คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : 5 - Panda Guardian VS Light Demon
COUPLE : TAO x SUHO
RATE : PG13
CATEGORY : Romantic , Comedy
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
5
คริสยืนชะเง้อคอยมองน้องชายตัวแสบอยู่นานสองนาน หลังจากที่เด็กหนุ่มขอตัวไปทำธุระส่วนตัวซักครู่ จนบัดนี้เวลาก็ล่วงเลยมาเกือบยี่สิบนาทีแล้ว ร่างโปร่งยกนาฬิกาขึ้นดูหลายครั้ง แอบนึกโมโหคนเป็นน้องชายที่ไม่รู้จักรักษาเวลา
“อ่า...แย่จริงเจ้าเด็กคนนี้...” คริสบ่นงึมงำคนเดียวเงียบๆ ตอนนี้ก็ปาไปเกือบสี่โมงครึ่งแล้ว เซฮุนเองก็ไม่ใช่คนที่ใจเย็น บางทีเด็กหนุ่มคงยืนหัวฟัดหัวเหวี่ยงอยู่ที่ป้ายรถเมล์เพราะขี้เกียจรอ พอถึงบ้านก็เตรียมคำบ่นสารพัดที่คนบนโลกนี้ไม่เคยได้ยินไว้รอรับที่บ้านแล้วก็ได้ คิดแล้วอู๋ฟานสยอง...
Rrrrr….
โทรศัพท์ในกระเป๋าเสื้อสั่นขึ้นมา อู๋ฟานมีตัวเลือกให้เดาอยู่สองทางว่าใครจะเป็นคนโทรมา ระหว่างโอเซฮุน กับ คิมมยองมุนผู้เป็นพ่อ ภายในใจลึกๆหวังว่าจะเป็นบิดา เพราะถ้าเป็นเซฮุนเค้าอาจจะหูชาไร้การรับรู้และได้ยินเสียงไปชั่วขณะ ร่างสูงหยิบเอาไอโฟนขึ้นมาดู แต่แล้วช้อยส์สองข้อที่เดาไว้นั้นกลับเป็นคำตอบที่ผิดไปหมดเพราะคนที่โทรมาคือไอ้เด็กแพนด้าที่ไปเข้าห้องน้ำนานถึงยี่สิบนาที
“ย่าห์! นี่นายคิดจะนอนในห้องน้ำเลยรึเปล่าพี่จะได้โทรบอกแม่ให้ว่าคืนนี้นายจะนอนค้างที่ห้องน้ำบริษัท!” น้ำเสียงที่เต็มไปด้วยความประชดประชันถูกกรอกลงโทรศัพท์ก่อนจะส่งผ่านไปให้คนปลายทางได้ยิน
[เฮียไปรับเซฮุนก่อนก็ได้ ผมมีธุระด่วน ต้องรีบกลับบ้าน]
“ธุระ? ธุระอะไร?”
[เอาเป็นว่าถึงบ้านเมื่อไหร่เฮียก็จะรู้เอง ... เลิกดิ้นซักทีได้มั้ยน่ารำคาญจริงๆเลยบ้าจริง! แค่นี้ก่อนนะเฮีย มีปัญหาต้องเคลียร์จริงๆ]
[ช่วยด้วย!!!!! ผมโดนคนโรคจิตลักพาตัวววววว!!]
[เฮ้ย! คนโรคจิตบ้าบออะไรของนาย!? ไม่ใช่นะครับ ไม่ใช่... อยู่เงียบๆแล้วเดินตามมา!]
ตู๊ดดดดด....
สิ้นเสียงตวาดของน้อง สายของอีกฝ่ายก็ถูกตัดทิ้งไปทันที คริสมองหน้าจอที่ขึ้นโชว์ตัวอักษร End call อย่างงงๆ รู้สึกใจไม่ดีเล็กน้อยเพราะเมื่อครู่เค้าได้ยินเสียงเล็กๆของผู้ชายแทรกเข้ามาระหว่างการสนทนาด้วย คาดว่ากำลังมีปัญหากับน้องชายตัวดีของเค้าอยู่ด้วยน่าเป็นห่วง...
