คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : เทพธิดาเเห่งลิลิธ
เวลาผ่านไปกว่า3ปี แลนเด็กหนุ่มผู้เดียวดายมาเกือบทั้งชีวิตได้เดินทางช่วยเหลือผู้คนมากมาย บางคนก็ชื่นชมบางคนก็เกรงกลัว ชื่อที่เหล่าคนทั้งหลายตั้งให้คือชื่อที่เหล่าปีศาจทั้งหลายต้องผวา ชื่อที่เหล่าโจรร้ายต้องตัวสั่น ชื่อนั้นคือ “อสูรแห่งความพินาศ”
แลนเดินทางคนเดียวหลังจากการตายของเบลเซฟผู้เป็นอาจารย์ บัดนี้แลนเดินทางมาทางตะวันออกมายังชายป่าแห่งความสงัด “ the silent forest” แลนเดินทางเข้าไปในป่าเรื่อย เสียงสายลมพัดทำให้เกิดเสียงใบไม้เสียดสีกันจนดูน่าขนลุก ใบไม้ทั้งหลายมีสีแดงและส้มซึ่งดูแล้วยิ่งหน้าหวั่นใจ แลนเดินทางไปเรื่อยจนพระอาทิตย์ใกล้ลับขอบฟ้าแลนจึงเดินออกมาจากป่าได้ แลนมองไปข้างหน้า เห็นหมู่บ้านยเล็กอยู่ตรงเนินเขาด้านหน้า แลนตัดสินใจที่จะเดินทางไปที่จะมืด เขารีบจ่วงเท้าเดินแบบกสัมภาระที่หนักอึ้งไปยังหมู่บ้าน เมื่อถึงหมู่บ้านแลนมองที่ป้ายหมู่บ้าน หมู่บ้านนี้ชื่อหมู่บ้าน “ลิลิธ” เป็นหมู่บ้านที่สวยงามด้านหน้ามีทหารยืนเฝ้ายามมากมายด้านในก็ครึกครื้นเต็มไปด้วยเสียงเพลง แลนเดินเข้าไปในหมู่บ้านแล้วแล้วจึงเรียกลุงคนหนึ่งมาถามว่า “ท่านลุงที่แห่งนี้เขาจัดงานใดกันหรือท่านจึงดูครื้นเครงเช่นนี้” ลุงผู้นั้นหัวเราะลั่นแล้วตอบกลับไปว่า “พ่อหนุ่มเจ้าเป็นคนต่างเมืองสิถ้าที่นะ เขาจะจัดงานที่เรียกว่า “ลูนิเรีย”กันทุกปีเพื่อเป็นการขอบคุณทวยเทพทั้งหลายที่ทำให้หมู่บ้านของเราปลอดภัย เจ้านี้ช่างโชคดีเสียจริงนะที่มาตรงกับเวลาที่จัดงานพอดิบพอดีมาสิมาร่วมงานฉลองกันเถอะ” ลุงคนนั้นเชิญชวนแลน ก็ไม่กล้าที่จะปฏิเสธจึงตรงลงไป ลุงผู้นั้นก็ดีใจดึงแขนแลนเข้าไปในงานกลางดึกในคืนนั้นทุกคนจัดงานกันอย่างสนุกสนาน มีทั้งการกินเลี้ยง ทั้งการเต้นรำมากมายแลนรู้สึกประทับใจกับความเป็นอยู่ของพวกเขา แลนคิดว่าช่างเป็นชีวิตที่สงบสุขจริงๆไม่เหมือนกับชีวิตของเขาที่มีโดดเดี่ยวมาเกือบทั้งชีวิต ชีวิตก็มีแต่การฆั่นและแก้แค้น ไม่นานก็มีเสียงตะโกนเรียก “พ่อหนุ่ม