ลำดับตอนที่ #3
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เส้นทางแห่งชะตาชีวิต
    หลังจากที่เมืองหลวงของราชอาณาจักรเฟราเซียได้ถูก1ใน12เทพอสูรนาม ฮาเดส ถล่มจนย่อยยับเหลือเพียงแต่เด็กหนุ่มผู้หมดหวังและและเศร้าสร้อยไว้ตัวคนเดียว  “แลนเทพบุตรแห่งเฟราเซียจงอย่าท้อแท้ชะตาชีวิตของเจ้ายังไม่จบพียงเท่านี้เจ้าต้องเดินต่อไปตามที่ชะตาชีวิตแห่งเจ้ากำหนดไว้”นั้นคือเสียงที่ดังอยู่ในใจที่มืดมนของแลน “ท่านเป็นใครกันเช่นไรจึงรู้จักข้า” แลนตอบกลับ “หึ เด็กน้อยเราคือเทพเทพแห่งชะตาชีวิต” “หุ เทพแห่งชะตาชีวิตอะไรกันทำไมท่านถึงต้องให้ผู้คนทั้งหลายต้องมาตายด้วยหละทำไมถึงต้องให้ข้าเหลือตัวคนเดียวทำไมต้องเขียนชะตากรรมให้ข้าแบบนี้” แลนตอบกลับอย่างโมโห “................ ถึงเจ้าจะอยู่ตัวเพียงคนเดียวแต่ไม่นานนักเจ้าจะพบกับบรรดาผองเพื่อนมากมาย ชะตาชีวิตที่ข้าตั้งให้เจ้าคิดหรือว่าพ่อเจ้ายอมทำตามจริงๆตัวข้าก็ไม่อยากให้เป้นแบบนั้นหรอกแต่พ่อเจ้าฝืนชะตาชีวิตจนต้องทำให้เมืองสลายไปแต่เป้นการที่แสดงให้เห็นถึงเกียรติ์ของพ่อเจ้า คนเรามีชะตาชีวิตอยู่หลายทางแล้วแต่เราจะเลือกเดินไปแต่พ่อเจ้ากลับเลือกที่จะเข้าสู้มิใช่เดินหนี จงจำไว้นะพันดูลไม่สิแลนว่า ชะตากรรมของทั้ง3โลกนี้อยุ่ที่ตัวเจ้าแล้ว” เสียงนั้นหายไปในใจของแลน  เขาค่อยๆลุกขึ้น หยิบจี้ของพระราชามาห้อยที่คอแล้วเริ่มเดินต่อไปในป่าที่กว้างใหญ่
    แลนที่เดินทางอย่างโดดเดี่ยวไร้ซึ่งเพื่อนและญาติมิตรได้เดินไปพบกับจอมดาบแห่ง มิสเดอร์ริส นามว่า เบลเซฟ เขาเป็น บุรุษ ร่างสูง เคราขาว ร่างกำยำ เขามองมาที่แลนแล้วถามแลนว่า “ เจ้าหนูน้อยเจ้ามาจากที่แห่งใดกัน?” แลนที่เห็นเบลเซฟก็เกิดความกลัวขึ้นทันทีจนต้องวิ่งไปหลบที่ต้นไม้ข้างหลังเบลเซฟเห็นดังนั้นจึงหัวเราะแล้วพูดกับแลนว่า “เจ้าหนูน้อยไม่ต้องกลัวข้าหรอกข้าไม่ทำอะไรเจ้าแน่นอน มาเถอะ”แลนเห็นว่าเบลเซฟไม่ทำอันตรายจึงเดินออกไปแล้วตอบไปว่า “ผมมาจากเฟราเซียขอรับ” “ เฟราเซียรึที่นั้นถูก12ทศเทพ ฮาเดส ถล่มจนย่อยยับแล้วมิใช่รึจนทางเมืองหลวงบอกว่าแทบไม่น่าจะมีคนที่จะรอดชีวิตแล้ว เหตุใดเจ้าถึงได้รอดมาได้ล่ะ” เบลเซฟถามแลนด้วยความสงสัย “ข้า.........