อ๊ะๆ -_-;… อย่ามองผมด้วยสายตาแบบนั้น ผมไม่ได้เป็นห่วงน้องชายหรอกนะครับ แต่ห่วงเจ้าของเสียงที่ดังแทรกเข้ามาต่างหาก ชาติที่แล้วคงทำบาปทำกรรมไว้เยอะเลยต้องมาเจอกับไอ้เทามัน
คริสนินทาน้องชายในใจเสร็จก็เดินไปขึ้นรถ แอบสงสัยอยู่เล็กๆว่าปัญหาที่ต้องเคลียร์ของเทามันคืออะไร แต่ช่างมันเถอะ ตอนนี้ต้องรีบไปรับเซฮุนก่อน อาจจะงงๆว่าทำไมคริสถึงไม่เจอกับเซฮุนซะนานทั้งที่อยู่บ้านหลังเดียวกันแท้ๆ นั่นเป็นเพราะช่วงเวลาการไปทำงานของคริสกับเวลาไปเรียนของเซฮุนนั้นไปคนละเวลากัน รวมถึงเวลากลับบ้านก็ด้วยเช่นกัน คริสมักจะกลับบ้านดึกเสมอจนโดนผู้เป็นแม่เอ็ดว่าตลอด แต่วันนี้คงเป็นวันพิเศษ เพราะเค้ากลับบ้านเร็วเป็นพิเศษ เพราะเคลียร์ผลสรุปไตรมาสล่าสุดเรียบร้อยแล้ว
รถสปอร์ตคันหรูค่อยๆเคลื่อนตัวออกจากลานจอดรถ VIP สำหรับผู้บริหาร เจ้าหน้าที่รักษาความปลอดภัยลุกยืนตะเบ๊ะให้กับผู้เป็นเจ้านาย เมื่อรถคันหรูเคลื่อนตัวคล้อยหลังไป ก็กลับไปนั่งซดโซจูที่แอบเอาไว้ในป้อมตามเดิม
ทำงานคุ้มเงินเดือนจริงๆ
เด็กหน้าแปลกโยนผมใส่รถทันทีที่มาถึง เสียงเข้มที่แฝงไปด้วยความดุดันพูดกรอกกระซิบข้างหูผมว่า ‘อย่าได้คิดหนี’ เป็นคำเตือนก่อนจะปิดประตูรถใส่หน้าผมดังปัง -_- อะไรของมันวะเนี่ย! ตั้งแต่มาถึงก็โดนแท็กซี่โกงมิเตอร์แถมกระเป๋าเงินเอย เสื้อผ้าเอย ก็ไปพร้อมกับไอ้ลุงมหาภัยด้วย ยัง! ความซวยยังไม่ถึงขีดสุดเพราะตอนที่วิ่งเข้ามาหลบในตึกของบริษัทเพื่อหวังขอความช่วยเหลือก็โดนยามพุงพลุ้ยวิ่งไล่ ไม้กระบองในมือลุงแกยังติดตาผมไม่เสื่อมคลาย T_____T
แต่เมื่อก้าวเข้ามาในคำว่าซวยแล้วก็ต้องเจอกับที่สุดของความซวย เพราะการที่เข้าไปหลบในห้องน้ำทำให้ผมต้องเจอกับไอ้เด็กหน้าแพนด้าถุงใต้ตาหนักสามกิโลทำร้าย! ทั้งๆที่พึ่งเจอกันครั้งแรกก็ฉุดกระชากลากถูราวกับผมเป็นแค่ตุ๊กตาขนาดเท่าตัวมนุษย์ไร้ความรู้สึก ทั้งลากทั้งดึงบีบขย้ำสารพัดสิ่งซึ่งล้วนก่อให้เกิดความเจ็บปวด ดูสิครับ! มันเล่นบีบข้อมือผมซะแดงเถือกเลย ฮืออ.....
ปัง!
ผมสะดุ้งเฮือก หันไปมองคนข้างตัวอย่างมีน้ำโห นี่กะจะปิดประตูเสียงดังเอาให้คนเค้ารู้กันทั่วประเทศเลยรึไง? “ถ้าประตูมันมีชีวิตมันคงด่านายว่าไอ้เด็กโรคจิต!”
