ถ้าไม่ได้ไอ้แขกช่วย ผมแย่แน่ - ถ้าไม่ได้ไอ้แขกช่วย ผมแย่แน่ นิยาย ถ้าไม่ได้ไอ้แขกช่วย ผมแย่แน่ : Dek-D.com - Writer

    ถ้าไม่ได้ไอ้แขกช่วย ผมแย่แน่

    เขาเป็นศิษย์เก่า ของสถาบันแห่งนี้ ได้เข้าทำงานระยะหนึ่ง แล้วลามาศึกษาต่อ จนมาเป็นลูกศิษย์ของผม วัยของเราไม่ห่างกัน จึงเปรียบเสมือนเพื่อน คืนหนึ่งผมเจอปัญหา ได้อ้างว่ารู้จักเขา ผมจึงรอดตัว..มาได้

    ผู้เข้าชมรวม

    96

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    96

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ส.ค. 66 / 14:28 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                               ถ้าไม่ได้ไอ้แขกช่วย.ผมคงแย่แน่ .

      ศรชัย(ไอ้แขก)เป็นศิษย์เก่าของสถาบันแห่งนี้ก่อนที่ผมจะมาทำการสอนเสียอีก    เมื่อเขาเรียนจบชั้นปวช.3 แล้ว  ได้สอบบรรจุเป็นพนักงานส่งเสริมการเกษตร  เมื่อทำงานได้สองปีจึงทำเรื่องขอลาศึกษาต่อ   ผมได้สอนเขาพร้อมกับนักศึกษาคนอื่นๆที่เรียนในรุ่นเดียวกัน ข้าราชการที่มาเรียนร่วมในรุ่นเดียวกันกับเขา เป็นคนจากปักษ์ใต้ ถึงสามคน   คือ เปี๊ยก. สมชาย และเขา  ศรชัยหรือไอ้แขก เป็นคนจากอำเภอเกาะสมุย จังหวัดสุราษฎร์ธานี บุคลิกเป็นบุรุษร่างเล็กสูงประมาณ155 เซนติเมตร ผมหยิก ผิวคล้ำ ตาคม  ช่างพูดช่างจา เขาเป็นคนปักษ์ใต้ที่อู้กำเมืองได้ไพเราะน่าฟังที่สุด…. ตั้งแต่ผมเคยได้ยินมา ในจำนวนนักศึกษาที่ลามาศึกษาต่อทั้งสามคนผมสนิทกับไอ้แขกที่สุด  เป็นเพราะก่อนที่เขาจะมาศึกษาต่อที่สถาบันแห่งนี้ ได้เคยเข้ามาทำงานในพื้นที่ ที่อยู่ใกล้กับสถาบันที่เขาลามาศึกษา   ผมเคยพบกับเขาหลายครั้ง ไม่ได้พบกันในฐานะครูกับลูกศิษย์ แต่เป็นการพบกัน ในฐานะเพื่อนต่างหน่วยงาน  การที่ผมเป็นคนที่ต้องทำงานมวลชน โอกาสที่ทำให้เราต้องพบกันจึงไม่ได้เรื่องแปลก ผมไม่เคยคิดมาก่อนว่าศรชัยจะมาเป็นลูกศิษย์ของผม

    ระหว่างที่เขามาเป็นนักศึกษา ต่างคนต่างก็ให้เกียรติกันและกัน เขาเรียกผมว่า“  อาจารย์" ทุกครั้ง ผมก็เรียกเขาว่าคุณศรชัย แน่นอนว่าการเป็นข้าราชการลามาศึกษาต่อจะต้องมีการส่งผลการเรียนเพื่อแจ้งให้ผู้บังคับบัญชาทราบทุกเทอมแม้เขาจะเป็นศิษย์เก่าที่นี่ แต่เขาก็ไม่วายที่จะหวั่นใจกับอาจารย์เก่าๆที่เคยสอนเขามา  ตามที่ผมเคยได้ยินกิตติศัพท์ของไอ้แขกในอดีตที่เคยเข้าเรียนในสถาบันนี้คือ เขาคือหัวโจกที่ค่อนข้างเกเร ไม่ยอมงอให้กับครูอาจารย์ โดยเฉพาะอาจารย์ ปวีณาที่สอนวิชาคณิตศาสตร์และสถิติที่นักศึกษาทุกรุ่นเกลียดเพราะเป็นคนใจอำมหิตไม่มีจิตวิญญาญของความเป็นครู

