ผ้าขี้ริ้วห่อทอง - ผ้าขี้ริ้วห่อทอง นิยาย ผ้าขี้ริ้วห่อทอง : Dek-D.com - Writer

    ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

    ลูกชายคนเดียวของครอบครัวเกษตรกร มุ่งหน้่ามาเรียนสายวิชาเกษตร จนได้เป็นมหาบัณฑิตสมใจ รับราชการจนถึงระดับบริหาร ได้ลาออกจากงานมาใช้ชีวิตบนพื้นที่กว่า 50 ไร่ในกรุงเทพ อย่างสมถะ

    ผู้เข้าชมรวม

    179

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    5

    ผู้เข้าชมรวม


    179

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  20 พ.ค. 66 / 15:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                    ...ผ้าขี้ริ้วห่อทอง

        เมื่อรุ่นของผม ได้มาเป็นรุ่นพี่  ทุกคน กระตือรือร้ น ที่จะได้รับบทบาทในการที่จะเป็นแม่งาน รับน้องใหม่กับรุ่นน้อง  ปีนี้เป็นปีสุดท้ายที่พวกเรา จะได้เข้าพักหอพัก น้องใหม่ที่จะเข้ามาศึกษา ไม่มีสิทธิที่จะได้เข้าพักในหอพักแล้ว  เนื่องจากสถาบัน ต้องการนำหอพักมาปรับปรุงเป็นห้องเรียน    

       นับแต่วันแรกที่เปิดเทอม ประธานหอพักได้นัดเพื่อนๆร่วมรุ่น พูดคุยเพื่อแลกเปลี่ยนในการจะดำเนินการรับน้อง ที่บริเวณห้องโถง ชั้นล่างของหอพักหอ 1 

       “เราจะจัดแบ่งหน้าที่ในการทำงาน โดยแบ่งให้เพื่อนๆอยู่กลุ่มซ้อมเพลงเชียร์   กลุ่มว้ากเกอร์  กลุ่มปลอบใจ  กลุ่มสวัสดิการมีหน้าที่จัดน้ำ เสบียงอาหาร   กลุ่มกิจกรรมงานพัฒนาสถาบัน    เพื่อนๆ ใครจะเสนอความเห็นอะไรเพิ่มเติมเชิญได้ นะครับ “ วัฒนา ประธานหอพัก พูด 

       สถาบันของเราแม้จะอยู่ในกรุงเทพก็จริง  แต่ก็มีสภาพไม่ต่างจากชนบทเลยสักนิด การเดินทางมาเรียน ที่เกษตรเจ้าคุณทหาร เวลานั้น.. ค่อนข้างจะลำบากอยู่บ้าง การเดินทางมาเรียนด้วยรถไฟ รถไฟเที่ยวแรกจะมาถึงสถานีหัวตะเข้ประมาณ 6.55 น. เที่ยวที่สอง ถึง 7.55น. และเที่ยวที่สามถึง 8.15  น   หากจะมารถยนต์โดย(เมล์) สาร ก็ต้องมานั่งที่ต้นทางที่อู่รถปากซอยอ่อนนุช สาย1013

       คาบเรียนคาบแรก ของสถาบันที่พวกเราเรียน คือเวลา 8.30 น.  ส่วนใหญ่นักศึกษาจะขึ้นรถไฟ มาเรียน ขบวนเที่ยวที่จะมาถึงสถานีหัวตะเข้ ในเวลา 7.55 น เพราะมีเวลาที่จะแวะหาอาหารกินก่อน

       “สวัสดีครับพี่  “ รุ่นน้อง ผิวคล้ำ  ร่างกำยำ บึกบึน  ยกมือทักทายรุ่นพี่ ที่เขาเดินสวนทาง  

     “น้องคนนี้ นิสัยดีว่ะ  มันพูดเป็น อยู่เป็น “ ไอ้แดง พูด

     “ใช่.น้องคนนี้ มันฉลาด รู้งานมีสัมมาคารวะ “ ผมพูด

     รุ่นน้อง คนนี้...ผมมาทราบชื่อภายหลังว่า คือไอ้บิ๊ก ช่วงรับน้องใหม่  เขารายงานตัวต่อหน้ารุ่นพี่และเพื่อนๆ ร่วมรุ่น

