รักนิรันดร์ มีจริง - รักนิรันดร์ มีจริง นิยาย รักนิรันดร์ มีจริง : Dek-D.com - Writer

    รักนิรันดร์ มีจริง

    ความรักของหนุ่มสาว ที่เกิดขึ้นระหว่างวัยเรียน หลายคู่เมื่อจบการศึก๋ษา ได้สมรสอยู่กินจนมีลูกหลาน แต่สำหรับคู่นี้ มิได้เป็นดังนั้นเลย

    ผู้เข้าชมรวม

    54

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    54

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    หมวด :  ซึ้งกินใจ
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  17 ต.ค. 66 / 09:24 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                 รักนิรันดร์  มีจริง...  

     เมื่อหนังสือพิมพ์หัวสีที่มียอดขายดีที่สุดของประเทศไทย ได้ลงข่าวเกี่ยวกับเรื่องของสมชาย เพื่อนร่วมรุ่นเดียวกันกับผม ได้ประสบอุบัติเหตุจนเสียชีวิต  จึงนับว่าเป็นเรื่องเศร้าที่ผมกับเพื่อนๆช็อคกันไม่น้อย พวกเรา.เคยร่วมทุกข์ร่วมสุข กินข้าวกระทะเดียวกัน พักหอพักเดียวกัน เคยถูกรับน้องใหม่มาด้วยกัน เคยกินเที่ยว ยืมเงิน ยืมเสื้อผ้าของใช้ กันและกัน อีกทั้งสมชายยังเป็นคนชักชวนให้ผมเข้ามาพักที่บ้านที่เขาเคยเช่าพักมาก่อน แต่..เมื่อพวกเราอยู่จนจะเข้าปีที่สาม เจ้าของบ้าน คงอดทนกับการส่งเสียงดังของวงดนตรีวงไม่ไล่-ไม่เลิก ได้ เขาจึงขอร้องให้พวกเรารีบขนของย้ายออกจากบ้านเช่า เสียดีๆ พวกเราจึงขอเวลาว่า เมื่อสามารถติดต่อหาบ้านเช่าหลังใหม่ได้จะรีบขนย้ายออกทันที

    “กูว่าพวกเราไปลองหาบ้านเช่าใหม่ดีกว่า ที่นี่เจ้าของบ้านเขาไล่พวกเราออกแล้ว  ” สมชายพูด

    “มันมีบ้านเยื้องๆกับที่เราพักว่างอยู่ห้องนึง เจ้าของบ้านเป็นร้านขายกาแฟและของเบ็ดเตล็ด กูเคยไปนั่งอ่านหนังสือพิมพ์บ่อยๆ ”ผมบอกเพื่อน

    “งั้นมึงกับกู ลองไปติดต่อขอเช่าห้องกัน  โอ.เคมั้ย ”สมชายพูด

    “ดีเหมือนกัน  ที่บ้านโก้ทฮ้าท์ที่พวกเราพัก. นี่ จะพังครืนลงมา ไม่วันหนึ่ง วันใดก็ได้ว่ะ ”ผมพูด

     ก่อนหน้านี้ .ที่พวกเราเลือกเช่าบ้านโก้ทเฮ้าท์ เป็นเพราะราคามันถูกกว่าที่ใดๆในหัวตะเข้  มีราคาเพียงสามร้อยบาทต่อเดือน ช่วงที่ผมพักกับไอ้แดง ไอ้ลิต ไอ่้จี๊ดสมัยเรียนระดับปวช.ที่บ้านป้าจ้อย ราคาเช่าก็ตกอยู่  500  บาทต่อเดือน  พักกันหกคน เฉลี่ยตกคนละ 85 บาท การที่พวกเราเช่าบ้านพักที่บ้านโก้ทเฮ้าท์ แม้สภาพของบ้านจะโทรมถึงขนาดเสาบ้านโยกเยกและไม่สมบูรณ์แบบเหมือนบ้านพักของเพื่อนคนอื่นๆทั่วไป แต่มันก็มีเสน่ห์ มีเอกลักษณ์อย่างมาก เพราะอยู่ในบรรยากาศสวนหมาก สวนมะพร้าว มีสภาพความสงบ ร่มรื่นตลอดเวลา โดยเฉพาะช่วงใกล้สอบคราใดพวกเราที่พักในบ้านหลังนี้ต่างหามุมเงียบสงบ นั่งแยกย้ายอ่านหนังสือเพื่อเตรียมสอบกัน คนที่มีคนรักแล้ว บางคู่ก็ถือโอกาสนัดกันมาอ่านหนังสือและติวกันไป  

