ก่อนจะถลำไปกว่านี้ - ก่อนจะถลำไปกว่านี้ นิยาย ก่อนจะถลำไปกว่านี้ : Dek-D.com - Writer

    ก่อนจะถลำไปกว่านี้

    เขาเป็นเพื่อนสนิทคนหนึ่งของผม ในสมัยเรียนมัธยม การทดลองยาเสพติด ทำให้เขาติดจนยากที่จะเลิก ดีที่พี่ชายกับเตี่ย พาไปบำบัด และเขาสามารถเลิกได้ โดยไม่หวนกลับไปเสพอีก

    ผู้เข้าชมรวม

    61

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    61

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  15 ก.พ. 67 / 04:44 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                              ก่อนจะถลำลึกไปกว่านี้

       ไทด์ เป็นเพื่อนเรียนกับผม ตั้งแต่ชั้นอนุบาล(ป.มูล)  ที่โรงเรียนเอกชนเก่าแก่แห่งหนึ่ง ซึ่งต่อมาอีกประมาณ 5ปี ก็ต้องยุบตัวเองลง เพราะขาดทุน เนื่องจากมีโรงเรียนเอกชนคู่แข่งขันมากแห่ง  ในครอบครัวของผม มีผมเพียงคนเดียวเท่านั้น ที่มีโอกาสได้เรียนที่โรงเรียนแสงจิตต์พิทยา  เป็นเพราะแม่คงทนความรำคาญ ที่ผมรบเร้าเพราะอยากไปโรงเรียนตามเพื่อนที่อยู่ห้องพักติดกันไม่ได้ 

    “แม่. ไอ้เล็ก มันได้ไปโรงเรียน น่ะ ขอให้หนูได้ไปโรงเรียนบ้าง ”ผมพูดกับแม่ 

    “รอเทอมหน้าดีกว่า แม่ยังไม่พร้อม รอเก็บเงินค่าเทอมก่อน” แม่พูด

    “ไม่ต้องรอหรอกแม่  ไปเลยวันนี้  ”

             แม่แกล้งทำเป็นนิ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้  ไอ้เล็กแต่งชุดนักเรียน สวมรองเท้า พลางหยิบกระเป๋านักเรียนสะพายไว้ด้านหลัง  ส่งมือบายๆ มาให้ผม  นี่ยิ่งกระตุ้นให้ผม มีความอยากที่จะไปโรงเรียนมากขึ้นๆ  ผมมองเขาด้วยความอิจฉา  ในห้องแถวที่ผมอยู่ คงมีผมคนเดียวในเวลานั้น ที่ยังไม่ได้เข้าเรียน ทั้งๆที่วัยของเราก็ไล่เลี่ยกัน เมื่อแม่เงียบเฉยก้มหน้าก้มตาร่อนแป้งสาลีตราว่าวที่สั่งจากร้านเซียมฮั้ว ผมมองไอ้เล็กแทบจะไม่คาดสายตาเมื่อถึงหัวมุมบ้านพี่อ๊อฟไอ้เล็กยังหันมามองผมอีกครั้งเพื่อยั่วยวนกิเลส ความอยากมาโรงเรียน  ขณะแม่ยังเพลินๆกับการผสมแป้งเพื่อทำซาลาเปา ผมก็ย่องออกนอกบ้าน วิ่งตามไอ้เล็กโดยทันที

      “รอกู ด้วย  โว้ยไอ้เล็ก”  ผมพูด  ไอ้เล็กหันมามองผม พร้อมรอยยิ้ม  เขาเดินช้าลง 

     “ไป๊ . ไปโรงเรียนด้วยกัน” ไอ้เล็กพูด

      โรงเรียนราษฎร์แห่งนี้ มีชั้นสูงสุดเพียงแค่ชั้นประถม4 ข้างๆโรงเรียนเป็นที่ทำการของสำนักงานอุตุนิยมวิทยา  ห้องเรียนมีทั้งสิ้น7 ห้อง เป็นชั้นป.มูลสองห้อง ชั้นป.1 มีสองห้อง ป.2 หนึ่งห้อง ป.3 หนึ่งห้องและ ป.4 หนึ่งห้อง เมื่อมาถึงโรงเรียนแล้ว ไอ้เล็กเดินเอากระเป๋าไปเก็บที่โต๊ะ สักครู่…เมื่อระฆังของโรงเรียนดังขึ้น  พวกเด็กๆในโรงเรียนทุกคนต่างมายืนตรงหน้าห้องที่พวกเขาเรียน จนถึงเวลาใกล้เคารพธงชาติ พี่ๆชั้นสูงสุดคือชั้นป.4  ชายหนึ่งคน-หญิงหนึ่งคน ได้ยืนรอที่จะเชิญธงชาติสู่ยอดเสา   

