แรมใจเปลี่ยนไป
ผู้เข้าชมรวม
106
ผู้เข้าชมเดือนนี้
1
ผู้เข้าชมรวม
แรมใจ.. เปลี่ยนไป
แรมใจ เป็นนักศึกษาสาขาบัญชี เธอและเพื่อนๆได้รับการแนะนำจากอาจารย์ที่ปรึกษาให้ลงเรียนวิชาเลือกเสรี (ภาวะผู้นำ) ที่ผมสอนโดย ปกติวิชาเลือกเสรี ที่ผมเปิดสอน จะได้รับความสนใจจากนศ.ต่างสาขา อาทิสาขาบัญชี สาขาประมงสารสนเทศ สัตว์ศาสตร์ วทอ พืชศาสตร์และภูมิทัศน์ จริงๆ แล้วนศ.สาขาอื่นๆอย่างเช่น จากสาขาช่างกลโรงงาน สาขาอิเลคทรอนิค คณะวิศวกรรมศาสตร์ เคยมาขอให้ผมเปิดสอนให้ แต่พวกเขาก็ถูกอาจารย์ที่ปรึกษา ไม่ยอมเซ็นอนุญาตให้มาเรียน ผมยังจำได้ว่าในช่วงบ่ายวันหนึ่ง เมื่อแรมใจกับเพื่อนๆอีกสามคน ได้มาพบผมที่ห้องเรียน ขณะที่ผมกำลังเพิ่งเริ่มสอนในเทอมใหม่ ในสัปดาห์แรก.…
"อาจารย์คะ หนูขออนุญาตปรึกษาอาจารย์ หน่อยค่ะ"
น้ำเสียงที่ดัง ชัดถ้อยชัดคำของนศ.พร้อมเพื่อนๆที่ทักเข้ามาและยังยืนรอคอยอยู่นอกห้อง ผมจึงหยุดทำการสอนชั่วขณะ พร้อมบอกนศ.ในชั้นเรียน
"ขอเวลาประเดี๋ยวนึงนะพวกเรา ขอคุยธุระกับนศ.ที่มาติดต่อกับอาจารย์สักครู่ นะ""
จากนั้น .ผมจึงเดินมายังนศ.ซึ่งผมไม่ทราบว่าพวกเธอเรียนสาขาอะไร
"มีธุระเร่งด่วน มั้ย วันนี้เพิ่งสอนวันแรก คงใช้เวลาอีกไม่นานนัก หากไม่รีบ รออาจารย์อีกไม่เกิน 15 นาทีคงเสร็จแล้ววันนี้ "
"พวกหนูเรียน สาขาบัญชีค่ะ พอดีอาจารย์ที่ปรึกษาพวกหนู แนะนำว่าให้มาลงเรียนวิชาเลือกกับอาจารย์ในเทอมนี้ อาจารย์พอจะเปิดรับให้พวกหนูได้ลงเรียนมั้ยค่ะ "นศ.คนหนึ่งพูด
"ไม่ขัดข้องและยินดีเสมอ ยังไงพวกเรา ช่วยรวบรวมรายชื่อมาให้อาจารย์ เพื่อจะได้เตรียมการด้านเอกสาร หาห้อง เรียนและกำหนดเวลาทำการสอนให้ครับ"
. วันแรกที่ผมได้พบกับแรมใจ เห็นบุคลิกของนศ.คนนี้แล้ว ได้สวมบทอะแซหวุ่นกี้ ทำนายทายทักว่า เด็กคนนี้คงมีอนาคตไกลแน่ๆ เพราะดูโหงวเฮ้ง จากหน้าตา กริยา คำพูดคำจา ฉะฉาน มีความกล้า,มีเหตุผล
เทอมนี้ คือเทอมแรกที่พวกเธอและเพื่อนร่วมห้อ งเพิ่งสอบเข้ามาเรียนที่สถานศึกษาแห่งนี้ ผมมาทราบภายหลังว่าเธอเรียนจบปวส.ที่วิทยาลัยแห่งหนึ่งด้วยความเป็นน้องใหม่มีหลายสิ่งหลายอย่างที่เธอมิกล้าที่จะแสดงออกมากนัก เพราะ เกรงรุ่นพี่จับจ้องจนเกิดความหมั่นไส้ เพราะยังอยู่ระหว่างการรับร้องใหม่ พูดถึงบุคลิกภาพของเธอต้องบอกว่าเธอมีความครบถ้วนของการเป็นผู้นำจริงๆประการแรกหน้าตาดี สรีระแม้ดูออกจะท้วมๆแต่ก็ดูสมส่วน ภายหลังเธอก็ได้รับเลือกเป็นหัวหน้าชั้นเรียน
