คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : The Killer : Mission 7
THE KILLER - missions 7
“ทำบ้าอะไรของนาย!”
มินจุนขยับตัวด้วยความอึดอัด แขนทั้งสองข้างของเขาถูกมัดไพล่ไว้ข้างหลังติดกับเก้าอี้ ดวงตาเรียวตวัดมองคนตัวสูงที่กำลังรื้อลิ้นชักเอกสารของเขา
“นี่คุณเก็บอะไรไว้เยอะแยะเนี่ย” แทคยอนไม่ตอบคำถาม กลับดึงเอกสารออกมาจนแทบหมดลิ้นชัก มินจุนเม้มริมฝีปากแน่น ก่อนจะเบิกตากว้างเมื่อแทคยอนเลื่อนมือไปเปิดลิ้นชักล่างสุด
เอกสารสำคัญต่างๆ รวมทั้งเอกสารข้อมูลที่เกี่ยวข้องกับแทคยอน ชานซอง และปาร์คจินยองถูกดึงออกมา ดวงตาคมไล่มองเอกสารในมือ มุมปากยกยิ้มอย่างพอใจ
“อ่า… อยู่นี่เอง” มินจุนสะบัดตัวแรงๆอีกครั้งก่อนจะหยุดชะงักไปเมื่อแทคยอนฉีกเอกสารทั้งหมดในมือทิ้ง จนกลายเป็นเศษกระดาษชิ้นเล็กๆ
“อ๊คแทคยอน! นี่มันจะมากไปแล้วนะ!!!!”
เจ้าของใบหน้าเรียวตวาดเสียงดัง โกรธจนตัวสั่นไปหมด จับเขามัดไว้แบบนี้ แถมยังค้นห้องเขาทั้งๆที่ไม่ได้ขอ แล้วยังมาฉีกเอกสารของเขาอีก! มันจะมากไปแล้วนะ!
“อย่าโกรธเลยนะ มินจุนอ่า.. ฉันจำเป็นต้องทำแบบนี้จริงๆ” แทคยอนถอนหายใจก่อนจะเดินเข้ามาหา ดวงตาเรียวถลึงใส่ดวงตาคมที่ทอดมองลงมา เลือดที่ไหล่ซ้ายของคนตัวสูงยังไหลไม่หยุด แล้วยิ่งมาค้นเอกสารแบบนี้ แผลคงจะฉีก เสื้อจึงชุ่มไปด้วยเลือดเต็มไปหมด ดี เลือดหมดตัวไปเลย
พอเห็นว่ามินจุนกำลังมองมาที่ไหล่ซ้ายของเขา ร่างสูงก็ยกยิ้มกริ่ม ขยับเดินเข้าไปใกล้
“ใจคอจะไม่ทำแผลให้ผมเลยเหรอ” ร่างโปร่งเลือกที่จะนั่งนิ่งๆในขณะที่คนตัวสูงเดินวกไปแก้มัดเชือกให้เขา เมื่อเป็นอิสระก็รีบเดินตรงดิ่งไปที่ห้องนอนตัวเองทันที พร้อมกับปิดประตูเสียงดังปัง แทคยอนหัวเราะเบาๆในลำคอยืนนิ่งอยู่ตรงนั้นซักพัก
“ใจร้ายจังเลยนะคุณ” เสียงที่ไม่เบานักทำให้เจ้าของห้องที่นั่งหงุดหงิดอยู่ยิ่งอารมณ์เสียเพิ่มขึ้นเป็นหลายเท่า ฟันขาวขบกัดริมฝีปากตัวเองหลังจากที่นึกคำพูดของจุนโฮขึ้นมาได้
แทคยอนมีรอยสักเหมือนกัน.. ถ้าตามที่จุนโฮบอกคือตรงหน้าอก เอาไงดีล่ะ ถ้าจะทำให้หมอนั่นถอดเสื้อได้ก็ต้องตอนนี้เท่านั้น..
ร่างโปร่งถอนหายใจเฮือก เดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาถือไว้ในมือก่อนจะเปิดประตูผ่างออกไป แทคยอนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่แถวๆตู้เย็นยืดตัวตรงมองใบหน้าเรียว คิ้วเข้มเลิกสูง ไล่สายตาลงมาที่มือพร้อมกับยกยิ้ม
“ฮ้า… คุณก็ไม่ได้ใจร้ายนักนี่” มือหนาคว้าขวดน้ำมาถือไว้ก่อนจะเดินมาทรุดตัวนั่งบนโซฟา มินจุนเม้มริมฝีปากแน่น นั่งลงข้างๆแทคยอนช้าๆ
“ถอดสิ”
“ถอด? ถอดเสื้อเหรอ? นี่คุณจะแต๊ะอั๋งผมใช่มั้ย อ๋อ…รู้แล้ว ที่คุณเปลี่ยนใจเพราะอยากเห็นหุ่นผมล่ะสิ” มินจุนคิ้วกระตุกยิกๆกับท่าทางโอเวอร์ของแทคยอน ร่างโปร่งวางกล่องปฐมพยาบาลไว้บนโต๊ะเล็ก ก่อนจะลุกขึ้นทันที ไม่ทงไม่ทำมันละ!
“โถ ผมล้อเล่นน่า ผมถอดไม่ถนัด มันปวดๆแผล ถอดให้ผมหน่อยสิ” ข้อมือบางถูกคว้าเอาไว้ พร้อมกับดวงตาคมที่จ้องมาอ้อนๆ ทำไมเขาต้องมานั่งทำแผลให้กับคนที่มาทำลายข้าวของในห้องเขาด้วยวะ!