                                           ครู่ต่อมา.มีนักเรียนที่เป็นตัวแทนได้พูดเต็มเสียง

      “ทั้งหมดแถวตรง เตรียมตัวเคารพธงชาติ  ”  เขาหยุดสักครู่

    “ประเทศไทยรวมเลือดเนื้อชาติเชื้อไทย…………..”  

      จากนั้นเสียงการร้องเพลงชาติ ของนักเรียนทั้งหมด ทั้งชั้นบนและชั้นล่างของอาคารเรียน ก็ดังสนั่นไปทั่วพื้นที่ข้างเคียง  ผมยืนตรงบริเวณด้านหลังห้อง ที่มีซี่ไม้ตีขวางไปขวางมา คล้ายสี่เหลี่ยมขนมเปียกปูน เพื่อระบายอากาศ  สิบนาทีต่อมา ทุกคนก็เข้าชั้นเรียน เสียงปึงปังดังขึ้น เพราะการขยับเก้าอี้  หลังจากทุกอย่างเข้าที่เข้าทาง ครูในชั้นก็เริ่มสอน  ผมมองดูเด็กๆ ในวัยเดียวกัน ตะโกนพร้อมกันเมื่อครูสอนใช้ไม้เรียวยาวชี้ลงบนกระดานดำ 

      “ก .ไก่ ข.ไข่ ข.ขวด  เรื่อยไปจนถึงตัวสุดท้าย”นักเรียนขานอักษร

     ผู้เรียนทุกคนล้วนมีความสุข  ครูสั่งให้ทุกคนเอาสมุดมาคัดลายมือพยัญชนะ  หลังจากที่ครูประจำชั้นสั่งแล้ว เธอก็เดินมาข้างนอกด้านหลังที่ผมยืนแอบมอง 

      “หนูมารอใคร  ”ครูถาม

       “ไม่ได้มารอใคร หรอกครับ  ”ผมตอบ

     “เห็นมายืน ด้อมๆมองๆ” ครูพูด 

      คุณครูสาวผมยาวสยายคลุมบ่าอยู่ในชุดสุภาพ เสื้อแขนยาวสีขาวกระโปรงยาวสีกรมท่าที่ผมจำได้ติดตา  ท่าทางใจดี 

     “ไปเข้าชั้นเรียนกับเพื่อนๆมั้ย “ ครูพูด

     “ดีครับ”ผมตอบ

            ครูจูงมือผมให้ไปนั่งกับนักเรียนชาย โดยบอกนักเรียนให้ขยับตัว เพื่อแบ่งปันที่นั่งให้ผมบ้าง เขามองหน้าผม แล้วขยับตัว  ครู่ต่อมาครูก็สอนวิธีการนับตัวเลข และสอนวิธีการเขียนให้ทุกคนรู้  ผมรู้สึกตื่นเต้นที่ได้เข้ามาอยู่ในชั้นเรียนกับนักเรียนชั้นป.มูล ไอ้เล็ก ไอ้เฮี๊ยง ยิ้มแก้มปริที่ได้ผมมาอยู่ในห้องเรียนด้วยอีกคน  ไม่ทันไร แม่ของผมก็เดินมายืนที่ประตูทางเข้าด้านหน้าห้อง คุณครูรู้ได้โดยทันทีว่า แม่ของผมคงจะมาตามตัวลูกชายกลับบ้านอย่างแน่นอนแล้ว

       “ยังไม่กลับ นะแม่ ขอนั่งเรียนหนังสือ สนุกดีน่ะ ” ผมตะโกนบอกแม่  

         คุณครูหยุดสอนชั่วครู่ และออกมายืนคุยกับแม่ ด้วยเรื่องใดไม่ทราบ  ห้านาทีต่อมา แม่ได้เดินเข้ามาในห้องเรียนพร้อมจูงมือผมกลับบ้าน

      “กลับบ้านก่อน  นะลูก  ไว้แม่กลับไปเตรียมเงินค่าเล่าเรียน พรุ่งนี้ค่อยมาอีกครั้ง ” แม่พูด

