ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    --HOSHI NO SHARIN-- #2

    ลำดับตอนที่ #3 : ตอนที่3

    • อัปเดตล่าสุด 11 พ.ย. 57


                    ราชสำนักวุ่นวายทุกวัน แต่วันนี้วุ่นวายยิ่งกว่าเก่า เมื่อมีข่าวแจ้งมาว่า ทัพของเจ้าหญิงเอเรซ่าที่ดำรงตำแหน่งเป็นแม่ทัพป้อมตะวันตก ได้ตีเมืองคาแตกย่อยยับ แต่แล้วเจ้าหญิงกลับพาพระราชาเมืองนั้นหนีไป

                    ผู้ที่วุ่นวายใจที่สุด คงไม่พ้นบิดาของนาง ผู้รักษาราชการชอรัฟ ที่หาได้ยินยอมทรงยศเช่นบุตรีไม่ เขายินดีที่จะเป็นสามัญชน รับใช้ตระกูลสืบต่อไป เช่นเดียวกับที่บิดาเขาได้เคยกระทำมาทั้งชีวิต

                    ชอรัฟในวัยห้าสิบ ยังไม่ชราจนทำการใดไม่ได้ เขายังคงเป็นชายวัยกลางคนที่แข็งแรง และดูสุขุมลุ่มลึก ตั้งแต่พี่สาวของเขา ชาริเนร่า อดีตแม่ทัพหญิงแห่งป้อมตะวันออกได้จากไป เขาก็ได้สั่งให้ทุกคนในตระกูลออกจากการเป็นทหารทั้งหมด ให้ทำอาชีพอื่นแทน เพราะเขาไม่อาจทำใจได้ หากต้องสูญเสียใครไปอีก

                    เว้นเสียแต่ ลูกสาวเพียงคนเดียว ที่คิงวินเซนท์ผู้มีศักดิ์เป็นน้าของเขา ได้สถาปนายศคืนให้ ชอรัฟรู้ดีว่ามิใช่เพราะถึงเวลาแล้วที่พระราชาจะทำสิ่งนั้น หากแต่เพราะว่า ใบหน้าและนิสัยใจคอของเอเรซ่าต่างหาก ที่เหมือนกับชาริเนร่าอย่างไม่อาจแยกแยะจากกันได้

                    แต่เขาแยกแยะพี่สาวและลูกสาวออกจากกันได้ เขารู้ดีว่าลึกๆ แล้วสตรีทั้งสองนาง หาได้มีสิ่งใดเหมือนกันไม่ นอกหน้ารูปร่างหน้าตา

                    ชาริเนร่า ไม่เคยอยากจะเป็นทหาร หากแต่เมื่อนางต้องเป็น นางก็เป็นได้ดีที่สุด ด้วยความพยายามของนางเอง และนางก็ได้รักศักดิ์ศรีของความเป็นทหารของนางอย่างที่สุด กระทั่งเป็นที่มาของการจากไปของนางเอง

                    เอเรซ่า บุตรสาวผู้เกิดมาในฤกษ์ดาวเทพเจ้าแห่งสงคราม นางเกิดมาเพื่อเป็นทหาร นางเชี่ยวชาญอาวุธทุกแขนง ชอรัฟได้ขัดขวางนางทุกวิถีทางไม่ให้เข้ารับราชการ แต่ก็หาได้ทำสำเร็จไม่ นางดื้อดึงดันจนได้เข้าโรงเรียนทหาร ได้สร้างวีรกรรมมากมายเอาไว้ที่นั่น และได้จบออกมาด้วยคะแนนลำดับหนึ่ง และขึ้นมาเป็นแม่ทัพหญิงคนที่สองของประเทศเคเนลได้ในเวลาอันรวดเร็ว

                    นางก้าวร้าว หยิ่งยโสโอหัง เหยียบย่ำทุกคน นางทำได้ทุกอย่าง เพื่อให้นางยิ่งใหญ่ ดูภายนอกแล้ว ทั้งชาริเนร่าและเอเรซ่าคล้ายคลึงด้วยความห้าวหาญ หากแต่ใครได้สัมผัสทั้งสอง จะรู้ว่าเอเรซ่าไม่ได้มีหัวใจแบบชาริเนร่าเลย

                    และเรื่องที่เกิดขึ้นในวันนี้ ชอรัฟจึงเชื่อสนิทใจว่าเป็นจริงดั่งคำข่าวว่า เอเรซ่าคงคบคิดกับเมืองคา นางเป็นกบฏ นางคงต้องการได้ครอบครองบัลลังก์ เพราะสำหรับคนอย่างนาง แค่ตำแหน่งเจ้าหญิงปลายแถวคงไม่เพียงพอ ชอรัฟได้แต่แค้นเคืองในใจ ยิ่งอยู่ต่อหน้าคิงวินเซนท์เช่นนี้แล้ว เขายิ่งรู้สึกเจ็บปวดหัวใจนัก

                    อย่าเพิ่งเชื่อทุกอย่างตามนั้นเลยชอรัฟ ข้าไม่คิดว่าเอเรซ่าจะเป็นไปได้ถึงขนาดนั้น สุรเสียงทอดอย่างนุ่มนวล จนบัดนี้แล้วก็ยังคงเป็นคนเดิม ดุจภาพเดิมของเจ้าชายวินเซนท์ ผู้เยือกเย็นและรักสันติ การสูญเสียคนรักและเพื่อนรักไปในครั้งอดีต และถ้อยคำสุดท้ายของชาริเนร่าที่บอกว่าเขาจะต้องเป็นพระราชาที่ดี ได้นำพาให้เขามุ่งหน้าศึกษาการปกครองบ้านเมือง กระทั่งบัดนี้ก็ได้ครองเมืองต่อจากพระบิดา ได้ครองคู่อยู่กับสตรีดีพร้อมที่เขารู้แล้วว่านางเกิดมาเพื่อเขา และได้มีโอรสธิดามากมายที่เป็นหน่อเนื้อเชื้อราชวงศ์ที่ดีงาม

                    กระหม่อมไม่คิดเช่นนั้น กระหม่อมเป็นพ่อ ย่อมรู้จักลูกตัวเองดีกว่าใคร ชอรัฟตอบกลับเสียงเข้ม เขาผิดเองที่อ่อนแอเกินกว่าจะห้ามปรามลูกได้ หลายครั้งที่เอเรซ่าทำความผิด เขากลับทำได้แค่ตักเตือนและใช้เงินเพื่อจัดการเรื่องราวทั้งหลายเหล่านั้น เขาเป็นพ่อที่กลัวลูกของตัวเองมากเกินไป

                    ข้าก็เป็นแม่ ข้ารู้จักลูกของข้าดีทุกคน ลูกสาวเจ้าก็เป็นเจ้าหญิงองค์หนึ่งที่ข้าเลี้ยงดูมาเช่นกัน ข้าคิดว่าข้าก็รู้จักนางดีไม่น้อย ชอรัฟ อย่าเพิ่งคิดมากไปเลย เอเรซ่าแม้ว่าจะนิสัยไม่ใคร่จะดีเท่าไรนัก แต่นางรักพวกเรา รักครอบครัวของเรา นางไม่มีวันทำสิ่งที่เลวทรามถึงขั้นนั้นแน่”

                    ควีนอลิซกล่าว พระนางเป็นเจ้าหญิงมาจากสโนว์แลนด์ที่อยู่ห่างไกลออกไปอีก แต่พรหมลิขิตก็พาให้พระนางมาพบกับคิงวินเซนท์ได้

                    พี่ชอรัฟ ยามนี้ท่านควรจะเป็นห่วงความปลอดภัยของเอเรซ่ามากกว่า แต่ท่านไม่ต้องกลัว เอเรซ่าเองก็เป็นหลานรักของข้า ข้าจะให้องรักษ์ที่ฝีมือดีที่สุดของข้า ออกติดตามหาตัวนางให้พบ เจ้าชายแดเนียลกล่าวด้วยความเมตตา เขาเป็นโอรสองค์โตของคิง และบัดนี้รั้งตำแหน่งมงกุฎราชกุมาร

                    ท่านกลับไปพักผ่อนเถอะ ข้าจะให้หมอหลวงดูแลท่านอย่างดี ให้จัดยาและสมุนไพรบำรุงร่างกายให้ หรือท่านอยากฟังสังคีตดูระบำรำฟ้อน ข้าจะจัดนางเล็กๆ ไปปรนนิบัติให้ อีกเสียงนั้นคือเควิล น้องชายเจ้าชายแดเนียล เขาลุกมาลูบหน้าลูบหลังผู้มีศักดิ์เป็นพี่ ชอรัฟแค่นยิ้ม

                    ขอบพระทัยทุกพระองค์ แต่กระหม่อมขอไปหาท่านธอมินัสแทนเห็นจะดีกว่า โปรดอนุญาตด้วย”

                    คิงได้แต่พนักหน้าให้อย่างเห็นใจ ก่อนองครักษ์จะเป็นผู้นำเขาเดินออกไปทางประตูหลัง ชอรัฟเดินไปตามทางเดินที่เหยียดยาว

                    ห้องทำงานของพี่ธอมินัสนี่รกทึบจริงๆ เป็นคำกล่าวแรกของผู้เป็นน้องชายสหายรัก ปราชญ์วัยกลางคน ผู้รั้งตำแหน่งผู้อำนวยการสถานศึกษาแห่งปราชญ์ของเคเนล เงยหน้าขึ้น เมื่อเห็นว่าเป็นใครก็ขยับแว่นสายตา แล้วหัวเราะ

