คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : Shy Boy (Kris x Suho)
Shy Boy
คุณรู้ใช่มั้ยว่าคนเราแสดงความรักออกมาต่างกัน แล้วสำหรับคนขี้อายอย่างผมล่ะจะทำยังไงดี เพราะผมเป็นคนขี้อายมากๆเวลาแสดงความรู้สึกออกไปจึงตรงข้ามกับความจริงเพื่อปกปิดความต้องการจริงๆของตัวเอง และถ้าเป็นอย่างนี้ เมื่อไหร่คนที่ผมรักเค้าจะได้รู้สักทีว่าผมรักมากแค่ไหน เค้าคงน้อยใจและอาจจะเลิกรักผมเข้าสักวัน...เพราะผมมันเป็นคนขี้อาย . . . .
ที่โรงเรียนคยองฮีสุดหรูในเกาหลีใต้ วันนี้เป็นวันเปิดภาคการศึกษาวันแรก นักเรียนหลายคนต่างพากันตื่นเต้นโดยเฉพาะเด็กนักเรียนปี2ห้องBเพราะมีข่าวว่าจะมีนักเรียนมาใหม่เป็นลูกนักธุรกิจที่กำลังเติบโตที่สุดในตอนนี้
และข่าวลือที่ว่าก็เป็นจริงพร้อมกับเสียงซุบซิบที่เงียบกริบเมื่อผู้ชายขายาวคนนั้นก้าวเข้ามาในห้อง ไม่ผิดคาดเพราะทุกคนต่างก็รู้อยู่แล้วว่า'คริส' นั้นขึ้นชื่อเลื่องลือในเรื่องความหล่อเหลามากขนาดไหน และทุกคนก็รู้พอๆกันว่าคริสเป็นคนที่เข้าถึงยากด้วยความที่เป็นคนเงียบ จนไม่มีใครกล้าเข้าหาทำให้เค้าไม่มีเพื่อนเลยแม้กระทั้งตอนนี้
"คยองซู ผู้ชายหัวทองตัวสูงคนนั้นเค้าเป็นใครอ่ะ" เสียงหวานของจุนมยอนเอ่ยถามพร้อมบุ้ยปากไปทางคริสที่นั่งอยู่ข้างหลังห้องเงียบๆคนเดียว
"คริสไง จุนไม่รู้จักเหรอนักเรียนที่เข้ามาใหม่อ่า"คยองซูตอบพร้อมกับทำหน้าเคลิ้ม
"คริสน่ะ รวยมากเลยนะแถมยังเล่นดนตรีได้เข้าขั้นสุดๆ เสียอย่างเดียวเงียบมากไปหน่อยเลยไม่มีใครกล้าเข้าหาไม่งั้นมีแฟนไปนานแล้ว.."คยองซูยังคงเจื้อยแจ้วต่อไปไม่หยุดปากที่เจ้าตัวมัวเอาแต่พูดถึงผู้ชายที่ชื่อคริส จุนมยอนได้แต่ส่ายหัวน้อยๆกับอาการคลั่งไคล้จนเกินเหตุของเพื่อนสนิท เสี้ยววินาทีหนึ่งที่ใบหน้าหวานของจุนมยอนหันไปสบเข้ากับสายตาคู่คม แค่เสี้ยววินาทีจริงๆเพราะจากนั้นใบหน้าหล่อคมก็ก้มหน้าก้มตาเล่นมือถือต่อพร้อมกับเสียบหูฟังสีขาวที่แสดงออกให้เห็นว่าเค้าไม่อยากรับรู้และสนใจอะไรทั้งนั้น
อยู่ๆร่างเล็กของจุนมยอนก็ลุกขึ้นและไม่รู้ว่าคนตัวเล็กเอาความใจกล้ามาจากไหนหรือเป็นเพราะสายตาคู่คมนั้นที่มันแฝงไปด้วยความเดียวดายและหว้าเหว่จึงเลือกให้คนตัวเล็กสืบเท้าเข้าไปหาร่างสูงพร้อมกับมือเล็กที่เอื้อมไปถอดหูฟังออกข้างหนึ่ง จนไปหน้าหล่อต้องเงยหน้าคมมามองด้วยความแปลกใจในการกระทำของคนตัวเล็กแต่ก็ยังคงตีหน้านิ่งต่อไป
"เฮ้ นายน่ะ คริสสินะ ไปทานข้าวเที่ยงด้วยกันมั้ย?" จุนมยอนพูดพร้อมกับรอยยิ้มที่เป็นมิตรจนคนฟังรู้สึกดีแถมมือเล็กนั่นยังเขย่าให้เขาลุกไปด้วยกัน จนเค้าไม่กล้าปฏิเสธ คนตัวเล็กตรงหน้าเป็นใครกันทำไมอยู่ๆถึงกล้าเข้ามาหาเค้า แถมพูดราวกับคุ้นเคยกันมานานสงสัยเป็นพวกมนุษยสัมพันธ์ดีสินะ
ร่างสูงของคริสไม่ได้ตอบอะไรเพียงแต่ยอมเดินตามร่างเล็กออกไปเงียบๆและยังคงเสียบหูฟังไว้ตามเดิม
"เจ๋งไปเลยจุนมยอน นายเป็นคนแรกเลยที่ได้คุยกับคริส" คยองซูกระซิบที่ใบหูเล็กของเพื่อนสนิทเพราะกลัวร่างสูงข้างหลังจะได้ยิน
"ก็ไม่มีอะไร เราแค่เห็นเค้าไม่มีเพื่อนน่ะ" จุนมยอนตอบตามที่คิดก่อนจะเดินนำไปที่โรงอาหารอย่างร่าเริง