      “ก็ได้ครับ แม่” ผมพูดอย่างว่าง่าย

      ผมใกล้ชิดกับแม่มาตลอด จึงรู้ว่า คำพูดทีี่แม่พูดไว้นั้น เป็นความจริงแน่นอน  

                                                     **************************

            หลังเลิกเรียนแล้ว ไอ้เล็กกับไอ้เฮี๊ยง  เพื่อนที่อยู่ฝั่งห้องแถวเดียวกันมาชวนผมไปนั่งดูเขาทำการบ้าน  ผมนั่งเปิดหนังสือแบบรียนภาษาไทยของไอ้เฮี๊ยงเรื่องสุดา -คาวี ดูอักษรและภาพประกอบ การที่ผมเห็นเพื่อนทั้งสองอ่านซ้ำไปซ้ำมา และตัวของผมมีความสนใจในการเรียน ก็พอจะสะกดอักษร ได้อย่างเพื่อนๆผมจะเอาสมุดของพี่ชายที่ไม่ได้ใช้แล้ว มาหัดเขียนหนังสือจนมีทักษะและชำนาญพอสมควร  เจ๊หมวยพี่สาวไอ้แฮี๊ยงก็มีส่วนสำคัญในการช่วยพัฒนาการเขียน การอ่าน ให้พวกเราเด็กๆที่มีวัยเดียวกันอีกด้วย  ไอ้เฮี๊ยงบอกกับเจ๊หมวยว่า วันพรุ่งนี้ผมจะได้เข้าเรียนแล้ว  

      “มีชุดนักเรียนหรือยัง  เดี๋ยวเจ๊ จะเอาชุดที่อาเฮี้ยงใส่ไม่ได้ให้นะ ” เจ๊หมวยพูด 

      ครู่ต่อมา เจ๊หมวยก็เอาชุดนักเรียนใส่ถุงกระดาษยื่นให้ผมมา 

       และ.. เช้าวันรุ่งขึ้นหลังจาก ไอ้เล็กกับไอ้เเฮี้ยงไปโรงเรียน กว่าแม่ของผมจะทำขนมเสร็จก็เกือบจะแปดนาฬิกา  ใจหนึ่งก็เกรงว่าแม่จะลืมสัญญา

      “แม่ ไอ้เล็กไปโรงเรียนแล้ว นะแม่   แม่อย่าลืมสัญญานะ ว่าวันนี้แม่จะพาหนู ไปทำสัญญากับโรงเรียน”

     “ไม่ลืม หรอก  รอแม่สักครู่ ทุกอย่างแม่เตรียมไว้เรียบร้อยแล้ว ”  

     “แม่..ไม่ใส่ชุดนักเรียนให้หนูเหรอ”

     “ยังก่อน ค่อยอาทิตย์หน้า” แม่พูด

     ครั้นแม่เสร็จกิจ ภายในบ้านแล้ว แม่จึงพาผมไปที่โรงเรียน แม่คุยกับเจ้าของโรงเรียนคือคุณนาย(ครู)พิกุล  สักครู่ จากนั้นครูพิกุลพาผมไปห้องครูสมปอง เป็นเพราะครูพิกุลได้ทดสอบการอ่านเขียนของผมแล้ว คิดว่าหากยังอยู่ในห้องนักเรียนที่ผมไปนั่งเรียนกับไอ้เล็กจะเสียเวลาไป ผมจึงมาเรียนห้องที่ไม่มีเพื่อนในห้องแถวทั้งสองคนพอเรียนได้อีกสัปดาห์ครูสมปองได้พาผมเลื่อนชั้นไปเรียนกับห้องครูนงลักษณ์  นี่อาจเป็นเพราะครูสังเกตเห็นว่าผมมีพัฒนาการเร็วกว่าเพื่อนๆในชั้นเรียน

                                                *******************************

             และ….วันรุ่งขึ้น  ผมต้องมาเรียนห้องใหม่ที่อยู่ชั้นบน  ขณะที่ผมกำลังก้าวสู่บันไดขั้นสุดท้าย สู่พื้นชั้นสองก็มีเด็กชายผิวขาวท้วมๆมายืนบังผมมิให้ขึ้น