“ปัญญาอ่อน -_- นี่นายคิดว่านายกี่ขวบกันแล้วถึงคิดว่าประตูพูดได้น่ะ?”
“คนปัญญาอ่อนอย่างฉันยังมีมารยาทมากกว่านายแล้วกัน!”
“นี่!! อย่ามาปากเก่งหน่อยเลย เหอะ! นี่น่ะหรอคนที่มาช่วยเฮียบริหารบริษัท...” สายตาคมไล่มองผมตั้งแต่หัวจรดเท้า ถึงมันจะเป็นสายตาที่ดูเหยียดหยาม แต่ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆนะเวลาที่เค้ามองแบบนี้ คงเป็นเพราะหน้าตาโรคจิตของหมอนี่ละมั้งที่ทำให้ผมรู้สึกหวิวๆแปลกๆ... =_=;
“น...นี่! อย่ามามองคนอื่นแบบนี้สิ เสียมารยาทชะมัดเลยเจ้านี่”
“อยากจะมองตายล่ะ! ดูท่าทางก็รู้ว่านายน่ะไม่มีประสบการณ์มาก่อน เข้ามานี่จะทำบริษัทรุ่งหรือล่มก็เดาได้ไม่ยากเลยนะ” แหงสิครับ... ผมบอกแล้วว่าผมทำเป็นแค่รดน้ำพรวนดิน ไอ้ที่เกี่ยวกับการเกษตรน่ะผมทำเป็นทุกอย่าง จะให้มาบริหารที่ต้องใช้หลักคิดวิเคราะห์วางแผนล่วงหน้าน่ะผมทำไม่ได้หรอก
แต่จุดประสงค์ของผมมันเป็นแรงผลักดันให้ผมต้องสู้
“ว่าแต่คนอื่นน่ะ ก็หัดตักน้ำใส่กะโหลกชะโงกดูเงาบ้างนะ คิดว่าไอ้หัวแดงๆกับหน้าตากวนโอ้ยแบบนี้จะเป็นที่ยอมรับของชาวบ้านงั้นหรอ? ทำตัวให้น่าเคารพกว่านี้หน่อยนะหนู”
“อย่ามาปากดีหน่อยเลยนะ มองเผินๆแค่หน้าตาก็เหมือนจะเก่งนะ อยากจะรู้เหมือนกันว่าไอ้หน้าเก่งๆปากเก่งๆจะไปได้ซักกี่น้ำ”
ว๊ากกกก!! =[]=!!! ไอ้เด็กปากปีจอนี่มันเป็นใคร!!! เข้ามาในรถก็เอาแต่ด่าผมปาวๆ ลุคคุณหนูปากหมาในละครที่ไม่เคยคิดว่าจะมีจริงๆ มันปรากฏกายมาในรูปแบบมนุษย์หัวแดงตรงหน้าผมแล้วครับทุกคน โอ้วพระเจ้าช่วยกล้วยทอด...
“นี่นาย!!....”
อีกฝ่ายไม่รอให้ผมต่อปากต่อคำ ทันทีที่ได้สตาร์ทรถเค้าก็จงใจเหยียบคันเร่งเสียมิดจนทั้งร่างของผมกระแทกเข้ากับเบาะนั่งด้วยความเร็ว ไอ้เด็กบ้านี่ขับรถประสาอะไรของเค้า! ที่แคบๆแบบนี้ถ้าไม่ระวังมันก็เกิดอุบัติเหตุได้นะเว้ย!!!!!! ในใจของผมด่าคนขับที่นั่งข้างๆไปร้อยล้านคำแล้วล่ะครับ แต่ปากนี่สิมันเกร็งไม่ยอมพูดตามที่ใจคิดเลย อุแง๊~T_T
เอี๊ยดดดดดดด!!
