เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ - เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ นิยาย เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์ : Dek-D.com - Writer

    เป็นทั้งรุ่นน้องและลูกศิษย์

    ตั้งแต่สอนหนังสือมา นายคนนี้ อม้ไม่ใช่คนเกเร แต่เขาก็ทำให้ผมปวดหัวไม่น้อย

    ผู้เข้าชมรวม

    60

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    3

    ผู้เข้าชมรวม


    60

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  13 มี.ค. 66 / 05:12 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                  เป็นทั้งรุ่นน้อง- และลูกศิษย์ 

      ขณะที่ผมสอนวิชาภาวะผู้นำ ซึ่งเป็นวิชาบังคับในสาขาที่ผมสอน  ก็ยังเป็นวิชาเลือกเสรี ให้กับสาขาวิชาและคณะอื่นๆ ที่สามารลงทะเบียนเรียนได้ ในแต่ละเทอม จะมีนักศึกษาต่างสาขาและต่างคณะ  มาลงทะเบียนเรียนเกือบ200 คนเสมอ ส่วนใหญ่ นักศึกษาที่ลงทะเบียนเรียนกับผม ต่างคาดหวังว่า  ตนเองจะสามารถอัพเกรด ให้สูงขึ้นกว่าเทอมที่ผ่านมา  ซึ่งจะสามารถให้รอดพ้นจากการถูกรีไทร์ได้

        ในการสอนหนังสือทุกครั้ง ผมมักจะเน้นย้ำกับนักศึกษาเสมอๆ ว่า วิชาที่ผมสอน มิได้เน้นการท่องจำ ให้แสดง   ความคิดเห็นได้โดยเสรี  อยากให้นักศึกษาได้นำเอาความรู้ไปใช้ในชีวิตประจำวัน และในอนาคตด้วย สำหรับเรื่องเกรด ผมมิได้หวงแหน  อย่างน้อยผู้เข้าเรียนกับผม จะได้เกรด B (หากอยู่ในกติกาที่ตกลงกัน)  สำหรับคนที่เสี่ยงจะถูกรีไทร์ ผมจะให้เกรด A แต่ต้องมีงานเพิ่มเติมมากขึ้นกว่าทุกคน  ตลอดเวลาของการสอน ผมพยายามส่งเสริมให้นักศึกษา เรียนด้วยการกระทำเพราะการได้ลงมือทำจริงย่อมที่จะทำให้นักศึกษามีประสบการณ์ตรง  ผมมักจะนำนักศึกษาไปร่วมทำกิจกรรม ต่างๆ เช่นกิจกรรมค่ายอาสาพัฒนา  งานพัฒนาท้องถิ่น  ผมกล้าพูดได้ว่า ร้อยทั้งร้อยที่นักศึกษาเลือกลงวิชาเลือกเสรีที่ผมสอน ล้วนคาดหวังว่าเขาจะได้เกรดดีๆ 

     ส่วนใหญ่แผนกทะเบียน ฝ่ายวิชาการ  มักแนะนำให้นักศึกษาที่มีปัญหาเรื่องเกรด  มาขอลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกเสรี ที่ผมเปิดสอน  

     “เธอไปขอร้องให้อาจารย์ขลุ่ย  ช่วยรับลงทะเบียน ..  เธอไปขอร้องให้อาจารย์ช่วยเปิดสอน วิชาเลือกเสรีสิ อาจารย์ ผู้สอนเขาเป็นคนพูดง่าย ไม่เรื่องมาก  “ แผนกทะเบียน แนะนำ

      ผมไม่เคยขัดใจนักศึกษา ที่อยากจะ ลงเรียนวิชาที่ผมเปิดสอน   จากปากต่อปากของรุ่นพี่ จนมาถึงรุ่นน้อง ที่สื่อสารถึงกันและกัน ทำให้วิชาเลือกเสรีที่ผมสอนต้องมีสองห้องยืนพื้นในแต่ละเทอม ใครที่อยากเรียนก็ได้เรียน 

