ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง - ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง นิยาย ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง : Dek-D.com - Writer

    ในคืนวันพระจันทร์เต็มดวง

    ผู้เข้าชมรวม

    182

    ผู้เข้าชมเดือนนี้

    0

    ผู้เข้าชมรวม


    182

    ความคิดเห็น


    1

    คนติดตาม


    0
    เรื่องสั้น
    อัปเดตล่าสุด :  27 ต.ค. 59 / 21:16 น.


    ข้อมูลเบื้องต้น
    ตั้งค่าการอ่าน

    ค่าเริ่มต้น

    • เลื่อนอัตโนมัติ



       

      โค้งรุ้งที่ปลายฟ้า

       

      ...แสงสีทองอ่อนๆส่องพราวประกายลงบนสายน้ำที่ไหลเอื่อย มวลน้ำไหลล่องไปตามทางเล็กๆหาใช่ลำคลองหนอง บึง หรือแม่น้ำ หากแต่เป็นร่องน้ำน้อยๆที่ถูกขุดให้น้ำขังไหลออกจากพื้น ให้พ้นจากความเฉอะแฉะของผืนดิน    สายฝนรินเหลือเพียงละอองหยดสองหยด หลังจากที่ถาโถมโน้มกำลังเข้าใส่เป็นพายุ ร่องรอยต้นไม้เอนไหวตามแรงลมยังคงเห็นเด่นชัดว่าราดเอียงไปเท่าใด หรือเจ้าพายุนั้นพัดพาเอาความเร็วของสายลมกระหน่ำซ้ำเจ้าต้นไม้ใหญ่อย่างไรบ้าง สายลมยังโบกพลิ้วเบาๆ ยอดหญ้าเปียกชุ่มดูชื่นฉ่ำ ดอกไม้บอบช้ำตามแรงหนักของเม็ดฝน และปลิดปลิวหายตามแรงลมก็มาก  แสงสีทองสะท้อนท้องฟ้ากว้างไกล ให้เกิดโค้งรุ้งสวยงามเป็นเจ็ดสี เกิดเป็นแสงพร่างพราวระยิบระยับ ว่ากันว่าสายรุ้งเป็นสิ่งที่สะท้อนค่าความงาม เปรียบเปรยถึงความสำเร็จ หรือความหลากหลายในตัวตนและจิตใจของมนุษย์ 

       

       

       

       

                โค้งรุ้งทอดตัวยาวจากฝั่งหนึ่งถึงอีกฝั่งอย่างอ่อนน้อม เป็นท่าโค้งคำนับผู้ใต้บังคับบัญชาอย่างท้องฟ้าที่กว้างไกลสุดลูกหูลูกตา ประหนึ่งว่า ข้าน้อยจะยอมโอนอ่อนต่อความยิ่งใหญ่ของท่าน ประหนึ่งว่า ข้าน้อยเป็นหญิงสาวผู้มีความงามในสามโลก ที่ย่อกายอันบอบบางภายใต้อกกว้างอันอบอุ่นของท่าน หรือสายรุ้งก็แค่แสงสะท้อนระหว่างละอองน้ำและแสงแดดเท่านั้นเอง...

       

       

                ฉันนั่งเหม่อมองไปไกล และนึกเปลี่ยวใจขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก จึงเริ่มเขียนนิยายอีกแล้ว ทั้งที่คุณแม่ว่า เขียนอย่างไรๆก็ไม่เห็นได้เรื่องจบกับเขาสักที ใจหนึ่งคิดอยากออกข้างนอกเสียเหลือเกิน ออกไปหาความสุขนอกเขตรั้วบ้านบ้าง แต่อีกใจคิดว่าฝนฟ้าที่โปรยปรายลงมาเมื่อครู่ อาจมีอีกระลอกอย่างที่กรมอุตินิยมวิทยาแจ้งเตือนไว้ก็เป็นได้ ด้วยอารมณ์นึกเหงามองสายรุ้งเบื้องหน้าแลให้คิดถึงคุณย่าขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก

                ไม่คิดเลยว่าการเดินเข้าห้องคุณยายครั้งที่แสนหรือล้านในวันนี้จะทำให้ฉันได้มีโอกาสรู้เรื่องราวชีวิตของคุณยายบ้างแม้บางส่วน แต่คงเป็นเศษเสี้ยวที่สำนึกของคุณยายแสดงตัวตนคุณยายมากที่สุด  ด้วยความไม่ตั้งใจอย่างไรก็ไม่ทราบ นึกถึงกล่องใบหนึ่งที่คุณยายเคยเปิดดูรูปเก่าเมื่อนานวันมาแล้ว รูปภาพขาดเก่าๆมีร่องรอยความทรงจำที่ลึกที่สุดในจิตใจของคุณยายก็อาจใช่  ภาพคุณยายสมัยยังเด็กมีบางรูปที่เหมือนฉันและคุณแม่มาก เหมือนเราเคยเป็นคนคนเดียวกันด้วยซ้ำเมื่อนานวันมาแล้ว ดูติดตลกเสียจริง เมื่อนำภาพทั้งสามคนมาเรียงติด ไล่เรียงดูความคล้ายคลึงของใบหน้า และช่วงเวลาหนึ่งของชีวิต

                 เสียงสายฟ้าฟาดดังลั่น สนั่นไหวไปทั่วบริเวณ อารามตกใจที่กำลังจะก้าวออกจากห้องคุณยาย มือฉันปล่อยกล่องของคุณยายลงพื้นอย่างไม่ตั้งใจ  ตาเหลือบมองเห็นกระดาษ จดหมาย และซองจดหมาย มากมายร่วงกราวดาษดาเต็มพื้นห้อง ความคิดหนึ่งวิ่งแล่นเข้าสู่โสตประสาท มือเอื้อมหยิบกระดาษจดหมายสีชมพูอ่อน และเรื่องราวของคุณยายก็โลดแล่นอยู่ในสายตาและสมอง ภาพวันวานย้อนกลับมาให้เห็น ให้ระลึกถึง หากคุณยายยังมีชีวิตอยู่...

       

      ถึง  พี่นภาดล

                หลังจากที่พี่ดลเขียนจดหมายมาหาน้องคราวที่แล้ว จิตใจน้องก็ใคร่คิดถึงพี่ดลเสมอ อยู่ทางนี้สบายดีค่ะ คุณป้าสิรีและคุณยายยิ้มก็สบายดี พี่ดลเป็นอย่างไรบ้างคะ ไม่รู้ว่าทางโน้นอากาศหนาวหรือยัง ที่นี่ยังไม่หนาวเท่าไหร่นัก คุณยายยิ้มว่า ดีแล้ว หากหนาวกว่านี้ คุณยายคงทนไม่ไหวเสียจริงๆ เห็นว่าเสื้อผ้ากันหนาวไม่มีสักตัว จะหาซื้อใหม่แกว่าเปลืองมาก คุณป้าสิรียิ่งแล้วใหญ่รายนั้นหนาวยากค่ะ เพราะเนื้อเยอะ นึกแล้วขำเสียจริง แต่คุณป้าสิรีท่านใจดีมาก และใจดีเสมอ พี่ดลคงจำได้ เพราะเมื่อสมัยก่อนพี่ดลก็มาที่นี่บ่อยๆ