ตอนที่ฮาเดสยกพลมาผมไม่ได้อยู่ที่นั้นหรอกขอรับ ....แต่ผมอยู่ที่ภูเขาหลังไปเกือบ2 กิโลเมตร จึงไม่ได้ยินเสียงการสู้รบจะเรียกว่าเป็นเหตุบังเอิญก็ว่าได้”น้ำตาแลนเริ่มไหลนองที่เบ้าตา “ฮะฮธฮธ ผมนี้เป็นอะไรกันเดี่ยวก็ร้องไห้ ผมนี้แย่จริงเลย”เบลเซฟเห็นจึงนึกขึ้นในใจว่า “เจ้าเด็กคนนี้มีพลังฟรอซอยู่รึแถมเป็นพลังที่กล้าแกร่งมาก” เบลเซฟย่อตัวลงแล้วจับไหล่ของแนไว้แล้วกล่าวกับแลนว่า  “เจ้าอย่าเสียใจเลย ต่อไปนี้ข้าเป็นคนเลี้ยงดูเจ้าเองไม่ต้องห่วงหรอก คนที่มัวแต่จมอยู่ในอดีตนะ ไม่สามรถมีหนทางที่ยาวไกลในอนาคตได้หรอกนะ เอาล่ะไปกันเถอะนะ” เบลเซฟลุกขึ้นแล้วจับบ่าแลนเดินไปที่บ้านพักของเบลเซฟในเมือง อิริกคูรัส แห่งมหานครทางตะวันออก
    ที่นั้นแลนได้รับการฝึกสอนดาบ รูปแบบ ริวชินเรียว ( สยบมังกร) ของเบลเซฟทุกวัน เขาช่วยเบลเซฟ หาอาหาร ทำกับข้าว ตักน้ำ ตัดฟืน เพื่อตอบแทนการสอนเพลงดาบให้ แลนที่มีทักษะดาบระดับสูงอยู่แล้วจึงฝึกเพลงดาบของเบลเซฟที่เป็นเพลงดาบระดับเทพของเบลเซฟง่ายกว่าคนธรรมดาฝึกคือ กระบวนท่าหนึ่งคนธรรมดาใช้เวลาถึง2ปี-3ปี แต่แลนสามารถฝึกได้ในเวลาเพียง1-3เดือนเท่านั้น เพลงดาบริวเซเคนนั้นมี66กระบวนท่าแต่ละท่ามีทั้งการทิ่ม ฟัน สะบัด ตวัด พุ่ง หัก คืน พิชิต บาดเจ็บ หยุดนิ่ง และตาย แต่ละกระบวนท่าของเพลงดาบนี้มีพลังทำลายล้างที่รุนแรงมาก ซึ่งถ้าใช้ความเร็วในการตวัดดาบ ความเร็วในการเคลื่อนที่ ความแข็งแรง และความแม่นยำ ทุกสิ่งลวนต้องฝึกอย่างลำบาก ทั้งการวิ่งทั้งที่มีหินใหญ่ผูกกับขาอยู่ การต่อยและยิงธนูให้ถูกเมล็ดแตงโม การใช้ดาบหนัก10กิโลกรัม รำเพลงดาบ การใช้ฟันต้นไม้ด้วยดาบหนัก5กิโลกรัม20ครั้งโดยต้นไม้จะไม่ขาดเมื่อฟันแต่จะสามรถติดกลับได้อย่างเดินเมื่อแกะออกมา แลนใช้เวลาฝึกอย่างอดทนจน ผ่านไปได้นาน2ปีแลนจึงสามารถฟันดาบได้เร็วดังพายุ  เคลื่อนที่ดังลมกรด สามารถยิงธนู และ ต่อยได้อย่างแม่นยำ มีพลังในการใช้ดาบหนัก10กิโลกรัมอย่างสบาย  เบลเซฟเห็นว่าแลนสามรถทำตามหลักการใช้เพลงดาบ ริวชินเรียวได้จึงเริ่มสอนกระบวนท่าของเพลงดาบริวชินเรียว แต่ละกระบวนท่ามีทั้งสิ้น66กระบวนท่า ทิ่ม6กระบวนท่า ฟัน10กระบวนท่า ตวัด4กระบวนท่า สะบัด3กระบวนท่า  พุ่ง 7กระบวนท่า หัก 2กระบวนท่า คืน1กระบวนท่า พิชิต12กระบวนท่า บาดเจ็บ14กระบวนท่า ตาย8กระบวนท่า  แลนฝึกเพลงดาบเหล่านี้ตั้งแต่การทิ่มถึงกระบวนท่าตาย แลนใช้เวลาฝึกทั้งสิ้นเกือบ5ปี