หลังจากเลือกที่นั่งได้คยองซูก็ขอตัวไปซื้อข้าวร้านประจำ จุนมยอนที่มัวแต่หาของในกระเป๋าก็เงยหน้าขึ้นมามองใบหน้าหล่อที่ไม่มีท่าทีว่าจะไปซื้อข้าวสักที
"ไม่หิวเหรอคริส"
"อืม"
"งั้นก็นั่งรออยู่ตรงนี้นะ"
"อือ" คริสรับปาก ดวงตาคมมองเข้าไปในตากลมใสและส่ายหัวให้กับคนตัวเล็กที่พูดเหมือนตัวเองเป็นคุณแม่ที่กลัวลูกชายจะหายไป
ใช่..เราลืมไปได้ยังไงว่าคริสเป็นเด็กใหม่นี่นา ร่างสูงคงไม่รู้ว่าจะไปซื้อร้านไหนต้องทำยังไง นี่เค้าลืมคิดถึงข้อนี้ไปได้ยังไง แย่จริงๆจุนมยอน เมื่อคิดได้ดังนี้ร่างเล็กก็เดินดุ่มๆเข้าไปในร้านขายเบเกอรี่ร้านโปรดที่มีขนมหวานหน้าตาน่ากินเต็มไปหมด จนไม่รู้ว่าจะซื้ออันไหนดี ปากเล็กกัดเข้าที่นิ้วชี้อย่างใช้ความคิด
'คริสจะชอบกินอันไหนนะไม่ได้ถามด้วยสิ'
' เราชอบเค้กนมสด แล้วคริสจะชอบมั้ยนะ'
'ไม่สิท่าทางเย็นชาแบบนั้น เอาเค้กชาเขียวละกันคิกๆ'
จุนมยอนหัวเราะให้ความคิดของตัวเองที่แอบจิกกัดอีกฝ่ายในใจเมื่อตัดสินใจเลือกเค้กสามชิ้นได้
"จุนมยอนไปนานจังรู้มั้ย คริสไม่ยอมคุยกับเราเลย" เพื่อนตัวเล็กตาโตโดคยองซูเอ่ยฟ้องทันทีและตั้งใจให้บุคคลที่ถูกเอ่ยถึงได้ยินด้วย จุนมยอนได้ฟังเพื่อนขี้ฟ้องจึงเอื้อมมือไปยีผมด้วยความหมั่นเขี้ยว ก่อนจะเบนสายตาไปหาคริสที่ไม่ได้รู้สึกอะไรเลยแม้จะถูกพูดประชด
"อะนี่เค้กช็อกโกแล็ตของคยองซูหยุดน้อยใจคริสได้แล้วนะ" คยองซูเมื่อได้ถุงขนมร้านโปรดก็ไม่สนใจใครอีกลย
"และนี่ของคริสไม่รู้จะชอบป่าว เค้กชาเขียวที่เหมาะกับคนเย็นชา..อุ้ป"มือเล็กเอามือปิดปากตัวเองแทบไม่ทันเมื่อเผลอพูดสิ่งที่ใจคิด ร่างสูงขมวดคิ้วเข้มฉับทันที จุนมยอนได้แต่ยิ้มแหยๆกลับไป
"ขอบใจ" เสียงทุ้มพูดออกมาจนทำให้โดคยองซูตาโตกว่าเดิมที่ได้ยินเสียงของคริส ฮืออออ คยองซูจะครายยยย
"ฉันต้องกลับก่อนมีธุระด่วน ขอตัวก่อนนะ"คริสพูดประโยคออกมายาวที่สุดในความคิดของคนตัวเล็กทั้งสองพร้อมกับถือถุงเค้กออกมาด้วย จุนมยอนจะเอ่ยถามอีกแต่ร่างสูงก็เดินออกไปเสียก่อนจนเรียกไว้ไม่ทัน เฮ้อ อะไรของเค้าเนี้ย หรือเพราะเราบอกให้นั่งรออีกฝ่ายจึงไม่ยอมไปทันที ท่าทางแบบนั้นคงรีบมากจริงๆ
หลังจากที่เดินออกมาจากคนตัวขาว คริสก็เอาแต่มองถุงเค้กพร้อมกับอมยิ้มเล็กๆ ใช่..เค้าชอบกินเค้กชาเขียว สงสัยมันจะเหมาะกับคนเย็นชาอย่างเค้าจริงๆสินะ คิม จุนมยอน..
"เป็นไปได้ยังไงลูกแม่เดินยิ้ม สงสัยวันนี้ฝนคงจะตกน้ำท่วมโซลแน่เลย" คุณนายอู๋จอดรถคันหรูรอลูกชายเอ่ยแซวกับอาการของลูกชายที่ขนาดเค้าเป็นแม่เองยังไม่ค่อยได้เห็นนอกจากเวลาที่คริสจะอยู่บนเวทีพร้อมกับกีต้าร์แสนรักคริสจะกลายเป็นอีกคน
"ผมไม่ได้ยิ้มสักหน่อย ไปกันเถอะครับจะได้เวลาแข่งแล้ว" คริสตัดบทก่อนที่จะโดนคุณแม่จับผิดไปมากว่านี้ ร่างสูงเดินไปฝั่งคนขับเมื่อคนเป็นแม่ขึ้นไปนั่งในรถเรียบร้อยแล้ว
"อี้ฟาน จะไมีกินเค้กสักหน่อยเหรอ? เอ๊ะ นี่เค้กรสโปรดลูกด้วยหนิ ใครกันนะช่างรู้ใจ" คุณนายอู๋ยังเอ่ยแซวลูกชายไม่เลิก
"ผมยังไม่หิว"
"งั้นแม่ขอกินนะ"
"ผมจะกินก่อนขึ้นประกวด"
คริสตอบเสียงเข้มจนคนเป็นแม่เลิกแหย่ จนประทั่งทั้งคู่มาถึงจุดหมายนั่นก็คือ เวทีประกวดวงดนตรีระดับประเทศ . . .
