คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : 6 - ปฏิบัติการเพื่อความสมานฉันท์โดยโอเซฮุน (1)
COUPLE : TAO x SUHO
RATE : PG13
CATEGORY : Romantic , Comedy
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
6
“ทำไมพี่ไม่มารับผมซะพรุ่งนี้เลยล่ะ! พี่ก็รู้ว่าตอนเย็นโรงเรียนมันน่ากลัวขนาดไหน ถ้าจงอินไม่อยู่เป็นเพื่อนผมป่านนี้ผมอาจจะโดนคนฉุดไปเรียกค่าไถ่แล้วก็ได้!”
“พี่ก็บอกแล้วไงว่าขอโทษ ถ้าจะโทษก็ต้องไปโทษเทามันนู่น ตัวบอกว่าจะไปรับแต่หายหัวไปไหนก็ไม่รู้เนี่ย...” คริสบ่นอุบถึงน้องชายตัวดีอีกคนที่ปล่อยให้เค้าเผชิญชะตากรรมโหดร้ายกับเซฮุนบนรถ เสียงบ่นทุ้มต่ำดังมาตลอดทางตั้งแต่ก้าวขึ้นรถยันก้าวลงรถ อู๋ฟานอยากจะบ้าตาย!
“ไม่ต้องไปโทษพี่เทาเลยพี่คริส -_- รายนั้นเค้าโทรมาบอกผมแล้วว่าไม่ว่างแล้วก็บอกว่าพี่กำลังรีบไปรับผมอยู่ แล้วดูคำว่ารีบของพี่สิ!” คริสกลอกตาอย่างเหนื่อยหน่าย ในใจแอบรู้สึกโกรธเทาอยู่น้อยๆ ดูมันสิ! ทิ้งให้เค้ารับระเบิดอารมณ์ของเซฮุนคนเดียว แย่ที่สุด อยากจะรู้จริงๆว่าธุระที่ว่าของมันคืออะไร ถ้าเป็นเรื่องไม่เป็นเรื่องล่ะก็พ่อจะจับเชือดแน่
“ก็เพราะรู้ว่าช้าไงพี่ถึงขอโทษอยู่... อ๊ะ รบกวนด้วยนะครับคุณลุง” คริสส่งกุญแจรถให้โชเฟอร์ประจำบ้านเพื่อให้นำรถไปเก็บที่โรงรถ โชเฟอร์ยิ้มน้อยๆให้กับคุณชายประจำบ้าน คริสเป็นแบบนี้ตั้งแต่เล็กๆ ความเกรงอกเกรงใจและความนอบน้อมต่อผู้ใหญ่ ไม่คิดที่จะเอาอำนาจของผู้เป็นพ่อเลี้ยงมาใช้ในทางที่ผิด ทำให้คุณหนูอู๋ฟานเป็นที่รักใคร่ของคนในบ้าน ผิดกับน้องชายคนรองที่หัวรั้นและเอาแต่ใจ แต่ถึงเห็นอย่างนั้นก็เถอะ ขี้อ้อนตัวพ่อเลยล่ะ
“เฮ้ยๆ...พี่คริสเดี๋ยวอย่าพึ่งไป ดูนั่นก่อน” คริสหยุดตามที่น้องบอกก่อนจะหันไปถามด้วยความสงสัย “อะไรหรอ?”
“แก่แล้วแก่เลยจริงๆเลยนะพี่เนี่ย นั่นไงคนที่นั่งอยู่ข้างๆพ่อน่ะ” คริสเม้มปากอย่างไม่พอใจเล็กน้อย เค้าไม่ได้แก่ซักหน่อย เด็กดื้อนี่ก็พูดเกินไป ร่างโปร่งหันไปมองดูตามที่น้องบอก ซึ่งเป็นจังหวะเดียวกับที่น้องชายอีกคนหันมามองทางนี้พอดี เทาเอ่ยทักขึ้นเสียงดัง จนทำให้พ่อและอีกหนึ่งหนุ่มต้องหันมองตาม “อ้าวเฮีย มาตั้งแต่เมื่อไหร่?”
“ก็...ได้ซักพักแล้วล่ะ...” คริสปั้นยิ้มเดินเข้ามาในบ้านโดยมีเซฮุนเดินพ่วงตามหลังมาด้วย สายตาคมมองคุณพ่อที่กำลังนั่งคุยกับชายนิรนามร่างเล็กอย่างออกรสออกชาติ ในขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนไม่ค่อยจะเต็มใจตอบซักเท่าไหร่ “ใครหรอ?”
