คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ตอนที่ 1
เสียงร้องกรี๊ดๆของบรรดาแฟนคลับที่กำลังชมคอนเสริ์ตของนิชากร กลิ่นหอมหรือเคทซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจวันรุ่นดังระงมไม่ขาดระยะ นักร้องสาวนิชากรทั้งร้องทั้งเต้นอย่างไม่รู้จักความเหน็ดเหนื่อยเพื่อสร้างความสนุกสนานประทับใจให้ผู้ชมหลายพันคนที่คลั่งไคล้เธอให้มีความสุขตลอดการแสดงเกือบ3ชั่วโมง
นิชากรเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังตั้งแต่อายุ19ปี ในขณะนั้นเธอเรียนมหาลัยชั้นปีที่2 ด้วยความที่เธอชอบการร้องเพลงจึงไปสมัครเป็นนักร้องนำในวงดนตรีของมหาลัย ด้วยรูปร่างสูงโปร่ง ผิวขาว หุ่นอ้อนแอ้นบอบบางประกอบกับหน้าตาที่สวยหวานสะดุดตา จึงยากที่หัวหน้าวงจะปฏิเสธเธอจึงได้รับการพิจารณาให้ทดสอบการร้องเพลงและการเอนเตอร์เทนผู้ชม แล้วการทดสอบก็ไม่เป็นปัญหาเพราะความสามารถล้วนๆทำให้ผ่านฉลุยจากนั้นเธอจึงได้เป็นนักร้องนำของวง
และแล้วโอกาสก็มาถึงเมื่อวงดนตรีของเธอชนะเลิศการประกวดวงดนตรีในระดับมหาวิทยาลัย ทำให้ค่ายเพลงยักษ์ใหญ่สนใจชักชวนให้นิชากรมาเป็นศิลปินในสังกัด นิชากรถูกส่งไปเรียนการร้องเพลงและการเต้นแบบสากล ก่อนจะออกอัลบั้มเดี่ยวในชีวิตตามที่ตัวเองใฝ่ฝัน
ทั้งน้ำเสียงที่ใสกังวานผสมกับความหวานใสของนักร้องน้องใหม่ที่กำลังจะผ่านพ้นวัยทีนเอจ เพียงซิงเกิ้ลแรกที่เปิดสู่สาธารณชนก็เป็นที่ฮือฮา ซ้ำยังได้รับการต้อนรับอย่างเปี่ยมล้นจากวัยรุ่นทั่วประเทศ
ตั้งแต่วันนั้นเธอก็เริ่มเป็นนักร้องมีชื่อเสียง แต่เธอก็ยังให้ความสำคัญกับการเรียนเป็นอันดับแรก จวบจนถึงปัจจุบันที่เธอสามารถทำได้ดีทั้งสองอย่างในเวลาเดียวกัน ทั้งใบปริญญาบัตรที่ได้รับ และตำแหน่งนักร้องซุปเปอร์สตาร์ขวัญใจวันรุ่นก็ไม่ทำให้เธอผิดหวัง นิชากรยังมีแฟนคลับอย่างเหนียวแน่นและความโด่งดังของเธอก็ยังไม่มีทีท่าจะลดน้อยลงไปด้วยแม้ว่าเวลาจะล่วงเลยเข้าสู่ปีที่4ของชีวิตนักร้องดังที่ใครๆต่างก็อิจฉาในวัยเพียง22ปีเท่านั้นเอง
“เคท เหนื่อยไหม” ลิตาผู้จัดการส่วนตัว รูปร่างเล็ก หน้าตาสวย ผมยาวรวบง่ายๆไว้ด้านหลังเอ่ยถามเมื่อเห็นร่างโปร่งบางที่พึ่งจะจบการแสดงคอนเสริ์ตเดินหมดแรงเข้ามายังด้านหลังเวที
“เหนื่อยค่ะแต่เคทดีใจที่เห็นแฟนเพลงมีความสุขกับการแสดงของเคท” นักร้องสาวตอบแล้วเดินไปหย่อนตัวนั่งพักที่เก้าอี้นวมตัวยาวที่ทีมงานเตรียมไว้ให้
