ออกไปทำข่าว ครั้งแรก
ผู้เข้าชมรวม
190
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
ออกไปทำข่าว ครั้งแรก
เช้าวันเสาร์ของกลางเดือนสิงหาคม 2545 เวลาประมาณ7.00 น เมื่อผมไปถึงที่ทำการสำนักงานทำหนังสือพิมพ์
“อาจารย์ขลุ่ย เดี๋ยว.เราออกไปด้วยกัน เดี๋ยวนี้เลยนะ เมื่อกี้.ตำรวจ ว.(วิทยุ)มาว่าเกิดเหตุการณ์ในสำนักงานเร่งรัดพัฒนาชนบท ว่ามีพนักงานฆ่าตัวตาย“พี่เชาว์ พูด
“ครับพี่.ไปรถคันของพี่ใช้มั้ย “ผมถาม
“ใช่ครับ อาจารย์เอารถเข้ามาจอดในบ้านผมเลย “พี่เชาว์ พูด
เขาเตรียมอุปกรณ์ ในการทำข่าวจนครบทุกชิ้นแล้ว และทำการอุ่นเครื่องรถยนต์ เพื่อรอผมจะออกร่วมเดินทางไปทำข่าวด้วย โดยปกติ ผมจะเขียนบทความ รวมรวมข่าว ที่มาจากนักข่าว เพื่อเตรียมคัดเลือกข่าวต่างๆ ที่เห็นว่าควรได้รับการเสนอเผยแพร่ลงในหนังสือพิมพ์ รถอีซูซุคันขาว..ที่เป็นพาหนะส่วนตัว ที่ใช้เพื่อการนี้ พร้อมกล้องถ่ายรูป ยี่ห้อ ยาชิก้า ที่เพิ่งซื้อมาใหม่ เนื่องจากกล้องตัวเดิมยี่ห้อซีนิด จากรัสเซีย ที่พี่ชายซื้อจากสวีเดนนำมาฝากให้ ตอนช่วงเขาลา มาพักผ่อนในประเทศไทยระยะ10วัน ในช่วงหลังภาพถ่ายไม่ค่อยจะคมชัดนักเพราะมดเข้าไปวาง ไข่ บนหน้าจอเลนส์ จนไม่สามารถจะแก้ไขได้แล้ว ผมจึงจำต้องซื้อมาใช้งาน.
จริงๆ ก่อนหน้าจะมาร่วมงานกับพี่เชาว์ ผมเคย เป็นสื่อ มวลชนอิสระที่ไม่มีสังกัดค่ายใดๆ ผมได้ใช้กล้องซีนิต ถ่ายภาพและส่งภาพข่าวไปยังหนังสือพิมพ์ในกรุงเทพบ้าง ตามโอกาส
“อาจารย์จอดรถไว้ที่บ้านผมนี้แหละ. แล้วขึ้นรถ คันของผมไปทำข่าว “ พี่เชาว์ พูด
ผมเดินไปขึ้นรถที่ด้านหน้า รถของพี่เชาว์ ออกตัว และมุ่งหน้าไปยังบ้านพักเร่งรัดพัฒนาชนบท ทันที และเมื่อถึงบ้านที่เกิดเหตุการณ์ ก็เห็นบรรดาสื่อมวลชนทุกแขนง มามุงรอทำข่าวที่บ้านพักข้าราชการหลังนั้น
“ขอความร่วมมือ สื่อมวลชนทุกคนด้วยครับ อย่าเพิ่งเข้ามาตอนนี้ครับ ขอให้เจ้าที่พิสูจน์หลักฐาน ได้ดำเนินการชันสูตรศพก่อน“ผู้หมวด ซึ่งเป็นนายร้อยเวรพูด ทั้งในมือของเขามีสมุดจนบันทึก วางบนมือซ้าย ส่วนมือขวาที่ถือปากกาก็จรดปากกาเขียนข้อความบันทึกเหตุการณ์ต่างๆยิกๆจากพยานบุคคล อย่างละเอียด