                น้องขออภัยที่ไม่ได้เขียนจดหมายมาหาเสียนานแล้ว ช่วงนี้กิจการยุ่งมาก ไปช่วยงานที่โรงสีคุณลุงเฮง เสมียนเขาลาออกไปแล้วค่ะ เห็นว่าได้สามีเป็นพ่อค้าข้าวนั่นล่ะ พี่ดลที่โน่นเป็นอย่างไรบ้าง  เห็นเขาว่าเจริญกว่าบ้านเรามาก  พี่ดลลำบากไหมคะ น้องและคนที่นี่เป็นห่วงเหลือเกิน คุณยายยิ้มท่านว่า ป่านนี้พี่ดลคงตัวโตแล้ว ไม่ใช่พี่ชายที่เอาแต่วิ่งไล่ตามน้องรุ้งอีกต่อไป คุณยายท่านว่าไปขำไป หวังว่าพี่ดลคงจะจำได้ว่าคุณยายยิ้มท่านยิ้มเก่งสมชื่อจริงๆ พี่ดลจำนังหวานได้ไหม ตอนนี้มันออกลูกมาคอกหนึ่งแล้ว มีสี่ตัว ตายไปเสียหนึ่งตัว คุณป้าสิรีท่านว่ามันคงไม่แข็งแรง หรือมันรีบไปเกิดเป็นคนกระมังคะ

                พี่ดลคะ คุณป้าสิรีท่านฝากถามว่า ได้เจอคุณชายธานินทร์ บ้างหรือไม่ เห็นว่าท่านจะเดินทางกลับเสียแล้ว อยากจะรู้ว่าท่านสบายดีมากหรือน้อยแค่ไหน เท่าใดขอรายละเอียดมากหน่อยค่ะ ท่านว่าท่านรักคุณชายมาก

                เรื่องสำคัญ เกือบลืมแล้วเสียนี่ บ้านใหญ่เขามาหาน้อง เขาว่าคุณพ่อป่วยมาก ใจจริงอยากไปเยี่ยม แต่กลัวว่าท่านจะไม่พอใจนัก คุณพ่อท่านไม่รักน้องเท่าไหร่พี่ดลคงรู้ดี คุณหญิงแก้วท่านเมตตามาก ถือเป็นเรื่องโชคดีของน้อง ที่ไม่มีปัญหากับท่าน มีก็แต่คุณโฉมบ้างบางคราวที่เธอผ่านมาแล้วแวะมาค่อนแคะให้เจ็บปวดด้วยคำพูดเป็นครั้งคราวนานๆที น้องไม่ได้ถือสาหาความอันใดกับเธอนัก คุณยายยิ้มท่านว่า เราไม่ต่อล้อต่อเถียงเป็นการดี แล้วบอกคุณป้าสิรีว่า คนที่หยุดทะเลาะก่อน คือ ผู้ชนะที่ใสสะอาดกว่าต่างหาก ท่านจึงไม่พูดอะไรอีกตั้งแต่ครั้งนั้น

                เล่ามาเสียยาวเหยียดเลยค่ะ ไม่รู้ว่าพี่ดลอยากรู้หรือไม่ แค่น้องอยากเล่าเฉยๆ ยิ้มอยู่ละสิคะ น้องรู้นะว่าพี่ดลคงอยากจะกลับบ้านเต็มแก่แล้ว อีกไม่นานคงได้เจอกันนะคะ

                                                                                                                             

                                                                                                                         คิดถึงเสมอ

                                                                                                                   พราวรุ้ง

                                                                                                                ๒  ตุลาคม ๒๔๘๖

       

      ถึง ทอรุ้ง น้องสาวที่น่ารัก

                สวัสดี น้องรุ้ง สบายดีหรือไม่ กว่าจดหมายจะถึงน้องรุ้ง  หิมะที่นี่คงละลายไปบ้างแล้ว ความหนาวคงลดลงบ้าง แต่ตอนนี้ หนาวจริงๆหนาวตัวและหัวใจด้วย คงไม่ต้องถามว่าเพราะอะไร...คุณยายยิ้มท่านน่ารักเสียจริง  พี่คิดถึงท่านและคุณป้าสิรีมาก  ที่นี่มีกล่องดนตรีด้วย แล้วเอาไว้พี่จะซื้อให้เป็นของฝาก