      “เธอกลับเข้ามาเรียนใหม่แล้ว ครูไม่สนใจหรอกนะ ว่าเธอจะลามาศึกษาต่อ ”  อ.ปวีณา พูด เมื่อเธอเจอกับลูกศิษย์ตัวจี๊ด ในอดีต

      “อาจารย์..ยังเหมือนเดิมเลยนะครับ  ”

      “เธอว่าไงนะ”

      “ผมบอกว่า อาจารย์ ยังสวยเหมือนเดิม  ครับ  ”

      “ เธอ อย่ามาทำเป็นพูดเล่น ครูไม่ได้เป็นเพื่อนเล่นของเธอนะ”

      “ชมก็ไม่ได้ แปลกจริงครับ ”

      เธอทำสีหน้า..ยู่ยี้ เหมือนกระดาษถูกขยำ แล้วเดินผละจากไปศรชัย มองอาจารย์คู่ปรับอย่างงงๆ  

      “อย่างนี้ก็มีด้วย นานๆเจอกันแทนที่จะทักทายด้วยมธุรสวาจา. แก่แล้วแก่เลย.อาจารย์คนนี้  ”  ศรชัยบ่น

                                         ********************************** 

      อ.ปวีณา ต้องสอนกับศรชัยสองวิชาคือคณิตศาสตร์กับสถิติ เขาเคยทราบถึงพิษสงกับการตัดเกรดอันหฤโหดของอาจารย์คนนี้มาแล้ว การจะแสดงพฤติกรรมเหมือนสมัยก่อนคือยอมหักคงไม่น่าจะเหมาะสม เพราะหาดพลาดพลั้งไปอาจารย์คนนี้เกิดมีอคติและกลั่นแกล้งเขาให้ติด F ใบผลการเรียนที่ออกมาจะส่งผลต่ออนาคตเขา ที่ผู้บังคับบัญชาอาจตำหนิได้  ผมกับศรชัยมีอายุห่างกันเพียงสามปี หากเมื่อพบกันนอกเวลา เขาก็เรียกผมพี่ ซึ่งผมยินดีที่จะให้เขาเรียกเช่นนี้มากกว่า  ย่านตำบลบ้านเสด็จในทุกหมู่บ้าน ศรชัยจะเป็นที่รู้จักของชาวบ้าน  เพราะเขาเป็นนักส่งเสริมการเกษตรที่เข้าถึง- มีมนุษยสัมพันธ์เป็นเยี่ยมและเป็นขวัญใจชาวบ้าน แรกๆ ที่ผมพบเขายังแปลกใจว่า เจ้าแขกคนนี้ นับถือศาสนาอิสลาม ทำไม??? จึงมานั่งร่วมวงสนทนาและดื่มสุรากับชาวบ้าน เนืองๆ 

      “ผมไม่ได้นับถือศาสนาอิสลาม หรอกครับ..พี่ เป็นเพราะผมหน้าตาเหมือนคนแขก  เขาก็เลยเรียกผมว่าไอ้แขก  ผมก็เลยตามน้ำให้เขาเรียกตามนั้น  ไอ้แขกจึงเป็นคำเรียกที่ติดปากของพวกเขาไปแล้ว”ศรชัย พูด

      “ผมยอมรับเลยนะว่า นายนี่พูดกำเมืองได้เก่ง ..คล่องแคล่ว  ผมมาอยู่นี่..ห้าปีแล้ว ยังอู้(พูด)ไม่ได้คล่องแคล่วอย่างนายเลย” ผมพูด

      “ผมมันลูกทุ่ง คลุกคลีกินเหล้ากับชาวบ้าน แถวนี้มาตั้งแต่สมัยยังเรียน ” ศรชัยพูด

       ข้าราชการที่ลาศึกษาต่อทั้งสามคน ต่างวิตกกังวลเรื่องเกรด โดยเฉพาะวิชาของอาจารย์ปวีณา  ผู้มีเอกลักษณ์ ความทมิฬเฉพาะตนตั้งแต่ยังสาวจนยันเกษียณอายุราชการ  และค่ำคืนหนึ่ง….ขณะที่ผมนั่งดูข่าว ได้ยินเสียงร้องตะโกนที่หน้าบ้าน

