คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #10 : 8 - หนาว
COUPLE : TAO x SUHO
RATE : PG13
CATEGORY : Romantic , Comedy
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
8
“คุณครับ?มานั่งทำอะไรตรงนี้ดึกๆดื่นๆ กลับบ้านได้แล้วครับคุณ!” แรงเขย่าดึงผมจากโลกนิทรากลับมาสู่โลกแห่งความเป็นจริง ผมชันตัวขึ้นจากเก้าอี้นั่งแถวยาว เอามือปิดปากหาวแบบไม่เกรงใจใคร ตามด้วยบิดขี้เกียจบรรเทาอาการเมื่อยล้าจากการนอนขดตัวเป็นเวลานาน ฮ้าว~ นี่เทามาแล้วหรอ?
“นี่คนบ้ารึเปล่าเนี่ย?อยู่โรงพยาบาลไหนเรา?” อะไรเนี่ย-_-; โดนทักว่าเป็นคนบ้ามาสองรอบแล้วนะ นี่หน้าผมมันคล้ายส่วนไหนของคนบ้า? ลูกกระเดือกหรือรูจมูก?
“อ่าอื้ม~ เทาอ่า~ ทำไมนายมาช้าแบบนี้เนี่ย!ฉันหลับรอนายตั้งนานนะเว้ย!” ผมบิดขี้เกียจไปพลางด่าอีกคนไปด้วย ไหนบอกว่าตอนเย็นจะมารับ เย็นบ้านป้านายฟ้ามืดขนาดนี้เลยรึไงฟะ ปล่อยให้ฉันนอนตากน้ำค้างอยู่นานสองนาน
“เทา?เทาอะไรของคุณ ผมเป็นยามลาดตระเวนครับ! เอ้าๆ ลุกได้แล้วคุณ” อาเระ? =_=;;อะไรนะ! หมอนี่ไม่ใช่เทางั้นเรอะ! ลุงยามรีเทิร์นเรอะ!! ม่านตาผมเบิกกว้างโดยอัตโนมัติ หันไปมองชายฉกรรจ์ในชุดยามรัดรูปอกตึงเปรี๊ยะที่กำลังจะหิ้วปีกผมไปโยนทิ้งนอกสวน ม่ายน๊า~~~ TTT[]TTT
“ดะ…เดี๋ยวก่อนครับ!!คือตอนนี้ผมยังไปไหนไม่ได้ คือผมนัดคนเอาไว้อ่ะครับ ให้ผมนั่งรอตรงนี้เถอะนะครับ...” ผมพูดเสียงผะแผ่ว น่ากลัวเกินไปแล้วนะโซล T_T ที่นี่เค้าสรรหายามหน้าตาโหดๆมาจากไหนกัน ก่อนพวกนี้จะเป็นยามนี่เป็นพวกนักกีฬาทีมชาติมาก่อนรึเปล่าฟะ ดูหุ่นแต่ละคนที่เคยเจอมาสิ ฮึก
“ไม่ได้!ถ้าคุณเกิดบ้าทำร้ายใครที่สัญจรผ่านมาล่ะจะว่ายังไง คนที่ซวยมันคือผมนะคุณ ไปๆ จะไปรอที่ไหนก็เรื่องของคุณ แต่ไม่ใช่ที่นี่!” เกร้ดดดดด!! หนูไม่เอาหนูไม่ไปนะ ถ้าผมไปนั่งรอเทาที่อื่นแล้วเค้าจะหาผมเจอมั้ยล่ะ ไม่ได้ต้องนั่งรอแค่ตรงนี้ที่นี้เท่านั้น!
แต่ความคิดหรือจะช่วยอะไรได้ ร่างของผมถูกโยนลงกับทางฟุตบาธแข็งๆ เล่นเอากระดูกช่วงเอวผมร้าวไปเลย โอ๊ย~ ถ้าจะรุนแรงกันขนาดนี้ พูดกับผมดีๆก็ได้ผมไม่ดื้อหรอก!
