ผลงาน ที่ฝากไว้ในครั้งหนึ่ง - ผลงาน ที่ฝากไว้ในครั้งหนึ่ง นิยาย ผลงาน ที่ฝากไว้ในครั้งหนึ่ง : Dek-D.com - Writer

    ผลงาน ที่ฝากไว้ในครั้งหนึ่ง

    แม้จะมีอุปสรรคในการทำงาน แต่ผมก็สามารถฝาฟัน จนสร้างผลงานไว้ ในครั้งหนึ่ง ของการทำงาน ในช่วงเวลาสั้นๆ

    ผู้เข้าชมรวม

    32

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    32

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  12 พ.ย. 65 / 08:26 น.


    ข้อมูลเบื้องต้นของเรื่องนี้

                                                  ผลงานที่ฝากไว้ 

       ผมต้องหยุดพักการเรียน..ไป ทั้งๆที่ยังไม่พร้อมที่จะเข้ามาทำงานเลย เป็นเพราะมีเหตุการณ์หลายเรื่อง หลายเหตุการณ์ที่อาจารย์ บางท่านอาจมีอคติกับลูกศิษย์ จนผมไม่สามารถสอบเข้าเรียนต่อได้  แต่ผมไม่ขอกล่าวถึง แต่คงจะต้องจดจำไปชั่วชีวิต ผมเข้ามาทำงานที่สหกรณ์การเกษตรเมืองแปดริ้วในตำแหน่งเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร เงินเดือนที่ได้รับคือ1,220 บาท ค่าครองชีพอีก 200 บาท ขอสรุปรวบยอดเลยว่าการได้มารับตำแหน่งหน้าที่นี้ ต้องบอกว่า ใช่เลย. มันตรงกับสไตล์การทำงานแนวลูกทุ่งๆติดดินๆ ที่ผมถนัดอยู่แล้ว แรกๆ…. ที่มาทำงานใหม่ๆ ผมค่อนข้างประทับใจเพื่อนๆ พี่ๆในองค์กรนี้ เป็นอย่างมาก เนื่องจากดูว่าทุกคนมีความจริงใจ และเป็นกันเอง 

    “เย็นนี้ เดี๋ยวพวกเราจะพาน้องไปทานอาหาร ที่ชายทะเลกัน นะ  ” ผู้จัดการ และผู้ช่วยผู้จัดการ พูด 

    วันแรกที่ พี่ๆในที่ทำงาน ให้การต้อนรับอย่างอบอุ่น..ซึ่งผมค่อนข้างจะประทับใจ  .ทุกคน… แต่พอสามเดือนผ่านไปแล้ว ผมได้เห็นถึงการแบ่งแยก แบ่งพวกกันอย่างเห็นได้ชัด ดูเหมือนผู้จัดการ จะเป็นคนที่เข้าใจในตัวผมมากที่สุด แต่เขาคงลำบากใจในการปกครองคนเหล่านี้ เพราะพวกมากลากไป เนื่องจากคนเหล่านี้เป็นคนในกลุ่มของผู้ช่วยผุู้จัดการคนสนิทของเขานั่นเอง 

    **************************************************************************************

    1 ปีในการทำหน้าที่ เป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร มันช่วยทำให้ผมได้เรียนรู้การทำงาน การทุ่มเทการทำงานอย่างจริงจัง การปรับตัว การเป็นตัวของตัวเอง การยึดมั่นในความถูกต้อง ที่ไม่ยอมก้มหัวแก่เหล่าบรรดาอธรรม ผู้ที่มองเห็นเกษตรกรเป็นเสมือนผู้มาขอความช่วยเหลือพวกเขา

    “น้องไม่ต้องคิดอะไรมากหรอก ทุกๆสังคม มันก็เป็นแบบนี้ แหละ  ” ผู้จัดการพูด

    “ผม งง เหมือนกันนะครับ ผู้จัดการ ว่าทำไม พวกเขาจึงคอยหวาดระแวง ผมเสียเหลือเกิน  ”ผมพูด

    “บางสิ่ง บางอย่าง ที่น้องเห็นพวกเขากระทำกัน ก็ทำไม่รู้ไม่เห็นบ้าง  มันก็จะบรรเทา เบาบางอะไรๆลง”