บ่นไปก็เท่านั้น ยังไงซะก็ต้องทำ มินจุนกระแทกตัวบนโซฟาแรงๆ ตวัดสายตามองเป็นเชิงให้คนตัวสูงหุบปาก
มือเรียวขยับปลดกระดุมเสื้อเชิ้ตทีละเม็ด ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดเส้นผมของเขามันทำให้สมาธิเริ่มไม่อยู่กับสิ่งตรงหน้าเท่าไหร่ แผ่นอกเปลือยเปล่ากับหน้าท้องที่เป็นลอนเผยให้เห็นเมื่อกระดุมทั้งหมดถูกปลดออก ดวงตาเรียวเหลือบมองรอยสักใหญ่ตรงหน้าอกด้านขวาของแทคยอน
รอยสักรูปเหยี่ยว.. สายตาคมของนักล่าบนแผงอกไม่ได้ต่างอะไรกับสายตาของแทคยอนเลยซักนิด นักล่าที่อาศัยความเร็วบนน่านฟ้าสีดำสนิท เรียวปากคมกริบ และกรงเล็บดูแข็งแกร่งกับตัวอักษรที่เขาเคยเห็นจากจุนโฮ
‘SHST’
มันคืออะไรกันแน่
คิ้วเรียวขมวดมุ่นพยายามไม่จ้องรอยสักนั้นนานเกินไป เมื่อปลดเสื้อออกจากตัวเสร็จมินจุนก็ลงมือล้างแผลที่หัวไหล่ซ้าย ถึงจะแค่ถากไม่ได้โดนจังๆแต่เลือดก็ออกเยอะจนน่ากลัว
“คุณนี่ก็มือเบาเหมือนกันเนอะ” แทคยอนพูดทำลายความเงียบ มินจุนไม่ตอบ ค้นกล่องปฐมพยาบาลเสียงกุกกัก หยิบผ้าพันแผลขึ้นมา
“ใจคอจะไม่พูดกับผมเลยรึไง มันน่าน้อยใจนะเนี่ย ไหนๆก็ได้อยู่ด้วยกันแล้ว”
ใครอยากอยู่กับนายกันเล่า
คิดอยู่คนเดียวไม่ได้พูดตอบออกไป ก้มหน้าก้มตาพันแผลให้เสร็จ ก่อนจะหันมาเก็บสำลีไปทิ้งขยะ
ข้อมือบางถูกมือหนายึดไว้ กระตุกเบาๆทำให้สำลีร่วงไปกองกับพื้น ร่างโปร่งเงยหน้าขึ้นเตรียมจะด่า แต่ใบหน้าคมที่เข้ามาใกล้ทำให้เขาไม่อยากจะขยับริมฝีปากพูด
“นี่ เวลาที่จะได้อยู่ด้วยกันแบบนี้มันไม่นานนักหรอกนะ”
“ฉันเคยบอกเหรอว่าอยากอยู่กับนาย”
มินจุนสวนกลับด้วยใบหน้านิ่งเฉย พร้อมกับบิดข้อมือออก แต่มือหนากลับบีบแน่นกว่าเดิม คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความเจ็บ
“แทคยอน ฉันเจ็บ” คนตัวเล็กกว่าเอ่ยบอก มืออีกข้างยกขึ้นมาพยายามแกะมือหนาออกจากข้อมือตัวเอง แทคยอนกระชากร่างโปร่งเข้ามาใกล้ มินจุนเบิกตาโพลงเพราะไม่เคยเจอแทคยอนในโหมดนี้มาก่อน
“ทำไม..”
“ทำไมอะไร”
“ทำไมเราถึงรักกันไม่ได้”
คำถามที่ไม่คิดว่าจะออกมาจากปากของคนตรงหน้าทำให้มินจุนชะงักนิ่ง แรงบีบที่ข้อมือผ่อนลงกลายเป็นจับไว้หลวมๆ แขนแกร่งอีกข้างเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้เพื่อไม่ให้ขยับหนี ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ดวงตาเรียวฉายแววสับสน
“ฉันว่าเราเคยคุยเรื่องนี้กันไปแล้วนะ” ร่างโปร่งถอนหายใจ จะถอยหนีก็ไม่ได้ ทำได้แค่เบือนหน้านี้ไปอีกทาง ดวงตาเรียวเหม่อมองไปบนโต๊ะเล็กที่วางอุปกรณ์ทำแผลเอาไว้
“ผมไม่เข้าใจ” ร่างสูงขมวดคิ้วแน่น มือหนาขยับปล่อยข้อมือบาง เลื่อนมาบังคับใบหน้าเรียวให้หันมาจ้องตากันตรงๆ
“ถ้าผมขอให้วันนี้คุณลืมไปว่าผมเป็นใคร” แขนแกร่งออกแรงรั้งให้คนตัวเล็กกว่าขยับเข้ามาใกล้มากขึ้น สายตาคมตรึงแน่นกับดวงตาเรียว
“ผมเองก็จะลืมว่าคุณเป็นตำรวจที่พยายามจะจับผม” ลมหายใจอุ่นร้อนเป่ารดบนริมฝีปากอิ่ม จมูกโด่งของแทคยอนแตะสัมผัสเบาๆลงบนปลายจมูกของมินจุน มือเรียววางทาบลงบนรอยสักใหญ่บนแผ่นอกกว้าง ขยับดันเล็กน้อยเพราะตอนนี้มันใกล้…เกินไปแล้ว
“ขอแค่วันนี้..” ทั้งห้องตกอยู่ในความเงียบ ดวงตาทั้งคู่ยังประสานกันนิ่ง มันเงียบซะจนเขากลัว กลัวว่าแทคยอนจะได้ยินเสียงไอ้หัวใจบ้าๆที่มันดันเต้นรัวแรงขึ้นมาซะเฉยๆ
“ยังไงเราก็รักกันไม่ได้ ฉันรู้ว่านายรู้ แต่ทำไมนายถึงไม่เลิกคิดเรื่องนี้ซักที..”