     ในร่องสวนทางเข้าบ้านเช่า มีสัตว์น้ำหลากหลายชนิดอย่าง กุ้ง ปู ปลา เต่าไว้เป็นอาหารบ้างในบางครั้งที่พวกเราอัตคัดขัดสนเงินตราเพื่อนๆในบ้านของผมทุกคนมีรุ่นน้องผู้หญิงเป็นแฟนกันแล้วทุกคน ยกเว้นผมเพียงคนเดียวที่ยังขาดคู่ตุนาหงันและกำลังรอเผื่อฟลุ๊กว่าสาวงามที่ผมกำลังติดตามจีบ จะตัดสัมพันธ์ภาพกับแฟนเก่าของเธอ  

        “ไอ้ชาย มันพูดว่าแฟนไอ้จิ๋วไม่ได้ติดต่อหากันมาแล้วสามเดือน สงสัยฝ่ายชาย คงอาจไปมีแฟนใหม่แล้ว  ”ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยตามคำพูดของเพื่อน 

       “หวังว่าข่าวนี้ คงเป็นเรื่องจริงนะ” ผมคิด  

       ว่าไปแล้ว..ความคิดของผมมันก็ไม่ดีเอาเสียเลย เพราะไปแช่งให้คนทั้งสองต้องแตกแยกกัน โดยหวังจะได้ครอบครองความรักเป็นของตน (ช่างเห็นแก่ตัวเหลือเกิน)

        จิ๋ว เป็นคนจากเมืองเขลางค์นคร หน้าตาจิ้มลิ้มไม่ได้งามฉูดฉาด มีกิริยางาม มีน้ำใจ  จิ๋วกำลังเครียดๆกับเรื่องความรัก จึงเป็นจังหวะที่ผมต้องเร่งสร้างเครดิตให้เข้าตาฝ่ายหญิง กอรปกับเพื่อนๆในบ้านที่เรียนร่วมห้องกับเธอช่วยๆกันเชียร์ผมอีกแรง ความหวังและแสงสว่างที่ปลายอุโมงค์ ที่พอมองเห็นจึงได้ช่วยสร้างขวัญกำลังใจให้ฮึด ที่จะเอาชนะใจเธอให้ได้ จากที่เราเคยสนิทสนมในระดับ 10 เปอร์เซ็นต์ก็ค่อยๆเพิ่มมากขึ้นตามลำดับจนเกิน 50 เปอร์เซ็นต์และมีแนวโน้มสูงขึ้นตามลำดับ 

      “เอาวะ  ตื้อเท่านั้น ที่จะครองโลก เราต้องเอาความดี ชนะใจเธอให้ได้”  ผมคิด

                                       ************************ 

    ทุกๆวันหยุดเสาร์ -อาทิตย์ รุ่นน้องๆผู้หญิงที่สนิทกับรุ่นพี่ คือพวกเรา ซึ่งพวกเธอเช่าหอพักของเอกชนซนที่อยู่ห่างจากบ้านโก้ทเฮ้าท์ ไม่ถึง 300 เมตร พวกเรามักนัดแนะกันมาทำอาหารการกิน ส่วนใหญ่จะเป็นพวกส้มตำ ความถี่ของการรวมตัวพบปะกันคือสองอาทิตย์ต่อครั้งจึงเป็นที่สนุกสนานและได้อิ่มหนำสำราญตามประสาคนอยู่ในวัยหนุ่มสาวที่มีความรักต่อกัน ในจำนวนคู่ที่มีความรักต่อกันที่แนบแน่นมากขึ้นๆ คงเป็นคู่ของสมชายกับสมศรี   