                    มีเหตุอันใดรึถึงมาหาข้าถึงนี่ได้ หรือหลานรักของข้าไปก่อเรื่องอะไรไว้อีกล่ะสิ”

                    คำถามธรรมดาแต่หัวใจคนเป็นพ่อเจ็บปวดเมื่อได้ฟัง แต่ยังคงยิ้ม เขาเดินไปนั่งกับเก้าอี้ตัวตรงข้าม

                    ใช่ และข้าไม่ประสงค์จะช่วยเหลือนางอีกด้วย”

                    เอาเถอะ ข้าจะสงเคราะห์หลานรักของข้าเอง ว่าแต่คราวนี้เรื่องอะไรล่ะ ไปแกล้งทหารเล็กๆ หรือข่มขู่ชาวบ้านอีก”

                    ไม่ใช่ คราวนี้ นางเป็นกบฏ”

                    เจ้านี่ก็ กล่าวหาลูกรุนแรงเสียจริง อย่าเอเรซ่านะรึจะเป็น...”

                    พี่ท่าน เรื่องนี้เป็นความจริง และข้าก็ไม่อาจจะยอมรับเรื่องนี้ได้อีกต่อไปแล้ว”

                    ชอรัฟปล่อยโฮ ธอมินัสหัวใจหล่นวูบ แม้ยามนี้ชอรัฟจะอายุมากจนสีผมเริ่มเปลี่ยน แต่ใบหน้าเขาวันนี้ กลับทำให้ธอมินัสนึกไปถึงวันที่ชาริเนร่าถูกประหาร

                    เกิดอะไรขึ้น ข้าคงทำงานมากเกินไป จนไม่ได้รับรู้ข่าวสารภายนอก”

                    เอเรซ่า นางออกไปตีเมืองคา แต่แล้วนางกลับพาพระราชาเมืองนั้นหนีไป และตอนนี้ยังไม่มีใครพบ”

                    พระราชาเมืองคาอย่างนั้นรึ... ธอมินัสเอ่ยเบาๆ คล้ายรำพึงคนเดียวเสียมากกว่า เขารู้ว่าพระราชาเมืองนั้นเป็นใคร แม้จะไม่รู้ทั้งหมด แต่ก็พอรู้มาจากชารินสมัยที่นางยังมีชีวิตอยู่บ้าง อย่างน้อย เขาก็คืออีกคนหนึ่งที่นางรัก และดาบที่ใช้ประหารนางโดยเมอัย ก็คือดาบของชายผู้นั้น

                    เอเรซ่าอยู่ป้อมตะวันตก ใยไปตีเมืองนั้นได้ อยู่คนละฟากกันแท้ๆ”

                    นางก็คงเตรียมการณ์เอาไว้แล้ว พี่ท่านอย่าคิดไปถึงอย่างนั้นเลย รู้แต่เพียงว่าหลานรักของท่านเป็นกบฏ และยามนี้ข้าอยากเชือดคอนางนัก”

                    ใจเย็นๆ ชอรัฟ ธอมินัสขมวดคิ้วมุ่น เผลอใช้ปากกาขนนกเคาะโต๊ะ เอเรซ่าไม่เลวร้ายขนาดนั้นหรอก”

                    ทำไมใครๆ ต่างพูดกันเป็นเสียงเดียวอย่างนี้นะ พวกท่านไม่รู้หรือ ใช่สิ พวกท่านไม่ได้เลี้ยงนางมากับมือ ไม่ได้เห็นนางตั้งแต่เกิด พวกท่านเห็นแต่หน้าตาของนางที่เหมือนพี่ชารินราวกับพิมพ์เดียวกัน พวกท่านจึงคิดไปว่านางต้องมีนิสัยใจคอเหมือนพี่ชาริน ข้า... ชอรัฟไม่ทันได้พูดให้จบประโยค เพราะธอมินัสคร้านที่จะฟังแล้ว เขาเลยเป่ายาใส่เสียอย่างนั้นเพื่อให้ชอรัฟหลับ ก่อนจะเรียกคนสนิทเข้ามาเพื่อสั่งการ

                    ให้คนพาท่านชอรัฟไปส่งที่บ้านสตีฟเดอริกเสีย แล้วเจ้าก็เตรียมม้าให้ข้าด้วย ข้าจะออกไปพบเพื่อนเก่าเสียหน่อย คนสนิทก้มน้อมรับ แต่ไม่วายถามคำถามเพื่อจะได้เตรียมม้าได้ถูกตัว

                    นายท่านจะไปหนใดขอรับ”

                    ป้อมตะวันออก”

     