“เอาล่ะจะไปไหนก็ไป แล้วถ้าผมกลับมายังเห็นคุณนอนร้องโอดโอยส่งเสียงรบกวนคนอื่นอยู่ล่ะก็ ผมจะพาคุณไปที่อื่นเอง และจะเจ็บตัวมากกว่านี้” นี่มันกุ๊ยชัดๆ! ไม่ทราบว่าทางบ้านนี่ให้เพดดีกรีเป็นอาหารรึเปล่า! โหดซะยิ่งกว่าพิตบูล!
ผมตัดสินใจพยุงร่างกายตัวเองเดินตามฟุตบาธไปเรื่อยๆ ตอนนี้ดวงอาทิตย์ก็หายลับขอบฟ้าไปแล้วเหลือเพียงแต่ท้องฟ้ามืดมิดไร้ดวงดาว อากาศหนาวเย็นเริ่มปกคลุมไปรอบๆจนผมต้องห่อตัวเข้าหากันเพื่อกักเก็บความอุ่นจากร่างกายที่ยังพอเหลืออยู่ ลมหายใจที่ถอนออกเริ่มมีกลายเป็นไอสียาวที่พวกพุ่งออกมาแทน บ้าจริงถ้ารู้ว่าตอนมืดมันจะหนาวแล้วบักเทามารับช้าล่ะก็ ผมคงจะคว้าเสื้อโค้ทมาเผื่อกันหนาวด้วยแล้ว
ผมเดินมาจนกระทั่งถึงป้ายรถเมล์ที่เงียบสงบ มีเพียงไฟนีออนสามสี่หลอดที่ยังทำหน้าที่เปล่งแสงสว่างยามค่ำคืนอย่างไม่ขาดตกบกพร่อง ผมทิ้งตัวลงนั่งบนเก้าอี้นั่งพักบริเวณนั้น พิงตัวกับป้ายโฆษณาขนาดใหญ่ที่อยู่ข้างหลังอย่างเหนื่อยอ่อน
“เฮ้อ~ ทำไมฉันต้องมานั่งหงอยในที่ที่ไม่รู้จักด้วยเนี่ย ป่านนี้ฉันควรจะอาบน้ำอุ่นๆ นอนหลับบนเตียงนุ่มๆในห้องไม่ใช่หรอ ไอ้แพนด้าผีเอ๊ย ป่านนี้ไปมุดหาไผ่กินที่ไหนเนี่ย ไหนบอกกันว่าจะมารับกลับบ้านตอนเย็นไง นี่ตะวันลับฟ้านกกาพากันกลับเข้ารังหมดแล้วยังไม่โผล่หัวมาเลย บ้าที่สุด”
ผมพร่ำบ่นคนเดียวราวกับคนบ้าทั้งๆที่ความจริงใกล้จะบ้าแล้ว -_-; อากาศหนาวเริ่มซึมเข้าในเนื้อผ้า สัมผัสทั้งร่างกายจนรู้สึกเย็นยะเยือกไปทั่วร่าง ผมยกขาทั้งสองข้างขึ้นมากอดกระชับกัน ถนนยามค่ำคืนเงียบสงบ ไม่มีแม้กระทั่งเสียงหรีดเรไรดังคลอ มีแต่เพียงความเงียบเหงาที่ปกคลุมพร้อมกับอากาศหนาวเย็น
เวลายังคงเดินต่อไปเรื่อยๆ ผมก็ยังไม่เห็นวี่แววของเทาเลยแม้แต่น้อย น้ำมูกผมเริ่มไหลเนื่องจากอากาศร้อนที่ถูกปล่อยออกมาจากปอดเริ่มตีกับความเย็นรอบตัว ท้องฟ้าจากที่เคยเป็นสีฟ้าครามเข้มๆเริ่มค่อยๆมืดสนิท ผมเริ่มจะไม่ไหวแล้วนะ นี่เทามันไปเรียนถึงปักกิ่งเลยรึไงถึงมารับผมช้าแบบนี้เนี่ย!