      “ผม นายประโยชน์  ทรัพย์ทวีคูณ   จบจากโรงเรียน บางกระจก วิทยา  แขวงบางกระจก  เขตบางกะปิ  ครับ” 

      บิ๊กเป็นลูกชาวนา  เขาเป็นลูกชายคนเดียว ของครอบครัว ตระกูล ทรัพย์ทวีคูณ   ในวัยเด็ก ก่อนมาเข้าเรียนที่เกษตรเจ้าคุณทหารเป็นคนช่างสังเกต  ช่างซุกซน มักรื้อค้น ชอบทำสิ่งประดิษฐ์ ขณะติดตาม ปู่ย่า พ่อและแม่ไปทุ่งนา ย่านบึงบัว       

        ช่วงสามปีแรก.ของการเรียนระดับ ปวช.  บิ๊ก ต้องเดินทางมาเรียน ด้วยรถจักรยานยนต์ ส่วนตัว ซึ่งพ่อของเขายอมลงทุนซื้อให้ลูกชายหัวแก้วหัวแหวนได้สะดวกต่อการเดินทาง   เมื่อเกือบ 50 ปีที่แล้ว ระยะทางจากจากบ้านทุ่งบ้าน บึงบัว  มาหัวตะเข้ เป็นท้องทุ่งนาเวิ้งว้าง ตลอดเส้นทางกว่า 30  กิโลเมตรที่เขาขับมา ต้องผ่านเขตมีนบุรี   และเข้าสู่เส้นทางถนนร่มเกล้า จนมาถึงทางแยกถนนหลัก พระโขนง -หัวตะเข้   

        บิ๊ก..เป็นคนเรียนเก่งระดับแถวหน้าของรุ่น  มีมนุษยสัมพันธ์ ที่ดีต่อพี่ๆเพื่อนๆ  และคณาจารย์  เพียงผมพบ แค่ได้พูดคุยกับเขาเพียงสองครั้งก็เกิดความรู้สึกชอบในนิสัย สามปีแรกที่เขาเรียนที่เกษตรเจ้าคุณทหารลูกชาวนาโดยอาชีพ ไม่มีปริปากบ่น ให้ใครๆได้ยิน ดูเขามีความสุขกับการได้มาอยู่สถาบันการเกษตร (พระนคร)ชานเมืองหลวง ที่ไม่ได้แตกต่างจากบ้านที่เขาเกิดเลย

     “ไอ้บิ๊ก พ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย มึงทำนา แล้วเสือกมาเรียนเกษตรทำไม  “ ประหยัด  เพื่อนร่วมรุ่นคนใต้  หยอกเย้า

     “กูมาเรียน เพื่อเอาความรู้  ที่กูยังไม่รู้ ไปใช้ให้เกิดประโยชน์และเปลี่ยนแปลงชีวิตให้พ่อกู สิวะ  ไอ้ห่า”  บิ๊ก ตอบ

       บิ๊กเรียนจบปริญญาตรีสาขาสัตว์ศาสตร์ รุ่นเดียวกันกับผม  โดยมีเกียรตินิยมอันดับ 1 เป็นเครื่องปลอบใจ ในความขยันหมั่นเพียร  ผมต้องมาเรียนกับบิ๊กในสาขาสัตวศาสตร์ ช่วงเรียน ปวส.  เป็นเพราะผมต้องเสียเวลาไปทำงานที่สหกรณ์ 1 ปี และได้หวลย้อนกลับมาเรียนภายหลัง แน่นอนว่าช่วงที่มาเรียนกับรุ่นน้องๆ  ผมค่อนข้างจะสบายใจที่ไม่ต้องทุ่มเทกับการอ่านตำรา เพื่อเตรียมสอบดังสมัยเรียนระดับปวช. ที่พึ่งของผมช่วงเข้าสอบ คือจะมีสมโภชน์ สมชายและ ไอ้บิ๊ก ทั้งสามคนนี้ได้เกียรตินิยมอันดับ 1 ทั้งสิ้น 

