ชื่อสมหวัง แต่ไม่สมหวัง - ชื่อสมหวัง แต่ไม่สมหวัง นิยาย ชื่อสมหวัง แต่ไม่สมหวัง : Dek-D.com - Writer

    ชื่อสมหวัง แต่ไม่สมหวัง

    สมหวัง เป็นหนึ่งในผู้พักหอพัก ที่ห้าวกว่าใคร เขากล้าท้าทายอาจารย์ผู้มีความอคติที่สุดในสถาบัน และรอดการติด F อย่างเหลือเชื่อ แต่....สมหวัง ก็ไม่สมหวังดังชื่อ

    ผู้เข้าชมรวม

    60

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    2

    ผู้เข้าชมรวม


    60

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  2 พ.ย. 66 / 04:58 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                         ไอ้หวัง . ผู้ไม่สมหวัง 

       สมหวัง(ไอ้หวัง)/วิทยา(ดำ) / สุรเชษฐ์ (เชษฐ์) /สุริยา(ยา) และบุญส่ง (กล้วย) เรียนในสาขาเศรษฐศาสตร์เกษตร แต่ละคนจบการศึกษาในระดับปวช.จากวิทยาลัยกันคนละแห่ง..เมื่อมาเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้  ได้มาเรียนในห้องเดียว กัน โดยมีผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา  ทุกคนได้รู้จักและสนิทกันตามลำดับ ทั้งห้าคนได้มาเช่าหอพักลุงบุญที่เป็นกรรมการที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยยางนา ที่หอพักเป็นหอพักแบบง่ายๆเจ้าของหอพักเพียงก่ออิฐบล็อกกั้นเป็นห้องๆ ทำประตู หน้าต่างและกั้นเป็นสัดส่วนห้องใครห้องมัน ค่าเช่ามีราคามิแพงนัก นักศึกษาจึงมาเช่ากันอยู่เป็นจำนวนมาก หอพักแห่งนี้เป็นหอพักชาย มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องพักอยู่ร่วมกัน ผมไปตรวจเยี่ยมค่อนข้างบ่อยเพราะใกล้ตลาดของหมู่บ้าน  

       นักศึกษารุ่น13- 14 -15และ16 อยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่ กลมเกลียว แม้จะมีการยึดถือรุ่นแต่ทุกคนต่างให้เกียรติกันและกัน  ความเป็นอยู่ของพวกเขาอยู่กันแบบลูกทุ่งๆ เพราะทุกคนเคยผ่านการศึกษาวิชาชีพเกษตรกรรม  การอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คงไม่ต้องมีใครสอน  ลุงบุญ เจ้าของหอพักมักเอ่ยปากชวนให้ผมเข้าไปเที่ยวที่หอพักของแกบ่อยๆ

      “อาจารย์ แวะไปดูหอพักของผมหน่อย.ดูสิว่า ลุง ควรจะต้องปรับปรุงอะไร บ้าง”  ลุงบุญพูด

      “ได้ครับลุง  ไว้ว่างๆก่อน ” ผมพูด

      การที่ลุงต้องการให้ผมเข้าไปดูหอพักของแก อาจเป็นอุบายที่ต้องการจะป้องปรามนักศึกษาที่จ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา  เผื่อจะเอาความคุ้นเคยของแกกับผมไว้ขู่จะฟ้องก็ได้  การที่ผมได้รับมอบหมายเป็นผู้ตรวจหอพักจากสถาบันก็เหมือนกับเป็นสารวัตรนักเรียน  ที่ต้องดูแลนักศึกษาทั้งสถาบันหลังเลิกเรียนแล้ว

                                              ***********************

       ผมขี่จักรยานผ่านหอพักลุงบุญ ในค่ำวันศุกร์วันหนึ่ง เนื่องจากหอพักหอนี้อยู่ติดกับถนนพหลโยธิน (ลำปาง-เชียงราย) ก็คงไม่พ้นสายตานักศึกษาคนใดคนหนึ่งที่เดินไป-เดินมาบริเวณหอพัก   