“คนใช้ใหม่...” เทาพูดพึมพำ เบ้ปากอย่างขัดใจ แต่เมื่อเห็นร่างสูงตีหน้าเครียดแล้ว ก็ถอนหายใจน้อยๆก่อนจะพูดประโยคที่เป็นความจริงต่อ “ก็ลูกชายแท้ๆของพ่อไง นี่แหละคนที่จะมาช่วยเฮียดูบริษัท”
“โหย~ น่ารักจัง นึกว่าเด็กพี่ซะอีก ฮิๆ~” เซฮุนกระโดดเกาะไหล่ของคริส ยิ้มทะเล้นพูดหยอกล้อพี่ชายจอมกวนอีกคนจนโดนเทาถลึงตาใส่ไปที ผิดกับคริสที่ยืนนิ่งงันไม่ไหวติง
“ตลกแล้วไอ้ฮุน เด็กบ้าเด็กบออะไร แค่เห็นหน้าก็จะอ้วกแล้ว” เทายืดกอดอก สายตาแอบเหลือบมองอีกบุคคลที่นั่งปั้นยิ้มคุยอยู่กับพ่อ หึ! ในหัวคงมัวแต่วางแผนการชั่วๆอยู่ล่ะสิ เวลาพ่อถามคำก็ตอบคำทุกที เห็นแล้วมันน่าโมโหชะมัด...
“แค่นี้ไม่เห็นต้องว่าเลย... น่าตาก็ออกจะน่ารัก~”
“เลิกนิสัยม่อไปทั่วของแกได้มั้ย? อีกอย่างนั่นมันผู้ชายนะ ผู้ชายที่คิดจะฮุบสมบัติของพ่อ!” เทากระซิบเสียงเบาๆแต่แฝงไปด้วยความดุดัน สองพี่น้องทั้งคริสและเซฮุนเองก็ทำหน้าฉงนเมื่อได้ยินที่เทาพูด
“นี่เลิกมองคนในแง่ร้ายซักทีได้มั้ยจื่อเทา บางทีการกลับมาของเค้าก็อาจจะกลับมาเพื่อดูแลพ่อและช่วยบริษัทจริงๆก็ได้ แล้วอีกอย่างสมบัติและเงินทองทุกอย่างของพ่อก็ควรเป็นของเค้า เพราะเค้าเป็นลูกแท้ๆของพ่อ แต่เรา...ไม่ใช่” ถึงแม้คำพูดจะดูทำร้ายจิตใจตัวเองอยู่บ้าง แต่คริสก็เลือกที่จะพูด ทุกอย่างในโลกล้วนอนิจจัง การที่เค้าได้ทดแทนบุญคุณพ่อด้วยการช่วยบริหารบริษัทก็ถือว่าคุ้มค่ากับความรักที่พ่อมอบให้เค้าแล้ว
เงินทองเค้าไม่ต้องการ…
"ผมไม่ได้ห่วงเรื่องสมบัติของพ่อหรอกผมห่วงพ่อมากกว่าเห็นหงิมๆแบบนั้นน่ะร้ายใช่เล่น" เทาหันไปมองอีกฝ่ายเต็มสายตาเมื่อเห็นว่าพาพี่น้องของตนเดินหลบมาไกลมากแล้ว เค้าเกลียดท่าทางแบบนั้น เกลียดสายตาแบบนั้น เกลียดน้ำเสียงแบบนั้น เกลียดทุกอย่างที่เป็นคิมจุนมยอน “อย่าหลงไปเชื่อแววตาใสซื่อนั่นเด็ดขาดเลยนะ”
"ผมว่าพี่น่ะคิดมากเหมือนที่พี่คริสบอกจริงน่ะแหละ -3-"
"ฉันไม่ได้คิดมากนะเว้ย! แต่!..."
"เลิกเถียงกันได้แล้วทั้งคู่เลย! เทา นายเองก็หัดปล่อยวางซะบ้าง อย่ามองคนอื่นในแง่ร้ายไปเสียหมด หัดคิดกว้างๆซักที ผู้บริหารที่ดีต้องไม่ใช่คนใจแคบ" มือกว้างวางลงบนไหล่ลาดของน้องชาย เทามองมือของผู้เป็นพี่ก่อนจะเงยหน้าขึ้นสบตาอีกฝ่าย
".... ในเมื่อไม่เชื่อกันก็ไม่เป็นไร ซักวันผมจะกระชากหน้ากากของหมอนั่นออกมาเอง"
เทาปัดมือของคริสทิ้ง ก่อนจะเดินสะบัดหนีทั้งสองคนที่ยืนถอนหายใจกับพฤติกรรมหัวรั้นของอีกคน จะพูดอะไรไปตอนนี้คงไม่เข้าหัวน้องชายแน่นอน
.
.
.
.
.