     สมัยเรียนปวส. ผมตกอยู่ในภาวะจำยอม จึงต้องเรียนสาขาสัตวศาสตร์ ทั้งๆ ที่ไม่ถนัด  เป็นเพราะถูกหัวหน้าภาควิชาบังคับให้เรียน  เนื่องจากมีนักศึกษาลงชื่อเข้าเรียนน้อย   ไอ้บิ๊กจึงเป็นที่พึ่งพาของผม ช่วงทำแล็บในหลายวิชาที่เรียน

     “ช่วยผสมเทียม พันธุ์ปลานิล ให้พี่ด้วย สิ “ ผมพูด

     “ได้ครับพี่  “  บิ๊กตอบ

     การเรียนในสาขาสัตวศาสตร์ พวกเราจะต้องลงมือปฎิบัติจริงๆ เช่นวิชา การเลี้ยงสุกร การเลี้ยงไก่  ต้องทำวัคซีนให้ไก่ สุกร  วิชาผสมเทียม พวกเราต้องฝึกการผสมเทียมโค บิ๊ก ไม่เคยปฎิเสธที่ช่วยเหลือผมเลยสักครั้ง 

      ความโดดเด่นของเขาที่เพื่อนๆจดจำ คือ ผิวคล้ำ ผมหยิก สวมเสื้อเชิร์ตแขนยาว กางเกงยีน สวมรองเท้าเช็คโกสีน้ำตาล  เสียงดังฟังชัด  คุยตลก ช่างซักช่างถาม เวลาเรียนที่อาจารย์จะเลิกสอน จนทำให้การปล่อยชั้นเรียนต้องช้าไปอีก 10- 20 นาที 

     “ไอ้บิ๊ก มึงทำไมไม่ถามอาจารย์ ตอนต้นๆ ชั่วโมงล่ะ มึงเล่นมาถามช่วงท้ายชั่วโมงสอน กว่าอาจารย์จะตอบ จะยกตัวอย่างเสร็จห้องอื่นๆ เขาก็ปล่อยจนหมดแล้ว “เพื่อนๆในชั้นบ่น

      “ก็กู ยังไม่เคลียร์  นี่หว่า “

     “มึงก็ค่อยถาม ตอนที่อาจารย์ปล่อยชั้นเรียนก่อนสิวะ  “

     “ก็ได้ งั้นต่อไป  กูก็จะทำ อย่างที่เพื่อนๆ ต้องการ “บิ๊ก  ตอบ

      บิ๊ก นอกจากจะเรียนเก่ง ยังมีน้ำใจกับเพื่อนๆที่เรียนได้เกรดไม่ดี  เขามักจะช่วยติววิชายากๆให้  ต่างกับเพื่อนอีกสองคนคือสมชายกับสมโภชน์ ที่เรียนเก่ง แต่มักไม่ค่อยจะเอื้อเฟื้อเพื่อนๆ ด้วยความที่ผมเป็นรุ่นพี่ของคนทั้งสาม แม้เขาไม่อยากจะช่วยก็จำต้องช่วยเพราะเกรงใจ 

     “อย่าหวง การให้ลอกข้อสอบเลย พี่จะขอดูบ้าง บางวิชาเท่านั้น  เพราะอ่านตำราไม่ทัน โว้ย  “ ผมพูดกับน้องทั้งสามคน

       การเรียนของผมไม่ได้คาดหวังได้เกรด A หรือ B  เพียงขอให้แค่ C ก็พอใจแล้ว ผมมาแยกสาขาเรียน กับไอ้บิ๊ก ช่วงปริญญาตรี เขาเรียนสัตวศาสตร์ ผมมาเรียนสาขาบริหารธุรกิจเกษตร  ช่วงเรียนระดับปริญญาตรี ส่วนใหญ่ผู้เรียนจะเครียด แต่คนทั้งสามที่เรียนเก่ง คงเรียนแบบสบายๆ  แม้ช่วงเรียนระดับปริญญาตรี ผมไม่ค่อยได้พบกับไอ้บิ๊ก แต่หากเจอกันครั้งใด เขาจะชวนคุยสร้างบรรยากาศ ตลกโปกฮากันเป็นเอกลักษณ์ ประจำตัว  ตลอดเวลาที่เรียนในสถาบันแห่งนี้ ผมไม่เคยพบว่าไอ้บิ๊ก มีความเครียดเลยแม้แต่น้อย 