“ไปรีบกลับบ้านกันจะได้พักผ่อนไวๆ” ลิตาบอกอย่างห่วงใยกับท่าทางอ่อนล้าของสาวน้อย เพราะความผูกพันธ์ที่คอยดูแลกันมาเกือบ4ปี เธอจึงเห็นสาวน้อยหน้าใสเป็นเหมือนน้องสาวและที่สำคัญสาวน้อยคนนี้ยังไม่เคยทำให้เธอลำบากใจในการทำงานสักที
นิชากรลุกขึ้นเดินตามหลังผู้จัดการไปเงียบๆ พอขึ้นรถนักร้องสาวก็หลับสนิทจนมาถึงคอนโด ลิตายิ้มกับท่านอนของสาวน้อยก่อนจะสะกิดแขนปลุกให้ขึ้นไปนอนต่อบนห้อง
“ถึงแล้วเหรอคะ ไวจัง” นิชากรถามทั้งที่ยังไม่ลืมตา
“ไปเร็ว” ลิตาเร่งอีกครั้งให้ร่างโปร่งบางขยับแขนบิดขี้เกียจน้อยๆในรถแล้วเปิดประตูรถลงไปยืนรอผู้จัดการที่หอบหิ้วสัมภาระออกจากรถก่อนจะออกเดินไปพร้อมกันเข้าไปยังด้านในอาคาร
“โอ้ยพี่ลืมได้ไง เคทหิวไหม” ลิตาถามเมื่อพึ่งจะคิดได้ถึงเรื่องปากท้อง
“ไม่ค่ะ ตอนนี้เคทอยากนอนอย่างเดียวเลยค่ะ” นิชากรพูดจบก็ยกมือปิดปากหาว
“งั้นตอนเช้าเดี๋ยวพี่จะหาของกินไว้ให้นะ” ผู้จัดการบอกก่อนจะก้าวออกจากลิฟต์
“ขอบคุณค่ะ” นิชากรตอบรับพรางกดปิดประตูลิฟต์เพื่อขึ้นไปยังชั้นบนสุดของคอนโด ร่างโปร่งบางเดินหาวติดๆกันไปยังห้องตัวเอง พอเข้าห้องได้ก็จัดการอาบน้ำอย่างรวดเร็วก่อนจะเข้านอนด้วยความง่วง แต่เมื่อหลับตาลงเสียงใครคนนั้นก็แว่วเข้ามาในโสตประสาท ซึ่งไม่ว่าจะผ่านมานานหลายปีแต่เธอก็ยังไม่เคยลืมบทสนทนาครั้งสุดท้ายที่ได้คุยกับคนที่เธอรักอย่างมากมาย
‘เคทจะไปเป็นนักร้องจริงๆเหรอ’
‘จริงสิมันเป็นความใฝ่ฝันของเคทเลยนะ’
‘ถ้าเคทไปเป็นนักร้องเราก็คงจะไม่ได้เจอกันอีก’
‘ทำไมพูดแบบนี้ล่ะ รัญไม่อยากมีแฟนเป็นนักร้องเหรอ’
‘ไม่รู้สิ แต่ถ้าเลือกได้รัญก็ไม่อยากให้เคทเป็น’
‘ถึงเคทจะดังแค่ไหน เคทก็จะรักและมีรัญคนเดียวนะ สัญญา’
‘เคทอย่าใส่ใจคำพูดของรัญเลยนะ’
ทำไมตอนนั้นเธอไม่ได้เฉลียวใจในคำพูดของคนที่รักสักนิด จนกระทั่งใครคนนี้หายไปจากชีวิตของเธอในวันที่เธอเริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังขึ้น ทำให้เธอต้องย้อนกลับไปทบทวนคำพูดของคนที่ตัวเองรักทุกวันๆ
นิชากรรู้สึกตัวเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องจากโทรศัพท์มือถือที่เธอลืมปิดตั้งแต่เมื่อคืน ร่างบางงัวเงียเอื้อมมือสะเปะสะปะไปครวญหาตัวก่อกวนที่ส่งเสียงไม่หยุดบนโต๊ะข้างหัวเตียง เมื่อเจอก็คว้ามาซุกไว้ใต้หมอนเพื่อสกัดกั้นเสียงที่รบกวนการนอน แต่มันก็ยังส่งเสียงให้ได้ยินอยู่ดีเธอจึงต้องคว้ามากดรับสายเพื่อปัดความรำคาญ จบแล้วจะได้นอนต่อซะที
