คนกินผัว - คนกินผัว นิยาย คนกินผัว : Dek-D.com - Writer

    คนกินผัว

    เธอกำพร้าพ่อ และอยู่กับแม่ ได้พบรักกับกับลูกเจ้าของสถานบริการน้ำมัน แต่งงานกันแล้วพ่อของฝ่ายชายยกปั๊มนำมันให้บริหาร แต่เกิดอุปสรรคจนต้องปิดตัวลง ฝ่ายชายต้องเสียชีวิตโดยไม่ทราบสาเหตุ...

    ผู้เข้าชมรวม

    26

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    4

    ผู้เข้าชมรวม


    26

    ความคิดเห็น


    0

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  28 ก.ค. 67 / 07:01 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น

                                                      คนกินผัว

        อรัญญา กำพร้าบิดามาตั้งแต่อายุ 12 ขวบ เธอเป็นคนหมู่บ้านบ้านไทรเหนือ สำหรับหมู่บ้านแห่งนี้ จัดเป็นหมู่บ้านที่มีความเจริญและเป็นหมู่่บ้านที่ใหญ่มากที่สุดในตำบลแห่งนี้ หมู่บ้านแห่งนี้ อยู่ห่างจากวิทยาลัยประมาณ 4 กิโลเมตร เวลานั้นผมเพิ่งจะมาบรรจุเป็นข้าราชการได้เพียงปีเศษๆ   

     “อาจารย์  ไปเที่ยวบ้านไทรเหนือกันมั้ย ”  คนขับรถแทรคเตอร์ ในหน่วยงานของผม เอ่ยปากชวน

     “ไปทำอะไร หรือพี่  ”

      สมาน  เป็นพนักงานขับรถแทรคเตอร์ของสถาบัน มีอาวุโสกว่าผมสามปี  อายุไม่ทันถึงสามสิบปี เขาก็มีแววเป็นเสี่ยเงินล้าน (เพื่อนๆสนิทมักจะแซว)เพราะศีรษะเขาล้านจนใส  เขามีหน้าที่ขับรถแทรคเตอร์เพื่อไปไถนาไถแปลงสวนผัก  ไถแปลงหญ้า ตามฤดูกาลเพื่อแบ่งเบาการลงแรงของนักศึกษาที่จะฝึกปฎิบัติงานฟาร์ม 

     “ผมอยากชวนอาจารย์ ไปจีบสาว หมู่บ้านนี้..ใหญ่มากนะจะบอกให้ เมียผมก็เป็นคนในหมู่บ้านนี้" สมานพูด

     “ก็ดีเหมือนกัน ผมยังไม่เคยไปหมู่บ้านนี้เลย สักหนเดียว จินตนาการภาพของหมู่บ้านนี้ไม่ถูกจริงๆ”

     “เย็นนี้ ผมจะไปรับอาจารย์ ที่บ้านนะ”

      "ครับพี่"

    ครั้นเมื่อเลิกงานแล้ว  สมานซึ่งพักอยู่บ้านพักคนงานใกล้กับศาลเจ้าพ่อ ที่ชาวบ้านและนักศึกษาเคารพกราบไหว้ ก็ได้ขี่จักรยานยนต์มาพบผมตามที่ได้นัดไว้ที่บ้าน  

      “อาจารย์ ครับๆๆ ”สมานตะโกนเรียกหา

      “พร้อมแล้ว กำลังรออยู่ ว่าเมื่อไหร่จะมา”  ผมพูด

     “ช้าไปนิดนึง นะครับ พอดีชาวไร่สับปะรด มาติดต่อจ้างงาน ให้ผมไปไถที่ดิน ที่สวนของเขา”  สมานพูด

     “ระยะทาง จากนี่ไปบ้านไทรเหนือ ..ซัก กี่กิโล ครับ”

     “ประมาณ ห้ากิโลเมตร  เท่านั้น "

