อย่าดูแค่ หน้าตา
ผมรู้จักกับเขาในฐานะเป็นลูกค้า นานวันจึงคุ้นเคยและสนิทกัน เขาได้แสดงออกถึงความมีน้ำใจกับผมและคนอื่นๆ จนผมรู้สึกประทับใจ แต่สิ่งที่ปรากฏภายหลัง คือ....
ผู้เข้าชมรวม
63
ผู้เข้าชมเดือนนี้
0
ผู้เข้าชมรวม
อย่าดูแค่ ที่หน้าตา
วลี โบราณเคยกล่าวไว้ว่า สวยแต่รูป จูบไม่หอม ซึ่งทุกๆคนคงน่าจะคุ้นเคยและทราบความหมายของวลีนี้ดี วลีที่พูดถึงนี้ คงจะกล่าวถึงเพศหญิงที่่มีหน้าตาดี แต่จิตใจหรือพฤติกรรมและกิริยาน่าจะแย่เอาเสียมาก จริงๆแล้ว คนจะดีหรือไม่ดี ไม่ได้อยู่ที่ความสวยหรือความหล่อเลย อย่างกรณีนายดำ พ่อค้าหาบเร่ขายรองเท้าที่ผมมองว่าเขาเป็นคนดีที่น่าคบน่านับถือ โดยสนิทใจ
หลายครั้งที่เครื่องถ่ายเอกสารที่แผนกเอกสารของสถาบันเสียและต้องรอให้ช่างเครื่องมาซ่อมต้องใช้เวลาอย่างน้อย 7 -10 วัน กว่าจะซ่อมและแก้ไขเสร็จให้สามารถใช้งานได้ บุคลากรและอาจารย์ที่ต้องเร่งด่วนเพื่อจะถ่ายเอกสารจึงจำเป็นต้องเข้ามาในเมืองเพื่อมาถ่ายเอกสาร ร้านถ่ายเอกสารที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในเวลานั้น คือร้านซึ่งอยู่ใกล้กับวิทยาลัยเทคนิค ต่อมา…เมื่ออาจารย์กวี ซึ่งเพิ่งสำเร็จการศึกษามาใหม่ๆ ได้ชวนพ่อกับแม่ มาเช่าร้านเพื่อเปิดร้านถ่ายเอกสาร ที่ปากทางเข้าสถาบัน
อาจารย์กวี เป็นเด็กหนุ่มที่มุ่งมั่น แรกๆที่เขามาบรรจุ ได้เข้ามาพักบ้านหลวงใกล้ๆ กับบ้านที่ผมเคยอยู่ พ่อกับแม่ของอาจารย์กวีมีวัยแก่กว่าผมไม่มากนัก กิจการร้านถ่ายเอกสารของอาจารย์กวีมีชาวบ้านนักศึกษาทั้งในสถาบันและนักศึกษาต่างสถาบันที่ผ่านร้านของเขา จะมาใช้บริการค่อนข้างหนาตา กิจการของเขาดีขึ้นๆตามลำดับ จากที่เคยมีเครื่องถ่ายเอกสารเพียงเครื่องเดียวก็เพิ่มขึ้นเป็นสองเครื่อง แรกๆผมจะมาใช้บริการที่ร้านของเขาตลอด
********************************
ช่วงเปิดเรียนใหม่ ..ขณะที่ผมกำลังจะใช้บริการร้านเดิมที่เคยมาใช้บริการมาก่อน แต่ ..เมื่อเดินเข้าไปใกล้ๆ.ก็ต้องแปลกใจ เมื่อเห็นห้องข้างๆ มีการติดป้ายว่า “รับถ่ายเอกสาร ในราคาแผ่นละ 50 สตางค์ ” ก่อนหน้าที่ผมเคยถ่ายเอกสารร้านอาจารย์กวี เขาคิดแผ่นละ .75 บาท แน่นอนว่าเป็นใครๆที่จะมาถ่ายเอกสาร ย่อมต้องการที่จะได้ในราคาที่ถูกกว่า แม้ราคาจะถูกเพียงแผ่นละ.25 บาท แต่หากถ่ายเอกสารในจำนวนทีละมากๆ มันย่อมที่จะประหยัดเงินตราได้ส่วนหนึ่ง วันดังกล่าวผมยังใช้บริการกับร้านเดิม แต่เมื่อใช้บริการเสร็จ ก็แอบชำเลืองมองเข้าไปยังร้านรับเอกสารร้านใหม่ และคิดในใจว่าในโอกาสต่อไป หากจะมาถ่ายเอกสารอีกครั้ง คงต้องลองมาใช้บริการร้านแห่งใหม่บ้าง