     “ทุกคนที่มาเข้าเรียนกับอาจารย์  ขอให้รักษากติกา และรักษาวินัยโดยเคร่งครัดด้วย  ทุกคนควรมาเข้าชั้นเรียนให้ตรงเวลา  เรียนเป็นเรียนเล่นเป็นเล่น  ขอให้ทุกคนได้เข้าใจว่า  หากในวัยเรียนพวกเรามีวินัย เมื่อเข้าทำงานพวกเราก็จะเป็นทรัพยากรมนุษย์ที่มี คุณภาพ ที่หน่วยงานต้องการ  ใครมีภารกิจที่มาเรียนไม่ได้ ขอให้สื่อสารให้ทราบล่วงหน้า พร้อมอธิบายเหตุผล  “ ผมพูด เมื่อเข้าชั้นสอนในชั่วโมงแรกๆ ที่เข้าสอน

        ปกตินิสัยของผม จะรักและห่วงใยลูกศิษย์เสมอ แม้จะเคร่งครัดเรื่องวินัย  แต่บางครั้งก็ยอมที่จะยืดหยุ่นให้   หากนักศึกษามีเหตุผลเพียงพอ 

        ชัยยะ  เป็นหนึ่งในนักศึกษา ที่มาลงทะเบียนเรียนวิชาเลือกเสรีที่ผมสอน   เขาเป็นตัวตั้งตัวตีที่ขอให้ผมเปิดสอนในสาขาสารสนเทศ ที่เขาเรียน บุคลิกของนักศึกษาคนนี้ คือหน้าตาหล่อ   คมเข้ม ไว้ผมยาว ผิวคล้ำ สูงประมาณ175 เซนติเมตร ค่อนข้างสุขุม นับแต่วันแรกที่เขาเข้าเรียน   ผมจะได้ยินนักศึกษาในชั้นเรียนจะเรียกเขาว่าพี่..เสมอ  หลังจากที่ผมเข้าชั้นสอนนักศึกษาสาขาสารสนเทศไปได้ประมาณหนึ่งเดือนจึงเริ่มคุ้นเคยกับเขามากขึ้น 

      “ชัย เพิ่งมาสมัครสอบเรียนที่สถาบันแห่งนี้ เป็นที่แรกหรือเปล่า “ ผมถามเขา

     “ไม่ใช่ครับ อาจารย์ ผมเคยเรียนที่คณะเทคโนโลยีการเกษตร  พระจอมเกล้า ลาดกระบัง มาก่อนครับ “ ชัยยะตอบ 

     “อ้าว...แล้วเกิดอะไรขึ้น หรือ  “

     “ผมถูกรีไทร์ มาครับ  “

      “เรียนที่นั่นมาได้ กี่ปี  “

       “2 ปีครับ  “

      “แล้วนึกยังไง มาเรียนที่ลำปาง “

      “พ่อของผม ย้ายมาทำงานที่นี่พอดี  ครับ”

     “อาจารย์ ก็เรียนคณะเดียวกันกับเรา  แต่แค่เรียนต่างสาขากัน   สรุปว่า ชัย ก็เป็นรุ่นน้องของอาจารย์น่ะสิ  แล้วเราเข้าเรียนรุ่นไหนล่ะ  “

     “รุ่น36 ครับ”

     “โอ้โห ห่างกัน ตั้ง 25 รุ่น เลย เนี่ยะ “

     การที่ชัยยะ..ต้องมาเรียนร่วมกับรุ่นน้อง  ย่อมทำให้เกิดช่องว่างระหว่างวัย พอสมควร  แรกๆ ที่ผมสอน ชัยยะแทบจะไม่เคยเห็นเขาขาดเรียน  อาจเป็นเพราะเขารู้สึกเกรงใจ ที่ผมเป็นรุ่นพี่และยังเป็นอาจารย์สอนอีกด้วย  วิชาที่ผมสอนส่วนใหญ่จะไม่ได้เน้นการเช็คชื่อเข้าชั้นเรียน  ค่อนข้างจะให้อิสระเสรีกับผู้เรียน เพราะต้องการฝึกด้านความสำนึก มากกว่าการถูกบังคับให้มาเรียน