ต้องยอมรับว่า..นี่คือครั้งแรกในชีวิตจริงๆในการออกภาคสนาม เพื่อมาทำข่าวอาชญากรรม.. หลังจากเจ้าที่พิสูจน์หลักฐานได้มาตรวจหาเขม่าดินปืนและตรวจสอบเปรียบเทียบลูกกระสุนปืนกับอาวุธปืนตลอดจนวิถีกระสุน และเมื่อการ เก็บภาพของเจ้าหหน้าที่ตำรวจเสร็จสิ้นแล้ว จึงอนุญาตให้สื่อมวลชน สามารถเข้าทำข่าว พี่เชาว์ แบกกล้องถ่ายทำทีวี ขึ้นบ่า แล้วเก็บภาพของผู้ตาย เป็นระยะๆ ความโกลาหล ของการแย่งชิงภาพเด็ด เป็นไปตามประสบการณ์ของแต่ละคนใครมีประสบการณ์ก็จะมุมภาพดีๆ มุมชัดๆ เพื่อเก็บภาพน่ากลัวๆ ให้ได้ให้มากที่สุด กลิ่นคาวเลือด...คาวฟุ้งกระจาย จนทุกคนต้องเอามือปิดจมูกเป็นระยะๆ
ต้องบอกว่า..ผมคือน้องใหม่ในวงการสื่อมวลชน ที่พวกเขาไม่คุ้นหน้าผมเลยยกเว้น คุณประเวศ และไก่ ที่เป็นเพื่อนพี่พล นักข่าวกว่ายี่สิบคนมะรุมมะตุ้มกับศพชายที่อัตวินิบาตกรรมตนเอง ผมพยายามจะเข้าไปเก็บภาพๆ แต่ก็ยังเข้าไปไม่ได้เสียที ก็คงต้องอดทนรอ..
“อาจารย์ .เก็บภาพได้หรือยัง ล่ะ เห็นยืนอยู่วงนอกอย่างนี้ เดี๋ยวทางโรงพยาบาล มาเก็บศพก็ไม่ทันได้เก็บภาพกันพอดี" พี่เชาว์ พูด
“ครับ ”ผมตอบ ในใจพลางนึก“(กูก็ได้พยายามแล้วนะ แต่นี่... พวกมันบังกู และไม่ยอมให้กูแทรกเข้าไปถ่ายบ้าง นี่หว่า) เมื่อเข้าไปไม่ได้ แม้จะอยู่วงนอก ผมพอเห็นช่องทางที่พวกเขายืนถ่างขาและ ตัวผมเองพอจะก้มตัวลงเก็บภาพได้ ผมจึงก้มตัวกดชัดเตอร์รัวๆสักยี่สิบภาพ และหลังจากสื่อคนอื่นอิ่มตัวจากการเก็บภาพ ผมจึงเข้าไปเก็บภาพเพิ่มเติมอีกครั้ง
ศพของชายดังกล่าว.ที่พบอยู่ในสภาพนอนถอดเสื้อ นุ่งกางเกง ขาสั้น สีดำ นอนตายที่หน้าบ้านตนเอง ข้างกายมีขวดเบียร์สามขวด ที่ดื่มแล้ว ที่หน้าอกมีรอยกระสุนที่ยิงตนเองหนึ่งนัด ต้องบอกว่า ผมค่อนข้างประหม่า และกลัวกับสิ่งที่ไม่เคยมีประสบการณ์มาก่อนเลยในชีวิต
“ทำไม เราต้องมายืนดูศพคนตายและถ่ายภาพของเขาอย่างนี้วะ” ผมคิด แต่อีกในใจหนึ่ง มันบอกว่า เป็นหน้าที่ที่ ต้องทำ คิดแล้วก็กดชัดเตอร์ไปอีก เพื่อนสื่อด้วยกัน มองผมด้วยสายตาแปลกๆ มันยิ่งทำให้กล้องที่ผมพยายามจับมันให้นิ่งกลับสั่นดังกับเจ้าเข้า ทั้งเขินทั้งอายแต่ก็นิ่งเสีย ทั้งทำเนียนเข้าไปรวมกลุ่มกับพวกเขา ผมคิดว่าประเวศ และไก่ คงเข้า ใจ ในความเป็นมือใหม่หัดขับอย่างผม