    “ผมไม่เข้าใจเลยว่า ทำไมพวกเขาเอาสถานที่ทำงาน มาเล่นไพ่ มาเล่นการพนัน โดยไม่เกรงอกเกรงใจสหกรณ์อำเภอ ทำไมพวกเขา ไม่คิดถึงเงินภาษีของชาวบ้านที่จ้างให้มาทำงาน เวลาเกษตรกรมาติดต่องานก็มักพูดจากระโชกโฮกฮาก”  ผมพูด

     “พี่..ก็น้ำท่วมปาก พวกเขาทำกันมาจนชินชา  ”ผู้จัดการ

    ******************************************************************************

      วันแรก ที่ผมเริ่มมาทำงานได้รู้จักผู้ช่วยผู้จัดการสหกรณ์ฯ คือคุณชัช  พี่ชัชที่ผมเรียกเขาแบบเป็นกันเอง มีภริยาคือคุณบุษยา ซึ่งเป็นเจ้าหน้าที่การเงินในที่ทำงานแห่งนี้ด้วยคุณบุษยา จัดเป็นคนสวยมาก มีอายุมากกว่าผมประมาณ 3 ปี ในที่ทำงานแห่งนี้มีสุภาพสตรีที่เป็นเจ้าหน้าที่ 4 คน นักการภารโรงสตรีอีก 1 คน ในสุภาพสตรีทั้ง 5 คน มีพี่สุดา คนเดียวที่ไม่เข้ากลุ่มเข้าพวกกับเขาและมักถูกกลุ่มผู้ร่วมงานหญิงทุกคนมักแอบค่อนขอดนินทา กลั่นแกล้ง ทั้งต่อหน้าและลับหลัง โดยเฉพาะหลังจากผ่านพ้นกลางเดือนไปแล้ว สมาชิกสหกรณ์ที่เป็นเกษตรกรไม่ค่อยจะได้เข้ามาติดต่องานพวกเขาจึงค่อน ข้างมีเวลา(ว่าง) มากจึงมักปิดประตู และเปิดวงเล่นไพ่ จนเป็นอาจิณ  เมื่อเขาเล่นไพ่.. จะให้คนงานขับรถไปคอยเฝ้าที่ด้านทางเข้าที่ทำงานคอยเป็นต้นทางให้ หลายๆครั้งขนาดว่ามีคนมาติดต่องาน พวกเขาก็มิได้รู้สึกรู้สาและละอายแก่ใจแต่ประการใด

      “น้อง  โดน ยัยตุ้ย แกล้งเหรอ  ”  พี่สุดา สอบถามผม

      “ครับพี่  ผมไม่เคยไปทำอะไรให้พี่ตุ้ย เขาเดือดร้อนอะไร เลยสักนิด”  ผมพูด

      “พี่. นี่โดนเขาแกล้ง เป็นประจำเลย  แหละ ”พี่สุดาพูด

      “แกล้งยังไง หรือ  ”

      “เขาก็ทำโต๊ะของพี่ให้รกๆ  เอาสมุดบันทึกบัญชี มาวางไว้เกลื่อนโต๊ะของพี่”

      ที่หน่วยงานของสหกรณ์แห่งนี้แบ่งส่วนงานเป็นสองส่วน ด้านล่างคือหน่วยงานของสหกรณ์อำเภอ  ซึ่งมีที่ทำการติดกับถนนทางหลวง ส่วนสหกรณ์การเกษตรจะอยู่ถัดลึกเลยไปอีก20 เมตรที่ทำการของสหกรณ์การเกษตรจะใหญ่โตกว่า เป็นอาคารคอนกรีต 2 ชั้น  กลุ่มที่ทรงอิทธิพลที่สุดของสหกรณ์คือกลุ่มพี่ชัช ที่เป็นผู้ช่วยผู้จัดการคนที่ 1  กลุ่มนี้จะมีพวกพ้องเป็นกลุ่มเป็นพวก ถึง 8 คน จากพนักงานทั้งหมด 13 คน บทบาทของพี่ชัช ดูๆ ไปจะค่อนข้างโดดเด่นกว่าผู้จัดการอยู่มาก ใครๆ ส่วนใหญ่ให้ความเคารพและเกรงใจพี่ชัช 

       ความคล้ายคลึงกันของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานนี้คือเมื่อมีเวลาว่าง ที่ไม่มี(สมาชิกสหกรณ์)คนมาติดต่องาน  พวกเขามักจะเปิดวงเล่นไพ่ ตั้งแต่ผู้ช่วยผู้จัดการเอง ยันลงมาจนตัวนักการภารโรง  คนที่ไม่เข้าไปยุ่งไปสุงสิงอย่างผม พี่สุดา และผู้ช่วยผู้จัดการอีกคน กลายเป็นคนที่น่ารังเกียจ ซึ่งกลุ่มคนพวกมาก มักจะแอบซุบซิบเนืองๆ  