     “สุรชัย .พักหลังนายชัยยะหายไปไหน ไม่ค่อยได้เข้าชั้นเรียนวิชาของอาจารย์เลย “ผมสอบถาม เพื่อนร่วมชั้นเรียนซึ่งเป็นรุ่นน้อง แต่มีความสนิทกับรุ่นพี่คนนั้น

      “สงสัย มันคงนอนดึกครับ อาจารย์ “สุรชัยตอบ

     “เขาทำอะไรเหรอ “

      “เขาเช่าอาคารเยื้องๆ หน้า มอ (มหาวิทยาลัย) .เปิดกิจการห้องอาหาร และเล่นดนตรี  หาเงินครับ “ สุรชัย  พูด

      “อ้าว ..เป็นเสียงั้น “ ผมพูด

      “พูดได้ว่า ทุกวิชา พี่ชัยยะ แทบจะไม่ได้เข้าชั้นเรียนเลย  จนอาจารย์ที่สอนทุกคนขู่เขาว่า หากเวลาเรียนไม่ถึง จะไม่ให้เข้าสอบ  ผมพยายามเตือนพี่เขาแล้ว  “สุรชัยพูด

     ผมได้เห็นพฤติกรรม ในทางที่มิสู้ดีของชัยยะ ที่ไม่ค่อยจะเข้าชั้นเรียน และบางครั้งที่ผมนัดสอบเก็บคะแนน เขาก็ยังไม่ยอมมาสอบอีกด้วย ถึงกับผมต้องให้เพื่อนๆไปตามเขามาเข้าสอบ  

     “ผมต้องขอโทษอาจารย์ด้วยครับ ที่ไม่ค่อยได้เข้าเรียนและยังไม่ได้สอบกลางเทอมด้วยครับ “ชัยยะ พูด

     “เป็นว่าหลังสอบเก็บคะแนน วันนี้แล้ว เราค่อยคุยกัน “

     หลังจากสอบเก็บคะแนนแล้ว ผมจึงได้สอบถามเรื่องต่างๆของเขา

     “ทำไมช่วงสอบมิดเทอม  ชัยยะจึงไม่มาสอบ. ซึ่งเป็นการสอบในตารางของมหาวิทยาลัย ที่มีคะแนนเก็บ 40 เปอร์เซ็นต์เชียว “

      “ผมดูวัน เวลา สอบผิดวันครับ และอีกอย่างไม่มีใครปลุก ผมให้มาสอบ “ ชัยยะตอบ

     “เอาล่ะไหนๆ เรื่องมันก็เกิดขึ้นมาแล้ว อยากขอร้องชัยยะว่า  ขอให้ตั้งใจเรียนหน่อย  เท่าที่ได้ยินอาจาย์คนอื่นๆ บ่นมา เขาบอกชัยยะ ไม่ค่อยจะเข้าชั้นเรียน และไม่มาสอบเก็บคะแนนวิชาของเขาเหมือนกัน  แล้วอย่างนี้ จะเรียนจบได้ไง อายุของเราก็มากกว่ารุ่นน้องๆ หลายปี “

     “ผมขอโทษครับ จากนี้ผมจะปรับปรุงตัวเอง “ชัยยะพูด

     นับแต่วันนั้นมา. ชัยยะแทนที่จะสำนึกและปรับปรุงพฤติกรรมตน กลับพยายามหลบหน้าผม อาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ได้มาพบผม ทั้งเอ่ยปากบ่นให้ฟัง 

      “จริงๆ แล้ว ชัยยะ หากตั้งใจเรียนสามารถสอบผ่านวิชาต่างๆ ได้สบาย  เพราะเขามีพื้นฐานการเรียนทางคอมพิวเตอร์ มาก่อน  “ อ.ที่ปรึกษา พูด

