ชื่อสมหวัง แต่ไม่สมหวัง
สมหวัง เป็นหนึ่งในผู้พักหอพัก ที่ห้าวกว่าใคร เขากล้าท้าทายอาจารย์ผู้มีความอคติที่สุดในสถาบัน และรอดการติด F อย่างเหลือเชื่อ แต่....สมหวัง ก็ไม่สมหวังดังชื่อ
ผู้เข้าชมรวม
60
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ไอ้หวัง . ผู้ไม่สมหวัง
สมหวัง(ไอ้หวัง)/วิทยา(ดำ) / สุรเชษฐ์ (เชษฐ์) /สุริยา(ยา) และบุญส่ง (กล้วย) เรียนในสาขาเศรษฐศาสตร์เกษตร แต่ละคนจบการศึกษาในระดับปวช.จากวิทยาลัยกันคนละแห่ง..เมื่อมาเรียนในสถานศึกษาแห่งนี้ ได้มาเรียนในห้องเดียว กัน โดยมีผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษา ทุกคนได้รู้จักและสนิทกันตามลำดับ ทั้งห้าคนได้มาเช่าหอพักลุงบุญที่เป็นกรรมการที่ปรึกษาผู้ใหญ่บ้านบ้านห้วยยางนา ที่หอพักเป็นหอพักแบบง่ายๆเจ้าของหอพักเพียงก่ออิฐบล็อกกั้นเป็นห้องๆ ทำประตู หน้าต่างและกั้นเป็นสัดส่วนห้องใครห้องมัน ค่าเช่ามีราคามิแพงนัก นักศึกษาจึงมาเช่ากันอยู่เป็นจำนวนมาก หอพักแห่งนี้เป็นหอพักชาย มีทั้งรุ่นพี่รุ่นน้องพักอยู่ร่วมกัน ผมไปตรวจเยี่ยมค่อนข้างบ่อยเพราะใกล้ตลาดของหมู่บ้าน
นักศึกษารุ่น13- 14 -15และ16 อยู่ร่วมกันอย่างรักใคร่ กลมเกลียว แม้จะมีการยึดถือรุ่นแต่ทุกคนต่างให้เกียรติกันและกัน ความเป็นอยู่ของพวกเขาอยู่กันแบบลูกทุ่งๆ เพราะทุกคนเคยผ่านการศึกษาวิชาชีพเกษตรกรรม การอยู่ในสภาพแวดล้อมเช่นนี้ คงไม่ต้องมีใครสอน ลุงบุญ เจ้าของหอพักมักเอ่ยปากชวนให้ผมเข้าไปเที่ยวที่หอพักของแกบ่อยๆ
“อาจารย์ แวะไปดูหอพักของผมหน่อย.ดูสิว่า ลุง ควรจะต้องปรับปรุงอะไร บ้าง” ลุงบุญพูด
“ได้ครับลุง ไว้ว่างๆก่อน ” ผมพูด
การที่ลุงต้องการให้ผมเข้าไปดูหอพักของแก อาจเป็นอุบายที่ต้องการจะป้องปรามนักศึกษาที่จ่ายค่าเช่าไม่ตรงเวลา เผื่อจะเอาความคุ้นเคยของแกกับผมไว้ขู่จะฟ้องก็ได้ การที่ผมได้รับมอบหมายเป็นผู้ตรวจหอพักจากสถาบันก็เหมือนกับเป็นสารวัตรนักเรียน ที่ต้องดูแลนักศึกษาทั้งสถาบันหลังเลิกเรียนแล้ว
***********************
ผมขี่จักรยานผ่านหอพักลุงบุญ ในค่ำวันศุกร์วันหนึ่ง เนื่องจากหอพักหอนี้อยู่ติดกับถนนพหลโยธิน (ลำปาง-เชียงราย) ก็คงไม่พ้นสายตานักศึกษาคนใดคนหนึ่งที่เดินไป-เดินมาบริเวณหอพัก
