ประชาธิปไตยแบบหวังผล - ประชาธิปไตยแบบหวังผล นิยาย ประชาธิปไตยแบบหวังผล : Dek-D.com - Writer

    ประชาธิปไตยแบบหวังผล

    เป็นเหตุการณ์ครั้งหนึ่งสมัยเรียนช่วงชั้นมัธยมตอนปลาย แม้จะไม่ได้อยู่ในวันมหาวิปโยค แต่ก็อยู่ในเหตุการณ์ก่อนวันดังกล่าว

    ผู้เข้าชมรวม

    115

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    11

    ผู้เข้าชมรวม


    115

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  18 เม.ย. 66 / 16:21 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                             ประชาธิปไตย .(แบบหวังผล)

              ครั้งที่ผมเรียนชั้นมศ.4  ที่วัดราชาธิวาส ปี 2516 วิชาที่ผมสอบได้คะแนนมาก และช่วยทำให้ผมเกือบสอบผ่านไปเรียนชั้นมศ. 5 มีสามวิชาหลักๆ คือ วิชาภาษาไทย สังคมศึกษาและวิทยาศาสตร์ทั่วไป ความฝันของผมในเวลานั้นคือหากจบ มศ. 5 ตั้งใจจะเอนทรานซ์ เข้าเรียนสองคณะ คือ รัฐศาสตร์ หรือนิติศาสตร์    ความฝันของผมมิอาจเป็นความจริงได้  เพราะเกิดความรู้สึกท้อ กับวิชา คณิตศาสตร์  ภาษาอังกฤษและฝรั่งเศส  ที่คะแนนสอบไม่ค่อยดีนัก   หนึ่งปีในรั้วชมภู- น้ำเงิน    ผมมีโอกาสได้เป็นตัวแทน ทำงาน กิจกรรมในชุมนุมต่างๆของโรงเรียน   ทั้งยังมีโอกาสแลกเปลี่ยนการทำกิจกรรมกับโรงเรียนดัง หลายแห่งอาทิ   สวนกุหลาบ   เตรียมอุดม   เทพศิรินทร์  สตรีวิทย์   ความรู้สึกของเด็กบ้านนอกในเวลานั้นได้เห็นถึงความแตกต่าง ทั้งยังมองว่า ระบบการศึกษาของเมืองกรุง กับต่างจังหวัด มันช่างห่างไกลสุดกู่  การที่ผมมีเพื่อนเป็นเด็กกรุงเทพโดยเฉพาะสุฑัตมันทำให้ผมหูตาสว่างมากขึ้น 

    สุฑัต เริ่มเรียนที่โรงเรียนแห่งนี้ ตั้งแต่ชั้น มศ.1  ส่วนผมเพิ่งมาเข้าเรียนในชั้นมศ. 4    นับแต่วันแรกที่ผมรู้จักเขา  ยอมรับว่า เขาเป็นเพื่อนที่ดีมากคนหนึ่ง   ทุกวันพฤหัสฯที่มีการเรียน รด.. ที่โรงเรียนต้องเลิกชั้นเรียนครึ่งวัน  สุฑัต จะชวนเพื่อนสนิทมาเดินห้างห้าง    

     เมื่อ 50 ปีก่อน ย่านบางลำพู ..มีห้างใหญ่เพียงสองสามห้าง เท่านั้น

     “ ไอ้ขลุ่ย  ไอ้ธี ไอ้เกียรติ หลังเลิกเรียนวันนี้ เราไปเดินเล่นในห้างบางลำพู กันดีมั้ย “ สุฑัต เอ่ยปาก

     “โอเค โว้ย “ ทุกคน ตอบเป็นเสียงเดียวกัน 

       ผม สุฑัตและเกียรติพงษ์  มักจะไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  การมาห้างย่านบางลำพู เรามักจะเดินเท้า ออกจากรั้วโรงเรียน พวกเราจะเดินผ่านสะพานเทเวศร์ หอสมุดแห่งชาติ บางขุนพรหม  และก็ถึงปลายทาง สถานที่ ที่สุฑัตและผม มาบ่อยที่สุดคือ ร้านสหกรณ์ บางลำพู ซึ่งมีผู้คนพลุกพล่านมาก ในเวลานั้นที่ร้านสหกรณ์มีเครื่องปรับอากาศที่ทันสมัย 