     เท่าที่ผมสังเกตชัยยะ  เขาเป็นคนมีพรสวรรค์ หัวดี  เพียงแต่ไม่เอาใจใส่และขาดความขยัน  สำหรับเรื่องที่เขาเกเร กับผมไม่ว่าจะชาดการเรียนบ่อยๆและไม่มาสอบตามเวลาที่นัด ผมก็จะยังให้โอกาสเขาปรับปรุงตัวและไม่ได้ถิอโทษ ได้แต่คิดในใจว่า  ผมจะต้องหาทางจูงใจและใช้จิตวิทยาชั้นสูง พูดกับเขาให้กลับเนื้อกลับตัว เป็นชัยยะคนใหม่ให้ได้ แม้ชัยยะ จะเป็นไม้แก่ไปบ้าง อาจจะดัดยากไปสักนิด แต่จะอย่างไร ผมคิดว่าผมจะต้องใช้ความพยายาม และต้องทำให้ได้.. 

      “ เอาเป็นว่าหลังเรียนเสร็จวิชาของอาจารย์วิชาญ  ในวันจันทร์ที่จะถึงนี้แล้ว  ชัยยะ ก็มาสอบวิชาที่เรายังไม่ได้สอบช่วงมิดเทอม เลยนะ “ผมพูด

      “ครับ อาจารย์พี่ “ ชัยยะพูด

                     ***********************************************************************

       ที่ห้องเรียน. ห้องหนึ่ง  ซึ่งผมเป็นคนนัดหมายให้ชัยยะต้องมาสอบ ในเวลา 15.00 น. ผมได้นำข้อสอบ มาวางไว้ที่โต๊ะเลคเชอร์   ในขณะที่รอเขา ผมก็นั่งอ่านหนังสือฆ่าเวลาไปพลาง   เมื่อถึงเวลา 15.00 น  ก็ไม่เห็นแม้แต่เงาของเขา เวลาผ่านไปจนถึง 15.30 น  และ 16.00 น. ผมยังรอ และชะเง้อหาเขาเป็นระยะๆ   อารมณ์ที่ก่อนหน้ายังสดชื่น เริ่มกลับขุ่นมัว  ผมเดินมาเก็บข้อสอบเก็บใส่ซองแล้วค่อยๆ เดินลงจากอาคารเรียนรวมอย่างคนผิดหวังในความหวังดีต่อศิษย์ และรุ่นน้องคนนี้  ผมเฝ้าอดทน เพราะเห็นแก่อนาคตของเขา แม้จะพยายามนัดให้เขามาสอบอีกสอง-สาม ครั้ง ก็ไม่เป็นผล 

      ในที่สุดผมจึงตัดสินใจ ต้องไปพบกับชัยยะด้วยตนเอง ที่ห้องอาหารที่เขาเช่าทำอยู่ โดยตัวเขาเป็นผู้จัดการและเล่นดนตรีเอง เมื่อมาถึงร้านจำหน่ายอาหารแล้ว ผมจึงสอบถามลูกจ้างของเขา

     “ชัยยะตื่นหรือยัง”   ผมถามพนักงาน

     “ตื่นแล้วครับ มีธุระอะไรกับผู้จัดการ หรือครับ”

     “บอกเขาว่า มีอาจารย์ที่สอนเขา  ต้องการพบ “

     หลังจากพนักงาน ไปตามเขาให้มาพบผม   

      “วันนี้ ผมเอาข้อสอบมาให้คุณทำ ที่ร้านนี่แหละ เย็นๆจะมารับนะ ”

     “ครับ ขอบคุณครับผมขอกินข้าวแป๊บนึง แล้วจะทำเลยครับ  เดี๋ยวผมจะขี่รถไปส่งให้ ที่บ้านอาจารย์ครับ“ชัยยะ พูด

     ผมจำต้องกระทำการเช่นนี้ เพราะเห็นแก่อนาคตรุ่นน้องและลูกศิษย์คนนี้  แม้ในใจลึกๆจะรับไม่ได้ กับการกระทำของเขา แต่จำต้องตัดใจ ไม่คิดอะไร ผมนั่งรอเขาตั้งแต่หกโมงเย็นจนสามทุ่ม ก็ไร้วี่แววที่จะได้รับข้อสอบกลับมา