“อาจารย์ ไปไหน ครับ” สมหวัง ทักทาย
“ แวะตลาดหน่อย ทำอะไรกัน ” ผมถาม
“พวกผมกำลังต้มเปรตปลาไหล ปิ้งปลาหมอ ปลาช่อน ครับ”
แค่สมหวังตะโกนทักทายผม ลุงบุญซึ่งกำลังยืนคุยกับนักศึกษารายอื่นๆก็เดินออกมาทักทายกับผมบ้าง
“ อาจารย์ครับ เชิญแวะเข้ามาข้างในเลยครับ ” ลุงบุญพูด
“ทำอะไรกัน หรือครับ ” ผมถาม
“ เด๋็กๆ เขาไปวิดบ่อปลาที่บ้านสวนของนายชาติ ได้ปลามาเยอะเลย” ลุงบุญพูดภาษากลางแบบคนเหนือ
“งั้นผม ขอแวะไปซื้อของที่ตลาดก่อน ขากลับจึงแวะ นะครับ " ผมบอกสมหวังกับลุงบุญ
จากนั้นผมจึงค่อยๆขี่จักรยาน จากไป ระยะทางจากหอพักไปยังตลาดมีระยะทางไม่เกิน 100 เมตร หลังจากผมซื้อของกินได้จำนวนหนึ่งแล้ว จึงแวะเข้าที่หอพักลุงบุญตามสัญญา ผมจอดรถแล้วจึงเอาจักรยานพิงที่ข้างต้นมะพร้าวที่อยู่ข้างๆหอพัก สมาชิกในหอพักสิบกว่าคนได้ปูเสื่อตามยาว บนเสื่อมีชามปลาไหลต้มเปรตและในจานมีปลาปิ้งหลากหลายชนิดวางในจาน แก้วเหล้าขนาดจิ๋ววางไว้ตรงหน้าของทุกคน ทุกคนดูจะมีความสุขกับการจะนั่งร่วมวงพบปะสังสรรค์แบบพร้อมหน้าพร้อมตา เสียงพูดคุยเริ่มดังอึงมี่ เสียงช้อนกระทบชามสังกะสีที่ใส่ต้มเปรตปลาไหล ดังก๊องเก๊งๆๆๆ
ลุงบุญ -คนภายนอก ผู้อาวุโสวัยหกสิบเศษ นั่งในวงสุรากับนักศึกษาที่มาเช่าหอของเขา เขาทำตัวกลมกลืนเพราะชอบกินของฟรี ว่าไปแล้วลุงบุญ จัดเป็นผู้มีฐานะดีที่สุดในหมู่บ้านก็ว่าได้ เขามักชอบเข้าไปร่วมแจมกับคนอื่นๆ โดยทำทีไปนั่งร่วมคุยด้วย และในที่สุดก็ขยับเข้าไปนั่งดื่มโดยไม่มีส่วนร่วมในการแสดงน้ำใจในการจ่ายเงินบ้างเลย
สุราเถื่อนราคาถูกที่ซื้อจากบ้านจ่านายสิบตำรวจซึ่งอยู่เยื้องๆหอพักลุงบุญ นักศึกษามักแวะไปอุดหนุนไม่ขาดสายตั้งแต่ตะวันยังไม่ทันตกดิน ที่หมู่บ้านแห่งนี้มีเอเย่นต์จำหน่ายสุุราเถื่อนสองแห่งคือ บ้านผู้ใหญ่บ้านกับบ้านจ่านายสิบตำรวจ
“เฮ้ย .ไอ้กล้วยทุบพริกขี้หนูและบีบมะนาวลงเพิ่มอีกนิด สิ ” สมหวังพูด
“เออ รสชาติ แซ่บหลายเลยทีีนี้ ” ดำพูด
เด็กแก๊งนี้ ผมเป็นอาจารย์ที่ปรึกษาของเขาโดยตรง ทุกคนออกจะเคอะเขิน ในการจะดื่มและกินกับแกล้ม
“เฮ้ย. ไม่ต้องเกรงใจผมหรอก นอกเวลาเราก็เหมือนญาติ ไม่ต้องเกร็ง ตามสบายเลย” ผมพูด