ระหว่างการรับร้องใหม่ ณ.บริเวณอาคารเรียนรวม หลายๆครั้งผมมักจะมายืนดู นศ.รุ่นพี่ ในหลายๆสาขา ทำกิจกรรมเกี่ยวกับการซ้อมร้องเพลงเชียร์ ตรงระเบียงบันไดชั้นสองมีพี่ๆบางคนที่ติดยึด ความบ้าอำนาจ อวดฤทธิ์เดชตน เพื่อสร้างปมเด่นมักแสดงพฤติกรรมอวดเบ่งโดยบีบบังคับว้าก.ตะเบ็งเสียงแว๊ดๆกับรุ่นน้อง ยังกับแม่ค้าในตลาดสด โดยเฉพาะสาขาบัญชี มีนักศึกษาชายมาเรียนประมาณ 2 เปอร์เซ็นต์เท่านั้น นศ.ชายที่เป็นรุ่นน้องได้ถูกรุ่นพี่ผู้หญิงสับโขก พวกเขาจึงเหมือนตัวตลกที่น่าสงสาร ทุกๆวันพุธซึ่งเป็นชั่วโมงกิจกรรม รุ่นพี่ๆจะนัดให้รุ่นน้องมาซ้อมร้องเพลงเชียร์ วันหนึ่งที่แรมใจมาสายกว่าเพื่อนๆ เป็นเพราะเธอต้องกับไปเปลี่ยนชุดซ้อมร้องเพลงเชียร์ที่หอพักซึ่งอยู่ไกล จึงถูกว้ากและดุด่าอย่างสาดเสียเทเสีย
" ยัย สองสามคนนี้ มายืนข้างหน้านี้เลย ไปไหนมา เพื่อนๆเขามาคอยกันเกือบสิบนาทีแล้ว รู้มั้ย รายงานตัวที่ด้านหน้า เสียงดังๆให้เพื่อนได้ยินด้วย " รุ่นพี่ เอ่ยปาก
" ดิฉัน นางสาวแรมใจ นศ.ชั้นปี 1 สาขาบัญชีสองปีต่อเนื่อง ค่ะ"
"ไม่ได้ยิน รายงานตัวใหม่ อีกครั้ง "รุ่นพี่คนเดิมตะโกนสั่ง
"ได้ยินมั้ย รุ่นพี่ที่อยู่ด้านหลังโน้นเขาไม่ได้ยิน รายงานตัว ให้เสียงดังๆกว่านี้ "รุ่นพี่ที่นำการซ้อมร้องเพลง ซึ่งอยู่ด้านหน้าสั่งให้แรมใจปฎิบัติ
"ดิฉันนางสาวแรมใจ..จบจากวิทยาลัย.... "
"ไม่ได้ยินๆ" เสียงจากรุ่นพี่จากด้านหลังห้อง ยังคงแกล้งเธอ เธอต้องตะเบ็งเสียงให้ดังกว่าปกติอีก ในใจนึกแค้นเคือง เพราะรู้ว่ารุ่นพี่มีเจตนากลั่นแกล้ง
ช่วงการซ้อมร้องเพลงเชียร์ ตลอดเวลากว่าสองเดือน แรมใจ ดูจะมีอาการซึมเซากว่าปกติ จากที่ผมเคยเห็นเธอช่วงแรกที่เข้ามาเรียนเคยมีใบหน้ายิ้มแย้ม แจ่มใส เบิกบาน
แม้แรมใจ จะเคยผ่านการรับน้องใหม่ จากสถาบันเดิมมาก่อน แต่คงอาจจะไม่เข้มข้นกับที่แห่งใหม่ ผมเดาว่าเธออาจจะไม่สามารถยอมรับกับรูปแบบการรับน้องใหม่ในสาขาของเธอสักเท่าไหร่
"อาจารย์คะ อีกนานมั้ย เขาจึงจะเลิกรับน้องใหม่" แรมใจ ได้เอ่ยปากเชิงปรารภกับผม หลังจากที่ผมสอนเสร็จ
"คงอีกไม่นานหรอก อย่างเก่ง พอสอบกลางภาคเสร็จ กิจกรรมรับน้องก็เลิกแล้วล่ะ" ผมบอกเธอให้คลายความกังวลใจ
" หนูไม่ชอบรุ่นพี่เลย ก้าวร้าว เจ้าอารมณ์ เอาแต่ใจและบ้าอำนาจ"
"เอาเถอะน่า อดทนอีกหน่อย เขาก็ทำอย่างนี้กันมาช้านานแล้ว สิ่งที่เราไม่ชอบพี่ๆกระทำ วันหน้าพอแรมใจไปเป็นรุ่นพี่ ก็อย่ากระทำอย่างนี้อีกล่ะ "
"รับรอง หนูไม่ทำแน่ๆ อาจารย์คอยดู ก็ได้"