      “มาทุกครั้ง ไม่เคยอุดหนุนอะไร กับร้านสหกรณ์ เลย ว่ะ  พวกเรา” ผมพูด

     “ใครๆ เขา ก็มาเดินหลบร้อน เหมือนเราแหละว่ะ”  สุฑัต พูด

     “พอดีปากกาของเราหมึกหมด  วันนี้ได้อุดหนุนร้านสหกรณ์ เป็นปฐมฤกษ์ แล้ว” ผมพูด

    “งั้นเราซื้อไม้โปรไว้ วัดองศา วิชาตรีโกณ ของอาจารย์เจตต์ ด้วยคน ” สุฑัตพูด

      ผมกับเพื่อนกลุ่มนี้  ต่างพึ่งพาอาศัยกันในด้านการเรียน และมักไปไหนมาไหนด้วยกันเสมอ  ในสาม-สี่ คน  มีผม จะได้เปอร์เซ็นต์การสอบสูงกว่าใครๆคือ  45.5 แม้ผมจะได้เปอร์เซ็นต์สูงกว่าเพื่อนในกลุ่ม แต่ยังสอบตกอยู่ดี

                                     ****************************************

       ในช่วงต้นเดือนเดือนตุลาคม 2516  ขณะที่พวกเราเลิกเรียนแล้ว หลังจากไปเดินในห้างย่านบางลำพูแล้ว   สุฑัตชวนผมมาศึกษาภัณฑ์ เพื่อมารอขึ้นรถเมล์สาย 2 กลับบ้าน ขณะเดียวกัน ผมก็สามารถจะนั่งรถเมล์สาย 56 ไทยประดิษฐ์ กลับบ้านพักในสวน ย่านวัดมะลิได้

      “เฮ้ยๆ พี่ๆ นักศึกษา เขามาทำอะไร ที่อนุสาวรีย์ กันวะ “ สุฑัตเอ่ยปาก 

       “คงแจกใบปลิว สื่อสารอะไรบางอย่าง มั๊ง  “ ผมพูด

       จากสายตาที่ผมกับสุฑัต เห็นนักศึกษากลุ่มหนึ่งประมาณเกือบ 10 คน เที่ยวเดินแจกใบปลิว บริเวณถนนราชดำเนิน   

     “รถเมล์มาแล้ว เดี๋ยวเรากลับบ้านก่อนนะ “ สุฑัตพูด

     “ตามสบายเพื่อน “ ผมตอบกลับไป

      หลังจากวันที่ผมพบกับพี่ๆนักศึกษาเดินแจกใบปลิว อีกสองวัน ต่อมา ก็ได้ทราบข่าวจากหนังสือพิมพ์ว่า  พวกเขาทุกคน โดนเจ้าหน้าที่ตำรวจจับกุม จนต่อมาที่มหาลัยธรรมศาสตร์ ได้เริ่มมีนักศึกษาจากทั่วสารทิศมาร่วมชุมนุมที่ลานโพธิ์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์และขยายวงมาเริ่มชุมนุมที่ลานรอนุสาวรีย์ประชาธิปไตยจำนวนเรือนแสนคน

                                  **********************************************************

        ภายในโรงเรียน..ช่วงเวลา 7.30 น  ของวันพฤหัสที่ 11 ตุลาคม 2516 หลังเพลงมาร์ช ของโรงเรียนจบลงแล้ว นักเรียนกว่า 1500 คน ต่างมาเข้าแถวเคารพธงชาติดังเช่นทุกวันที่ผ่านมา  หลังจากเชิญธงสู่ยอดเสาแล้ว ผู้อำนวยการได้ขึ้นกล่าวและพูดถึงเรื่องสถานการณ์การชุมนุม ที่มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

     “ครู ขอความร่วมมือและขอห้ามนักเรียน  ม.ปลาย มิให้เข้าไปร่วมชุมนุมโดยเด็ดขาด  เพราะพวกเรายังเด็กเกินกว่าที่จะเข้าไปร่วมชุมนุมกับพี่ๆนักศึกษา  “ ผู้อำนวยการพูด

     เมื่อเลิกแถวแล้วนักเรียน ม.ปลาย ประมาณ ร้อยคนที่ต้องการจะเข้าไปมีส่วนร่วม ได้นัดให้ไปรวมตัวกันที่หอสมุดแห่งชาติ   

      “ไปโว้ย ไอ้ขลุ่ย  ไอ้เกียรติ ไอ้ยม พี่ๆ มศ.5  เขานัดรวมตัวข้างหอสมุดแห่งชาติ  “ สุฑัต ผู้ชำนาญการด้านสถานที่เอ่ยปาก 