     “ไกลอยู่นะ  ” ผมพูด

     “ชินแล้วครับ แป๊บเดียวก็ถึง ครับ ”

      ผมนั่งซ้อนท้ายพี่สมาน ด้วยรถยี่ห้อยามาฮ่าสีแดงเลือดนกคันเก่าๆที่ใช้งานมากว่าสิบห้าปีแล้ว  รถออกจากรั้วสถาบันสู่ถนนไฮเวย์ วิ่งมาช้าๆได้ผ่านหมู่บ้านบ้านห้วยยางนา  บ้านร่องหิน  บ้านหัวทุ่ง แล้วเลี้ยวซ้ายวิ่งเข้าไปอีก 1.5  กิโลเมตรจึงถึงบ้านภริยาของพี่สมาน  

        บ้านไม้หลังไม่ใหญ่นักด้านขวามือซึ่งติดถนนของหมู่บ้าน พี่สมานเลี้ยวเข้าไป ได้ยินเสียงคนในบ้านกำลังสรวลเสเฮฮา  

      “นี่บ้านพ่อเมีย ของผมเองครับ  ” สมานพูด

      “หมู่บ้านนี้ใหญ่จริงๆครับ นี่น่าจะมีหลังคาเรือนเกิน 500 หลังนะ”ผมพูด

      “ใช่ครับ นี่เวลามีการเลือกตั้งนายกองค์การบริหารส่วนจังหวัดและเลือกตั้งสส. มีตัวแทนนักการเมืองเข้ามาหาเสียงกันถึ่มาก” สมานพูด

        หลังจากที่พี่สมานกับผมขึ้นไปบนเรือนหลังนี้ ได้เห็นชาวบ้านนั่งร่วมวงกับพ่อตาพี่สมานอีก 3 คน

      “นี่พ่อตาของผม ครับ อาจารย์” พี่สมานพูดแนะนำ

       “สวัสดีครับ พ่อ  ”ผมทักทาย และใช้สรรพนามเรียกเขาว่าพ่อเหมือนพี่สมาน

      “ นี่อาจารย์ ที่เพิ่งมาบรรจุได้ไม่นาน ครับพ่อ ” พี่สมาน แนะนำให้ทางฝ่ายพ่อตาได้รู้จัก

       หลังจากนั่งล้อมวงกัน แบบลูกทุ่งๆซึ่งผมสามารถปรับตัวได้ไม่ยากนัก เพราะเคยผ่านกับเรื่องเหล่านี้มาตั้งแต่เคยทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ส่งเสริมการเกษตร ส่วนใหญ่..คนในวงเหล้ามักจะคุยเรื่องการทำมาหากิน สภาพความเป็นอยู่ของครอบครัว รายได้และหนี้สินที่มี

     “ปีนี้ ผมเป็นหนี้ ธกส .สองแสนบาท หนักหนาสาหัสอยู่เหมือนกัน ราคาสับปะรดไม่รู้จะเป็นไงบ้าง  ” พ่อตาพี่สมานพูด

    “ผมก็เป็นหนี้ธนาคาร เช่นกัน กู้มาเแค่แสนเดียว เพราะไม่อยากเป็นหนี้มาก” ชาวบ้านในวงพูด

    ทุกคนที่อยู่ในหมู่บ้านแห่งนี้ ล้วนเป็นเกษตรกร ทั้งยังเป็นลูกหนี้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร ที่พึ่งและเป็นความหวังของเกษตรกรจากธนาคารแห่งนี้คือการกู้เงินเพื่อนำเงินสดมาใช้ซื้อปัจจัยการผลิต นับแต่ต้นพันธุ์ (หน่อสับปะรด) ค่าแรงงาน ปุ๋ย-สารเคมี และค่าไถและเตรียมแปลงในหมู่บ้านแห่งนี้มีนายทุนรายใหญ่ที่เป็นเจ้าของรถแทรคเตอร์ เพื่อรับงานไถปรับพื้นที่ให้เกษตรกร และพี่สมานก็เป็นลูกจ้างของนายทุนคนนี้ด้วย