      หลังจากบิ๊ก เรียนจบปริญญาตรีแล้ว มีเขาเพียงคนเดียว  ที่เดินหน้าเข้าเรียนระดับปริญญาโทใต้ร่มเงารั้วนนทรี  ส่วนผมมารับราชการที่จังหวัดลำปาง ในปีเดียวกันนั้นเพื่อนร่วมงานซึ่งได้ลาศึกษา ได้เข้าเรียนร่วมชั้นเดียวกันกับบิ๊ก

     “อาจารย์ ขลุ่ย  รู้จัก บิ๊ก มั้ยผมสอบถามเขา  เขาบอกว่าเรียนจบจากเกษตรเจ้าคุณฯ  “อาจารย์ เพื่อนร่วมงานของผมพูด

      “ผมรู้จักและสนิทกัน พอสมควร ครับ เขาเป็นรุ่นน้องผมหนึ่งปี  แต่เรามาเรียนร่วมชั้นเรียนเดียวกัน “ ผมพูด

      “เขาคงต้องเสียเวลา เรียนเก็บวิชาชั้น ป.ตรีใหม่ คงจะจบช้าสักหน่อย “

     “ผมว่ามหาวิทยาลัยของที่นี่  ไม่แฟร์ กับพวกผมเลย ทั้งๆ ที่เราก็จบปริญญาตรีมาเหมือนกัน แล้วทำไม ต้องมาเรียนซ้ำอีก “ ผมพูด

      “คงเป็นระเบียบที่มหาวิทยาลัย อาจมองว่า คนที่จบมาจากสายวิชาชีพ วิชาพื้นฐาน คงไม่แน่นพอ ที่จะมาเรียนร่วมกับคนที่จบมหาวิทยาลัย จากการเอ็นทรานซ์ กระมัง”

       ผมทราบจากเพื่อนร่วมงาน ที่ไปเรียนร่วมรุ่นกับ บิ๊ก ว่าเขาต้องใช้เวลาเรียน 5 ปีจึงจะสำเร็จการศึกษา 

      “โอ้โห มันอึดจริงๆ กว่าจะจบได้ “ผมพูด

      “บิ๊ก เขายอมรับสภาพ ช่วงนี้เหลือวิทยานิพนธ์อีกนิดเดียว ก็คงจบแล้ว  “

     “เสียเวลาไปตั้งสามปี แทนที่ถ้าทำงานจะมีอายุราชการเพื่มได้อีกสามปี  “ ผมพูด

      “จริงๆ บิ๊กเขาเรียนเก่งนะ  เพียงกติกา กำหนดให้ต้องเรียนเก็บวิชาใหม่ นี่เขามีเพื่อนสาวที่เรียนปริญญาโทด้วย ช่วยติว และคอยช่วยเหลือ สงสัยคู่นี้คงลงตัวกันแน่นอน  “อาจารย์เพื่อนร่วมงานพูด

     “ผมไม่เจอมัน ตั้งแต่เรียนจบมา ยังไง ..ถ้าเจอเขา บอกว่าผมฝากความคิดถึง และชวนเขามาเที่ยวที่ลำปางด้วย”

      “ได้ ครับ  ผมจะบอกให้  “

                                          **************** ****************

          เวลาผ่านไป...เกือบ 40 ปี  ที่ผมมิค่อยได้มากรุงเทพมหานคร   แต่ครั้งนี้..เป็นครั้งสำคัญที่จะต้องมาให้ได้ เนื่องจากอาจารย์(หมอ)ธเนศ เสียชีวิต ผมจึงต้องมาร่วมงานฌาปนกิจท่าน ที่วัดเสมียนนารี   ผมจองตั๋วรถทัวร์ ที่คิดว่าจะสามารถลงได้ใกล้กับวัดที่สุด 

