ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    THe Ultima

    ลำดับตอนที่ #2 : ความสิ้นหวัง

    • อัปเดตล่าสุด 10 ต.ค. 48


    เอเทรีส วิหารแห่ง ฮีเรียส

        “อ๊า....ท่านเซเคนท่านคิดว่าเทพพวกนั้นจะสามารถทำการนี้ลุล่วงหรือไม่ท่าน” ฮีเกียสที่ยืนอยู่ตรงระเบียงใส่เสื้อคลุมสีขาวดำ ผมยาวสลวยสีฟ้าอ่อน ร่างกำยำ หน้าตาที่หล่อเหลาสุดใครเทียม พูดกับมหาอำมาตแห่งเอเทรีส เซเคน คนชราผู้นี้ร่างเล็กแต่ท่าทางกำยำไว้เครายาวสีขาว ผมยาวสีขาว ถือไม้เท้าแห่งชะตาชีวิต [wand of destiny]  เขาเป็นผู้ทรงปัญญาแห่งมหาอาณาจักรเอเทรีสผู้เป็นหนึ่งในที่ปรึกษาข้างกายฝ่ายขวากล่าวตอบกลับไปว่า “ข้าเห็นว่าพวกเขาทั้งหลายต้องทำการสำเร็จแน่ท่านจงอย่าได้วิตกกังวลเลย” “นั้นสินะ ข้าก็หวังให้เป็นเช่นนั้น” ฮีเกียสพูดด้วยสีหน้ากังวล

    มหานครแห่งเฟราเซีย ปราสาทแห่งเมือง เฟรเซีย



                คืนวันหนึ่งวันที่มีเสียง เสียงที่ทุกคนต้องตื่นขึ้นมาเสียงแห่งควาสมหวัง เสียงแห่งความยินดี เสียงที่มหาชนทั้งหลายห่างเฟรเซียต้องยินดี  “อ้า..คลอดเเล้วรึ” ราชาแห่งมหานครเฟรเซียลุกขึ้นวิ่งอย่างหน้าตาตื่น     ตัวของเขาค่อนข้างสูง มีเครายาวสีน้ำตาล ผมสีน้ำตาลเข้  อายุราว35ปี วิ่งเข้ามาในห้องพระราชินีด้วยความเหนื่อย ล้าที่วิ่งมาจาอีกฟากของปราสาท เมื่อเขาเข้าไปในห้องก็พบกับพยาบาลนด้วยความยินดี“เพค่ะพระองค์” พยาบาลพูดกับพระราชาด้วยสีหน้ายิ้มแย่ม  “ข้าขอเข้าไปหาฟอเรสได้หรือไม่”  พระราชาถามด้วยความสงสัย  “ได้สิเพค่ะ” พยาบาลตอบอย่างสุภาพ พระราชาจึงค่อยเปิดประตูเข้าไปหาพระราชินีอย่างช้าๆ “ฟอเรส.เจ้าเป็นอย่างไรบ้าง”  พระราชาถามราชินีด้วยความเป็นห่วง เธอมีผมสีทองยาว ตาสีฟ้า เป็นหญิงรูปร่างงาม อายุประมาณ25 ปีได้ นางยื่นมือไปกำมือเอาไว้เเน่น “อัลเฟต..เห็นลูกของเรารึยัง” พระราชินีถามด้วยสีหน้าที่ภูมิใจ “เห็นเเล้วเขาน่ารักมากเลย” พระราชาตอบ  ก๊อง ก๊อง สียงเคาะประตูดังขึ้น “ขะ.....ขอประทานโทษเพค่ะ หม่อมชั้นนำพระราชโอรสของพระองค์มาให้เพค่ะ” พยาบาลเดินเข้ามาพร้อมอุ้มพระโอรสขึ้นมาด้วยเเล้วส่งให้พระราชา  “หม่อมชั้นไปก่อนนะเพค่ะ” เเล้วเธอก็เดินออกไป “หน้าตาเขาเหมือนเจ้าเลย” พระราชาพูดพลางยิ้มไปด้วย  “เราจะตั้งชื่อเขาว่าอะไรดีละ?” พระราชินีถามพรราชาด้วยความสงสัย “เรื่องนั้นข้าคิดไว้เเล้วล่ะ...เเลนไง...เเลน ไบโอรอส”พระราชาพูด “เป็นชื่อที่ดีมากเลย เเลนคือมังกร เขาเข้มเเข็งดังชื่อคงจะดีมาก” พระชินีพูดเสริม