                                           **********************************

        พี่สมานกับภริยาของเขาจัดว่าเป็นคนขยันขันแข็ง หนักเอาเบาสู้  อะไรที่จะได้เงิน เขาไม่เคยเกี่ยงงอน แม้ภริยาจะมีขาพิการ แต่หาได้เป็นอุปสรรคทางความรักไม่ ช่วงที่พี่สมานมาเป็นลูกน้องของนายทุนในหมู่บ้านไทรเหนือ เพื่อขับรถแทรคเตอร์ให้จึงได้พบรักและแต่งงานกัน จนมีบุตรสาวทั้งสองคน (อ่านเรื่องฝันแต่ไปไม่ถึง )ช่วงแรกๆที่ผมมาทำงานใหม่ๆ สนิทกับครอบครัวของเขาดี หลายๆครั้งเขาจะชวนผมให้ไปเที่ยวหา ที่บ้านพักคนงานที่เป็นไม้ทรงต่ำๆชั้นเดียว เวลาหน้าร้อนอากาศจะค่อนข้างอบอ้าว-ร้อนจัด  

      “วันนี้ ผมทำลาบเมืองเหนือ  อาจารย์คงกินเป็น” พี่สมานพูด

     “จะไปยากอะไร ล่ะพี่ แค่ตักเข้าปากเคี้ยวของแค่นี้”  ผมกระเซ้าเล่น

      “อีกห้อง ที่พักข้างๆผมเป็นยามทำงานที่สถาบันวิจัยฯ  เมียเขารับจ้างซักเสื้อผ้ารายเดือน อาจารย์สนใจมั้ย ”  พี่สมานพูด

     “ดีเลย  ผมกำลังหาอยู่เชียว เพิ่งรู้ว่ามีอยู่ใกล้ๆบ้าน ที่ผ่านมานักศึกษาที่พักอยู่กับผม ช่วยรีดให้ แต่ผมเป็นคนซักเสื้อผ้าเอง”ผมพูด

     “.งั้นผมจะบอกให้เธอ ไปติดต่อกับอาจารย์วันหลังนะ”

     “ครับ”

     “เมียพี่ นี่ขยันนะ ขนาดเรานั่งกินเหล้ากัน เธอยังต้องนั่งตัดเย็บเสื้อผ้า ” ผมพูด

     “จำเป็นน่ะครับ ตอนนี้คนเล็กเรียนอนุบาลสาม ส่วนคนโตเรียนชั้นป.2 โรงเรียนเอกชนด้วยสิ ค่าเทอมก็ค่อนข้างแพง” พี่สมานพูด

      ตลอดเวลาที่เรารู้จักกันในช่วงสี่ห้าปีแรก เป็นไปด้วยความราบรื่น  ไม่มีช่องว่างสำหรับข้าราชการกับคนงาน หลังจากบิดาของพี่สมานเสียชีวิต พี่น้องทั้งสามได้แบ่งที่ดินเพื่อใช้เป็นที่อยู่อาศัยกันโดยชัดเจน ไม่มีปัญหาอะไร  พี่สมานได้ที่ดินมาใช้ปลูกสร้างบ้านอาศัย 1 งานครึ่ง  ทำเลที่บ้านของพี่สมานอยู่ติดกับถนนใหญ่และอยู่เยื้องๆ กับวัดมงคลมิ่งพอดี   เขาได้กู้เงินจากธนาคารมาสร้างบ้านและทำหอพักจำนวนเงินสามล้านบาท โชคเขาดีมากเพราะหอพัก(หญิง) สามชั้นที่เขาสร้างมีนักศึกษามาเช่าเต็มหมด ไม่กี่ปีเขาก็ปลดนี้ได้ ที่บ้านของเขายังขายสินค้าชนิดต่างๆ ตั้งแต่เครื่องเขียนของขบเคี้ยว ของกินต่างๆและเครื่องดื่มทุกประเภท ถือเป็นเจ้าแรกๆของหมู่บ้าน สภาพความเป็นอยู่ของเขาดีกว่าอาจารย์บางส่วนเสียอีก  เขาเริ่มออกรถยนต์คันใหม่เอี่ยม เพื่อไปซื้อสินค้ามาขายในร้าน และยังใช้ไปรับ-ส่งลูกที่โรงเรียน  ความขยันของทั้งสองผัวเมีย นับเป็นแบบอย่างให้กับครอบครัวคนงานคนอื่นๆ  

