ได้ดิบได้ดีแล้ว นี่
ครอบครัวที่ผมเคยสับสนุน ดูแล .จนสามารถยืนด้วยขาของตนเองได้ แต่ในวันนี้ ...เขาได้เปลี่ยนแปลงไปแล้ว แน่นอน วลี..ต้องทำใจ ก็คงต้องยึดปฎิบัติ ดังเช่นที่เคยเจอมา
ผู้เข้าชมรวม
88
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ได้ดิบได้ดีแล้ว นี่
ที่ตลาดสดบ้านห้วยยางนา ในวันหนึ่งที่ผมนั่งสังสรรค์กับชาวบ้านที่ร้านขายยาดองของที่ปรึกษาอาวุโส ของ หมู่บ้านแห่งนี้
“กับแกล้ม.ซ้ำซากดังเช่นทุกวันเลย . เดี๋ยวผมจะเดินออกไปดูซิว่า ที่ตลาดมีกับแกล้มอะไรน่ากินบ้าง “ผมพูด
“มีแม่ค้าไก่ย่าง เพิ่งมาเปิดร้านขายได้สักสองวันแล้ว อาจารย์เดินออกไปก็จะเห็น “หนานเดช พูด
ผมเดินออกจากร้านขายเหล้ายาดองได้ ไม่ถึงนาที่ก็ได้พบแม่ค้าสาวแต่งตัวมอมแมม ผิวคล้ำ ร่างผอมมาก หน้าตาค่อนข้างขี้เหร่ ผมยาวกระเซอะกระเซิง เธอกำลังปิ้งไก่ โครงไก่ เครื่องในไก่โดยใช้ไม้ไผ่ เสียบผ่านสิ่งที่ต้องการปิ้งตรงช่วงกลางได้ใช้ลวดเล็กๆผูกติดแกนกลางไม้ไผ่ไว้ ในเตาปิ้งมีตะแกงเหล็กขนาดใหญ่พอประมาณวางอยู่ ผมเดินมุ่งหน้ามาที่ร้านของเธอเป็นลำดับแรก เหงื่อบนใบหน้าของเธอผุดออกด้านบนหน้าผากและค่อยๆ ไหล ลงผ่านจมูกลงแก้มทั้งสองด้าน
“แม่ค้า ..มาขายไก้ปี้งนานแล้วเหรอครับ “ ผมทักทายก่อน
“เพิ่งมาขายได้ 2 วันเอง คุณ..รับกี่ไม้ ดีคะ”แม่ค้าไก่ย่าง ถาม
ไม้ละเท่าไหร่ ครับ “
“ 5 บาทค่ะ”
“เอา 4 ไม้ครับ “
“หนูแถมให้ไม้นึง นะคะ “
เธอหยิบโครงไก่ปิ้งขึ้นมาอุ่นให้ร้อน เพราะได้ปิ้งไว้ตั้งแต่เมื่อตอนบ่ายสองโมงที่ผ่านมา ครั้นเมื่อไก่ร้อนดีแล้ว เธอได้นำไก่ใส่ลงถุงก๊อปแก๊ป แล้วยื่นส่งมาให้ผม ผมรับไว้แล้ว จึงยื่นส่งธนบัตรใบละ 20 บาทให้
“ขอบคุณค่ะ นี่มาประเดิมกับหนู เป็นคนแรกเลย “แม่ค้าพูด
อากัปกิริยาของเธอดูจะดีใจมาก เมื่อผมเดินผ่านหัวมุมตลาดก็พอจะทราบว่า เธอคงมาเช่าห้องเช่าอาศัยอยู่กับสามี เพราะเมื่อครู่ที่เดินผ่านห้องมา เห็นมีผู้ชายร่างผอมสูง ผมยาว คล้ายกับนักดนตรีบนศีรษะของเขา มียางยืดรัดรอบ “เอานี่พวกเรา กับแกล้ม วิญญาญไก่ปิ้ง รสชาติเป็นไงไม่รู้ ยังไงลองชิมดู “ผมพูด