“แล้วทำไมคุณถึงไม่เลิกย้ำเรื่องนี้ซักที” เสียงทุ้มเข้มกดต่ำ ดวงตาคมมองดุๆทำให้มินจุนที่กำลังจะเถียงได้แต่ถอนหายใจ
“ยังมีคนอื่นอีกเยอะแทค ไม่ได้มีแค่ฉัน” พยายามทำใจให้สงบ ค่อยๆปลดอ้อมแขนแกร่งที่เกี่ยวเอวของตัวเองเอาไว้ออก แต่แทคยอนกลับไม่ยอมปล่อย ดึงรั้งจนตัวเขาแทบจะขึ้นไปเกยอยู่บนตัก
“คนอื่นมันไม่เหมือนคุณนี่…”
“คนที่ผมชอบก็คือคุณ คนที่ผมอยากอยู่ด้วยก็คือคุณ เข้าใจมั้ย”
“แต่ฉันไม่ได้ชอบนาย”
แทคยอนชะงักนิ่ง ในขณะที่มินจุนเองก็นิ่งเหมือนกัน ดวงตาคมจ้องเหมือนจะมองทะลุลงไปให้ถึงข้างในความรู้สึกของเขา ซึ่งเขาเองก็ไม่หลบสายตาเหมือนกัน
“คุณจะบอกว่าคุณไม่เคยรู้สึกดีๆกับผมเลยเหรอ ไม่เลยเหรอ…”
“ใช่ ไม่เคย ฉันไม่เคยรู้สึกดีๆกับนาย รู้แบบนี้แล้วก็ปล่อยฉันซักที มันอึดอัด” มินจุนตอบเสียงเรียบ พร้อมกับลุกขึ้นยืน หลุดออกจากอ้อมแขนแกร่งอย่างง่ายดาย ร่างโปร่งเดินเร็วๆกลับไปยังห้องนอน ถึงจะรู้สึกใจหายนิดๆที่แทคยอนยอมปล่อยเขาให้เดินมาง่ายขนาดนั้น แต่มันก็ดีแล้วนี่ เรื่องของเขากับแทคยอนควรจะจบตรงนี้ มันไม่ควรจะมากไปกว่านี้แล้ว…
“…”
มินจุนสะดุ้งเฮือกเพราะแขนแกร่งที่โอบรัดรอบเอวของเขาเอาไว้จากด้านหลัง มือเรียวกำลูกบิดประตูห้องนอนไว้แน่น ใบหน้าคมซบลงบนไหล่ของเขานิ่ง
“ขอแค่วันเดียว..”
เขาพอจะรู้มาบ้างว่าแทคยอนเป็นคนที่ไม่ยอมแพ้อะไรง่ายๆ แต่ไม่คิดว่า..
ร่างโปร่งถูกพลิกตัวให้หันกลับมา แทคยอนดันคนตัวเล็กกว่าจนติดกับประตูห้อง มือหนายกขึ้นปัดเส้นผมที่ปรกลงมาระใบหน้าหวาน ดวงตาคมไล่สายตาจากคิ้วเรียวสวย จนมาถึงจมูกโด่ง ก่อนจะหยุดนิ่งที่ริมฝีปากอิ่นเนิ่นนานจนมินจุนเริ่มอึดอัด หายใจไม่ทั่วท้องขึ้นมาซะเฉยๆ
“ฉันว่าฉันพูดชัดเจนแล้วนะ ทำไมนายถึงได้..”
เสียงทุ้มนุ่มถูกกลืนลงไปในลำคอ เมื่อริมฝีปากบางของคนตรงหน้าประทับจูบลงมา สัมผัสแนบแน่นทำให้มินจุนผงะถอยจนศีรษะกระแทกกับประตู มือหนาอีกข้างเลื่อนขึ้นมาล็อคลำคอเรียวเอาไว้ พร้อมกับบังคับให้เงยขึ้นเล็กน้อย
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นไม่ยอมให้ลิ้นร้อนของคนตัวสูงสอดแทรกเข้ามา แทคยอนถอนริมฝีปากออก ในขณะที่มินจุนกำลังหอบหายใจริมฝีปากบางก็เข้าครอบครองอีกครั้ง ครั้งนี้ลิ้นร้อนสอดแทรกเข้าหาโพรงปากหวานได้อย่างง่ายดาย มินจุนส่งเสียงไม่พอใจในลำคอ กำปั้นเล็กทุบแรงๆบนแผ่นอกหนา ทั้งดิ้นทั้งถีบจนร่างสูงต้องรวบข้อมือสองข้างของมินจุนเอาไว้
“ผมไม่เชื่อเรื่องที่คุณพูด”
“อ…อะไรนะ อื้อ…”
สมองกำลังเบลอ ยังไม่ทันจะเข้าใจว่าร่างสูงกำลังพูดถึงเรื่องอะไร ริมฝีปากอิ่มช้ำก็โดนสัมผัสร้อนครอบครองอีกครั้ง มินจุนหอบหายใจหนัก รู้สึกเหมือนโดนคนตัวสูงสูบเอาแรงไปหมด ถ้าไม่ได้แขนแกร่งรั้งเอวเอาไว้เขาคงลงไปกองอยู่กับพื้นแล้ว ริมฝีปากร้อนบดคลึงคลอเคลียไม่ห่าง แทคยอนจับแขนทั้งสองข้างของมินจุนให้มาโอบรอบคอของตัวเองเอาไว้
“อื้อ…” เสียงหวานครางออกมาเบาๆ แทคยอนค่อยๆถอนริมฝีปากออก มองใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อ ดวงตาเรียวฉ่ำปรือไหวระริก
“พอได้แล้ว แทคยอน!!” มินจุนเอ่ยห้ามเบี่ยงหน้าหลบเมื่อคนตัวสูงกำลังจะก้มลงมาประทับริมฝีปากอีกครั้ง แล้วทำไมเสียงสั่นแบบนี้ล่ะวะ! โอ้ย คิม มินจุน ตั้งสติหน่อยสิ!!