"คริส หายไปไหนมาทำไมขาดเรียนบ่อยจัง"
"คริสการบ้านเยอะเลยนะ คริสจะต้องส่งภายในวันนี้เท่านั้น"
"คริสจะไม่บอกเราหน่อยเหรอว่าหายไปทำไรบ่อยๆ"
"คริสเราเป็นห่วงการเรียนของคริสจริงๆคริสต้องสนใจบ้างสิ"
ทั้งหมดนี่คือคำถามของคนตัวเล็กที่ชื่อว่าคิมจุนมยอนที่ผมจะต้องได้ยินทุกครั้งที่ก้าวเข้ามาให้ห้อง ตอนแรกผมรู้สึกติดจะรำคาญ แต่ถ้าวันไหนไม่ได้ยินผมจะรู้สึกหงิดหงุดมากกว่าเสียอีกและวันนี้ก็เช่นกัน
"คริสวันนั้นคริสหายไปไหน" นั่นทายผิดเสียที่ไหนจุนมยอนเอ่ยทักเค้าตั้งแต่ก้าวเท้าเข้ามา
"มีการบ้านเยอะแยะเลย นั่งลงก่อนสิวันนี้คยองซูไม่มาเรียนจะมานั่งข้างเราชั่วคราวก่อนก็ได้นะ" จุนยอนเอ่ยชวนโดยไม่ได้คิดอะไรท่าทางยิ้มแย้มนั่นทำให้คริสอดมองนานๆไม่ได้คนตัวเล็กคงไม่ได้ยิ้มให้ใครไปทั่วหรอกนะ
"เอ่อการบ้านเยอะแยะเลย"คริสพูดตอบรับ นี่ก็เดือนกว่าแล้วที่ชีวิตของเค้ามีคนตัวเล็กตรงหน้าเข้ามาวนเวียน จุนมยอนใส่ใจเค้าในทุกเรื่องจนทำให้เราสองคนสนิทกันเร็วอาจเป็นเพราะผมไม่มีใครทำให้ชีวิตผมมีแค่จุนมยอน
"ย่าห์ นี่คริสจะเอาไปลอกเลยเหรอ? ให้เราสอนก็ได้" คนตัวเล็กดึงสมุดกลับพร้อมกับอมลมจนแก้มป่องที่อีกฝ่ายทำตัวเป็นเด็กนิสัยไม่ดี แต่จุนมยอนคงไม่รู้ความลับอีกอย่างว่านอกจากคริสจะเล่นกีต้าร์ได้ขั้นเทพแล้วการเรียนก็ไม่ได้ด้อยกว่ากันเลย
"ขี้เกียจคิด"
"ไม่ได้เดียวเราจะสอนเอง" จุนมยอนยังดึงดันจะสอนอีกฝ่ายมีอย่างที่ไหนจะมาลอกทั้งๆที่ไม่เข้าใจคิมจุนมยอนไม่ยอมหรอกนะขอบอก คนตัวเล็กหยิบหนังสือวิชาเลขขึ้นมาก่อนจะเปิดไปหน้าที่อาจารย์สอนไปเมื่อวาน ปากเล็กอมชมพูพร่ำสอนการบ้านคนร่างสูง คริสได้แต่ปั้นหน้าพยายามสนใจในเนื้อหาทั้งๆที่คนตัวขาวน่าสนใจกว่าตั้งเยอะ..
หลายคนอาจจะคิดว่ามันเร็วเกินไปถ้าคิดว่าผมจะชอบจุนมยอน แต่คุณรู้มั้ยว่าคนที่ไม่มีใครอย่างผมหวั่นไหวง่ายมากแค่ไหน ไม่ใช่ว่าไม่มีใครเข้ามาจีบแต่เพราะคนส่วนใหญ่ไม่เคยจริงใจกับผมเลย แต่พอผมเห็นคิมจุนมยอนเดินเข้ามาหา ผมคิดว่ารอยยิ้มที่เค้าส่งมาให้ดูจริงใจจนผมเริ่มเปิดใจยอมรับเค้าถึงขนาดยอมไปกินข้าวด้วย ยิ่งตอนซื้อเค้กให้ผมยิ่งรู้ว่าเค้าเป็นคนใส่ใจคนอื่น ผมรู้สึกประหลาดจนอยากอยู่ใกล้แบบนี้ไปนานๆจัง
"นายเข้าใจที่เราอธิบายมั้ย?" ร่างสูงหลุดออกมาจากห้วงความคิดก่อนจะทำหน้าเหรอหราจนจุนมยอนขำออกมาเบาๆ
"เข้าใจสิ เข้าใจ" "งั้นทำโจทย์ข้อนี้ให้ดูหน่อย" จุนมยอนทำเสียงเข้มทำไมจุนมยอนจะไม่รู้ว่าคริสไม่ได้ฟังเค้าอธิบายเลย ถ้าทำไม่ได้จะงอนเลยคอยดูสิ แต่ป่าวเลยร่างสูงทำโจทย์ข้อนั้นได้แถมเสร็จเร็วจนจุนมยอนตกใจ คริสได้แต่ยิ้มมุมปากเมื่อเห็นคนหน้าหวานอึ้งจึงเอื้อมมือไปบีบแก้มนิ่มเบาๆ จุนมยอนที่ตอนแรกอึ้งที่คริสคิดเลขเก่งไม่พอตอนนี้เค้าอึ้งที่คริสมาจับแก้มมากกว่า ตกใจมากๆเลยตกใจรอยยิ้มนั่นด้วย
"ถ้าทำเป็นแต่แรกก็ไม่บอก ตกลงจะบอกเราได้ยังว่าไปไหนมา?"