    14 ปีผ่านไป



                เเลนเติบโตขึ้นเป็นเด็กหนุ่มรูปงาม เขามี ตาสีเเดงดังเปลวเพลิง ผมสีน้ำตาลเเกมทองยาวโดยผูกเปียไว้ยาวจนถึงเอวผมข้างหน้าตั้ง ที่หน้าผากมีรอยเป็นรูปเลข2ในอักษรรูนอยู่มาตั้งเเต่เกิด เขาป็นเด็ก ฉลาด เรียนเก่ง เข้มเเข็ง กล้าหาญ รักเพื่อน เเละเป็นคนที่มีเมตตามาก ตอนเเลนอายุได้5ปีเขาก็เริ่มเรียนหนังสือ เขาเรียนเก่งมากจนจบขั้นสูงสุดตอนอายุได้10ปี ต่อมาเขาได้เรียนการใช้เวทย์มนต์ตั้งเเต่ขั้นต่ำจนถึงขั้นสูงสุดจบตอนอายุ12ปีเเละตอนเขาอายุได้12ปีเขาก็เรียน ศิลปะการต่อสู้ทั้งการต่อสู้ระยะประชิดโดยใช้มือและเท้า การใช้ง้าว ดาบ มีด ธนู การสร้างกับดักเเละเรียนเกี่ยวกับภูมิศาสตร์จนอายุ14ปี เขาก็ได้ยศเป็น  The Paradin of Misderris หรือ มหานักรบที่อายุน้อยที่สุดในประวัติศาสตร์ของ Misderris

    อาฟรีส มหาปราสาท คิริอุส แห่ง ยอดเขาเกรเดียส

                 ในห้องที่มืดมิดไร้ซึ่งแสงไฟ ได้มีเสียงเหมือนคนซุบซิบกันดังขึ้น“ข้าว่าตอนนี้เรามีอาณาจักรไม่เพียงพอต้องหาอาณาจักรเพิ่มนะ” เสียงที่น่ากลัวพูดขึ้นมาในห้องแห่งที่มืดมิด “เราต้องการอาณาจักรเพิ่มแต่เราต้องการแห่งใดล่ะ” เสียงของหญิงสาวกล่าวมา “การหาอาณาจักรครั้งนี้จะเป็นที่คืนชีพของท่านจอมอสูร” เสียงที่ดูหนุ่มแน่นกล่าวออกมา “แล้วผู้ใดล่ะที่จะไป” เสียงที่เหมือนกระเทย กล่าว “พวกเจ้าไม่ได้เรื่องกันซักคน ขอโทษที่ข้ามาประชุมสาย ข้าจะไปเอง” เสียงเย็นชาและน่ากลัวจนเด็กที่ร้องยังเงียบได้พูดออกมา ผู้ที่พูดยืนขึ้นแล้วหยิบดาบขนาดยักษ์ออกมา “โอ้ท่านมาแล้วรึ ดีเรารู้ว่าท่านชอบการฆ่า ท่านจะเลือกที่แห่งใดล่ะ ท่านจอมทัพแห่ง อาฟรีส หัวหน้าของเรา ฮาเดส”เสียงผู้หญิงกล่าวขึ้นด้วยเสียงที่หนาวสั่นไปทั้งตัว เขาแทงดาบเข้าไปในกำแพงที่มีภาพวาดของ แผนที่มิสเดอร์รีส อยู่ ปลายดาบทิ่มไปที่ มหาอาณาจักรแห่งทิศใต้เมืองแห่งอุตสาหกรรม อาณาจักร เฟราเซีย เมืองแห่งราชวงศ์ อะคีริส “ข้าจะไปที่แห่งนั้นในวันพรุ่งนี้ ในเวลาที่เวทย์มนต์แห่งฮีเกียสเสื่อมอำนาจ” “ดีเราจะรอข่าวดีจากท่าน” ว่าแล้วเขาจึงเดินออกไปที่ระเบียงหอคอยแล้วตะโกนออกไปบอกเหล่าปีศาจทั้งหลายว่า “ท่านทั้งหลายเวลาแห่งการล้างแค้นมาถึงแล้ว เตรียมทัพให้พร้อม พรุ่งนี้บุกถล่ม เฟราเซีย เลือดจะนองผืนแผ่นดิน ฆ่าทุกสิ่งอย่าให้เหลือแม้แต่สัตว์เลี้ยง” เสียงเฮดังกึ่งก้องไปทั่ว อาฟรีส รุ่งเช้าแห่งอาฟรีสฮาเดสเตรียมการบุกถล่มเตรียมทัพอสูร 100กว่าล้านเตรียมบุกตีมิสเดอร์ริสทาง ทวารนรกที่เปิดออกแล้ว มหานครจะต้องเผชิญกับกองทัพขนาดยักษ์ที่มาบุกล้างแผ่นดินแห่งเฟราเซีย