                    ยิ่งออกไปไกลจากตัวเมืองเท่าไร ความยากจนข้นแค้นก็ค่อยๆ ขยายบทบาทเข้ามา ธอมินัสมิได้เร่งม้าเท่าใดนัก เพราะเขาอยากชื่นชมสองข้างทางเสียมากกว่า นานแล้วที่เขาไม่ได้ออกจากวังหลวง อย่างน้อยก็เห็นจะห้าปีได้ ครั้งสุดท้ายที่เขาออก ก็คือวันรับตำแหน่งของเอเรซ่า วันนั้นเขาไปรอรับนางพร้อมคนอื่นๆ ที่โรงเรียนสอนทหาร จากนั้นก็ไปฉลองที่บ้านสตีฟเดอริก ก่อนจะกลับเข้าเขตราชฐาน ดำเนินชีวิตไปเช่นเคย

                    ความยากจนของชาวบ้านทำให้เขาหดหู่ และก็อดคิดถึงเมื่อครั้งสมัยชารินยังมีชีวิตอยู่ไม่ได้ นางไม่เคยปล่อยให้คนใกล้ตัวนางอดอยาก นางไม่เคยปล่อยให้ศพของทหารของนางถูกแร้งจิกกินหรือศัตรูย่ำยี นางรักทุกสิ่งรอบตัว

                    เขายอมรับว่าเอเรซ่าทำให้เขาคิดถึงชาริเนร่านัก ด้วยรูปร่างหน้าตาที่เหมือนกันราวออกมาจากพิมพ์เดียว แต่สิ่งหนึ่งที่เขารู้ว่าต่าง คือแววตาของพวกนางไม่เหมือนกัน แววตาของชาริเนร่าเศร้า...เกินกว่าใครจะเข้าใจความทุกข์อันลึกล้ำของนางได้ แต่แววตาของเอเรซ่าแข็งกร้าวแฝงความอวดดี นางยังดูเป็นเด็กน้อยสำหรับเขา ที่ไม่เคยผ่านความเจ็บปวดใดๆ นางยังไม่รู้รสของความทุกข์

                    เขาอยากให้ชาริเนร่าได้มีความร่าเริงเช่นเอเรซ่า แต่นางก็ตายจากไปนานแล้ว เขาจึงยึดเอเรซ่าเอาไว้เป็นที่พึ่งทางใจ และหลอกตัวเองไปวันๆ

                    ท่านป้า ข้าอยากจะไปร้านเหล้าของแม่นางราธีส โปรดบอกทางแก่ข้าเถิด ธอมินัสก้มลงถามหญิงแก่นางหนึ่งที่เดินงกๆ เงิ่นๆ นางสะดุ้งตกใจจนแทบล้ม เมื่อเงยหน้ามาเห็นบุรุษทรงภาคภูมิในชุดสีขาวคลุมไว้ทั้งร่าง และชุดนั้นขลิบด้วยริบบิ้นสีทองที่ปลายเสื้อ นางก็รู้ได้ทันทีว่าผู้มีบุญหนักศักดิ์ใหญ่ได้มาถึงที่นี่แล้ว

                    นายท่านตรงไปอีกไม่นานก็จะพบกระท่อมนางราธีสเจ้าข้า ว่าแต่...นายท่านคงจะเป็นขุนน้ำขุนนาง โปรดเมตตาเงินทองแก่ข้าด้วย พูดจบนางก็จรดริมฝีปากจูบรองเท้าของปราชญ์หลวง ธอมินัสรู้สึกห่อเหี่ยว เขายื่นห่อผ้าบรรจุเงินให้ ก่อนจะเร่งเดินม้า ไม่วายได้ยินเสียงหญิงแก่ตะโกนสรรเสริญมาแต่ไกล

                    กระท่อมเก่าๆ แต่ยังดูแข็งแรงตั้งอยู่ตรงหน้าเขาจริงๆ ยามนั้นตะวันใกล้ราแรงลง จึงเริ่มมีชายมากหน้าหลายตาทยอยกันมาเรื่อยๆ พวกนั้นดูก็รู้ว่าเป็นชาวบ้านและพวกทหารเลวปลายแถว ที่พูดคุยกันอย่างร่าเริงโดยที่ไม่ต้องคิดอะไร ไม่ต้องแบกสิ่งใดไว้บนบ่า ชั่ววินาทีหนึ่งธอมินัสรู้สึกอิจฉาคนเหล่านั้นนัก