"ไปแข่งดนตรีมาแต่แพ้" 0.0 "จริงเหรอ?คริสทำเราอึ้งอีกแล้ว"
อยู่ๆมือหนาก็ยื่นมือถือพร้อมกับเปิดวิดีโอที่ตัวเองกำลังเล่นกีต้าร์บนเวีทีให้กับคนตัวเล็กพร้อมกับหูฟังอีกข้างไปจุนมยอนมองอย่างงงๆจนคริสเองเป็นคนใส่ให้อีกฝ่ายแทน
"ตอนที่ฉันกำลังแข่งเมื่อวานแต่โซโล่กีต้าร์แรงไปหน่อยสายเลยขาด"คริสบอกที่คนตัวเล็กกำลังดูไปด้วย
"เหมือนไม่ใช่คริสเลยเนอะ บนเวทีเท่จัง"
"คริสเราอยากเล่นเป็นบ้าง สอนเราหน่อยนะ" ปากเล็กพูดออกมาทั้งๆที่ตากลมทั้งสองข้างยังจับจ้องไปที่หน้าจอมือถือ
"นิ้วสั้นแบบนั้นเล่นไม่ได้หรอก" ใบหน้าขาวหันกลับมามองในระยะประชิดก่อนจะเห็นว่าอีกฝ่ายยักคิ้วอย่างกวนๆมาให้ข้างนึง
"เรางอนแล้ว" จุนมยอนทำปากยู่อย่างไม่พอใจคริสกล้าดียังไงมาล้อปมด้อยเค้า นิสัยไม่ดี
"หายงอนนะ ฉันง้อใครไม่เป็น จุนมยอนคือคนแรก" จุนมยอนที่ตีหน้าแกล้งงอนหลุดยิ้มแทบจะทันทีมีอย่างที่ไหนมาบอกกันตรงๆแล้วใครจะโกรธลง ตกลงคริสเป็นคนแบบไหนกันแน่
"ถ้าหายงอนว่างๆจะเล่นกีต้าร์ให้ฟัง"คริสพูด
"สอนด้วย" จุนมยอนพูดต่อ
"อือ" คริสไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมต้องยอมจุนมยอนทุกอย่าง ไม่เข้าใจเลยจริงๆ
หลายอาทิตย์ผ่านไปคริสเอากีต้าร์มาที่โรงเรียนแทบจะทุกวันก็เพราะคนตัวเล็กเรียกร้องให้เอามาอ้างว่าอยากฟังบ้างล่ะ จะให้สอนบ้างละ จุนมยอนจะทำหน้าประหลาดใจทุกทีเวลามือเรียวของเค้าบรรจงดีดกีต้าร์ ใบหน้าสวยหวานจะพริ้มไปด้วยรอยยิ้มเสียงใสจะคลอไปตามเบาๆ
และตอนเย็นหลังเลิกเรียนของวันนี้ผมก็มานั่งรอจุนมยอนพร้อมกับกีต้าร์คู่ใจรอสักพักคนตัวเล็กก็มาพร้อมกับรอยยิ้มกว้างที่ส่งมาให้แต่ไกล
"วันนี้เราไม่ฟังคริสเล่นหรอก" คริสขมวดคิ้วทันทีที่ได้ยินประโยคจากร่างเล็ก
"เพราะเราจะให้คริสสอนเราเล่น คิกๆ"เสียงหวานเอ่ยอย่างอารมณ์ดีก่อนจะจัดแจงกับกระเป๋าพร้อมกับหาที่นั่งเหมาะๆเพื่อจะให้เพื่อนตัวสูงสอนถนัดๆ
กีต้าร์สีดำราคาแพงอยู่บนตักคนตัวเล็ก นิ้วเล็กค่อยๆทาบที่สายทีละเส้นตามที่เสียงทุ้มบอก แต่ปรากฏว่าดีดยังไงเสียงก็แปล่งๆทุกที จนคนตัวเล็กยู่ปากอย่างขัดใจ คริสได้แต่ส่ายหัวให้กับความใจร้อนของคนตัวเล็กเพราะดีดไม่ได้ดั่งใจ คริสค่อยๆย้ายร่างตัวเองเปลี่ยนตำแหน่งมานั่งซ้อนหลังร่างบางคนตัวเล็กไม่ได้สนใจกับการเคลื่อนไหวข้างๆตัวจนกระทั่งมือหนาเอื้อมมาโอบล้อมมือเล็กไว้ จุนมยอนสะดุ้งน้อยๆพร้อมกับหัวใจที่เต้นระรัวให้ตายสิคริสอาจจะได้ยินมันก็ได้
"ต้องค่อยๆกดไปทีล่ะสายแบบนี้" มือหนากดทับไปที่มือเล็กเบาๆเพราะเกรงว่าอีกฝ่ายจะเจ็บ จากนั้นก็ใช้มือขวาจับมือเล็กดีดลงไปเป็นจังหวะขึ้นลงไปมา ตอนนี้จุนมยอนไม่ได้สนใจกับการเรียนกีต้าร์เลย เพราะแค่จะควบคุมไม่ให้ตื่นเต้นกับสัมผัสนี้ยังห้ามไม่ได้ มันคล้ายกับว่าคริสกำลังกอดเค้าจากด้านหลังโดยไม่ตั้งใจ