      “อาจารย์ ไปไหน ครับ” สมหวัง ทักทาย

      “ แวะตลาดหน่อย  ทำอะไรกัน ”  ผมถาม

      “พวกผมกำลังต้มเปรตปลาไหล  ปิ้งปลาหมอ ปลาช่อน  ครับ”

      แค่สมหวังตะโกนทักทายผม ลุงบุญซึ่งกำลังยืนคุยกับนักศึกษารายอื่นๆก็เดินออกมาทักทายกับผมบ้าง

      “ อาจารย์ครับ เชิญแวะเข้ามาข้างในเลยครับ  ”  ลุงบุญพูด

      “ทำอะไรกัน หรือครับ  ” ผมถาม

      “ เด๋็กๆ เขาไปวิดบ่อปลาที่บ้านสวนของนายชาติ ได้ปลามาเยอะเลย” ลุงบุญพูดภาษากลางแบบคนเหนือ

       “งั้นผม ขอแวะไปซื้อของที่ตลาดก่อน ขากลับจึงแวะ นะครับ "   ผมบอกสมหวังกับลุงบุญ 

      จากนั้นผมจึงค่อยๆขี่จักรยาน จากไป  ระยะทางจากหอพักไปยังตลาดมีระยะทางไม่เกิน 100 เมตร  หลังจากผมซื้อของกินได้จำนวนหนึ่งแล้ว จึงแวะเข้าที่หอพักลุงบุญตามสัญญา ผมจอดรถแล้วจึงเอาจักรยานพิงที่ข้างต้นมะพร้าวที่อยู่ข้างๆหอพัก สมาชิกในหอพักสิบกว่าคนได้ปูเสื่อตามยาว บนเสื่อมีชามปลาไหลต้มเปรตและในจานมีปลาปิ้งหลากหลายชนิดวางในจาน แก้วเหล้าขนาดจิ๋ววางไว้ตรงหน้าของทุกคน ทุกคนดูจะมีความสุขกับการจะนั่งร่วมวงพบปะสังสรรค์แบบพร้อมหน้าพร้อมตา เสียงพูดคุยเริ่มดังอึงมี่ เสียงช้อนกระทบชามสังกะสีที่ใส่ต้มเปรตปลาไหล ดังก๊องเก๊งๆๆๆ   

      ลุงบุญ -คนภายนอก ผู้อาวุโสวัยหกสิบเศษ นั่งในวงสุรากับนักศึกษาที่มาเช่าหอของเขา    เขาทำตัวกลมกลืนเพราะชอบกินของฟรี ว่าไปแล้วลุงบุญ จัดเป็นผู้มีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้านก็ว่าได้  เขามักชอบเข้าไปร่วมแจมกับคนอื่นๆ โดยทำทีไปนั่งร่วมคุยด้วย และในที่สุดก็ขยับเข้าไปนั่งดื่มโดยไม่มีส่วนร่วมในการแสดงน้ำใจในการจ่ายเงินบ้างเลย 

    สุราเถื่อนราคาถูกที่ซื้อจากบ้านจ่านายสิบตำรวจซึ่งอยู่เยื้องๆหอพักลุงบุญ  นักศึกษามักแวะไปอุดหนุนไม่ขาดสายตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันตกดิน  ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีเอเย่นต์จำหน่ายสุุราเถื่อนสองแห่งคือ บ้านผู้ใหญ่บ้านกับบ้านจ่านายสิบตำรวจ   

    “เฮ้ย .ไอ้กล้วยทุบพริกขี้หนูและบีบมะนาวลงเพิ่มอีกนิด สิ  ”  สมหวังพูด

    “เออ รสชาติ แซ่บหลายเลยทีีนี้  ” ดำพูด

    เด็กแก๊งนี้ ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาโดยตรง ทุกคนออกจะเคอะเขิน ในการจะดื่มและกินกับแกล้ม 

    “เฮ้ย. ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก นอกเวลาเราก็เหมือนญาติ  ไม่ต้องเกร็ง ตามสบายเลย” ผมพูด 