                    นายท่าน ให้ข้าดูแลม้าให้ดีไหมขอรับ เป็นเสียงของชายหนุ่มรูปร่างสูงหนา ดวงตาแจ่มใส เครื่องหน้าคมเข้ม แต่ผิวขาวสะอาดผิดไปจากชาวบ้านทั่วไปนัก เขาสวมเสื้อผ้าเก่าปะหลายชั้น แต่ก็ยังเห็นได้ถึงฝีมือการเย็บที่ประณีตไม่น้อย ธอมินัสพยักหน้าให้ เผลอสังเกตและวิเคราะห์ตามประสานักปราชญ์ หน่วยก้านเด็กนี่น่าให้เข้าโรงเรียนปราชญ์นัก ชายหนุ่มเมื่อเห็นได้รับอนุญาตจึงช่วยให้ธอมินัสลงจากหลังม้าได้สะดวก ปราชญ์หลวงเริ่มรู้สึกคุ้นหน้าตาและท่วงท่าแข็งขันแบบนี้ของเขาอย่างบอกไม่ถูก

                    เอ้อนายท่าน คงจะเคยมาร้านเหล้าแห่งนี้เป็นครั้งแรก ให้ข้าช่วยอะไรไหมขอรับ ชายหนุ่มเอ่ยอย่างนอบน้อมมีมารยาท จนธอมินัสเองก็รู้สึกเอ็นดู จึงยอมสนทนาด้วย

                    ข้าอยากพบแม่นางราธีส ข้าเป็นเพื่อนเก่าของนาง คำพูดนั้นเหมือนจะทำให้ชายหนุ่มหูผึ่งไม่น้อย เขาแอบลอบสังเกตหัวจรดเท้าชายวัยกลางคนผู้นี้อีกครั้ง แม้จะไม่รู้ว่าเขาเป็นใคร แต่การแต่งกายที่สะอาดและเรียบร้อยและดูเป็นเสื้อผ้าของผู้สูงศักดิ์ยิ่งกว่าพวกพ่อค้ารวยๆ ในเมือง ก็ทำให้เขาเกิดความสงสัยยิ่งนัก

                    ตอนนี้นางไม่อยู่ ข้าเป็นผู้ดูแลแทนน่ะขอรับ”

                    อย่างนั้นหรือ ธอมินัสพูดได้เท่านั้นก็เงียบไป เขารู้สึกผิดหวังอย่างบอกไม่ถูก จริงๆ เขาควรจะแจ้งล่วงหน้าก่อนว่าจะมา บางทีคงจะได้รับการต้อนรับที่ดีกว่านี้

                    อย่างไรเสียท่านก็มาแล้ว และคงจะมาไกลเสียด้วย พักผ่อนก่อนก็ดีนะขอรับ ม้าของท่านก็จะได้พักด้วย”

                    ธอมินัสได้แต่พยักหน้า ก่อนจะเดินตามเข้าไปในร้าน สภาพร้านเหล้าร้านก็เหมือนกับร้านทั่วๆ ไป แต่ธอมินัสไม่เคยไปที่ไหนมาก่อน นอกจากร้านราธีส เขาไปหยุดนั่งหน้าบาร์ตรงตำแหน่งคล้ายๆ กับว่าเขาเคยมานั่งเมื่อนานมาแล้วกับสหายรัก กระทั่งเสียงชายหนุ่มทำให้เขาสะดุ้ง

                    นายท่านจะดื่มสุราใดดีขอรับ”

                    ข้า...เอ้อ...ขอน้ำค้างราตรีให้ข้าสักหน่อยก็แล้วกัน เขาตอบไปเสียอย่างนั้น เป็นเพราะไม่เคยดื่มสุรามาก่อน จึงไม่รู้ว่ามีสุราชื่อใดบ้าง เขารู้จักอยู่ชื่อเดียวคือสุราที่ชาริเนร่าชอบดื่ม และคิดว่ามันคงจะเป็นที่ชื่นชอบของคนทั่วไปเช่นกัน

                    อะไรนะขอรับ ชายหนุ่มคนเดิมถาม ใบหน้าของเขายังคงมีรอยยิ้ม แต่ในใจกลับร้อนวูบ ชายผู้นี้ดูเป็นคนดีนัก เขาไม่อยากให้เกิดอะไรไม่ดีขึ้น จึงรีบพูดต่อ ท่านคงหมายถึงสุรายามสี่ ข้าจะไปเอามาให้นะขอรับ”

                    หา...สุรายามสี่ เอ้อ ใช่ ชายชุดขาวขลิบทองตอบปัดๆ ไป เข้าใจว่าเจ้าหนุ่มนี่คงหูเพี้ยนไปแล้ว แต่ก็เอาเถอะ จะสุราอะไรก็ช่าง เขาก็ไม่คิดจะดื่มตั้งแต่แรก

                    โครม!