"ทำได้แล้วใช่มั้ย หืม?"คริสถามก่อนจะสังเกตเห็นแก้มใสแปรเปลี่ยนเป็นสีชมพูระเรื่อ
"อะอือ" จากนั้นคริสก็กลับไปนั่งที่เดิม เล่นไปได้สักพักคนตัวเล็กก็รู้สึกเจ็บแปลบๆที่ปลายนิ้วแถมตอนนี้ยังแดงไปหมด มือเล็กลูบปลายนิ้วไปมาด้วยความเจ็บแต่คิดว่าสักพักนิ้วคงด้านและไม่เจ็บ แต่จุนมยอนจะรู้มั้ยนี่คือเหตุผลที่คริสไม่อยากให้คนตัวเล็กเล่นเพราะมือนุ่มๆจะด้านแถมเจ้าตัวยังเจ็บมากต่างหาก
"อ๊ะ" เสียงหวานร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อคริสรวบมือตัวเองเอาไว้อย่างหวงแหน
"อย่าเล่นอีกเลยนะจุนมยอน ฟังฉันเล่นก็พอ" คริสลูบปลายนิ้วเล็กเบาๆแล้วเป่าลงไปเพื่อให้คนตัวเล็กหายเจ็บ
"แต่.."
"เฮ้ พวกนายสองคนทำอะไรกัน นี่คริสอย่าบอกนะว่าคริสจะจีบจุนมยอน หรือว่าเป็นแฟนกันแล้ว" คยองซูที่มาพร้อมเซฮุนเอ่ยถามเพราะท่าทางของสองคนส่องให้คิดไปทางนั้นจริงๆ
"......." คริสยังคงตีหน้านิ่งใส่คยองซู ก่อนจะหันไปมองใบหน้าขาวของจุนมยอนที่ตอนนี้อายจนหน้าแดง
"เอ่อ เรากับคริสไม่ได้เป็นอะไรกันนะคยองซู"
"แต่คริส.."คยองซูจะพูดต่อ
"ฉันไม่เคยคิดจะจีบจุนมยอน โปรดเข้าใจด้วย " คริสตอบตัดบทเพราะยิ่งแก้ตัวเค้าก็ยิ่งเข้าข่ายตามที่คยองซูพูดสู้ตัดบทให้มันจบๆดีกว่า และอีกอย่างเค้าอายเกินกว่าที่จะให้จุนมยอนรับรู้ความรู้สึกเค้าตอนนี้ เพราะเค้ากลัวทำตัวไม่ถูกเวลาอยู่กับคนตัวเล็ก ถ้าต่อไปสบตากันจะรู้สึกยังไง มันขัดเขินเกินไปผมกลัวจะสูญเสียความเป็นตัวเองเพราะผู้ชายตัวเล็กหน้าหวานตรงหน้าจริงๆ
"ใช่.คริสไม่เคยคิดจะจีบเราสักหน่อย "จุนมยอนพูด เค้าไม่รู้ทำไมทั้งๆที่คนตัวสูงก็พูดตามความจริง แต่ทำไมต้องรู้สึกเสียใจด้วย อยู่ๆน้ำตาก็ทำท่าจะรื้นออกมาจนคนตัวเล็กต้องขอตัวกลับ
"พอดีเรานึกขึ้นได้ว่ามีธุระ เราขอตัวก่อนนะ" ร่างเล็กรีบคว้ากระเป๋าโดยไม่สบตาใครทั้งนั้นเพราะกลัวว่าทุกคนจะรู้ความจริง ความจริงที่ว่า จุนมยอนกำลังหวั่นไหวกับคริส คนที่ไม่เคยสนใจตัวเองเลย
หลังจากเหตุการณ์วันนั้นผ่านไปคริสกับจุนมยอนก็ดูห่างเหินกัน ด้วยความที่คนตัวเล็กทำตัวยุ่งจนเกินเหตุตลอดเวลา ไม่ได้ใส่ใจร่างสูงอย่างที่เคยเป็นเพราะกลัว กลัวว่าคริสจะปฏิเสธอีก คนตัวเล็กนั่งคุยกับคยองซูด้วยท่าทีปกติแม้ว่าตอนกลางวันจะไปทานข้าวด้วยกันสามคนเหมือนเดิม แต่กลับมีเพียงคำพูดบางคำเท่านั้นที่ส่งผ่านให้กัน คยองซูสังเกตเห็นความผิดปกติของคนทั้งคู่แต่เค้าก็ไม่กล้าจะพูดอะไรกับคริสมากนักเพราะคริสส่วนใหญ่จะใช้เวลาอยู่กับจุนมยอนมากกว่า แต่ถ้าปล่อยไว้แบบนี้คนทั้งคู่อาจจะต้องเสียใจก็ได้เพราะงั้น คยองซูจะต้องหาทางช่วยคนปากหนักทั้งสองคนเอง..