“ฮัดชิ่ว!โอย...ทั้งหนาวทั้งง่วงเลยอ่ะ...” ผมเริ่มเอามือถูแขนไปมา อากาศเย็นๆเริ่มก่อให้เกิดความ่งวงขึ้นมาน้อยๆแล้ว ผมขอนอนรอเทาอีกซักพักได้มั้ย เมื่อตะกี้ยังนอนไม่เต็มอิ่มเลยก็โดนยามโยนออกมาแล้วY_Y ว่าแล้วผมก็ล้มตัวลงนอนตะแคงบนเก้าอี้เย็นๆ อาจจะเจ็บอยู่บ้างเพราะขอบเก้าอี้มันห่างกันแล้วงอขึ้นมาทิ่มกระดูกจนปวดไปหมด
ผมค่อยๆปิดเปลือกตาลง กอดกระชับตัวเองให้แน่นขึ้นบรรเทาอากาศหนาว ทั้งตัวขดเข้าหากันโดยอัตโนมัติ ลมหายใจเข้าออกผ่อนเข้าหากันอย่างสม่ำเสมอ ผมปล่อยให้ตัวเองจมสู่ห้วงนิทรา ท่ามกลางความหนาวเย็นและความเงียบสงัดยามค่ำคืนของกรุงโซล...
"มึงไปรับพี่มึงมายัง?" ร่างโปร่งหยุดมือที่กำลังยกแก้วค็อกเทลทรงสวย ถอนหายใจน้อยๆก่อนจะลดมือลงแล้วหันไปมองผู้เป็นเพื่อนที่ตีหน้าเครียดอยู่ข้างๆ
"ยัง ช่างแม่งเถอะ โตเป็นควายแล้วเดี๋ยวมันก็หาทางกลับบ้านได้เองแหละ" ชายหนุ่มตอบกลับด้วยน้ำเสียงเย็นชา มันจะอะไรกันหนักหนา เอาตามจริงสวนตรงนั้นก็ไม่ได้ไกลจากบ้านเท่าไหร่ ถามทางนิดหน่อยก็กลับถึงบ้านได้เองแล้ว
"มึงนี่ก็นะ ระวังเถอะถ้าเค้าหายไปละก็คนที่ซวยคือมึง" เทายักไหล่ไม่แคร์ กระดกน้ำสีอำพันรสร้อนลงคออย่างรวดเร็ว "หายก็ดีสิวะ เบื่อหน้าแม่งจะแย่"
ชานซองส่ายหัวเหนื่อยใจกับความเอาแต่ใจและอารมณ์ร้อนของผู้เป็นเพื่อนน้อยๆ อาจจะเป็นเพราะฤทธิ์สุราตรงหน้า เลยอัพเลเวลความปากหมาจอมเสียดสีขึ้นมาอีกระดับ เหอะ! อยากรู้จริงๆว่าถ้าพี่มันเกิดหายตัวขึ้นมามันจะทำหน้ายังไง
"ออนเดอะร็อคสอง!"
"เดอะร็อคพ่อมึงสิ ไอ้สัตว์เลิกแดกแล้วไปรับพี่มึงได้แล้ว"
"เสือก..."
เทาด่าอีกคนเสียงเบา เริ่มประคองสติตัวเองไม่ค่อยอยู่เพราะฤทธิ์เหล้าที่กระดกไปหลายแก้ว ชานซองเลยกลายเป็นคนถือไพ่ ยึดแก้วเหล้ามาไว้กับตัวเองได้สำเร็จ แต่ถ้าเป็นตอนไม่เมาล่ะก็ เค้าคงโดนกระบวนท่าวูซูฟาดสลบ
แต่แล้วก็ต้องเลิกสนใจอีกฝ่าย เมื่อเห็นว่าก๊วนเพื่อนอีกสองคนกำลังเดินเข้ามา คนหนึ่งก็สูงชะลูด อีกคนก็เตี้ยม่อต้อ มองไกลๆเค้ายังแอบเผลอนึกว่าเป็นพ่อลูกกันด้วยซ้ำ แบคฮยอนเป็นคนที่เดินนำมาหาทั้งสองคนก่อน ส่วนดงอุนก็มัวแต่เอ้อระเหยลอยชาย ชมนกชมไม้ชมนารีตามหลังมา
"อะไรเนี่ย พวกกูมาเลทแปปเดียวนี่แดกก่อนเลยนะมึง" ร่างเล็กหัวแดงด่ากราดคุณชายฮวังกับคุณชายจื่อ ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งข้างๆเทาที่พึ่งแย่งแก้วเหล้าจากมือชานซองได้สำเร็จ
"กูนึกว่ามึงจะมาพรุ่งนี้ไงเลยแดกก่อน มาช้าฉิบหาย หาข้ออ้างหนีเที่ยวกับแม่มึงอยู่รึไง?"
