F แรกในชีวิตการเรียน
ผู้เข้าชมรวม
327
ผู้เข้าชมเดือนนี้
2
ผู้เข้าชมรวม
F
F แรกในชีวิตการเรียน
บอกตรงๆว่า ผมไม่เคยคิดและใฝ่ฝันว่า จะต้องมีผลการเรียนระดับดีเลิศ ถึงระดับเกียรตินิยม เลยแม้แต่น้อย ถามว่า หากผมจะมุ่งมั่นการเรียนอย่างจริงจัง แล้วผลจะออกมาตามความคาดหวังหรือไม่ ตอบว่า..คงไม่ใช่ ขณะเรียน ผมมีความสุขกับการเรียนควบกับการทำกิจกรรม ก็นับว่ามีความสุขจนเกินพรรณาแล้ว
หลายๆ คน คงเคยปลอบใจตัวเองว่า สอบได้เป็นของตลก สอบตกเป็นเรื่องธรรมดา ต้องบอกว่า ตั้งแต่ผมเข้ามาเรียนในคณะเกษตร ผลการเรียนของผมสูงสุดเพียง 2.22 เท่านั้น ผลการเรียนที่ผมได้ มีทุกค่าคะแนน(เกรด) คือมี F D C B Aและ I ผมคิดว่าคนทุกคนคงไม่สามารถทำเช่นผมได้อย่างแน่นอน การติด F มันไม่ส่งผลดีกับผมเลยสักนิดเนื่องจากผมจะต้องถูกพ่อ เฉ่ง(ด่า) หูดับตับไหม้แน่ ๆ (ผมคิดล่วงหน้า)
ครั้งที่เรียนวิชาคณิตศาสตร์ ที่มีอาจารย์ อรอุมา เป็นผู้สอน รุ่นพี่ๆเคยพูดว่า อาจารย์คนนี้เฮี๊ยบมาก เวลาพวกเอ็งสอบขออย่าได้ขยับตัวหรือชะเง้อ ชะแง้ จดโพยหรือพกพา (ฝิ่น)สูตรเข้าไปโดยเด็ดขาดหากถูกอาจารย์ จับได้ต้อง ติด F สถานเดียว ผมจดจำคำแนะนำที่รุ่น พี่คนหนึ่งเคยที่เคยติด F วิชานี้เตือน ระหว่างช่วงพักหอพักในห้องพักเดียวกัน
“มึงอย่าได้ ทุจริตกับอาจารย์คนนี้เป็นอันขาด มึงทำไม่ได้ อย่างเก่งอาจารย์เขาอาจให้มีึงแค่ D หากอาจารย์ มอบงานให้ทำหากมึงส่งงานเขา กูรับประกันว่า มึงไม่ติด F “ รุ่นพี่พูด
สำหรับรุ่นพี่ที่เคยเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ก่อนผม มีคนติด Fเกือบ 10คน กิตติศัพท์ของอาจารย์ คนนี้เป็นที่รู้กันว่า หิน โหด สอนเร็ว หน้าตาไม่ค่อย จะรับแขก ผมกล้าพูดอย่างนี้ เพราะผมได้รับบทเรียนที่เจ็บปวดที่สุดในชีวิตมา
เมื่อวันแห่ง การสอบเก็บคะแนนมาถึง .ทุกคนต่างเก็งข้อสอบว่าอาจารย์จะออกสอบอย่างไร ผมมั่นใจว่าผมต้องทำได้ เพราะ ผมมีพื้นฐาน การเรียนวิชานี้มาก่อนที่โรงเรียนวัดราชาธิวาส อาจารย์เริ่มแจกกระดาษมีเส้นบรรทัดให้เขียนให้คนละ 3 แผ่น พร้อมสั่งให้พวกเรา เขียนชื่อ เลขที่ ไว้ก่อน จากนั้นอาจารย์ก็หันหลัง เพื่อเขียนโจทย์บนกระดานดำ ผมนั่งมองกระดานดำ เพื่ออ่านดูโจทย์ ว่าควรทำข้อไหนก่อน ....