    “ห้ามขึ้นมา บนนี้ นะ  ”  เด็กชายคนนั้นพูด

    “เอ็งมีสิทธิอะไร มาห้าม ข้า. ” ผมพูด

    คนหนึ่งพยายามจะกัน อีกคนก็พยายามจะเลี่ยงและเบี่ยงตัวเพื่อจะขึ้นให้ถึงพื้นราบของชั้นบน  จนถึงขั้นจะชกต่อยกัน 

    “ทั้งสองคนหยุดนะ ”ครูนงลักษณ์ ครูประจำชั้นคนใหม่ ของผมพูดห้ามไว้

     “เขากันท่า ไม่ให้ผมขึ้นชั้นบน ครับ  ” ผมบอกครู

    “เด็กชายไทด์ อย่าทำอย่างนี้อีก ” ครูพูด

      ผมกับไทดฺ์ต้องมาเรียนห้องเดียวกัน ผมรู้สึกไม่ถูกชะตากับเขาเสียแล้ว  อายุของผมเวลานั้นหกขวบเศษๆ จู่ๆวันหนึ่งขณะที่ผมนั่งเรียนในห้องอยู่ดีๆ  แม่ก็มาพาผมออกจากห้องของโรงเรียนแสงจิตต์พิทยาไปโรงเรียนหลวง คือโรงเรียนศรีอรัญฯ ที่มีอาณาบริเวณกว้างขวางมาก แม่คุยกับครูใหญ่สักพัก…ก็กลับบ้าน

     ครูใหญ่ พาผมมาที่ห้องชั้นป.2 ค  ที่มีครูประจำชั้นชื่อครูภูเวียง 

    “จัดที่นั่งให้นักเรียนหนึ่งที่ ”ครูใหญ่พูด

      และนับแต่นั้นมา .พอผมขึ้นป.3 จนเรื่อยมาถึง ป.7   ผมจะได้อยู่ห้องก .ไก่ ตลอดมา  ไทด์ได้ย้ายจากโรงเรียนแสงจิตต์ มาเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ภายหลัง ผมเริ่มคุ้นเคยและเริ่มสนิทกับเขาช่วงประถมปีที่ 7 ช่วงเลิกเรียนเวลา 15.30 น  บางวันผมจะเดินกลับบ้าน ผ่านหน้ากองกำกับตำรวจตระเวนชายแดน  สถานีตำรวจภูธร แล้วเลี้ยวซ้ายผ่านมาที่กาชาดที่ 6 ซึ่งอยู่เยื้องๆกับสุขศาลา(อนามัย ) ผ่านโรงแรมบุญเจริญแล้วเลี้ยวขวาตรงบริเวณหอกระจายข่าว บนถนนเจ้าพระยาบดินทร์ถนนสายนี้นับเป็นเส้นทางเศรษฐกิจสำคัญของเมืองอรัญฯ  จุดที่ผมแวะบ่อยๆคือร้านขายหนังสือพิมพ์แห่งแรกและแห่งเดียวของเมืองๆนี้ หลังจากผมซื้อวารสารให้พ่อเสร็จแล้ว ผมจะเดินข้ามฟากมาอีกฝั่งและต้องผ่านภัตตาคาร ที่เตี่ยของไทด์เป็นเจ้าของ

           ผมสนิทกับไทด์มากขึ้นตอนเรียนช่วงชั้นมัธยมต้นเนื่องจากเราเรียนห้องเดียวกัน ผมต้องอาศัยเพื่อนๆที่มีจักรยานเพื่อติดสอยห้อยท้ายไปโรงเรียนด้วย  เพื่อนๆที่ผมอาศัยซ้อนจักรยานไปโรงเรียนด้วยในช่วงแรกๆคือไทด์ ลูกเถ้าแก่ภัตตาคารมีชื่อ ไทด์ต้องขี่จักรยานมารับผมที่บ้านจนผมรู้สึกเกรงใจ ที่บางครั้งเขาต้องมารอจนกว่าผมจะทำงานบ้านเสร็จ 