พ่อหนุ่ม” คุณลุงคนนั้นเดินเข้ามาพร้อมกับแก้วเต็มแก้วไวน์ที่อยู่ในมือข้างหนึ่งส่วนอีกข้างหนึ่งจูงหญิงสาวหน้าตาสวยงามมากผู้หนึ่ง ผมของนางสีม่วงยาวถึงเอว ตาคมกริบ รูปร่างที่เทพีทั้งหลายไม่อาจเทียบ มาด้วย แลนมองเธอตาไม่กระพริบเพราะความงามของเธอ “พ่อหนุ่มเอ๋ยนี้คือลูกสาวของฉัน เฟนเรีย รู้จักกันไว้สิ” ลุงพูดจบก็เดินออกไปทั้งสองคนต่างเขินอายไม่รู้จะพูดอะไรกัน “สวัสดี ข้าชิ่อแลน แลน ไปโอรอส ยินดีที่ได้รู้จักเจ้า” หญิงสาวรู้สึกแปลกใจเล็กน้อยเมื่อได้ยินคำว่าไบโอรอส “ท่านเป็นเชื้อพระวงศ์ของอาณาจักรเฟอร์ราเซียเช่นนั้นหรือไรกัน” แลนได้ฟังก็ตกใจ “ท่านรู้จักด้วยหรือท่านเป็นคนของภาคใต้หรือไรจึงรู้จักตระกูลของเฟอร์ราเซีย” หญิงสาวดีใจมากกระโดดเข้ากอดแลนทั้งน้ำตาแล้วพูดกับแลนว่า “ข้าไงแลนข้าไงเจ้าจำไม่ได้หรือไง”แลนรู้สึกเขินและงงเล็กน้อยกับคำพูดนั้นเมื่อเขาเพ่งมองเฟนเรียอีกครั้งทำให้เขานึกถึงเด็กหญิงที่เขาเคยเล่นด้วยประจำในอดีตเขาจึงจำได้ “เจ้าเองเหรอไม่น่าเชื่อเลยเฟนเรีย เจ้าดูโตขึ้นมากเลยผ่านมากี่ปีแล้วเนี่ยที่เราแยกจากกันเกือบ15ปีแล้วสินะ” แลนพูดด้วยความดีใจ “ใช่ ข้าคิดถึงเจ้ามากพ่อข้าย้ายออกไปประจำการที่เมืองเดลซีที่อาณาจักรซาฟิสน่ะ จนพ่อข้าเกษียณออกมาจึงมาอยู่ที่หมู่บ้านแห่งนี้หลังจากที่ข้าได้ยินเรื่องการที่อาณาจักรทางใต้ถูกทำลาย ข้านึกว่าเจ้าคงไม่มีทางรอดแน่ข้าร้องไห้ทุกวันกว่าข้าจะเลิกเสียใจเกือบอาทิตย์หนึ่ง แต่ข้าดีใจมากเลยนะที่เจอเจ้าเพราะข้าคิดว่าชีวิตนี้ ข้าไม่มีทางได้เจอเจ้าจนกว่าจะตายแล้ว “ นางเช็ดน้ำตาออกแล้วลุกอออกไปนั่งข้างๆแลน “แลนเจ้ารอดมาได้ยังไงรึบอกข้าหน่อยสิ” เฟนเรียถามแลนอย่างตื่นเต้น แลนนิ่งไปชั่วครู่ทำหน้าเศร้าเหมือนไม่คิดจะตอบอะไร “แลน....” เฟนเรียมองดูแลนด้วยความเป็นห่วง ก่อนจะบอกับแลนไปว่า “ข้าเข้าใจถ้าเจ้าไม่คิดจะนึกถึงเรื่องราวในอดีตนั้นเจ้าไม่จำเป็นต้องเล่าให้ข้าฟังก็ได้” เฟนเรียพูดด้วยเสียงที่อ่อนโยน ก่อนจะหันไปดูเขาเต้นรำกัน เฟนเรียจึงจับแขนแลนแล้วดึงแขนแลนไปที่ตรงส่วนเต้นรำ แลนตกใจและตื้นเต้นเพราะตนนั้นไม่เคยเต้นรำมาก่อนแลนจึงได้แต่ทำถ้าเหมือนเต้นรำตามเฟนเรีย เฟนเรียเห็นนางก็ยิ้มและหัวเราะเบาๆแล้วกระซิบบอกแลนว่า “เจ้าเต้นรำไม่เป็นหรือไง” แลนเขินอายไม่ค่อยกล้าที่จะบอก “เดี่ยวข้าจะสอนให้ละกันนะ” นางพูดตัดบทแล้วจับมือของแลนมาแตะที่หัวไหล่กับเอวของนางพร้อมกับบอกจังหวะเต้นรำให้แลนฟัง ทำให้แลนเต้นรำได้ทั้งสองเต้นรำกันอย่างมีความสุข ชาวบ้านทั้งหลายกลับไม่รู้ถึงความตายที่จะมาเยือน
ในชั่วค่ำคืนนั้นเองแลนได้ไปอยู่ที่กระท่อมตรงเนินเขาด้านหลังของหมู่บ้านที่เป็นที่พักส่วนตัวของพ่อเฟนเรีย ในกลางดึกนั้นเองมีบางอย่างลอยมาจากเนินเขาด้านหน้าหมู่บ้านตรงไปทางหมู่บ้านอย่างรวดเร็วยามทั้งหลายที่เห็นสิ่งนั้นมาก็ตกใจ จึงคิดจะตะโกนเรียกชาวบ้านแต่ไม่ทันที่จะเปิดปากสิ่งนั้นก็บินผ่านฆ่าทหารยามตายสิ้นเหล่าอสูรทั้งหลายต่างเข้ามาในหมู่บ้านเข่นฆ่าผู้คน แลนที่อยู่ในกระท่อมลืมตาตื่นขึ้นมาด้วยความตกใจเขาใส่เสื้อคลุมสีดำสนิทของเขาแล้วหยิบดาบออกไปแต่ขณะที่เขาจะกลับหลังหันไปที่ประตูประตูก็ระเบิดเป็นชิ้น เผยให้เห็นเหล่ามารร้ายที่ใส่ผ้าคลุมสีดำสนิททั่วร่างกายถือดาบมาคนละเล่ม พวกมันกวาดสายตามองรอบห้องแล้วพุ่งไปที่แลนหวังจะเอาดาบนี้แทงใส่แลน แต่แลนหยิบดาบฟันดาบของมันจนเอียงไปแล้วจึงหมุนตัวกลับมาฟันมันเมื่อโดนฟันมันกลายเป็นขี้เถ้าลอยไปในอากาศ พวกอสูรที่มาด้วยต่างโกรธแค้นพุ่งเข้ามาหวังจะฆ่าแลนให้ตาย แต่แลนเบี่ยงตัวหลัวดาบทั้งหลายแล้วจับดาบในมือแน่นพร้อมตะโกนออกไปว่า “มังกรสะบัดหาง” แลนตวัดดาบไปทางพวกอสูรเหล่านั้นเกิดแรงคลื่นดาบพลังมหาศาลตัดอสูรเหล่านั้นขาดเป็นท่อนๆบ้านทั้งหลังถูกแรงคลื่นดาบฟันฟันจนขาดเป็นชิ้นๆระเบิดออกจากกัน แลนเดินออกมาจะตัวบ้านไปที่เนินเขาด้านหน้า ภาพที่เขาเห็นคือภาพของหมู่บ้านที่จมอยู่ในเปลวเพลิงเสียงร้องโอดโอยของเหล่าชาวบ้านที่ถูกฆ่าดังมาถึงที่ๆแลนอยู่ แลนตะลึงกับภาพนั้นเขานึกถึงอดีตที่เขาอยากลืมให้ลงอดีตที่เขาไปเคยลืม แลนตั้งสติได้เขารีบวิ่งไปยังหมู่บ้านลิลิธโดยทันที เมื่อเขาไปถึงหมู่บ้านเหล่าอสูรที่ออกมาต่างพุ่งกรูกันมาที่แลน แลนจึงใช้ท่า “มังกรกระหายรบ” แลนฟาดดาบลงบนพื้นเสียงระเบิดดังสนั่นพื้นระเบิดเป็นแนวตรงแล้วระเบิดตรงที่เหล่าอสูรอยู่แรงระเบิดมีความรุนแรงมากขนาดทำลายบ้านที่อยู่ใกล้ๆจนเละเทะ แลนรีบวิ่งเข้าไปในหมู่บ้านแลนตะโกนเรียกเฟนเรียหลายครั้ง แลนวิ่งต่อไปเรื่อยจนถึงใจกลางหมู่บ้านแลนเห็นเฟนเรียนั่งพิงกำแพงหลบอยู่ตรงซอกซอย ซอยหนึ่งแลนรีบวิ่งไปดูอาการเฟนเรียนางบาดเจ็บสาหัส แลนจึงเอามือมาวางที่บาดแผลแล้วพูดออกไปว่า “อิโดเครี” เกิดแสงสีขาวขึ้นที่มือของแลนบาดแผลของเฟนเรียค่อยหายไปเรื่อยจนหมดเฟนเรียลืมตาตื่นขึ้นมาเห็นแลนก็ดีใจแต่นางเป็นคนอ่อนแอจึงสลบไปแลนอุ้มนางออกมาข้างนอกหวังจะพาออกไปนอกเมือง แต่ไม่ทันไรขณะที่แลนเดินมาถึงน้ำพุกลางเมือง เหล่าอสูรทั้งหลายร้อยตัวต่างบินวนกันเป็นพายุสีดำทมิฬ เมื่อพายุจางลงมึอสูรตัวหนึ่งใส่เกราะสีเงินดูน่าเกรงขามเดินออกมามีเหล่าอสูรทั้งหลายเดินตามออกมาด้วยอสูรตัวนั้นถือง้าวขนาดใหญ่ข้างหนึ่งกับดาบใหญ่อีกข้างหนึ่ง มันพูดกับแลนว่า “เจ้ามนุษย์ยอมแพ้ซะเจ้าจะได้รับการไว้ชีวิต” ฝ่ายแลนเมื่อได้ฟังก็หัวเราะพร้อมวางเฟนเรียนั่งพิงไว้ที่กำแพงก่อนจะเดินกลับมาตอบว่า “เจ้าพวกโง่คิดว่าคนอย่างข้าจะมาสวามิภักดิ์กับผ้าขี้ริ้วขาดๆอย่างพวกแกกันเล่า” แลนพูดเยาะเย้ย “ฆ่ามันซะโทษฐานที่บังอาจมาขัดขวางเดรธ” หัวหน้าของเดรธสั่งพร้อมชี้นิ้วไปที่แลน เหล่าเดรธทั้งหลายต่างพุ่งเข้าไปหาแลนด้วยความเร็วสูง แลนรีบชักดาบอิมพิว(ทอง) กับ ครินเซีย(เงิน)ออกมารับการโจมตีนั้น แลนเบี่ยงตัวหลบดาบที่มาไม่รู้จักจบเขาก้มตัวลงแล้วฟันดาบไปที่เหล่าอสูรทั้งหลายตายไปหลายตัว เขากระโดดขึ้นไปบนอากาศแล้วร่ายเวทย์มนต์ด้วยความรวดเร็วแล้วตะโกนออกมาว่า “สายฟ้าจงบังเกิด เป็นพลังให้แก่ข้า “ธันเดอร์” เกิดสายฟ้าขึ้นรอบๆตัวของแลน แลนเอาดาบอิมพิวกับครินเซียเก็บไว้ที่เอวแล้วสะบัดมือออำกพร้อมตะโกนออกไปด้วยเสียงที่ดังกึกก้องว่า “มังกรสะท้านภพ” แลนสะบัดมือออก ทำให้เกิดแรงดันขนาดมหาศาลระบิดเหล่าเดรธทั้งหลายที่ล้อมแลนไว้กระจุยกระจายไปจนหมด