"ได้ อาจารย์จะคอยดู ตอนที่เธอเป็นรุ่นพี่บ้าง
แรมใจอดทน อดกลั้นจนการรับน้องใหม่สิ้นสุดลง สิ่งต่างๆที่เคยทุกข์ระทม ขมขื่นใจ ก็เสมือนยกเขาออกจากอก เธอค่อนข้างโดดเด่นกว่าเพื่อนๆในรุ่นเดียวกัน มีกิจกรรมอะไร ที่ไหน แรมใจ ต้องติดโผ ในการเป็นคณะกรรมการการทำงานเสมอ ครูบาอาจารย์มักเรียกใช้ให้แรมใจเข้าไปทำหน้าที่สอนแทนบางครั้ง เนื่องจากการเรียนของเธออยู่ในระดับดีมาก อาจารย์ผู้สอนยอมรับในความรู้ของเธอ เวลาที่เธอเข้าไปอยู่ในกลุ่มของอาจารย์ ดูแล้วกลมกลืนเสมือนเธอ ไม่ใช่นักศึกษา เธอเริ่มเหินห่างจากเพื่อนสนิทมากขึ้นๆ
**************************************************************************
ในระหว่างที่ผมสอนเธอทั้งสองเทอม ผมยังไม่เห็นความเปลี่ยนแปลงสักเท่าไหร่ เพื่อนๆบางคน ของแรมใจ เคยกระซิบกับผมว่า เพื่อนของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างไม่น่าเชื่อ เมื่อก่อนเคยชวนแรมใจไปไหน ไม่เคยขัดใจเพื่อน แต่ปัจจุบันเวลาชวนไปไหน แรมใจก็มักปฎิเสธ
"เขาคลุกคลี กับเฉพาะกลุ่มอาจารย์ เท่านั้นค่ะ พวกหนู เขาทำไม่รู้จักแล้ว ทั้งๆ ที่เมื่อก่อนเราสนิทสนมกันมาก"
"อย่าเพิ่ง ตีตนไปก่อนไข้เลย ลองดูเขาอีกสักพัก ก่อนดีกว่ามั้ย"
"ค่ะ หนูจะลองดู "
เมื่อเข้าห้องเรียน ผมรู้ได้เลยว่า แรมใจกับเพื่อนที่เคยสนิทเริ่มเหินห่างกันเพราะดูจากที่พวกเธอเคยนั่งหน้าด้วยกันกับเพื่อนอีกสองคน ได้มีการแยกตัวไปนั่งช่วงกลางห้องแล้ว
ในที่สุดเพื่อนรัก ที่เคยกินนอน เที่ยว เรียนด้วยกัน ก็ต้องแยกขั้วกัน ต่างคนต่างอยู่ จนเมื่อแรมใจมาเป็นรุ่นพี่ปีสุดท้าย เธอก็ได้รับการเลือกจากนศ.ในสาขา ให้เป็นประธานสาขา พฤติกรรมที่เธอเคยรับฟังเพื่อนๆในการแสดงความคิดเห็น เปลี่ยนมาเป็นการรวบอำนาจเบ็ดเสร็จคนเดียว
****************************************************************
"หากเรามีอำนาจในมือ แล้วใช้ไม่ถูกทาง มันเป็นดาบสองคม ที่จะย้อนมาหาตัวผู้ใช้ " ผมเคยสอนนักศึกษาในชั้นเรียนและมักเน้นย้ำเสมอๆ
"หากวันใดหนูได้เป็นผู้นำ หนูจะใช้รูปแบบการบริหารและปกครองลูกน้องแบบประชาธิปไตย "แรมใจพูดกับผม
นั่นคือทฤษฎีที่เธอเพียงจดจำเท่านั้น.ยิ่งระยะหลัง เธอมีความใกล้ชิดสนิทสนมกับอาจารย์ในสาขามาก ยิ่งทำให้เธอสำคัญตนผิดว่า เธอจะทำอะไรก็ได้ ช่วงนี้เธอจะรวบลัดตัดตอนและคุมเกมการรับน้องใหม่ เกือบทั้งหมด