“สวัสดีค่ะ”
“สวัสดีครับน้องเคท” วศิน อินวิโรจน์ หรือเต้นักร้องหนุ่มร่วมค่ายส่งเสียงทักทายมาอย่างร่าเริง
“พี่เต้เหรอคะ เคทยังง่วงนอนอยู่เลยขอตัวนอนต่อนะคะ” นิชากรบอกด้วยน้ำเสียงเนือยๆอย่างแสนระอาใจในความตื้อมาราธอนของชายหนุ่มคนนี้
“ถ้างั้นเดี๋ยวพี่โทรมาใหม่นะครับ” วศินยังคงตื้ออีก
“ค่ะ” นิชากรตอบแล้วตัดสายทิ้งทันทีจากนั้นก็จัดการปิดเครื่องมือสื่อสารก่อนจะเข้าสู่นิทราอันแสนภิรมย์อีกครั้ง
นิชากรลืมตาตื่นด้วยความสดชื่นหลังจากที่ผ่านการนอนมาอย่างยาวนานร่วม10ชั่วโมง ร่างโปร่งบางขยับตัวลุกจากที่นอนไปจัดการธุระส่วนตัวในห้องน้ำเสร็จแล้วก็มาแต่งตัวสบายๆด้วยกางเกงขาสั้นกับเสื้อยืด
นิชากรเดินออกจากห้องนอนก็เลยเข้าห้องครัวต้มน้ำเพื่อชงกาแฟดื่มเป็นมื้อแรกของวัน และความรู้สึกหิวที่กำลังถาโถมเข้าใส่ เธอจึงเดินไปเปิดตู้เย็นก็เห็นมีแค่ไข่กับนม นิชากรถอนหายใจให้ตัวเองอย่างขำๆ นักร้องที่โด่งดังตอนนี้กำลังไส้แห้งสุดๆ
“พี่ลิตาคะตอนนี้เคทหิวจนจะเป็นลมแล้วนะคะ” นิชากรเปิดโทรศัพท์แล้วโทรหาคนที่ใกล้ตัวที่สุดก็คงหนีไม่พ้นผู้จัดการส่วนตัวที่ยอมจัดการให้เธอได้ทุกอย่าง ไม่ถึงสิบนาทีทั้งอาหารคาว อาหารหวาน ผลไม้ที่เป็นของโปรดทั้งหลายก็มารวมตัวกันอยู่บนโต๊ะอาหารให้นักร้องสาวหน้าใสได้เลือกกินอย่างสุดความสามารถ
“กินเยอะๆแบบนี้ระวังจะอ้วนไม่รู้ตัวตัวนะจ๊ะ” ผู้จัดการแซวสาวน้อยเมื่อเห็นท่าทางการกินแบบไม่กลัวความอ้วนแบบนั้น
“ตอนนี้ขอกินก่อนเถอะค่ะ อ้วนแล้วค่อยว่ากันอีกที” นิชากรตอบปากก็เคี้ยวไม่หยุดจนผู้จัดการเห็นแล้วก็ขำ
“กินไปเถอะ รูปร่างแบบนี้พี่ว่าอ้วนยาก” ลิตาพูดยิ้มๆนั่งมองจนสาวน้อยในปกครองกินอิ่ม จึงช่วยกันเก็บล้างแล้วมานั่งคุยกันต่อที่ห้องเอนกประสงค์ห้องเดียวของคอนโด ร่างโปร่งเดินไปเปิดทีวีจอใหญ่ก่อนกลับมานั่งข้างๆผู้จัดการคนสวย
“พี่ลิตาคะ เคทจะได้พักกี่วันคะ”
“อาทิตย์นึงมั้ง อยากไปเที่ยวไหนไหม”
“ไปปีนเขาดูน้ำตกกันดีไหมคะ”
“ว่าไปโน่นแล้วพี่จะเดินไหวไหมเนี่ย”
“เดินไม่ไหวเคทให้ขี่หลังก็ได้ค่ะ พี่ลิตาตัวนิดเดียวเองสบายมาก”