     หลังจากดีกรีเพิ่มในกาย ความเคอะเขินประหม่าของพวกเขาก็หมดสิ้น จริงๆขณะที่ผมสอนในชั้นเรียนก็เป็นกันเองอยู่แล้ว ความเป็นกันเองเช่นนี้ คงไม่มีอาจารย์คนใดกระทำ  นักศึกษากลุ่มนี้มี   สมหวังซึ่งเป็นเด็กจากจังหวัดเพชรบูรณ์เขามีเชื้อสายจีน ร่างเล็ก ผิวขาว ใบหน้าฟ้องว่าเป็นชายหน้าตี๋ ลูกศิษย์ผมคนนี้ค่อนข้างเป็นคนเจ้าความคิด  กล้าคิด กล้าพูด ส่วนคนอื่นๆอย่างไอ้ดำ ไอ้กล้วย ไอ้ยาและไอ้เชษฐ์ ทุกคนเป็นนักกิจกรรมทางกีฬาทั้งสิ้น ไอ้ดำ กับไอ้กล้วยเป็นนักเซปักตะกร้อในทีมเดียวกันไอ้เชษฐ์ เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นมีฝีมือเขามีอาชีพเสริมด้วยการชกมวยไทยตามเวทีต่างๆไอ้ยาเป็นนักทุ่มน้ำหนัก 

    หากผมมีโอกาสได้นั่งร่วมวงสุรากับลูกศิษย์ที่มีวัยห่างกันไม่ถึงสิบปี จึงมองพวกเขาเสมือนน้อง   พวกเขาจะอยู่ในสายตาของผมเสมอ ใครดื่มเหล้า มีนิสัยเกเรก็จะแนะนำให้ปรับปรุงบุคลิกภาพ เพราะวันข้างหน้าเมื่อจบการศึกษาไปทำงาน มันจะทำให้คนไม่เคารพศรัทธาในตัวเรา

    “ไอ้หวัง. เวลาดื่มเหล้าเนี่ยะ ต้องให้รู้จักระมัดระวังคำพูดคำจาหน่อย นี่ลุงบุญนั่งก็นั่งอยู่ท่านมีอายุแก่กว่าพ่อของนายเสียอีก ”ผมพูดเตือน    

    “ขอโทษ ครับอาจารย์  ผมลืมตัว ”

    "ไม่เป็นไร เพียงเตือนสติไว้  "

    ทุกคนที่ดื่มเหล้าในวงนี้ส่วนมากมีมารยาทดีรู้จักการให้เกียรติผู้อาวุโส แม้สมหวังจะมีบุคลิกชอบโหวกเหวกโวยวายบ้างอาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับพรรคพวกในกลุ่มจึงอาจเผลอตัวไปบ้างผมจึงไม่ได้นึกตำหนิเขากับเรื่องดังกล่าว แต่อยากให้เขาดูที่กาลเทศะว่า มีคนอิื่นๆนั่งรวมอยู่ด้วยหรือไม่เพราะสังคมไทยเราต้องรู้จักการให้เกียรติผู้อาวุโสกว่าเสมอ 

      “จากนี้ไป ผมจะลดความห่้าว ของผมครับ  ”สมหวังพูด

      “ไม่เป็นไร เพียงแค่ให้ดูถึงบรรยากาศก่อน น่ะ  ” ผมพูด

      กว่าวงสุราวงนี้จะเลิกได้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่มกว่า .ผมจึงค่อยๆขี่จักรยานกลับเข้าไปบ้านพัก  

                                                ***********************

    นักศึกษาในความดูแลของผมทั้งห้าคนนี้ มักจะถูกอาจารย์มงคลซึ่งเป็นหัวหน้าคณะวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร ที่เป็นผู้บังคับบัญชาที่ให้คุณให้โทษแก่ผมโดยตรงเขม่นเอา เป็นเพราะผมกับเขาเป็นขมิ้นกับปูน นับเป็นเรื่องเลวร้ายที่อาจารย์คนนี้ มิควรใช้ความอคติกับลูกศิษย์ของตนเลย 