สิ่งที่เธอเคยพูดกับผม จึงเป็นเพียงแค่ ลมเพลมพัด นี่คือสิ่งที่ผมเริ่มมองเห็นเค้าของความเปลี่ยนแปลงของแรมใจ ผมเริ่มเห็นความชัดเจนของเธอ .เมื่อช่วงการรับน้องใหม่ในปีการศึกษาถัดมา ในขณะที่เธอเป็นรุ่นพี่แล้ว เสียงแว๊ดๆ ..แหวๆของเธอ ที่ขู่ตะคอกน้องใหม่ ตรงที่ๆ เธอเคยถูกรุ่นพี่ขู่ตะคอกมาก่อน
"เร็วๆ หน่อยสิ ยัยนางแบบ มัวแต่เดินทอดน่อง ไม่รู้เวลาที่พี่ๆนัดหมายเลยหรือไง" แรมใจเอ็ดตะโรน้องใหม่ ที่เป็นเหยื่อความก้าวร้าวของเธอ ซึ่งเธอเคยมีไฟแค้นสะสมไว้ สมัยเป็นน้องใหม่ เธอจะรู้ตัวหรือไม่ไม่มีใครรู้ได้ จากแรมใจ คนที่ยิ้มแย้มแจ่มใส ที่ผมเคยชื่นชมในความรู้ความสามารถ ความมีน้ำใจ มีกิริยามารยาทอ่อนน้อมถ่อมตนกับผู้ใหญ่กับกลายเป็นแรมใจที่ค่อนข้างก้าวร้าว
“ แรมใจ เปลี่ยนไป” (ผมนึกในใจ)
ปีสุดท้าย ผมไม่ค่อยจะได้พบกับแรมใจ เพราะไม่ได้สอนและส่วนใหญ่นศ. สาขาบัญช มักจะเรียนที่อาคารสาขาบัญชี แรมใจสำเร็จการศึกษา ด้วยผลการเรียนเกียรตินิยมอันดับ 2 ด้วยที่เธอแนบแน่นสนิทกับอาจารย์ ในจังหวะที่อาจารย์คนหนึ่งลาไปศึกษาต่อ แรมใจจึงสมัครสอบเป็นอาจารย์สอนในสาขาบัญชี (อัตราจ้าง) และเธอก็ได้เป็นอาจารย์ แรกๆผมยังงง ว่าเธอมาทำอะไรที่อาคารเรียนรวม เดิมเข้าใจว่าคงมาทำหน้าที่เป็นพนักงานในสาขาบัญชี เพราะจบเพียงชั้นปริญญาตรีเท่านั้น มาทราบว่าเธอได้เป็นอาจารย์สอนในระดับปวส. ใจหนึ่งก็ยินดีเพราะคิดว่าเธอคงได้นำเอาความรู้คู่คุณธรรมมาสอนรุ่นน้องๆ ผมเคยแอบถาม นศ.สาขาบัญชี ที่แรมใจสอนว่าเป็นอย่างไร นศ ส่วนใหญ่บอกว่า
"อาจารย์เป็นกันเองดี ไม่ถือตัวเลยค่ะ ใจดี อีกต่างหาก "นศ. บอกผม
ผมฟังแล้วค่อยใจชื้นว่าสิ่งที่ผมเคยเห็น ในอดีตที่ผ่านมา มันคือภาพลวงตา ผมตาฝาดไปเอง ถ้าแรมใจรับแบบพิมพ์ที่ผมถ่ายทอดไปใช้ในความเป็นครูที่ดี ผมจะสบายใจและนอนตายตาหลับ
ปีแรก เทอมแรกของการเป็นอาจารย์ของแรมใจ ในความรู้สึกของผม ยังดูว่า เธอยังมีสัมมาคารวะ ให้เกียรติอาจารย์ที่เคยสอนเธอ เท่าที่ผมสังเกตจะเห็นเธอคลุกคลีกับอาจารย์ที่มีวัยใกล้เคียงกัน เธอมักไปไหนมาไหนกับอาจารย์ วรางคณาเหมือนเงากันและกัน โดยปกติหลังจากผมเลิกสอน ผมมักจะมานั่งคุยกับแม่บ้านที่ดูแลอาคารเรียน ถามไถ่ทุกข์สุข ตามประสา คนอยากรู้ข่าวคราวสภาพสังคมภายในที่ทำงาน
"เป็นไง เหนื่อยมั้ย วันนี้" คำถามแรกที่ผมมักจะถาม กับแม่บ้าน
" อิ๊ดพ่อง.อาจ๋าน (เหนื่อยนิดหน่อย")เธอตอบเป็นภาษาถิ่น ครู่ต่อมาจึงเปลี่ยนเป็นภาษากลาง
"ไม่ไหวเลย นศ.พวกนี้ กินขนม กินน้ำแล้ว ก็ทิ้งขยะจนเกลื่อนห้อง ทั้งๆที่ทุกๆห้องก็ได้เขียนข้อความเตือนสติแล้ว ว่ากรุณานำขยะไปทิ้งที่ถังขยะ "