                                             ********************

        ที่ใต้ถุนหอพักของพี่สมาน ก่อนหน้านั้นเป็นที่จอดรถของนักศึกษาที่เข้าพัก แต่ด้วยมีลูกของเพื่อนที่เป็นคนขับรถแทรคเตอร์ด้วยกัน ที่บ้านไทรเหนือ มาติดต่อเพื่ออยากจะขอใช้สถานที่ตรงนี้เปิดร้านกิ๊ฟช็อป โดยที่เธอยินยอมนำช่างมา สร้างโดยทุนของเธอเอง 

        “อาสมาน คงโอเคนะ  จิ๋มจะเปิดร้านกิ๊ฟช็อป  โดยจะเปิดบริการตั้งแต่ 8.00- 18 00น และจะไปเช้าเย็นกลับค่ะ” จิ๋ม พูด

      ผมได้รู้จักกับจิ๋มมาบ้าง ครั้งที่เธอยังเป็นนักศึกษาของมหาวิทยาลัยของเอกชนในจังหวัด เด็กสาวคนนี้หน้าตาสวยหวาน ขาว หุ่นท้วมๆ แม่ของจิ๋มเป็นเจ้าของร้านขายปุ๋ย สารเคมีและของกินของใช้ ในหมู่บ้านไทรเหนือ  ครั้งที่ผมไปช่วยงานวัดบ้านไทรเหนือเคยพบเธอมาช่วยแม่ขายของ

       “มีสีพลาสติคมั้ยครับ”  ผมถามแม่ค้า

      “เอาสี อะไรบ้างคะ ”จิ๋มตอบ

     “เอาแม่สีครบครับ รวมสีขาวต่างหาก รวมทั้งหมดสี่กระป๋อง  ” ผมพูด

       เธอไปหยิบสีพลาสติกให้ผมจนครบและคิดเงิน  ผมจ่ายให้

      “หนูลดราคาให้สองบาท ค่ะ ”  จิ๋มพูด  

       เนื่องจากเงินค่าสี มีเศษเงินอยู่สองบาท เธอจึงลดราคาให้  

       “ขอบคุณมาก  ” 

       ร้านค้าที่แม่และเธอขายสินค้าที่นี่เป็นร้านที่มีขนาดค่อนข้างใหญ่ ในหมู่บ้านนี้ มีร้านใหญ่ๆสามร้านด้วยกัน ทีร้านของเธอมีป้ายชื่อเป็นชื่อของเธอว่า"อรัญญาการเกษตร " สองแม่ลูกช่วยกันบริหารธุรกิจ  ที่ร้านของเธอมีคนงานช่วยขายของเป็นผู้ชายที่อยู่ในหมู่บ้านหนึ่งคน เนื่องจากว่าเวลาที่ชาวบ้านมาซิ้อพวกปุ๋ยสารเคมี จำเป็นที่จะต้องใช้กำลังยกสิ่งของใส่รถยนต์หรือรถพ่วงข้างที่คนซื้อนำมา  ช่วงแรกที่พบจิ๋มดูเธอเป็นคนน่ารัก นิสัยดี พูดจาดี 