      “จะออกไปได้ไง .. หน้ากากเสือ  หน้าตาขมึงทึง ยังกับจะกินเลือดพวกเรา “เกียรติพงษ์ พูด

      ในโรงเรียนของเรา มีอาจารย์ฝ่ายปกครองผู้หญิง ที่มีบุคลิกเข้มงวด  เฮี๊ยบ  เด็ดขาด หน้าตาของเธอ เสมือนหน้ากากเสือที่มีใบหน้าดุ เป็นแบบพิมพ์เดียวกันตลอด นักเรียนทุกคนต่างเกรงกลัวอาจารย์ท่านนี้  มากกว่าใครๆ ทุกคน 

      “ไม่ยากเลยด้านข้างบ้านนักการฯ มีทางออกไปทะลุ ด้านท่าวาสุกรี เดินสักห้านาทีก็ถึงแล้ว “ สุฑัต พูด

      “โอเค .งั้นไปกันเลย “ ผมบอกเพื่อนๆ 

       วันนี้..ภายในโรงเรียนมีความเข้มงวดเป็นพิเศษ  ครูทุกคนแทบจะไม่ได้สอน เพราะต้องมาคอยระแวดระวัง  นักเรียนที่จะหนีออกจากรั้วโรงเรียน เนื่องจาก ทุกคน ตื่นตัวที่อยากจะมีส่วนร่วมเรียกร้องประชาธิปไตย กับพี่ๆ  นักศึกษา   

       เวลา10 น. เศษ พี่โสฬัส  ประธาน นักเรียน ได้เป็นผู้นำการเข้าร่วมกิจกรรมเรียกร้องประชาธิปไตย ได้สั่งการให้พวกเราเคลื่อนขบวน จากหอสมุด ค่อยๆเดินบนฟุตบาท จนถึงด้านข้างมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ซึ่งติดริมน้ำเจ้าพระยา  เมื่อมาถึงธรรมศาสตร์ ทุกคนต่างแยกย้ายกันไปหาที่นั่ง เพื่อฟังการไฮปาร์คของพี่ๆ ที่เป็นแกนนำการชุมนุมเราอยู่ในชุดนักเรียนกันทุกคน  

        ณ. เวลานั้น ที่ลานโพธิ์  คึกคักด้วยเหล่าบรรดานิสิต -นักศึกษา จากหลากหลายสถาบัน  มีพวกเรา น้องๆ จากโรงเรียนวัดราชาฯ และนักเรียนระดับมัธยม ที่อยู่ในละแวกนี้ได้ เข้ามาร่วมกิจกรรม   แม้พวกเรา จะเรียนเพียงระดับชั้นมัธยมปลายแต่นั่นมันคือการรวมตัวที่มีพลังที่จะสามารถกดดันให้รัฐบาลปล่อยตัวผู้ถูกจับกุมในการเรียกร้องประชาธิปไตยได้ 

     “คนแน่นมากเลย ว่ะ  ไอ้ฑัต  “ผมพูด

      “ใช่.. นี่ คงมีคนมาเพิ่มเรื่อยๆ แหละ“ 

      เสบียงอาหาร น้ำดื่ม  ถูกส่งต่อและแจกจ่ายต่อกัน  บนเวทีพี่ๆที่เป็นนักพูดต่างผลัดเปลี่ยน กล่าวโจมตีรัฐบาล  และมีเสียงเชียร์ เสียงปรบมือ เป็นระยะๆ สลับกับมีการเล่นดนตรี  ผมกับเพื่อนรับรู้ถึงความรู้สึกการเข้าร่วมชุมนุมเป็นครั้งแรกในชีวิต

      “เอาเฮ้ย  ข้าวต้มมัด มาเป็นเข่งๆ เลย ว่ะ” สุฑัตพูด 

      “ส่งเข่งต่อ ไปให้พี่ๆ เลย “  ผมพูด

      ผมสุฑัตและเกียรติพงษ์  รับข้าวต้มมัดมาไว้ในมือกัน คนละมัดจากนั้นจึงลอกใบตองออก จนเห็นเนื้อข้าวเหนียว  จึงค่อยๆ บรรจงใส่ปากเคี้ยวอย่างเอร็ดอร่อย แม้อากาศจะร้อนแต่ก็ยังพอมีร่มไม้ให้นั่งหลบแดดได้บ้าง เราทั้งสามปักหลักนั่งฟังและอยู่กับพี่ๆจนเกือบสี่โมงเย็น แกนนำนักศึกษา ได้ประกาศ ให้พวกเราเคลื่อนตัว มารวมพลัง บริเวณอนุสาวรีย์ประชาธิปไตย วันนี้เป็นวันแรก ที่พี่ๆ นักศึกษาและศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ผนึกกำลังครั้งสำคัญ เพื่อให้รัฐ ปลดปล่อยนักศึกษาที่ถูกจับกุมโดยมิมีเงื่อนไขไดๆ 