คริสเองก็อยากเคลียร์กับคนตัวเล็กให้รู้เรื่องว่าเป็นอะไร เค้าทำอะไรผิด เค้าอยากให้จุนมยอนสนใจ อยากให้ใส่ใจเป็นห่วงเหมือนแต่ก่อนแต่ถ้าจะให้เข้าหาก่อนก็ไม่รู้จะเริ่มต้นยังไง ผมชินกับการมีจุนมยอน แต่ผมอาย อายเกินกว่าที่จะเปิดใจกับคนตัวเล็ก ผมจะต้องทำยังไง
"พี่จุนมยอน ผมขอคุยด้วยหน่อยสิครับ"เสียงทุ้มของรุ่นน้องตัวสูงหน้าหล่อเอ่ยขึ้นระหว่างคนทั้งสามจะเดินกลับเข้าห้องเรียนในช่วงบ่าย
"มีอะไรเหรอเซฮุน?"เมื่อเด็กหนุ่มเซฮุนพารุ่นพี่ตัวขาวมาในที่ลับตาผู้คนจุนมยอนก็เอ่ยถามด้วยความสงสัย ใบหน้าหวานยิ้มให้รุ่นน้องอย่างใจดีเหมือนเคย เพราะคิดว่าน้องคงต้องการความช่วยเหลือจากตนเหมือนที่ผ่านๆมา
"คือ คือว่าผม ผมชอบพี่มานานแล้ว วันที่ผมรู้ว่าพี่กับพี่คริสไม่ได้เป็นอะไรกัน ผมเลยรู้ว่าตัวเองยังมีความหวัง ได้โปรดเป็นแฟนกับผมนะครับ" เซฮุนเอ่ยประโยคความในใจออกมาเสียยืดยาว จุนมยอนเองก็ตกใจไม่น้อยที่รู้ความในใจของเซฮุนแต่เค้ากับเซฮุนก็รู้จักกันมานาน นานพอๆกับคยองซูและเค้าก็คิดกับเซฮุนแค่น้องชายเท่านั้น
คริสที่แอบตามคนตัวเล็กมาโดยอ้างกับคยองซูว่ามาเข้าห้องน้ำได้ยินประโยคสารภาพรักก็หันหน้าหนีทันที พร้อมกับขายาวที่ก้าวออกมาอย่างหมดแรง เค้ากลัวว่าคนตัวเล็กจะตอบตกลง เค้ารับไม่ได้
"เซฮุน พี่ขอโทษนะ พี่คิดกับเราแค่น้องชายจริงๆ พี่ว่าเรารักกันแบบพี่น้องก็ดีนะ เพราะเราจะไม่มีวันเลิกรากัน เพราะพี่ก็กลัวจะเสียน้องชายอย่างเซฮุนด้วย " จุนมยอนพูดปฏิเสธอย่างอ่อนโยนพร้อมรอยยิ้มจริงใจส่งไปให้น้อง เซฮุนก็รับฟังอย่างเข้าใจแม้จะเสียใจไม่น้อย แต่ก็เคารพการตัดสินใจของผู้เป็นพี่ก่อนจะดึงร่างเล็กเข้ามากอด
หลังจากได้เห็นเซฮุนสารภาพรักกับจุนมยอน คริสก็ไม่ค่อยมาเรียน บางทีเข้าเรียนไม่ถึงครึ่งวันก็โดดกลับก่อนเป็นแบบนี้ได้สองอาทิตย์กว่าๆแล้ว จุนมยอนยังคงเป็นห่วงคริสเหมือนเดิมแต่จะไปถามข่าวร่างสูงก็ไม่ได้เพราะในโรงเรียนจุนมยอนกับคริสสนิทกันที่สุดแล้ว จนมีช่วงนึงที่คนทั้งโรงเรียนคิดว่าคนทั้งสองคบกัน จึงไม่มีใครกล้าจีบจุนมยอนอีกเลย เพราะเห็นว่าคนตัวเล็กกับคนตัวสูงเหมาะกันที่สุดแล้ว คนน่ารักกับคนหล่อคบกันมันเหมาะสมที่สุดในความคิดของคนส่วนใหญ่ในโรงเรียน
"จุนมยอน นายกับคริสเป็นอะไรหรือป่าว ทำไมช่วงนี้ไม่ค่อยคุยกันเลย" คยองซูเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง
"เรากับคริสไม่ได้มีเรื่องอะไร"
"บางทีเราอาจจะยุ่งกับเค้ามากเกินไป มากกว่าเพื่อนคนนึง" จุนมยอนพูดเศร้าๆ
"เราก็ไม่รู้หรอกนะว่าความรู้สึกนี้มันเกิดขึ้นตอนไหน อาจเพราะเราคนเดียวที่ทำตัวสนิทกับเค้า ทั้งๆที่เค้าไม่ต้องการและอาจจะรำคาญ"
"เราจะตัดใจเองคยองซู เราจะเป็นเพื่อนที่ดีของคริสเหมือนเดิมจะไม่ให้คริสลำบากใจ" ศีรษะเล็กของจุนมยอนซบเข้าที่หัวไหล่เล็กอย่างเหนื่อยใจ
"อย่าคิดมากเลยนะจุนมยอน" มือเล็กของคยองซูลูบที่แผ่นหลังบางเพื่อปลอบใจไม่ให้เพื่อนตัวเล็กคิดมาก จุนมยอนชอบคิดเองเออเอง ทำไมคยองซูจะดูไม่ออกว่าคริสเองชอบจุนมยอนมาก เห็นสายตาที่มองเพื่อนเค้าก็รู้แล้ว ไม่งั้นวันนั้นเค้าไม่เอ่ยแซวหรอกนะ เพราะวันนั้นต้องการจะแกล้งให้ทั้งคู่อายเล่นๆ แต่ไม่คิดว่าผลมันจะออกมาเป็นแบบนี้ เฮ้ออ เมื่อไหร่คริสจะรู้ใจตัวเองและมีความกล้าพอสักทีนะ รู้งี้เชียร์ให้เป็นแฟนเซฮุนให้รู้แล้วรู้รอดไปเลยหนิ คริสคนฟอร์มจัดเอ้ย