ผมมักจะเตือนและขอความร่วมมือนศ. เสมอๆ ในเรื่องวินัยและความรับผิดชอบ กรณีการซื้อบะหมี่สำเร็จรูปใส่ถ้วย ขนม ลูกอม ขวดน้ำ เมื่อกินเสร็จ ควรช่วยแบ่งเบาภาระแม่บ้านบ้าง คิดถึงใจเขาใจเรา อย่าไปคิดว่าเป็นหน้าที่ของแม่บ้านคนเดียว ทุกๆคนรับฟัง หลายคนได้ปฎิบัติและให้ความร่วมมือ วันนี้ผมได้เจอ แรมใจที่ห้องโถงข้างล่าง
"สวัสดีค่ะอาจารย์ " เธอทักทายด้วยสีหน้าเรียบเฉย
“สอนมากมั้ย เทอมนี้ ”
“สาม วิชาค่ะ ”
“สนุกมั้ย ”ผมถาม
"สนุก ค่ะ"
"พักที่ไหน เหรอครับ"
"ที่แฟลตมหาลัย ค่ะ"
"ดีแล้ว ช่วยประหยัดค่าใช้จ่าย "
"ค่ะ หนูขอตัวไปสอนก่อนนะคะ"
"ตามสบายครับ"
เธอค่อยๆเดินไปที่ลิฟท์พร้อมกับนศ. ที่มารอ ผมมองเธอด้วยความชื่นชมและภูมิใจบุคลากรที่ผมเป็นปฎิมากรรม
“อาจารย์เหม่อ มองอะไร”แม่บ้านประจำอาคาร ทักทายจนผมชะงัก จากนั้นผมจึงหันมาที่ต้นเสียง
"อ้อ มองลูกศิษย์ ที่ปั้นเขามากับมือ น่ะสิ "
“อาจารย์แรมใจ ใช่มั้ย ”
"ใช่ครับ"
"ข้าเจ้า คิดว่าเธอเปลี่ยนไปมากเลยนะ ข้าเจ้า ไม่กล้าที่จะเล่าเรื่องของเธอให้อาจารย์ฟัง กลัวอาจารย์จะผิดหวังกับลูกศิษย์คนนี้ ตั้งใจจะบอกจะเล่าหลายครั้งแล้ว ข้าเจ้า เห็นฤทธิ์เดชของเธอจนนับไม่ถ้วน ไม่ได้ปรักปรำนะ "
เพียงแค่ แม่บ้านพูดมาแค่นี้..ผมเชื่อได้เลยว่า เรื่องที่แม่บ้านพูดคงต้องมีมูลความจริง แม่บ้านคงไม่ได้ปรักรำแรมใจอย่างแน่นอน เพราะข่าวเรื่องราวของเธอ มันเคยเข้าหูผมหลายครั้งแล้ว..แต่ผมต้องการพิสูจน์ความจริง จากความจริงเท่านั้น
ภาคการเรียนที่ 2 ต้นเทอม ที่มีการสอบวัดผลนักศึกษา ผมได้รับคำสั่งแต่งตั้ง เป็นประธานกรรมการคุมสอบ มีกรรมการคุมสอบร่วมอีกสองคนใ นครั้งนั้นมี อ.วรางคณาและอ.แรมใจ ร่วมเป็นกรรมการคุมสอบด้วย ผมคิดว่าผมจะเบาใจในช่วงบั้นปลายชีวิตราชการ ได้อาจารย์สุภาพสตรีมาช่วยคุมสอบ
แต่ไม่น่าเชื่อ ทั้งสองคนที่ยังเป็นคนรุ่นใหม่ ผลัดกันมาสาย คุมสอบสี่วัน มาสายทุกวัน ระหว่างคุมสอบเดี๋ยวคนนั้นเข้ามา เดี๋ยวคนนี้ออกไป ผมต้องเป็นคนมารับและส่งข้อสอบตลอดทั้ง 4วัน รับส่งข้อสอบยังไม่พอ ยังต้องมาแจกมาเก็บ มาให้นศ.เซ็นลงลายมือเข้าสอบ ผมรู้สึกอารมณ์บ่อจอย2 วันแรก ยังพอให้อภัยได้ แต่นี่หล่อนทั้งสองคน ทดสอบความอดทนผม ตลอด 4 วันทั้งเช้าและบ่าย ระหว่างคุมสอบ แรมใจ นึกอยากจะไปไหนก็ไป เดี๋ยวไปโน่น00 เดี๋ยวไปนี่ ในขณะปฎิบัติหน้าที่ก็ไปจะเอ่ยปากบอกผมสักคำ เพื่อให้เกียรติกันบ้าง ก็ไม่มี..