สมาชิกในวงเหล้าเป็นชาวบ้านที่มีวัยทั้งมีอายุใกล้เคียงและแก่กว่าผม เรื่องนั้นมิได้เป็นสาระที่เราจะคบหากัน การมีเพื่อนมาก มิได้เสียหายอะไร ดีเสียอีก.หากเวลาเราไปไหนมาไหนคงได้พึ่งพากันบ้างตามโอกาส
“ลำ …น่ะ อาจารย์ ฝีมือแม่ค้าเจ้านี้ ไว้ผมจะซื้อไปกินกับข้าวนึ่งบ้าง “ ลุงด้วงพูด
“งั้นเดี๋ยวผมลองชิมบ้าง “ผมพูด
หลังจากลุงด้วงเทสุราลงในแก้วขนาดเล็กพอดีคำ ส่งให้มาให้ผมดื่ม ผมจึงได้ลองชิมโครงไก่ปิ้งดูบ้าง
“อืม.. อร่อยดี ไม่แพงด้วย เดี๋ยวขากลับไปบ้าน จะซื้อติดไม้ติดมือไปกินกับข้าวที่บ้าน “ ผมพูด
ในการพูดคุยในวงสุราของพวกเรา มักจะเป็นการพูดคุยเรื่องสนุกๆ ที่ขาดไม่ได้ คือจะต้องมีการร้องเพลง เพื่อคลายเครียดและป้องกัน การคุยไม่ถูกคอกันจนถึงขั้นความขัดแย้งทะเลาะวิวาท ช่วงหกโมงเศษ ผมได้ขอตัวจากเพื่อนๆ ร่วมวงสุรา เพื่อกลับบ้านเมื่อได้ผ่านร้านขายไก่ย่างจึงแวะอุดหนุนอีกครั้ง
“แม่ค้า ขอโครงไก่ปิ้ง 2 ไม้ เครื่องในไก่ปิ้ง 2 ไม้ “
“ค่ะ”
“ว่าแต่แม่ค้า ชื่ออะไร เหรอ วันนี้ขายเป็นไงบ้าง “
“หนูชื่อย้อย วันนี้..ก็พอขายได้บ้าง ดีกว่าเมื่อวาน ที่ขายได้ ไม่กี่ไม้เอง “
“จากนี้...ผมจะมาอุดหนุนทุกวันเลย “ ผมพูด
“ขอบคุณ “เธอตอบ พร้อมมีรอยยิ้มที่ดูจะมีความสุขกับความหวังที่จะได้ลูกค้าประจำ
ผมเห็นใจแม่ค้าสาวคนนี้ ..ด้วยเพราะเธอต้องมีรายจ่ายค่าเช่าห้อง ค่าวัตถุดิบ ค่าเช่าที่วางของขายจากเจ้าของตลาดทั้งๆที่ที่ตั้งเตาปิ้งไก่อยู่หน้าบ้านของเธอแท้ๆ เพียงแต่อยู่ใกล้ตลาด เมื่อเจ้าของตลาดที่เป็นญาติกันกับที่ปรึกษาอาวุโสของหมู่บ้าน เธอจึงตัดความรำคาญให้รู้แล้วรู้รอดไป
ความขี้เหร่ของเธอ..มีส่วนอย่างยิ่งต่อการค้าขาย หากขาจรที่เพิ่งเข้ามาซื้อของได้เห็น เขาคงไม่อยากจะแวะอุดหนุนซื้อของกินในร้านของเธออย่างแน่นอน เพราะสภาพการแต่งเนื้อแต่งตัวมอมแมม ดูไม่สะอาดตานัก เพียงสองสัปดาห์ ที่ผมเป็นลูกค้าประจำ ทำให้ผมทราบข้อมูลของเธอเพิ่มขึ้น