     “พี่มาลงที่อู่รถ เดี๋ยวผมจะมารับเอง “ รุ่นน้อง บอก

     ผมตื่นนอนตั้งแต่รถมาถึงจังหวัดพระนครศรีอยุธยา ผมเปิดผ้าม่าน ข้างหน้าต่าง เพื่อชมบรรยากาศ ของสถานที่ที่ผ่าน 

          วันนี้.บ้านเมือง เจริญขึ้นกว่าแต่ก่อน เรายังจำได้ว่าครั้งหนึ่ง เคยมาจังหวัดอยุธยาเพียงลำพังเพื่อมาสมัครสอบ เข้าเรียนต่อ ปี 2519เป็นปีที่เราเจอมรสุมหนักหนาสาหัส แต่ทุกอย่างก็ผ่านพ้นมาได้   เมื่อถึงจังหวัดปทุมธานี  ก็ได้เห็นป้ายสถานศึกษาที่ผมเคยเข้ามาเพื่อจะสมัครสอบเรียน แต่ได้รับคำตอบว่า เขาปิดรับสมัครไปเมื่อสัปดาห์ก่อนแล้ว

       ครึ่งชั่วโมงต่อมา รถมาถึงอู่รถ ผมนั่งรอสักครู่  รุ่นน้องชื่อ โชติ ก็มารับและอาสาจะพาไปหาบิ๊ก 

     “เราแวะกินโจ๊กกันก่อน แล้วผมจะพาพี่ขลุ่ย ไปหาพี่บิ๊ก “

      “อ้าว ไอ้บิ๊ก เกษียณ แล้วเหรอ  “

      “เขาลาออกมาก่อน เกษียณอายุครับ พี่ขลุ่ย    “

     “แล้วปัจจุบัน บิ๊ก มันทำอะไร  “

     “เปิดร้านขายอาหาร  “

     “อ้าว มีตำแหน่งใหญ่โต ดันมารีบลาออก เสียดายความรู้ ความสามารถมันนะ  “

      “พี่ขลุ่ย รู้มั้ยว่าพี่บิ๊ก นี่คือเศรษฐีพันล้านเลยแหละ”โชติ พูด

      “จริงอ่ะ “เล่าให้ฟังหน่อย สิ “ ผมพูด

     “ก็ละแวกที่ดินบ้านพี่บิ๊ก ชาวบ้านเขาขายที่ดินโครมๆได้เงินกันเป็นสิบล้าน ร้อยล้าน  ส่วนพี่บิ๊กมีที่ดิน 50 กว่าไร่   มีนักธุรกิจอสังหาริมทรัพย์มาติดต่อขอซื้อแก ให้ราคาไร่ละ 20 ล้านบาท แกก็ปฎิเสธที่จะขาย  ท่าเดียว “ โชติ พูด

      “สงสัย มันรอให้ราคาสูงกว่านี้มั๊ง  เอางี้ พอโชติไปถึงห้องอาหารไอ้บิ๊ก  บอกมันว่ามีเศรษฐี จากลำปางจะมาขอซื้อที่จะให้ราคามากกว่าเดิม 5 เท่า" ผมพูดสนุกๆ 

     “ครับ.. งั้นผมจะทำตามที่พี่พูด”โชติ รับลูก

                                  *****************************************

      ณ สวนอาหาร ย่านบางกระจก ..ผมมองเห็นที่ดินสองฟากถนนผืนหนึ่ง ซึ่งมีเนื้อที่มากมายคะเนว่าต้องเกิน 40 ไร่ หลังจากโชติจอดรถแล้ว  ผมต้องการเซอร์ไพร์ทเจ้าของที่ดินที่เป็นรุ่นน้อง ซึ่งไม่เจอกันมากว่า 30 ปี ผมกับ บิ๊ก เป็นลูกศิษย์อาจารย์หมอธเนศ วันนี้บิ๊กก็จะไปร่วมส่งดวงวิญญาญ อาจารย์ที่เคยประสาทวิชาความรู้ 