                เมื่อหลายวันก่อน ได้เจอคุณอาประพจน์ที่นี่ด้วย แล้วมีรูปน้องรุ้งมาฝาก แต่ท่านว่าเป็นรูปเมื่อสามปีที่แล้ว มิใช่รูปใหม่ หากแต่ที่เห็น เริ่มแตกต่างจากน้องรุ้งของพี่เมื่อนานวันมากทีเดียว น้องรุ้งผู้น่ารัก ไม่ไว้ผมเปียแล้วหรือ เป็นผมยาวตรงเคลียไหล่ ดูโตเป็นสาวเสียจริง

                ถ้าถามว่าที่นี่เป็นอย่างไร คงเจริญกว่าบ้านเรามาก คนหัวสมัยใหม่กันหมด รวมทั้งคนสยามที่นี่ด้วย อ่อ มิใช่สิพี่ต้องเรียกว่าคนไทย (เขาเปลี่ยนสยามประเทศเป็นไทยแล้ว) บางคนมาแล้วเสียนิสัยก็มี บางคนมาแล้วฉลาดขึ้นก็มาก  อ่อ คุณชายธานินทร์ที่คุณป้าท่านถามมา พี่ไปบังเอิญได้พบท่าน  ไตร่ถามสารทุกข์สุกดิบกันแล้ว ท่านว่าจะกลับไทยในเร็ววันนี้ กว่าจดหมายฉบับนี้จะถึง ท่านอาจเดินทางกลับไทยแล้วก็เป็นได้  เห็นว่ากิจการโรงสีเป็นไปได้ด้วยดี พี่ก็ขออวยพรให้เจริญรุ่งเรืองขึ้นเรื่อยๆ น้องรุ้งคงมีงานทำ และไม่เหงาเสียแล้วกระมัง

                เรื่องบ้านใหญ่เห็นทีว่ากลับไทยแล้วพี่คงจะไปช่วยจัดการให้ได้ ถ้าหากน้องรุ้งอยากจะไปบ้านคุณลุงศักดิ์ พี่จะไปเป็นเพื่อน เรื่องคุณโฉม ไม่สนใจเป็นดีมากแล้ว เธอเกเรเสียแต่เด็ก เอาแต่ใจตนเสมอ  หากจะมองถึงลักษณะนิสัย เห็นทีว่าคงจะหาคนแต่งงานด้วยยาก แต่เธอเป็นคนทะนงตนอยู่เป็นนิตย์ ถ้าจะถือตัวอยู่เป็นโสดคงเป็นการดี 

                เรื่องนังหวานพี่เองก็จำได้บ้างแต่เรือนลางเสียแล้ว ใช่เจ้าตัวสีนวลที่ขี้อ้อนหรือไม่ ถ้าหากใช่ น้องรุ้งคงดีใจมากที่มันมีครอบครัวเสียที สมัยเด็กๆน้องรุ้งรักมันมาก บอกกับพี่ว่าจะจัดการให้มันเป็นฝั่งเป็นฝาด้วยตนเองเสียด้วยนะ จำได้ไหม  ถ้าหากมีหลายตัวมาก แล้วดูแลกันไม่ไหว กลับไปพี่ดลจะช่วยเลี้ยงให้

      พี่คงต้องรีบไปเสียแล้ว ธุระมีมากเขียนมาได้เพียงนิดหน่อย ไม่ได้อย่างที่ใจต้องการ เพราะนึกอะไรไม่ออก อยากจะกลับไปพูดเสียตรงหน้าคงจะดีกว่ามาก...