เพียงทำงานได้แค่ 1 ปี แรมใจก็สามารถ ซื้อรถเก๋งส่วนตัว มาขับทำงานได้อย่างสมภาคภูมิ สิ่งที่ผ่านมาแล้ว ก็ให้มันผ่านไป ผมอดกลั้นที่จะรับสภาพไม่ปริปากพูดกับใคร แม้กระทั่งแม่บ้าน ในระหว่างนั้นผมได้ยินแม่บ้านเล่าให้ฟังว่า เคยเห็นเคยได้ยินอาจารย์ แรมใจด่านศ. สาขาบัญชี ที่เธอสอนด้วยคำพูด ไอ้..อี ทั้งฉุดกระชากนศ ที่เธอไม่พอใจ พฤติกรรมของแรมใจเปลี่ยนไปจริงๆผมพยายามทบทวนความทรงจำ ที่พบเห็นเธอตั้งแต่วันแรก
********************************************************************************
ในระหว่างช่วงคุมสอบใน 4 วัน ที่ผมได้เล่ามา มีอยู่วันหนึ่งที่อาจารย์วรางคณาได้ค้นกระเป๋านศ ปรากฎว่ามีน.ศ มีโพยอยู่ภายในกระเป๋า ยังไม่ทันที่ผมจะแก้ไขปัญหาใดๆ
"ออกไปจากห้องสอบเดี๋ยวนี้เลย เธอทุจริตในการสอบ รอลงทะเบียนเรียนใหม่ได้เลย" อาจารย์วรางคณาโวยวาย จน นศ.หน้าถอดสี ทุกคนในห้องเงียบกริบ ดังถูกมนต์สาป ผมทำอะไรไม่ถู ก.เพราะนึกไม่ถึงว่ าจะมีอาจารย์ที่มีบุคลิกแบบน้ำนิ่งไหลลึกปรากฎให้เห็น.. นศ สาขาบัญชีคนนั้น ถูกไล่ออกจากห้องสอบ เธอมานั่งร้องไห้บริเวณทางเดิน ผมต้องเดินออกมาปลอบใจและให้กำลังใจ
"หนู ไม่ได้ทุจริตการสอบ โพยอยู่ในกระเป๋าจริงๆค่ะ อาจารย์ เพิ่งเริ่มแจกข้อสอบ หนูรูดซิบกระเป๋าเครื่องเขียนพอดี อาจารย์วรางคณาเห็นเข้า เลยยึดโพยสูตรไป " ธอพูดไป..พลางสะอื้นเป็นระยะๆ ทำให้ผมอดสงสารไม่ได้
"ใจเย็นๆนะ เดี๋ยวอาจารย์จะไปช่วยพูดกับอาจารย์ผู้สอนวิชานี้ให้ว่ามันเกิดอะไรขึ้น เดี๋ยวกลับไปหอพักก่อน ทำใจให้สบาย มีอะไรให้อาจารย์ช่วยเหลือก็มาหาได้ เตรียมอ่านวิชาที่จะสอบต่อไป ต้องมีสมาธินะ ถ้าไม่มีสมาธิ วิชาอื่นๆ จะพลอยเสียไปด้วย อาจารย์ให้กำลังใจนะ อาจารย์รับปากจะต้องช่วยเรา อาจารย์สัญญานะ ลุกขึ้นๆไปล้างหน้า ที่ห้องน้ำซะ" ผมบอกกับนักศึกษา
ผมรู้สึกสงสาร ในชะตากรรมนศ.คนนี้ อย่างที่สุด ผมไม่นึกว่าอาจารย์คนนี้จะมีจิตใจอำหิต ทั้งๆที่นศ ยังไม่ทันจะทำข้อสอบใดๆเลย การกระทำของอ.วรางคณาดูเหมือนจะทำข้ามหน้าข้ามตา ผมไปโดยพลการ เธอนำแบบฟอร์มการทุจริตในห้องสอบ มากรอกรายละเอียด พร้อมนำโพยสูตรบัญชี เย็บติดไปกับข้อสอบที่นศ. ยังไม่ทันจะได้เขียนชื่อในกระดาษคำตอบเลย จากนั้นคนทั้งสองได้ลงชื่อในแบบฟอร์ม เธอนำแบบฟอร์มมาให้ผม ลงลายมือชื่อในฐานะประธานกรรมการคุมสอบ แต่ผมไม่ยอมลงลายมือ เพราะเห็นว่าการกระทำต้องดูที่เจตนา-พฤติกรรม แม้เด็กจะผิดในแง่ลอกสูตรเข้าห้องสอบ แต่ความผิดที่มันเกิด เพราะอาจารย์วรางคณาไปละเมิดค้นในกระเป๋านศ.