ที่ร้านถ่ายเอกสาร ที่เพิ่งมาเปิดให้บริการใหม่ในวันต่อมา ผมมีความจำเป็นที่จะต้องถ่ายเอกสารจำนวนมาก เพื่อแจกจ่ายเพื่อนๆ ที่เรียนร่วมรุ่นคณะนิติศาสตร์ ภาคพิเศษ ของมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์แม้ในเวลานั้นผมจะสำเร็จการศึกษาขั้นมหาบัณฑิตแล้ว แต่เมื่อทางมหาวิทยาลัยแห่งนี้เปิดสอนในคณะที่ผมเคยสนใจที่อยากจะเรียนมาตั้งแต่จบชั้นมัธยม เมื่อมีโอกาสจึงได้สมัครสอบและได้สิทธิที่จะเรียนในหลักสูตรนิติศาสตร์บัณฑิต (สามปีต่อเนื่อง)
“ผมต้องการถ่ายเอกสารทั้งเล่มเลย จำนวน 20 ชุด กี่วันจึงมารับได้ครับ”ผมพูด
“สองวัน ครับ”เจ้าของร้านพูด
ร้านถ่ายเอกสารร้านนี้ เป็นห้องเช่าที่เช่าจากร้านขายยาของพยาบาลสาว ที่มีสามีเป็นผู้บริหารของการไฟฟ้าฝ่ายผลิต พยาบาลคนนี้มีสายตาที่ยาวไกล ที่จะทำห้องให้เช่าทำธุรกิจการค้าและหอพัก เพื่อเป็นการหารายได้เพิ่มอีกทาง วรพงษ์ หรือหนึ่ง คือผู้เช่าห้องติดกับร้านขายยาของพยาบาลคนนั้น เขาเปิดกิจการเพื่อรับถ่ายเอกสารและขายวัสดุสำนักงาน ช่วงที่เขามาเปิดร้านถ่ายเอกสารใหม่ๆ มีเครื่องถ่ายเอกสารเพียงเครื่องเดียว นี่เท่ากับว่าในเวลานี้ร้านถ่ายเอกสารที่อยู่ใกล้เคียงกัน(ติดๆกัน)มีถึงสองร้าน และเขาต้องเป็นคู่แข่งกันโดยปริยาย หากมองในแง่ประโยชน์ที่ลูกค้าได้รับคือสามารถที่จะเทียบเคียงถึงราคา คุณภาพของงานที่จะได้รับจากการถ่ายเอกสารของทั้งสองร้าน
“วันนี้ เราน่าจะลอง เปลี่ยนร้านถ่ายเอกสารดู คงน่าจะดี” ผมคิด
“ทำอะไรหรือ…ครับ ”เจ้าของร้านถ่ายเอกสารทักทาย
“จะมาถ่ายเอกสาร ครับ ”ผมพูด
ทางเข้าของร้านนี้มีสองด้านด้วยกัน คือที่ติดกับร้านขายยา ซึ่งปล่อยโล่งให้เป็นที่ระบายอากาศ และอีกด้านคือด้านที่ขนานกับถนนทางหลวง ซึ่งเจ้าของร้านได้มีการวางโต๊ะยาวพอประมาณ สูงกว่าระดับพื้นประมาณ 1 เมตรสำหรับให้ลูกค้านำสิ่งของที่ติดตัวมาวางพัก ที่โต๊ะนี้มีหนังสือพิมพ์วางไว้ให้อ่านทุกวัน ผมหยิบหนังสือมาคลี่อ่านเพื่อฆ่าเวลา ช่วงที่รอ…เขาถ่ายเอกสารได้มองไปที่เครื่องถ่ายเอกสาร เห็นเป็นเครื่องใหม่เอี่ยมทั้งสองเครื่อง เขาจัดการและบริหารเพียงคนเดียวจากที่สังเกตเจ้าของร้านดูเป็นคนที่มีการศึกษา บุคลิกดี หน้าตา ความสูงของเขาคงคงเกิน180 เซนติเมตร บางจุดของร้านมีการประดับด้วยไม้ดอกและไม้ประดับที่ผนังของห้องมีภาพวิวประดับหลายภาพดูแล้วสวยงาม