เมื่อเวลาผ่านไปเบลเซฟก็เริ่มแก่ชราเคราของเขาเริ่มยาวขึ้น เรี่ยวแรงเริ่มหมดลง อายุเริ่มเข้าหลักร้อยลงทุกที แลนก็หนุ่มแน่น หน้าตาของเขาหล่อเหลา ผมสีแดงยาวจนถึงเอวของเขา ร่างกายกำยำขึ้น ในที่สุดก็ถึงกระบวนท่าสุดท้ายกระบวนท่าที่มีพลังรุนแรงที่สุดใน ริวชินเรียว เบลเซฟที่ไปเก็บของป่ามาได้เดินเข้ามาในบ้านแล้วพูดกับแลนว่า “แลนออกมาข้างนอกซิ” “อะ..ครับ”แลนขานรับเมื่อแลนเดินออกมาเบลเซฟก็จับไหล่แลนแล้วพาแลนไปที่ด้านหนึ่งของป่า ที่นั้นมีหน้าผาสูงใหญ่ มีพื้นผิวเรียบเนียน ด้วยความสงสัยแลนจึงถามเบลเซฟว่า “ท่านอาจารย์ท่านพาข้ามาที่นี้ทำไมหรือครับ” เบลเซฟยิ้มแล้วบอกแลนไปว่า “ที่นี้จะเป็นที่ฝึกดาบกระบวนท่าสุดท้ายของเจ้าท่านี้มีชื่อว่า “มังกรคำราม” [ Dragon roar sword dance ] มันเป็นกระบวนท่าที่เกิดจากการผสมผสานของกระบวนท่าทั้งหมดของ ริวชินเรียว เป็นท่าที่สามารถ ผ่าภูผา แยกมหาสมุทร ถล่มนรก พินาศสวรรค์ ถือเป็นเพลงดาบที่แข็งแกร่งที่สุดเลยก็ว่าได้ การฝึกกระบวนท่านี้ต้องใช้ทั้งความเร็ว ความแม่นยำ ความแข้งแกร่งและสมาธิ ถ้าเจ้าขาดเพียงสิ่งเดียวเจ้าก็จะไม่อาจฝึกสำเร็จได้ ข้าจะทำให้ดูก่อน ดูแล้วจำไว้ดีๆล่ะ”เบลเซฟแสดงกระบวนท่า มังกรคำรามให้แลนดูแลนเบลเซฟใช้มือจับที่ด้ามดาบที่ใส่ปลอกอยู่เบลเซฟ ถอนลมหายใจอย่างแรง เมื่อนั้นร่างของเขาก็หายไปไปปรากฏอยู่ที่ด้าหน้าห่างจากที่เดิมประมาณ10เมตรเมื่อเบลเซฟยืนขึ้นเก็บดาบเข้าฝัก หน้าผา ผื้นดินรอบๆตัวของเขาเกิดรอยฟันขนาดมหึมาหน้าผาค่ยถล่มลงมาจนระเบิดออกเป็นเสี่ยงๆทั้ง2 ข้างแผ่นดินเป็นรอบดังกรงเล็บขนาดมหึมากรีดไปเป็นแนวโค้งจากจุดที่เบลเซฟยืนที่ก่อนหน้านั้นไปรวมกัน ตรงที่เบลเซฟยืนอยู่ปัจจุบัน ฝุ่นตลบอบอวนไปทั่วทั้งบริเวณ ทำให้แลนต้องใช้มือปิดตาและจมูกไว้ “เป็นกระบวนท่าที่สุดยอดมาก ข้าไม่เคยเห็นกระบวนท่าใดที่มีพลังทำลายล้างขนาดนี้เลย