"ลูกโตขึ้นเยอะมากเลยนะ เมื่อก่อนยังสูงแค่เอวพ่อเอง ฮะๆ..." พ่อส่งมือมาลูบหัวผมเบาๆ ความรู้สึกอบอุ่นที่ถูกส่งผ่านมาทางมือหนาของพ่อซึมซาบเข้าไปในส่วนลึกของหัวใจผม
ไม่ได้เจอพ่อมานานแค่ไหนแล้วนะ... ความรู้สึกแบบนี้ไม่ได้สัมผัสมานานแค่ไหนแล้วนะ
"ก็...ก็ไม่รู้สิครับ" ผมเกาท้ายทอยแก้เก้อด้วยความเขิน พ่อละมือออกจากหัวผม ก่อนจะเลื่อนมากุมมือผมอีกข้างที่วางไว้ตรงหน้าตักแทน
"พ่อดีใจนะที่ลูกกลับมา แต่พ่อก็ต้องขอโทษจริงๆที่ไม่ได้ทักตอนที่ไปโรงพยาบาลแถมยังเดินชนอีก...พ่อนี่มันแย่จริงๆ" น้ำเสียงแหบพร่าของพ่อเจือปนไปด้วยความรู้สึกผิด แววตาทอไปด้วยความหมองเศร้า
"พ่ออย่าคิดมากไปเลยครับ พ่อไม่ได้ทำผิดอะไรร้ายแรงซะหน่อย" ความคิดอกุศลที่เคยต่อว่าพ่อถูกลบเลือนไปเสียหมด ผมรู้สึกผิดเล็กน้อยที่เคยคิดต่อว่าพ่อเมื่อครั้งก่อน ไม่ว่ายังไงพ่อก็คือพ่อ คือคนให้กำเนิด เราไม่มีสิทธิ์ที่จะไปต่อว่าหรือว่าร้ายท่านเด็ดขาด
"อ่า... เอาเถอะ ว่าแต่เรากินอะไรมารึยัง? เดี๋ยวพ่อจะให้แม่ครัวจัดกับข้าวมาให้ กินเนื้อย่างมั้ย? พ่อได้เนื้อวัวมัตสึซากะมาด้วย หรือจะเอาหมี่ดำ? แม่ครัวของที่นี่ทำอาหารอร่อยมากเลยนะ"
"ไม่ต้องลำบากแม่ครัวก็ได้ครับพ่อ นี่ก็เย็นมากแล้ว วุ่นวายเปล่าๆ..."
"นั่นสิพ่อ ถ้าเค้าไม่อยากกินจะไปบังคับทำไม" เสียงทุ้มแปร่งดังแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาของเราสองคน ผมหันมองไปตามเสียง ก็เห็นเทายืนกอดอกปั้นหน้าบึ้งเป็นตูดหมีแพนด้าอยู่ ยุ่งไปซะทุกเรื่องเลยนะไอ้เด็กนี่! =_=++
"ทำไมลูกพูดแบบนั้นล่ะเทา พูดดีๆกับพี่เค้าสิ”
"ก็ผมพูดตามสิ่งที่เห็นนี่ครับ แต่ผมดูท่าทางแล้วพี่เค้าคงกินอะไรไม่ลงหรอก ดูท่าทางเหนื่อยๆ เดี๋ยวผมพาเค้าขึ้นไปดูห้องดีกว่า" ไอ้เด็กบ้าพูดจบก็ฉุดผมให้ลุกขึ้นยืนทันที
"แต่ว่าฉันจะอยู่คุยกับพ่อก่อน!... อ๊ะ!" เทาบีบข้อมือผมแน่นราวกับไม่ต้องการให้ผมขัดขืน แววตาหยาบกระด้างจ้องผมอย่างกินเลือดกินเนื้อ แงไม่เอาอ่ะ! ไอ้เด็กบ้านี่ต้องลวงผมขึ้นไปฆ่าแน่เลย พ่อจ๋าช่วยหนูด้วยยยยย T_T
"ไป – ดู – ห้อง – กับ – ผม" เด็กบ้าพูดเน้นทีละพยางค์จนผมขนลุก เทาไม่รอให้ผมต่อปากต่อคำ ร่างโปรงดึงกึ่งจูงให้ผมเดินตามไปทันที ส่วนพ่อน่ะหรอ ก็นั่งยิ้มแหยก่อนจะยกนิ้วโป้งให้กำลังใจผมอยู่ห่างๆ
ไม่เอานะ ผมไม่ขึ้นไปกับไอ้นี่เด็ดขาด!!!!! .
.
.
.
.
หลังจากสองคนคล้อยหลังไป แต่มิวายส่งเสียงล้งเล้งตามมาเป็นระยะๆ มยองมุนก็คลายยิ้มออก หันไปหาคริสที่กำลังเดินเข้ามาพร้อมกับเซฮุนพอดี "คิดว่าสองคนนั้นจะตีกันตายมั้ย?"