เมื่อมินจุนเบี่ยงหลบ ริมฝีปากร้อนจึงแนบลงบนซอกคอขาว ขบเม้มเบาๆจนเกิดรอยสีกุหลาบ มินจุนหลับตาปี๋ ใบหูเล็กแดงก่ำ ลมหายใจร้อนยังคงเป่ารดอยู่บนซอกคอ
“อื้อ…พอซักที!” ออกแรงเฮือกสุดท้ายผลักคนตัวสูงให้ออกห่างจากตัว รีบเปิดประตูห้องนอนเข้าไปก่อนจะล็อคประตูทันที
ปัง!
มินจุนยืนหอบหลับตานิ่ง แผ่นหลังแนบสนิทกับประตูอีกด้าน มือเรียวทาบอยู่บนหน้าอกข้างซ้าย สิ่งที่อยู่ใต้นั้นเต้นรัวแรงจนเขาเองยังตกใจ สัมผัสร้อนยังคงติดอยู่บนริมฝีปาก หมอนั่นจะปั่นหัวเขาไปถึงไหนกัน…
ปฏิเสธไม่ได้ว่าเขาหวั่นไหวกับแทคยอน แต่เพราะอะไรบางอย่างในความรู้สึกของเขามันห้ามเอาไว้ เขาจะชอบแทคยอนไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด…
ร่างโปร่งทรุดตัวลงเปิดโน๊ตบุ๊คเครื่องโปรด ไล่ความคิดทุกอย่างเกี่ยวกับเรื่องราวที่เกิดขึ้นเมื่อกี้ออกไป ‘SHST’ เขาต้องหาคำตอบให้ได้ว่ามันคือตัวย่อของอะไร…
แทคยอนยืนนิ่งอยู่หน้าห้อง ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อกับดวงตาเรียวที่หลับพริ้มยังคงติดตา ร่างสูงยิ้มให้กับตัวเองเดินช้าๆมาทรุดตัวลงนั่งอยู่บนโซฟา ดวงตาคมกลับมาจ้องนิ่งที่ประตูห้องนอนของมินจุนอีกครั้งก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“ถ้าผมไม่ใช่คนร้าย คุณจะรักผมได้มั้ย…”
แทคยอนขมวดคิ้วมุ่นแต่ก็เลือกที่จะไม่สนใจ มือหนาเลื่อนลงหยิบโทรศัพท์ที่สั่นครืดอยู่ในกระเป๋ากางเกง กดรับสายโดยที่ไม่พูดอะไร ปลายสายสั่งงานมาในขณะที่แทคยอนนั่งฟังนิ่ง
“ครับ” เสียงทุ้มตอบรับ กดวางสายก่อนจะโทรออกไปหาน้องชายของเขา
“พรุ่งนี้เข้าตึกด้วยนะมึง เรื่องนี้คงต้องเคลียร์กันยาว”
‘คนเดียวหรอ?’
“เออ กูต้องอยู่จัดการทางนี้ก่อน เผื่อจะได้อะไรคืบหน้าจากพวกสายตรวจ”
‘อืมๆ เดี๋ยวจัดการให้’ ชานซองตอบกลับมา บรรยากาศรอบข้างเงียบสงัด
“กูคงไม่เข้าบ้านอีกซักพัก.. แล้วโจควอนเรียบร้อยดีไหม”
‘ผมไม่ได้ฆ่ามัน..’
“ทำไม..”
.
.
.
จุนโฮนิ่งเงียบ พยายามฟังชานซองคุยโทรศัพท์อยู่บนเตียง คุยอยู่กับใคร.. หวังว่าพี่มินจุนจะปลอดภัยนะ ร่างเล็กขยับตัวรั้งผ้าห่มผืนหนาขึ้นมาห่มถึงคอ แต่ก็ไม่ลืมที่จะตั้งสติฟังบทสนทนานั้น
“มีเหตุผลของผมแล้วกัน …ไม่ใช่เพราะจุนโฮ ทำไม… ไว้ผมจะบอกฮยองทีหลัง”
ถึงจะได้ยินทุกคำที่ชานซองพูด แต่มันก็จับประเด็นได้ค่อนข้างยาก ที่รู้ตอนนี้คือ ชานซองไว้ชีวิตโจควอนไม่ใช่เพราะเขา..
“อืม…รู้ละน่า…อืม แล้วเจอกัน”
ร่างสูงวางสายพลางหันกลับมามองที่เตียงก็เห็นว่าจุนโฮนอนตะแคงหลับตาพริ้มอยู่ ลมหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ ชานซองค่อยๆเดินมาหาร่างบางช้าๆก่อนจะโน้มตัวลงไปคร่อมคนตัวเล็กเอาไว้ แรงยุบของเตียงทำให้จุนโฮใจเต้นรัว ลมหายใจคลอเคลียชิดใบหู
“ฉันรู้นะว่านายไม่ได้หลับ…”
อะ..ไอ่บ้านี่.. คิดจะรู้ไปซะทุกเรื่องเลยรึไง จุนโฮพ่นลมหายใจออกมาจากจมูกรั้น ลืมตาขึ้นช้าๆพลางออกแรงดันคนที่คร่อมตัวอยู่ตอนนี้ให้ลุกออกไป แต่ชานซองกลับจรดริมฝีปากลงไปแนบกับซอกคอหอมแทน ร่างบางขยับตัวหนีครางอือในลำคอเบาๆ
“ได้ยินฉันคุยโทรศัพท์แล้วคิดว่าไง…อย่าหลงดีใจว่าฉันจะอ่อนข้อให้นาย”
คงหมายถึงเรื่องโจควอนสินะ.. ก็ดี.. ถ้าไม่ได้ทำไปแบบนั้นเพราะเขาขอร้อง ก็แสดงว่ายังพอมีความเป็นคนอยู่บ้าง..