ย้อย เป็นคนภาคเหนือตอนล่างคือจังหวัดอุตรดิตถ์ เธอเพิ่งจะลาออกจากงานแม่บ้านจากกรุงเทพ พร้อมสามี สามีของย้อยคืออนุวัตร คนแถวนี้เรียกเขาว่าไอ้หนุ่มผมยาว อดีตของคู่รักคู่นี้เคยทำงานในโรงพิมพ์มาก่อน อนุวัตร เรียนจบเพียงชั้น ม.ต้น เขามีความสามารถและมีพรสวรรค์ในทางศิลปะอย่างมาก ก่อนที่สองสามี -ภริยานี้จะตัดสินใจมาเช่าบ้านกับกรรมการที่ปรึกษาหมู่บ้าน เขาและเธอได้ออกมาสำรวจทำเลกับการจะทำไก่ปิ้งขาย ทั้งสองคนคิดว่าตลาดแห่งนี้ มีลูกค้าที่ผ่านไป-มาเป็นจำนวนมาก มีทั้งลูกค้าที่เป็นข้าราชการครู คนขับรถบรรทุกระหว่างทางถนนเส้นนี้จำนวนไม่น้อย หนึ่งเดือนแรกแม้ย้อยจะพอขายไก่ปิ้งได้ แต่ก็ยังไม่คุ้มทุนกับเงินซื้อวัตถุดิบต่างๆ
***************************************
หลังจาก อนุวัตรเสร็จจากช่วยภริยาเสียบโครงไก่ เครื่องในไก่ เนื้อหมูแล้ว หากพอมีเวลาว่างบ้างเขาก็จะแวะมาทำความรู้จักกับคนในท้องที่ ที่มานั่งดื่มสุราอยู่ก่อน และเกือบทุกครั้งที่เขามาร่วมแจม จะนำเอากับแกล้มที่ภริยาเขาขายมาฝากคอสุราพร้อมนั่งดื่มด้วย
“นี่อาจารย์ สอนที่สถาบัน “พี่ด้วง แนะนำผมให้สมาชิกใหม่รู้จัก
“สวัสดีครับ อาจารย์ “ อนุวัตร ทักทาย
แค่ได้พบครั้งแรก ผมก็เกิดความรู้สึกว่าชายคนนี้ ช่างเป็นคนมีมารยาท สุภาพ มีสัมมาคารวะ
.. เขาจะรู้เวลาว่า จะไปช่วยเก็บข้าวของช่วยภริยาในเวลาใด ปกติที่ตลาดบ้านห้วยยางนา ผู้คนจะวายประมาณหนึ่งทุ่มในช่วงฤดูร้อนและฝน ส่วนฤดูหนาว คนจะวายเร็วคือประมาณ หกโมงเศษๆ ระยะหลัง ย้อยขายของดีมากขึ้นตามลำดับ จากที่เธอเคยนำเอาไก่มาปิ้งขายช่วง 4 โมงเย็น ก็เลื่อนเวลามาปิ้งขายให้เร็วขี้นเป็นบ่ายสองโมง
*****************************************
สามเดือนผ่านไป..จากที่ผมเคยเป็นลูกค้าก็มีสถานะเพิ่มขึ้นใหม่คือ กลายเป็นเพื่อนร่วมอาศัยในท้องถิ่นเดียวกัน
“ดีใจด้วยนะ ที่ทุกวันนี้...ไก่ย่างขายจนแทบไม่ทันเลย “ ผมพูด กับสองสามีภริยา
“ขอบคุณค่ะ “ย้อยตอบ
“วัตร ไม่หางานในเมืองทำล่ะ เราก็มีฝีมือ ในทางศิลปะนี่” ผมพูด
“เคยไปมาแล้ว คนงานเต็มหมดแล้ว “
“แล้วนี่ เขามาจ้างให้วาดรูปเหมือนเหรอ “
“ครับ”
“แล้วคิดราคา ยังไง “
“เหมาจ่าย ครับ "
“รูปนี้ 8 คูณ 10 นิ้ว ผมคิด สามร้อยบาทเอง “
“ใช้เวลานานมั้ย ในการวาดรูป “