    “มาทำอะไรที่วัดหรือคะ คุณ”  จิ๋ม ถาม

    “พานักศึกษามาช่วยทำป้ายผ้างานกฐินสามัคคี  ครับ”

    “เป็นอาจารย์ หรือคะ  ”

    “ใช่ครับ ”

                                    ******************************

      เวลาผ่านมา .หลังจากที่อรัญญามาเปิดร้านกิ๊ฟช็อบ ผมจึงได้พบเจอเธอเกือบทุกๆวัน และวันหยุดวันหนึ่งผมได้พาลูกสาวแวะเข้าไปในร้านของเธอเพื่อเลือกซื้อสินค้า จึงได้มีโอกาสสอบถามถึงความก้าวหน้าของธุรกิจที่เธอลงทุน

     “หนูลงทุนทำร้านใหม่  อา.สมานคิดแต่เฉพาะค่าไฟฟ้า ค่าเช่ารายเดือนไม่ได้คิดค่ะ”

     “ดีจัง  "

      "อาหมาน กับพ่อของหนู คุ้นเคยกันตั้งแต่เป็นวัยรุ่นแล้ว ภริยาของอาหมาน ก็เป็นญาติห่างๆ กับแม่ของหนูน่ะ  ”

                                              *************************

     ที่สถานบริการน้ำมันยี่ห้อหนึ่ง ซึ่งได้เปิดให้บริการได้ไม่นานเจ้าของสถานบริการซึ่งเป็นคนจากเชียงใหม่ ที่ได้ภริยา เป็นครู ทั้งสองคนได้มาซื้อที่ดินที่อยู่ห่างจากสถาบัน 500 เมตร ที่ดิน15 ไร่ ได้ถูกสร้างให้เป็นทั้งปั๊มน้ำมัน บ้านที่อยู่อาศัย หอพักและห้องอาหาร แรกๆที่เปิดห้องอาหาร จะมีเพื่อนๆ อาจารย์ในวิทยาลัยไปช่วยอุดหนุนกันพอประมาณ ห้องอาหารที่คุณชูชัย กับภริยาดำเนินงานไม่ใหญ่มากกำลังกระทัดรัด  ฝีมือการทำอาหารก็ทำโดยครูนวลศรี กับเชฟอีกคน แรกๆคนมาอุดหนุนค่อนข้างหนาตา แต่นานเข้าๆคนก็ลดปริมาณลงอย่างฮวบฮาบ จนน่าเห็นใจ  บ่อยๆครั้ง ผมมักจะคลายเหงามานั่งดื่มเบียร์วันละขวดถึงสองขวด ฟังเพลงเบาๆและพูดคุยแลกเปลี่ยนกับคุณชูชัย  

       “ผมมีลูกชายกับลูกสาวที่เกิดจากภริยาคนเก่า  ลูกชายคนโตผมกำลังจะแต่งงานกับสาวจากบ้านไทรเหนิอ ชื่ออรัญญา ที่มาเปิดร้านกิ๊ฟช็อปเยื้องๆหน้าวัดครับ” นายชูชัยพูด

      “อ้อ ผมรู้จักครับ เด็กคนนี้สวยดีนะ  ลูกชายคนโตคุณชูชัย ใช่คนที่นั่งบริหารกิจการปั๊มน้ำมัน หน้าตาหล่อๆ ใช่มั้ยครับ” ผมพูด

      “ใช่ครับ เขาจบปริญญาตรีและโทจากประเทศฟิลิปปินส์ เอกบริหารธุรกิจ ครับ”

      “ดีครับ พ่อจะได้ไม่ต้องเหนื่อย ”

     “ลูกสาวคนเล็กของผม ผมให้้เขาดูแลหอพัก กับห้องอาหาร ส่วนผมกับภริยาคอยเป็นพี่เลี้ยงและเป็นที่ปรึกษาให้”