“ฉันก็ไม่ได้คิดแบบนั้นซะหน่อย…”
“หึ..”
คนตัวโตพลิกร่างเล็กให้หันมานอนหงายประชันหน้ากับเขา ก้มลงแนบริมฝีปากร้อนเข้ากับกลีบปากหวานทันทีทำให้มือเล็กต้องยกขึ้นจับไล่หนาเอาไว้ เป็นอะไร.. จู่ๆก็มาหอมมาจูบ.. แถมไม่ได้รุนแรงเหมือนทุกครั้ง.. จุนโฮขมวดคิ้วเข้าหากันพยายามเบี่ยงตัวออกแต่แขนแกร่งกับสอดเข้ามาใต้ร่างแล้วกระชับเข้ามากอดหลวมๆ
“อะไรของนาย..”
“อยู่นิ่งๆเถอะน่า ไม่ทำอะไรหรอก”
ชานซองแตะริมฝีปากกับร่างเล็กอยู่หลายครั้ง ไม่ได้จูบจริงๆจังๆ ลิ้นร้อนสอดเข้าไปออดอ้อนลิ้นเล็กพอเรียกเสียงคราวหวานออกมาเบาๆเท่านั้น
“นี่..ทำอะไร..”
ชานซองพลิกตัวลงนอนพร้อมกับรั้งร่างเล็กขยับเข้ามาด้วย สันจมูกโด่งคลอเคลียอยู่กับซอคอเรียวไม่ห่าง ชานซองนอนซุกตัวอยู่กับร่างบาง เหมือนเด็กๆ..
“ฉันก็แค่..”
“….”
“เหนื่อย..”
เสียงทุ้มนิ่งพูดออกมาเบาๆ น้ำเสียงในแบบที่ไม่เคยได้ยินมาก่อนทำให้จุนโฮยอมนอนอยู่เฉยๆ ชานซองเหมือนคนละคนกับที่เขารู้จัก..
ลมหายใจคนตัวโตในอ้อมกอดดังออกมาสม่ำเสมอ สมองว่างเปล่าพยายามไม่ให้เรื่องต่างๆเข้ามาหมกมุ่นอยู่ในหัว เรื่องราวที่ไม่ควรรบกวนเวลานอนของเขาแบบนี้..
ทั้งคู่ต่างปล่อยให้เวลาผ่านไปช้าๆ เสียงของความเงียบพัดผ่านไปราวกับสายลม อ้อมกอดถูกมอบให้คนตรงหน้าโดยไม่มีใครรู้ตัว จนกระทั้งโลกของความฝันได้พาพวกเขาออกไป.. เรื่องราวในอดีตย้อนคืนมา ภาพความทรงจำที่ฝังลึกฉายวนซ้ำๆอีกครั้ง
.
.
ภาพของเด็กน้อยเดินโซซัดโซเซอยู่ท่ามกลางความว่างเปล่า มีเพียงสายลมเยือกเย็นโหมกระหน่ำพัดผ่านเด็กชายให้ทรุดตัวลง ยอมก้มหัวลงให้กับมัน ดวงตากลมโตจ้องมองภาพความสูญเสีย เก็บสิ่งเหล่านั้นบันทึกถาวร ลงลึกเข้าสู่ข้างในจิตใจ เศษซากของสิ่งที่เคยมีอยู่กระจัดกระจายปนเปไปกับร่องรอยของปีศาจร้ายที่ถูกทิ้งเอาไว้..
‘นายจะไปกับฉันไหม..’
‘ผมกลัวฮะ..’
‘มากับฉัน แล้วนายจะปลอดภัย’
‘…..’
‘ชานซอง.. นายจะไม่รู้จักความกลัวอีกต่อไป..’
สัมผัสอุ่นจากฝ่ามือหนายื่นเข้ามา มือเล็กเอื้อมไปตอบรับสัมผัสนั้นช้าๆ พลางกระชับให้แน่นยิ่งขึ้น ที่พึ่งเดียวที่มี..
‘ฮะ…’
ภาพความทรงจำที่ไม่เคยจางหาย หวนย้อนกลับมาฉายวนซ้ำๆ
ปังง..!!
เสียงปืนดังลั่นไปทั่วบริเวณ เด็กชายยื่นนิ่งหลบอยู่หลังเสาขนาดใหญ่ กลิ่นคาวเลือดเหม็นฉุน ร่างไร้วิญญาณลอยตกลงมากระแทกพื้นราวกับว่านั่นไม่ใช่คน.. สายตาไร้เดียงสาปิดแน่น กอดตัวเองอยู่ใต้อ้อมแขนของตัวเอง ปล่อยให้ทุกอย่างผ่านไปช้าๆโดยที่ทำอะไรไม่ได้เลย..
ภาพเหล่านั้นยังคงฉายซ้ำๆราวกับจะตอกย้ำว่าหน้าที่ของเขาคืออะไร…
เด็กชายคนเดิมนิ่งเงียบ จ้องมองความตายด้วยความชินชา กลิ่นคาวเลือดและร่างไร้วิญญาณไม่ได้ทำให้รู้สึกใดๆ และความกลัวที่เคยพบเจอ ไม่หวนย้อนมาอีกเลย..
‘จำเอาไว้ว่านายคือใคร.. จำที่ฉันพูดวันนี้ให้ดีและอย่าลืมมัน ไปตลอดชีวิต..’
‘….’
‘ฮวางชานซอง..โลกนี้ไม่มีฮีโร่หรือแม้แต่คนบริสุทธิ์ มีแต่คนปีศาจ.. ที่เข่นฆ่ากันเอง..’