    ณ พระราชวังฟรอนเทีย..ท้องพระโรง



                 “ท่านพ่อ!ท่านพ่อ” เเลนเรียกหาพระราชาจากทางเชื่อมระหว่างห้องท้องพระโรงกับห้องทานอาหาร “มีอะไรรึเเลน” พระราชาถาม “ท่านพ่อข้าขอไปเล่นที่ภูเขาเมืองนะ” เเลนพูดกับพระราชา “เเต่ว่าเจ้าจะไปคนเดียวเช่นนั้นหรือ มันอันตรายนะ” พระราชาพูดห้ามปราม“ไม่เป็นไรหรอกอัลเฟรต เเลนโตเเล้วนะให้เขาไปเที่ยวเล่นตามใจเขาเถอะ” พระราชินีพูดพร้อมหัวเราะไปด้วย “ อืม..งั้นก็ได้เเต่เดี่ยวก่อนนะลูก พ่อมีบางอย่างจะให้” พระราชาพูดเเล้วก็บอกกับอำมาตย์ ให้ไปหยิบบางอย่างมา นั้นก็คือผลึกที่มีรูปร่างประหลาดมันมีสีเเดง มีรูปร่างเป็นหกเหลี่ยมรู้สึกเหมือนมีพลังจำนวนมหาศาลอยู่ข้างในผลึกนั้นที่ผลึกมีรอยจารึกรูปเดียวกับตัวเลขบนหน้าผากเเลน “ นี้เป็นหินที่คุณปู่ของปู่เคยเก็บเพราะว่าเขาเชื่อกันว่ามันเป็นผลึกเเห่งเทพ เเลนพ่อยกเจ้าผลึกนี้ให้เจ้าที่เป็นผู้สืบทอดวงศ์ตระกูลรุ่นที่13”พระราชาพูดแล้วยื่นหินก้อนนั้นให้แลน “ ขอบคุณครับท่านพ่อ”เเลนกล่าวขอบคุณเเล้ววิ่งออกไป ใส่ผลึกนั้นไว้ที่กระเป๋ากางเกงพร้อมตะโกนออกไปว่า “ท่านพ่อข้ากลับมาในอีก6ชั่วโมงนะไม่ต้องห่วงข้าก็ได้”



    120นาทีผ่านไป

                