      “พี่ขลุ่ย .ๆๆๆ อยู่มั้ย   ”ศรชัย ตะโกนร้องเรียก

      “อยู่ครับ  มีธุระอะไรหรือเปล่า  ”

      “จะชวนไปนั่งดิื่มเหล้ากับเปี๊ยก และพี่ชายที่บานพักอาจารย์ธำรงค์ ที่ทำงานข้างบนโน้นน่ะ  ” ศรชัยพูด

       จริงๆ แล้วคนที่ศรชัยเอ่ยชื่อมาเป็นคนที่คุ้นเคยกันทุกคนเป็นคนปักษ์ใต้ วัยใกล้เคียงกันกับผม คนที่มีอายุลูงสุดคือสมชายที่ลามาศึกษาต่อ เขามีอายุแก่กว่าผม 1 ปี ผมคิดว่าวันนี้ ถือเป็นโอกาสดี ที่เราจะได้แลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันและกัน 

      “เค.. งั้นรอเดี๋ยว ”

       ศรชัย ขี่จักรยานยนต์ยี่ห้อซูซูกิ A100  สีแดงเลือดนกซึ่งทางกรมฯให้เจ้าหน้าที่ สามารถซื้อผ่อนส่งได้ ในราคาย่อมเยา ผมใช้เวลาไม่ถึง 2 นาที ก็ขับจักรยนต์มือสองตามเขาขึ้นมาที่บ้านพักของอาจารย์ธำรงค์ ซึ่งมาบรรจุรุ่นเดียวกันกับผม แต่ต่างหน่วยงานกันเมื่อไปถึงที่บ้านพักหลังนั้นซึ่งอยู่ติดกับดอย หากเดินข้ามภูเขาลูกนั้น ก็จะถึงการไฟฟ้าฝ่ายผลิตแม่เมาะ   

     “สวัสดี ครับอาจารย์  ” นักศึกษาซึ่งลาศึกษาต่อทักทาย

     “เฮ้ย. มา นั่งกินเหล้ากัน  ”อ.ธำรงค์ พูด

    ในวงสุรามีทั้งหมด 5 คน หากตัดขาดจากความเป็นครูกับศิษย์แล้ว เราก็เหมือนเพื่อน เพราะวัยไม่ห่างกัน  ในวงเหล้าวงนี้ แตกต่างจากวงเหล้าที่ผมเคยดื่มกับชาวบ้าน เพราะบุคคลเหล่านี้ มีเงินเดือนกินพวกเขาจึงดื่ม สุรา…จากโรงงานบางยี่ขันซึ่งเป็นที่นิยมดื่มกันโดยทั่วไปกับแกล้มที่เขาซื้อมาจากในเมืองคือไก่ย่าง ร้านโกเกียว และลาบ หลู้จากตลาด  ที่ปรุงเสร็จใหม่ๆ 

      “พี่ขลุ่ย คงกินได้นะ ”  ศรชัย พูด

      “ไม่มีปัญหา  ผมคนง่ายๆ อยู่แล้ว จริงพวกลาบเลือดนี่ เคยกินมาตั้งแต่ตอนไปฝึกงานที่สหกรณ์สามชุก กับตอนที่ได้ไปพบเพื่อนที่ห้างไทยไดมารู พระโขนง แล้วเขาชวนผมไปเที่ยวที่อัมพวาเลยได้กินอีกครั้ง อร่อยดีนะ ผมคิดใจแล้วล่ะ”  ผมพูด

      ในวงสุรา นักศึกษาทั้งสามคนได้พูดคุยถึงเรื่องปัญหาที่เขาหวั่นเกรงกับเรื่องเกรดที่มีวิชายากๆหลายวิชา   หากติด F วิชาใดวิชาหนึ่ง ย่อมส่งผลเสียที่จะทำให้ผู้บังคับบัญชาอาจเพ่งเล็งว่า ไม่ใส่ที่จะมาเรียนเพื่อเพิ่มวุฒิและเอาความรู้ไปใช้ในการทำงาน