                    เสียงถีบประตูดังขึ้น ธอมินัสรีบลุกไปยืนมุมกระท่อมรวมกับคนอื่นๆ ทันทีโดยไม่ต้องนัดหมาย

                    ปรากฏร่างของชายผู้หนึ่งในเครื่องแบบทหารครึ่งตัวท่อนบนเท่านั้น ใบหน้าเต็มไปด้วยริ้วรอยบาดแผลมากมายที่นูนเด่นเป็นรอยแผลเป็น แต่ที่ติดตาที่สุด คงเป็นดาบที่ยังไม่ได้เก็บเข้าฝัก ที่ตอนนี้ยังมีเลือดหยดลงมาเรื่อยๆ

                    เลิกบ้าเสียที เจ้าจะพังร้านของข้าหรือไงฮะ นี่พวกเจ้าก็ทำเป็นแตกตื่นกันไปได้ ยังไม่ชินอีกหรือ เธมป์ เจ้าอยู่ไหน มาเอาพ่อเจ้าไปอาบน้ำเปลี่ยนชุดแล้วมาช่วยแม่ทำงานเดี๋ยวนี้ ตามมาด้วยเสียงสตรีกราดเกรี้ยว นางค่อยๆ เผยกายมายืนเคียงข้างบุรุษผู้นั้น ก่อนจะจรดนิ้วดึงหูเขาอย่างแรง ภาพทั้งคู่ทำให้ธอมินัสกระอัก แม้จะผ่านไปนานกว่ายี่สิบปี แต่เขาจำสหายทั้งสองได้เป็นอย่างดี ภาพที่เห็นนี้ก็บอกชัดแล้วว่าพวกเขาลงเอยกันกระทั่งมีลูกด้วยกัน

                    ดังนั้นเขาไม่ควรทำลายความสุขของคนอื่น

                    คิดได้ดังนั้น ธอมินัสจึงเร้นกายกับผู้คน มองเห็นหนุ่มที่ช่วยพาเขาเข้ามาในร้านเข้าไปประคองชายที่ใส่ชุดทหาร จึงเข้าใจว่าทำไมเขาถึงรู้สึกคุ้นหน้าเจ้าหนุ่มคนนี้นัก ที่แท้พวกเขาก็เป็นพ่อลูกกันนี่เอง ส่วนความร่าเริงของเจ้าหนุ่ม ก็คงได้มาจากแม่ของเขา ที่เป็นเจ้าของร้านเหล้านี่เอง

                    ปราชญ์หลวงหลบมาพ้นก็รีบกระโจนขึ้นม้าทันที ไม่ลืมที่จะห้อยถุงเงินเอาไว้กับหลักม้าของตน ใจจริงแต่แรกเขาอยากมาหาสหายชาย แต่สืบไปแล้วพบว่าสหายหญิงเองก็ย้ายร้านมาตั้งอยู่ไม่ไกลนัก จึงได้คิดจะมาตั้งหลักที่นี่ โดยไม่คิดว่าตอนนี้ทั้งคู่ได้อยู่ด้วยกันฉันสามีภรรยาจนมีลูกแล้ว

                    ธอมินัสหัวเราะไปกับสายลม ใครๆ ในอดีตต่างสุขสม คงมีเพียงเขาเท่านั้น แต่นั่นก็คือสิ่งที่เขาเลือกให้ตนเองแล้ว เลือกอุทิศชีวิตให้ราชวงศ์ โดยเฉพาะอดีตพระราชาที่สวรรคตไปแล้ว ที่เลี้ยงเขาราวกับลูกอีกคนก็ไม่ปาน เขาจึงเลือกที่จะดำรงพรหมจรรย์รับใช้พระเจ้า เป็นตัวแทนรับสารของพระเจ้าที่ส่งมาให้ประเทศเคเนล

                    และเมื่อเช้านี้ พระเจ้าได้ส่งสารผ่านมาทางชอรัฟ บอกให้รู้ว่าถึงเวลาแล้วที่ประวัติศาสตร์กำลังจะหมุนวน ดังนั้นเขาควรจะตามพบคนเก่าๆ ในวงเวียนเก่าๆ เหล่านั้น

                    ประวัติศาสตร์ไม่อาจแก้ไข แต่มันก็ไม่ควรที่จะซ้ำรอยเดิม

                    ธอมินัสคิดได้ดังนั้น ก็รู้สึกสุขใจ จนไม่ทันระวังตัวเลยว่า หญิงแก่ที่เจอเมื่อเย็น ตอนนี้ได้นำพวกของนางมาล้อมเอาไว้หมดแล้ว ดวงตาเหมือนงูพิษนั่นมองเขาอย่างกระหยิ่มยิ้มย่องไม่น้อย

     

                    กว่าเธมป์จะช่วยพ่อแม่ของเขาเก็บกวาดร้านเรียบร้อยก็ปาไปค่อนคืน ชายหนุ่มเริ่มง่วงจนเบลอๆ ได้ยินเสียงแม่บอกว่าให้ไปปิดคอกม้าเสียจึงนึกขึ้นได้ว่า ยังมีชายชุดขาวอีกผู้หนึ่งที่ปรารถนาจะพบมารดา จึงวิ่งผลุนผันออกไป ชนบิดาที่หอบฟืนเข้ามาทางประตูหน้าบ้าน