       “สวัสดีครับ พี่บิ๊ก “

      “หวัดดีว่ะน้อง  มาคนเดียวเหรอ “บิ๊ก ทักทายรุ่นน้องของเขา 

      “ผมมากับเศรษฐี จากเมืองลำปาง ครับ “ โชติ พูด

      “อ้าว แล้วไม่ชวนเขา เข้ามาด้วย  มีธุระอะไร  หรือ  “

     “เขาให้ผมมาคุยเจรจา เบื้องต้น ซื้อที่ดินกับพี่   “

      “ ไอ้ห่า บอกว่าไม่ขายๆ จะให้กูกี่พันล้าน กูก็ไม่ขายที่ดิน มรดกจากปู่ย่าตาทวด  กูต้องการให้พื้นที่ผืนนี้ เป็นปอดคนกรุงเทพ  เงินซื้อกูไม่ได้หรอก ฮ่ะๆๆๆๆ “บิ๊ก พูด พลางหัวเราะ 

       “จริงอ่ะ เศรษฐีพันล้าน" ผม ตะโกน หลังจากซุ่มฟังการพูดคุยของคนทั้งสอง

      “อ้าว .หวัดดี พี่ขลุ่ยมางานอาจารย์ธเนธ  เหรอครับ ไม่เจอกันตั้งนาน  “

     “ใช่ โห เกือบจำไม่ได้  นี่เพิ่งเจอกันตั้งแต่เรียนจบมา  วันนี้  หุ่นยังกับอภิมหาเศรษฐี  “ ผมหยอกล้อ เจ้าของที่ดิน

      บุคลิกของ บิ๊ก วันนี้.ร่างท้วมใหญ่ พุงยื่น ดังกับสาวมีครรภ์แก่ใกล้คลอด   เขาสวมเสื้อลายสก๊อต สีน้ำเงิน ตัดขาว เก่าๆ สวมขาก๊วยน้ำเงินเข้ม ลากรองเท้าแตะสวมหมวกสีน้ำตาลเข้ม ที่วนิพกส่วนใหญ่นิยมใช้

      “มานั่งคุยกันในเรือนแพ สวนอาหารของผมก่อน วันนี้ผมนัดกับไอ้เอส ให้มันมารับผมตอนบ่ายสองครึ่ง  เพื่อไปส่งอาจารย์หมอสู่สุขคติ “ บิ๊กพูด

       “เสียดายที่ท่านมาด่วนจากไปก่อน ทั้งๆที่พี่นัดกับท่านว่า สิ้นเดือนนี้จะมาเยี่ยมท่าน “

     “พี่ขลุ่ย สนิทกับอาจารย์หมอมาก ทั้งๆ ที่พี่ไม่ได้เรียนด้วยกันกับท่าน”

      “ศรศิลป์กินกัน น่ะ  ชอบดื่ม ชอบเที่ยว เหมือนกัน  มองตาก็ รู้ใจกัน ”

      “ใช่เลยครับพี่ .ว่าแต่พี่อยู่ลำปาง ตลอดมาเลยหรือ ครับ เนี่ยะ  “

     “ไม่รู้จะย้ายไปไหน พี่ตั้งรกรากที่นี่ ตลอดไปแล้วล่ะ”

     “ชีวิตการรับราชการของผม วางแผนไว้ตั้งแต่เริ่ม เข้าทำงานแล้วว่าจะเออรี่ ตอนอายุ 55 ปี และนี่ผมก็ทำตามสัญญาแล้ว ที่ดินของผมมี 50 ไร่เศษ ผมเปิดห้องอาหารเล็กๆให้แม่บ้านดูแล ผมปลูกนี่นิด เลี้ยงนี่ หน่อย ก็มีความสุขแล้วล่ะพี่ "

      “ทำงี้ แล้วเมื่อไหร่จะรวย วะ”