หลังจากดีกรีเพิ่มในกาย ความเคอะเขินประหม่าของพวกเขาก็หมดสิ้น จริงๆขณะที่ผมสอนในชั้นเรียนก็เป็นกันเองอยู่แล้ว ความเป็นกันเองเช่นนี้ คงไม่มีอาจารย์คนใดกระทำ นักศึกษากลุ่มนี้มี สมหวังซึ่งเป็นเด็กจากจังหวัดเพชรบูรณ์เขามีเชื้อสายจีน ร่างเล็ก ผิวขาว ใบหน้าฟ้องว่าเป็นชายหน้าตี๋ ลูกศิษย์ผมคนนี้ค่อนข้างเป็นคนเจ้าความคิด กล้าคิด กล้าพูด ส่วนคนอื่นๆอย่างไอ้ดำ ไอ้กล้วย ไอ้ยาและไอ้เชษฐ์ ทุกคนเป็นนักกิจกรรมทางกีฬาทั้งสิ้น ไอ้ดำ กับไอ้กล้วยเป็นนักเซปักตะกร้อในทีมเดียวกันไอ้เชษฐ์ เป็นนักมวยสากลสมัครเล่นมีฝีมือเขามีอาชีพเสริมด้วยการชกมวยไทยตามเวทีต่างๆไอ้ยาเป็นนักทุ่มน้ำหนัก
หากผมมีโอกาสได้นั่งร่วมวงสุรากับลูกศิษย์ที่มีวัยห่างกันไม่ถึงสิบปี จึงมองพวกเขาเสมือนน้อง พวกเขาจะอยู่ในสายตาของผมเสมอ ใครดื่มเหล้า มีนิสัยเกเรก็จะแนะนำให้ปรับปรุงบุคลิกภาพ เพราะวันข้างหน้าเมื่อจบการศึกษาไปทำงาน มันจะทำให้คนไม่เคารพศรัทธาในตัวเรา
“ไอ้หวัง. เวลาดื่มเหล้าเนี่ยะ ต้องให้รู้จักระมัดระวังคำพูดคำจาหน่อย นี่ลุงบุญนั่งก็นั่งอยู่ท่านมีอายุแก่กว่าพ่อของนายเสียอีก ”ผมพูดเตือน
“ขอโทษ ครับอาจารย์ ผมลืมตัว ”
"ไม่เป็นไร เพียงเตือนสติไว้ "
ทุกคนที่ดื่มเหล้าในวงนี้ส่วนมากมีมารยาทดีรู้จักการให้เกียรติผู้อาวุโส แม้สมหวังจะมีบุคลิกชอบโหวกเหวกโวยวายบ้างอาจเป็นเพราะเขาคุ้นเคยกับพรรคพวกในกลุ่มจึงอาจเผลอตัวไปบ้างผมจึงไม่ได้นึกตำหนิเขากับเรื่องดังกล่าว แต่อยากให้เขาดูที่กาลเทศะว่า มีคนอิื่นๆนั่งรวมอยู่ด้วยหรือไม่เพราะสังคมไทยเราต้องรู้จักการให้เกียรติผู้อาวุโสกว่าเสมอ
“จากนี้ไป ผมจะลดความห่้าว ของผมครับ ”สมหวังพูด
“ไม่เป็นไร เพียงแค่ให้ดูถึงบรรยากาศก่อน น่ะ ” ผมพูด
กว่าวงสุราวงนี้จะเลิกได้ก็ปาเข้าไปเกือบห้าทุ่มกว่า .ผมจึงค่อยๆขี่จักรยานกลับเข้าไปบ้านพัก
***********************
นักศึกษาในความดูแลของผมทั้งห้าคนนี้ มักจะถูกอาจารย์มงคลซึ่งเป็นหัวหน้าคณะวิชาเศรษฐศาสตร์เกษตร ที่เป็นผู้บังคับบัญชาที่ให้คุณให้โทษแก่ผมโดยตรงเขม่นเอา เป็นเพราะผมกับเขาเป็นขมิ้นกับปูน นับเป็นเรื่องเลวร้ายที่อาจารย์คนนี้ มิควรใช้ความอคติกับลูกศิษย์ของตนเลย
“อาจารย์ ครับ พวกผม ถูกอาจารย์มงคล ไม่ให้เข้าชั้นเรียนครับ ” ผมถาม
“เกิดอะไรขึ้นหรือ” ผมถาม