"ไม่เหลือครับพ่อ! พี่เทาเขม่นพี่ซูโฮอย่างกับหมาเขม่นแมว" เซฮุนทิ้งตัวลงนั่งข้างๆผู้เป็นบิดา ปากก็พูดรายงานเป็นต่อยหอย
"นั่นสิ สองคนนี้เค้ามีปัญหาอะไรกันหรอ?" คริสที่ยืนอยู่ส่ายหน้าเบาๆเป็นคำตอบ เค้าเองก็อยากจะบอกพ่อเหลือเกินว่าเทาระแวงเรื่องอะไรถึงได้กัดกับซูโฮตลอด แต่บอกไปก็เกรงว่าจะมีปัญหากันเสียเปล่า เงียบไว้ดีกว่า... "ผมเกือบลืมเลย นี่ครับผลสรุปไตรมาสสองที่สรุปกันในที่ประชุมวันนี้"
คริสยื่นแฟ้มรายงานผลสรุปไตรมาสให้มยองมุน ชายชราพลิกดูแต่ละหน้าอยู่นานก็ส่งคืนให้ "อืม รวมๆแล้วก็ถือว่าอยู่ในระดับที่ดี.."
อู๋ฟานพยักหน้ารับ แล้วเอื้อมมือไปรับแฟ้มที่พ่อยื่นให้คืนเพื่อนำไปเก็บบนห้อง “อ่อคุณพ่อ แล้วเรื่องที่จะให้เอ่อ...ซูโฮบริหารนี่...”
“อ๋อ เรื่องนั้นน่ะหรอ พรุ่งนี้ก็เริ่มแล้วกัน เอาสูทเก่าๆของเซฮุนไปให้เค้าใส่ไปทำงานพรุ่งนี้ก็ได้ แล้วก็พาน้องไปซื้อเสื้อผ้าพรุ่งนี้เลยก็ยิ่งดี”
“ครับ” คริสตอบเสียงแผ่ว มยองมุนเองก็ดูท่าทางของลูกชายคนโตออก จึงพูดเสริมขึ้นมาเล็กน้อย “แค่พาน้องเค้าไปดูงานเฉยๆว่าต้องทำยังไงบ้าง ส่วนเรื่องหลักๆน่ะยังต้องเป็นหน้าที่ของลูกเหมือนเดิม น้องเค้าทำไม่เป็นหรอก”
ร่างโปร่งเผลอยิ้มออกมาอย่างลืมตัว หัวใจพองโตเหมือนถูกสูบฉีดลมอัดเข้าไปทีเดียว คริสพยักหน้ารัวเร็วด้วยความดีใจ พ่อยังไม่ทิ้งเค้า “ครับพ่อ พรุ่งนี้ผมจะพาซูโฮดูงานเอง”
“อื้ม! พ่อฝากด้วยนะ” คริสยิ้มแก้มแทบปริ แต่ยังไม่ลืมโค้งให้กับผู้เป็นพ่อก่อนจะรีบเดินขึ้นห้องไปอย่างรวดเร็ว หลังจากลูกชายคนโตเดินออกไป มยองมุนก็ตกลงสู่หลุมพรางแห่งความเครียดอีกครั้ง
"เฮ้อ พ่อเหนื่อยจังเลยเซฮุน..." ชายชรานั่งถอนหายใจน้อยๆ เรื่องงานน่ะเค้าสบายใจตั้งแต่ฝากฝังไว้กับคริสแล้ว ซึ่งคริสเองก็ไม่ทำให้เค้าผิดหวังเช่นกัน แต่เรื่องที่เค้ารู้สึกเหนื่อยน่ะ คือเรื่องของเทากับซูโฮต่างหาก มาวันแรกก็ดูมีปัญหากันเสียแล้ว
ถ้าเป็นเมื่อก่อนเค้าคงลุกไปห้ามปรามและตักเตือนทั้งคู่แล้ว แต่ด้วยอายุที่ล่วงเลยมามากบวกกับสุขภาพร่างกายที่ไม่ค่อยเอื้ออำนวยทำให้เค้าทำอะไรไม่ค่อยสะดวก ได้เพียงแต่หวังให้เด็กสองคนนั้นรู้จักคิดและตรึกตรองเองบ้าง แต่ดูจากรูปการณ์แล้วคงจะเป็นไปไม่ได้
"พ่อเหนื่อยเรื่องอะไรหรอ? บอกผมได้นะ" เซฮุนสวมกอดที่เอวหนาๆของพ่อหลวมๆ ซุกหาความอบอุ่นจากผู้เป็นพ่อ มยองมุนเองก็ลูบหัวทุยๆของลูกชายเบาๆ สูดเอากลิ่นหอมของแชมพูยี่ห้อแพงจากกลุ่มผมของลูกชาย
"ก็เรื่องพี่ซูโฮกับพี่เทาน่ะสิ สองคนนั้นดูเหมือนจะมีปัญหากันนิดหน่อย พ่อเองก็ไม่รู้จะบอกยังไงดี.."