“เสร็จแล้วครับ ผมคิด แผ่นละ 45 สตางค์ครับ เห็นว่าถ่ายเอกสารมาก” เจ้าของร้านพูด
“เท่าไหร่ครับ ”
“สามร้อยห้าสิบสองบาท”
“นี่ครับเงิน สามร้อยห้าสิบห้าบาท” ผมพูด
“ผมเอาแค่สามร้อยห้าสิบก็พอครับ” เจ้าของร้านพูด ด้วยอัธยาศัยความเป็นมิตรที่ดี
“ขอบคุณมาก วันหน้า ผมจะมาใช้บริการใหม่อีก”
“ยินดีครับ หากเป็นงานเร่งด่วน ก็เอามาฝากผมไว้ล่วงหน้าก็ได้ แล้ววันรุ่งขึ้นค่อยมารับได้เลย ”
“ครับ”
ผมจ่ายเงินเสร็จแล้ว จึงรับเอาเอกสารไปแจกจ่ายแก่นักศึกษาผู้เรียน คิดไปคิดมาว่า หากวันหน้า คงจะมาใช้บริการกับเขาอีก ผมมองว่าเด็กหนุ่มคนนี้ เป็นคนสุภาพอ่อนน้อม มีมนุษยสัมพันธ์กับลูกค้าค่อนข้างดี เขาคงจะมีการศึกษาและผ่านการอบรมบ่มนิสัยที่ดี
“โทษครับ น้อง. เรียนจบแล้วก็มาทำงานธุรกิจเป็นของส่วนตัวเลยหรือครับ” ผมพูด และตั้งคำถาม
“ไม่หรอกครับ ก่อนหน้าที่ผมจะมาเปิดร้านถ่ายเอกสารที่นี่ ผมเคยทำธุรกิจรับตกแต่งสวนหย่อม และเปิดร้านจำหน่ายต้นไม้ในเมืองมาก่อน”
“แล้วทำไม ?? ไม่ทำงานด้านนั้นต่อ อีกหรือครับ ”
“มีคู่แข่งเยอะ ตัดราคากันเอง ผมไม่ใช่คนท้องถิ่น”
“แล้วน้องเป็นคน จากที่ไหน หรือ?? ”
“สมุทรปราการ ครับ แม่ผมเกษียณราชการแล้ว เพื่อนของแม่ ได้ชวนให้มาทำธุรกิจเปิดร้านขายอาหาร ผมจึงต้องมาอยู่เป็นเพื่อนกับแม่”
“นี่แสดงว่า ต้องมีพื้นฐานด้านการเกษตร ”
“ครับ ผมจบจากเกษตรศาสตร์ ”
“อ้าว แล้วไม่สอบบรรจุ รับราชการ”
“ผมเคยทำงานที่กระทรวงเกษตรฯ ทำได้ไม่ถึงปี ผมก็ลาออก เพราะผมทนกับระบบเส้นสาย ระบบการสอพลอเจ้านายไม่ได้ เป็นเพราะนิสัยผม ไม่อาจหลอกตัวเอง เพื่อเชลียร์ หวังตำแหน่งลาภยศ เหมือนเช่นพี่ๆเพื่อนๆที่กระทำกัน”
“เหมือนผมเลย ผมก็รู้สึกเบื่อในที่ทำงานของผม เหมือนกัน ”ผมพูด
“เป็นอาจารย์สอน ที่นี่ หรือครับ ”หนึ่งพูด
“ครับ ผมเป็นอาจารย์สอนที่นี่ มาได้ 8 ปีแล้ว สรุปว่า.. น้องเคยรับราชการ แล้วมารับจัดสวนและสุดท้ายมาเปิดร้านถ่ายเอกสาร ”ผมพูด
“ใช่ครับ ผมเคยเห็นอาจารย์ขี่มอเตอร์ไซด์ ผ่านหน้าร้านผมบ่อยๆทีแรกผมนึกว่าเป็นครูสอนโรงเรียนประถมเสียอีก”
“โทษที นะครับ น้องชื่ออะไรน่ะ เผื่อวันหน้า จะได้ทักทายกันได้”