     “อีกแล้ว.ไอ้ศิษย์ คนนี้ ตั้งแต่สอนมา มีนายนี่แหละเป็นคนแรก ที่แย่มาก “ ผมคิดในใจ

             ********************************************************************

          เช้าวันรุ่งขึ้น... .ผมออกจากบ้าน  เพื่อที่จะไปรับข้อสอบของเขาที่ห้องอาหาร   ผมคิดว่า เมื่อได้รับข้อสอบที่ เขาทำเสร็จแล้วอย่างน้อยเมื่อตรวจ เขาจะได้มีคะแนนเก็บสะสมไว้บ้าง และคงไม่ถึงขั้นจะติด F   คงพูดได้ว่าตั้งแต่ผมเคยสอนนักศึกษามา มีรุ่นน้องและลูกศิษย์คนนี้ มันช่างห่วยแตกที่สุด  ไร้ความรับผิดชอบที่สุด  ผมรับข้อสอบที่เขาทำแบบขอไปที แต่ก็ยังดีที่มีหลักฐานว่าเขาได้มาสอบแล้ว

     เมื่อมาถึงการสอบปลายภาค ที่ผมนัดสอบนอกตาราง  ทุกคนในชั้นมาสอบ เว้นแต่ชัยยะ(เจ้าเก่า เพียงคนเดียวที่ขาดสอบ)

      “เรียนก็ไม่เข้าเรียน สอบก็ไม่เข้าสอบ  (ไอ้)นายคนนี้ ทำไม มันช่าง..  สุดๆ  “

    ผมพยายามให้รุ่นน้องๆที่เป็นเพื่อนร่วมชั้นเรียนไปตามเขาให้มาสอบ ผมไปพบอาจารย์ที่ปรึกษาของเขา ให้โทร ศัพท์เรียกเขาให้มาสอบ ก็ไม่เป็นผล รอแล้ว รอเล่าเฝ้าแต่รอ..  แม้จะโกรธจนปรอทอุณหภูมิแตก  ก็ยังอดกลั้น ที่จะให้โอกาสลูกศิษย์เสมอ  

      “เราจะรอชัยยะจนวินาที สุดท้าย  อย่างน้อยได้พบกันและคุยกัน ก่อนส่งเกรด “ ผมคิด

     ******************************************************************************

                  ที่ห้องแผนกทะเบียนนักศึกษา และเป็นวันสุดท้ายของการส่งเกรด 

      “ผมต้องส่งเกรดแล้วล่ะ เกรดเขา คงติด F อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ทั้งๆ ที่ผมให้โอกาสเขามามากต่อมากแล้ว…. ขนาดผมเป็นคนโทรศัพท์ติดต่อ  เขาก็ยังปิดโทรศัพท์”  ผมพูด กับอาจารย์ที่ปรึกษาของชัยยะ ที่ห้องทะเบียนการศึกษา ของสถาบัน

      เข็มนาฬิกา ยังเดินต่อไป จนถึงเวลา 16.30 น   ผมจึงตัดสินใจส่งเกรด ให้แผนกทะเบียน 

      ในชีวิตการรับราชการในสถานศึกษาแห่งนี้ ผมแทบจะไม่เคย ให้นักศึกษาติด F เลยสักราย เว้นแต่คนที่ลาออกกลางคัน เมื่อผมส่งเกรดไปแล้ว.ในวันนี้  ผมกลับรู้สึกเครียดมาก ..จนนอนไม่หลับ

       จนวันประกาศผลสอบ.. ชัยยะ จึงรับรู้ว่า เขาต้องติดF วิชาที่ผมสอน  อาจารย์ที่ปรึกษา และผู้สอนในสาขาสารสนเทศ  เรียกเขาไปนั่งอบรมเป็นชั่วโมง ๆ