เป็นการเคลื่อนที่ด้วยความเร็วแสง ใช้ปลายดาบตวัดโดยต้องส่งพลังไปที่ดาบทำให้เกิดพลังคลื่นดาบที่มีพลังทำลายล้างสูงที่จะฟันทุกสิ่งรอบๆให้กลายชิ้นๆได้ในพริบตา ใช่รึเปล่าครับ”แลนยิ้มให้เบลเซฟ  เบลเซฟหัวเราะเสียงดังแล้วพูดกับแลนว่า “ดีดีมากเจ้านี้ช่างฉลาดหลักแหลมเสียจริง นี้สิถึงจะเป็นศิษย์ของข้า ในเมื่อเจ้ารู้การเคลื่อนที่ทั้งหมดแล้วเจ้าจงลองฝึกดูกระบวนท่านี้ข้าเองกว่าจะสำเร็จขั้นสูงสุดก็ใช้เวลากว่า3ปีเจ้าจงลองฝึกต่อไป เวลาฝึกเจ้าต้องมีสมาธิรวมพลังไว้ที่ปลายดาบยิ่งมีสมาธิพลังก็ยิ่งสูงขึ้น กระบวนท่านี้กระบวนท่าแน่นอนเป็นกระบวนท่าที่เฉพาะตัวแต่เจ้าสามารถมองเห็นหลักพื้นฐานของกระบวนท่านี้ได้นับว่ายอดเยี่ยม เจ้าก็จงพยายามคิดค้นกระบวนท่าเฉพาะตัวของเจ้าเองนะ  เจ้าฝึกไปเรื่อยๆ นะ ข้าจะกลับก่อน” “ครับ”แลนขานรับ”ดี”เมื่อพูดจบเบลเซฟจึงเดินกลับไปที่บ้านพัก  แลนได้แต่นั่งครุ่นคิดถึงกระบวนท่าของ มังกรคำราม แลนนั่งคิดบ้างยืนลองทำดูบ้าง
เวลาผ่านนานกว่า1ปี แลนซึ่งอยู่กับเบลเซฟ เบลซึ่งแก่ชรานอนซมอยู่บนเตียงแลนจึงยกข้าวต้มมาให้แล้วบอกแก่เบลเซฟว่า “ท่านอาจารย์กินซะเถอะ ไม่นานท่านก็จะหายดีเอง” เบลเซฟเห็นดังนั้นจึงยิ้มให้แลนแล้วบอกไปว่า “ไม่ต้องห่วงข้าหรอกหนุ่มน้อยเจ้าไปเถอะไปทดลองฝึกกระบวนท่าที่เจ้าคิดได้เถอะ” “เช่นั้นข้าไปก่อนนะ”ว่าแล้วแลนจึงวิ่งออกไปจากบ้าน แลนเดินไปที่ชายป่าที่นั้นมีต้นไม้ใหญ่ เล็กสีเขียวมากมายดุแล้วสบายตายิ่ง แลนเดินลึกเข้าไปในป่า ไปตรงกลางของพื้นที่ที่มีกลุ่มไม้ใหญ่ล้อมรอบ แลนถือดาบโดยให้ปลายดาบแตะพื้น เขาหายใจเข้าออกครั้งหนึ่งก่อนที่จะยกดาบขึ้นวางปลายคมดาบไส้ใกล้ใบหู เมื่อลมพัดมาร่างของแลนหาบไปชั่วครู่แล้วจึงปรากฏเป็นร่างของแลนขึ้นมาต้นไม้ที่อยู่ในระยะรัศมีเกือบ20เมตรกระจุยกลายเป็นชิ้นเล็กชิ้นน้อยลอยไปตามลมหมด แลนเห็นก็ดีใจกระโดดโลดเต้นใหญ่  “ สำเร็จแล้วเราทำได้แล้วพลังนี้มีพลังทำลายมากกว่ากระบวนท่าของอาจารย์อีกแหะ”วันนี้หาอาหารกลับไปเลยดีกว่าแหะ แลนเดินหาอาหารจนได้ผลไม้และลูเซีย สัตว์รูปร่างคล้ายกับกระต่ายมีสี่ตา มีขนยาวปุกปุยดูน่ารักน่าชัง เป็นสัตว์ขี้อาย