       “ผมไม่เข้าใจว่าทำไม พี่ตุ้ย เขาจึงเลือกปฎิบัติ ในการทำความสะอาดโต๊ะทำงาน อย่างโต๊ะทำงานชองพี่กับโต๊ะของผม เขาแทบไม่เคยเคยมาปัดกวาดเช็ดถูให้เลย  ” ผมพูด กับพี่สุดาในช่วงพักเที่ยงวัน 

        โดยปกติช่วงพักเที่ยงวัน จะมีรถเข็นขายก๋วยเตี๋ยวจากป้าศรี กับลูกสาว เข็นมาจอดให้บริการทุกวันทำการ

      “นั่นน่ะสิ  น้องไปทำอะไรเขาเหรอ”

      “ไม่..เลยนะ ผมไม่เคยไปยุ่งไปเกี่ยวเรื่องของเขาเลย  เพียงแค่ผมไม่ชอบที่เขาทำตัวเหมือนกับเป็นเจ้าหน้าที่ เที่ยวไปดุกับเกษตรกรที่มาติดต่องานและผมก็จะเข้ามารับทำหน้าที่แทนและแก้ต่างแทน ”ผมพูด

      “ยัยนี้ เป็นแค่ภารโรง เห็นคุณชัช  ให้ท้ายหน่อย  ทำเป็นพองลม”พี่สุดาพูด

     “ใช่ครับ คนตระกูลนี้ มันใช่เส้นเข้าทำงานกันทั้งบ้าน เลยนะ”

     “ใช่ สามีของตุ้ย ก็ขับรถให้ผู้จัดการของชุมนุมสหกรณ์  พ่อเขาก็เป็นภารโรงที่สหกรณ์จังหวัด น้องสาวตุ้ยก็ทำงานบัญชีที่ชุมนุมสหกรณ์  ว่าที่น้องเขยคือคุณสายัญ ที่ทำงานที่ของเราก็ทำงานสหกรณ์  นี่..แหละตุ้ย จึงทำตัวกร่างมาก”พี่สุดาพูด

     “ที่โต๊ะผม นี่ฝุ่นจับ หนังสือก็ล้มระเนระนาด ทั้งๆ ที่ผมจัดวางเป็นระเบียบแล้ว ก่อนเลิกงาน  จนเคยมีปากเสียงกันกับเขาหลายครั้ง ว่าจงใจจะแกล้งผมหรือ”

     “อย่าไปทะเลาะกับยัยตุ้ย เลย นิ่งเงียบเสีย จะดีกว่า พี่นี่โดนเขาแกล้งทุกวัน  ”

     “ สำหรับผม นี่ไม่เท่าไหร่หรอกครับแต่กับพี่สุดา นี่สิโดนเพื่อนๆ ผู้หญิงในที่ทำงานด้วยกันรวมหัวกินโต๊ะ  ผมเห็นใจจริงๆนะ" ผมพูด

     “ช่างเขาเถอะ  กรรมต้องสนองพวกเขาสักวัน  ”พี่สุดาพูด

     ถัดมาอีกสองเดือน.ผู้ช่วย (ชัช)ได้ย้ายไปทำงานที่ธนาคารของรัฐ  เป็นเพราะเขาเป็นผู้กว้างขวางในจังหวัด ทำงานทางด่้านสังคม ทั้งมูลนิธิ -และสโมสรดังๆ    ผู้จัดการของธนาคารของรัฐแห่งหนึ่ง จึงมาทาบทามให้เขาไปช่วยงานในการหาลูกค้า ในตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายสินเชื่อ. แม้ส่วนหัวจะไม่อยู่แแล้ว(คุณชัช)  แต่เหล่าบรรดาเจ้าหน้าที่หญิงก็ยังทรงอิทธิพลอยู่ เพราะยังมีลูกน้องผู้ช่วยชัชในที่ทำงานเป็นพรรคพวกด้วย  หากไม่จำเป็นจะต้องอยู่ในที่ทำงาน ผมมักจะออกท้องที่ เพราะเบื่อกับคนพวกนี้   