        “ พรุ่งนี้.. มากันใหม่ ดีกว่าว่ะ  นี่ก็เกือบหกโมงเย็นแล้ว  กูกลัวพี่ชาย เป็นห่วง ว่ะ”   ผมบอกสุฑัต 

       “ก็ได้  พรุ่งนี้ เจอกันที่โรงเรียน  “

       “โอเค  “

                      *********************************************************** 

      บ้านในสวนซอยวัดมะลิ  จรัลสนิทวงศ์ ผมตื่นตั้งแต่เวลา 05.00 น  ด้วยนาฬิกาปลุก หลังจากพับมุ้ง เก็บผ้าห่ม  ก็ทำกิจวัตรเช่นทุกๆวันคือแต่งตัวมาโรงเรียน

     “วันนี้ วันศุกร์แล้ว พี่ขอห้ามเรา อย่าได้เข้าไปใกล้ๆ สถานที่ ที่นักศึกษาเข้า ร่วมชุมนุม โดยเด็ดขาดนะ  “ พี่ชาย ผมสั่งการ

      “ครับ  “ ผมรับปาก ไปเสียงั้นๆ เพื่อไม่ให้เขา ต้องทุกข์ใจและเป็นห่วง

      “มาเอาตังค์ ค่ารถและค่ากิน  สิ “

     ผมได้รับเงินค่าโดยสารและค่าอาหาร วันละ 10 บาท  ค่าข้าวที่โรงเรียนมื้อละ 2 บาท โอเลี้ยงแก้วละ ห้าสิบสตางค์ ค่ารถเมล์ เที่ยวละ 50 สตางค์  หากวันใดที่ต้องใช้เงินมากกว่านี้ก็ร้องขอเพิ่มเป็นกรณีพิเศษ

       ยามเช้าของวันนี้..จากการที่ได้ติดตามข่าว จากวิทยุของกรมประชาสัมพันธ์ ที่ได้รายงานข่าว การชุมนุมประท้วง มีแนวโน้มว่าจะมีนักศึกษาที่อยู่ในต่างจังหวัด ได้เดินทางเข้ามาร่วมสมทบ นอกจากนักศึกษาแล้ว ยังมีประชาชนได้เข้ามาร่วมอีกด้วยเป็นจำนวนมาก  ผมเดินออกจากบ้านในสวน เพื่อมารอรถเมล์ เวลา 06. นเศษ  จุดสำคัญที่คนจะขึ้นหนาแน่น คือปากซอยจรัญสนิทวงศ์  37 รถแวะจอดป้ายบางขุนนนท์เพื่อรับผู้โดยสาร   ข้ามสะพานพระปิ่นเกล้า ผ่านด้านข้างมหา วิทยาลัยธรรมศาสตร์ ด้านริมฝั่งเจ้าพระยา  ผ่านกรมสรรพากร  ผ่านบางลำพู  มาถึงหอสมุดแห่งชาติ  และอีกป้ายต่อมาก็มาถึงตรอกทางเข้าโรงเรียน  การนั่งรถเมล์ มาโรงเรียน ผมไม่ได้ยึดติดว่าต้องเป็นสาย 56  หากรถเมล์สาย 30 ผ่านมา ก็ขึ้นโดยสารเลยทันที

       “เอ วันนี้ .ดูค่อนข้างจะเงียบๆ ยังไง ชอบกล  “  ผมคิด ขณะเดินเข้าไปยังโรงเรียน ที่ห่างจากถนน ประมาณ 250 เมตร 

     เมื่อมาถึงประตูโรงเรียน ได้เห็นว่าวันนี้  โรงเรียนได้ติดป้ายประกาศว่า

    ด้วยสถานการณ์ที่เกิดขึ้นในเวลานี้ อยู่ในห้วงที่มีแนวโน้มว่า จะมีการชุมนุมใหญ่ เพื่อให้เกิดความปลอดภัยกับนักเรียน ทางโรงเรียน จึงขอประกาศหยุดการเรียน ตั้งแต่วันที่ 12 เป็นต้นไป จนกว่าสถานการณ์จะปกติ “