“ไม่เอาหรอก เกิดเคทหลังหักคนที่ซวยก็คือพี่ อากาศหนาวๆแบบนี้เราไปเที่ยวนอนแพกันสักคืนสองคืนดีกว่านะไม่เหนื่อยด้วย ไปสูดอากาศบริสุทธิ์กัน ดีไหม” ผู้จัดการเสนอ
“ตกลงค่ะ” นักร้องสาวจึงตกลงอย่างง่ายๆ
“เดี๋ยวพี่จะชวนเพื่อนไปด้วย เคทจัดกระเป๋านะคืนนี้เราจะไปนอนที่แพกัน” ลิตาบอกแล้วแยกไปชวนเพื่อน ก่อนจะกลับมาเรียกนักร้องสาวอีกทีตอนบ่าย
สองสาวสะพายเป้เดินออกจากลิฟต์ ตรงไปยังรถยนต์ของเพื่อนผู้จัดการที่มาจอดรออยู่ก่อนแล้ว ลิตาเปิดประตูด้านหลังให้นักร้องสาวก่อนตัวเธอจะเปิดขึ้นไปนั่งคู่คนขับ
“นี่พี่เป้เพื่อนพี่เอง เป็นนักข่าว”ลิตาแนะนำ นิชากรจึงยกมือไหว้ทักทาย
“พอดีเลยพี่จะได้ทำข่าวนักร้องสาวคนดังแอบไปเที่ยวกับผู้จัดการส่วนตัวตามลำพัง” ชลิสาหรือเป้นักข่าวสาวที่ชอบขุดคุ้ยประวัติของคนดังเอ่ยแซวพร้อมเสียงหัวเราะ
“พี่เป้เชิญทำข่าวตามสบายเลยนะคะ ตอนนี้ขอเคทนอนก่อนล่ะกัน” นิชากรบอกด้วยรอยยิ้มสดใสก่อนจะเอาเป้เป็นหมอนเอนตัวลงนอนอย่างสบายใจ
ถนนที่โค้งไปโค้งมาเป็นงูเลื้อยทำให้นิชากรที่กำลังหลับสบายเกิดอาการโครงเครงจนต้องลืมตาตื่นลุกขึ้นนั่งมองสองข้างทางที่เต็มไปด้วยภูเขาสลับทับซ้อนกันไปมา หูเริ่มอื้อเมื่อความสูงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆจนเธอต้องแอบกลืนน้ำลายดังเอื้อกๆ
“อีกไกลไหมคะกว่าจะถึง” นิชากรถามเมื่อรถเริ่มวิ่งลงเขา
“จะถึงแล้วจ๊ะ” นักข่าวสาวตอบกลับมา
“เราอยู่ที่ไหนคะเนี่ย” นิชากรถามเมื่อมองไปทางไหนก็เห็นมีแต่ภูเขาสูงต่ำสลับกันไปมา ซ้ำร้ายตอนนี้ก็มีแค่รถของพวกเธอสามคนที่วิ่งอยู่บนถนน
“เมืองกาญจน์จ๊ะเรากำลังจะไปที่หลังเขื่อนศรีนครินทร์กัน รับรองบรรยากาศดีมาก นี่ถ้าได้มากับแฟนยิ่งจะโรแมนติก ระหว่างที่อยู่นี่ลิตามาเป็นแฟนเราไหม” ชลิสาตอบแล้วหันไปถามคนข้างกาย
“ก็น่าสนุกนะแต่เป็นแฟนชั่วคราวเราไม่สนหรอก” ลิตาตอบพร้อมเสียงหัวเราะคิกคักหันไปมองคนถามด้วยแววตาที่สื่อความหมายลึกซึ้ง
“ว้ามีคนไม่สนด้วย งั้นน้องเคทมาเป็นแฟนพี่ไหม” ชลิสาสบตาหวานครู่เดียวก่อนจะหันกลับไปถามนักร้องคนดัง
“ไม่เอาอ่ะ” นิชากรตอบเร็วๆอย่างไม่ต้องคิดมาก
เสียงสนทนาเงียบไปเมื่อรถได้เลี้ยวเข้ามาบนถนนลูกรังขรุขระ แต่คนขับรถก็ยังขับไปเรื่อยๆจนกระทั่งเห็นแพที่จอดลอยน้ำเรียงๆกันอยู่ นักข่าวสาวยังคงขับรถเข้าไปด้านในเรื่อยๆจนกระทั่งด้านหน้าเป็นสายน้ำนั่นแหละรถจึงได้หยุดลงและจอดสนิทพร้อมเครื่องยนต์ที่ดับลง