"เมาแล้วปากหมาไงไอ้เทา”
“โอ๊ยไอ้เหี้ยเลิกทะเลาะกันซักแปปได้ป่ะครับพวกมึง?เออไอ้แบค แล้วทำไมมึงออกมาช้าขนาดนี้นะ นัดพวกกูมาแท้ๆไม่น่ามาทีหลังนะ” แบคฮยอนเกาท้ายทอยก่อนจะถอนหายใจน้อยๆ ทำไมวันนี้กูต้องโดนด่าคนเดียวด้วยวะ ไอ้โย่งข้างๆที่มาด้วยทำไมไม่ด่ามันล่ะ!
“ตอนแรกพวกกูก็ขับรถกันมาดีๆนี่แหละ แต่หิมะมันตก รถติดกันยาวเลย กว่าพวกกูจะหลุดมาได้นี่ไอ้ดงอุนหลับไปสามสี่ตื่น” ชานซองพยักหน้าเข้าใจ ผิดกับร่างสูงที่นั่งนิ่งงัน มือข้างหนึ่งที่ถือแก้วเหล้าอยู่นิ่งผิดปกติจนแบคฮยอนอดสงสัยไม่ได้ “เป็นไรมึง ทำไมไม่แดก?”
ร่างโปร่งวางแก้วเหล้าลง ก่อนจะถามคำถามอีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงร้อนรน “หิมะตกตอนไหน? ตกนานรึยัง?!”
“ไอ้เหี้ยใจเย็น... พึ่งลงเมื่อกี้... มีอะไรเปล่าวะ?” เทาไม่รอตอบคำถามแบคฮยอน เจ้าตัวควักกระเป๋าสตางค์ขึ้นมาหยิบเงินวางทิ้งไว้อย่างทุกครั้งที่เคยทำ แต่แตกต่างจากทุกทีเพราะความรีบร้อนที่แสดงออกมาอย่างชัดเจนก่อนจะวิ่งตัวปลิวออกไป สร้างความฉงนให้กับผู้เป็นเพื่อนที่พึ่งมาใหม่สองคน ส่วนชานซองได้แต่ส่ายหัวน้อยๆ หัวเราะเบาๆในลำคอให้กับ ‘ความซึน’ ตัวพ่อของเพื่อนหน้าหมีแพนด้าตัวร้าย
(Tao Part)
ผมเหยียบเบรกรถกะทันหันทันทีเมื่อขับมาถึงสวนสาธารณะที่มาส่งซูโฮเมื่อตอนกลางวัน ผมเอี้ยวหลังหันไปดูว่ายังพอมีเสื้อโค้ทหนาๆติดรถอยู่หรือเปล่า และก็ดูเหมือนว่าสวรรค์จะเป็นใจ เสื้อโค้ทตัวใหญ่บะเริ่มของชานซองที่ลืมไว้บนรถผมเมื่ออาทิตย์ที่แล้วยังแขวนนิ่งอยู่เบาะหลัง ผมคว้ามันมาแบบไม่ต้องคิดขอ ก่อนจะรีบก้าวลงจากรถไปเผชิญอากาศที่หนาวจัดภายนอกรถ
“สัตว์เอ๊ย... ตกเหี้ยอะไรเยอะแยะวะ” ผมเผลอสบถคำหยาบออกมาอย่างเคยตัว บ้าชะมัดเลย! ผมนี่มันบ้าชะมัด ก็รู้ทั้งรู้ว่าอีกคนมันบ้าๆบอๆ ทำไมผมถึงปล่อยมันทิ้งไว้ได้ ผมเตะหิมะที่เริ่มทับถมสูงขึ้นด้วยความโมโห ถ้าเจ้านั่นเป็นอะไรไปผมคงโดนพ่อกับแม่สวดยับแน่ๆ...