เมื่อแลนลงสู่พื้นร่างของเขาดูอ่อนเพลียเนื่องจากเสียพลังในการใช้มังกรสะท้านภพมาก “ฮะ ฮะ ฮะ ฮะ เก่งมากเจ้าหนูเอาละเรามาทำให้จบๆเถอะ” หัวหน้าของเหล่าเดรธพูดขึ้นพร้อมสั่งให้เดรธตัวอื่นรออยู่กับที่ มันเดินออกมาถือง้าวและดาบกวัดแกว่งไปมาเพื่อวอมอัพก่อนที่จะเริ่มต่อสู้ แลนชักดาบอิมพิวและครินเซียออกมากำแน่นในมือทั้ง2ข้าง สิ่งสิ่งเงียบสงบแม้แต่สายลมเบาก็ไม่มี “อา..ใช่ข้าเกือบลืมไปเจ้าคงไม่รู้จักข้าสินะข้าคือ โคโรซัส เกรก หัวหน้าแห่งหน่วยเดรธและเป็นผู้พันแห่งอาฟรีสจ้าละ..หรือเจ้าไม้คิดจะบอกชื่อข้าก่อนตัวเจ้าจะตายหน่อยงั้นหรือ” แลนหัวเราะเบาๆแล้วพูดออกไปด้วยเสียงที่แข็งกระด้างว่า “เจ้าไม่จำเป็นต้องรู้เพราะข้าไม่มีทางตายอยู่แล้ว”เมื่อพูดจบ แลนพุ่งตัวเขาไปหาโคโรซัสด้วยความเร็วสูง โคโรซัสตกใจเล็กน้อยก่อนจะใช้ดาบป้องกันการโจมตีของแลน แล้วควงง้าวอย่างรวดเร็วในมือฟาดไปที่เอวของแลน แลนจึงใช้ดาบอิมพิวป้องกันเอาแต่เนื่องจากมันมีแรงมาก ทำให้แลนถึงกับกระเด็นไปติดกำแพงจนกระอักเลือด แลนค่อยๆลุกขึ้นมาเช็ดเลือดออกจากปากแล้ววิ่งควงดาบทั้งสองข้างเขาฟันที่ดาบของโคโรซัส แต่โคโรซัสป้องกันได้แลนจึงกระโดดใช้ดาบอีกข้างฟาดไปที่ไหล่ของโคโรซัสแต่โคโรซัสใช้ง้าวมาฟาดที่ไหล่ทำให้สามารถกันการโจมตีได้ โคโรซัสหัวเราะแล้วพุฝดเยาะเย้ยแลนไปว่า “อะไรกันแค่นี้เองหรือ” แลนยิ้มแล้วใช้เท้เตะไปที่คอของโคโรซัส โคโรซัสล้มลงวไปตามแรงเตะจนหัวกระแทกกับพื้นจนพังทลาย แลนเดินออกมาห่างจากโคโรซัสเล็กน้อยและนึกว่าโคโรซัสคงจะตายแล้วแน่นอนจึงหันหลังเดินออกไปแต่เขาก็ต้องตกใจเมื่อมีดาบแทงทะลุไหล่ซ้ายของเขาแลนรีบผละตัวออกมาแลนอึ้งกับภาพที่เห็นโคโรซัสลุกขึ้นมาได้แล้วยังทำเหมือนกับว่าการโจมตีเมื่อตะกี้ไม่สามารถทำอะไรเขาได้เลย ดาบในมือของเขาหลุดจากมือ เขากุมแผลที่ไหล่ที่มือของเขาเต็มไปด้วยเลือดที่ไหลออกมาเหมือนกับน้ำตก แลนรีบใช้เวทย์รักษาแต่ เขาก็ต้องประหลาดเมื่อเขารักษาแล้วบาดแผลไม่อาจถูกฟื้นฟูได้ โคโรซัสหัวเราะลั่นแล้วบอกแลนไปว่า “ไม่มีทางหรอก เมื่อถูกดาบทอซิแอกต์ [ Toxiach ] ของข้าแทงละก็ไม่มีทางที่จะใช้เวทย์แห่งแสงรักษาได้หรอก”แลน