อ๊ากกกกกก!! จุนมยอนอยากตายยยยยยย T[]T ร่างที่แสนจะบอบบาง(?)ของผมเอนล้มไปตามแรงเหวี่ยงของรถทั้งคัน เด็กเปรตข้างๆหักพวกมาลัยเลี้ยวจนเสียงยางที่เสียดสีกับถนนกรีดร้องลั่น รวมถึงกลิ่นยางไหม้อ่อนๆที่ลอดผ่านกระจกมาทำเอาผมมึนเบลอ สองมือน้อยๆของผมจิกตรึงแน่นกับเบาะรถราคาแพง ตอนนี้ไม่ใช่เวลาจะมานั่งเก๊กหน้าหล่อแล้ว! แงงงงง!! หนูจะไม่ทนแล้วนะ!!
ดูเหมือนมารยาทการขับรถของเด็กหัวแดงจะติดลบเอาซะมากๆ นี่มันสอบใบขับขี่มารึเปล่าวะ! ถ้าผมเป็นครูที่สอบใบขับขี่ให้เจ้านี่ล่ะก็ผมจะไม่ให้ผ่านเด็ดขาด แถมผมจะเตะก้นแล้วก็ชี้หน้าหยิ่งๆของเด็กนี่ ไล่ตะเพิดออกไปโดยไม่ต้องคิดเลยด้วยซ้ำ ย่าห์! :@
“ไอ้เด็กบ้า!!!! ขับรถประสาอะไรของนาย!!!! ขับแบบมีสติแบบชาวบ้านเค้าไม่ได้รึไง แล้วนี่มันอยู่ในเขตบริษัทไม่ใช่สนามแข่ง ถ้าเกิดไปชนอะไรเข้าแล้วใครจะรับผิดชอบ!” ตอนนี้รถที่ผม (จำใจ) โดยสารเคลื่อนตัวออกจากบริเวณบริษัทแล้วก็จริง แต่อารมณ์หวาดเสียวเมื่อครู่ยังไม่จางหายดีซักเท่าไหร่... ฮึก... หนูกลัวว....
ลุงยามคนนึงวิ่งมาทำความเคารพตามหน้าที่ ผมพยายามทำท่าประหลาดๆเรียกร้องความสนใจลุงแก ทั้งแลบลิ้นปลิ้นตาเท่าที่จะคิดได้ แต่ลุงยามหาได้สนใจไม่ แกรีบจ้ำอ้าวเข้าป้อมไปราวกับกลัวอำนาจลึกลับ(?)บางอย่างจากรถคันนี้ รู้เลยล่ะว่าอำนาจอะไร อำนาจแพนด้าหัวแดงข้างๆผมนี่ไงล่ะ -_- แต่ตอนนี้ผมอยากจะบอกกับลุงประโยคหนึ่ง อยากให้ลุงรับฟัง ฟังดีๆนะลุงนะ...
ลุงจ๋า~ ช่วยหนูด้วยยยยย ว๊ากกกกกกกกก!!! T[]T
.
.
.
ถึงแม้ว่าเวลานี้รถยนต์จะวิ่งบนท้องถนนแล้วก็ตาม แต่ความเร็วมันก็ไม่ได้ลดลงเลยแม้แต่น้อย ยามที่รถหักซ้ายหลบขวาเพื่อจะแซงคันอื่นๆในแต่ละทีมันทำให้ก้อนหัวใจของผมแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม รวมถึงมื้อกลางวันที่ย่อยยังไม่ดีพากันมาจุกอัดกันอยู่ปริ่มๆคอพร้อมพุ่งได้ตลอดเว -_-; “ย่าห์!!! บอกให้ขับช้าๆไง นายฟังภาษาคนไม่รู้เรื่องรึไง!!”
“ฉันบอกให้นายหุบปากแล้วก็นั่งเงียบๆไปซะ จะขับรถแบบไหนมันก็เรื่องของฉัน!” โอ๊ยแง~ รู้เว้ยรู้ว่ามันเรื่องของแก แต่เรื่องของแกมันมีตูอยู่ด้วยนะเว้ย! ;[]; ถ้าไม่รักชีวิตตัวเองก็ไม่เห็นต้องลากคนอื่นเข้ามาเกี่ยวด้วยเลยนี่!!!
