้องของพี่มันก็หุ่นดีเหมือนกันน้า”  อยู่ ๆ เขาก็เอ่ยประโยคนี้ขึ้นโดยที่ฉันไม่ทันตั้งตัว  ก็งงๆ อยู่เหมือนกัน



    “ไอ้พี่ฮายด์บ้า  ทะลึ่ง  ลามกที่สุด”  ฉันดุเขาเมื่อหายงงกับคำพูดของเขา  และได้รับคำตอบว่าทำไมเขาถึงพูดประโยคเมื่อกี้ออกมา  



    ไม่ใช่อะไรหรอกก็สายตาเขามันมาจ้องที่ที่ไม่ควรจะจ้องน่ะสิ





                     เฮ้อ  สิ่งร้าย ๆ ก็ผ่านไปหมดแล้ว  ตอนนี้ฉันอยากจะเป็นแบบนี้ อยากจะเป็นเหมือนเดิมกับพี่ฮายด์แบบนี้ตลอดไป



    หรือไม่ก็ให้เราสองคนเป็นแบบนี้นานที่สุดก็พอ  ฉันรู้ดี  ว่าเขารู้สึกกับฉันแค่น้องเท่านั้น  



    แต่ก็ยังดีกว่าเขาจะจากฉันไปแบบที่ไม่มีวันกลับมาไม่ใช่เหรอ  





    แม่คะ  หลีมีความสุขที่สุดในโลกเลยค่ะ





    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×