เซฮุนเงยหน้าจากอกอุ่นขึ้นมามองหน้าผู้เป็นพ่อ เค้าเองก็วิตกไม่น้อยเหมือนกันเพราะเทาเองเป็นคนอารมณ์ร้อนและหัวรุนแรง อะไรกระทบกระทั่งนิดหน่อยก็โมโหหงุดหงิดง่าย ส่วนฝ่ายจุนมยอนเองก็ใช่ว่าจะยอมคน ความดื้อเพ่งและหัวรั้นที่แสดงออกมาผ่านทางกระทำและสายตาเค้าเห็นมันหมดทุกอย่างแม้ยังไม่ได้คุยกัน
เสมือนกับแม่เหล็กขั้วเดียวกันที่จะตีออกห่างยามเมื่อมาอยู่ใกล้กัน และสิ่งนั้นที่ทำให้พ่อเหนื่อยใจ เค้าต้องทำอะไรซักอย่างแล้ว!
"พ่อครับ ผมว่าผมคิดอะไรดีๆออกนะ เรื่องพี่เทาน่ะ..." เซฮุนที่นั่งเงียบอยู่นานอยู่ๆก็โพล่งขึ้น ผู้เป็นพ่อเองก็หันไปมองด้วยความสนใจ "ยังไงหรอ?"
"เอางี้นะครับ....." เซฮุนโน้มตัวเข้าไปกระซิบแผนการที่พึ่งคิดได้สดๆร้อนๆให้มยองมุนฟัง หลังจากสิ้นเสียงกระซิบลูกชายตัวแสบ ชายชราก็ระบายยิ้มออกมา
“งั้นพรุ่งนี้เลยเป็นยังไง?”
"อือ....." แสงแดดยามเช้าส่องลอดตามช่องว่างระหว่างผ้าม่านผืนหนึ่งมายังผืนหนึ่ง ทอแสงทอดยาวกับพื้นไม้ปาร์เก้มันเงา ผมขยี้ตาเพื่อปรับสภาพการมองเห็น นอนบิดขี้เกียจอยู่บนเตียงขนาดคิงไซด์หนานุ่ม อ่าห์~ ช่างเป็นค่ำคืนที่แสนรื่นรมย์จริงๆครับ....
ถ้าไม่ติดว่าผมโดนไอ้แพนด้าโรคจิตทุ่มลงเตียงแล้วก็พูดขู่กรรโชกใส่อย่างไร้วัฒนธรรม!!!
"เลิกทำตัวเสแสร้งซักที คิดว่าฉันไม่รู้รึไงว่านายคุยอะไรกับพ่อ!"
ชิ! คิดแล้วมันก็น่าแค้นใจ เลิกทำตัวเสแสร้งซักที~ อย่าคิดว่าฉันไม่รู้~ พูดออกมาได้ไอ้เด็กบ้านี่! แค่ผมคุยกับพ่อเฉยๆนี่คิดว่าผมจะคุยแต่เรื่องมรดกหรือบริษัทรึไง ระแวงไปหมดซะทุกอย่าง คิดว่าใหญ่มาจากไหนถึงเอาแต่มากร่างกับผมได้ อย่าให้หนุ่มไร่สตรอเบอรี่ได้เอาคืนแล้วกัน แล้วจะหนาว! - _ -+++
ปังๆๆๆ!!!!
... อะไรกัน? ธรรมเนียมบ้านนี้เวลาขออนุญาตเข้าห้องเค้าให้ทุบประตูหรือไรเล่า? ตื่นเช้ามานึกว่าจะเจอแต่เรื่องดีๆสิ่งดีๆ ต้องมาหนวกหูกับเสียงเคาะประตูไร้มารยาทนี่อีก อ๋อย~ จุนมยอนเซง...
“ครับๆ กำลังจะไปเปิดครับ กรุณารอซักครู่แล้วช่วยเบาเสียงเคาะประตูด้วยครับ~" ผมรีบกุลีกุจอไปเปิดประตูเพราะกลัวว่าขืนไปช้ากว่านี้มีหวังว่าต้องโดนพังประตูเข้ามาแน่ ถึงจะเป็นบ้านของตัวเองก็เถอะ -_-;;
แอ๊ด....