‘…’
‘นายจะต้องเป็นคนที่แข็งแกร่งชานซอง.. ฉันเชื่อแบบนั้น’
‘ครับ…’
ถ้อยคำคำเดิม คอยย้ำเตือนอยู่ทุกชั่วขณะ และคอยปลุกเขาให้ตื่นมาพบกับความจริง…
ชานซองลืมตาโพลงในความมืด เสียงหอบหายใจหนักดังสะท้อนไปทั่วห้อง อ้อมแขนแกร่งเกร็งรัดร่างเล็กแน่นอย่างไม่รู้ตัว ฝันแบบนี้.. ไม่ได้ฝันแบบนี้มานานแค่ไหนแล้ว..
ดวงตาเรียวก้มมองคนในอ้อมกอด เหลือบมองนาฬิกาบนหัวเตียงเล็กน้อย ตีห้า.. เป็นประจำทุกครั้งที่จะตื่นมาเวลานี้ เวลาของความมืดที่ค่อยๆหายไป เอี้ยวตัวไปหยิบโทรศัพท์มากดเบอร์ที่เขามักโทรหาประจำในเวลานี้ โดยที่ไม่ได้ขยับตัวหนีจากร่างบางไปไหน ไม่นานปลายสายก็รับ
“ไง…”
“อืมม..”
ครางในลำคอส่งไป เพราะยังตื่นไม่เต็มที่ ปลายสายหัวเราะให้กับความขี้เซาน้อยๆ
“รายงานมาแล้วกลับไปนอนต่อได้..”
ชานซองนิ่งเงียบไปซักพัก พยายามรวบรวมสติตัวเอง พลางตอบกลับไป
“วันนี้เข้าตึก ไปคุยเรื่องเมื่อวานแค่นั้น”
“อืมม..ดูแลตัวเองด้วย”
“พี่ก็เหมือนกัน”
“อื้ม”
ชานซองกดวายสาย โยนมือถือไปไว้บนโซฟาข้างเตียง บทสนทนาสั้นๆที่ค่อยเตือนสติว่าเขากำลังทำอะไรในเช้าของทุกๆวัน ร่างสูงค่อยๆดึงแขนออกจากร่างเล็ก จุนโฮขยับตัวเล็กน้อยแต่ยังคงหลับตาพริ้มเหมือนเดิม เลื่อนมือไปเกี่ยวคอเสื้อคนตรงหน้าออก รอยแดงบริเวณซอกคอขาวเด่นชัดอยู่ตรงหน้า จ้องนิ่งอยู่ซักพักก่อนจะเปิดผ้าห่มผืนหนาออก เลิกเสื้อจุนโฮขึ้นพลางสำรวจทั่วตัว..
เสียงหวานครางอือออกมา ขยับตัวหนีราวกับว่ากำลังมีคนเข้ามากวนเขา ในความฝัน..
พลิกซ้ายพลิกขวาร่างเล็กอยู่ซักพักพอเห็นว่าไม่มีแผลอะไรจากเรื่องเมื่อคืนจึงลุกออกไป งัวเงียเข้าห้องน้ำไปจัดการตัวเอง ก่อนจะเดินลงไปด้านล่าง
เสียงกุกกักดังแว่วขึ้นมา ชานซองสาวเท้าไปหาต้นเสียงก่อนจะกระแอมเบาๆ ชายวัยกลางคนประจำบ้านหันหน้ามามอง เอ่ยทักคนตัวสูงที่ยืนอิงประตูอยู่
“อรุณสวัสดิ์ครับคุณชานซอง”
“อืม ช่วงนี้แทคยอนไม่อยู่นะ”
“ครับ.. มือไปโดนอะไรมาครับนั่น”
สังเกตเห็นมือขวาผ้าผันแผลสีขาวเอาไว้ นานมากแล้วที่ไม่ได้เห็นคนตรงหน้ามีอุปกรณ์พันแผลแบบนี้ ต่างจากเมื่อก่อน..
“นิดหน่อย ไม่เป็นอะไร”
พยักหน้ารับก่อนจะหันไปจัดเตรียมอาหารเช้าต่อ
“เอ่อ..เตรียมปืนพกไว้ซักสองกระบอกนะ กระบอกเบาๆนะ ที่ไม่ใช่ของลุงน่ะ มีใช่ไหม”
“หึหึ..จะให้ผมสอนคุณจุนโฮหรอครับ หรือว่าคุณชานซองจะสอนเอง..”
“จะใครสอนมันก็เหมือนกันแหละน่า..”
“แล้ว..”
“ผมไม่ว่างสอน”
“ครับ..”
พ่อบ้านยกยิ้มออกมาเล็กน้อยพลางเดินหายเข้าไปในห้อง กลับออกมาพร้อมกับปืนสีดำขลับสองกระบอกตามที่สั่ง..
“มันอาจจะเก่าไปหน่อย”
“แต่มันดูไม่เหมือนเก่าเลยนะ..”
ผิวปืนสีด้าน หาได้ยากแล้วในสมัยนี้ สภาพเหมือนใหม่ราวกับได้เจ้าของที่เป็นครูชั้นดี ชานซองหยิบขึ้นมาถือพลางลองยกเล็งไปข้างหน้าเพื่อกะขนาดและน้ำหนัก
“รุ่นนี้กระบอกไม่ใหญ่มาก น้ำหนักเลยน้อยตามไปด้วย ผมว่าน่าจะเหมาะกับคุณจุนโฮ”
“อืม..”
เสียงฝีเท้าดังมาจากด้านหลัง ชานซองวาดวงแขนตัวเองไปหาต้นเสียงทันที สายตาคมแข็งกร้าวขึ้น คิ้วหนาขมวดแน่น..
“เอ่อ..คือฉัน..”