“ก็ได้!! ไอ้บ้าเอ๊ย รู้จักก็ไม่รู้จัก ทำไมนายต้องมาทำแบบนี้กับฉันด้วยเนี่ย...” ผมพูดพึมพำคนเดียวเงียบๆ รู้สึกสำนึกรักบ้านเกิดขึ้นมาแบบบอกไม่ถูก ที่จริงมันเริ่มสำนึกได้ตั้งแต่เจอหมอนี่แล้วล่ะครับ คนบ้าอะไรปล่อยรังสีอาฆาตอันตรายได้ตลอดเวลา ตีหน้าบึ้งถมึงทึงตลอดเวลา โรคจิตชะมัดเลย
“แน่ใจหรอว่านายไม่รู้จักฉัน? โอ๊ะใช่สิ.. เพราะนายกับแม่หอบข้าวหอบของไปตั้งแต่ฉันยังไม่ขึ้นบ้านใหญ่นี่นา”
ผมหันไปมองอีกคนที่ยังตั้งหน้าตั้งตาขับรถ สองมือกำพวงมาลัยแน่นจนเส้นเลือดปูดโปนน่ากลัว อะไรกัน? ทำไมเค้าถึงรู้ว่าผมเคยอยู่บ้านหลังนั้น ทำไมถึงรู้? หมอนี่เป็นใคร??? “นายพูดอะไรของนาย ฉันไม่รู้เรื่อง!”
“โถ่คุณหนูคิมจุนมยอน อย่ามาทำเป็นไม่รู้เรื่องเลย...การกลับมาของคุณผมรู้ดีว่าไม่ได้กลับมาเพราะเรื่องของพ่ออย่างเดียว จุดประสงค์หลักๆของคุณมันมากกว่านั้น”
เฟ็ดเฟ่!! นี่มันโคนันกลับชาติมาเกิดรึเปล่าวะเนี่ย! ไม่ใช่โคนันก็หมอกฤษณ์ฟันธง แม่นจริงๆ... แม่นซะเหลือเกินนะไอ้เรื่องของชาวบ้านเนี่ย แต่ทุกคนครับ เราจะไม่โหวกเหวกโวยวายไป ต้องตีหน้าซื่อๆเข้าใส่ครับ บิดเบือนไอ้ข้อสันนิษฐานที่ดันเป็นความจริงของหมอนี่ซะ! ตอกย้ำว่าสิ่งที่หมอนี่พูดไปมันผิดทุกอย่าง!
“ใช่.. มีแต่คนมองว่าการกลับมาของฉันคงจะหวังแต่ผลประโยชน์ล้วนๆหวังจะยึดบริษัท เอาทุกสิ่งทุกอย่างมา แต่มันไม่ใช่เลย ฉันแค่ต้องการกลับมาหาพ่อ นายไม่รู้หรอกว่าการที่ไม่ได้เจอพ่อเป็นเวลานับสิบๆปีมันรู้สึกยังไง” ผมแกล้งบีบน้ำตาเรียกคะแนนความสงสาร นี่ถ้าส่งไปเล่นละครแข่งกับจุฑาเทพซีรีย์นี่ผมชนะใสๆเลยนะ
“จะไปแกล้งแหกปากร้องไห้อ้อนวอนขอความสงสารจากใครที่ไหนก็เชิญเถอะนะ แต่ขอโทษทีกับฉันมันใช้ไม่ได้ผลหรอก ฉันยังไม่ได้พูดเลยนะว่าจุดประสงค์ของนายคือการกลับมาเพื่อมาเพื่อยึดบริษัทหรือฮุบมรดกอย่างที่นายอ้าง ในหัวนี่คงคิดแต่เรื่องอกุศลอยู่สินะ แต่ก็อย่างว่า หน้าตานายน่ะมันส่อไปทางนั้นอยู่แล้ว”
ผมอ้าปากค้างอะเกน... นอกจากปากจะพูดแต่สิ่งแย่ๆ หัวมันก็ยังคิดแต่เรื่องแย่ๆอีกหรอเนี่ย! เออครับผมยอมรับนะว่าผมอาจจะพูดโดยเอาความจริงมาอ้างบ้างเพื่อให้มันดูน่าเชื่อถือ แต่ดูหมอนี่มันตอกกลับมาสิ! หยาบคายที่สุดอ่ะ จุนมยอนจะไม่ทนแล้วนะเว้ย!!