      “นี่ผมได้ยินเพื่อนๆ ที่เคยลามาเรียนก่อนหน้านี้  พูดให้ฟังว่ามีอาจารย์ ที่นี่ โหดๆทั้งนั้นเลยพวกเขาไม่คิดเลยว่าพวกผมลาศึกษาต่อ ก็เพื่อต้องการปรับวุฒิ บางวิชาที่พวกผมต้องเรียน ควรมีการยืดหยุ่นให้บ้าง เพราะไม่ได้นำเอาไปใช้อะไร” ศรชัยพูด

    “ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่า อาจารย์พวกนี้ เขาคิดอย่างไร” ผมพูด

    “สมัยก่อนผมกับอาจารย์ปวีณา นี่ เป็นคู่กัดกันมาโดยตลอด หากเรียนกับแกในเทอมหน้านี้ ผมคงต้องงดที่จะลดการโต้แย้งกับแก  คงต้องทำตัวดังกับแมวเชื่องๆเพื่อความเมตตาในการพิจารณาออกเกรด ”  ศรชัย พูด

    “ผมก็หวั่นใจ ไปไม่น้อยเลย เพราะวิชาทางคำนวณ ผมนี่ไม่ค่อยจะถนัดเลย ”  เปี๊ยก พูด

     ในวงสนทนาในค่ำคืนนั้น .ส่วนใหญ่จะคุยกันถึงเรื่องการเรียน เรื่องความวิตกกังวล เกรงจะได้เกรดไม่ดี และที่สำคัญที่สุดคือเกรงจะติด F นอกจากนั้นพวกเขาจะคุยถึงเรื่องประสบการณ์ในการทำงานของแต่ละคน   เปีี๊ยกทำงานที่ศูนย์ส่งเสริมอุตสาหกรรมอ้อย  สมชายทำงานที่สถานีวิจัยไม้ผล ส่วนศรชัย ทำงานสำนักงานเกษตรอำเภอ นั่นคือครั้งแรกที่ผมได้สัมผัสกับข้าราชการลาศึกษาต่อ  

                                     ****************************  

    ทั้งสามคนที่ลงทะเบียนเรียนกับ อ.ปวีณา เมื่อได้เริ่มเรียนแล้วทุกคนก็เริ่มวิตกกังวลและเครียด  เพราะผู้สอนเคร่งครัดเอาจริงเอาจังขนาดว่าผู้เรียนจะขยับตัวก็ยังไม่ได้ เมื่อเข้าเรียนทุกคาบอาจารย์ ปวีณา จะต้องสอบย่อยเก็บคะแนนทุกครั้ง การสอบกลางเทอมที่เป็นข้อสอบอัตนัยนักศึกษากว่าร้อยละ 95 ทำข้อสอบไม่ได้เลยรวมทั้งสามคนที่ลาศึกษาต่อ

    “สงสัย ผมและเพื่อนๆถ้าจะติด F แน่ๆ ”ศรชัยปรารภเมื่อเขาพบกับผมที่บ้านผู้ใหญ่บ้าน

    “ยังพอมีเวลาแก้ตัว ในเทอมปลายอีกคะแนนที่ได้ เป็นไงบ้างล่ะ”ผมพูด

    “คะแนนเก็บ 40 พวกผมได้กันแค่15 - 18 คะแนน เอง สงสัยถ้าจะแย่”ศรชัย พูด

    ศรชัย…เป็นคนกว้างขวางในหมู่ผู้นำท้องถิ่นตั้งแต่กำนัน ผู้ใหญ่บ้าน กรรมการของสภาตำบล  เขามักจะใช้จักรยาน ยนต์คันนี้ตระเวนเยี่ยมเยียนเกษตรกรในพื้นที่ที่รับผิดชอบ ในรุ่นของเขาผมมีวิชาที่จะต้องสอนสองวิชา และเพื่อป้องกันมิให้นักศึกษาต้องถูกรีไทร์มาก ผมจึงต้องช่วยอย่างเต็มกำลังความสามารถ ทั้งยังบอกแนวข้อสอบให้ตรงที่สุดสองวิชาที่สอน ผมตัดเกรดต่ำสุดคือ B ทั้งยังเปิดวิชาเลือกเสรีให้อีกสองวิชาคือ กฎหมายการเกษตรและการบริหารงานบุคคล 