                    เอ้อ ไอ้นี่ จะรีบไปไหนของมัน บิดากล่าว ก่อนหันมาหาภรรยา ที่ตอนนี้เอาจานชามบรรจุอาหารมาวางไว้บนโต๊ะเรียบร้อยแล้ว

                    ช่างเถอะค่ะ คนหนุ่มก็เลือดร้อนอย่างนี้ ราธีสยิ้มหวานให้ ต่างจากราธีสที่เกรี้ยวกราดเมื่อเย็น ท่านหายเมาแล้วใช่ไหมคะ”

                    อืม ขอโทษนะที่ทำให้เจ้าต้องลำบากอีกแล้ว เขาว่า พลางวางท่อนฟืนลงแล้วทรุดนั่ง เจ้าอยู่กับข้ามายี่สิบปี ข้าไม่เคยเป็นสามีที่ดีให้เจ้าเลย”

                    พูดอะไรอย่างนั้นคะ ท่านน่ะคือสิ่งที่ดีที่สุดในชีวิตข้าแล้ว”

                    ถ้อยคำเรียบง่ายแต่จริงใจของภรรยา ส่งผลให้เขามือสั่นและน้ำตารื้น เรื่องราวทุกอย่างผ่านมานานจนเขาควรลืมไปให้หมด ยามนี้เขาควรมีใจอยู่กับภรรยาเพียงคนเดียว แต่บางครั้งเขาก็อดไม่ได้ที่จะนึกถึงสตรีอีกคน

                    ราธีสเอื้อมมือมาจับมือเขา นางกุมไว้แนบแน่น นางรู้ดีทุกอย่างและทุกเรื่อง แต่นางไม่เคยมีใจอิจฉาริษยา เพราะนางก็รักสตรีนางนั้นเช่นเดียวกัน

                    อย่าร้องไห้นะคะ นางกำลังมองอยู่ ราธีสยิ้มให้อีกครั้ง นางมองออกไปนอกหน้าต่างกระท่อม ข้ามองไม่เห็นหรอกนะดวงดาวของนาง แต่ข้ารู้ว่านางยังอยู่ ยังคงเฝ้าดูพวกเรา”

                    หากข้าจะร้อง ก็ไม่ใช่เพราะนางหรอก เขาว่าพลางปาดน้ำตาทิ้ง ก่อนจะเสไปเรื่องอื่น นี่เจ้าลูกชายมันหายไปไหนอีกแล้ว ไม่รู้หรือว่านี่คือเวลากินข้าว หรือมันไปติดพันผู้หญิงที่ไหน”

                    โถ่ ท่านก็คิดไปได้นะคะ ราธีสหัวเราะลั่น เปลี่ยนเป็นเลื่อนจานอาหารไปให้เขา ท่านทานก่อนก็แล้วกัน ส่วนของลูกข้าจะเก็บเอาไว้ให้...อ้าว มาแล้วนั่นไง”

                    ประโยคหลังมีอันต้องเปลี่ยนไป เมื่อลูกชายผลุนผันกลับมา ในมือมีถุงผ้าสีขาวเนื้อดีใบเล็กๆ แต่หน้าตากลับดูแตกตื่นจนดูไม่ได้

                    อะไรของเจ้า มากินข้าวได้แล้ว ยืนทำอะไรอยู่ได้ ผู้เป็นพ่อพูดอย่างไม่ใส่ใจนัก ส่วนแม่ก็ได้แต่ยิ้มๆ กับสองพ่อลูกที่มักจะไม่ค่อยลงรอยกันเท่าไร นางตักอาหารให้ลูกชาย

                    ท่านพ่อท่านแม่ นี่...ถุงเงิน”

                    หืม บิดาเงยหน้าขึ้น รับมาดู สะดุดตาตั้งแต่ลายนูนที่มองไม่เห็นด้วยตาเปล่าแต่เขาสัมผัสได้อย่างคุ้นเคยด้วยเมื่อก่อนมันต้องผ่านมือเขาเป็นร้อยเป็นพันใบกว่าจะไปถึงครอบครัวของทหารที่เสียชีวิตในสงคราม มันเป็นถุงเงินของทางราชการที่ไม่เคยเปลี่ยนรูปแบบ เมื่อเปิดออกแล้วเห็นจำนวนเงินก็หันไปหาภรรยา

                    เจ้าไปขโมยมาใช่ไหม”

                    ไม่ใช่นะ ข้าเจอมันอยู่ที่หลักม้า ของนายท่านคนนั้น”

                    อย่ามาโกหก แถวนี้จะมีใครมีทองขนาดนี้ได้”