       

                                                                                                                   รักเสมอ

                                                                                                                   นภาดล

                                                                                                     ๒๐ ธันวาคม พ.ศ. ๒๔๘๖

       

      ถึง พี่นภาดล

       

                น้องจดหมายมาหา เพราะมีเรื่องด่วน คุณพ่อท่านอาการหนักมากแล้ว เข้าออกโรงหมอไม่เว้นวัน น้องกลัวมาก กลัวว่าท่านจะไม่อยู่เสียแล้ว จะทำอย่างไรดีคะพี่ดล น้องได้พบท่านแล้วค่ะ คุณหญิงท่านพาเข้าไปหา อย่างที่คิดว่ากลัวคุณพ่อจะดุเอา ท่านไม่พูดอะไรสักคำ เพียงลูบหัวน้องเท่านั้น แค่นั้นบ่อน้ำตาแตกพรั่งพรูทีเดียว ความอัดอั้นที่เคยมีอยู่หายไปปลิดทิ้งเหมือนยกภูเขาออกจากอกเลยละ พี่ดลจะกลับเมื่อไหร่คะ คุณยายยิ้มท่านถามมา ท่านว่าเอาเป็นเดือนระบุที่แน่นอน... 

                จิตใจน้องกระวนกระวายมากเรื่องคุณพ่อ กลัวมาก กลัวเสียจริงๆ กลัวอย่างที่ใจไม่เคยเป็นมาก่อน เสมือนยังไม่ได้ใช้เวลาร่วมกับคุณพ่อเลยสักนิด รู้สึกเหมือนเพียงท่านอุ้มขึ้นบนอกชั่ววินาที แล้ววางน้องทิ้งไว้บนเบาะ ผ่านมานานวัน ทิ้งไว้อย่างนั้น จนใจกลัวไปทุกอย่างที่เกี่ยวกับคุณพ่อ แต่วันนี้ไม่ใช่เสียแล้ว คุณพ่อเป็นคนใหม่ที่น้องไม่คิดฝัน แต่กระนั้น ก็อาจสายไปบ้างแล้ว ช่วงเวลาที่อยู่ร่วมกันคงน้อยลง และไม่มีโอกาสได้ดูแลท่านเท่าไหร่นัก

                พี่ดลขา เศร้าเหลือเกินแล้วตอนนี้  งานที่โรงสีหยุดไปก่อนแล้ว เพราะหาเสมียนชั่วคราวได้แล้วค่ะ คุณอาว่ากลับบ้านพักบ้างคงดี คุณยายยิ้มกับคุณป้าสิรี ไปทำบุญที่วัดทุกวันพระเลยเชียว อยากให้คุณพ่อท่านหาย แม้จะไปเคยถูกใจกันก็ตาม แต่ถึงคราวจะเสีย จะจากกัน ก็เห็นว่าทำใจยากเหลือเกิน

                น้องคงเขียนมาหาเท่านี้ ต้องรีบไปหาคุณพ่อที่บ้านใหญ่ค่ะ

       

      รักเช่นกันค่ะ            พราวรุ้ง

                                                                                                     ๑๐ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗

      ถึง น้องรุ้ง

                สวัสดี

                จดหมายน้องรุ้ง มาถึงช้าเสียจริง พี่ได้รับข่าวนานแล้วจากคุณอาประพจน์นั่นละ คุณอาท่านเล่าทุกอย่างให้ฟังเสียหมด เรื่องอาการป่วยของคุณลุงศักดิ์  หากแต่ได้อ่านจดหมายของน้องรุ้ง แล้วพาลให้เป็นห่วงน้องมาก มากกว่าห่วงคุณลุงท่านหลายเท่า  ใจเย็นเถิดน้องที่รักยิ่ง พี่ดลจะรีบกลับเสียให้เร็ว เราคงได้พบกันในอีกไม่กี่วันข้างหน้า หากจัดการเรื่องงานที่นี่เรียบร้อย คงจะขอย้ายกลับไทยเสียที

                รออีกหน่อยเท่านั้น เราคงได้พบกัน เรื่องอาการป่วยของคุณลุงศักดิ์ไม่ต้องเป็นห่วงนัก หมอสมัยใหม่เขารักษาได้ แต่หากเรื้อรังมานาน เห็นทีเผื่อใจไว้บ้างเถิด