                   \"พระราชาพะยะค่ะ พระราชา\"  เสียงของทหารวิ่งเข้ามาพร้อมเปิดประตูออกด้วยความรีบร้อน \"อะไรกันทำไมถึงรีบร้อนเช่นนี้ มีอะไรรึ\"  พระราชาถามทหารผู้นั้นด้วยความสงสัย  \"กองทัพของโซคตอนนี้ได้บุกตีเขตเมืองชั้นนอกเเล้วตอนนี้เมืองชั้นนอกพ่ายเเล้วพะยะค่ะ\"  ทหารพูดด้วยความกระวลกระวาย  \"ว่าอย่างไรนะ ตอนนี้กองทัพนั้นมีประมาณกี่คน\" พระราชาถามทหารด้วยความกังวลและตื่นกลัว\"จากรายงานของม้าเร็วที่สนามรบก็ซักประมาณ 100 ล้านคนได้พะยะค่ะ\" ทหารตอบพระราชา \"100ล้านรึถ้ากองทัพเเค่นั้นเรารับไหวเเน่\" พระราชารู้สึกหายกังวลใจ \"เเต่ว่า..ที่เเย่กว่านั้นคือ1ใน12จอมทัพของโซค ได้เป็นเเม่ทัพในการสงครามครั้งนี้ด้วยพะยะค่ะ\" ทหารพูดกับพระราชา \"ว่าอย่างไรนะ 12เทพอสูร มาด้วยเช่นนั้นหรือ ไม่นึกเลยว่า เทพอสูร จะนำทัพในครั้งนี้ด้วย อึ้ม..ไปเตือนเมืองชั้นกลางเเละชั้นในให้เรียบร้อยบอกทหารทุกคนให้พร้อมเตรียมบรรจุ ปืนใหญ่ เอโทรอสและปืนกัสเตอร์ เเละเตรียมยักษ์นิวเคลียร์ให้เรียบร้อยภายในครึ่งชั่วโมงเเละรีบอพยพชาวเมืองไป ที่อื่น โดยด่วน\" พระราชาพูดกับทหาร \"พะยะค่ะ\" เมื่อทหารได้ยินดังนั้นจึงคำนับเเล้ววิ่งออกไป พระราชาสั่งให้อำมาตไปหยิบเกราะมาให้เเล้วบอกกับพระราชินีว่า \"ฟอเรสเจ้ารีบหนีไปเถอะไม่ต้องห่วงข้า\"  \"เเต่อัลเฟตข้า...\" พระราชินีพูดขึ้นเเต่ก็ถูกพระราชาตอบกลับว่า \"ไปเถอะฟอเรสขอร้องได้โปรดเถอะที่รัก\" พระราชาพูดขึ้นด้วยความห่วงใยเเล้วจูบหน้าผากพระราชินีครั้งหนึ่ง พะราชินีจึงรีบวิ่งออกไปพร้อมกลับนางสนม 2 คนน้ำตาของนางไหลนองหน้า พระราชายิ้มด้วยความพึงพอใจเเล้วใส่เสื้อเกราะ เกราะนั้นมีสีทองอร่าม เกราะมีรูปราชสีห์คำรามแสดงถึงความยิ่งใหญ่ขององค์ราชาจนครบ ทุกชิ้น



    ฝั่งกองกำลังของฮาเดส

    ที่พักของฮาเดส



                    \" ท่านจอมทัพ ท่านจอมทัพ\"  นายพลของกองกำลังฮาเดส ร้องขึ้นด้วยความตื่นตกใจ \"มีอะไร ทำไมต้องรีบร้อนอย่างนั้นด้วย\" ฮาเดสพูดด้วยความสบายใจขณะที่คนรับใช้กำลังริน ไวน์เอเรน ( เหล้าชนิดหนึ่งของอาณาจักร มิสเดอร์รีส เป็นเหล้าที่มีรสชาติอร่อยมากมีเเอลกอฮอล์ เยอะถึงร้อยละ30 เเละเป็นสิ่งที่สามารถเผาผลาญทุกอย่างได้อย่างไม่น่าเชื่อ) \"ตอนนี้กองทหารของเราคงจะไม่พอที่จะต่อกรกับพวกมนุษย์เเล้วละครับ\" นายพลพูดด้วยความเป็นห่วง \"ไม่เป็นไรถึงอย่างไร เจ้าพวกเศษเกิดพวกนั้นก็ไม่มีทางมาเทียบกับมหาทัพที่ยิ่งใหญ่ของข้า ได้ขอเพียงข้าแค่สะบัดมือแค่ครั้งเดียวฆ่าก็สามารถพลาญพวกกระจ่อยร่อยนั้นไปได้เป็นพันแล้ว ขอเพียงให้ได้อาณษจักรของราชาเศษเกินนี้มาเท่านั้นทั้งอาณาจักรก็จะไม่อาจเทียมอำนาจของท่านจอมอสูรได้\" ฮาเดสพูดเเล้วเผาเเก้วเหล้าทิ้งทำให้เกิดเพลิงลุกอยู่ที่มือของฮาเดส \"หึ เคลื่อนพลได้\"