หากนศ.เอาโพย ออกจากกระเป๋ามาวางบนโต๊ะ เพื่อเตรียมการทุจริต แน่นอน..ผมจะยินยอมเต็มใจ ลงลายมือโดยไม่บิดพริ้ว ดูเหมือนแรมใจ จะเห็นคล้อยไปกับอ.วรางคณา ทั้งๆที่ นศ.เหล่านี้ คือรุ่นน้อง ที่คลานตามเธอมาแท้ๆ ผมไม่อยากเชื่อว่าแรมใจจะเป็นคนเช่นนี้ เธอเป็นคนหน้าเนื้อใจเสือชัดๆแทนที่จะช่วยแก้ต่างให้น้องกลับสนับสนุน และยุยงให้เอาผิดให้มีโทษหนักขึ้น มันเป็นได้อย่างไร (ผมคิด)
นศ.เหยื่อรายนั้นคงสร้างความภูมิใจ แก่อาจารย์ทั้งสอง แต่ผมกับกินไม่ได้ นอนไม่หลับ เพราะสงสารในชะตากรรมของเธอ ผมรู้สึกเริ่มชัง และเกลียดแรมใจ แต่ด้วยความเป็นครู จึงไม่ได้ผูกใจเจ็บแต่รู้สึกผิดหวังและเจ็บปวดมาก. .เพียงทำงาน ได้แค่ปีแรกยังทำได้เช่นนี้..และขนาดนี้
.ที่ผมต้องจดจำไปชั่วชีวิต ..ซึ่งเป็นครั้งสุดท้ายของชีวิตราชการ ผมต้องเป็นกรรมการคุมสอบกับแรมใจอีกครั้ง โดยปกติคำสั่งแต่งตั้งกรรมการคุมสอบ คนชื่อแรกมักจะเป็นหัวหน้าหรือเป็นประธานกรรมการคุมสอบ แต่ด้วยทางฝ่ายจัดทำข้อสอบพิมพ์ชื่อแรมใจเป็นชื่อแรก จึงเข้าใจว่าเธอเป็นหัวหน้ากรรมการคุมสอบ ครั้งนี้ต้องคุมสอบ สามวันครึ่ง แทบไม่น่าเชื่อ ห้องจ่ายข้อสอบกับห้องที่เธอนั่งทำงานห่างกันไม่ถึง'30 เมตร ไม่มีวี่แววว่า แรมใจจะมารับข้อสอบไปดำเนินการแจกในห้องสอบ จนผมต้องมารับและดำเนินการเหมือนก่อนหน้าที่เคยกระทำ
แทนที่แรมใจ จะช่วยผมกำกับดูแล คุมสอบนศ. เธอกับเดินไปห้องพักครู หายไปพักใหญ่ๆแล้วเข้ามาแชท และเล่นเกมในโทรศัพท์ ผมชักจะหมดความอดกลั้นแล้ว ทุกอย่างต้องทำเองทั้งหมด มันช่างต่างกับผมตอนที่มาทำงานใหม่ๆเสียเหลือเกิน ขนาดว่าอาจารย์มีวัยใกล้เคียงกับผม ผมยังอาสาไปรับข้อสอบ แจกข้อสอบ ช่วยเหลือเขาทุกอย่าง โดยไม่มีเกี่ยงงอน แต่นี่แรมใจเป็นลูกศิษย์ที่ผมเคยสอนเคยเน้นย้ำเรื่องความรับผิดชอบ เรื่องการแสดงน้ำใจ การเคารพผู้ใหญ่ นี่เธอคงสำคัญผิด และเข้าใจผิด คิดว่าตนเป็นหัวหน้าคุมสอบที่ต้องควบคุมให้ผมมากำกับนศ.สอบ เป็นเพราะเธอมีชื่อเป็นลำดับแรกในซองข้อสอบ
ทุกวันที่คุมสอบ ธอมักมาสาย เมื่อมาแล้ว… ก็อยู่แต่ ในห้องพักครูไม่กระดิกกระเดี้ยมาแสดงน้ำใจ ช่วยรับข้อสอบมาแจกบ้าง ผมพยายามสื่อภาษากาย ภาษาใจเป็นระยะๆ ให้เธอได้รับรู้ แต่เธอกับเฉยๆทำเป็นทองไม่รู้ร้อน.