“เทคนิคการเก็บภาพของอาจารย์ ไม่เหมือนใครเลยนะ“ ไก่พูด
“ไม่หรอก มันเข้าไปไม่ถึงจริงๆก็อาศัยเก็บภาพลอดขาเขาอีกที แฮ่ะๆๆ “ ผมพูดพลางหัวเราะ อย่างเขินอาย
ผมยืนคุยกับนายไก่ นักข่าวพิเศษของเหนือสยามโพสต์ กับทีวีช่องสามประจำจังหวัด อย่างเป็นกันเอง
ผมกับไก่เจอกันบ่อยๆครั้งที่ผมไปช่วยงานโครงการพระราชดำริ โครงการอ่างเก็บน้ำส่วนประเวศ รู้จักกัน เพราะเขาสนิทกับพี่น้อย ไก่เป็นคนสุภาพ รูปร่างสูงใหญ่กว่าทุกคนจริงๆ แล้วไก่กับพี่เชาว์ ก็สนิทกันดี พี่เชาว์ เคยชวนให้ไก่ให้เข้าร่วมทีมทำหนังสือพิมพ์ แต่ไก่บอก ตอนนี้ยังขอไปช่วยหนังสือพิมพ์ฉบับอื่นก่อน
“เอ็งพร้อมเมื่อไหร่ มาอยู่กับพี่เลยนะ..ไอ้ไก่ “ พี่เชาว์พูด
“ครับพี่เชาว์ “
เท่าที่ผมสัมผัสกับเพื่อนสื่อมวลชนด้วยกันร้อยละ 80 ไม่ค่อยมีใครชอบนิสัยพี่เชาว์เลยบ่อยครั้งที่คู่กัด เผชิญหน้ากัน ระหว่างพี่เชาว์กับพี่จ๊อต จะต้องมีปากมีเสียง ถึงขั้นท้าดีท้าต่อยกันตลอดเวลา การที่ผมอยู่ในสังกัดและเป็นเพื่อนร่วมงาน ทำหนังสือพิมพ์กับพี่เชาว์ จึงไม่รู้ตื้นลึกหนาบางของคนทั้งสอง พี่เชาว์มักจะกล่าวหาพี่จ๊อตเนืองๆ ทั้งคู่ทำงาน นสพ. ของส่วนกลาง แต่อยู่กันคนละค่าย
นักข่าว.. บางคน ที่ต้องการรู้ข้อมูลลึกกว่านี้ ก็พยายามสอบถามเพื่อนบ้าน.จากการที่ผมเคยมีเพื่อนชื่อสุวรรณ ซึ่งเป็นพนักงานที่เร่งรัดพัฒนาชนบท และผมเคยมานั่งดื่มเหล้าและพักค้าง จึงพอจะคุ้นๆ กับคนที่ทำงานในหน่วยงานนี้
“อาจารย์มาทำข่าว เหรอครับ “เจ้าหน้าที่ รพช พูด
“ครับ..พี่ “ผมตอบ
“พักหลังไม่ค่อยเห็นอาจารย์ มาบ้านสุวรรณ เลย “ เจ้าหน้าที่ พูด
“อ้อเราต่างมีภาระหน้าที่ แต่สุวรรณ เขาก็เคยแวะไปหาผมที่บ้านบ่อยนะ “ ผมตอบ
“คนตาย ก็สนิทกับผม ดีนะ“เจ้าหน้าที่พูด
“เกิดอะไร .ขึ้นกับเขา เหรอ เล่ารายละเอียดให้ผมฟังหน่อย ครับ พี่ “ ผมถาม