       “กูรักจริง หวังแต่งงาน โว้ย” สมชายมักพูดประกาศ กับเพื่อนๆในวงเหล้าเสมอ

       “สมศรี แฟนมึงยิ้มแก้มปริเลย ”สราวุธ พูด

       ระหว่างที่พวกเรานั่งกินข้าวมื้อเย็นของวันหนึ่ง สมศรีได้มาช่วยทำกับข้าว และช่วยบริการเติมสุราให้กับรุ่นพี่ ที่พักในบ้านหลังนี้ บางครั้งเธอก็ร่วมนั่งกินข้าวและดื่มเบียร์บ้างเล็กน้องตามมารยาท เพื่อนๆในกลุ่มของพวกเราทราบกันดีว่าระหว่างสมชายกับสมศรีคงไม่แคล้วที่จะเป็นคู่ชีวี ร่วมหัวจมท้ายกันไปตลอดกาลอย่างแน่นอน  เวลานั้นทุกคนก็มีอายุบรรลุนิติภาวะกันหมดแล้ว คู่รักบางคู่ในกลุ่มของพวกเรา ถึงกับสมยอมที่อยู่กินกันก่อนแต่ง  จะว่าเป็นเรื่องแปลกหรือไม่ ก็แล้วแต่มุมมองของแต่ละคน คู่รักคู่นี้มิได้มีการปิดบังใดๆ ใครๆในคณะฯที่เราเรียนด้วยกันก็ทราบกันดี  เมื่อสมชายจบปริญญาตรีแล้ว สามารถสอบบรรจุเป็นอาจารย์ในสังกัดกรมอาชีวศึกษาที่จังหวัดบ้านเกิด ส่วนสมศรี มีวุฒิ เพียงระดับอนุปริญญา เธอได้สอบบรรจุเป็นพนักงานส่งเสริมการเกษตรในจังหวัดแห่งหนึ่ง 

        ระหว่างที่สมชายกับสมศรี ที่เป็นคู่รักต่างชั้นเรียน ก็อาจมีความเห็นต่างกันบ้างแน่นอนว่า ลิ้นกับฟัน …ย่อมกระทบกระทั่งกันหลายครั้งที่สมชายเมาสุราก็เกิดปากเสียงกับสมศรี  สมชายจึงดุด่า บางครั้งถึงขั้นลงมือตบตีสมศรี พวกเราในฐานะเพื่อนก็ได้ห้ามปราม ไม่ให้สมชายกระทำกับแฟนของเขา

       “พวกมึง ไม่ต้องมาห้ามกู ไอ้ศรีเป็นแฟนกู กูมีสิทธิ์ที่จะสั่งสอนและให้บทเรียน ” สมชายพูดขณะยังเมาสุรา

        “ไม่ดีเลยว่ะเพื่อน ผู้หญิงตัวเล็กๆ มึงยังทำเขาได้ลงคอ  น่า. กูขอร้องนะเพื่อน”สราวุธพูด

        “ขอร้องว่ะ กูไหว้มึงล่ะ ไอ้ชาย หยุดทำร้ายสมศรี เถอะมึงทำไปเขาก็เจ็บตัวฟรี มึงเป็นผู้ชายกำลังย่อมเหนือ กว่า ยังไงเขาก็รับมือมึงไม่ได้  ”ผมพูดเตือนสติเพื่อน 

        หลังจากพวกเราช่วยกันเจรจา ทั้งห้ามและขอร้องเพื่อนให้ตั้งสติให้ดี และให้ทบทวนการกระทำของตัวเอง..  ที่สุดแล้วสมชายจึงระงับยับยั้งหยุดการกระทำ ทำร้ายแฟนตัวเอง

       “สมศรี กลับหอพักเถอะ เด๊ี๋ยวพี่ไปส่ง  ”สราวุธ พูด กับรุ่นน้อง 

       จากวันนั้นเป็นต้นมา..ทั้งสองฝ่ายได้ปรับความเข้าใจ สองฝ่ายได้จูนความคิด ทัศนคติของกัน จนลงตัวเพื่อนๆทั้งฝ่ายชายคือสมาชิกที่พักในบ้านร่วมกันและเพื่อนๆของสมศรีก็สบายใจและเบาใจลง ความรักของทั้งคู่พัฒนาจนมีผมได้ข่าวว่า หากทั้งคู่ทำงานไปได้สักระยะ ก็จัดงานมงคลสมรสทันที   