รู้สึกเจ็บใจมากจึงจับ ดาบอิมพิ ขึ้นมาอีกครั้งส่วนมืออีกข้างหนึ่งจับที่ไหล่ไว้ แลนวิ่งเขาไปปะทะดาบกับ โคโรซัสแต่ด้วยการที่แลนบาดเจ็บหนักจึงทำให้ถูกผละกระเด็นออกมาเลนถูกผละออกมาก็ถอยล่นออกมาผิงกับกำแพงไว้ “นี้น่ะหรือศิษย์ของผู้ที่เป็นจอมดาบแห่งยุค เหอะ กระจอก เอาล่ะตายไปซะ”โคโรซัส จับดาบพุ่งเข้าหาแลนหวังจะแทงให้ตาย ในชั่วเวลานั้นเองมีผ้าแพรขนาดใหญ่มาบังร่างกายของแลนไว้ ทำให้ดาบของโคโรซัสสะท้อนกลับมา โคโรซัสมองไปทั่วเพื่อหาผู้ใช้ผ้าแพรสีขาวนวล มีรอยถักเลข5อยู่ที่ขอบผ้า เมื่อมองตามทางยาวของผ้าเขาเห็นเฟนเรียยืนอยู่ตรงหน้าบ่อน้ำท่าทางเหน็ดเหนื่อย “เจ้าอะไรกัน” เมื่อสิ้นคำพูดโคโรซัสก็ถูกผ้าสะบัดเข้าอย่างจัง ทำให้เขากระเด็นลอยไปชนกับผนังบ้านจนพังทลาย เฟนเรียรีบวิ่งมาดูอาการของแลน ในช่วงเวลานั้นเองทำให้แลนมองเห็นรอยสักรูปตัวเลข5เหมือนกับที่หน้าผากของแลน เขา ที่อกของเฟนเรีย แลนลุกขึ้นมาทำหน้าตาด้วยความตกใจ “เจ้าเป็นหนึ่งในผู้ที่ถูกเลือกงั้นรึ” เฟนเรียได้แก้มหน้า ตอนนั้นเองเสียงหัวเราะดังลั่นก็ออกมาจากบ้าน “ ฮะฮะฮะ ผู้ถูกเลือกงั้นรึยังเป็นแค่เด็กสาวตัวน้อยอีกตะหาก” โคโรซัสเดินออกมาจากซากปรักหัหพังของบ้านพร้อมถือดาบของเขาอยู่ในมือ “ช่างเป็นการโจมตีที่รุนแรงดีถ้าข้าไม่ใช้ง้าวของข้ากันไว้มีหวังข้าได้นอนหยอดน้ำข้าวต้มแน่” เขาขวางเศษด้ามที่พังทลายของง้าวใหญ่ออกมา จากนั้นเขาก็พุ่งเข้ามาที่เฟนเรียใช้ดาบฟันเข้าไปที่ผ้าแพรแต่ก็ทำอะไรไม่ได้ เขาฟันรัวขึ้นเรื่อยๆทำให้พลังในการป้องกันของเฟนเรียลดลงเรื่อยๆ แลนเห็นว่าเฟนเรียไม่ไหวแล้วจึงฝืนยืนขึ้นแล้วเอามือจับที่จี้สีแดงจากนั้นจึงกระตุกออกมา ทำให้เกิดเปลวไฟสีแดงขึ้นวิ่งวนรอบตัวแลน บังเกิดเป็นร่างของดาบขนากมหึมายาวกว่า2เมตร มีสีขาวนวลสวยงาม ประดับด้วยเพชรสีฟ้ากว่าสิบเม็ด ที่ประกับดาบทีตัวเลข2อยู่และที่ตัวดาบมีอักษรเขียนว่า “เอ็กโซนัส”[ Exsonus] แลนตวัดดาบอย่างแรงทำให้เกิดคลื่นพัลงขนาดใหญ่พุ่งเข้ากระแทรกตัวของโคโรซัสอย่างจัง ทำให้โคโรซัสกระเด็นออกไปจากเฟนเรีย