      หลังจากอรัญญาแต่งงานกับเพชรวัชร ลูกชายคุณชูชัยแล้ว อรัญญาจึงมาช่วยสามีบริหารปั๊มน้ำมัน  สองปีแรกที่เปิดบริการ  ลูกค้าต้องมารอคิวเติม โดยเฉพาะเวลา 07.00- 8.00น. เนื่องจากเป็นเวลาที่คนส่วนใหญ่ต้องพาบุตรหลานไปโรงเรียนในเมือง  คนต้องเข้าไปทำงานในเมืองและเวลานั้นจะมีปั๊มน้ำมันของคุณชูชัยเพียงแห่งเดียว   ผมเคยไปเติมน้ำมันและเพื่อนๆ ในที่ทำงานที่ไปเติมน้ำมันต่างพบเจอกับสถาพการทำงานของเครื่องยนต์สำลักเวลาสตาร์ทรถ  และชาวบ้านคนอื่นๆก็ต้งเจอสภาพเช่นนี้ จึงได้ร้องเรียนไปยังศูนย์ตรวจสอบน้ำมันเชื้อเพลิง ผลการตรวจได้พบการปลอมปนน้ำมัน สถานีน้ำมันแห่งนี้ จึงถูกสั่งปิดเป็นเวลาหนึ่งเดือน 

    “จากนี้ รอวันเจ๊งได้เลย ปั๊มนี้ ” เสียงชาวบ้านโจษจัน นินทากัน

     “ซื่อกินไม่หมดคดกินไม่นาน  ”นี่ก็เป็นวลี ที่กล่าวขานกัน

      และที่สุด ปั๊มน้ำมันของเพชรวัชรก็ต้องปิดตัวลงอย่างถาวร เพราะคนไม่เข้าใช้บริการดังแต่ก่อน   ยอมเดินทางไปเติมปั๊มที่อยู่ไกลขึ้นแทน  สามปีผ่านไป …เพชรวัชรกับอรัญญา ได้เปลี่ยนแนวการทำธุรกิจมาเป็นธุรกิจการเกษตร คิอขายปัจจัยการผลิต ตั้งแตเมล็ดผัก ปุ๋ย สารเคมี  หมวก รองเท้า วัสดุการช่าง รวมถึงค้าเบ็ดเตล็ด  ร้านที่ตั้งขึ้นมาใช้ชื่อว่าอรัญญากิจการค้า  แรกๆลูกค้ายังน้อย เวลานั้นผมยังดำเนินรายการวิทยุ การที่ผมกับเธอรู้จักกันมาก่อน จึงได้ช่วยอาสาบอกกล่าวเพื่อนบ้านให้มาช่วยอุดหนุนสินค้าร้านของเธอ หกเดือนต่อมาลูกค้า เริ่มรู้จักมากขึ้น ธุรกิจได้ขยายตัวจนต้องจ้างแรงงานจากประเทศเพื่อนบ้านถึงสามคน

      ครอบครัวของเพชรวัชรกับอรัญญาเดินหน้าไปได้ด้วยดี ทั้งคู่แต่งงานกันมาครบ 5 ปีแต่ก็ยังไม่มีบุตร ผมคนนอกมองดูคู่รักคู่นี้ มีความเหมาะสมกันดี ทั้งมีความขยันแต่ความสุจริตอาจจะไม่ใช่ เพราะในอดีตเขาเคยปลอมปนน้ำมัน และเติมน้ำมันให้ลูกค้าไม่เต็มมาตรฐานการชั่งตวงวัด      

     สายๆวันเสาร์ของเดือนธันวาคม เสียงชาวบ้านในตลาด ได้พูดถึงการเสียชีวิตของสามีร้านอรัญญากิจการค้า 