เมื่ออาจารย์เขียนโจทย์ เสร็จ ก็อนุญาตให้ทำข้อสอบได้ทั้งยังกำชับเพิ่มเติมอีกว่า
“ ห้ามผู้ใด กระทำการทุจริตโดยเด็ดขาด หากใครฝ่าฝืน ไม่ต้องมาอุทรณ์ใดๆ ทั้งสิ้น “
ผมและเพื่อนๆ ในห้อง ก้มหน้าก้มตา ทำข้อสอบอย่างจริงจัง คนทำได้ ก็ขีดเขียน ไปตามประสา แต่เพื่อนๆในห้องส่วนใหญ่ ทำไม่ค่อยได้ ผมทำเสร็จไปแล้วสามข้อ ผิดถูกไม่รู้ แต่คิดว่าหากทำได้สองในสามข้อนี้ คงน่าจะผ่าน ผมได้ยกมือขอกระดาษ มาเพิ่มเพื่อทำข้อที่เหลือ อาจารย์เดินนำกระดาษ มาเพิ่มตามคำขอ
“ขอกระดาษเพิ่มสองแผ่นครับ อาจารย์”
ในวันสอบผมได้นั่งกลางห้องเพื่อเป็นศูนย์กลางแผ่รัศมี การแบ่งปันให้เพื่อนลอกข้อสอบให้ได้อย่างทั่วถึง ผมลืมไปเสียหมดว่า อาจารย์เน้นย้ำ หากใครทุจริตจับได้ ติด F สถานเดียว จากที่ผมมองด้านข้างๆ และเมื่อ หันหน้าไปทางไหน ก็มีแต่คนส่ายหน้าว่าทำไม่ได้ ด้วยเพราะสงสาร ด้วยเพราะรักเพื่อน กลัวเพื่อนทำไม่ได้ และจะ ต้องติด F เมื่อมองว่า อาจารย์เผลอ ไม่ได้สนใจอะไร กับพวกเราข้อสอบที่ผมทำเสร็จบางข้อจึงได้ถูกแบ่งไปให้เพื่อน
“เอาไปแล้วรีบลอกเร็วๆ นะ “ ผมบอกเพื่อน ที่นั่งด้านข้างตัว ขวามือ
แต่ด้วยประสบการณ์ของอาจารย์ ที่โชกโชน เธอแกล้งทำนิ่ง ทำไม่รู้ไม่ชี้ ในมือเธอคงอ่านวารสาร กุลสตรี และรอจับเหยื่อที่กำลังจะติดกับดักอย่างใจเย็น ไอ้คนที่รับกระดาษจากผมได้ถูกส่งต่อจนไปถึงหลังห้อง และเกือบทั่วห้อง บางคนที่ลอกเสร็จแล้ว เขาทำพอเพียง แค่คิดว่าน่าจะผ่าน แล้วก็ส่งให้อาจารย์ จากนั้นก็เดินออกจากห้องไป
ส่วนผมนี่สิ..ส่งให้เพื่อนแล้ว. ข้อสอบที่ทำ มันกระจายไปจนทั่วห้อง จนไม่รู้ แผ่นไหน ไปอยู่กับใคร พยายามบอกเพื่อนๆว่าให้ เอากลับมาคืนให้กูด้วย มันก็ตั้งหน้าตั้งตาลอกลูกเดียว
แม้ผมจะทำข้อสอบเสร็จแล้ว จะส่ง ให้อาจารย์ก็ส่งไม่ได้.. เพราะต้องรอ ..รอ .. รอ..... เมื่อเพื่อนๆทยอยๆ ออกไป จนเหลือหกเจ็ดคน ห้องมันก็ว่าง ชัดเจน..แล้ว อาจารย์กับศิษย์ ต้อง เผชิญหน้ากัน ก็อย่างที่บอกไปแล้ว อาจารย์ คนนี้ เป็นเสือยิ้มยาก..เสือสาว ตัวนี้ ไม่เคยทำให้ลูกศิษย์ รอดจากกรงเล็บ ที่พร้อมขย้ำได้เสมอ ผมเริ่ม รู้ตัวแล้วว่า งานนี้ กูโดนแม่เสือขย้ำกูตายแน่พร้อมเพื่อนๆ
เมื่อห้องโล่งโจ้ง. ที่นี้ ใครๆ ก็ขยับตัวไม่ได้ ผมเริ่มกระวนกระวายใจ หัวใจเต้นแรง นึกในใจ “ งานนี้กูตายแน่ๆ กูถูกจับได้แน่ๆ ชั่วสามวินาที อาจารย์ก็ เดินมาที่โต๊ะผมก่อนเป็นคนแรก พร้อมกระชาก ข้อสอบจากมือผมไป
“ จากนี้ไปวิชาที่ครูสอน เธอไม่ต้องมาเรียนแล้วนะ “ เธอพูดห้วนๆ
ผมอึ้ง ทึ่งแต่ยังไม่เสียว..นิ่งไปครู่ใหญ่ ผมยอมจำนนด้วยหลักฐาน ผมยอมรับกับการกระทำ ความผิดที่ทำไป ในขณะนั้น ที่ทำได้คือเดินก้มหน้าออกจากห้อง ไปด้วยความเศร้า.... เพื่อนๆ ในห้อง ที่ลอกข้อสอบ จากผม ก็อยู่ในฐานะจำเลย ต้องโทษ ประหารชีวิต สถานเดียวเหมือนกับผม หนึ่งในนั้นคือ ประเสริฐ นักศึกษาที่เหลือในห้องในวันนั้น ต่าง ได้รับโทษเช่นเดียวกับผมคือติด F นี่คือความเจ็บปวดที่ได้รับจากการติด F ครั้งนั้น