"ไอ้หน้าแพนด้า... =___=+"
"หลอดไฟเดินได้....-_____-+"
เราสองคนยืนประจันหน้ากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ผมมองมือของอีกคนที่ง้างขึ้นสูงเพื่อเตรียมที่จะทุบประตูอีกรอบอย่างไม่เกรงกลัว "นายว่าเป็นบ้านนายแล้วจะทำอะไรก็ได้งั้นหรอ? อย่าลืมนะว่าประตูบานนี้และทุกๆบานในบ้านล้วนเป็นเงินของพ่อฉันทั้งหมด ทำอะไรเกรงใจกันหน่อย"
“แหม ทำเป็นหวงข้าวหวงของนะ พูดมาได้เต็มปากว่าของตัวเอง คนที่หายไปนับสิบๆปีทิ้งให้พ่อต้องลำบากมันสมควรที่จะได้เป็นเจ้าของในทรัพย์สมบัติด้วยหรอ?” ผมพยายามท่องพุทโธธัมโมในใจ พยายามคิดว่าเพราะความไม่รู้เด็กบ้านี่เลยพูดไป คนไม่รู้พูดอะไรก็ไม่ผิด ใจเย็นๆไว้จุนมยอน....
“ก็แล้วทำไม? ก็ฉันหวงของๆฉัน นายจะทำไม? แล้วมีอะไรถึงมาสร้างความรำคาญให้กับคนทั้งบ้านตั้งแต่เช้า ไร้มารยาท!”
“เช้าบ้าเช้าบออะไรคุณครับคุณหลอดไฟ นี่มันบ่ายแล้ว นาฬิกาในห้องไม่มีดูรึไง - _ -…” บ่ายอะไรแดดยังอ่อนๆอยู่เลย อีกอย่างผมไม่เคยตื่นเกินเที่ยงซะด้วยซ้ำ เนื่องจากเป็นเด็กหนุ่มรักอนามัยห่วงใยสุขภาพ เวลาแปดโมงเช้าถงึเก้าโมงจึงเป็นเวลาตื่นนอนมาตรฐานของผม ผมปั้นหน้าเชิด ยืดอกเบ่งอีกคนไว้ ก่อนจะแอบหันไปมองนาฬิกาเรือนโตที่ติดอยู่บนผนังในห้อง
เข็มสั้นชี้เลขหนึ่ง เข็มยาวชี้เลยห้า.... 13.25 น. ....
วอทตาฟักวอทตาบัว! =_=;; นาฬิกาพังรึเปล่าซาร่าห์? หลอกจอร์จรึเปล่าตอบมาสิซาร่าห์! ผมแอบครวญครางเงียบๆเพื่อไว้อาลัยให้กับความอับอายของตัวเอง ก่อนจะหันกลับมาเก๊กหน้าแข่งกับหมีแพนด้าในร่างคนตรงหน้า บ้าจริงทำไมอยู่ๆก็รู้สึกอาย T/////T อยากจะมุดที่นอนหายไปจากจุดๆนี้จริงๆนะครับ....
“เหอะ... เถียงไม่ออกล่ะสิ! แต่ความจริงฉันก็ไม่ได้อยากจะมาเหยียบแถวนี้หรอกนะ รังเกียจ”
“แล้วมาทำไม รีบๆพูดมาเหม็นขี้หน้านายจะแย่อยากกลับเข้าไปอ้วกในห้องใจจะขาดแล้ว~”
“อยากหยุดหายใจไปดื้อๆรึเปล่า -_-+” ผมควรจะตอบว่ายังไงดีถ้าไอ้หมีแพนด้ามันถามมาแบบนี้ ‘ฉันอยากหายใจอยู่หรอกนะแต่แค่ไม่อยากใช้ออกซิเจนร่วมกับนาย’ หรือว่า ‘ไม่หายใจก็ดีสิ เวลายืนอยู่ใกล้ๆนายสูดเอาคาร์บอนไดออกไซด์ที่นายปล่อยออกมาจากร่างกายมันทำให้ฉันอยากจะวิ่งไปผูกคอตายใต้ต้นพริกจริงๆ’ อย่างนี้หรอ? =w=; ช่างเถอะผมไม่สนหรอก เพราะยังไงเทาก็ทำอะไรผมไม่ได้อยู่แล้ว ก็ดีแต่ขู่ไปวันๆนั่นแหละ เหนื่อยเมื่อไหร่ก็คงหยุดเอง โฮะๆ~
“เลิกนอกเรื่องซักทีแล้วก็รีบบอกมาซะว่ามีอะไรฉันจะได้รีบไปอาบน้ำ!”
“...ไม่มีใครอยู่บ้านนอกจากฉันกับนาย ทุกคนไปเที่ยวหมดแล้ว -_-…”
“อ๋อก็แค่นั้นเอง นึกว่าเรื่องอะไร…” มาทุบประตูดังปังๆส่งเสียงเอะอะโวยวายตั้งแต่บ่าย(?)ก็เพราะเรื่องนี้เองน่ะหรอ? อะโถ่! ผมถอนหายใจเหนื่อยก่อนจะเอื้อมมือไปจับลูกบิด แต่เอ๊ะ... ผมชะงักมือที่กำลังจะปิดประตู เดี๋ยวนะ? ตะกี้เทาบอกว่าทุกคนไปเที่ยว? และทั้งบ้านก็เหลือแค่ผมกับหมอนี่?