    “อาจารย์ ครับ พวกผม ถูกอาจารย์มงคล ไม่ให้เข้าชั้นเรียนครับ ” ผมถาม

    “เกิดอะไรขึ้นหรือ” ผมถาม

    “ผมมาเข้าชั้นเรียนแค่ช้าไปไม่ถึงสิบนาทีเองพอกำลังจะหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ อาจารย์มงคลก็บอกพวกผมว่าพวกคุณ ออกจากห้องเรียนไปเลย เพราะมาสายกว่าที่ระเบียบกำหนดทั้งๆที่ระเบียบของสถาบันกำหนดว่าผู้มาเข้าเรียนสายจะต้องมาช้ากว่า15 นาทีจึงจะไม่มีสิทธิเข้าชั้นเรียนแต่นี่พวกผมมาช้าไปเพียง8 นาทีเอง   ” สมหวังพูด

    “ใช่ตามระเบียบคนไม่มีสิทธิเข้าชั้นเรียน ต้องมาช้าเกิน15 นาทีเท่านั้น  ”ผมพูด

    “พวกผมไม่ยอม แต่จะอย่างไร ผมเกรงว่า เขาจะใช้อำนาจปลายปากกาแกล้งให้ผมติด F  ผมจึงยอมขาดชั่วโมงเรียนของอาจารย์ ” สมหวังพูด

      “วันหน้า ก็มาเข้าชั้นเรียนเช้าๆหน่อยสิ จะได้ตัดปัญหาไป อาจารย์ขี้เกียจต้องไปทะเลาะกับเขา”ผมพูด

      “ในสถาบันของเรา มีเพียงอาจารย์ไม่กี่คนหรอกครับ ที่พูดยาก ”

     “มีใครบ้างล่ะ ”

     “อ.ปวีณา อ.ปิติ อ.ณรงค์ อ.โกศลและ อ.มงคล  ”

     “ใช่อาจารย์พวกนี้เขาหัวโบราณไดโนเสาร์จริงๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลนิสัยบ้างเลย อคติกับนักศึกษา ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น มาแล้ว” ผมพูด

     “พวกผมโดนคาดโทษว่า หากมาสายอีกครั้ง เขาจะไม่เข้าห้องสอบ” สมหวังพูด

      “อาจารย์ไม่ห่วงคนอื่นๆหรอก ยกเว้นนายกับนายสุริย ได้ยินข่าวว่าเขาจับตามองเราสองคนอย่างตาไม่กระพริบ ไปทำอะไร ให้อาจารย์มงคลหมั่นไส้เล่า ” ผมพูด

      “ แกสอนพวกผมเกี่ยวกับกฎว่าด้วยการทดแทนว่า หากวัตถุดิบที่เคยใช้มีราคาสูงและจะเป็นสาเหตุที่ทำกิจการที่เราต้องเพิ่มต้นทุน เราก็จำต้องหาวัตถุดิบตัวอื่นมาใช้ทดแทน ”

    “แล้วไง.. อีก” 

     “  อาจารย์ แกถามผมว่า หากนายคุณเลี้ยงสุกร แล้ววัตถุดิบอย่างเมล็ดข้าวโพดมีราคาแพง คุณจะใช้วัตถุดิบตัวใดแทนข้าวโพด ”สมหวังพูด 

    “แล้วคุณตอบว่าไง ” ผมพูด 

    “ผมบอกกับอาจารย์ไปว่า ที่บ้านผมที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ข้าวโพดไม่มีวันหมดและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหมดลง    อาจารย์มงคลแกก็เลยโกรธผม  "

     “เฮ้ย .เขาสมมติ  น่ะ”

     “ก็ผมตอบเรื่องจริง นี่่ครับ”สมหวัง พูด

     “เอ็งนี่ มันวอนจริงๆ รู้ก็รู้ว่า อาจารย์มงคล เวลาโกรธใครแล้วจะฝังใจแค้นยากจะลืมระวังตัวให้ดี วิชานี้คงรอเรียนใหม่อีกเทอมแล้ว”ผมพูด

                                       สมหวัง…ต้องเจอดีแน่ๆ  ผมคิดในใจ   

    "อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดครับอาจารย์ ผมรู้ตัวดีว่าวิชานี้ ผมกับไอ้สุริยาคงต้องไปเรียนวิชานี้ซ้ำอีก ช่วงซัมเมอร์ที่กาฬสินธ์ุ แน่นอน  “