                     กองทัพของฮาเดสต่อสู้กับเมืองชั้นในด้วยความดุเดือดฝ่ายเมืองชั้นนอกเเละชั้นในต่างมีไพร่พลเหนือกว่าไพร่พลนับพันล้านเป็นจำนวนที่มากกว่าทัพฮาเดสหลายเท่าเเต่ก็ถูกฮาเดสจัดการจนราบคาบไม่เหลือเเม้เเต่กระดูกฮาเดสจัดการเผาทุกเมืองที่ขวางหน้าจนเป็นผงเถ้าทุรีลอยไป จนในที่สุดฮาเดสก็ได้ต่อกรกับทัพเมืองหลวงที่มีไพร่พลเป็น10000ล้านคน ทั้งสองฝ่ายต่อสู้กันอย่างดุเดือด เสียงอาวุธปะทะกัน เสียงความเจ็บปวดดังสนั่น เสียงแห่งสงคราม ดังสนั่นทุกสารทิศ การต่อสู้ผ่านไปเกือบ2ชั่วโมง จนทหารของฮาเดสเหลือเพียงน้อยนิด ฝ่ายเมืองหลวงจึงล้อมกองกำลังของฮาเดสไว้เเล้วเข้าประจันหน้ากับฮาเดส “หลีกทางให้ข้าเจ้าพวกเศษขยะ “ ว่าแล้ว ฮาเดสจึงใช้ดาบ คีริน [ Kirin ] ดาบใหญ่มีด้ามจับติดอยู่ในตัวดาบมีความยาวถึง 2เมตร ตัวดาบสีดำสนิท คมดาบบางเหมือนกระดาษ แต่แข็งแรงเหนือทุกสิ่งทั้งหลาย ฮาเดสปักดาบ คีริน ลงที่พื้น พื้นดินบริเวณรอบ เริ่มเคลื่อนตัวและแยก เกิดเปลวเพลิงขึ้นกว้างกว่าพันเมตร เผากองทัพนับล้านของ มหานครเสียยับ ทหารที่ถูกไฟเผาต่างวิ่งหนี เอาชีวิตรอดเหมือนกับคนบ้า “วิ่งไปเถอะเจ้าสวะเอ่ย วิ่งไปก็เท่านั้นเพลิงในตัวเจ้าไม่มีทางดับได้จนกว่าเจ้าจะสิ้นชีวา ฮ่า ฮ่า” ฮาเดสเดินหน้าต่อไปเรื่อย ราชาแห่งมหานครเห็นดังนั้นจึงตะโกนบอกเก่เหล่าทหารให้ออกสู้รบ ทหารทั้งหลาย จอมเวทย์นับหมื่นแห่งราชอาณาจักรใต้ ได้ร่ายเวทมนต์ดังสนั่นทั่วทั้งสนามรบ แล้วตะโกนพร้อมกันออกไปว่า “เทพทั้งหลายขอท่านจงมอบพลังแห่งการทำลายมาให้แก่ข้า “มหาเวทย์แห่งแสง มัสมาดัส” ลำแสงขนาดมหึมาพุ่งออกมาจากมือของจอมเวทย์ทั้งหลาย แล้วมารวมกันที่จุดเดียวกันนั้นคือ ตัวฮาเดสนั้นเอง ฮาเดสซึ่งไม่ทันระวังตัวจึงถึงกับตกใจที่ตนถูกพลังเวทย์ที่กล้าแกร่งนับหมื่นถล่มเข้าใส่ ร่างของฮาเดสกระเด็นไปไกลกว่า100เมตร ทุกคนคิดในสิ่งเดียวกันนั้นคือ ฮาเดสสิ้นแล้ว แต่ก่อนที่จะดีใจนั้นเสียงที่น่าตกใจดังขึ้น “อะไรกันไม่มารยาทกันเลยนะ มาไล่ให้ข้าไปทั้งที่ข้ายังไม่ได้สนุกเลย ความสนุกมันพึ่งเริ่มนะ” ร่างของฮาเดสถูกปกคลุมด้วชุดเกราะทั่วร่างกาย เกราะนั้นมีสีดำสนิท มีลายทองติดที่ขอบเกราะทุกชิ้น ผ้าคลุมที่ขาดรุ่งริ่ง โบกสะบัดไปตามกระแสลม ทั่วทุกคนล้วนตกใจ เหมือนกับว่านี้เป็นความฝัน “แหม่ทำได้ดีใช้ได้เลยนะถ้าข้าไม่ใช้     เกราะแห่ง เซนตินัน  ข้าคงจะเจ็บแทบตายแน่  แหง่ๆ  พวกนายนี้ก็เก่งใช้ย่อยเลยแหะ ที่ทำให้จอมทัพแห่ง อาฟรีฟ เอาจริงได้ เอาละ ขอข้าได้ฆ่าให้สนุกเถอะ” ว่าแล้วร่างของฮาเดสก็หายไปจากสายตาทหารทั้งปวง ปรากฏขึ้นบนท้องฟ้า