      เมื่อเดินเข้ามาในโรงเรียน ที่ประตูเล็กด้านข้างประตูใหญ่ ก็พบว่าสุฑัต  มาถึงโรงเรียนก่อนผม

     “มาถึงโรงเรียนนานแล้วเหรอ”ผมถาม

      “ก่อนหน้านาย แป๊บเดียว คิดอยู่แล้วเชียวว่า วันนี้  โรงเรียนคงประกาศให้หยุดเรียน   เพราะเมื่อคืนดูข่าว เห็นที่อนุสาวรีย์  มีพี่ๆนักศึกษาและประชาชน มาเข้าร่วมชุมนุมเพิ่มมากขึ้นจากหลักพันเป็นหลักหมื่นๆ คน” สุฑัต พูด

       “ใช่ เราก็ฟังวิทยุ เพราะที่บ้าน ไม่มีทีวีดู  ได้รู้ถึงเหตุการณ์ต่างๆเป็นระยะๆ จริงๆ พี่ชายเรา บอกว่า วันนี้ไม่อยากให้เรามาโรงเรียน  เขากำชับว่า หากโรงเรียนประกาศหยุดเรียนให้รีบกลับบ้านเลย “ ผมพูด

      “ว่าแต่ วันนี้ไม่มีเรียน และคงหยุดเรียนเป็นสัปดาห์เลย  “ สุฑัต พูด

      “ไปไหนกันดี เพื่อน  “ผมพูด

      “อนุสาวรีย์  ไปฟังพี่ๆ ไฮปาร์ค ด่ารัฐบาล สนุกดี  เดี๋ยวรอไอ้เกียรติอีกคน  ไอ้ยม คงไม่ชวนมันไปหรอก ไอ้ห่านี่ใจไม่ถึง ไปไหนมาไหน ขี้กลัว   “สุฑัต

      เมื่อเราพร้อมเพียงกันแล้ว จึงนั่งรถเมล์ ฝั่งวิทยาลัยครูสวนสุนันทา มาลงบางลำพู แล้วเดินไปยังอนุสาวรีย์ ประชาธิปไตย  ยามสาย ..ผู้คนยังไม่หนาแน่นมาก แต่คนเริ่มจะหนาแน่นในภายหลัง และหนาแน่นมากขึ้นๆ จนบริเวณลานอนุสาวรีย์ล้นทะลัก 

       เราทั้งสามคน ยืนด้านหน้าร้าน ศึกษาภัณฑ์ ภายใต้ร่มไม้.  ถนนราชดำเนิน.. เสบียงอาหาร และน้ำ ได้ถูกแจกให้คนที่มาร่วมชุมนุม  รถยนต์ส่งเสบียง วิ่งเข้าออกเป็นระยะๆ แกนนำนิสิต นักศึกษาผลัดเปลี่ยนกันขึ้นไฮปาร์ค ด่ารัฐบาลพร้อมเรียกร้องให้ประกาศใช้รัฐธรรมนูญโดยพลัน  ผู้เข้าร่วมชุมนุมแม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนต่างถ้อยทีถ้อยอาศัยเสมือน ญาติ   พวกเราทั้งสามคนอยู่บริเวณลานอนุสาวรีย์จนเกือบสี่โมงเย็นจึงแยกย้ายกันกลับบ้าน

      “พรุ่งนี้..เป็นวันเสาร์  เราจะมาอีก  “ สุฑัต พูด 

      “เราคงไม่ได้มาว่ะ พี่ชายคงห้ามไม่ให้มา  “ ผมพูด 

      “งั้นเรา คงเหงาแน่ ๆ “

      “ เสียดาย จริงๆอยากมานะ   “

                                         *********************************************

       ผมกลับเข้าถึงบ้านเกือบห้าโมงเย็น เมื่อเปลี่ยนชุดนักเรียนแล้ว สิ่งที่ต้องทำคือ ปัดกวาดเช็ดถูเรือน พร้อมเปิดวิทยุ ฟังสถานกรณ์การชุมนุม หลังเสร็จกิจแล้ว ได้ลงจากบนบ้านหลังเล็กๆ เพื่อหุงข้าวด้วยหม้อไฟฟ้าขนาดเล็ก เพื่อรอกินพร้อมพี่ชายที่ส่วนใหญ่เขาจะแวะซื้อกับข้าวที่ปากซอยก่อนเข้าบ้าน