    “ตั้งแต่วันจันทร์หน้า ไม่ต้องมารับข้าฯแล้ว ไอ้สันมันอาสาจะมารับ” ผมพูดกับไทด์ 

     บางวันที่เพื่อนมารอผมแล้ว งานยังไม่เสร็จ ผมจำต้องบอกให้เพื่อนไปโรงเรียนก่อนเลย แล้วผมจะเดินไปโรงเรียนตามทางรถไฟแทน ระยะทางเกือบสามกิโลเมตร ผมต้องวิ่งไปตามหมอนไม้รถไฟ บางช่วงก็เลาะลัดเข้าป่าทะลุด้านหลังโรงอาหารของโรงเรียน  หลังจากสอบวัดผลชั้นมศ.1 ผ่านไป  พอถึงช่วงขึ้นมศ. 2  ผมได้อยู่ห้อง / 1 แต่ไทด์ต้องอยู่ห้อง 2 ทำให้เราเริ่มห่างกันเฉพาะเวลาเรียนในห้อง แต่หลังเลิกเรียนเรายังไปมาหาสู่กันตามปกติ   ในกลุ่มเพื่อนๆ ที่มีความชื่นชอบการสะสมแสตมป์มีอยู่ด้วยกันประมาณสิบคน  ผมถือเป็นคนแรกๆที่เอาจริงเอาจังกับเรื่องนี้ ผมชักชวนให้ไทด์  ศิริ  บุญส่ง ชูชีพ  ปรเมษฐ์  ไอ้เล็กและไอ้เฮี้ยงมาสะสมและแลกเปลี่ยนแสตมป์กันและกัน

    “ไทดฺ์ อยู่ มั้ยครับน้า ”ผมถาม แม่ของไทด์  ขณะที่ผมยืนรออยู่ตรงทางเข้าด้านซ้ายของภัตตาคาร  

    “สงสัย//?? กำลังการบ้านอยู่ชั้นบน  เดี๋ยวจะให้น้องสาวไปตามให้ ” แม่ของไทด์ตอบ  

    ห้านาทีต่อมา.ไทด์เดินลงจากบันได มาพบผม  

    “ทำอะไรอยู่ หรือเพื่อน ” ผมถาม

    “ทำเลขคณิต ”ไทด์ตอบ

     “เราว่า จะมาขอปรึกษาและให้นายช่วยสอนวิชาคณิตศาสตร์ ให้หน่อย เราไม่มีหนังสือเพื่ออ่านโจทย์ทำการบ้าน ขอเป็นว่าวันไหน ที่มีเรียนคณิตศาสตร์ เราขอมาทำการบ้านด้วยคนนะ”

    “ได้สิ ..เพื่อน ”ไทด์  พูด

                                                   ****************************

                  นับแต่วันนั้น..เรื่อยมา   วันใดที่มีการบ้านวิชาคณิตศาสตร์ ผมจะต้องไปภัตตาคารกวงซานของเตี่ยเพื่อน ตามความคิดของผมและประสบการณ์ของผมเองมองว่า บุคคลที่จะเข้ามารับประทานอาหารที่นี่ได้ จะต้องเป็นคนที่มีฐานะและสถานะที่ดีเท่านั้น บ่อยๆครั้งในช่วงเย็นๆที่ผมมาซื้อสลาก(การพนัน)  ทอปฟี(ลูกอม )รสนม รสทุเรียน  แฮ็คส์  ฮอลล์ หมากฝรั่งและขนมขบเคี้ยวชนิดต่างๆที่ร้านหน่ำเอี๊ยง ซึ่งอยู่ติดกับภัตตาคารแห่งนี้ไปขายให้กับเด็กที่อยู่ในห้องแถวเดียว กัน  ผมจะเห็นข้าราชการในเครื่องแบบที่ทำงานที่อำเภอ  ตำรวจ ทหาร หมอและครูมารับประทานอาหารที่ร้านของเพื่อนเสมอๆ  

       “ขึ้นไปได้เลย ไทด์อยู่ข้างบนบ้านแล้ว ” เตี่ยของเพื่อนบอกผม ขณะที่เขากำลังเตรียมทำอาหารเสิร์ฟให้แขกที่สั่งอาหาร 

            เมื่อผมขึ้นไปด้านบนของภัตตาคารที่ชั้นสอง ก็เห็นเพื่อนกำลังเก็บจาน ชาม ช้อน หม้อไฟ แก้วน้ำไปไว้ยังที่ล้างจาน

     “รอเดี๋ยวนะ  ขอเคลียร์โต๊ะก่อน นายไปนั่งที่โต๊ะรอเราก่อน”ไทด์พูด

     “ได้เลย เพื่อน ”ผมตอบและนั่งมองดูไทด์ ทำงาน เขาแยกจานเปลที่ใส่ปลานิลสามรส มาไว้ต่างหาก เป็นเพราะ คนสั่งยังไม่ได้แตะต้องอาหารจานนี้ เลยสักนิด 