แต่เชื่องมากนิยมนำมาเป็นอาหารและสัตว์เลี้ยงหาดูได้ทั่วมิสเดอร์ริส มา2ตัว แลนเดินหน้ายิ้มระรื่นกลับไปที่บ้านพักเมื่อเขาเข้า เขาก็วางอาหารไว้หน้าเตาผิง แล้วหันเรียกเบลเซฟ แต่เขาไม่ตอบกลับ “อาจารย์ นี้ อาจารย์”แลนเดินเข้าไปเขย่าตัวของเบลเซฟ “อาจารย์ท่านเป็นอะไรไป ท่านทำใจดีๆนะ” แลนเริ่มกระวนกระวายเมื่อเห็นเบลเซฟไม่พูดอะไรเลย  เบลเซฟหลี่ตาขึ้นมาดู แล้วเอามือจับที่หน้าของแลนมือของเขาสั่นระริก “ท่านอาจารย์ท่านไม่เป้นไรนะข้าจะไปเก็บยามาให้”แลนรีบลุกขึ้นแล้ววิ่งเตรียมจะออกไป “แลนเจ้าไม่ต้องไปหรอก ข้าไม่เป็นไร”เบลเซฟพูดห้ามไว้ แลนได้ยินดังนั้นจึงวิ่งเข้าไปนั่งข้างเตียงแล้วพูดกับเบลเซฟว่า “ท่านไม่เป็นไร ขนาดนี้แล้วยังเรียกว่าไม่เป้นไรอีกหรือครับ” “เอ้ย  แลน ชีวิตของคนเรามีเกิดก็มีตาย ข้าหมดอายุขัยแล้วปล่อยข้าไปเถอะถึงเจ้าจะทำยังไงข้าก็หนีไม่พ้นอยู่ดีแหละ” “แต่ว่า” “จำไว้นะ.....คนเรานะมีชะตาชีวิตเป็นตัวชี้นำพาก็จริงแต่เจ้าก็ต้องเลือกที่จะเดินทางแล้วแต่ตัวเจ้าเองว่าเจ้าจะเดินไปทางไหนทุกสิ่งล้วนมีทางเลือกเสมอจำไว้ นี้ถือเป็นคำสั่งเสียจากข้าละกันเจ้าช่วยข้าได้ไหม” “ได้ครับว่ามาเถอะครับ” “ดี..เมื่อข้าตายข้าอย่างให้เจ้านำข้าไปฝังไว้ที่หน้าผาหน้าบ้านข้าชอบวิวทิวทัศน์ตรงนั้นมากข้าอย่างจะดูมันตลอด อีกเรื่องคือข้าขอมอบดาบ เบอร์เซิร์ก และดาบทอง อิมพิว กับดาบ เงิน ครินเซียให้เจ้า ต่อไปเจ้าจงทำแต่ความดีละเว้นความชั่วได้ไหม””ครับข้าน้อยขอทำตามครับ” “เจ้าช่วยพาข้าไปที่หน้าผาหน่อยได้ไหมข้าอย่างเห็นภาพนั้นเป็นครั้งสุดท้าย”ครับแลนอุ้มเบลเซฟขึ้นรถเข็นแล้วเข็นไปหน้าผาหน้าบ้าน วิวที่นั้นช่างงดงาม ภาพเขาใหญ่น้อยเรียงกัน ภาพท้องฟ้าที่งามตาภาพแม่น้ำที่งดงามภาพป่าที่สบายตาดูแล้วช่างงดงามเสียจริง 
เบลเซฟ อัลเพิร์ด จอมดาบแห่งยุคได้เสียชีวิตลงอย่างสงบด้วยวัย104ปี ในวันที่ 23 เดือนรูเปอร์ 24523aw ทิ้งไว้แต่วีรกรรมที่ยิ่งใหญ่ไว้ ศพของเขาถูกฝังไว้ที่หน้าผาครูโนส ทางตะวันออกของมิสเดอร์ริส แลนได้เผาบ้านของเบลเซฟทิ้งและเดินทางออกไปสู่โลกกว้าง
   
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น