      “ วันส่งเกรดอาจารย์ ขลุ่ย เขามารอชัยยะ ตั้งแต่เช้าเพื่อจะให้โอกาสชัยยะสอบ  เขายังโทรตามหาแต่เรากลับปิดโทรศัพท์  คงไม่มีอาจารย์คนใดหรอกที่จะทำ และให้โอกาสลูกศิษย์ เหมือนอาจารย์ขลุ่ย รู้มั้ย“ อ.ที่ปรึกษา  พูดอบรม

      “ครับ ผมจะกลับมาตั้งใจเรียนและจะเลิกทำร้านอาหารและเลิกเล่นดนตรี แล้ว ”

                  **************************************************************

      ปีการศึกษาต่อมา  ชัยยะ ได้ตัดผมสั้น โกนหนวดโกนเครา จนเกลี้ยง  เขาเข้ามาหาผม เพื่อขอลงเรียนวิชาเดิมที่ติด F  ทั้งยังขอร้องให้ผมเปิดวิชาเลือกเสรีให้อีก 1 วิชาให้ผมสอน ผมไม่ขัดข้อง

      “ถ้าชัยยะกลับเนื้อกลับตัว สองวิชาที่จะมาเรียน ผมจะให้ A  ทั้งสองวิชาเลย “ ผมพูด

      “ผมสัญญา จะไม่ทำให้อาจารย์ผิดหวังในตัวผมอีก “ ชัยยะพูด

      “ว่าแต่ชัยยะ โกรธอาจารย์มั้ยที่ ออกเกรด F ให้ “

      “ไม่โกรธหรอกครับ  ถ้าผมเป็นอาจารย์ ก็คงทำแบบเดียวกัน  ผมผิดเอง ครับ”

                  *************************************************************

      เทอมสุดท้าย ปีสุดท้าย  ชัยยะต้องไปฝึกงานในหน่วยงาน รัฐวิสาหกิจขนาดใหญ่ด้านพลังงานเขาใช้ความสามารถเฉพาะตัว ในการเขียนโปรแกรมทางคอมพิวเตอร์  จนหน่วยงานแห่งนั้น ยอมรับในฝีมือของเขา และเมื่อครบกำหนดชั่วโมงการฝึกงาน เกรดการฝึกงานของเขาก็ได้ A  หน่วยงาน ยังได้ทาบทามให้เขาเข้าทำงานด้วย ชัยยะเรียนจบด้วยเกรดเฉลี่ยสะสม 2.00 พอดี และเขาก็ได้เป็นโปรแกรมเมอร์ของรัฐวิสาหกิจแห่งนั้น 

      เรื่องนี้ถือเป็นข่าวดี และยินดีที่ได้เห็นรุ่นน้องและลูกศิษย์ มีอนาคต  แม้ในอดีตที่ผ่านมา เขาได้สร้างความปวดหัว ความเครียดกับผมไม่น้อย ..แม้วันนี้เขาจะทำงานแล้ว  แต่สิ่งหนึ่งที่ผมห่วงใยเขาที่สุด ก็คือการเป็นเสรีชนของเขาที่มีมาก จนขาดวินัยและความรับผิดชอบ 

      แน่นอน..ว่า แม้ชัยยะ จะมีความสามารถ ในการเป็นโปรแกรมเมอร์ฝีมือดี แต่หากเขา ขาดความรับผิดชอบ  องค์กร คงมิอาจจะทนสภาพเช่นนั้น ได้แน่นอน 

        จากวันนั้นถึงวันนี้  ผมยังไม่มีโอกาสพบกับเขาอีกเลย  โชคดีนะไอ้น้อง..(ลูกศิษย์)  หวังว่าสิ่งที่พี่เคยสอน เคยแนะนำ (นาย..) คงได้เอาไปใช้ในการทำงาน และการปรับตนในที่ทำงาน หวังว่าคงไม่ยากเกินความสามารถ

     

                                             ขลุ่ย   บ้านข่อย 

                                                 13/3/66

     

       

     

     

     

     

     

     

     

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×