“ผมมาเข้าชั้นเรียนแค่ช้าไปไม่ถึงสิบนาทีเองพอกำลังจะหย่อนก้นนั่งที่เก้าอี้ อาจารย์มงคลก็บอกพวกผมว่าพวกคุณ ออกจากห้องเรียนไปเลย เพราะมาสายกว่าที่ระเบียบกำหนดทั้งๆที่ระเบียบของสถาบันกำหนดว่าผู้มาเข้าเรียนสายจะต้องมาช้ากว่า15 นาทีจึงจะไม่มีสิทธิเข้าชั้นเรียนแต่นี่พวกผมมาช้าไปเพียง8 นาทีเอง ” สมหวังพูด
“ใช่ตามระเบียบคนไม่มีสิทธิเข้าชั้นเรียน ต้องมาช้าเกิน15 นาทีเท่านั้น ”ผมพูด
“พวกผมไม่ยอม แต่จะอย่างไร ผมเกรงว่า เขาจะใช้อำนาจปลายปากกาแกล้งให้ผมติด F ผมจึงยอมขาดชั่วโมงเรียนของอาจารย์ ” สมหวังพูด
“วันหน้า ก็มาเข้าชั้นเรียนเช้าๆหน่อยสิ จะได้ตัดปัญหาไป อาจารย์ขี้เกียจต้องไปทะเลาะกับเขา”ผมพูด
“ในสถาบันของเรา มีเพียงอาจารย์ไม่กี่คนหรอกครับ ที่พูดยาก ”
“มีใครบ้างล่ะ ”
“อ.ปวีณา อ.ปิติ อ.ณรงค์ อ.โกศลและ อ.มงคล ”
“ใช่อาจารย์พวกนี้เขาหัวโบราณไดโนเสาร์จริงๆ ไม่เคยเปลี่ยนแปลนิสัยบ้างเลย อคติกับนักศึกษา ไม่รู้กี่รุ่นต่อกี่รุ่น มาแล้ว” ผมพูด
“พวกผมโดนคาดโทษว่า หากมาสายอีกครั้ง เขาจะไม่เข้าห้องสอบ” สมหวังพูด
“อาจารย์ไม่ห่วงคนอื่นๆหรอก ยกเว้นนายกับนายสุริย ได้ยินข่าวว่าเขาจับตามองเราสองคนอย่างตาไม่กระพริบ ไปทำอะไร ให้อาจารย์มงคลหมั่นไส้เล่า ” ผมพูด
“ แกสอนพวกผมเกี่ยวกับกฎว่าด้วยการทดแทนว่า หากวัตถุดิบที่เคยใช้มีราคาสูงและจะเป็นสาเหตุที่ทำกิจการที่เราต้องเพิ่มต้นทุน เราก็จำต้องหาวัตถุดิบตัวอื่นมาใช้ทดแทน ”
“แล้วไง.. อีก”
“ อาจารย์ แกถามผมว่า หากนายคุณเลี้ยงสุกร แล้ววัตถุดิบอย่างเมล็ดข้าวโพดมีราคาแพง คุณจะใช้วัตถุดิบตัวใดแทนข้าวโพด ”สมหวังพูด
“แล้วคุณตอบว่าไง ” ผมพูด
“ผมบอกกับอาจารย์ไปว่า ที่บ้านผมที่จังหวัดเพชรบูรณ์ ข้าวโพดไม่มีวันหมดและมันเป็นไปไม่ได้เลยที่จะหมดลง อาจารย์มงคลแกก็เลยโกรธผม "
“เฮ้ย .เขาสมมติ น่ะ”
“ก็ผมตอบเรื่องจริง นี่่ครับ”สมหวัง พูด
“เอ็งนี่ มันวอนจริงๆ รู้ก็รู้ว่า อาจารย์มงคล เวลาโกรธใครแล้วจะฝังใจแค้นยากจะลืมระวังตัวให้ดี วิชานี้คงรอเรียนใหม่อีกเทอมแล้ว”ผมพูด
สมหวัง…ต้องเจอดีแน่ๆ ผมคิดในใจ
"อะไรจะเกิด มันก็ต้องเกิดครับอาจารย์ ผมรู้ตัวดีว่าวิชานี้ ผมกับไอ้สุริยาคงต้องไปเรียนวิชานี้ซ้ำอีก ช่วงซัมเมอร์ที่กาฬสินธ์ุ แน่นอน “