    ปกติพี่ชายของผม จะเข้าถึงบ้านไม่เกิน 18.00 น  เว้นแต่บางครั้ง ที่ไปรับงานพิเศษ อาจจะกลับเข้าถึงบ้านเวลา 21.00  น      

    ขณะนี้  เลขาธิการศูนย์กลางนิสิตนักศึกษาแห่งประเทศไทย ได้ประกาศแถลงการณ์ ให้รัฐบาลปลดปล่อย ผู้ต้อง หาทั้ง 13 คน ภายใน 24 ชั่วโมง หากในเวลา 12.00 น. ของวันที่ 13 ตุลาคม 2516 ยังมิได้รับคำตอบอันเป็นที่พอใจ จะใช้มาตรการขั้นเด็ดขาด   “ ผู้อ่านข่าวทางวิทยุ สื่อสารสู่ประชาชนทั่วประเทศ  

    เสียงจากสถานีวิทยุ กรมประชาสัมพันธ์ ที่ได้สื่อสารมายังผู้ฟัง  ผมเงี่ยหูฟังอย่างตั้งใจ  และพร้อมที่จะเล่าเรื่องนี้ ให้พี่ชายได้รับทราบ ว่าเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้น ในขณะนี้

    เวลา19.00 น โดยประมาณ เสียงลมพัดใบไม้ในสวนทุเรียน ดังแกรกๆๆๆ  เสียงย่ำเท้าที่พี่ชายเดินเข้ามาภายในบ้าน ผมต้องมาช่วยหิ้วของที่พะรุงพะรัง อันมีกับข้าว พร้อมผลไม้ และ กระดาษเขียนแบบ ที่พี่ชายหอบมาทำที่บ้าน

    “เอากับข้าว ใส่ถ้วยเลย เดี่ยวพี่อาบน้ำเสร็จ แล้วค่อยกินพร้อมกันนะ ”

     “ครับพี่ ”

     “สถานการณ์ บ้านเมืองไปถึงไหนแล้วล่ะ  วันนี้กลับจากโรงเรียนมาถึงบ้านกี่โมง  ”

     “บ่ายๆ ครับ พี่ ”

    “อ้าวไปไหน มา พี่รู้ว่าโรงเรียนใกล้ๆ ที่ชุมนุมเขาสั่งหยุดเรียนแต่เช้าแล้วนี่”

     “แวะเดินในห้าง บางลำพู ”

     “แล้วไป  อย่าเข้าไปยุ่งกับสถานการณ์การชุมนุมเรียกร้องประชาธิปไตยเชียว  พี่ดูว่  าท่าทีน่าจะมีเหตุการณ์รุนแรง  นี่ข่าวบอกว่ามีนักศึกษาพร้อม ประชาชนจากต่างจังหวัดส่งตัวแทนเข้ามาร่วมชุมนุมอีกมากมายเลย”

                       *******************************************************************  

      ข้าวสวยร้อนๆ กับแกงเทโพ  ต้มข่าไก่ และผักคะน้าปลาเค็ม  อาหารมื้อเย็น ที่สองพี่น้องนั่งกินกัน พร้อมฟังข่าวสาร ที่รายงานเป็นระยะๆ อย่างต่อเนื่อง  

    “พี่คิดว่า พรุ่งนี้น่าจะรู้แน่ชัดว่าเหตุการณ์จะเป็นไปอย่างไร  แต่พี่คิดว่า รัฐบาล คงไม่ยอมปล่อยตัวนักศึกษาแน่ๆ ” พี่ชายผมพูด และวิเคราะห์เหตุการณ์ 

     “ผมก็คิดเช่นเดียวกันกับพี่ น่ะ”

     ในสภาพแวดล้อมที่ผมพักในสวน จะมีนักศึกษาจากธรรมศาสตร์ และจากมหาวิทยาลัยต่างๆ เช่าพักอยู่เป็นจำนวนมาก  วันนี้เหล่าบรรดาพี่ๆ ไม่มีใครอยู่สักคน ผมคิดว่าพี่ๆ เหล่านี้คงเข้าไปร่วมชุมนุมที่อนุสาวรีย์อย่่งแน่นอน 

      “อิ่มแล้ว กินกล้วยหอม ที่พี่ซื้อมา พรุ่งนี้ไม่ได้ไปเรียน ยังไง อยู่บ้าน ไม่ต้องออกไปไหนนะ  ”

     “ครับ”ผมตอบ

                                                   ขลุ่ย  บ้านข่อย

                                                 (๑๘  เมษายน   ๖๖)

                                                  โปรดรออ่าน อีกตอน

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×