                                         **************************** 

      ผมกับสมชายได้ไปเจรจาขอเช่าบ้านหลังใหม่ เยื้องทางเข้าที่ทำการเขตลาดกระบัง  เมื่อทั้งสองฝ่ายได้ตกลงกติกา และเงื่อนไขการเข้าอยู่อาศัยเป็นที่เรียบร้อยแล้ว พวกเราจึงขนสัมภาระมาไว้ที่ห้องบ้านหลังใหม่ สำหรับบ้านหลังนี้จริงๆก็คือห้องเช่าธรรมดามีความกว้าง 3.5 เมตรความยาว10 เมตร ของใช้ของพวกเราที่มีความจำเป็น คือหม้อหุงข้าว กระทะไฟฟ้าและกาต้มน้ำร้อน นอกจากนั้นเป็นเสื้อผ้า สมุด หนังสือเรียน สมาชิกที่มาอยู่ที่บ้านหลังนี้ มีสมาชิกลดลงไปสองคนเนื่องจากแยกย้ายไปศึกษาต่อที่อื่น แรกๆที่มาอยู่ที่บ้านน้าเยาว์พวกเรายึดกฎกติกาอย่างเคร่งครัด  

       “สมชายห้ามนำแฟนมาพักค้างคืนที่บ้านนะ มันจะเป็นแบบอย่างที่ไม่ดี น้ามีลูกสาวสามคน  ” น้าเยาว์พูด

       “ครับ ผมรับปาก” สมชายพูด

       เวลาผ่านไป 6 เดือนพวกเราจ่ายเงินค่าเช่าบ้านตรงเวลาทุกงวด ผมรับหน้าที่นี้เองเวลาผ่านมาทำให้น้าเยาว์ ไว้วางใจผู้เช่าพักอาศัย

      “น้าครับ วันนี้..พวกผมสอบเสร็จ อยากจะขอนั่งดื่มสุราเพื่อคลายเครียด สักสี่ทุ่มพวกผมก็เลิกกันแล้ว” ผมพูด 

        เพื่อนๆ ทุกคนได้มอบหมายให้ผมเป็นฑูตลิ้นทอง เพื่อเจรจาในเรื่องต่างๆกับเจ้าของบ้าน 

       “หากจะดื่มกินเหล้ากัน ก็ขอให้เบาๆเสียงกันหน่อย ลูกของน้า ต้องดูหนังสือเตรียมสอบ ”  น้าเยาว์ พูด  

         เมื่อขออนุญาคครั้งแรกได้ จึงมีการขออนุญาตในครั้งต่อๆไปในการดื่มสุราของพวกเรา ย่อมต้องมีความอึกทึกครึกโครมจากการร้องรำทำเพลง การเคาะขวด เคาะกะละมังดังสนั่นหวั่นไหว จากฤทธิ์ของสุราพาไปจนพวกเราลืมไปว่า เรายังมีเพื่อนบ้านข้างเคียงพักอยู่ 

       “ น้าขอคาดโทษ พวกเราทุกคน หากดื่มสุราและรบกวนห้องข้างเคียงอีก น้าจะให้ออกทันที  ” น้าเยาว์ พูด

        “ครับ..น้า จากนี้ไปพวกเราจะไม่ส่งเสียงรบกวนห้องข้างเคียงอีกแล้ว ” สมชายรับปาก

        “รับปากแล้ว ต้องทำให้ได้ ขลุ่ยน่ะตัวดี รับปากกับน้าแล้วว่า จะคอยเตือนเพื่อนๆ ไม่ให้ส่งเสียงดัง หนำซ้ำยังมาเป็นต้นเสียงร้องเพลง เคาะขวดเสียเอง น้าจำเสียงเราได้นะ ”น้าเยาว์ พูด 

         เจ้าบ้านรู้สึกเอือมระอากับพวกเราเต็มทน ในที่สุด เพื่อนที่เช่าอยู่ข้างเคียงก็ต้องย้ายออกไปพักที่บ้านเช่าใกล้ที่ทำการเขตลาดกระบัง   

                                      ******************************** 

         หลังสอบวันสุดท้ายปีสุดท้ายของการสอบเทอมปลายเสร็จ สมชายยังคงพักภายในบ้านหลังเก่าอีกหนึ่งสัปดาห์