หยุดกวนโอ้ย.อ.มงคล ได้แล้ว บอกสุริยาด้วย หลีกเลี่ยงได้ก็หยุดซะ” ผมพูดเติอนกับสมหวังด้วยความหวังดี
**************************
คนเราเมื่อไม่ถูกชะตากัน โดยเฉพาะอาจารย์มงคลคนนี้ถือว่าเป็นอาจารย์ที่มีอคติไม่แพ้อาจารย์ปวีณา แต่ละเทอมต้องมีนักศึกษาที่ต้องเสียใจและต้องถูกรีไทร์ ไปเป็นจำนวนนับร้อยคนไม่เคยเลยสักนิดที่คนทั้งสองจะรู้สึกสงสาร และเห็นใจผู้ปกครองนักศึกษา
“วิชาจัดการฟาร์ม ผมได้หกเต็ม40 คะแนนครับ อาจารย์ " สมหวังมารายงานผลการเรียน หลังสอบเสร็จช่วงกลางเทอม
“ถ้าผมจะติด F แน่ๆครับ ”สมหวัง พูด
“ยังมีโอกาส แก้ตัวน่า”ผมพูดให้กำลังใจ
“มีคนได้คะแนนต่ำกว่าผม อีกสิบกว่าคน ” สมหวังพูด
“อาจารย์มงคล เขาก็เป็นคนอย่างนี้แหละ สันดานที่แก้ไขไม่ได้เห็นลูกศิษย์เจ็บปวด ดูเขาจะมีความสุข ”
“ในกลุ่มผมเป็นไปตามคาด มีผมกับไอ้ยาเท่านั้นที่สอบตก ที่เหลือสอบผ่านกันหมดแบบเฉียดฉิว จะอย่างไร ผมก็ไม่ท้อ” สมหวังพูด
“เลิกต่อปากต่อคำเสียทุกอย่างอาจดีขึ้น ”
“ผมจะพยายามครับ อาจารย์คนนีทีพูดกับเพื่อนผู้หญิงในห้องทำพูดไพเราะ ตาหวานเชียว”สมหวังพูดกึ่งฟ้อง
“คงธรรมดาแหละ ”ผมพูด
ระยะหลัง.. สมหวังนิ่งไปกว่าแต่ก่อน ดูเขาคงเกรงว่า่จะสอบวิชาที่อาจารย์มงคลสอนไม่ผ่าน กล้วยกับเชษฐ์ ซึ่งเรียนเก่งกว่าใครๆในกลุ่มพยายามติวเข้มให้ตลอด การสอบย่อยเก็บคะแนน รายงาน ที่อาจารย์มอบหมายให้ทำ สมหวังก็ส่งให้ไม่ขาด
เมื่อการสอบปลายภาคมาถึงทุกคนเข้าสอบอย่างมั่นใจกว่าการสอบกลางภาคที่ผ่านมา ผมยังมีโอกาสแวะเวียนไปที่หอพักของพวกเขาและให้กำลังใจในด้านการเรียน
“สู้ๆโว้ยทุกคน อาจารย์มั่นใจว่าวิชาการจัดการฟาร์ม ที่อาจารย์มงคลสอน คงไม่มีใครติด F อย่างแน่นอน ”
ระหว่างการสอบสี่วัน ทุกคนค่อนข้างเคร่งเครียด ซึ่งมันไม่ได้แตกต่างจากสมัยที่ผมเคยผ่านประสบการณ์เช่นนี้มาก่อน และวันนัดหมายของการผ่อนคลายก็เกิดขึ้น เมื่อสอบเสร็จวันสุดท้ายก่อนที่พวกเขาจะแยกย้ายกันกลับภูมิลำเนาเพื่อรอการกลับมาเรียนในเทอมสุดท้าย ปีสุดท้าย ทุกคนเข้าร่วมเข้าหุ้นเงินกันซื่อสุราซื้อเนื้อวัวมาทำลาบ ทำส้ากิน
ผมเข้าไปนั่งดื่มสังสรรค์ กับพวกเขาสักครู่ จึงขอตัวกลับ