      หน้าที่หลักของผมคือ หน้าที่ส่งเสริมด้านอาชีพ แนะนำการปลูกพิช เลี้ยงสัตว์ ให้กับเกษตรกร การออกท้องที่..ไปยังหมู่บ้าน ตำบลต่างๆ ทั้งอำเภอ  ผมมองว่าเป็นงานที่ท้าทายและไม่จำเจ ทั้งยังสนุกและได้ประสบการณ์ต่างๆอีกด้วย ส่วนใหญ่คนเป็นประธานกลุ่มสหกรณ์ของกลุ่มต่างๆ มักจะเป็นผู้นำท้องถิ่นตำแหน่งของเขาคือผู้ใหญ่บ้านและกำนัน     ทุกครั้งที่ผู้จัดการและสหกรณ์อำเภอไปประชุมในหมู่บ้านต่างๆ ผมมักได้รับมอบหมายให้เป็นทั้งเลขานุการการประชุม เพื่อทำหน้าที่บันทึกการประชุมและออกแนะนำให้ความรู้ทางวิชาการแก่กลุ่มเกษตรกรทั้งอำเภอ  

      “เป็นไงบ้างล่ะ น้อง ออกท้องที่แบบนี้ ” ผู้จัดการพูด

      “ดีครับ  ไม่น่าเบื่อ เหมือนกับอยู่ในที่ทำงาน แต่ละหมู่บ้านแต่ละกลุ่ม มีทำเลการประกอบอาชีพที่แตกต่างกันมากเลยครับ สนุกครับ มาแบบนี้  ”ผมพูด

      การออกท้องที่ทุกครั้ง ผมจะได้รับเบี้ยเลี้ยงครั้งละ 100 บาท บางเดือนผมออกพื้นที่ถึงสองสัปดาห์รวมทั้งเสาร์อาทิตย์ เบี้ยเลี้ยงที่ได้รับจะได้สูงกว่าเงินเดือนเสียอีก  นี่..จึงอาจเป็นสาเหตุ ให้เจ้าหน้าที่ภายในสหกรณ์ ตาร้อนกัน . .ผมทราบดีว่าการมาทำงานที่สหกรณ์ของผม คงมิได้ยึดเป็นอาชีพถาวรแต่จะทำเพียงแค่หนึ่งปี เพราะเป้าหมายในอนาคตของผม คือต้องการจะกลับมา สอบเรียนต่อจนจบปริญญาตรีให้ได้

                                 ******************************************************** 

      ผมกล้าพูดได้ อย่างเต็มปากเต็มคำว่า สมาชิกเกษตรกร กรรมการสหกรณ์การเกษตร สหกรณ์อำเภอ ได้เห็นผลงานที่ผมทำได้เห็นความทุ่มเท ที่ผมทำให้กับพวกเขา ทุกๆ เช้าเวลา 07.00 น.  ผมจะมาถึงที่ทำงาน พร้อมนักการหญิงคนนั้น เขามาเปิดประตู หน้าต่าง ปัดกวาดเช็ดถูสำนักงาน ส่วนผมมานั่งค้นคว้า เปิดตำราทางการเกษตร ยามว่างๆ ก็มาช่วยพี่ผู้หญิง เจ้าหน้าที่ลงทะเบียนเงินกู้ ช่วยเขียนคำร้องให้สมาชิกที่เขียนหนังสือไม่คล่อง เขียนไม่ได้  ช่วยทำหน้าต้อนรับ หาน้ำให้ดื่มให้คำปรึกษาในเรื่องต่างๆทุกคน มีพึงพอใจและประทับใจกับสิ่งที่ผมทำให้จนพนักงานจำนวนกว่า 80 เปอร์เซ็นต์ หมั่นไส้ผม  สิ่งเหล่านี้มันพอจะมองออก แต่. ผมไม่ค่อยจะแคร์กับพวก ปากกุ้งปากหอย หน้าที่ผมที่คิดคือ ผมจะทำหน้าที่ให้บริการให้ดีที่สุด  คิดเพียงว่าผมกินเงินเดือนภาษีประชาชน   