นิชากรลงจากรถเดินไปเบื้องหน้าพร้อมสูดหายใจเข้าปอดอย่างเต็มที่เธอมองไปยังภูเขาที่รายล้อมไปด้วยสายน้ำ ไม่มีสิ่งที่ก่อให้เกิดมลพิษได้เลย แต่น่าเสียดายที่ต้นไม้บนภูเขาเริ่มจะแห้งเปลี่ยนเป็นสีเหลืองไปเกือบจะทั้งหมดแล้วนั่น
สายลมหนาวที่พัดพาความเย็นมาปะทะร่างจนนักร้องคนดังต้องยกมือขึ้นกอดอก บรรยากาศเงียบๆยามโพ้ลเพ้ลแบบนี้ยิ่งทำให้เธอเพิ่มความคิดถึงใครคนนั้นมากยิ่งขึ้นไปอีก ‘เธออยู่ไหนนะปิรัญดา ทำไมต้องหนีกันไปแบบนี้ด้วย’ นิชากรร่ำร้องถามถึงใครคนนั้นอยู่ในใจ
“เคทไปเร็ว” เสียงเรียกจากผู้จัดการทำให้ร่างโปร่งบางที่ยืนกอดอกหันกลับมาส่งยิ้มให้ เธอเดินไปหยิบเป้สะพายหลังและช่วยถือของเดินตามกระดานไม้แผ่นเดียวลงแพไป
“ที่นี่เป็นของเพื่อนพี่เองแหละ ถึงมันจะไม่ได้หรูหราไฮโซแต่รับรองบรรยากาศของที่นี่มีให้เต็มร้อยเลยนะ เคทจะไปนอนนับปูนับปลาตรงโน้นก็ได้ ตามสบายนะ เดี๋ยวพวกพี่จะเตรียมอาหารก่อน ที่นี่ไม่มีไฟฟ้า วันนี้เราจะกินข้าวใต้แสงตะเกียงเจ้าพายุกัน” นักข่าวสาวอธิบายซะยืดยาวเสมือนเป็นเจ้าของแพซะเอง ส่วนสายตาก็มองตามคนตัวเล็กที่เข้าไปจัดที่นอนสำหรับคืนนี้
“แล้วเพื่อนพี่เป้ไปไหนล่ะคะ” นิชากรถามอย่างสงสัยเพราะตั้งแต่มาถึงก็ยังไม่เห็นใครสักคน
“คงออกไปหาซื้อของเตรียมต้อนรับพวกเรามั้ง อ่ะถ้าไม่ไปนับปูนับปลาก็ไปก่อไฟอุ่นปลาเผาตัวนี้ดีกว่ามันเย็นชืดหมดแล้ว” ชลิสาละสายตาจากคนตัวเล็กหันมาตอบและถือโอกาสใช้นักร้องสาวยังยืนนิ่งอยู่อีกด้วย
“โหพี่เป้เล่นโยนงานยากมาให้เลยนะ แล้ววันนี้จะได้กินไหมล่ะคะปลาเผา พี่เป้ไปทำเองดีกว่าเดี๋ยวเคทจะแกะถุงพวกนี้เองค่ะ” นิชากรบอกแล้วเข้าไปแย่งถุงอาหารมาจากมือนักข่าวสาวจากนั้นก็ดันตัวคนร่างสูงๆนี่ให้ออกไป
หลังจากอุ่นอาหารกันเสร็จเรียบร้อยก็ได้เวลามานั่งล้อมวงบนเสื่อผืนใหญ่ ชลิสางัดเจ้าเครื่องดื่มออกมาทั้งไวน์ ทั้งเบียร์ ทั้งเหล้า
“เอามาทำไมของพวกนี้ใครเค้าจะกินห่ะ” ลิตาถามเพื่อนเสียงเขียว
“ใครไม่กินก็อย่าห้าม น้องเคทดื่มไวน์สักนิดนะ มาเที่ยวแบบนี้ บรรยากาศแบบนี้ต้องจิบแอลกอฮอร์สักหน่อยอารมณ์จะได้เริงรื่น อ่ะนี่ยกขวดซดเลยเพราะจะหาโอกาสทำแบบนี้ไม่ได้อีกแล้วนะจ๊ะ แล้วพี่จะเก็บไว้เป็นความลับ” ชลิสาบอกในขณะที่กำลังเปิดขวดไวน์ขนาดเล็กก่อนจะยื่นส่งให้ทั้งขวด