“ คนตาย ชื่อศรชัยทำงานที่แผนกยานพาหนะ ของ สนง เร่งรัดฯ พอดี ตอนนี้รัฐบาลมีนโยบายยุบหน่วยงานของเรา และมีแนวคิดจะให้หน่วยงานของเราไปสังกัดกระทรวงคมนาคม ผลการจับฉลาก ศรชัย ต้องไปทำงานอยู่กับอ.บ.จ มันคงไม่อยากไปทำงานหน่วยงานนี้ เพราะไม่แน่ใจว่าอนาคต ของตนเอง จะเป็นอย่างไรบ้าง “
“เขาคงเครียด กระมัง พี่ “
“ใช่ .. คงเครียด หลายเรื่อง พี่ก็เพิ่งรู้ว่า เขาเพิ่งน้อยใจเมีย ที่เมียไม่แวะมาหาบ้าง “
“เมียเขาทำอะไร ที่ไหน “ผมสอบถามเพื่อต้องการทราบรายละเอียด
“เมียเขาทำงานที่เชียงใหม่ อยู่กับลูกสาว “เจ้าหน้าที่ รพช พูด
“ไม่เกี่ยวกับ เรื่องการชู้สาวนะ “
“ไม่หรอก..เมื่อก่อนเมีย เขาจะแวะมาหาสัปดาห์ละครั้ง แต่ช่วงหลังแทบจะไม่มาเลย เขาคงน้อยใจ น่ะ “
“เรื่องแค่นี้นะ “
“ใช่ครับ ผมคิดว่า เรื่องงานกับเรื่องน้อยใจเมีย “
“ปกตินิสัยเขาเป็นไง “ผมถามต่อ
“เงียบๆแต่ก็ดื่มเหล้าบ้าง กับบางคนที่สนิท เท่านั้น "เจ้าหน้าที่ เล่าต่อ
ผมพูดคุย กับพี่ที่ทำงาน รพช และได้ข้อมูลที่เจาะลึก พอสมควร
กว่าครึ่งชั่วโมง ที่สื่อมวลชน.ยังแลกเปลี่ยนข้อมูลกัน
“ไป..อาจารย์ เดี๋ยวเราไปทำข่าวกันต่อที่วังน้ำเหนือ กัน “ พี่เชาว์ พูด
“ครับพี่ “
“พี่จะไปคุยกับนายอำเภอ เกี่ยวกับเรื่อง การทำโครงการร่วมกัน เราต้องตีสนิทกับท่านไว้ เผื่ออย่างน้อย เรามีค่าน้ำมันรถและประหยัดค่าอาหาร” พี่เชาว์พูด
ผมได้แต่เพียงรับฟัง แม้ในใจ..จะไม่ค่อยเห็นด้วยนัก เรื่องบางเรื่อง.. ผมตกกระได พลอยโจนและพยายามศึกษา
ระยะทางจากในเมือง ไปอำเภอวังน้ำเหนือ100 กม. เศษ พี่เชาว์ ใช้เวลาในการขับรถยนต์ ชั่วโมงเศษ ๆ เมื่อไปถึงอำเภอ วังน้ำเหนือ.. รถได้จอดไว้ข้าง ที่ทำการสำนักงานเกษตรอำเภอจากนั้นพี่เชาว์ ได้เข้าพบนายอำเภอ )
“สวัสดีครับ นาย “พี่เชาว์าทักทายนายอำเภอ เขาปากหวานเสมอ เมื่อเจอข้าราชการผู้ใหญ่ ผมยกมือไหว้เจ้าของพื้นที่ เขารับไหว้และเชิญ ให้เรานั่งที่ห้องทำงานส่วนตัว
“รับอะไรกันดี “นายอำเภอ พูด
“กาแฟ ก็ได้ครับ นาย”พี่เชาว์พูด
สักครู..หน้าห้องของนายอำเภอ ก็นำกาแฟ มาเสริฟ ให้พวกเราดื่ม เรานั่งคุยธุระกันสิบห้านาที ผมเห็นนายอำเภอ เขียนบิล เพื่อสั่งจ่ายน้ำมันให้พี่เชาว์ สามสิบลิตร