เฟนเรียล้มฮวบลงด้วยความเหน็ดเหนื่อย แลนวิ่งเข้าไปหาเฟนเรียทั้ง2มองหน้ากันและยิ้มให้กัน ในตอนนั้นเองโคโรซัสพุ่งเข้ามาที่แลนด้วยความโกรธแค้นแลนเตรียมตัวในท่าพร้อมกระบวนท่า “มังกรคำราม” เมื่อโคโรซีสเข้ามาแลนก็ตวัดดาบอย่างรวดเร็วทำให้เกิดพลังระเบิดขึ้นเป็นแนวๆ โคโรซัสตกใจแต่เมื่อจะหลบก็หลบไม่ทันเสียแล้ว พลังดาบทำลายหมู่บ้านกว่าครึ่งทุกสิ่งที่อยู่ในรัศมีพังพินาศ แลนวาดมือลงทำให้เกิดแสงสีแดงทำให้ดาบหายไป เขาหันมายิ้มให้เฟนเรียแล้วจึงล้มสลบไป เฟนเรียใจหายที่เห็นแลนล้มลงนางวิ่งเขาไปเรียก “แลน แลน ตอบซิแลน”
รุ่งเช้า
แสงอาทิตย์ที่สดใจส่องมากระทบที่ตาของแลนทำให้แลนค่อยๆลืมตาตื่นขึ้นมา เขาลุกขึ้นเห็นเฟนเรียนอนซบตักของเขาอยู่แลนยิ้มจากนั้นจึงปลุกเฟนเรียขึ้นมานางสะดุ้งตื่นด้วยความตกใจแต่เมื่อนางเห็นแลนนางจึงยิ้มให้เขาแล้วส่งซุปร้อนให้ “เธอหลับไปเกือบ3วันเชียวนะ ข้าล่ะเป็นห่วงแทบแย่” แลนเขินอายแล้วจึงมองไปที่เสื้อผ้าของตน “เจ้าเป็นคนถอดเสื้อข้างั้นรึ” เฟนเรียตกใจสุดขีดหน้าของเธอแดงกล้ำ “ไม่ใช่นะไม่ใช่อย่างที่เธอคิดข้าแค่ถอดเสื้อออกม่เย็บให้แค่นั้นแหละไม่ได้ทำอะไรจริงๆนะ” แลนหัวเราะเบาแล้วจึงลุกขึ้นมาในสภาพที่ใส่แค่กางเกงขายาวอยู่ตัวเดียว ที่ตัวของเขามีผ้าพันแผลฟันทั่วตัวไปหมดเขาเดินไปหยิบเสื้อและผู้คลุมที่ผิงอยู่ที่ไฟ จากนั้นจึงจัดแจงใส่เสื้ออย่างรวดเร็วเก็บดาบและมองไปที่หมู่บ้านอีกครั้งสิ่งที่เห็นคือภาพของหมู่บ้านที่พังพินาศ “เสียใจด้วยนะ”แลนก้มหน้าลงอย่างเศร้าสร้อย นางทำท่าซึมๆและเดินไปด้านหลังของแลน นางครุ่นคิดแต่เรื่องที่ผ่านมาความเลวร้ายที่เคยเกิดขึ้นจับหมู่บ้านที่ตนเคยอยู่ นางตกใจเมื่อแลนเข้ามากอดนางจากด้านหลัง นางเขินอายหน้าของนางแดงกล้ำ “แลนท่านทำอะไรนะ” “อย่าเศร้าไปเลยเฟนเรียสิ่งที่ผ่านมาน่ะมันคืออดีตผู้ที่มัวแต่จมอยู่ในอดีตย่อมไม่มีความสุข เดินทางไปกับข้าเถอะนะ นะ”แลนยิ้มกว้างปล่อยตัวออกจากนางแล้วเดินไปด้านหน้ายื่นมือมารอนางจับมือสีหน้าของเขาเปี่ยมด้วยความอ่อนโยนเฟนเรียจับมือเขาไว้แล้วเดินทางต่อไป
ความคิดเห็น