สองสาวนักร้องกับนักข่าวชนขวดกันดังกิ๊กๆบ่อยขึ้นๆจนไวน์ขวดแรกหมดไปแล้ว ขวดที่สองก็ตามมาติดๆ อากาศตอนดึกชักจะเย็นขึ้นๆแต่ความร้อนของไวน์ก็สามารถดับความหนาวเย็นของคนดื่มลงไปได้ จะมีก็แต่ลิตาที่หันหน้าผิงไฟอยู่หน้าเตาคนเดียว
“เวลาที่คิดถึงใครมากๆพี่เป้ทำยังไงคะ” นิชากรถามน้ำเสียงเริ่มอ้อแอ้
“ก็โทรไปหาสิคะ”
“แต่ถ้าเราไม่รู้เค้าอยู่ที่ไหนล่ะคะ แบบว่าติดต่อไม่ได้”
“มิน่าล่ะถึงไม่เคยมีข่าวกับหนุ่มคนไหนที่แท้ก็มีคนรู้ใจแล้วนี่เอง แล้วใครเหรอที่น้องเคทคิดถึงบอกพี่ได้ไหม” นักข่าวสาวเริ่มตั้งคำถาม นิชากรจึงรู้สึกตัวส่งยิ้มละมัยให้ไม่ตอบอะไร นั่งดื่มไวน์เงียบๆจนตาปรือจึงขอตัวไปพักผ่อน
“รัญจ๋า เคทคิดถึงรัญมากเลย คิดถึงทุกวันทุกคืน” นิชากรพึมพำกับตัวเองน้ำตาไหลอาบเต็มสองข้างแก้มไม่นานก็หลับไปด้วยฤทธิ์แอลกอฮอร์
“ลิตารู้ไหมน้องเคทเค้ามีใครอยู่ในใจ” นักข่าวสาวกระซิบถามเพื่อนทันทีที่นักร้องคนดังหายเข้าไปในห้องนอน
“ไม่รู้สิเป้อย่าไปซักน้องเค้ามากนะ ดูท่าทางเค้าเศร้าไปเลยนะเมื่อกี้น่ะ ตอนนี้เรามาพักผ่อนทำความเข้าใจหน่อย” ลิตาเอ็ดเพื่อนรักเบาๆ
“ถ้ามาพักผ่อนก็ต้องดื่มเป็นเพื่อนเราด้วยสิ มานั่งใกล้ๆให้เรากอดนี่จะได้หายหนาว” ชลิสาบอกพร้อมเอื้อมมือไปจับแขนคนตัวเล็กดึงจะให้มานั่งข้างๆ ลิตาจึงลุกขึ้นเดินหนีหายเข้าไปในห้องปล่อยให้เพื่อนรักมองตามก่อนจะลุกขึ้นเดินตามไป แต่ไปยังไม่ถึงห้องก็เห็นคนตัวเล็กเดินหอบผ้าห่มออกมา
“คิดว่าจะทิ้งกันไปนอนแล้วซะอีก” ชลิสาบอกเสียงแผ่วเดินไปจับมือดึงให้มานั่งด้วยกัน ลิตายอมเข้าไปซุกตัวอยู่ในอ้อมอกของนักข่าวสาวภายใต้ผ้าห่มผืนเดียวกัน
“ไม่ได้เจอกันตั้งนานคิดถึงเราบ้างไหม” ชลิสาเอ่ยถามเบาๆข้างใบหู
“คิดถึงสิคะ”
“เราก็คิดถึง จะคบเราแบบหลบๆซ่อนๆไปอีกนานแค่ไหน เมื่อไหร่ลิตาจะยอมเปิดเผยสักที” ชลิสาส่งเสียงหวานๆถามข้างขมับ ลิตาจึงขยับตัวเงยหน้าขึ้นเพื่อเผชิญหน้าสาวคนรัก มือเล็กๆยกขึ้นลูบไล้ใบหน้าคนรักเบาๆก่อนจะอ้อมไปกอดรอบต้นคอโน้มใบหน้าลงมาประทับริมฝีปากลงไปบดขยี้เบาๆบนกลีบปากนุ่มก่อนจะเพิ่มความรุนแรงขึ้นตามอารมณ์ ให้คนโดนจูบได้ครางออกมาอย่างพอใจ
นิชากรยืนมองภาพนั้นด้วยรอยยิ้มก่อนจะเปลี่ยนใจหันหลังกลับเข้าห้องปิดประตูเบาๆอย่างกลัวว่าจะไปรบกวนสมาธิของคู่รักคู่นั้นเข้า
ความคิดเห็น