    “เดี๋ยวพวกเรา จัดการกับปลานิลเลย เขาสั่งแล้วไม่ได้กิน ท่าทางจะเมากันก่อน เลยไม่กินกัน ” ไทด์พูด

     ผมกับไทด์ เริ่มทำการบ้าน โดยผมทำการลอกโจทย์ก่อน จากนั้นไทด์ได้สอนวิธีการแก้สมการ  โดยให้ผมลองนำสูตรสมการมาใช้ แต่ผมก็ไม่ทราบว่าจะใช้สูตรไหนมาใช้ กับโจทย์คณิตศาสตร์ข้อนี้

    “เราไม่รู้ว่ะ ว่าจะใช้สูตรอะไร " 

    ไทด์ ได้สอนผมทำการบ้าน เมื่อทำเสร็จแล้ว เขาก็ได้เอาคีย์วิชานี้ มาเปิดดูว่า ทำถูกต้องหรือไม่ 

    “นี่คือคึย์ (วิธีการทำ ) ที่เราสั่งซื้อมาจากกรุงเทพ  ” ไทด์พูด

     “ดีจัง เราอยากซื้อบ้าง เผื่อจะได้ไว้ดูเป็นแนวการทำ "

    เวลานี้. ผมกับไทด์สนิทกันมากจนไม่อยากเชื่อว่าเป็นเช่นนั้นภัตตาคารของเตี่ยเขากับบ้านของผมห่างกันประมาณ 350 เมตร หากผมไม่ไปหาเขา เขาก็จะขี่จักรยานมาหา ค่ำๆบางวันที่แม่ของผมทำขนมเสร็จเร็ว  ผมกับไทด์จะขี่จักรยานเล่นรอบเมือง หรือไม่ก็๋ชวนกันไปที่บ้านของสติ เพื่อนร่วมชั้นที่เรียนเก่งมาก ส่วนใหญ่เขาจะสอบได้ที่ 1 ทุกครั้ง ที่ผมกับไทด์ไปบ้านของสติที่บ้านพักคนงานรถไฟ  สติมักจะฝึกให้พวกเราหัดสูบบุหรี่ กัญชา

         พวกเราวัยรุ่นที่อยู่ห้องเรียนเดียวกันมี สติ ไทด์ ผม ไอ้อี๊ด ไอ้ถัง และไอ้แดง  จะมามั่วสุมกันตามทางรางรถไฟที่ไปกัมพูชา ซึ่งเป็นที่มืดมาก  เนื่องจากไฟฟ้ายังเข้าไปไม่ถึง ในกลุ่มเพื่อนๆ แม้เขาจะให้ผมลองสูบบุหรี่ -กัญชา แต่ ผมก็ปฎิเสธไปเสียทุกครั้ง

      “กลับถึงบ้าน พ่อกูรู้  โดนไม้เรียวก้นลายแน่  ”ผมบอกเพื่อนๆ 

       “ลองนิดเดียว จะได้รู้ไง ไอ้ห่า. ชายชาตรี มันต้องสูบบุหรี่เป็น สูบกัญชาได้สิวะ” ไอ้อี๊ดพูด

    “ครั้งหน้า ก่อน” ผมตอบ

           ไทด์ เริ่มมีความสุขกับการได้ลิ้มลองของใหม่ จากที่เคยสูบบุหรี่อย่างเดียว ตอนหลังก็มีกัญชาครอบครอง และหนักกว่านั้นเขายังเสพผงขาว ฐานะทางบ้านเขาไม่เดือดร้อน  ผมกับเขาเคยเลิกคบกันระยะหนึ่ง เนื่องจาก ผมไม่ยอมปฎิบัติตามคำขอร้องจากเขา ให้ลองสูบบุหรี่-กัญชา   ช่วงปลายเทอ มขณะเรียนมศ.3 ไทด์ ไม่ค่อยจะเข้าบ้าน จนเตี่ยกับแม่และพี่ชาย กลุ้มใจที่ไม่คิดว่าลูกชาย- น้องชาย ของตนจะผ่าเหล่าผ่ากอ ติดยาเสพติดแบบโงหัวไม่ขึ้น ไทด์ เสพยาหนักขึ้นๆ จนซูบผอม จนคนในครอบครัวพาไปบำบัดที่กรุงเทพในช่วงปิดเทอม 