       สมาชิกสหกรณ์ ที่ผมออกไปในพื้นที่ ทั้งอำเภอเมืองส่วนใหญ่กว่า 85 เปอร์เซ็นต์ มีอาชีพทำนา ที่เหลือ คือทำสวนไม้ผลเช่น ปลูกมะม่วง มะพร้าว หมาก และ ปศุสัตว์ การออกพื้นที่ของผมทุกครั้ง จะไปด้วยจักรยานเสือหมอบ ที่ผมได้ขนขึ้นบนรถไฟจากสถานีหัวตะเข้ มาลงแปดริ้ว   เมื่อผมออกพื้นที่.ผมต้องขออนุญาต ผู้จัดการและสหกรณ์อำเภอเสียก่อน  ว่าจะไปทำอะไร ที่ไหน ตั้งแต่วันแรกจนเดือนที่สามของการทำงานของผม จะมีเกษตรกรมาขอคำปรึกษาที่โต๊ะของผมตลอดเวลา  คนนี้เข้าคนนั้นออก ผมมีความสุขกับการทำหน้าที่ตรงนี้ มันก็เป็นธรรมดา ที่เรากลายเป็นจุดเด่น ทำให้คนอื่นๆในที่ทำงาน เกิดอาการริษยาที่เห็นเกษตรกรมาห้อมล้อมตัวผมตลอดเวลา

        เย็นวันหนึ่ง ………ที่ผมไปเที่ยวบ้านผู้จัดการ ได้บอกกับผู้จัดการว่า ผมจะขออนุญาตทำแปลงสาธิตข้าว1 แปลง เพื่อเป็นตัวอย่างให้เกษตรกรในเขตพื้นที่อำเภอเมืองได้ดูและศึกษางาน หัวหน้าส่งเสริมการเกษตรในขณะนั้นคือคุณนำชัย ซึ่งแม้เขาจะไม่มีความรู้ทางการเกษตร แต่เขาก็สนับสนุนและเห็นด้วยกับผมอย่างยิ่ง เขาจึงได้เข้าไปช่วยติดต่อประสานงานขอใช้พื้นที่นาที่บ้านน้าบุญ  นาเจริญยิ่ง วันต่อมาผมได้นัดน้าบุญ มาพูดคุยเรื่องการทำแปลงนาสาธิตที่โต๊ะทำงานผม 

       “เชิญ นั่งก่อนครับ  น้า " ผมบอกกับเกษตรกร ที่ยอมสละพื้นที่ให้ เพื่อทำแปลงนาสาธิต

        “ยินดีอย่างยิ่งเลยครับ นักเกษตร  ”  น้าบุญพูด

       “ผมอยากให้น้า ทำตามตารางที่ผมเขียนไว้ สำหรับอุปกรณ์ต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นปุ๋ย ยาฆ่าแมลง ผมจะจัดการให้ และอย่างน้อยสัปดาห์ละครั้ง ผมจะแวะไปเยี่ยมดู แปลงนาสาธิต ครับ”  ผมพูด

        “ครับ ” 

        ผมเขียนตารางการปฎิบัติงานให้น้าบุญว่า.วันนั้น วันนี้ จะต้องทำอะไรบ้าง อาทิ ใส่ปุ๋ย ฉีดยา น้าบุญได้รับปากเป็นมั่นเป็นเหมาะ เท่าที่ผมเคยสัมผัสกับน้าบุญ ..คงต้องบอกว่าเกษตรกรคนนี้ เป็นคนขยันมากและรับผิดชอบงานอย่างดียิ่ง ดูเหมือนคนในสำนักงาน ยิ่งจะไม่ค่อยจะชอบขี้หน้าผมมากขึ้น เพราะเวลามีอะไรๆ ผู้จัดการก็มักจะมาพูดคุยกับผมตลอดเวลา

       นับแต่วันที่น้าบุญเ ตรียมดิน ไถคาด หว่านกล้า ปักดำ จนวันเก็บเกี่ยว ผมได้เข้าไปสัมผัสและช่วยให้คำแนะนำ และให้กำลังใจเขาอย่างที่สุด ผมเสียดายที่ในเวลานั้นไม่ได้เก็บภาพต่างๆไว้เลย สิ่งที่ภูมิใจคือณ.เวลานั้น คุณนำชัยได้ขึ้นป้ายคัดเอาท์ขนาดใหญ่พอประมาณ ริมถนนทางหลวง เพื่อประชาสัมพันธ์ แปลงนาสาธิตที่ระบุชื่อผม คุณนำชัย ผู้จัดการและน้าบุญ  พื้นที่ที่ทำนาสาธิตเป็นรอยต่อระหว่างอำเภอเมืองกับอำเภอบ้านโพธิ์ ดังนั้นการทำแปลงนาสาธิตครั้งนี้ ถือว่าเป็นการยิงปืนนัดเดียวได้นกสองตัว คือเกษตรกรสองอำเภอที่ผ่านแปลงนาสาธิต ได้เห็นถึงความสำเร็จของการทำนาในครั้งนี้ คงต้องออกตัวว่า ที่บ้านของผมไม่เคยมีใครเคยทำนาเลยสักคนเดียว  เว้นแต่ครั้งที่ผม เคยเรียนวิชาการปลูกข้าว กับอาจารย์ประจำวิชา จึงลงไปทำนา ดำนา เกี่ยวข้าวเองเพื่อเอาคะแนน วิชานี้ผมไดแกรด C เท่านั้นเอง 