    “ที่นอนหมอนมุ้ง เครื่องใช้บางอย่าง กูจะมาทยอยขนกลับบ้านกูนะ ไอ้ขลุ่ย  ” สมชายพูด

     “ไม่มีปัญหา ตามสบายเลยเพื่อน  ”  ผมตอบ

     ในเพื่อนร่วมรุ่นของผม 95 เปอร์เซ็นต์ สำเร็จการศึกษาระดับปริญญาตรีกันแล้ว จะมีเพียงผม คือจำนวนหนึ่งในห้าเปอร์เซ็นต์ที่จะต้องเรียนต่อไปอีกหนึ่งปีจึงจะสำเร็จการศึกษา  

       สมชายจบการศึกษาก่อนผมหนึ่งปี .ช่วงที่เขารับราชการ เราไม่ได้ติดต่อสื่อสารกันเลย  สมศรียังเทียวแวะมาที่บ้านเก่าบ้างเป็นบางครั้ง  ในวันหนึ่งที่ผมเข้าไปที่โดมริมสระน้ำของคณะเกษตร เพื่อผ่อนคลายด้วยการเล่นหมากฮอส  ได้มีรุ่นน้องชื่ออุทัยที่เพิ่งลงจากรถไฟ ได้เข้ามาสอบถาม

      “พี่ขลุ่ยๆ  ขอถามหน่อยสิ ว่าพี่สมชาย  นามสกุลอะไร ”

       “แซ่.ล้อง ”   ผมบอกไป 

      “ใช่เลย งั้นข่าวหนังสือพิมพ์ที่ลงมานี้ ก็เป็นว่าพี่สมชายเสียชีวิตจริงๆ ด้วย”  รุ่นน้อง พูด

      “เฮ้ย.. ไม่น่าเป็นไปได้  ไหนเอาหนังสือพิมพ์มาให้พี่อ่านหน่อย ”

      รุ่นน้องส่งหนังสือพิมพ์ ที่เขาซื้อมาจากสถานีมักกะสันเพื่ออ่านฆ่าเวลา มาให้ผมอ่านข่าว

      “ข่าวอยู่ตรงไหน เหรออุทัย ”ผมถาม

     “หน้า 15 ครับพี่ ในกรอบข่าวภูมิภาค ” รุ่นน้องตอบ

     ผมรีบพลิกไปหน้า15  อย่างเร่งรีบ หลังจากดูในคอลัมน์ข่าวภูมิภาคก็พบข่าวดังที่รุ่นน้องเล่าให้ฟังก่อนหน้า

      “ใช่ …ตาเราไม่ฝาด เพี้ยง.ขอให้อย่าเป็นไอ้ชายเพื่อนเราเลยว่ะ” ผมนึกและภาวนา

    “เท่าที่ผมทราบ พี่สมชายแกไปเป็นอาจารย์สอน ที่เพชรบูรณ์  น่ะพี่  ” อุทัยพูด

      ห้านาทีต่อมา ข่าวนี้สะพัดไปทั่วคณะฯ และยืนยันว่าเป็นสมชายที่เป็นศิษย์เก่า ในสถาบันแห่งนี้จริงๆ  ผมรูุุ้สึกใจหาย 

      "..ใช่เลย เมื่อคืนก่อนที่เรานั่งอ่านหนังสือ  มีนกแสกคู่หนึ่งบินมาเกาะที่ต้นไม้ที่หน้าบ้าน มันร้องแคว๊กๆ ครู่หนึ่งแล้วบินออกไป ตอนเช้าที่ผมตื่นมา จึงได้เห็นมันตายไปหนึ่งตัว นี่จึงเป็นลางสังหรณ์อย่างแน่นอน  (อ่านเรื่องลางสังหรณ์ประกอบด้วย) 

                                          *******************************

       เมื่อทุกอย่างมันชัดเจนว่า สมชายเสยชีวิตร้อยเปอร์เซ็นต์แล้ว  ผมจึงผละจากกระดานหมากฮอส รีบกลับเข้าบ้านพักและได้บอกข่าวเรื่องนี้กับน้าเยาว์ทันที

      “สมชายเสียชีวิตแล้วครับ น้าเยาว์ ”