“ผมชื่อเล่นว่า หนึ่ง ครับอาจารย์ ” หนึ่งพูด
“แล้วคิดไง จึงมาเปิดร้านตรงนี้ ทั้งๆที่มีร้านถ่ายเอกสารเปิดก่อนแล้ว ”
“ผมคิดว่าเรื่องของธุรกิจ ใครเปิดก่อน เปิดหลังไม่สำคัญ ขึ้นอยู่กับกลยุทธ์ และความสามารถในการจูงใจเรียกลูกค้า และการให้บริการลูกค้าให้เขามีความประทับใจมากกว่า ผมไม่ได้คิดว่าร้านอาจารย์กวี เป็นคู่แข่งกับผม” หนึ่งพูด
“มันก็จริง อย่างที่หนึ่งพูดน่ะ แต่ผมเห็นอยู่บ่อยๆ แรกๆก็ดีกัน แต่หลังๆ ก็เกิดความขัดแย้งกันทางธุรกิจ ”
“ผมคาดเดาไม่ถูก ครับ แต่จะพยายามจะไม่ให้เกิดขึ้น ” หนึ่งพูด
คราใด ที่ผมมาถ่ายเอกสาร มิได้เจาะจงร้านใดร้านหนึ่งโดยเฉพาะ เพียงแค่ดูว่าสองร้านที่อยู่ติดกันร้านไหนงานไม่ล้นมือและไม่ต้องรอคอยนานมากนัก ก็จะมาใช้บริการร้านนั้น
****************************
สองร้านที่เปิดทำธุรกิจถ่ายเอกสารเหมือนกัน แรกๆร้านของอาจารย์กวีกับร้านของนายหนึ่ง ดูจะถ้อยทีถ้อยอาศัย ฉันมิตร แต่เมื่อผ่านไป 6 เดือน..การที่อาจารย์กวีสอนหนังสือในสถาบันเขาจึงสั่งให้ลูกศิษย์ที่เขาสอน
“พวกเธอ เวลาไปถ่ายเอกสาร ขอให้ไปถ่ายที่ร้านของครูนะ ถ้าใครไม่ปฎิบัติตาม ถ้ารู้ ถ้าเห็นจะตัดคะแนน จิตพิสัย ” อาจารย์กวีพูด เรื่องนี้ผมทราบดีเพราะเคยได้ยินกับหู เนื่องจากเคยสอนห้องติดๆกัน และช่วงเวลานั้นผมมักจะไปนั่งฝึกเรียนวิธีการใช้คอมพิวเตอร์
สาขาคอมพิวเตอร์ธุรกิจ ที่เกิดขึ้นมาได้ ในสถาบันแห่งนี้ เป็นเพราะผมได้รับมอบหมายจากผู้อำนวยการ ให้ดำเนินการวิจัยเพื่อเก็บข้อมูลถึงความต้องการของผู้เรียนในระดับชั้นชั้นมัธยมศึกษาตอนปลาย ใน8 จังหวัดภาคเหนือตอนบน จึงสามารถขออนุญาตจากกรมฯเพื่อเปิดสอนหลักสูตรวิชานี้ได้
นี่ จึงเป็นที่มาว่า ร้านนายหนึ่งจำต้องลดราคาตัดราคาเพื่อดึงลูกค้าของร้านถ่ายเอกสารร้านค้างเคียง ที่เคยเป็นมิตรที่ดีกันมาก่อนให้เข้ามายังร้านของตน หลังจากที่เขาติดป้ายลดราคาแผ่นละ .25 บาท ลูกค้าซึ่งส่วนใหญ่เป็นนักศึกษาซึ่งต้อง การประหยัดค่าใช้จ่าย จึงยินยอมที่จะเสี่ยงถูกตัดคะแนนตามที่อาจารย์กวี ขู่ไว้
“กูยอม ถูกตัดคะแนนดีกว่า ร้านพี่หนึ่ง ถ่ายเอกสารประหยัดแผ่นละตั้งสลึงนึง มึงคิดดู ถ้าพวกเราถ่ายเอกสารครั้งละเป็นร้อยๆหน้า ประหยัดได้ถึงยี่สิบกว่าบาทเชียวนะมึง” นักศึกษาคนหนึ่งพูด
“ใช่ อาจารย์ กวีทำไม่ถูก เอาเรื่องธุรกิจส่วนตัว มาข่มขู่พวกเรา ให้ต้องเป็นลูกค้า ช่างไม่สมควรกระทำอย่างยิ่ง” นักศึกษาอีกคนพูด