ในที่สุดช่วงใกล้วันปิดภาคการศึกษาก็มาถึง ช่วงนี้คริสถูกทาบทามให้ไปแสดงคอนเสิร์ตให้กับรุ่นพี่ปีสุดท้ายที่จะจบออกไป ส่วนจุนมยอนก็มัวเตรียมงานในวันจบภาคการศึกษาทำให้ทั้งคู่ที่ห่างเหินกันอยู่แล้วยิ่งห่างเหินจนเหมือนคนไม่รู้จักกัน และอีกเหตุผลหนึ่งเพราะร่างสูงคิดว่าคนตัวเล็กตอบตกลงเป็นแฟนกับเด็กหน้าหล่อไปแล้ว เห็นช่วงนี้ตัวติดกันตลอด แถมเด็กนั่นยังอ้อนจุนมยอนจนหน้าหมั่นไส้ แค่คิดก็ทรมานหัวใจจนต้องถอยออกมาอยู่คนเดียวเงียบๆ เพราะคนอย่างเค้าปกติก็ไม่มีใครอยู่แล้ว จะไม่มีใครคบอีกก็คงชินเสียแล้วล่ะ
"คริสๆๆ" เสียงคุ้นหูเรียกเค้าจนคริสที่มัวแต่วุ่นกับการตั้งสายกีต้าร์หันไปมองด้วยความแปลกใจที่เห็นเพื่อนสนิทของจุนมยอนอย่างคยองซูมาที่นี่
"เราจะถามคริสแค่คำถามเดียว"
"คริสชอบจุนมยอนหรือป่าว?"ร่างสูงตกใจเล็กน้อยแต่ก็ตีหน้าเรียบให้เป็นปกติ
".........."
ความเงียบปกคลุมทั้งสอง คยองซูเองก็ไม่รู้จะพูดยังไงต่อก็เค้าถึงขนาดแบกหน้ามาถึงนี่แล้วเจ้าตัวยังเงียบ เค้าก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้วเหมือนกัน
"จุนมยอนไม่ได้เป็นแฟนกับเซฮุนนะ"
"และเหมือนเค้าจะชอบคนแถวนี้อยู่"
"เราจะพาจุนมยอนไปดูคริสเล่นดนตรีตอนบ่าย มีอะไรอยากจะพูดก็รีบพูดนะ" ว่าเสร็จร่างเล็กของคยองซูก็เดินกลับออกไป ทิ้งไว้ให้คนหน้าหล่อดีใจจนเก็บไม่มิด จุนมยอนไม่ได้เป็นแฟนกับเด็กนั่น จุนมยอนชอบเค้าเหรอ? เป็นไปได้ยังไง ไม่จริงน่า
คริสตัดสินใจแล้ว เค้าจะบอกความในใจทั้งหมดทุกอย่างกับจุนมยอน จะไม่ปล่อยไปอีกแล้ว เพราะจุนมยอนมาเอาพื้นที่ในการใช้ชีวิตของเค้าไปหมด ไม่มีจุนมยอนเค้าทรมานเกินไป
แม้คริสไม่ได้ตอบรับหรือปฏิเสธคยองซู แต่ทำไมนะคยองซูถึงมั่นใจว่าคริสจะต้องทำอะไรสักอย่างเพราะงั้นผมถึงได้คะยั้ยคะยอให้จุนมยอนมาให้ได้
จุนมยอนถูกเพื่อนตัวเล็กอย่างคยองซูลากมาที่หอประชุม จุนมยอนงงๆแต่ก็ยอมตามมา ภายในหอประชุมผู้คนเบียดเสียดจนทำให้คนตัวเล็กรู้สึกอึดอัดเล็กน้อย ร่างเล็กโดนเบียดไปมาแต่ก็ไม่ได้บ่นอะไร เพราะอยากรู้จุดประสงค์ของคยองซูมากกว่า จนกระทั่งได้ยินเสียงพิธีกรประกาศชื่อวงดนตรี พร้อมกับร่างสูงของคริสที่ปรากฏตัวยืนโดดเด่นขึ้น เสียงกรี๊ดกราดจากสาวๆที่คลั่งไคล้ในร่างสูงทำจุนมยอนต้องเอามืออุดหูไว้ จุนมยอนไม่รู้มาก่อนว่าร่างสูงได้ถูกเลือกให้เล่นดนตรี
ครั้งแรกที่จะได้เห็นคริสบนเวทีตัวเป็นๆ
จุนมยอนมองคริสได้เต็มตาในระหว่างที่ร่างสูงวาดลวดลายบนเวที จุนมยอนมองด้วยความรู้สึกหลายอย่าง รัก คิดถึง น้อยใจ เป็นห่วง เพราะดูจากภายนอกคริสยังหล่อและดูดี แต่คนที่เคยใกล้ชิดมาก่อนอย่างเค้ารู้ว่าอีกฝ่ายผอมและดูซูบกว่าเมื่อก่อน จนกระทั่งการแสดงจบ เมื่อคนตัวเล็กสังเกตเห็นแล้วว่าร่างสูงก็มองเห็นตนกับเพื่อนเช่นกัน แถมยังทำท่าจะเดินมาทางนี้อีก ร่างเล็กไม่รู้จะทำตัวยังไงเมื่อต้องเผชิญหน้าคริสจึงเลี่ยงที่จะขอไปเข้าห้องน้ำแทน
หลังจากเปิดประตูห้องน้ำออกมาร่างเล็กของจุนมยอนต้องตกใจกว่าเดิม เมื่อคนที่ยังไม่พร้อมจะเจอหน้าก็มายืนจ้องเค้าจนจุนมยอนไม่รู้จะใช้สายตาไปโฟกัสตรงจุดไหนดี
"หวัดดีคริส ไม่เจอกันนานเลยเนอะ" จุนมยอนพูดพร้อมกับยิ้มแห้งๆส่งไปให้
"สบาย.."