คนตัวเล็กยืนนิ่ง มองคนตัวสูงอย่างอึ้งๆ ปลายกระบอกปืนสั้นจ่ออยู่ตรงหน้าเขาพอดิบพอดี พอเห็นว่าต้นเสียงเป็นใครจึงลดปืนลง มองคนร่างบางที่อยู่ในชุดเดิมเมื่อคืน เสื้อยืดตัวโคร่งกับกางเกงของเขาเมื่อสมัยห้าปีที่แล้วได้มั้ง..
“ทำไมตื่นเช้า”
“ก็.. เมื่อคืนไม่ได้เหนื่อยมาก แล้วก็..เอ่อ..”
เสียงหวานหายเข้าไปในลำคอ เมื่อตระหนักได้ว่าตัวเองพูดอะไรบางอย่างออกไป เมื่อคืนไม่ได้เหนื่อยมาก.. ให้ตายเถอะ… ใบหน้าเนียนแดงระเรื่อขึ้นมาทันทีเพราะบังเอิญสมองเจ้ากรรมดันคิดภาพตาม
“หึ..ตื่นแล้วก็ดี อาบน้ำแล้วลงมาหาพ่อบ้านคิม วันนี้ฉันจะไม่อยู่”
“เอ๋.. ไปไหนหรอ.. คือฉัน.. ขอออกไปด้วยได้ไหม”
ร้องขอออกไปเพราะอยากออกไปซื้อของใช้ส่วนตัวตัวเองบ้าง ให้อยู่แบบไม่มีของของตัวเองเลยซักชิ้นก็คงไม่ไหว ยิ่งเสื้อผ้าที่ใส่พอไม่ได้ใส่ของตัวเองแล้วก็รู้สึกแปลกๆ
“นายจะไปทำไม”
“อยากออกไปซื้อของบ้าง..หรือให้ฉันไปคนเดียวก็ได้”
“ไปคนเดียวนายก็หนีน่ะสิ..”
ก็ถึงได้ขอออกไปด้วยไงเล่า รู้หรอกว่าคงไม่ยอมให้ไปไหนคนเดียว
“ฉันถึงขอติดไปด้วยไง”
.
.
จุนโฮนั่งนิ่งอยู่บนรถ ไม่กล้าที่จะขยับตัวไปทางไหน มือเรียวกำแน่นอยู่กับเข็มขัดนิรภัย ดวงตาเรียวมองตึกใหญ่ตรงหน้าด้วยความไม่ไว้ใจ ชานซองดับเครื่องพร้อมกับเปิดประตูรถ
“ลง”
“ที่นี่ที่ไหน”
จุนโฮไม่ขยับตัว แต่กลับถามคำถามกลับไปแทน ร่างสูงถอนหายใจ ลงจากรถก่อนจะเดินอ้อมมาเปิดประตูทางด้านจุนโฮ
“ลงมา”
มือเรียวยังคงยึดแน่นอยู่กับเข็มขัด ชานซองเสยผมด้วยความหงุดหงิด ชะโงกตัวเข้าไปปลดเข็มขัด ก่อนจะคว้าเอาข้อมือบางเอาไว้ ออกแรงกระชากให้ลงจากรถ
“ชานซอง! เจ็บนะ!”
ร่างเล็กขืนตัวเอาไว้ ใบหน้าหวานมองไปรอบๆ ไล่สายตามองไปทั่วตามประสาคนช่างสังเกต ก่อนจะไปสะดุดกับตัวอักษรตัวใหญ่บนตึก
MRA Enterprise Co.,Ltd
บริษัท?
ชานซองพามาที่นี่ทำไม
“นายพาฉันมาที่นี่ทำไม”
จุนโฮพยายามพูดให้เสียงเบาที่สุด เพราะตอนนี้ร่างสูงพาเขาเดินเข้ามาภายในตึกเรียบร้อยแล้ว ทุกสายตาต่างจับจ้องเขาเหมือนเป็นตัวประหลาด ชานซองไม่ตอบคำถาม
“ฉันคงไม่ไปส่งนายซื้อของในห้างสบายๆก่อนมาทำงานหรอกนะ”
ทำงาน? มีงานต้องทำกับเขาด้วยรึไง.. นึกว่าต้องฆ่าคนอย่างเดียว..
“อ้ะ..!”
เพราะมัวแต่มองซ้ายมองขวาดูรอบๆตัวจนไม่ทันสังเกตว่าคนที่เดินนำลิ่วๆตรงหน้า จู่ๆก็หยุดกึกจนจุนโฮเดินชนแผ่นหลังกว้าง สายตาคมหันมามองตำหนิเขาเล็กน้อยก่อนจะหันไปคุยกับชายร่างโปร่งอยู่ในชุดสูทเรียบร้อยเหมือนนักธุรกิจ
คนตัวเล็กยืนนิ่ง ลอบมองชายหนุ่มที่ชานซองคุยอยู่ด้วย หน้าตาดุดันไม่ต่างจากพวกในโกดังที่เขาเคยเห็น เพียงแต่ว่าการแต่งตัวดูสะอาดสะอ้าน เป็นผู้เป็นคนมากกว่าแค่นั้นเอง ร่างสูงก้มหัวลงเล็กน้อยก่อนที่ชานซองจะเดินผ่านเข้าไป จุนโฮเลยรีบเดินตามเข้าไป
ทางเดินลึกแคบ บรรยากาศเงียบจนน่าใจหาย นานๆทีจะมีคนเดินสวนมาซักครั้ง และแต่ละคนที่เดินสวนมาต่างก็ก้มหัวให้ชานซองเป็นเชิงเคารพ นี่มันบริษัทอะไรว้ะ คนแทบไม่มี.. น่ากลัวชะมัด.. มันต้องเกี่ยวข้องกับปาร์คจินยองแน่ๆ เสียงฝีเท้าจากรองเท้าหนังของชานซองดังก้องไปทั่วร่างเล็กฝืนกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ
“ทำไม..”