       ช่วงหลังผมไม่ได้ไปบ้านของไทด์อีก เพราะขัดใจกัน เรื่องที่เขาบังคับให้ผมสูบบุหรี่-กัญชา แต่ผมไม่ยอมทำตามคำสั่งเขา

                                                   **************************

             ช่วงจบมศ.3 แล้ว  ผมกับเขาต่างเดินไปกันคนละทิศละทาง ผมไม่ได้ข่าวจากเขาอีกเลย จนเทอมปลายช่วงเดือนกุมภาพันธ์ ขณะที่ผมเลิกเรียนและกำลังรอขึ้นรถเมล์ ตรงข้ามวัดราชผาติการามเพื่อจะกลับบ้านในสวนฝั่งธนฯ

    “เฮ้ย ..ไอ้ไทด์ ไปไงมาไงวะ” ผมทักทายเพื่อนเก่า

    “อ้อ เรามาหาเพื่อน ที่อยู่แถวนี้  ” ไทด์พูด

    “เราเรียนวัดราชา แล้วนายล่ะ”

    “เรียนอยู่ ..สันติราษฎร์”

    “โชคดี จังโว้ยเพื่อน แวะเที่ยวบ้านเราก่อนมั้ย”

    “โอกาสหน้าว่ะ”

        นับแต่เจอกันที่เชิงสะพานซังฮี้แล้ว ผมก็ไม่พบกับไทด์อีกเลย ทุกครั้งที่ผมกลับมาอรัญ ฯส่วนใหญ่จะแวะหาเพื่อนเก่าๆที่เคยเรียนร่วมกันมา  

    “ไทด์ ไม่กลับมาบ้านหรือครับน้า แล้วเดี๋ยวนี้เขาอยู่ไหน”

    “อยู่เชียงใหม่ เรียนมหาวิทยาลัยเชียงใหม่”

    “เก่งจังเลย ผมไม่คิดว่าเขา จะเอนฯเข้ามหาิทยาลัยได้ เก่งกว่าผมอีก”

    “โชคดี ที่เขากลับลำทัน  นี่หากไม่ได้พี่ชายชี้แนะ  ป่านนี้ลูกของน้า คงตกนรกทั้งเป็น”แม่ของไทด์พูด

    เพียงแค่ได้ทราบว่าไทด์ กลับเนื้อกลับตัวได้ ผมรู้สึกยินดียิ่งนัก เพื่อนที่เคยทุกข์ยาก เคยมีบุญคุณกับผม มีหรือที่ผมจะลืมเขาได้  

      ไทด์สำเร็จการศึกษา จากมหาวิทยาเชียงใหม่  และได้สอบเข้าทำงานเป็นอาจารย์ ในสังกัดกรมเดียวกันกับผม  แต่อยู่กันคนละจังหวัด ผมเจอเขาที่พิษณุโลกเพียงครั้งเดียวและไม่พบกันอีกเลย  ทราบข่าวว่า เขาได้ภริยาเป็นอาจารย์ด้วยกันและได้ลูกแฝดหญิงที่น่ารัก

     “ครอบครัวไอ้ไทด์ อบอุ่น เมียมันก็สวย กิริยามารยาทดีเยี่ยม อาจารย์ที่นี่ รักทุกคน”อาจารย์ในสังกัดที่เดียวกันกับไทด์เล่าให้ผมฟัง

    “ถ้าเจออาจารย์ไทด์ (วิรไท) บอกด้วยว่าผมคิดถึง และอยากเจอ เพื่อนๆในรุ่นชั้นมัธยมก็อยากพบ ”ผมพูด

    “มันเก็บตัว ไม่เข้าสังคมเลยปัจจุบัน”อาจารย์คนนั้นพูด

    “ผมฝากเบอร์โทรศัพท์ ไว้ให้นะ เผื่อวันใดวันหนึ่ง  เขาคิดถึง เขาคงจะโทรมาหาผม” ผมพูด

    เพื่อนๆในกลุ่มที่เคยแอบสูบกัญชา บนเส้นทางรางรถไฟ  ในวันนี้..เสียชีวิตไปหมด คงเหลือผมกับไทด์ เท่านั้น

            โชคยังเป็นของเอ็งว่ะ ไอ้ไทด์ หากถลำลึกไปกว่านี้  เอ็งคงไม่ต่างจากเพื่อนที่เสียชีวิตไปแล้ว

                                                            ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                              (๑๕ -๒-  ๖๗ )

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×