                                       ********************************** 

        นักศึกษา 3 คนที่ลาศึกษาต่อได้จบทันเวลาในหลักสูตร..และกลับไปปฎิบัติหน้าที่ราชการเปี๊ยก (ปิติ)  ทำงานได้สามปีก็เลื่อนตำแหน่งสูงขึ้น  สมชาย ได้ขึ้นเป็นหัวหน้าสถานีพืชสวนที่จังหวัดพิจิตร  สำหรับแขกหรือ ศรชัยยังมีความสุขกับการลุยงานในตำแหน่งเดิม เขาจะเป็นคนหัวแข็งที่ไม่ยอมงอให้กับความไม่ถูกต้อง ตำแหน่งที่จะได้เลื่อนเหมือนสองคนจึงแป๊กอยู่กับที่  

      “ยังไง ผมก็พอใจ ในงานที่ทำ แม้ผมจะไม่มีตำแหน่ง  ” ศรชัยพูด

      “เข้าใจน่ะ แขก  .ผมก็ทำงานเต็มกำลังอยู่แล้ว แม้จะไม่มีตำแหน่งใดๆ แขกก็เห็นนี่ ว่าผมทำงานเพื่อพัฒนาเยาวชนหากที่นี่ไม่มีผมเสียคนแล้ว อาจารย์พวกนี้มันคงใช้อำนาจกันอย่างฟุ่มเฟือย กลั่นแกล้งแกล้งนักศึกษาด้วยปลายปากกา  ”

      “ผมเคยเรียนที่นี่มาก่อน ไม่เคยมีใคร เหมือนพี่ซักคน พี่เข้าใจนักศึกษา อยู่ข้างนักศึกษาและต้องคอยระวังพวกเขากลั่นแกล้ง น่าเห็นใจน่ะครับ  ”

      “ไม่มีปัญหา ผมระวังตัวอยู่ตลอดเวลา สิ่งที่กลัวที่สุด คือตอนที่ตัวเองดื่มเหล้า เวลาดีกรีหนักๆ เกรงจะคุมอารมณ์ตัวเองไม่อยู่”ผมพูด

     “นี่แหละ ผมถึงได้ห่วงพี่ไง”

      ศรชัย…มักจะมาคุยที่บ้านกรรมการที่ปรึกษาอาวุโส เสมอ  ที่นี่…เป็นทั้งร้านขายของกินของใช้ จำหน่ายเครื่องดื่มทุกประเภท บุหรี่ มีปั้มหลอดให้ชาวบ้านมาใช้บริการและมีโรงสีข้าว  ณ เวลานั้น แขกได้ย้ายไปทำงานอีกตำบล คือตำบล บ้านแลงนานๆ ผมจึงจะได้พบเขา และบางครั้งอารมณ์ดีๆ เขามักจะแวะชวนผมไปดื่มสุรา

                                              ******************************

       ช่วงที่ผมเครียดหนักๆในยุคผอ.ประจบ ได้ขออนุญาตกรมฯลาไปบวชเพื่อดับทุกข์และถือโอกาสบวชเพื่อทดแทนพระคุณพ่อและแม่  ศรชัยและอาจารย์ไม่กี่คนได้มาร่วมงานที่วัด ผมบวชในพรรษาหนึ่งพรรษาเต็มๆจนได้ลาสิกขากลับมาอยู่ที่บ้าน เวลานั้นยังเป็นช่วงปิดเทอม ผมจึงไม่ได้ทำงาน จึงแวะไปเยี่ยมกรรมการอาวุโสในหมู่บ้านที่คุ้นเคยกัน   

      บริเวณม้าหินอ่อนที่เป็นที่นั่งคุยแลกเปลี่ยนและเป็นที่สันทนาการของคนที่ไปนั่งรอสีข้าว ซึ่งอาจเล่นหมากฮอส หมากรุก ขณะที่ผมกับกรรมการหมู่บ้านนั่งคุยเรื่องเหตุบ้านการเมือง จู่ๆ รถจักรยนต์ซูซูกิ สีแดงเลือดนกก็มาจอด หน้าตาเขาเหมือนดังคนถูกผีหลอกมา  