ผมเริ่มเดินกึ่งวิ่งไปตามทางเดินที่ทอดยาว ผมรู้สึกว่าทางเท้าที่พึ่งเจอเมื่อเที่ยงมันให้ความรู้สึกยาวไกลเหลือเกิน เหงื่อที่ไม่ควรจะออกเริ่มไหลซึมอยู่ข้างในร่างกายที่ถูกปกปิดด้วยเสื้อโค้ทตัวใหญ่ ไม่มีวี่แววของซูโฮเลยซักนิด หมอนั่นมันไปไหน!!
“ซูโฮ!!!!นายอยู่ไหน!!!!” ผมตะโกนแหกปากราวกับคนบ้าหลังจากเดินหาร่างเล็กทั่วทั้งสวน นี่ไม่ใช่เจ้าบ้านั่นชิ่งกลับบ้านไปก่อนนะ พ่อจะตามไปจัดการถึงบ้านเลยคอยดู! แต่แล้วผมก็ฉุกคิดอะไรได้ ใช่สิ... ผมนัดกับหมอนั่นตรงม้านั่งกลางสวนนี่ ผมพรูลมหายใจที่เต็มไปด้วยไอเย็นออกมา ก่อนจะฮึดวิ่งไปตามที่ๆนัดอีกคนเอาไว้ แต่ทันทีที่ผมมาถึงก็พบแต่เพียงความว่างเปล่า มีเพียงแต่หิมะสีขาวๆประปรายไปตามเก้าอี้ไม้สีน้ำตาล
ซูโฮหายไป...
“ไปไหนของแม่งวะ บ้าเอ๊ย!!!!” อะไรวะ!!! นี่มันไม่ตลกเลยนะครับ! ไอ้หลอดไฟเดินได้นั่นหายไปไหน ใจผมเริ่มสั่นหวิว สองมือกำแน่นเข้าหากัน หิมะเองก็เริ่มตกหนักขึ้นเรื่อยๆ หมอนั่นมันหายไปไหนของมัน ในเมื่อผมบอกให้รอตรงนี้ก็ควรจะต้องรอตรงนี้สิ!
“เฮ้!!นี่คุณอีกแล้วหรอ! ผมบอกแล้วใช่มั้ยว่าให้ออกไปทำไมยังไม่ไปอีก!” เสียงเข้มๆตะโกนดังขึ้นข้างหลังผมพร้อมกับแสงไฟสีส้มอ่อนๆที่สาดเข้ามาด้วย ผมหันไปมองร่างของยามร่างใหญ่ในเสื้อกันหนาวสีดำหนาๆ มือของเค้าส่ายกระบอกขึ้นลงส่องมาที่ตัวผม “อ้าว... ไม่ใช่เจ้านั่นนี่”
“เจ้านั่น?” ผมขึ้นเสียงสูง
“คุณเป็นใครเนี่ย นี่มันดึกแล้วนะคุณ ช่วยออกไปจากที่นี่ด้วยครับ” ฝ่ายตรงข้ามผายมือเชิญผมออกไปทางประตูที่ผมวิ่งเข้ามาในตอนแรก
“ผมมาตามหาพี่ พี่ผมเค้ารออยู่ที่นี่ เค้าอยู่ไหน?”
“ไม่มีคนหรอกคุณ เค้าออกไปกันตั้งแต่ฟ้ายังสว่างนู่น จะมีคนบ้าที่ไหนมาอยู่ในสวนตอนนี้นอกจากผมล่ะ” ไม่พูดเปล่า อีกฝ่ายยังส่งสายตารังเกียจกับสีหน้าเบื่อหน่ายมาให้ผมด้วย เหอะ! แม่งเอ๊ย ถ้าไม่ติดว่าผมต้องตามหาอีกคนอยู่ละก็ ผมชกมันหน้าหงายแน่
“จะไม่มีได้ยังไง!ก็ผมบอกให้เค้ารอที่นี่เค้าก็ต้องรอที่นี่สิ!!” ผมเริ่มโมโห ตวาดใส่บุคคลตรงหน้าด้วยความเกรี้ยวโกรธ ตั้งแต่เมื่อกี้แล้วนะ... เอาไฟฉายมาส่องหน้าบ้างล่ะ ทำหน้ารังเกียจบ้างล่ะ เป็นยามภาษาอะไรทำไมไม่รู้จักดูแลประชาชน ทำไมถึงทำกิริยาสถุนถ่อยแบบนี้ แล้วไหนจะซูโฮที่หายไปอีกมันยิ่งปั่นอารมณ์ที่ร้อนอยู่แล้วทวีความร้อนมากขึ้นกว่าเดิม
“จ...ใจเย็นๆสิคุณ! ผมบอกว่าไม่มีก็ไม่มีหรอก เว้นก็แต่เจ้านั่น...”