     หยุดกวนโอ้ย.อ.มงคล ได้แล้ว บอกสุริยาด้วย หลีกเลี่ยงได้ก็หยุดซะ” ผมพูดเติอนกับสมหวังด้วยความหวังดี

                                               **************************

     คนเราเมื่อไม่ถูกชะตากัน โดยเฉพาะอาจารย์มงคลคนนี้ถือว่าเป็นอาจารย์ที่มีอคติไม่แพ้อาจารย์ปวีณา     แต่ละเทอมต้องมีนักศึกษาที่ต้องเสียใจและต้องถูกรีไทร์ ไปเป็นจำนวนนับร้อยคนไม่เคยเลยสักนิดที่คนทั้งสองจะรู้สึกสงสาร และเห็นใจผู้ปกครองนักศึกษา   

       “วิชาจัดการฟาร์ม ผมได้หกเต็ม40 คะแนนครับ อาจารย์ " สมหวังมารายงานผลการเรียน หลังสอบเสร็จช่วงกลางเทอม   

      “ถ้าผมจะติด F แน่ๆครับ ”สมหวัง พูด  

       “ยังมีโอกาส แก้ตัวน่า”ผมพูดให้กำลังใจ  

      “มีคนได้คะแนนต่ำกว่าผม อีกสิบกว่าคน ”  สมหวังพูด

      “อาจารย์มงคล เขาก็เป็นคนอย่างนี้แหละ สันดานที่แก้ไขไม่ได้เห็นลูกศิษย์เจ็บปวด ดูเขาจะมีความสุข ”

      “ในกลุ่มผมเป็นไปตามคาด มีผมกับไอ้ยาเท่านั้นที่สอบตก ที่เหลือสอบผ่านกันหมดแบบเฉียดฉิว จะอย่างไร ผมก็ไม่ท้อ” สมหวังพูด

    “เลิกต่อปากต่อคำเสียทุกอย่างอาจดีขึ้น ”

     “ผมจะพยายามครับ อาจารย์คนนีทีพูดกับเพื่อนผู้หญิงในห้องทำพูดไพเราะ ตาหวานเชียว”สมหวังพูดกึ่งฟ้อง

     “คงธรรมดาแหละ ”ผมพูด

     ระยะหลัง.. สมหวังนิ่งไปกว่าแต่ก่อน ดูเขาคงเกรงว่า่จะสอบวิชาที่อาจารย์มงคลสอนไม่ผ่าน  กล้วยกับเชษฐ์ ซึ่งเรียนเก่งกว่าใครๆในกลุ่มพยายามติวเข้มให้ตลอด การสอบย่อยเก็บคะแนน รายงาน ที่อาจารย์มอบหมายให้ทำ สมหวังก็ส่งให้ไม่ขาด 

      เมื่อการสอบปลายภาคมาถึงทุกคนเข้าสอบอย่างมั่นใจกว่าการสอบกลางภาคที่ผ่านมา  ผมยังมีโอกาสแวะเวียนไปที่หอพักของพวกเขาและให้กำลังใจในด้านการเรียน  

      “สู้ๆโว้ยทุกคน อาจารย์มั่นใจว่าวิชาการจัดการฟาร์ม ที่อาจารย์มงคลสอน คงไม่มีใครติด F อย่างแน่นอน ”

       ระหว่างการสอบสี่วัน ทุกคนค่อนข้างเคร่งเครียด ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากสมัยที่ผมเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน และวันนัดหมายของการผ่อนคลายก็เกิดขึ้น เมื่อสอบเสร็จวันสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาเพื่อรอการกลับมาเรียนในเทอมสุดท้าย ปีสุดท้าย ทุกคนเข้าร่วมเข้าหุ้นเงินกันซื่อสุราซื้อเนื้อวัวมาทำลาบ ทำส้ากิน 