      “อาจารย์ขลุ่ย ยังอยู่.. โอย  ผมตกใจหมดเลย ”ศรชัยพูดเสียงดังท่ามกลาง ชาวบ้านกำลังนั่งคุยกัน

      “เกิดอะไรขึ้นหรือท่านนักเกษตรถึงได้หน้าตา ตื่นตระหนก มาอย่งนั้น ”กรรมการที่ปรึกษาอาวุโส สอบถาม

      “คือเมื่อกี้ .ผมนั่งกินเหล้ากับเพื่อนๆตำรวจที่ป้อมยาม หน้าสุสานหลวงพ่อเกษม ได้ยินวิทยุสื่อสารจากตำรวจ พื้นที่ตำบลพิชัยแจ้งว่ามีอุบัติเหตุเกิดขี้นที่ทางเข้าหน้าสถาบันฯ ทางนั้นแจ้งว่าผู้ประสบเหตุชื่อจริงว่า .   ซึ่งเป็นชื่อตรงกับอาจารย์ขลุ่ย อีกทั้งยังระบุว่าผู้ประสบอุบัติเหตุ ถึงแก่ชีวิต  พอผมฟังจบ ก็รีบบึ่งรถแวะหา อ.ขลุ่ย ที่บ้านพักในสถาบัน   ไม่มีใครอยู่บ้านเลยสักคน จึงแวะมาที่นี่เพราะเห็นว่าอาจารย์ขลุ่ย ชอบแวะมาเที่ยวบ่อยๆ  ”ศรชัยพูด ยาว

    “อาจารย์ มานั่งเล่นหมากรุก ได้เป็นชั่วโมงๆ แล้ว” กรรมการ อาวุโสพูด

     ศรชัยแม้จะยังอยู่ในอาการมึนเมาแต่ดูท่าทีเขาแล้ว ดูจะมีความห่วงใยผมจริงๆ เพราะดูจากกิริยาอาการ เมื่อเขาเดินใกล้ถึงตัวผม ได้เข้ามาโอบด้านหลังเหมือนกับจะสัมผัสว่าคนที่เขาพบเป็นตัวตนผมจริงๆมิใช่ความฝัน 

     “ผมให้เพื่อน วิทยุกลับมายังต้นทางอีก เขาก็ยังยืนยันว่า เป็นอาจารย์ที่ทำงานที่นี่ ชื่อก็ชื่อนี้ แล้วอย่างนี้จะให้ผมนั่งกินเหล้าต่อไปได้อย่างไร   ” ศรชัยพูด

     “ขอบคุณมากที่ห่วงใย”ผมพูด

    “ งั้นผมขอเรียก(ฮ้อง)ขวัญ ซักหน่อย นะ” 

    “เอาเลย  ผมเพิ่งสึกออกมาได้ไม่กี่วัน คงไม่ดื่มหรอก  ”

     เขาสั่งสุรา..มานั่งดื่มกับชาวบ้าน ผมนั่งคุยเป็นเพื่อนกับเขา  อีกสักครู่ …จึงขอตัวกลับ

                              ***************************************** 

       ค่ำคืนหนึ่งที่ผมไปนั่งสังสรรค์กับลูกศิษย์ ที่หมู่บ้านแห่งหนึ่งจนห้าทุ่ม จึงขอตัวที่จะเดินกลับบ้านพัก  

    “อาจารย์.ขับรถมาตามทางเล็กๆซัก 500 เมตร พอถึงคลองชลประทานให้เลี้ยวซ้าย ก็จะไปถึงบ้านอาจารย์ ” ลูกศิษย์พูด

      “โอเค . จะพยายาม หวังว่าคงไม่หลงทางนะ ” ผมพูด

      “ไม่หลงแน่นอน ครับ ” 

      ผมขี่จักรยานยนต์มาตามเส้นทางที่นักศึกษาบอก  5 นาทีต่อมา เริ่มรู้สึกผิดสังเกตว่าเมื่อยิ่งขับไป ยิ่งมีความรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าทึบมากขึ้นๆ เมื่อเห็นแสงไฟที่บ้านหลังหนึ่ง จึงเข้าไปสอบถาม