“เจ้านั่นไหนรีบๆพูดมาซักทีสิ!!!”
“ก..ก็เหมือนคนบ้า หน้าตามอมแมม ตัวขาวๆหน่อย ตัวเล็กด้วย เห็นบอกว่าจะรอคนๆอะไรของมันเนี่ยแหละ แต่ผมพาออกไปข้างนอกแล้วเพราะมันเลยเวลาปิดสวน ผมต้องเอาคนออกให้หมด ไม่งั้นผมโดนนายใหญ่เล่นแน่...”
“ว่าแล้ว... นั่นมันพี่กู!!!!เดี๋ยวกูหาพี่กูเจอเมื่อไหร่ มึงเจอกูแน่!” ผมชี้หน้ายามที่ทำหน้าเลิ่กลั่กด้วยความหวาดกลัว มันคงไม่ได้ฟังที่ซูโฮพูดเลยสินะว่าต้องรอผม มีหัวไว้คั่นหูหรือมีหูไว้แค่ประดับหัววะ! มันน่าฟันให้ตายจริงๆแม่ง ผมรีบวิ่งออกมาจากสวน มองซ้ายมองขวาก็มีแต่เพียงเกล็ดหิมะที่พากันหล่นโปรยปราย ไร้วี่แววของผู้คน แต่แล้วสายตาของผมก็เหลือบไปเห็นแสงไฟริบหรี่อยู่ปลายทาง เอาวะ... ต้องลองเสี่ยงดู
“แฮ่กๆ... ซูโฮ!ซูโฮ!!” ผมวิ่งไปพลางตะโกนเรียกอีกฝ่ายไปหวังลึกๆอยู่ในใจว่าอีกบุคคลที่ผมเรียกหาจะตะโกนกลับมาบ้าง แต่ก็ไม่ ทุกอย่างเงียบสงบมีเพียงสายลมหนาวที่ส่งเสียงพัดวิ้วๆดังคลอไม่ให้บรรยากาศรอบตัวผมเงียบเกินไป
ผมวิ่งมาสุดทางจนถึงป้ายรถเมล์ที่เห็นแสงไฟเมื่อครู่ ทันทีที่มาถึง หัวใจของผมทั้งดวงแทบหล่นไปอยู่ตาตุ่ม ร่างทั้งร่างชาวาบพร้อมกันโดยอัตโนมัติ เพราะตรงหน้าคือร่างที่ผมตามหาเกือบสิบนาทีนอนหนาวสั่นอยู่บนเก้าอี้นั่งรอรถ ดวงตาทั้งสองข้างหลับพริ้ม ริมฝีปากที่เคยแดงสดใสบัดนี้กลายเป็นสีแดงซีดๆเกือบม่วงคล้ำ ทั้งร่างนอนขดเข้าหากัน มีละอองหิมะบางส่วนที่ปกคลุมร่างเล็กแต่เบาบางเพราะมีหลังคากันไว้
“ซูโฮ!!!” ผมวิ่งถลาเข้าไปหาอีกคน และดูเหมือนว่าทันทีที่ได้ยินเสียงผม ดวงตาที่เคยปิดสนิทค่อยๆเปิดกว้าง ริมฝีปากบางเฉียบอมยิ้มน้อยๆ ก่อนจะเปล่งเสียงออกมาเบาหวิวที่ทำเอาคนฟังสะอึก “...ท... เทา”
“ซูโฮ...ซูโฮฉันขอโทษ...” คนที่เคยรังเกียจแม้แต่หน้าก็ไม่อยากจะมองร่างกายก็ไม่อยากจะสัมผัสตอนนี้ถูกลืมเลือนหายไป ผมลูบไปตามพวงแก้มใสที่เย็นเฉียบ เช่นเดียวกันกับซูโฮเองที่ยกมือข้างหนึ่งขึ้นมากุมมือผมไว้ ผิวเนื้อที่เคยอุ่นถูกแทนที่ด้วยความเย็น ร่างเล็กที่นอนหนาวสั่นบีบมือผมแน่น
“ไอ้...ไอ้เด็กบ้า... น... นายหายไปไหนมา...ฉันรอตั้งนาน...รู้รึเปล่า...” เสียงของซูโฮสั่นไหว ริมฝีปากเล็กที่เคยแต่อ้าปากเอาแต่เถียงตลอด บัดนี้แค่แม้แต่จะเปล่งคำพูดออกมาก็ยังไม่มีแรง ผมไม่รอตอบคำถามพี่ชายตัวแสบ เสื้อโค้ทของชานซองที่ผมสวมใส่อยู่ในตอนแรกถูกถอดเอามาคลุมร่างเล็กนี่นอนขด ก่อนจะช้อนร่างเล็กขึ้นมา ซูโฮดูตกใจน้อยๆที่เห็นผมทำแบบนี้ “น...นายปล่อยฉันลงเถอะ...ฉันเดินเองได้...”