โผนเข้าพาดฝ่ามือลงกับทหารทั้งหลายตายเกลือนกลาดนับสิบ เลือดสีแดงนองแผ่นดิน เสียงแห่งทหารหาญโห่ร้องขึ้นเข้าสู้ แต่มีหรือที่จอมทัพนรกจะเสียที “เพลงดาบ จิตรกรรมแห่งสวนดอกท้อ” ดาบเพียงเล่มเดียวฟาดฟัน รอบตัวของฮาเดสเป็นวงกว้าง ฟาดฟันทหารมหานครทั้งหลายล้มตายนับร้อย ละอองเลือดลอยอยู่บนอากาศ มองดูเหมือนดังดอกท้อที่พลิ้วไปตามกระแสลม พระราชาแห่งมหานครอึ้งกับพลังของอสูรผู้นั้น เขาเฝ้ามองดูฮาเดสสู้รบกับทหารนับสิบๆล้าน อย่างสนุกสนาน เขาไม่แสดงอาการเหน็ดเหนื่อยไม่มีเหงื่อออก ใบหน้าของเขายิ้มแย่มดังกับว่ากำลังเล่นอยู่อย่างสนุกสนาน การร่ายรำดบของเขานั้นไร้จุดอ่อน และไร้จุดโจมตีเมื่อทหารเข้ามาทางด้านหน้าเละหลังพร้อมกันเขาก็ใช้ดาบสะบัดโจมตีด้านหน้าเป็นแนวยาวก่อนจะก้มลงพลิกกลับไปมาโจมตีขึ้น บน และลงล่างแม้แต่ยักษ์นิวเคลีย์ เมื่อเข้ามาก็ถูกฮาเดสฟันเสียจนขาดเป็นท่อนๆ ถึงแม้จะเข้าโจมตีถึงตัวได้แต่ก็ไม่อาจทำอะไรเกราะอสูรนั้นได้อยู่ดี  อาวุธทั้งหลายที่กระทบกับเกราะต่างสลายหายเป็นฝุ่นละอองลอยไป เวทย์มนต์ที่ซัดเข้ามาต่อให้มีพลังมากมายมหาศาลก็ไม่อาจทำลายเกราะนั้นได้เพียงแต่ทำให้หยุดชะงักไปแค่นั้น การต่อสู้ดำเนินไปเรื่อยจนทหารของมหานครใกล้พ่ายแพ้เหลือทหารเพียงไม่กี่พันเท่านั้น ฮาเดสที่ฆ่ามาแล้วเกือบหมื่นล้านของมหานคร “ เฮ้อ ไม่ได้ออกกำลังกายแบบนี้มานานแล้วนะเนี่ย เอาละรีบจบกันเถอะ” ฮาเดสเริ่มคลายกล้ามเนื้อ เสียงกระดูกดังกร็อบเหมือนจะหักดังขึ้น ราชาแห่งมหานครยืนดูด้วยความกลัว ร่างของฮาเดสหายจากตรงนั้นแต่กลับลอยขึ้นไปอยู่ที่บนท้องฟ้าเขาร่ายเวทย์มนต์ด้วยความรวดเร็วเมื่อนั้นเปลวเพลิงสีดำเกิดขึ้นรอบตัวของเขาเพลิงทั้งหลายค่อยๆกลายเป็นลูกกลมๆนับหมื่นลูก ที่มือของเขามีลูกพลังเปลวเพลิงที่มีพลังมหาศาลอยู่ มันมีขนาดใหญ่ที่สุดในในลูกทั้งหลาย “มหาเวทย์แห่งจอมอสูรผู้ก่อกำเนิดความกลัวทั้งหลายจงให้พลังแก่ข้าผู้นี้ รับไป เปลวเพลิงแห่งความกลัว  “ดาร์คเกสท์ ออฟ ดาร์คเนส”[ Darkest of darkness ]  ลูกเพลิงทั้งหลายพุ่งลงมาที่เมืองและทัพขององค์ราชันย์ ดังกับห่าฝน เสียงระเบิดดังสนั่นหวั่นไหวไปทั่ว สิ่งที่ถูกลูกเพลิงนั้นเข้ากลายเป็นเถ้าถ่าน เมืองทั้งเมืองถูกถล่มจนราบเป็นหน้ากอง เปลวเพลิงขนาดใหญ่สูงขึ้นปกคลุมท้องฟ้าจนมืดสนิท เปลวเพลิงสีแดงทำให้ท้องฟ้าแดงฉาน สิ่งก่อสร้างทั้งหลายถูกเผาไหม้กลิ่นแห่งซ่ากศพและเถ้าถ่านฟุ่งกระจายไปทั่วทั้งบริเวณทัพที่เหลือเพียงไม่กี่ร้อยขององค์ราชา ต้องถอยหนีเอาชีวิตรอดไปทางทิศตะวันออกเฉียงเหนือของเมือง แล้วจึงเดินทางเข้าไปในหุบเขา