เรื่องนี้ นักศึกษาที่เรียนในคณะบริหารธุรกิจที่ผมสอน กล่าวกันเซ็งแซ่ แม้เรื่องจะถึงหูบริหาร แต่…เรื่องทุกอย่างก็เงียบโดยพลัน เพราะเมื่อถึงวาระปีใหม่ อาจารย์กวี ก็นำกระเช้าของขวัญพร้อมธนบัตรจำนวนหนึ่งใสซองไปปิดปาก เงินจึงเครื่องมือสำคัญ ผมเริ่มมาร้านของนายหนึ่งบ่อยครั้ง กอปรกับช่วงเวลาหนึ่ง ผมได้มาศึกษาต่อที่คณะนิติศาสตร์ ภาควันศุกร์ - วันอาทิตย์ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ วิทยาเขตลำปาง ทำให้ต้องใช้เอกสารในการเรียนมากขึ้น ทุกครั้งเวลาที่ผมยืมหนังสือจากหอสมุดกลางของมหาวิทยาลัยมาถ่ายเอกสาร ครั้งๆหนึ่งต้องใช้เงินเป็นจำนวนไม่น้อย หนึ่งจะลดราคาให้เป็นพิเศษ ผมเริ่มสนิทสนมกับหนึ่ง และมองเขาเสมือนน้องชาย เพราะเวลาคุยกันจะมีทิศทางในแนวทางเดียวกัน เขามีจุดยืนที่มั่นคง มีอุดมการณ์และเป็นคนมีน้ำใจ เวลานั้นผมเห็นเขามาทำงานเพียงคนเดียวจึงเข้าใจว่าเขาเป็นคนโสด
“เอ หนึ่ง อายุจนป่านนี่ ยังครองโสดอยู่เหรอ ขอโทษนะ..ที่ถาม เป็นเพราะสงสัยน่ะ”
“มีแล้วครับ อาจารย์ เขาเป็นแม่ค้าขายข้าวมันไก่ ในเมือง เธอหย่าจากสามีแล้ว มาอยู่กินกับผม ”หนึ่งบอก
ผมถามแค่นั้น..เพระไม่อยากละลาบละล้วงเรื่องส่วนตัว เวลาเดียวกันนั้นทางอบต .ตำบลหนึ่ง ขอให้ผมไปช่วยเหลืองานนายหนึ่งได้เสนอตนที่จะให้ผมยืมต้นเฟื่องฟ้าเพื่อไปประดับตกแต่งสถานที่ นี่จึงทำให้ผมรู้สึกประทับใจในตัวเขามากขึ้นครั้งล่าสุดที่ผมเป็นหัวน้าแผนกปกครองนักศึกษา ได้ขอให้ตำรวจในพื้นที่มาช่วยสนับสนุนการดูแลเรื่องการจราจรและความปลอดภัย เนื่องจากที่ผ่านมามีนักศึกษาถูกรถยนต์เฉี่ยวชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต
“หนึ่ง ผมขอรบกวนหน่อยนะ คือผม จะขอเอากาแฟ ไมโล ครีมเทียม น้ำตาล มาวางที่ร้านของหนึ่ง เผื่อทางตำรวจจะได้แวะมานั่งดื่ม และพักผ่อน” ผมพูด
“ได้ครับ ยินดีครับ แล้วอาจารย์มีกระติกน้ำร้อนมั้ย เอาของผมใช้ ก็ได้นะ ”
“ผมกำลัง จะเอาจากที่บ้านของผม มาให้หนึ่งพอดี”
“ไม่ต้องหรอกครับ ผมต้องต้มเพื่อดื่มกินกาแฟ อยู่ประจำแล้ว”
“ก็ดีครับ ขอบคุณมาก”