                    ข้าไม่ได้โกหก ท่านแม่อย่าฟังท่านพ่อนะ ฟังข้าดีกว่า คือว่าเมื่อตอนเย็นที่พวกท่านไม่อยู่กัน มีชายคนหนึ่งตัวสูงๆ อายุมากแล้วและก็สวมชุดสีขาวด้วย เขาบอกว่าจะมาหาท่านแม่ ข้าถามแล้วเขาบอกว่าเป็นเพื่อนท่านแม่ เลยพาเข้ามาในร้าน แล้วข้าก็ลืมเขาไปเลย มานึกได้ตอนนี้ ก็ปรากฏว่าม้าเขาก็ไม่อยู่แล้ว แต่มีถุงเงินนี่วางไว้แทน เอ้อ..เขาสั่งสุรานั่นด้วย น้ำค้าง...”

                    ท้ายประโยคเด็กหนุ่มไม่กล้าพูดต่อจนจบ พ่อกับแม่ได้แต่มองหน้ากัน ก่อนที่ผู้เป็นพ่อจะส่ายหน้าก่อนแล้วก้มลงไปกินข้าวอีกครั้ง แต่ราธีสกลับเอ่ยขึ้น

                    ข้าคิดว่าลูกไม่ได้โกหกหรอกนะคะ”

                    ข้าอิ่มแล้ว และง่วงมาก สามีวางจานอาหารลงอย่างแรงจนแทบจะกลายเป็นการกระแทก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้องนอน เธมป์มองบิดาอย่างไม่เข้าใจ

                    ทำไมท่านพ่อไม่ฟังข้าบ้าง”

                    เขาคงเพลียและง่วงมาก เจ้าก็รู้ว่าการเป็นทหารรับจ้างเสี่ยงภัยไม่น้อย”

                    แล้วเงินนี่...”

                    พ่อเจ้าจะเป็นคนเก็บเอาไว้”

                    ท่านแม่...”

                    เจ้ากินข้าวซะให้เรียบร้อย แล้วเก็บจานชามล้างด้วยล่ะ แม่จะไปอาบน้ำแล้ว”

                    ทั้งบิดาและมารดาต่างพากันหนีหน้า เธมป์ได้แต่ส่ายหน้าอย่างจนใจ ขณะเริ่มรับประทานอาหารมื้อเย็นของครอบครัว ที่มักจะเลยค่อนคืนอย่างนี้ทุกครั้ง

     

                    ดึกสงัด มีเพียงเสียงนกเค้าแมว ประตูหน้าบ้านเกิดเสียงกุกกักขึ้น ก่อนจะถูกเปิดออก บิดาของเธมป์นั่นเอง เขาตรงไปยังคอกม้า แต่แล้วกลับปะทะกับอะไรบางอย่าง

                    ราธีส เอ้อ...เจ้ามาทำอะไรตรงนี้ ยังไม่นอนอีกหรือ”

                    แล้วท่านล่ะ มาเดินเล่นหรือ โดยภรรยาย้อนถามเข้าให้ จึงได้แต่สะอึก

                    เอาเถอะ ข้ายอมรับก็ได้ว่า ข้าสงสัยว่าเขาจะมาที่นี่ทำไม ซึ่งมันคงไม่มีเหตุผลอะไร นอกจากเขารู้เรื่องของเรา และคงเวทนาข้า จึงเอาเงินมาโยนให้เราราวกับขอทานอย่างนี้”

                    ท่านคิดมากเกินไปแล้วนะคะ ข้าว่าเขาคงจะมีธุระจริงๆ ไม่อยากนั้น คงไม่มาหาเรา หลังจากที่ไม่เคยคิดจะมาเลยยี่สิบปีอย่างนี้หรอก น้ำเสียงนั้นมิได้มีความน้อยใจแม้แต่น้อย นางรู้ดีว่า หลังเหตุการณ์นั้น ทุกอย่างย่อมไม่เหมือนเดิม
                    
    ข้าคิดว่าเขาคงมาคนเดียวตามนิสัยเขาที่มักจะทำอะไรคนเดียวเสมอด้วย ซึ่งมันอันตรายขนาดไหนท่านก็ย่อมรู้ ข้าว่าท่านออกไปตามหาเขาอย่างนี้น่ะดีแล้วค่ะ แต่อย่าพูดจารุนแรงกันเลยนะคะ เราต่างก็เป็นฝ่ายสูญเสียกันทุกคน”

                    เราต่างก็เป็นฝ่ายสูญเสียกันทุกคน... คำนี้มันทดแทนได้กับทุกอย่างจริงๆ เขาพยักหน้ารับ ก่อนจะโน้มตัวลงมาจูบแก้มภรรยา แล้วเร่งม้าออกไป

                    และทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นนั้น ก็อยู่ในสายตาเธมป์ ลูกชายเพียงคนเดียวที่ย่องตามบิดาออกมาพอดี

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×