         รักเสมอ

                                                                                                                                           พี่ดล

                                                                                                    ๒๘ มกราคม พ.ศ. ๒๔๘๗

       

      ถึงพี่นภาดล

                พี่ดลขาจะกลับไทยเมื่อไหร่คะ ตอนนี้คุณพ่อจากไปเสียแล้ว น้องเศร้าเหลือเกิน หากมีดลอยู่เคียงข้าง เห็นทีจะไม่ทุกข์ใจเท่านี้

      คุณหญิงท่านเข้มแข็งมาก มิได้เห็นน้ำตาท่านสักหยดเดียว ท่านจัดแจงหลายอย่าง พิธีการตามประเพณีครบถ้วน เห็นว่าจะเก็บคุณพ่อท่านไว้สักร้อยวันก่อน แล้วจึงจะทำพิธีเผา เห็นทีพี่ดลคงมาทันได้เผาคุณพ่ออยู่ เมื่อวันคุณพ่อเสีย ถือว่ายังดีมากที่ได้มีโอกาสล่ำลาคุณพ่อก่อนท่านสิ้นลม ท่านบอกกับน้องว่า เสียดายมิได้ดูแลน้องอย่างที่ควรดูแล เสียดายที่มิได้ให้ความรักอย่างที่ควรให้ แล้วว่าต่อไปอีก ว่าคุณแม่มาหา ท่านเพ้อใหญ่ว่าคุณแม่มารับไปอยู่ด้วย สายตาท่านเหม่อลอยค่ะ แต่ดูเป็นสุขมาก ไม่นานท่านก็สิ้นลม คุณโฉมเธอร้องไห้ยกใหญ่ คร่ำครวญปานจะขาดใจ แต่คุณหญิงท่านนิ่งเสียกระไรเลย มองไม่ออกจริงๆว่าท่านรู้สึกเช่นใด ต่อจากนั้นท่านก็จัดแจงบ่าวไพร่ทั้งหลายให้ปฏิบัติทุกอย่าง อย่างมิได้ขาดตกบกพร่อง น้องก็ช่วยท่านอีกแรง

      ตอนนี้น้องอยู่กับคุณยายยิ้มและคุณป้าสิรี พี่ดลไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ เศร้าเหลือเกิน แต่แข็งแรงดีค่ะ ใจสู้

      คิดถึงเหลือเกิน

      พราวรุ้ง

      ๒๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗

      ถึง น้องรุ้ง

               

                พี่ดลได้รับจดหมายของน้องรุ้งแล้วคิดถึงเป็นหนักหนา พี่รู้ข่าวแล้วก็ตกใจไม่น้อยทีเดียว  พี่ดลหวังว่าน้องรุ้งจะแข็งแรง และสบายกายดี คุณยายยิ้มและคุณป้าสิรีคงดูแลน้องรุ้งแทนพี่ได้ พี่รู้ว่าน้องรุ้งของพี่เศร้ามาก พาลพี่เศร้าตามไปอีกคน เพราะคุณลุงศักดิ์ท่านเป็นที่เคารพของพี่เสมอ อีกไม่นานนักเราจะได้พบกันนะ ประมาณกาลได้ว่า กลางเดือนมีนาคมคงได้พบกัน

      อย่าเศร้าเลยคนดีของพี่

      พี่ดล

      ๓๐ กุมภาพันธ์ พ.ศ.๒๔๘๗

       