      “เกิดอะไรขึ้นเหรอ อายุสั้นนะ พ่อคุณ  ”น้าเยาว์พูด

      “สมชายขับรถชนต้นไม้ใหญ่ข้างทาง รถอัดก็อปปี้ อย่างรุนแรงเขาเสียชีวิตคาที่ รวมกับพี่น้องอีกสองคน ครับ”

     “เวรกรรมแท้ๆ นี่ตายเกือบหมดเลย น้ารู้สึกเห็นใจสมศรี มากเลย ” น้าเยาว์พูด

     “ค่ำวันนี้ สมศรีจะแวะมาที่บ้าน เมื่อวานเขาแวะมาที่นี่แปลบนึง บอกกับผมว่าจะไปเที่ยวชลบุรี ครับ”

                                                  *************************

       เวลา 18 น.เศษ สมศรีได้ลงจากรถเมล์ แล้วเดินข้ามถนนตรงมายังบ้าน .ผมให้สมศรีได้พักเหนื่อยสักพัก แล้วใช้กลอุบายค่อยๆ บอกความจริงเรื่องเกี่ยวกับสมชายให้เธอฟัง เพียงแแค่ทราบว่าสมชายเสียแล้ว เธอได้ร่ำไห้อย่างน่าเวทนา  ผมเพียงได้แค่ปลอบใจ 

      “คิดว่าเราคงได้ทำบุญมาเท่านี้น่ะ ศรี  ” ผมพูด

      “ทำไมพี่ชาย ถึงอายุสั้น โครงการวันสมรสของเรา ต้องจบลงแล้ว ทั้งๆ ที่เราเตรียมแผนงานไว้อย่างดี”สมศรีรำพึงรำพัน

        น้ำตาของเธอพรั่งพรู .แม้น้าเยาว์และเพื่อนของเธอที่รู้ข่าว จะช่วยปลอบอกปลอบใจแล้ว แต่อย่างว่า คนรักจากไปอย่างไม่หวนกลับ คงยากที่จะทำใจกับความรักความสัมพันธ์ที่ดีต่อกันมาตลอดที่คบหา  ผมอดที่จะสงสารสมศรีไม่ได้ ที่ต้องกลายเป็นว่าที่เจ้าสาว ที่หม้ายขันหมาก สมศรี..ได้ไปร่วมงานศพคนรักที่วัดแห่งหนึ่ง  เมื่องานศพเสร็จแล้วเธอกับญาติของสมชายได้มาขนหนังสือ เครื่องใช้ของสมชายกลับบ้าน . .สมศรียังเศร้าซึมอยู่ยากที่จะทำใจ   เธอยังอยู่ในช่วงไว้ทุกข์  ผมไม่กล้าจะพูดถึงชื่อคนรักของเธออีก เพราะนั่นมันอาจไปสะกิดแผลใจของเธอให้เปิดออก  

         ความฝันของสมศรีพังพินาศลงอย่างย่อยยับ เธอต้องเป็นหม้ายขันหมากตั้งแต่วัยสาว  …เธอได้กลับไปทำงานตามปกติและทำได้อีกเพียงสามเดือน   เธอยังคงทำใจไม่ได้ จึงทำเรื่องขอลาพักงานเพื่อบวชชี หนึ่งเดือน …  เมื่อครบกำหนดแล้วได้กลับมาทำงานอีกสักพัก และสุดท้ายจึงได้ตัดสินใจขอลาออกจากราชการอย่างถาวร   มาบวชชีจนถึงปัจจุบัน   

                 ทั้งๆ ที่สมศรี ยังมีโอกาสที่จะเลือกคู่ครองใหม่ได้ แต่เธอกลับไม่ทำเช่นนั้น  อาจเป็นเพราะ ….

         " เธอมี รักเดียว  รักแท้  รักนิรันดร์   ดังกรณีของสมศรี ที่ยังศรัทธาความรักต่อคนรัก ของเธออย่างไม่เปลี่ยนแปลง “ 

                                                รักนิรันดร์  มีจริง ดังกรณีของสมศรี

                                                         ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                           (๑๗ -๑๐-๖๖) 

        

    ความรักของหนุ่มสาว ที่เกิดขึ้นระหว่างวัยเรียน หลายคู่เมื่อจบการศึก๋ษา ได้สมรสอยู่กินจนมีลูกหลาน แต่สำหรับคู่นี้  มิได้เป็นดังนั้นเลย 

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×