      “ขอโทษครับ  ผมจะไปสถาบันเกษตร มาเส้นทางนี้ถูกทางมั้ย” ผมถาม เจ้าบ้านซึ่งเป๋็นสตรี ที่อยู่กับลูกชายวัยประมาณสามขวบ

      ยังไม่ทันจะได้คำตอบก็มีชายฉกรรจ์ขี่จักรยนต์ซ้อนท้ายกันมา จอดลง พร้อมเข้ามาประชิดตัวผม ในมือเขาถือมีดพร้าในมือ

     “คุณมาทำไมที่นี่ คุณมีอะไรกับเมียผมเหรอ  ” ชายที่ไว้หนวดพูด  

     “ผมเป็นอาจารย์ที่วิทยาลัยเกษตร  หลงทาง.. แค่จะมาถามทางกลับบ้านเท่านั้น  ”

    “ไม่เชื่อมึงหรอก  มีหลักฐานอะไรมายืนยันว่า เป็นอาจารย์  ”

    “บัตรข้าราชการ นี่ไง”  

      “ไม่เชื่อ  ”

      “มึงรู้จักใครบ้าง แถวนี้  ”

     ผมพยายามนึ..เมื่อเจียนตัวจริงๆ เคยได้ยินศรชัยเคยพูดว่า หากมาในตำบลนี่ เอ่ยถึงชื่อไอ้แขก รับรองว่า ชาวบ้านรู้จักทุกคน

     “ไอ้แขกครับ ” ผมพูด

      “งั้นไปหาไอ้แขกเดี๋ยวนี้กันเลย  ”คนไว้หนวดพูด แล้วสั่งให้น้องชายของเขาประกบตัวผมด้านหลัง ผมจำต้องขี่จักรยานยนต์ตามคำสั่งของเขาไปบ้านของศรชัยยามดึกคืนนั้น

      “พี่แขกๆๆๆ ”ชายไว้หนวด ร้องตะโกนเรียก 

     เกือบห้านาที เจ้าบ้านงัวเงียลุกขึ้นมาสอบถามถึงความประสงค์ของคนมาหา

      “มีธุระอะไร เหรอ ไอ้ต๋อ ” ศรชัยพูด

     “ก็ไอ้หนุ่มคนนี้  มันอ้างว่ามันเป็นอาจารย์ ไปจีบเมียผมที่บ้านเลย”

      “เฮ้ย เขาเป็นอาจารย์ของกูจริงๆ  มึงอย่ายุ่งเชียวนะ ไปส่งเขาให้กูด้วยไอ้ห่าเล่นกันแรงเชียวนะมึง  ” ศรชัยพูด

      ครู่ต่อมาจากเหตุการณ์ร้ายๆก็ผ่อนคลายลง บอกตรงๆว่า ณ ตอนนั้นผมคิดว่าผมคงไม่รอดแน่ๆ  หากถูกสองคนนี้ฆ่าหมกป่า  ไอ้แขกที่ชาวบ้านเรียก ถือว่าเป็นคนทรงอิทธิพลไม่น้อย สองคนที่เป็นผู้ร้ายซึ่งอยู่ในอาการเมาสุราแทบสร่างเมาเพราะถูกไอ้แขกด่าจนยับเยิน

      “คิงยะจะอี้ ได้จะได จ๋านฮา หนา บ่ะจ๊าดหมา  ไปส่งที่เกษตรฮื้อตวย (นายทำอย่างนี้ได้ไง   อาจารย์ ของผมนะ   ไอ้ชาติหมา "ศรชัย ด่าชาวบ้านสองคนนั้น

     ศรชัยเดินออกมาส่งผม ทั้งกำชับให้สองคนนี้ให้ขี่จักรยานยนต์ ไปส่งผมถึงบ้านพัก  …

                                       การหลงทางกลางป่าครั้งนั้น ผมแทบจะเอาชีวิตไม่รอด  ..

                               นี่หากไม่ได้บารมี ไอ้แขกช่วยไว้  ผมคงตายหยังเขียดแน่ๆ   

                                                   ขลุ่ย  บ้านข่อย  

                                              (  ๒๗  สิงหาคม  ๒๕๖๖)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×