     “รวยเงินเหรอพี่ ฮ่ะ ๆๆ “ บิ๊ก พูดพร้อมหัวเราะร่วน

     “โอย อยู่กันแบบนี้ สุขจะตายไป คนเราก็แค่นี้แหละ รวยเงินร้อยล้าน- พันล้าน ตายไปก็เอาไปไม่ได้“

     “คิดเหมือนกันเลยว่ะบิ๊ก พี่ว่าความสุขของคนเรามันไม่ใช่อยู่ที่เงินตรา  จะมีเงินมากน้อย อยู่ที่ตัวของเรา  บางคนร่ำรวยแต่ทุกข์ใจ บางคนไม่มีเงินมากแต่พออยู่ได้ ก็มีความสุข  “

     “ผมว่า หากผมขายที่ดินไป ได้เงินเป็นพันล้านบาท ผมคงทุกข์ใจ มากกว่าสุขใจ  เพราะที่ดินผืนนี้ เป็นที่ บรรพบุรุษส่งต่อรุ่นสู่รุ่น  ผมเกิดและโตมาจากบ้านและที่ดินแห่งนี้ เคยขี่ควาย เล่นน้ำคลองในหมู่บ้านกับเพื่อนๆ  การ ให้ผมไปซื้อที่ใหม่เพื่ออยู่อาศัยผม คงทำไม่ได้แน่ๆ และอีกอย่าง พ่อผมก็คงทำใจไม่ได้ยังไงๆ ผมก็ไม่ขาย“บิ๊กยืนยัน 

     “ใช่สิ  ถิ่นเคยอยู่ อู่เคยนอน ของเรา ใครก็ยากที่จะลืมได้ “

     “โน่นรถ ไอ้เอส มาแล้ว พี่ขลุ่ย ผมเตรียมอาหารและเหล้าเลี้ยงมัน ยังไง พี่ขลุ่ยนั่งคุยกับน้องๆก่อน เดี๋ยวผมจะไปตรวจงานลูกน้องในท้องนา “

      “ ไหนๆ มาบ้าน ว่าที่..เศรษฐี พันล้าน คนใหม่ ขอเดินสำรวจพื้นที่และดูกิจการสักหน่อย “ผมพูด

      “ได้ครับพี่ ตามผมมาเลยครับ  “ 

        ตลอดเวลา.ที่คุยกับ บิ๊ก เขาไม่มีท่าทีว่า จะลืมตัวตน เขายังคงเป็นไอ้บิ๊กคนเดิมครั้งที่ผมเคยรับน้องเขามาตั้งแต่อายุ18- 19 ปี  ชุดซอมซ่อเก่าๆ รองเท้าแตะคู่ใจ มอเตอร์ไซด์แก่ ๆสีเขียวอ่อน เป็นพาหนะคู่ชีพ ที่พาไปไหนต่อไหน ในไร่นา -สวน 

      ผมทราบข่าวจากรุ่นน้องๆว่า มีนักธุรกิจ มาติดต่อขอซื้อที่ดินของเขาเป็นสิบๆราย ทุกคนล้วนผิดหวังกลับไป สิ่งที่ผมประทับใจรุ่นน้องคนนี้คือความสมถะ เรียบง่าย ติดดิน   มีสื่อมวลชนหลายแขนง ทั้งหนังสือพิมพ์ วิทยุ โทรทัศน์ ทั้งในและต่างประเทศ ต่างขอเข้ามาสัมภาษณ์ เขาเดือนละไม่ต่ำกว่า 5 ครั้ง   หน่วยราชการทั้งราชการ สถาบันการศึกษาติดต่อขอเข้าชมกิจการของเขาเพื่อขอความรู้มากมาย

     “เดี๋ยวนี้ เอ็งดังระเบิดเลยวะ ไอ้บิ๊ก  “ผมพูด

     “ไม่หรอกครับพี่  เขามาหา ..ผมในฐานะเจ้าบ้าน ก็ต้องต้อนรับเป็นธรรมดา  แหละพี่  “ 

      “ดู ๆเอ็ง สุขสบายใจมาก เลยนะ  “

     “ใช่ครับ มีความเป็นอิสระ  อยากทำอะไรก็ทำ ไม่ต้องตกในอาณัติเจ้านาย เหมือนตอนรับราชการ “บิ๊ก ตอบ