“ไม่เกินสามวัน ครับ บางทีสองวันก็เสร็จ ผมจะวาดช่วงค่ำๆ ยันจนยามดึก เพราะมีสมาธิในการทำงาน”อนุวัตร พูด
“ใช้แท่งชาโคล วาดเหรอ “ ผมถาม
“ครับ มันให้แสง เงางามและ สวยด้วย”
“ไม่ติดป้ายบอก แล้วใครจะรู้ล่ะว่า เราเป็นช่างศิลป์ “
“ส่วนใหญ่ลูกค้าเก่า จะบอกกันปากต่อปาก ครับ “
*******************************************
ผมสนิทกับสามี- ภริยาคู่นี้ เสมือนญาติทั้งสองคน มีความขยัน อดทน รู้จักกาลเทศะ และให้เกียรติผมอย่างมาก ผมจึงอยากสนับสนุนให้อนุวัตรและภริยาได้ขยับขยายกิจการ แต่ทั้งคู่ประสบปัญหาการเงิน
“ผมขอยืมอาจารย์ สักสามพันบาทก่อนอาจารย์จะคิด ดอกเบี้ยอย่างไร “ อนุวัตร พูด
“ไว้ปลายเดือน ผมจะไปกู้สหกรณ์มาให้เป็นทุนให้ ไม่คิดดอกหรอก มีข้อแม้ว่า ..สัญญาคือสัญญา กำหนดวันส่งคือต้องส่งเพราะเผื่อผมจำเป็นต้องใช้เงิน “
“ได้ครับ ผมสัญญา “
เมือ่ถึงปลายเดือน ผมได้ไปรับเงินกู้ฉุกเฉินจากสหกรณ์มาห้าพัน แล้วเจียดให้อนุวัตรกับย้อยไปเป็นทุนขยายกิจการ อนุวัตรได้ไปตลาดในเมือง ซื้ออุปกรณ์เตาปิ้งและถาดอลูเนียมมาเพิ่ม เขารับ ไส้กรอกอิสานมาปิ้งขายเพิ่มอีกอย่าง จากที่ครอบครัวนี้อยู่อย่างฝืดเคือง ก็ได้อยู่ดีกินดีมากขึ้นตามลำดับ อนุวัตรชวนผมเข้าไปในห้องเช่าของเข และซื้อยาดองมานั่งดื่ม ย้อย.เห็นผมกับอนุวัตรสนิทกันเธอรู้สึกยินดี หลายครั้งๆ ที่อนุวัตรดื่มเหล้าจนเกินลิมิต จนไม่สามารถจะช่วยขนข้าวของเข้าบ้านได้
“ไอ้เนี่ย่ะ สันดานไม่ดี กินเหล้าแล้วชอบติดลม งานการไม่ค่อยจะช่วย “ย้อยด่าสามี
เธอโมโหจนหลุด.ปาก ครั้นเมื่อได้สติแล้ว. จึงนิ่งเงียบลง
“ วัตร หยุดกินได้แล้ว มาช่วยชั้น.. เก็บข้าวของหน่อย “ย้อยพูด สีหน้าของเธอยังกับข้าวบูด
“วัตร ไปช่วยเมียเก็บข้าวของก่อน ไป.. วันนี้ผมขอตัวกลับก่อนละ เดี๋ยวโดนลูกหลง “ ผมพูด พร้อมขอตัวกลับ
จริงๆแล้วย้อย ไม่ได้รังเกียจ ที่จะให้ผมนั่งในบ้านของเธอ ดีเสียอีกที่มีคนในเครื่องแบบ ได้สนิทสนมใกล้ชิดกับครอบครัวของเธอ
“หนูไม่ได้ไล่ อาจารย์นะคะ ผัวหนู มันอย่างนี้ทุกที ตอนอยู่กรุงเทพ หนูต้องนั่งรอมันตั้งแต่ทุ่มนึงยันตีหนึ่ง “ ย้อยพูด