(ผมเริ่มจะเกิดอารมณ์โกรธ กับลูกศิษย์คนนี้แล้ว)
จนวันสุดท้าย ช่วงเช้า ผมลองใจเธอดูอีกครั้ง ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ครั้งนี้ ผมทำนิ่ง.ไม่ไปรับข้อสอบเช่นทุกครั้ง จนห้องจ่ายข้อสอบเกิดความสงสัยว่า ทำไม ผมจึงไม่มาเบิกข้อสอบทั้งๆที่ใกล้เวลาที่นศ.สอบอยู่แล้ว
"อาจารย์คะ วันนี้ไม่รับข้อสอบเหรอ จะสอบตอน 8โมงเช้า นี้แล้ว " เจ้าหน้าที่เอ่ยปาก
"ให้หัวหน้าผมเขามารับ มาทำหน้าที่บ้าง เดี๋ยวจะเป็นง่อย อะไรๆ ก็จะให้แต่ลูกน้องทำ" ผมพูดประชด
เป็นจังหวะที่แรมใจ เพิ่งจอดรถยนต์ เธอคงน่าจะได้ยิน หลังจากนั้นเธอจึงมารับข้อสอบ แล้วเดินมาที่ห้องสอบ ผมเดินตามมา ด้วยความอารมณ์ หงุดหงิด ยืนดูว่าอะไรจะเกิดขึ้น โดยปกติ ผมจะไม่เคยแสดงอารมณ์โกรธกับเธอเลย เธอคงรับรู้จากสายตาว่า วันนี้..ผมเอาเรื่องแน่ เธอเปิดซองข้อสอบ แล้วนำข้อสอบแจก ผมยืนมอง
"อาจารย์เป็นอะไร เหรอคะ โกรธหนูเหรอ "
" ลองกับไปทบทวนตัวเอง ดูเอา .วันนี้คุณเป็นอาจารย์แล้ว ไม่ใช่เป็นนศ.เหมือนแต่ก่อน อาจารย์ไม่เคยคิดเลยว่า เธอจะเป็นคนเช่นนี้ "
ผมรู้สึกผิดหวังกับ แรมใจอย่างมาก คาดหวังมาก ก็เจ็บปวดมาก จริงๆ หากผมจะปล่อยผ่านเรื่องนี้ไปเลยก็ย่อมได้ แต่นี่ หากผมรักลูกไม่ถูกทาง ไม่ยับยั้ง ไม่เตือนสติเขา แรมใจอาจจะเหลิง .และอาจเสียคน
จริงๆแม่บ้าน เคยบอกผมหลายครั้งแล้วว่าแรมใจ คนนี้ไม่ใช่คนเดิม คนที่เคยเป็นนักศึกษา ที่มีกิริยามารยาทดี คนที่กล้าคิด กล้าทำ มีน้ำใจ วันนี้เธอเป็นอาจารย์แล้ว เธอคงมองไม่เห็นหัวแม่บ้าน เธอคงมองแม่บ้านเป็นคนอีกชนชั้นหนึ่ง เมื่อก่อนเธอเคยถาม ไถ่ห่วงใยแม่บ้าน แต่วันนี้ เธอเปลี่ยนไปเป็น คุณนาย แรมใจแล้ว
หวังว่า การเตือนสติของผม ในวันนั้น คงทำให้แรมใจ ได้เปลี่ยนแปลงไปในทางที่ดีบ้าง จำไว้นะ แรมใจ
"
ขลุ่ย บ้านข่อย
๑๑ ตค ๒๕๖๕
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น