       บิ๊กจอดรถจักรยานยนต์ คันเก่าไว้ข้างทาง หลังจากที่พยายามสตาร์ทแต่ไม่ติด  

      “ไอ้นี่  ถ้าแบ่งขายที่บ้าง มันก็คงเป็นเศรษฐี ย่อมๆ สามารถซื้อรถยนต์ มอเตอร์ไซด์ หรูๆ สบาย ๆสร้างบ้านราคาเป็นสิบๆล้าน ได้สบาย   “ ผมคิด 

     “เดินชมไปเรื่อยๆนะครับพี่  ผมทำนาควบไปกับเลี้ยงปลาดุก ปลูกผักอินทรีย์ สมุนไพร ตามกำลังความสามารถ  ค่อยทำค่อยศึกษา ไม่ได้หวังผลกำไรมากมาย ผมไม่ได้ตั้งเป้าความสุข อยู่ที่ตัวเงินครับพี่  ผมสองผัวเมีย วันหนึ่งแค่มีกินสามมื้อ ก็โอเค เงินบำนาญของสองผัวเมีย เลี้ยงตัว ไม่เดือดร้อน  “บิ๊กพูด 

     ผมอยู่กับชาย ผ้าขี้ริ้วห่อทอง เกือบหนึ่งชั่วโมง.. ฟังเขาบอกเล่าเรื่องราวต่างๆ จากประสบการณ์ชีวิตของเขา ดูเขามีความสุข ..มาก

      “ขอโทษครับ ลุงประโยชน์ เจ้าของที่ดิน อยู่มั้ย “  สื่อมวลชน คนหนึ่งทักทาย ขณะผมกำลังคุยกับไอ้บิ๊ก 

     “ไอ้บิ๊ก เขาจุดไต้ตำตอ เอ็งแล้วว่ะ  “  ผมพูด

     “ผมเอง แหละ ลุงโหยด  มีอะไรเหรอ  “

     “ว่าจะขอนัดสัมภาษณ์  หน่อยครับ “

      “วันนี้  ผมต้องไปงานฌาปนกิจงานศพ หน่อย “บิ๊ก พูด

     “งั้นผมขอเบอร์ลุง ไว้เผื่อนัดหมายครับ “ สื่อมวลชนพูด

     บิ๊ก..บอกหมายเลข ให้สื่อมวลชน จากนั้นเขาได้ขอตัวและกลับไป 

     “แต่งตัวซอมซ่อแบบนี้  คงไม่มีใครรู้ ว่าเอ็งเป็นเจ้าของที่ดินแน่ๆ  “ ผมพูด

       “ใช่ครับพี่ ลูกน้องผมยังแต่งตัวดีกว่านี้อีก ใครที่มาทักผม นึกว่าผมเป็นคนงานทั้งนั้นแหละพี่“ ไอ้บิ๊ก พูดพลาง หัวเราะชอบใจ 

       คนดัง..แห่งทุ่งบางกระจก ผู้มีดีกรีมหาบัณฑิต มีบุตรเป็นนายทหารสัญญาบัตร มีบุตรี เป็นแพทย์หญิง ที่เป็นทรัพยากรสำคัญของชาติ แต่ตัวเขาและภริยายังใช้ชีวิตพอเพียง เรียบง่าย ยึดมั่น และมีจุดยืนที่จะทำการเกษตรในเมืองหลวง ทำถิ่นกำเนิดให้เป็นชนบทคงสภาพดังเดิมไว้  ในเมืองกรุง   

          “ นับถือๆ โว้ย ไอ้บิ๊ก  น้องรัก  “ 

                                                    ขลุ่ย   บ้านข่อย 

                                              (๒๐  พฤษภาคม   ๒๕๖๖ )

       

      

     

       

     

      “

     

     

     

     

      

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×