                               ผมเข้าไปนั่งดื่มสังสรรค์ กับพวกเขาสักครู่ จึงขอตัวกลับ

                                          *****************************

    เปิดเรียนเทอมสุดท้ายของปีสุดท้าย ซึ่งจะจบการศึกษา สุริยา(ยา) เดินทางออกจากบ้านด้วยรถจักรยานยนต์จากเชียงใหม่เขาผ่านตลาดทุ่งเกวียนจึงแวะซื้อของป่ามาทำกับแกล้มกินกับเพื่อนเพื่อฉลองการสอบผ่านวิชาการจัดการฟาร์มในหอพักคึกคัก.ดังกับว่าคนในหอนี้ถูกลอตเตอรี่ แสงไฟ.สว่างไสวอีกครั้งหลังจากปิดเทอมไปเกือบ 20 วันสุริยาขับรถจักร ยานยนต์มารับผมไปร่วมฉลองที่เขาไม่ติด F    

    “ผมกับไอ้ยารอดตายครับอาจารย์ ไม่ติด F แล้ว ได้เกรดแค่ D ก็พอใจแล้ว ” สมหวังพูด"

    “อย่าประมาทนะ ยังมีวิชาอีกวิชาคือปัญหาพิเศษ ของอาจารย์ มงคล  อีกวิชา”ผมพูด

    “ครับ”

                             *********************************** 

     ผมพยายามดูแลขับเคี่ยว ให้ทุกคนที่เป็นนักศึกษาในความดูแลอยู่ในกรอบวินัย ยิ่งเทอมสุดท้ายเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนใหญ่ทุกคนจะไปเรียนสาย พวกนักกีฬาที่เป็นตัวแทนสถาบันอย่างนายดำ นายกล้วยและนายเชษฐ์  ต้องไปซ้อมกีฬา กว่าจะเข้าถึงหอก็เกือบทุ่มครึ่งทุกวัน ระหว่างนั้น. สุริยากับสมหวังได้แวะไปหาเพื่อนที่ฟาร์ม(คอกหมู) เขาเดินผ่านคอกสุกรพันธุ์ ที่เพิ่งคลอได้ไม่ถึงสัปดาห์ 

    “โอ้โห.. ไอ้หวัง .ถ้าได้ลูกหมูน้ำหนักขนาดนี้ไปหันสักตัว -สองตัว คงไม่เลวว่ะ ” สุริยาพูด

     “ใช่ ..กูก็คิดเหมือนมึงเลย” สมหวัง พูด 

    “เอางี้ วันไหน.. ถ้าเรากินเหล้ากันเรามาลักเอาหมูไปสักตัวนึง ..เดี๋ยวเราต้องมาวางแผนกัน”  สุริยาต้นความคิดเอ่ยปาก

                                            ************************** 

                                    เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์  เมื่อสุริยาเอ่ยปาก

    “วันนี้  วันเกิดกู ต้องจัดเลี้ยงกันหน่อย”สุริยาพูดกับสมหวัง  

    “ใช่เร้อ. วันเกิดมึงเดือนมกรา กูจำได้  ”สมหวังพูด

     “วันนี้ คือวันเกิด .ที่กูอยากกินหมูหันโว้ย ไป  เดี๋ยวมึงกับกูไปเตรียมถุงกระสอบไปใส่ลูกหมู ” สุริยาพูด  

     อากาศสลัวๆในฟาร์มสุกร ซึ่งไม่มีใครเฝ้า รปภ.ยังไม่ได้เข้ามาตรวจตราตรงจุดนี้ ทั้งสองคนได้วางแผนการขโมยลูกหมูไว้เป็นอย่างดี เหยื่อตัวแรกถูกจู่โจม เมื่อจับขามันได้. ก็จัดการฟาดลงพื้นจนแน่นิ่งทั้งคู่ใส่ลูกสุกรลงกระสอบป่าน แล้วขี่จักรยานยนต์กลับเข้าหอและลุกรตัวนั้นก็ถูกนำมาเป็นกับแกล้มหมูหันบูชายันต์ หลังทุ่มครึ่งผ่านไป เมื่อนักกีฬาที่ฝึกซ้อมที่สนามกีฬา กลับมาหอได้นั่งร่วมวงและดื่มสุรากันสุกรที่มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัมก็อันตรธานไปในเวลาไม่ถึงชั่วโมง