*****************************
เปิดเรียนเทอมสุดท้ายของปีสุดท้าย ซึ่งจะจบการศึกษา สุริยา(ยา) เดินทางออกจากบ้านด้วยรถจักรยานยนต์จากเชียงใหม่เขาผ่านตลาดทุ่งเกวียนจึงแวะซื้อของป่ามาทำกับแกล้มกินกับเพื่อนเพื่อฉลองการสอบผ่านวิชาการจัดการฟาร์มในหอพักคึกคัก.ดังกับว่าคนในหอนี้ถูกลอตเตอรี่ แสงไฟ.สว่างไสวอีกครั้งหลังจากปิดเทอมไปเกือบ 20 วันสุริยาขับรถจักร ยานยนต์มารับผมไปร่วมฉลองที่เขาไม่ติด F
“ผมกับไอ้ยารอดตายครับอาจารย์ ไม่ติด F แล้ว ได้เกรดแค่ D ก็พอใจแล้ว ” สมหวังพูด"
“อย่าประมาทนะ ยังมีวิชาอีกวิชาคือปัญหาพิเศษ ของอาจารย์ มงคล อีกวิชา”ผมพูด
“ครับ”
***********************************
ผมพยายามดูแลขับเคี่ยว ให้ทุกคนที่เป็นนักศึกษาในความดูแลอยู่ในกรอบวินัย ยิ่งเทอมสุดท้ายเริ่มเข้าสู่ฤดูหนาว ส่วนใหญ่ทุกคนจะไปเรียนสาย พวกนักกีฬาที่เป็นตัวแทนสถาบันอย่างนายดำ นายกล้วยและนายเชษฐ์ ต้องไปซ้อมกีฬา กว่าจะเข้าถึงหอก็เกือบทุ่มครึ่งทุกวัน ระหว่างนั้น. สุริยากับสมหวังได้แวะไปหาเพื่อนที่ฟาร์ม(คอกหมู) เขาเดินผ่านคอกสุกรพันธุ์ ที่เพิ่งคลอได้ไม่ถึงสัปดาห์
“โอ้โห.. ไอ้หวัง .ถ้าได้ลูกหมูน้ำหนักขนาดนี้ไปหันสักตัว -สองตัว คงไม่เลวว่ะ ” สุริยาพูด
“ใช่ ..กูก็คิดเหมือนมึงเลย” สมหวัง พูด
“เอางี้ วันไหน.. ถ้าเรากินเหล้ากันเรามาลักเอาหมูไปสักตัวนึง ..เดี๋ยวเราต้องมาวางแผนกัน” สุริยาต้นความคิดเอ่ยปาก
**************************
เวลาผ่านไปอีกสองสัปดาห์ เมื่อสุริยาเอ่ยปาก
“วันนี้ วันเกิดกู ต้องจัดเลี้ยงกันหน่อย”สุริยาพูดกับสมหวัง
“ใช่เร้อ. วันเกิดมึงเดือนมกรา กูจำได้ ”สมหวังพูด
“วันนี้ คือวันเกิด .ที่กูอยากกินหมูหันโว้ย ไป เดี๋ยวมึงกับกูไปเตรียมถุงกระสอบไปใส่ลูกหมู ” สุริยาพูด
อากาศสลัวๆในฟาร์มสุกร ซึ่งไม่มีใครเฝ้า รปภ.ยังไม่ได้เข้ามาตรวจตราตรงจุดนี้ ทั้งสองคนได้วางแผนการขโมยลูกหมูไว้เป็นอย่างดี เหยื่อตัวแรกถูกจู่โจม เมื่อจับขามันได้. ก็จัดการฟาดลงพื้นจนแน่นิ่งทั้งคู่ใส่ลูกสุกรลงกระสอบป่าน แล้วขี่จักรยานยนต์กลับเข้าหอและลุกรตัวนั้นก็ถูกนำมาเป็นกับแกล้มหมูหันบูชายันต์ หลังทุ่มครึ่งผ่านไป เมื่อนักกีฬาที่ฝึกซ้อมที่สนามกีฬา กลับมาหอได้นั่งร่วมวงและดื่มสุรากันสุกรที่มีน้ำหนัก 5 กิโลกรัมก็อันตรธานไปในเวลาไม่ถึงชั่วโมง
“หมดแล้ว ว่ะหมุูหัน..ไอ้กล้วย” สมหวังพูด