    “ท่านจอมทัพให้เราตามพวกนั้นไปไหมขอรับ” นายกองผู้หนึ่งของฮาเดสเสนอ “อย่าเลยตอนนี้มันก็เหมือนกับแมลงธรรมดาแล้วจะฆ่าไปก็ไร้ความหมาย ไปจัดการส่งข่าวให้เห่าขุนพลที่เหลือซิว่าเราได้อาณาจักรที่อาฟรีส จะใช้จัดการพวกมนุษย์และเทพแล้วนี้แล้ว” ว่าแล้วก็เดินเข้าไปที่กระโจมพาดดาบไว้ที่บ่าทั้ง2ข้างผ้าคลุมที่ขาดว่อน สะบัดตามแรงลมกลิ่นละอองเลือดฟุ่งทั่วร่างกาย  ละอองเลือดลอยไปตามลม มุ่งสู่เขา สู่ป่าที่แลนเล่นอยู่กลิ่นละอองเลือดทำให้แลนตื่นจากหลับ เขาฝันร้ายถึงการทำลายของฮาเดสที่เมืองของตน เขาสังหรณ์ใจไม่ดีจึงรีบเดินกลับเมือง เมื่อพรบค่ำแลนถึงหน้าพาข้างเมือง แลนมองดูเมืองของตนด้วยความตกตะลึง เมืองที่สวยงามกลับกลายเป็นเมืองแห่งความตาย เมืองทั้งเมืองสูญสลายหายไปในพริบตา น้ำตาของแลนนองหน้า เขาขุกเข้าลงเพราะความเสียใจแล้วนำไม้มาทำเป็นป้ายกางเขนตั้งไว้ที่หน้าเชิงผานับสิบอับแล้วลุกขึ้นคำนับสุสานแห่งวีรชนของเฟราเซีย แล้วป่าวประกาศออกไปว่า “ข้าขอสัญญาต่อเทพ เทวดาและวิญญาณของวีรชนที่สละชีพไปอย่างสมเกียรติ์ว่าตัวข้าจะต้องทำการล้างแค้นให้แก่พวกท่านให้จงได้”น้ำตาของแลนนองหน้า เขาเอาแขนมาป้านน้ำตาออกไป แล้วลุกขึ้นเดินถอยหลังออกไปคำนับสุสานหนึ่งครั้ง แล้วเดินจากเข้าไปในป่า









    *\"ปืน กัสเตอร์\" (ปืนเจาะเกราะที่สามารถเจาะเหล็กหนา1เมตรเเละวางทับกัน10ชั้นได้อย่างสบายจนสามารถล้มทุกสิ่งได้ด้วยกระสุดหัวโอริอาก้อนที่ยาวถึง40 ซ.ม. )*



    *\"ปืนใหญ่เอโทรอส\" (ปืนใหญ่ที่มีพลังทำลายล้างสูงสามารถถล่มภูเขาได้จนเป็นจุลด้วยกระสุนพลังงานเเสงอาทิตย์ โดยจะยิงกระสุน9ลูกพร้องมกันเเล้วมารวมที่จุดเดียว )*



    *\"ยักษ์นิวเคลียร์\" (ทหารจักรกลรูปเเบบใหม่ล่าสุดมีความสูง5เมตรถึง10เมตรมีความสามารถในการบเป็นเลิศเเละทนทานเพราะร่างกายทำมาจากเครื่องยนต์เเละเหล็กหนาหลายชั้นเเละติดปืนทั่วตัว มักจะใส่ปืนกลไว้ที่เเขน )*

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×