ผมไว้วางใจเด็กหนุ่มคนนี้ อย่างมาก หลายๆครั้ง เขาได้แสดงน้ำใจ และเป็นมิตรที่ดีกับทุกคนที่มาใช้บริการ ความเป็นคนหน้าตาดี กิริยามารยาทดี จึงมีลูกค้ามากมายและลูกค้าสาวที่เป็นนักศึกษาปีสุดท้ายของสถาบันแห่งหนึ่งก็ได้มาตก หลุมรักเขา เด็กสาวคนนี้ มีแผลที่ริมฝีปากเพราะในวัยเด็กป่วยด้วยอาการปากโหว่จึงต้องทำศัลยกรรม เรื่องของความรักของคนทั้งสองที่ใกล้ชิด จนกลายเป็นสามี-ภริยากันในที่สุด สวลีคือนักศึกษาสาวที่มาเป็นภริยาหนึ่งแบบไม่มีคาดคิด ทั้ง ๆ ที่เธอใฝ่ฝันจะสอบบรรจุเป็นข้าราชการครู แต่เมื่อมาตกหลุมรักกับชายเจ้าของร้านถ่ายเอกสาร จึงตกกระไดพลอยโจนร่วมชีวิตคู่ ทั้งคู่ไม่เหมือนคู่ผัวตัวเมียเหมือนคนอื่นๆ ใครๆที่มาใช้บริการที่ร้าน ต่างมองว่า ฝ่ายหญิงคงเป็นเพียงแค่ลูกจ้าง กระทั่งผมก็ยังมองอย่างนั้น
“ลี เขาเป็นเมียของหนึ่ง น่ะอาจารย์ ” แม่ของอาจารย์กวีบอกผม
“หา ผมนึกว่าเป็นลูกจ้าง บางครั้ง ผมไปนั่งอ่านหนังสือพิมพฺ์ เห็นเขาวางตัวเหมือนเป็นนายจ้างกับเมีย”ผมพูด
“น่าสงสาร ลี..เขา น่ะ น้าได้ยิน ไอ้หนึ่ง ..มันดุด่า ตบตีเมียมัน ยังกับหมูกับหมาบ่อยๆ หน้าตามันหล่อๆอย่างนี้ แต่ใจมันต่ำทรามกว่าสัตว์อีก เคยได้ยินลี ร้องขอความช่วยเหลือหลายครั้ง แต่น้าไม่กล้าไปยุ่ง เพราะร้านเขากับร้านน้าไม่ถูกกัน” แม่ อาจารย์กวีพูด
“ผมนึกแล้ว คนๆนี้ มันหน้าเนื้อใจเสือ หลายๆครั้งที่ผมเห็นเขาเอ็ดใส่คุณสวลี ผมงงนะว่า ทำไมฝ่ายหญิงจึงทนอยู่กับนายหนึ่งได้นานมาก”
“ลี เขาหลงรูปนายหนึ่ง ในความหล่ออย่างโงหัวไม่ขึ้น ตอนนี้มีพยาบาลสาวสวยมาติดพันกับหนึ่ง จนนายหนึ่งมันพยายามหาเรื่องจะขับไล่ให้สวลี ไปให้พ้นๆจากบ้าน น้าเพิ่งรู้ว่าตอนนี้ลี เขาออกจากร้านไปเช่าที่เปิดร้านถ่ายเอกสารแห่งใหม่แล้ว”แม่อาจารย์กวี พูด
“น่าสงสารจริงๆ ไม่น่าเชื่อเลยว่า หนึ่งจะเป็นคนเช่นนี้”ผมพูด
*********************************
วันหนึ่ง ขณะผมมารอรับเอกสาร ที่ร้านของนายหนึ่ง
“อาจารย์ครับ ผมมีเรื่องจะขอปรึกษา เรื่องทางกฎหมายหน่อย ”
“ได้ครับ มีอะไรว่ามา”
“เรื่องของเรื่องคือรถยนต์ของผมจอดตรงหน้าบ้าน ที่อาจารย์เห็นเนี่ยะ แล้วมีชาวบ้านขี่รถพ่วงล้อ ได้หลุดมาโดนข้างรถผมจนสีถลอก ชายคนนั้นเขาไม่ยอมรับผิดชอบ จะให้ผมทำไงดี”
“ในความคิดของผมนะ หนึ่งก็ไม่ถูก คนที่ขี่รถพ่วงก็ไม่ผิด เพราะเขาไม่ได้มีเจตนาให้ล้อมันหลุด มาโดนรถของหนึ่ง นี่มันเป็นเหตุสุดวิสัยจริงๆ ถนนเส้นนี้ก็เป็นที่สาธารณะ แต่หากสมมติว่ารถของหนึ่งจอดอยู่ในบ้าน แล้วล้อรถมันหลุดกระเด็นไปโดนรถหนึ่ง นั่นแหละ เขาผิดเต็มๆเลย ”ผมตอบด้วยหลักการที่เรียนมา โดยไม่เลือกข้าง