“ขอบคุณครับนาย มีอะไรให้ผม รับใช้ท่านบอกนะครับ “พี่เชาว์ พูด
. ***********************************
“พี่เชาว์ พอดีฟีล์มผมหมด รอผมเดี๋ยวนะ จะเดินออกไปซื้อฟีล์ม ที่ด้านข้างที่ว่าการอำเภอ “ ผมพูด
“ได้เลย อาจารย์ ไม่ต้องรีบหรอก เดี๋ยวผมจะไปทุ่งรั้วพอดีมีคนแจ้งว่า มีการขุดทองได้ที่นี่“พี่เชาว์ พูด
ผมเดินออกมาไม่ไกลนัก ก็พบร้านถ่ายรูป จึงแวะซื้อฟีล์มมาหนึ่งม้วน เพื่อสำรองเอาไว้ยามฉุกเฉิน เมื่อเดินออกจากร้านถ่ายรูป ก็เห็นร้านถ่ายเอกสารซึ่งจำหน่ายหนังสือพิมพ์ด้วย ผมจึงยืนดูหัวข่าวจากหนังสือพิมพ์จากส่วนกลาง
“รับหนังสือพิม์ ..มั้ยคะ “คนขายผู้หญิงถาม ผมเงยหน้ามองคนถาม ในใจคิดว่าคนๆ นี้เคยเห็นที่ไหนมาก่อน
“ใช่..รัชนี หรือเปล่า “ผมถามเขา
“ใช่ค่ะ นั่นอาจารย์ขลุ่ย หรือเปล่า “
“ใช่ครับ อ้าว รัชนีแป็นคนอำเภอวังน้ำเหนือ เหรอ เพิ่งทราบนะเนี่ยะ “ผมพูด
“ค่ะ เป็นคนที่นี่ ตอนนี้หนูมีครอบครัวแล้ว เปิดร้านขายวัสดุสำนักงาน รับถ่ายเอกสาร และจำหน่ายหนังสือพิมพ์ “
“ดีจัง โชคเข้าข้าง อาจารย์แล้ว.ทีนี้ “ ผมพูด
“ไม่เข้าใจ โชคอะไรกันคะ“ รัชนี พูด
“คืออาจารย์ ร่วมทำหนังสือพิมพ์ท้องถิ่นของจังหวัดของเรา กำลังอยากหาที่วางจำหน่าย จำเป็นต้องขอให้รัชนี ช่วยเพิ่มพื้นที่ให้อีกซักหนึ่งฉบับ นะ “ผมพูด เพื่อขอพื้นที่ วางหนังสือพิมพ์จำหน่ายในร้านของเธอ
“ยินดีค่ะ“รัชนี ตอบ
“แรกๆ จะส่งมาให้ลองชิมลางสัก 20 ฉบับ ก่อนนะ “ผมพูด
หลังจากคุยกันสักครู่.. ผมจึงเดินกลับมาขึ้นรถ และมุ่งหน้า ไปยังตำบลทุ่งรั้ว ที่เป็นแหล่ง ที่ค้นพบทองคำ ซึ่งชาวบ้าน กำลังร่อนทองคำ. ผมกับพี่เชาว์ จึงใช้จังหวะ นั้นทำข่าว
เรื่องชาวบ้านพบทองคำ และข่าว ในฉบับต่อมาจึงพาดหัวข่าว ตัวเบ้อเริ่ม
“ ทุ่งฮั้ว..วังน้ำเหนือ พบทองคำ ชาวบ้านตื่น พากันแห่ขุดทอง “
“หนุ่มรพช. น้อยใจเมีย เอาปืนยิงกรอกปาก ดับสยอง “
และนี่คือสองข่าวแรก ที่ผมไปทำร่วมกับพี่เชาว์ ...ถือเป็นประสบการณ์ งานชิ้นแรก ที่เป็นงานชิ้นสำคัญ .
.ทำให้ผม เกิดความมั่นใจในตนเอง ..มากขึ้น
ขลุ่ย บ้านข่อย ( ๒๒ สค ๖๕ ) ๑๐.๕๐ น
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น