สามีภริยา..คู่นี้ มันช่างแตกต่างกันมากราวฟ้ากับเหวผู้ชายก็ดูหน้าตาดี แต่ฝ่ายหญิงดูออกขี้เหร่ หากตอนที่อนุวัตร ไม่ดื่ม ดูเป็นคนที่ ช่างเอาอกเอาใจภริยาอย่างมาก ทั้งคู่จะหวานต่อกัน เสมือนคนเพิ่งจีบกันใหม่ๆ
*******************************
ผมไม่ได้ซีเรียสกับการให้เงินครอบครัวนี้ยืมเลยสักนิด แม่ค้าแถวนี้หลายราย ผมเคยออกทุนให้เขาทำมาหากิน เพราะเห็นว่าเป็นการส่งเสริมอาชีพและให้เขามีมั่นคงในครอบครัว กิจการของย้อยดีวันดีคืน เวลาผ่านไป 5 ปี วัตร..ได้รับงานศิลป์มากขึ้นนอกจากการวาดรูปเหมือนแล้ว ผมยังออกทุนให้เขาเปิดบริการรับทำป้ายโฆษณา รับออกแบบงานต่างๆ จัดแต่งดอกไม้ แกะน้ำแข็งในงานมงคลสมรสและงานขึ้นบ้านใหม่
“เรามาเข้าหุ้นกันดีมั้ย..ผมออกเงิน วัตรออกแรง เมื่อรับงานแล้วหลังเสร็จงาน เรามาแบ่งคนละครึ่ง“ ผมพูด
“ครับ.. งั้นก็ได้ “
งานรับทำป้ายโฆษณา และงานทำป้ายแผ่นโฟม งานตกแต่ง ในงานมงคลสมรสมีมาเรื่อยๆ ผมเคยดึงอนุวัตรไปช่วยแบบฟรีๆเป็นเพราะผมมองการณ์ใกล ที่อยากจะให้แขกผู้มาในงานได้เห็นฝีมือการทำงานของพวกเราก่อน การที่ผมทำงานมวลชนจึงทำให้ผมกว้างขวาง งานบางอย่าง เราจึงไม่ได้แสวงหาผลกำไร
“ผมรับงานมา งานบางงาน เราจะไม่หวังเอากำไรนะ เราต้องคุยกันให้เข้าใจก่อน ถือเป็นการช่วยเหลือสังคมและช่วยเหลือราชการ “ ผมพูด ขณะนั่งดื่มกับอนุวัตร ที่บ้านเช่าของเขา
“ครับ ยังไงก็ได้ แล้วแต่อาจารย์ ผมมีหน้าที่ปฎิบัติตาม “
“ไม่หรอก ช่วยๆกัน “ ผมพูด
จริงๆ แล้ว ผมมีพื้นฐานงานศิลปะ ไม่ได้ด้อยกว่าอนุวัตรเพราะพี่ชายผมเรียนจบจากศิลปากร ผู้คนเริ่มรู้จักเรามากขึ้นผมรับงานมาและบางครั้งอนุวัตรรับงานที่หน้าร้านขายไก่ย่างของเขา เราก็จะมาหารือและกำหนดราคา
“ ไม่ต้องเอากำไรมากหรอก แค่พออยู่ได้” ผมพูด
งานเสร็จแล้วเมื่อได้รับเงินมาจากลูกค้า อนุวัตรจะเอามาให้ผม ในฐานะผู้ออกทุน ผมจะให้เขาในอัตราอย่างน้อย50 เปอร์เซ็นต์เป็นอย่างน้อย บ่อยๆครั้ง ผมให้เขารับเงินเต็มอัตราเพื่อเป็นสร้างกำลังใจให้เขา