       “ยังหนุ่มยังแน่น นอนหลับตายไป ไม่ฟิ้นกลับมา เป็นไปได้อย่างไร ”  “อายุช่างสั้นเหลือเกิน  เมียสาวต้องเป็นแม่ม่ายตั้งแต่อายุยังน้อย "  ชาวบ้านต่างวิพากษ์วิจารณ์เรื่องนี้กันอึงมี่

                                                         เวลาผ่านไปหนึ่งปี

             ระหว่างนั้นผมต้องไปร้านอรัญญาฯบ่อยๆ เพราะต้องไปซื้อสินค้า "คนละครึ่ง"  ได้พบหนุ่มหน้ามลรูปหล่อ นั่งอยู่ใกล้กับโต๊ะผู้จัดการ คาดเดาว่า คงน่าจะเป็นแฟนใหม่ของอรัญญา เมื่อสอบถามพวกแรงงานจากต่างชาติที่พูดไทยได้

    “แฟนของเจ้านาย ผมครับ”  คนงานต่างชาติพูด

              ผมดูจากบุคลิกของหนุ่มคนนี้ คิดว่า เขาคงน่าจะจบการศึกษา ด้านการเกษตรมาแน่ เพราะดูจากการพูด การตอบ ที่ผมเคยสอบถาม เขาสามารถตอบได้อย่างคล่องแคล่ว

    “น้องเรียนจบเกษตร มาหรือครับ”

    “ใช่ครับ ผมจบปริญญาตรี จากบางพระ ”

    “อ้อ ครับ”

    สามีใหม่ของอรัญญา เสมือนตกถังข้าวสาร จากที่ผมทราบมา เขาเป็นคนบ้านไทรเหนือเช่นกัน นี่จึงทำให้ผมถึงบางอ้อ ไปโดยพลันทั้งคู่ดูจะเข้าใจกันและกัน ช่วยกันบริหาร ดีวันดีคืน แต่จู่ๆสายๆวันหนึ่ง ข่าวการเสียชีวิตคนใหม่ของอรัญญาก็ลือกันทั่วตลาดอีกครั้ง

    “ลูกค้าหัวร้อน ได้ใช้มีดแทงสามี ของเจ้าของร้านตายคาที่ สงสัยเจ้าของร้านทวงหนี้ ค่าปุ๋ยและสารเคมี  ”

                  และ…สามีคนที่สองของอรัญญาที่อยู่ร่วมชีวิตกันได้ไม่นานก็ต้องจบชีวิตอีก  เวลาผ่านไปอีกสามเดือนเธอก็ได้สามีที่เป็นเซลล์แมนอายุน้อยกว่าเป็นสามี  อยู่กันได้ไม่ทันถึงเดือนก็ต้องเสียชีวิตอีก นับเป็นรายที่สามในชั่วระยะเวลาไม่ถึงสามปี  สาเหตุการตายของสามีรายนี้ เกิดจากคนขับรถในร้านที่แอบชอบเจ้านายหญิงหึงเจ้านายที่ไปรักคนอื่น หลังเลิกงานเขาได้ดื่มเหล้าย้อมใจ แล้วเอาปืนไปยิงคนรักใหม่ของอรัญญาเสียชีวิตคาชามข้าว 

     “ตายเสียเถอะ มึง” คนขับรถพูด ก่อนลั่นไกปืนใส่เขา 5 นัด จนฟุบจมกองเลือด จากนั้นเขาได้ยืนรอมอบตัวกับเจ้าหน้าที่ตำรวจ  

       ความสาว ความสวย ความรวย ของเธอเป็นที่ต้องตาคนหนุ่ม ที่ใครๆก็อยากครอบครอง แต่อาจจะเสี่ยง ที่ต้องจบชีวิตลงเหมือนรายที่ผ่านมา หรือไม่…???

                                            ไม่อาจตอบได้   หรือว่าอรัญญา เธอจะเป็นคนกินผัวจริงๆ 

                                                               ขลุ่ย  บ้านข่อย 

                                                                 (๒๘-๗-๖๗)

    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×