“นายจะเอายังไงกับฉันกันแน่! ก็ฉันตั้งใจจะกลับมาช่วยพ่อจริงๆนี่!”
“หึ!...”
เอี๊ยดดดด!!
พลั่ก!!
อ..อ่อก.. T__T นี่มันเดจาวูหรืออย่างไรบอกผมที! ผีแพนด้าเข้าสิงรึไงอยู่ๆถึงเหยียบเบรกกระทันหันแบบนี้! ไอ้เสียง ‘พลั่ก’ ตะกี้ไม่ต้องสงสัยหรอกนะครับว่าใครเป็นคนทำมันขึ้น หลักฐานมันกำลังเขียวปูดตรงที่หน้าผากผมเนี่ย อ๊ากกกก! เจ้าเด็กบ้านี่คิดจะฆ่าเค้าจริงๆใช่มั้ยเนี่ย? เจ็บแค้นเคืองโกรธโทษฉันไย ฉันทำอะไรให้เธอเคืองโกรธ~….
“ฟังแล้วจำใส่หัวไว้เลยนะคิมจุนมยอน... ไม่ว่านายจะทำอะไรจะไปไหนกับใครที่ไหนเมื่อไหร่ หรือคิดจะวางแผนอะไรก็ตาม ทุกอย่างมันจะอยู่ในสายตาของฉันหมด แล้วถ้านายคิดจะทำอะไรพ่อหรือบริษัทละก็... ชีวิตนายจะไม่มีความสุขแน่!”
ผมหยุดมือที่กำลังลูบหน้าผากป้อยๆ ตวัดสายตาขึ้นไปจ้องตอบโต้กับอีกฝ่าย เราสองคนต่างฝ่ายต่างมองกันด้วยสายตาดุเดือด นี่คิดจะประกาศสงครามกับฉันใช่มั้ย? หึ! นายรู้ฤทธิ์หนุ่มไร่สตรอเบอรี่น้อยไปแล้ว!
“ว่าแต่ขอทราบชื่อองค์รักษ์พิทักษ์บ้านคิมหน่อยสิ - _ -+ การรู้จักกับศัตรูตั้งแต่เนิ่นๆมันช่วยทำให้วางแผนอะไรได้สะดวกขึ้นน่ะ” ผมส่งยิ้มยียวนกวนประสาทไปให้ ดูเหมือนอีกฝ่ายเองก็จะเส้นตื้นเสียด้วย ทำอะไรกวนๆใส่หน่อยก็ทำหน้าเหมือนคนอึไม่ออกมาสามสี่วัน หน้านี่เหม็นบูดเชียว~
“ฮวาง จื่อเทา ... ยินดีที่ได้รู้จักนะ คิม จุนมยอน J” แต่จะว่าอีกฝ่ายเส้นตื้นก็ไม่ได้ เพราะทันทีที่เทาส่งรอยยิ้มหวานเคลือบยาพิษมาให้ ความรู้สึกตอนประถมที่ถูกเพื่อนยุแยงด้วยสีหน้ากวนๆมันฉายชัดอีกครั้ง รอยยิ้มกวนทีนๆแบบนี้ทำเอาผมมีน้ำโหขึ้นมาเหมือนกัน!
“แล้วเราจะได้เห็นดีกัน!”
แชว๊ง~ กลับมาแล้วหลังจากหายหน้าไปนาน ตอนนี้มันสั้นมากก สั้นแบบไม่น่าให้อภัย คือสารภาพกันตรงเลยคือตอนนี้เป็นอะไรที่ตันเวรี่ตันและเวรี่เวรี่ตันสุดๆค่ะพ่อแม่พี่น้อง 555555 แต่ก็ยังจบได้ ดีใจ~
สุดท้ายนี้ 1 เม้น = 1 กำลังใจ ขอให้สนุกกับการอ่านนะคะ จุ๊บๆ~ ♥
ความคิดเห็น