***********************
ผมพาอนุวัตรไปจัดสวน ไปตกแต่งสถานที่ ตามที่ต่างๆทั้งในส่วนราชการและตามหมู่บ้านต่างๆ จนตัวเขา. ได้รู้จักกับคนทั่วไป กิจการร้านไก่ปิ้งของย้อยดีวันดีคืนจากแรกๆที่ขาดทุน มาวันนี้เฉลี่ยกำไรได้ วันละ3- 400 บาท ย้อยเริ่มแต่งตัวดูสะอาดขึ้น ซึ่งก็เป็นเสน่ห์ให้ลูกค้ามาอุดหนุนมากขึ้น จริงๆ แล้วฝีมือของย้อยในการหมักไก่ทำได้อร่อยมาก และราคาไม่แพง หากเทียบเคียงกับเจ้าอื่นๆ
หลายครั้งที่ผมเข้าไปในเมืองและไม่อยากจะเรียกให้แม่บ้านลุกมาเปิดประตูให้ ผมก็ขออาศัยห้องของอนุวัตร นอนพักค้าง หลังๆที่อนุวัตรรับงานมาทำ มักจะผิดนัดและงานขาดความประณีตกว่าแต่ก่อน เขาเริ่มคุ้นเคยกับคอสุราในหมู่บ้านมากขึ้น งานการที่เคยรับผิดชอบก็ปล่อยปละละเลย ไม่เหมือนดังแต่ก่อน
“จบงานนี้ เลิกเถอะวัตร เสียชื่อผมหมด ” ผมพูด
“ก็ได้ครับ แล้วแต่อาจารย์ ”อนุวัตร พูดออกแนวหยิ่งยโส
ฐานะของครอบครัวของอนุวัตร กับย้อยดีขึ้นมากกว่าแต่ก่อน เป็นจังหวะที่เจ้าของสถานที่คือผู้ให้เช่า ได้โอกาส น้ำขึ้นให้รีบตัก
“ลุงจะขอขึ้นค่าเช่าอีก100 บาทนะ ”เจ้าของห้องเช่าบอกกับครอบครับของอนุวัตร
“โอ้โห ลุง หนูเพิ่งจะลืมตาอ้าปากได้ ลุงก็ฉวยโอกาสเลย ”
“จะอยู่มั้ย มีคนเขามาจองห้องแล้วด้วย "เจ้าของห้องเช่าพูด
“ก็ได้อยู่ก็อยู่ ” ย้อย พูด
ครอบครัวนี้…ทนอยู่ไปอีกสักระยะ
อนุวัตรรับไม่ได้กับการเอารัดเอาเปรียบ เขาจึงไปในเมืองเพื่อหาทำเลที่ใหม่ เป็นจังหวะที่แม่ค้าคนเดิมที่เคยขายของบริเวณนี้ ย้ายไปขายของที่กรุงเทพ อนุวัตรจึงได้เซ้งต่อ สามเดือนต่อมา ..เขาจึงบอกเลิกสัญญากับเจ้าของบ้านและย้ายไปอยู่ในเมือง ผมกับครอบครัวไม่พบกันอีกเลย
*******************************************
8 ปีต่อมา ผมพบกับอนุวัตร อีกครั้ง ในงานขึ้นบ้านใหม่ของหมู่บ้าน เรามีโอกาสได้นั่งร่วมโต๊ะเดียวกัน
“ทราบว่า มีลูกชายสองคน ”
“ครับ ”
“อาจารย์ สบายดี นะ ”
“สบายดี ครับ ”
ช่วงแรกๆของการสนทนาผมยังมองดูว่า อนุวัตรยังเป็นคนเสมอต้นเสมอปลายแต่พอผ่านไปได้สักพัก ผมเริ่มเห็นกิริยาอาการ คำพูดคำจา ที่เริ่มเปลี่ยนแปลงไปจากที่เคยให้เกียรติกันกลับพูดจายกตนเองและอวดตัว