My home เหลือ me กับ it ?!!
เหลือแค่ผมกับไอ้แพนด้าหน้าเถื่อนนี่น่ะหรอ!!!!!!!!
“เทา! นายโกหกฉันรึเปล่า!? ทุกคนจะไปเที่ยวได้ยังไงในเมื่อ! ในเมื่อ...” พึ่งรู้นะครับว่าอาการเวลาตกใจอะไรมากๆแล้วพูดไม่ออกมันเป็นยังไง ลิ้นเล็กๆของผมดูใหญ่พองคับปากไปหมดจนพูดอะไรไม่รู้เรื่อง สมองผมตื้อตันไปเสียดื้อๆเหมือนกับสมองไม่ยอมทำงาน เมื่อวานพ่อบอกว่าจะให้พี่คริสพาไปเดินดูบริษัทแล้วก็สอนงานให้ผมคร่าวๆไม่ใช่หรอ แต่ทำไมถึงทิ้งกันไปเที่ยวแบบนี้ล่ะ! ไอ้ทิ้งไปไม่เท่าไหร่ แต่ทิ้งระเบิดลูกเท่าบ้านไว้ให้เนี่ยสิ!
“ถ้าโกหกแล้วนายไสหัวออกไปจากบ้านหลังนี้ไปได้ฉันจะโกหกทุกวันเลยนะ... ฉันไม่ได้โกหกเมื่อตอนเที่ยงฉันตื่นลงมาหาอะไรกินก็เห็นไอ้เซฮุนมันแปะโน้ตทิ้งเอาไว้ว่าจะไปเที่ยวเกาะนามิกันอาทิตย์นึง เพราะว่าตารางเที่ยวมันกะทันหันเลยไม่ทันได้ปลุกพวกเรา ส่วนพวกแม่บ้านพ่อก็ให้ลาหยุดกลับต่างจังหวัดไปหมดแล้ว”
อมพระอมวัดอมอุโบสถ์อมสถูปเจดีย์หรืออะไรก็ช่างมาผมก็ไม่เชื่อหรอก!!! -*- ทำไมถึงต้องจงใจทิ้งผมกับเทาไว้ด้วยกันสองคนล่ะ! ทำไมต้องเอาป้าๆลุงๆทั้งหลายไปด้วย แล้วทีนี้ถ้าผมเกิดโดนหมอนี่ฆ่าหมกส้วมขึ้นมาใครจะเป็นพยานชี้ตัวคนร้ายให้ ฮือ~ จะทำยังไงดีคิมจุนมยอน T_T
“ไม่ต้องมาทำหน้าตาประหลาดๆพิลึกๆแบบนั้นเลยนะ... ฉันจะไม่ทนอยู่ที่นี่กับนายสองคนหรอก วันนี้ฉันมีเรียน เผ้าบ้านด้วยล่ะ ลา!” ว่ากล่าวเสร็จก็เดินเอื่อยๆออกไป ไม่แยแสแขกคนสำคัญของบ้านอย่างผม ปล่อยทิ้งให้ยืนอ้าปากพะงาบๆอย่างกับปลาขาดน้ำ อะไรวะ! “เดี๋ยวก่อนสิ! นายจะทิ้งให้ฉันอยู่บ้านคนเดียวรึไง!? ถ้าเกิดมีขโมยเข้ามาในบ้านล่ะ...”
“ปากเก่งดีนักนี่ ลองเถียงกับโจรดูสิเผื่อโจรจะแพ้แล้วก็ถอดใจกลับไป ของถนัดไม่ใช่รึไงพวกเถียงชาวบ้านเค้าน่ะ” เถียงกับโจรบ้านป้านายสิวะ =[]=++ นี่มันใช่เวลามาพูดจาประชดประชันกันมั้ย! เอาไงดีๆ ผมไม่อยากอยู่บ้านคนเดียวด้วย บ้านหลังนี้ทั้งใหญ่ทั้งกว้างดูโหวงเหวงพิกล แต่จะออกไปข้างนอกก็ไม่รู้ทาง ถ้าเกิดไปเดินหลงล่ะก็คงไม่น่าดูเท่าไหร่เพราะตอนนี้ผมไม่มีทั้งเครื่องมือสื่อสารทั้งเงินติดตัวเลยแม้แต่วอนเดียว
“อ่ะ... อ๊ะ! เทา! อย่าพึ่งไปสิ” ผมวิ่งตามหลังร่างสูงไปติดๆ เทาหันมามองช้าๆ โอ๊ยทำไมเด็กสมัยนี้มันขายาวกันจังนะ ก้าวช้าๆก็ได้ไม่รีบ!