หมับ
คริสกระชากร่างเล็กเข้ามาสู่อ้อมกอดอย่างโหยหา จุนมยอนก็ตกใจไม่น้อยแต่ก็ยอมยืนนิ่งๆเพราะไม่รู้จะทำตัวยังไง
"คิดถึง"เสียงทุ้มเอ่ยออกมาเสียงราวกับละเมอแต่ยังก้องอยู่ในหูชัดเจนของคนตัวเล็ก
จุนมยอนเป็นฝ่ายผละอ้อมกอดออกมามองร่างสูงอย่างไม่เชื่อสายตา ว่านี่ใช่คริสที่เค้ารู้จักหรือป่าว?
"จุนมยอน ยืนนิ่งๆสิ" คริสเอ่ยสั่ง จุนมยอนเอียงคอมองอีกฝ่ายด้วยความไม่เข้าใจ
คริสหยิบปากกาเมจิกสีชมพูออกมาจากกระเป๋ากางเกง แล้วรั้งร่างเล็กมายืนใกล้ๆ
"จะทำอะไรคริส" จุนมยอนถามเสียงสั่น จากนั้นร่างสูงก็จัดการเขียนข้อความบางอย่างลงไปบนเสื้อนักเรียนสีขาวสะอาดของจุนมยอน
"นี่มันเปื้อนนะ !"
"อยู่นิ่งๆสิ ไม่งั้นจะโดนทำโทษ" คริสบอกเสียงเข้มจนจุนมยอนไม่กล้ากระดุกกระดิก
"เสร็จแล้วครับ" คริสถอยออกมาเล็กน้อยให้คนตัวเล็กได้อ่านข้อความนั้นชัดๆ
จุนมยอนก้มมองตัวอักษรที่คริสเขียนบนเสื้อตรงหน้าอกข้างซ้ายแล้วก้มหน้างุด เพราะข้อความที่คริสเขียน
'หัวใจของจุนมยอน คริสขอนะ♡ '
"ว่าไงล่ะคิมจุนมยอนจะให้หรือป่าว? เราไม่ได้แค่ชอบจุนมยอนนะ แต่เราตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกก็ว่าได้"
"อย่าทำร้ายเราด้วยการไม่สนใจกันเลยนะ มันดูใจร้ายเกินไปเพราะฉันไม่มีใคร นอกจากคิมจุนมยอน เป็นแฟนกันนะจุนมยอน"
"........"
"นะ ได้โปรด" คริสใช้สายตาออดอ้อนอย่างที่ไม่เคยทำกับใครมาก่อน
"อือ" จุนมยอนตอบด้วยท่าทางที่เอียงอายแถมยังก้มหน้าเหมือนเดิม แก้มใสทั้งสองข้างแดงระเรื่อยิ่งทำให้จุนมยอนที่น่ารักอยู่แล้วยิ่งน่ารักเข้าไปอีก
"อะไรกัน พูดแค่นี้เองเหรอ?"
"แล้วคริสไปหัดพูดเก่งตั้งแต่ตอนไหนล่ะ?"
"ก็เพราะนายทั้งหมดเลยที่มาเปลี่ยนชีวิตฉัน ไม่ต้องมาเปลี่ยนเรื่องเลย นายรักฉันบ้างหรือป่าว?"
"คริสก็รู้อยู่แล้วนี่ ยังจะมาถามอีก"
"ก็อยากได้ยินหนิ ไม่พูดจะจูบจนกว่าจะพูดเลย" คริสแกล้งขู่
"ทะลึ่ง!" จุนมยอนว่าพร้อมกับส่งสายตาดุไปให้
"แล้วรักมั้ยล่ะครับ"
"รักสิ รักมากด้วย"
"ก็แค่นั้นแหละ"
"แต่ฉันรักนายมากกว่านะ คิมจุนมยอน" คริสบอกเสียงเข้ม"
จุ้บ
ริมฝีปากหนาฉวยจุ้บปากเล็กอมชมพูอย่างรวดเร็ว
"ย่าห์ คนขี้โกง"
End
ฟิคแก้บนค่ะ รักคนอ่านนะคะ จุ้บ ♡♡♡
ความคิดเห็น