      “เปรี้ยง”เสียงสายฟ้าฟาดลงบนพสุธาอันแข็งกล้าอีกครั้ง  ฉันตกใจตื่นจากนิทราฝันอันหวานหอม เผลอหลับเอนกายลงบนฟูกนอนของคุณยายไปเมื่อไหร่ไม่อาจรู้  เวลาล่วงเลยไปจนตะวันบ่ายคล้อย แม้สายฝนจะหยุดโปรยปรายแต่สายฟ้ายังแสดงตนอยู่ไม่ขาด ร้องฮึมๆเรื่อยไปไม่หยุดสิ้นสักที จดหมายของคุณยายทำเอาหัวใจพองโตขึ้นมาอย่างประหลาด มันหวานซ่านในใจหากไม่เลี่ยนจนเสียรสรัก คำทุกคำที่บรรยายออกจากจิตใจอันบริสุทธิ์แท้ ฉันเองสัมผัสได้ แม้ว่าจะไม่มีประสบการณ์รักมาโชกโชนเท่าใดนัก ฉันได้มีโอกาสพูดคุยกับคุณยายได้เพียงไม่นานนักเท่าที่จะมีความทรงจำกับท่าน คุณพ่อว่าท่านเสียเมื่อฉันอายุได้เพียงห้าปีเท่านั้น สิ่งที่ยังจดจำและตรึงตราในความทรงจำอันบางเบา คือใบหน้าอันเต็มไปด้วยความเมตตาอารี จากหญิงชราผู้เป็นยาย เนื้อหนังของยายไม่ได้เหี่ยวย่นมากนักอย่างที่ควรจะเป็นไปตามอายุไข มือยายอูมอวบและขาวผ่อง จำได้ว่าชอบแค่ไหนที่ได้นั่งบนตักนุ่มนิ่มของยาย ไม่นานนักเมื่อพ่อต้องย้ายไปทำงานที่ต่างประเทศ ทำให้ต้องติดสอยห้อยตามไปอาศัยอยู่ยังที่ซึ่งมิใช้บ้านชานเรือนอันอบอุ่นแต่โดยแท้ เท่าที่รู้ความทั้งหมดเมื่อวันที่คุณยายเสียก็มิได้เดินทางมางานศพของคุณยายด้วยเช่นกัน เพราะคุณพ่อท่านเห็นว่ายังเล็กมาก

      กาลเวลาผ่านไปรวดเร็วปานดอกไม้แย้มกลีบและปลิดปลิวร่วงหล่นเมื่อถึงกาลอันจากลา ที่ต้องจากต้นอันแข็งแรงเพื่อเปิดทางให้ดอกดรุณีแรกรุ่นได้เบ่งบานแข่งกันบ้าง ฉันหวนอดคิดไม่ได้ว่า ฉันจะมีโอกาสมีรักอย่างที่คุณยายท่านมีหรือไม่ ความรักซึ่งแม้ห่างไกลกันก็ยังคงตราตรึงด้วยพันธะสัญญาอันงดงามที่ดวงใจทั้งสองมีให้กันไม่เสื่อมคลาย

      ความสงสัยใคร่รู้เกี่ยวกับเรื่องราวของคุณยายยังคงดำเนินไปในหัวใจของฉัน ฉันขอให้ได้ล่วงรู้เรื่องราวของคุณยายที่เถิด อยากรู้ต่อว่าคุณนภาดล พี่ชายอันเป็นที่รักของยาย ที่กำลังจะกลับมาเมืองไทยนั้นจะเป็นอย่างไรต่อไป พลันเอื้อมหยิบสมุดบันทึกเล่มเก่าที่อยู่ใต้ผ้าเช็ดหน้าผืนหวาน ลายปักเป็นภาษาอังกฤษว่า Napadol  คงเป็นฝีมือของคุณยายแน่แท้ ฉันคิดในใจ มือบางนั้นกำลังเปิดหน้าแรกของสมุดบันทึกเล่มเก่าอย่างเบาที่สุด เพราะกลัวเหลือเกินว่า กระดาษอันเก่าเหลืองคงเปาะบาง หากรุนแรงเพียงนิดเดียว เห็นท่าว่าจะขาดเอาโดยง่าย พลางได้ยินเสียงฝีเท้าของใครบางคนก้าวเข้าใกล้ทุกทีทุกที...       

      ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

      loading
      กำลังโหลด...

      ความคิดเห็น

      ×