      “หมดแล้ว ว่ะหมุูหัน..ไอ้กล้วย” สมหวังพูด

     “ครั้งนี้ เปลี่ยนคนไปบ้างสิ ลูกหมูแม่งเต็มเล้าไปหมดครั้งนี้ เอามาอีกสองตัวจะได้ไม่ต้องไปเอาอีกรอบ”สุริยาพูด

    “ไอ้หวัง กับไอ้ดำไปก็แล้วกัน”สุริยาพูดอีกครั้ง พร้อมระบุตัวคนที่จะไป 

     “มึงรอแป๊บ ไม่ถึง10 นาที หรอก ไป..ไอ้ดำซ่อนกระสอบดีๆอย่าให้ยามเห็นล่ะ ”สมหวังพูด  

    “เค.. กูพร้อมแล้ว ” ไอ้ดำ พูด

      สองหนุ่ม ..นักโจรกรรมขี่จักรยานยนต์ของสุริยา บึ่งเข้าไปในสถาบัน  เขาต้องผ่านป้อมยามหน้าประตูทางเข้า  ไม่มีพิรุธใดๆ ที่ต้องให้รปภ. สงสัยเพื่อสอบถาม  สมหวังเอาจักรยานยนต์จอดใต้ต้นหางนกยูง จากนั้นจึงเข้าไปที่คอกแม่พันธุ์สุกรเขาเล็งๆหาลูกสุกรตัวสวยๆ 

      “มึงจัดการตัวนึง กูตัวนึง ”สมหวังบอกไอ้ดำ 

      “เหี้ย..ลูกหมูแม่งร้องเสียงดังลั่น แม่หมูมันหวงลูกมันเสียด้วย ฉิบหาย…ยามมาพอดีเลย เผ่นกันก่อนโว้ยไอ้หวัง     ไอ้หวังตายแน่ ..คราวนี้ ” ดำพูด   

    สองนักโจรกรรม ตกใจวิ่งหนีออกจากคอกหมู เข้าป่าไปกันคนละทิศละทาง ..รองเท้าไอ้ดำหลุดไปหนึ่งข้างทิ้งไว้เป็นหลักฐาน ไอ้หวังจอดรถทิ้งที่ใต้ต้นหางนกยูงเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญ  ยามที่มาพบจึงจูงเก็บไว้ที่อาคารเพื่อรอการมาไถ่ถอน 

                                                  *****************************

        เช้าวันรุ่งขึ้นที่หน้าเสาธง อาจารย์ แผนกปกครองได้ขึ้นไปประกาศข่าว แจ้งให้เจ้าของรถ และเจ้าของรองเท้ามารับคืน  สุริยาซึ่งเป็นเจ้าของรถ จึงต้องไปรับคืนและจำเป็นต้องยอมรับสารภาพ ทั้งสามคน  จึงต้องตกเป็นจำเลยฐานความผิด คิอลักทรัพย์ในยามวิกาล หลังจากทั้งสามคนถูกกรรมการด้านวินัยเรียกไปสอบปากคำแล้ว อีกสองวันต่อมา ทางสถาบันจึงประกาศลงโทษทั้งสามคน   คือให้หมดสภาพจากการเป็นนักศึกษา  แม้ผมจะพยายามให้คนทั้งสามอุทธรณ์บทลงโทษ    ในฐานะทีมีคุณงามความดีเป็นตัวแทนนักกีฬาของสถาบัน       ผลการอุทธรณ์ ของวิทยาจึงถูกภาคทัณฑ์แค่พักการเรียน   

                     ***************                                        

     ครั้งที่เรียนวิชาจัดการฟาร์ม ไอ้หวัง เคยร้องเพลงปลอบใจตัวเองหลังสอบว่า  “ไอ้หวังตายแน่ๆ  ตายแน่ไอ้หวัง”   แต่เขาก็รอด      ครั้งหลังสุด ที่ไอ้หวัง.  โจรกรรมลูกสุกร 

     ไอ้หวัง ต้องตาย. ตายทั้งเป็นเสียด้วย   

      นึกไปก็ให้สงสารนายสมหวัง  ที่ไม่สมหวังกับอนาคตของตน  ชื่อสมหวัง  แต่กลับไม่สมหวัง … ดังชื่อ   

    ขลุ่ย  บ้านข่อย  (๑ พย ๖๖)

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×