“เหอะ!อย่ามาทำปากดี แค่จะอ้าปากพูดยังทำไม่ได้เลย…” ผมอดจะกัดอีกคนไม่ได้ แต่ความรู้สึกผิดที่มีอยู่ท่วมท้นทำให้ผมกระดากปากที่จะพูดเล็กน้อย ก็ในเมื่อผมเป็นคนทิ้งเค้าไว้ ทำให้ไอ้แสบต้องกลายเป็นแบบนี้
ซูโฮปิดปากเงียบไม่พูดอะไรต่อ ผมเลยตัดสินใจเดินกลับไปที่รถที่จอดไว้หน้าสวนสาธารณะ เราสองคนต่างปิดปากเงียบไม่มีใครพูดกับใคร ผมเองก็ไม่รู้ว่าเพราะอากาศหนาวกัดผิวหรืออะไร เพราะใบหน้าของหลอดไฟนีออนเดินได้แดงก่ำเป็นลูกตำลึงสุกลามไปถึงใบหู แถมอีกคนยังกอดคอผมแน่น ก้มหน้าหงุดซุกกับอกผม ลมหายใจอุ่นๆเองก็เป่ารดที่หน้าอกผม
ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆวะเนี่ย=_____=//////.....
ผมเดินอุ้มร่างเล็กจนกระทั่งมาถึงรถที่จอดไว้ รถสีดำมะเมี่ยมในตอนนี้กลับเต็มไปด้วยหิมะที่เริ่มตกทับถมกัน ผมวางร่างของอีกคนลงแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้ห่างตัว แขนอีกข้างยังคงโอบร่างอีกคนไว้กระชับแน่น
ภายในใจลึกๆเองผมก็ยังสงสัยว่าทำไมผมต้องทำแบบนี้กับคนๆนี้ด้วย แต่ถึงผมคิดอย่างนั้นก็เถอะ ผมก็ยังไม่ปล่อยซูโฮไปอยู่ดี ผมหยิบกุญแจรถในกระเป๋ากางเกงออกมากดปลดล็อคอัตโนมัติ ค่อยๆประคองพี่ตัวแสบนั่งลงบนเบาะข้างคนขับ ก่อนจะกระชับเสื้อโค้ทหนาเพื่อสร้างความอบอุ่นให้ร่างกายอีกคน
“ห้ามหลับเด็ดขาด ถ่างตาของนายเอาไว้จนกว่าจะถึงบ้าน เข้าใจมั้ย?” ผมกำชับ ซูโฮพยักหน้าหงึกหงัก ริมฝีปากเล็กยังสั่นกึกๆไม่หยุด
ผมปิดประตูรถ แอบมองอีกคนที่เริ่มขดตัวเข้าหากันอีกครั้ง ดวงตาหวานปรือด้วยความง่วงแต่ก็ไม่ยอมหลับตาเพราะคำสั่งของผม ก่อนจะเดินอ้อมหน้ารถขึ้นไปนั่งฝั่งคนขับ เสียบกุญแจสตาร์ทรถแล้วรีบขับบึ่งทะยานตรงกลับบ้านทันที
(Tao End)
ความคิดเห็น