“ เดี๋ยวนี้ ไอ้วัตร มีรถเก๋งส่วนตัวแล้วนะครับ ไม่ใช่ไอ้วัตรคนเก่า ลูกชายของผมตอนนี้เขาสอบติดคณะแพทย์ด้วย ”อนุวัตร พูด ชาวบ้านที่รู้จักกับเขาต่างร่วมแสดงความยินดี รวมทั้งผมด้วย
เวลาผ่านไป .ซึ่งผมไม่เคยเจอครอบครัวนี้มาเลย จึงคาดเดาไม่ถูกว่าจะมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปได้อย่างไรบ้าง หลังจากงานขึ้นบ้านใหม่ไปแล้ว วัตร.. มักจะขับรถเก๋งมาดื่มสุราที่อู่ซ่อมรถซึ่งเป็นเพื่อนสนิทของเขา
“อาจารย์ เชิญแวะสักหน่อยครับ ” เจ้าของอู่รถ เรียกขานผม
“ตามสบายครับ ผมติดธุระครับ” ผมพูด
“ไอ้วัตร ก็อยู่ครับอาจารย์ ”
เจ้าของอู่ คงเคยเห็นว่าในอดีตผมกับอนุวัตร เคยร่วมเคียงบ่าเคียงไหล่ในการทำธุรกิจงานศิลป์ร่วมกัน เคยคลุกคลีตีโมงด้วยกัน แต่เขาไม่ทราบถึงพฤติกรรมที่อนุวัตรแข็งข้อและยโสกับผมหลายครั้งในระยะหลัง
“โอกาสหน้าครับ ” ผมพูดกลับไปอีกครั้ง แล้วเดินจากไป
****************************
ที่ร้านก๋วยเตี๋ยวของตลาด ถิ่นที่ย้อยเคยลำบากลำบนมาก่อน ผมได้ยินเสียงแว๊ดแหวๆ ที่คุ้นๆกำลังคุยกับแม่ค้าก๋วยเตี๋ยวอย่างสนุกสนาน จึงเงยหน้าขึ้นมามอง
“ใช่เลย..ย้อย โอโห วันนี้ย้อย..เป็นคนละคนกับที่ผมเคยรู้จักมาก่อน” ผมคิดในใจ
ผมนิ่ง.เพื่อจะลองทดสอบ คนที่ผมเคยมีอุปการะและเคยช่วยเหลือออกทุนทำมาหากินในอดีตจนตั้งตัวได้ จะทักทายบ้าง
เงียบสนิท ไม่มีคำทักทายสักแอะ เธอยืนคุยกว่าชั่วโมง ขณะที่ผมยังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์
“ย้อย นั่นอาจารย์..ขลุ่ย จำอาจารย์ไม่ได้เหรอ ” แม่ค้าก่๋วยเตี๋ยวพูด เตือนสติ
เธอนิ่งเงียบ…ทำเสมือนคนไม่รู้จักกันมาก่อน นี่ไม่ใช่เพียงครั้งเดียว ที่ผมเจอย้อยกับอนุวัตร…หลายๆครั้งที่ผมพบคู่ผัวตัวเมียคู่นี้ ที่ตลาดคลองถมในเมือง สายตาปะทะกันอย่างจะแจ้งอยู่หลายครั้ง เขากลับนิ่งเฉย…จนผมต้องเดินหลบไปเองเสีย.
คิดๆไปก็รู้สึกเสียใจ ที่ในอดีตเราไม่น่าจะชุบเลี้ยงงูพิษ คู่นี้เลย
ไปเถิดทั้งคู่ ไปสู่ประตูสวรรค์ ได้ดิบได้ดีแล้ว..นี่ ขอจงจำเริญๆ เถิดพ่อคุณ แม่คุณ
ขลุ่ย บ้านข่อย
(๒๔-๙-๖๖)
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น