หนึ่งยืนฟังอย่างตั้งใจ ผมคิดว่าทีแรก เขาคงคิดว่าผมจะยืนอยู่เคียงข้างเขา แต่เมื่อผมได้ตอบออกไป แบบตรงไปตรงมา สีหน้าเขาแสดงออกถึงความไม่พอใจและนิ่งไป และจากนั้นมา เขาก็นิ่งเฉยกับผมราวกับคนไม่รู้จัก และผมก็ไม่เข้าร้านของเขาอีก
************************
หนึ่งเป็นคนไม่รู้จักพอ เขามีร้านถ่ายเอกสารแล้ว ยังเซ้งร้านข้างเคียง เพื่อเปิดขายของแข่งกับร้านสะดวกซื้อ เท่านั้นยังไม่พอยังเปิดกิจการร้านขายของเบ็ดเตล็ดประเภทพลาสติกโดยไม่ได้ว่าจ้างคนงานเพิ่ม และที่สุดเขาก็ต้องเลิกกิจการร้านถ่ายเอกสารกับร้านที่เพิ่งเซ้งไป มาขายสินค้าประเภทพลาสติกอย่างเดียว สันดานเห็นแก่ตัวไม่เปลี่ยนแปลง เมื่อมาอยู่กับเพื่อนบ้านใหม่ ร้านหนึ่งขายไก่ทอดอีกร้านขายกาแฟ หนึ่งเอารถยนต์มาขวางบังร้านของเขา แต่เปิดช่องให้คนเข้าร้านของตัวเอง
“เขาจอดรถ แช่แบบนี้ เป็นปีๆ แล้วล่ะอาจารย์ ” ร้านขายไก่พูด
“นายคนนี้ ตอนเปิดร้่านถ่ายเอกสาร ก็แกล้งกวาดขี้ผง ขี้ฝุ่นใส่บ้านข้างเคียง ทั้งยังเอาต้นไม้มาบังไม่ให้ลูกค้า เดินไปถ่ายเอกสารอีกร้าน ”ร้านขายกาแฟ พูดย้ำ
“เอ. ทำไม ?? เขาเป็นคนเช่นนี้ ไม่รู้นะ. การศึกษาก็มี ฐานะก็ดี แต่ทำไม??จิตใจแย่เหลือเกิน ผมดูเขาผิดไปจริงๆ ”ผมพูดกับเจ้าของร้านขายกาแฟ
“คนสมัยไหนๆ มันก็ไม่ต่างกันหรอก อย่างที่เขาพูดกันว่า รู้หน้าไม่รู้ใจ เห็นเขาเงียบๆอย่างนี้ นายหนึ่งแอบซ่อนเมียไว้เกือบสิบคนเชียว.. ล่าสุดนี้ ช่วงค่ำ ผมเห็นพยาบาลสาวจะมาค้างคืนร้านแห่งนี้ด้วยสิ ”เจ้าของร้านกาแฟพูด
“สรุปว่า อย่าดูคน แค่เพียงหน้าตาดีจริงมั้ย..ครับ พูดก็พูด ..ผมมองนายหนึ่ง ผิดไปมากเลย ทั้งๆที่ผมเคยคาดหวังในตัวเขาไว้มาก ” ผมพูด
“แล้วพยาบาลสาวคนนี้ จะถูกนายหนึ่ง หลอกอีกหรือเปล่า ก็ไม่รู้ ที่แน่ๆแม่ค้าขายข้าวมันไก่ เมียคนแรกของเขาก็ถูกนายหนึ่งหลอกเอาเงินมาลงทุน แล้วไม่ยอมคืนให้ด้วย ทุกวันนี้เขาหย่ากันไปแล้ว ”เจ้าของร้านกาแฟพูด
“เวรกรรมแท้ๆ”ผมพูด
หน้าตาซื่อๆหน้าตาหล่อๆ อย่างนายหนึ่ง ดูเหมือนจะไม่มีพิษมีภัย แต่.ทำไม
.จิตใจเขากลับคดโกง เอารัดเปรียบผู้อื่นอย่างไร้ยางอาย ไร้จริยธรรม.จนไม่อยากจะเชื่อว่าเป็นเช่นนี้ ไปได้.???
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๑ กุมภาพันธ์ ๒๕๖๗ )
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น