“ครั้งนี้ เปลี่ยนคนไปบ้างสิ ลูกหมูแม่งเต็มเล้าไปหมดครั้งนี้ เอามาอีกสองตัวจะได้ไม่ต้องไปเอาอีกรอบ”สุริยาพูด
“ไอ้หวัง กับไอ้ดำไปก็แล้วกัน”สุริยาพูดอีกครั้ง พร้อมระบุตัวคนที่จะไป
“มึงรอแป๊บ ไม่ถึง10 นาที หรอก ไป..ไอ้ดำซ่อนกระสอบดีๆอย่าให้ยามเห็นล่ะ ”สมหวังพูด
“เค.. กูพร้อมแล้ว ” ไอ้ดำ พูด
สองหนุ่ม ..นักโจรกรรมขี่จักรยานยนต์ของสุริยา บึ่งเข้าไปในสถาบัน เขาต้องผ่านป้อมยามหน้าประตูทางเข้า ไม่มีพิรุธใดๆ ที่ต้องให้รปภ. สงสัยเพื่อสอบถาม สมหวังเอาจักรยานยนต์จอดใต้ต้นหางนกยูง จากนั้นจึงเข้าไปที่คอกแม่พันธุ์สุกรเขาเล็งๆหาลูกสุกรตัวสวยๆ
“มึงจัดการตัวนึง กูตัวนึง ”สมหวังบอกไอ้ดำ
“เหี้ย..ลูกหมูแม่งร้องเสียงดังลั่น แม่หมูมันหวงลูกมันเสียด้วย ฉิบหาย…ยามมาพอดีเลย เผ่นกันก่อนโว้ยไอ้หวัง ไอ้หวังตายแน่ ..คราวนี้ ” ดำพูด
สองนักโจรกรรม ตกใจวิ่งหนีออกจากคอกหมู เข้าป่าไปกันคนละทิศละทาง ..รองเท้าไอ้ดำหลุดไปหนึ่งข้างทิ้งไว้เป็นหลักฐาน ไอ้หวังจอดรถทิ้งที่ใต้ต้นหางนกยูงเป็นวัตถุพยานชิ้นสำคัญ ยามที่มาพบจึงจูงเก็บไว้ที่อาคารเพื่อรอการมาไถ่ถอน
*****************************
เช้าวันรุ่งขึ้นที่หน้าเสาธง อาจารย์ แผนกปกครองได้ขึ้นไปประกาศข่าว แจ้งให้เจ้าของรถ และเจ้าของรองเท้ามารับคืน สุริยาซึ่งเป็นเจ้าของรถ จึงต้องไปรับคืนและจำเป็นต้องยอมรับสารภาพ ทั้งสามคน จึงต้องตกเป็นจำเลยฐานความผิด คิอลักทรัพย์ในยามวิกาล หลังจากทั้งสามคนถูกกรรมการด้านวินัยเรียกไปสอบปากคำแล้ว อีกสองวันต่อมา ทางสถาบันจึงประกาศลงโทษทั้งสามคน คือให้หมดสภาพจากการเป็นนักศึกษา แม้ผมจะพยายามให้คนทั้งสามอุทธรณ์บทลงโทษ ในฐานะทีมีคุณงามความดีเป็นตัวแทนนักกีฬาของสถาบัน ผลการอุทธรณ์ ของวิทยาจึงถูกภาคทัณฑ์แค่พักการเรียน
***************
ครั้งที่เรียนวิชาจัดการฟาร์ม ไอ้หวัง เคยร้องเพลงปลอบใจตัวเองหลังสอบว่า “ไอ้หวังตายแน่ๆ ตายแน่ไอ้หวัง” แต่เขาก็รอด ครั้งหลังสุด ที่ไอ้หวัง. โจรกรรมลูกสุกร
ไอ้หวัง ต้องตาย. ตายทั้งเป็นเสียด้วย
นึกไปก็ให้สงสารนายสมหวัง ที่ไม่สมหวังกับอนาคตของตน ชื่อสมหวัง แต่กลับไม่สมหวัง … ดังชื่อ
ขลุ่ย บ้านข่อย (๑ พย ๖๖)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น