ผมต้องมาเรียนวิชานี้ใหม่ถือเป็นบทเรียน ที่มีค่าสูงสุดของชีวิตในครั้งนี้ หากผมไม่ได้สัมผัสด้วยตนเอง มันจะรู้สึกได้อย่างไร เพื่อนผม คือประเสริฐ ต้องหมดอนาคต ต้องลาออกจากการศึกษา เพราะอาจารย์คนนี้ ผมกับเพื่อนๆ ที่สนิทกับประเสริฐ ได้เพียรพยายามไปหาเขาที่บ้าน ขอร้องเขา ให้คิดก้าวข้าม ไปข้างหน้า ผมกับสมโชค ที่เป็นเพื่อนสนิทกับประเสริฐ ได้ไปนอนที่บ้านเสริฐ และพยายามขอร้องแล้ว ขอร้องเล่า แต่เขายังหนักแน่น ที่จะไม่มาเรียนอีก
“ ติด F ยังสามารถแก้ตัวได้ พี่ๆ เขายังแก้ตัวได้เลย” ผมบอกเพื่อนให้สู้ต่อไป
“ ยังไง กูก็ไม่เรียน ” ประเสริฐพูด
จากผลในครั้งนี้ทำให้ผม และเพื่อนที่ติด F หลายคน ต้องระเหเร่ร่อนไปกันคนละทิศละทาง ยงยุทธ กับ พิษณุ ก็สอบเรียนต่อไม่ได้ จำต้องไปเรียนที่รามคำแหง ผมต้องเคว้งคว้าง หาที่เรียนใหม่ และต้องเรียนที่รามคำแหง เพื่อรักษาสภาพ ผ่อนผันการเกณฑ์ทหาร และทำงานที่สหกรณ์การเกษตรไปด้วย
นี่คือประสบการณ์ ของการติด F ตัวแรก และเป็นครั้งแรก..ถามว่าเจ็บปวดมั้ย คนไม่เคยสัมผัส ยากที่จะรู้ ได้. เมื่อเกรดถูกส่งไปที่บ้าน พ่อเปิดอ่านผลการเรียน.ผมนี่ ถูกด่าไปเจ็ดวัน
“ มึงเรียน ยังไง ถึงติด Fสงสัยไม่เอาใจใส่ ไม่เข้าเรียน สิท่า ลาออกเลยดีมั้ย ถ้าไม่อยากเรียน “ พ่อพูด
เสียงกร่นด่า.จากพ่อที่พูดทุกวัน จนผมไม่อยากเจอพ่อ จนแม่สงสา รก็ได้บอกกับพ่อว่า ของอย่างนี้ มันผิดพลาดกันได้ พ่อจึงบรรเทาเบาลง จนเทอมต่อมา ผมจึงได้ลงเรียนวิชาคณิตศาสตร์ ใหม่ ครั้งนี้ผมไม่ทำให้พ่อผิดหวัง เกรดที่ได้ออกมาคือ C จากวันนั้น ถึงวันนี้.. สิ่งที่ผมเห็นใจ มากที่สุดคือ คือประเสริฐ ผมไม่เคยคิดเลยว่า. ครู คนหนึ่ง จะทำลายอนาคตเขาได้ เรื่องนี้ทุกคนอาจมองต่างมุม บางคน บอกว่า อาจารย์เตือนแล้ว..นี่ ผิดก็ต้องยอมรับ ก็ใช่.. ผมอยู่ในเหตุการณ์และเจอกับตนเอง.. ผมมอง ว่า หากอาจารย์ท่านนี้ มีจิตวิญญาญ และมีคุณธรรม เรื่องอย่างนี้คงไม่เกิด.. จริงๆการลงโทษมันมีมากมายตามลำดับ
จากการกระทำความผิดของผมเอง ผมยอมรับผิด ว่าผมผิดจริง แต่กรณี ของประเสริฐ ผมจำได้ว่า เขาเพียงลืมเอาสูตรเลข ออกจากกระเป๋าเสื้อ ทั้งๆ ที่ยังไม่ได้ลอก หรือเอาออกจากกระเป๋าเลย แต่อาจารย์ ก็ ให้เขาติด F กรณีอย่างนี้ ยังไง ๆผมก็ว่าเขาไม่ผิด และนับแต่ผม มาเป็นอาจารย์สอน ณ สถานศึกษาแห่งหนึ่งกว่า 30 ปี กล่าวได้ว่า ผม ได้นำบทเรียนที่ผมเคย ได้รับความเจ็บปวดมา เป็นเครื่องเตือนสติ...เสมอๆว่า นักศึกษาที่เรียนกับผม ต้องไม่มีติด Fทั้งยังคำสอนของ อาจารย์สุวิทย์ ซึ่งสอนวิชาเศรษฐศาสตร์ที่กล่าวว่า
"ผู้ที่เข้าเรียน ต้องไม่มีค่าการเรียนเท่ากับ 0 (ศูนย์)
นี่จึงทำให้ ผมต้องใช้เทคนิคและทุ่มเทการสอนให้นักศึกษา ได้เรียนรู้ .คิดเป็น ทำเป็น มีวินัย มีความรับผิดชอบ มีจริยธรรมไม่เน้นการเรียนแบบนกแก้วนกขุนทอง
คุณธรรม ของครู ต้องมาก่อน สิ่งอื่นๆ ใครคิดอย่างไร.. ผมไม่รู้ ..
ขลุ่ย บ้านข่อย
๑๑-๘- ๒๕๖๕
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ ขลุ่ย บ้านข่อย
ความคิดเห็น