“อะไร? มีอะไร?”
“คือ... ฉันไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว... .___.” ผมก้มหน้างุดพูดเสียงอู้อี้ในลำคอ มือสองข้างประสานเข้าหากันพลางบีบแน่นเพื่อเรียกกำลังใจให้ตัวเอง ทำไมผมต้องมาทำอะไรแบบนี้ด้วยเนี่ย TwT
“แล้วยังไง? ไม่อยากอยู่ก็ออกไปสิ กลับบ้านนายไป” อ๊ะ -_-! อีกแล้วเอะอะก็ไล่กลับบ้าน ไม่กลับหรอก จะอยู่กวนประสาทนายไปทั้งชาตินี่แหละ ตราบใดที่ฉันยังไม่ได้เงินก็จะไม่ไปเว้ย แต่ตอนนี้เลิกคิดถึงเรื่องนั้นก่อน กลับเข้าประเด็นหลักของเราก่อน นั่นก็คือทำยังไงที่ผมจะไม่อยู่ที่บ้านหลังนี้เงียบๆคนเดียว!
“ไม่ใช่แบบนั้น! ฉันแค่ไม่อยากอยู่บ้านคนเดียว... ที่นี่มันกว้างจะตาย! ฉันทนอยู่คนเดียวเงียบๆไม่ได้หรอกนะ... เอางี้ นายจะไปเรียนใช่มั้ย? ดีเลยฉันจะไปอาบน้ำรอที่รถ ฉันจะไปมหาลัยฯกับนายด้วย!”
“ไม่ได้นะ! เอานายไปวุ่นวายเปล่าๆ อีกอย่างนายจะไปอยู่ที่ไหนถ้าฉันเอานายไปด้วย นายคงไม่คิดจะเข้าไปเรียนกับฉันใช่มั้ย!?”
“จะบ้ารึไง! ฉันก็นั่งรอในรถไงเล่าบื้อจริง”
“ไม่มีทางเถอะ -_- ฉันไม่ยอมปล่อยนายให้อยู่กับลูกรักฉันได้หรอก”
“งั้นฉันจะไปรอที่โรงอาหารมหาลัยฯ…”
“ไม่เอาคนเยอะวุ่นวายจะตาย ฉันขี้เกียจไปตามนายที่นั่น”
“งั้นห้องสมุดของมหาลัยฯนายไง แอร์เย็นฉ่ำคนก็ไม่เยอะด้วย~”
“ฉันไม่ชอบขี้หน้าบรรณารักษ์”
ไอ้หมีแพนด้า!!! ย๊ากกกกกกกกก =[]= อยากจะพ่นไฟใส่หน้าหมอนี่จริงๆเว้ย! นู่นก็ไม่เอานี่ก็ไม่ชอบ เรื่องมากซะเหลือเกินนะ หึ! แต่คิดว่าการปฏิเสธตื้นๆแบบนี้จะทำให้ผมยอมแพ้ได้งั้นหรอ? นายดูถูกจุนมยอนจอมตื้อคนนี้มากไปหน่อยแล้วนะ -___,- ผมสูดลมหายใจเข้าลึกๆอีกรอบเพื่อรวบรวมสติที่จะพากันหลุดลอยไปกับยานแม่เพราะความดื้อมึนของเทา ถ้าเหตุผลอื่นไม่ยอมรับฟัง ไม่เป็นไร! แต่ถ้าเจอเหตุผลนี้เข้าไปล่ะก็...
“ถ้านายไม่ให้ฉันไปฉันจะเอาเบอร์บ้านโทรหาพ่อเดี๋ยวนี้แหละ!”
เย้~!!!!!! จบแล้วกับแชปที่หก ฮือขอโทษจริงๆนะคะที่หายไปนาน พอดีติดธุระเรื่องเรียนกับการไปค่ายธรรมมะที่ต่างจังหวัดมาค่ะ เอาบุญมาฝากผู้อ่านทุกๆท่านด้วย ^^ เป็นค่ายที่ทรหดมากค่ะอาจจะเป็นเพราะครั้งแรกที่เคยไปอะไรๆก็ดูลำบากไปซะหมดบวกกับความร้อนที่สามารถหลอมละลายตับไตไส้พุงของไรเตอร์ด้วยทำให้รู้สึกว่าเป็นค่ายที่ลำบากมากๆ 555555 กลับมาต่อให้แล้วนะ
1 คอมเม้น = 1 กำลังใจ ขอบคุณแฟนพันธุ์แท้ของฟิคเรื่องนี้ด้วยนะคะที่ยังติดตามกันอยู่ ซึ้ง 555555555 ขอให้สนุกกับการอ่านค่ะ ♥
ความคิดเห็น