      ผลการดำเนินการทดลองนาสาธิต ทะลุเป้าและเกินเป้าหมาย เป็นเพราะปีนั้นพื้นที่ปลูกข้าวในจังหวัดฉะเชิงเทรา ประสบปัญหา การระบาดของเพลี้ยกระโดดสีน้ำตาล ด้วยเพราะน้าบุญได้ดูแลเอาใจใส่แปลงสาธิตอย่างดียิ่งกับแปลงที่ผมทดลองปลูกพันธุ์ข้าว 2 พันธุ์ เพื่อเปรียบเทียบคือ ก.ข 7และ 9   ผลสรุปคือ กข.9 ที่แปลงนาสาธิต ได้ผลดีเกินคาด เมล็ดข้าวออกรวงสมบูรณ์ กข.7 เสียหายเล็กน้อย นี่จึงทำให้น้าบุญ  ได้เป็นฮีโร่ของคนละแวกนั้น  เมล็ดพันธุ์ข้าวที่เกี่ยวจากนา ของน้าบุญ มีเกษตรกรจำนวนมาก มาขอซื้อพันุธุ์ข้าวจากน้า จนหัวบันได ไม่แห้ง.  ผมภูมิใจมาก. แต่เครดิตนี้ต้องถือว่า น้าบุญควรได้รับแต่เพียงผู้เดียว เสร็จจากการทำนาสาธิตปีนี้ไปแล้วชื่อเสียงของน้าบุญ ดังไปทั่วสหกรณ์ ใครๆก็ต่าง อยากได้พันธุ์ข้าวที่นาน้าบุญปลูก  ผมมีโอกาสได้เข้าไปนั่งประชุมร่วม โดยมีผู้เชี่ยวชาญเรื่องข้าว มาให้ความรู้ที่หอประชุมศาลากลางเมืองแปดริ้ว ครั้งนั้นเกษตรกรได้ตั้งคำถามและด่าผู้เชี่ยวชาญด้านข้าวจนหมอไม่รับเย็บ เพราะข้าวเสียหายทั้งจังหวัด แต่ฝ่ายวิชาการของกรมวิชาการ กลับปล่อยปละละเลย จนชาวนาหมดเงินหมดทอง ไปกับการซื้อยาฆ่าแมลง พ่นยาฆ่ามันที มันหนีไปแล้ว ก็กลับมาดูดน้ำเลี้ยง จนข้าวเสียหายหมด จึงเป็นที่มาของคำว่าโรคจู่๋ข้าว นับแต่บัดนั้น 

       นี่คือ…ความภูมิใจ แม้จะไม่มีใครรู้จัก (ผม)นาย สุรินทร์ ในขณะนั้น หรือขณะนี้ 

       แต่ 4 คนที่รู้ ก็คือสหกรณ์อำเภอ, ผู้จัดการ นายนำชัย จำนายสกุลไม่ได้ และน้าบุญ นาเจริญยิ่ง 

      ความสำเร็จครั้งนี้ ..ไม่ได้มาด้วยโชค แต่มาด้วยความตั้งใจและการทุ่มเทของน้าบุญ  นาเจริญยิ่ง. อย่างแท้จริง  บุรุษร่างผอม ไร้การศึกษา ขยัน จริงจัง..ผู้สมควรแก่การยกย่องสรรเสรฺิญ จากองค์กรต่างๆ แต่…มิมีหน่วยงานใด คิดที่จะสร้างขวัญกำลังใจแก่เขา … น่าเศร้า…ใจแทนจริงๆ  

                                                          ขลุ่ย   บ้านข่อย

                                                           ๑๒-๑๑-  ๖๕

     

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      คำนิยม Top

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      คำนิยมล่าสุด

      ยังไม่มีคำนิยมของเรื่องนี้

      ความคิดเห็น

      ×