“ไม่ต้องถามมาก”
จากที่อ้าปากกำลังจะถาม กลับถูกเสียงเข้มออกปากดักไว้ก่อน เลยทำได้แค่เดินไปตามทางเท่านั้น จนกระทั่งเดินผ่านเข้ามาในห้องห้องหนึ่ง เหมือนว่ามันจะเป็นห้องพักรับรองแขกซะมากกว่า ชานซองดันประตูอีกบานที่อยู่ในห้องรับรองเข้าไป
แต่จู่ๆร่างสูงก็หันมาพูดเสียงเข้ม
“รออยู่ตรงนี้จนกว่าฉันจะออกมา อย่าไปไหน”
พูดแค่นั้นก็มีชายชุดดำคนหนึ่งเดินออกมาจากห้องข้างใน จุนโฮยืนตัวแข็งทื่อค่อยๆผ่อนลมหายใจออกเมื่อเห็นว่าชายคนนั้นเพียงแค่เดินมายืนนิ่งอยู่หน้าประตูทางออก
คงมายืนเฝ้าสินะ..
กวาดสายตาสำรวจรอบห้อง ก่อนจะเดินไปทรุดตัวลงนั่งนิ่งๆอยู่บนโซฟา ลอบสังเกตใบหน้านิ่งของชายชุดดำ จะหน้าโหดไปเพื่อใคร ตัวใหญ่ขนาดนั้น แถมยังยืนขวางประตูเอาไว้ ใครจะหนีให้โง่ล่ะ..
ห้องนี้เงียบแบบแปลกๆ มีแค่เสียงแอร์เท่านั้นที่ดังอยู่เบาๆ จุนโฮเม้มริมฝีปากเอนตัวพิงพนักโซฟาด้วยความเบื่อหน่าย แล้วหมอนั่นจะไปนานแค่ไหน เขาต้องรอไปจนถึงกี่โมงกัน
คิ้วเรียวขมวดมุ่นมองนาฬิกาดิจิตอลตรงหน้า 01:35 บ่ายโมงสามสิบห้า หวังว่าเขาคงไม่ต้องรอไปจนถึงสี่โมงหรอกนะ..
จุนโฮแหงนหน้าขึ้น ศีรษะกลมวางนิ่งอยู่บนพนัก ดวงตาเรียวเหม่อมองเพดานห้องสีขาว ก่อนจะค่อยๆหลับตาลง หลับซักหน่อยคงไม่เป็นไรมั้ง…
.
.
.
“ผมควรจะทำยังไงกับคุณดี”
เสียงทุ้มนุ่มดังขึ้นอย่างเหนื่อยใจ ร่างสูงพิงพนักเก้าอี้ ดวงตากลมจ้องคนที่นั่งก้มหน้าอยู่อีกฝั่งของโต๊ะเขม็ง งานนี้คนตัวเล็กกว่าผิดเต็มๆ ถ้าเขาไปถึงไม่ทันล่ะก็ ป่านนี้ไม่ได้มานั่งสงบนิ่งอยู่ตรงนี้แล้ว
“คุณเคยคิดบ้างมั้ยว่ามันอันตรายขนาดไหน”
เสียงทุ้มยังคงพูดออกมาเรื่อยๆ อูยองนั่งก้มหน้าเม้มริมฝีปากแน่น เขารู้หรอกน่าว่าเขาผิด แต่เขาก็อยากได้ข่าวเด็ดๆบ้างนี่นา..
“ถ้าผมไปไม่ทัน คุณรู้มั้ยว่ามันจะเกิดอะไรขึ้น”
“โอ้ยๆๆๆ โอเค ผมรู้แล้วน่าว่าผมทำผิด ผมขอโทษ…”
อูยองพูดขัดขึ้นมาก่อนที่นิชคุณจะเริ่มบ่นอีกครั้ง ริมฝีปากอิ่มยื่นเล็กน้อยด้วยความไม่พอใจ ไม่ต้องย้ำมากได้มั้ยเล่า
ดวงตาเรียวมองค้อนคนที่นั่งอยู่ตรงข้ามก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
“แล้วก็ขอบคุณมากที่ช่วยผมเอาไว้”
นิชคุณยังคงนั่งเฉย มองคนตัวเล็กกว่านิ่งๆ อูยองขยับตัวยุกยิกด้วยความอึดอัด
“ผมก็ขอโทษแล้วไง คุณจะเอาอะไรอีกล่ะ จ้องแบบนี้ผมทำตัวไม่ถูกนะ!”
อดไม่ได้ที่จะโวยวายออกมา
“ผมขอสั่งห้ามไม่ให้คุณมายุ่งวุ่นวายเรื่องนี้อีก” เสียงทุ้มกับใบหน้าจริงจังของร่างสูงทำให้อูยองชะงักนิ่ง
“ไม่ได้นะ! คุณจะปิดปังอะไรนักหนา!” โวยวายออกไป ทำไมกัน มีเรื่องอะไรที่จะเข้ามายุ่งเกี่ยวด้วยไม่ได้ ประชาชนทุกคนมีสิทธิ์รับรู้ ยิ่งเรื่องน่ากลัวแบบนี้ด้วยแล้ว
“คุณไม่เข้าใจหรอกนะ กลับไปได้แล้ว”
“…ทำไม คุณกลัวว่าผมจะเปิดโปงคุณรึไง”
พูดตามที่สมองคิดโดยไม่ทันได้ไตร่ตรอง สีหน้าหล่อเหลาของคนตรงหน้าเปลี่ยนไปทันที อูยองนิ่งเงียบอีกครั้งที่สายตาติเตียนส่งมาให้เขา
“คุณกำลังสงสัยว่าผมไม่ใช่คนดีงั้นสิ..”
“…..”
“จำไว้นะ โลกนี้ไม่ได้มีคนดีเลิศเลอ ไม่ได้มีฮีโร่ แต่ละคนล้วนทำเพื่ออุดมการณ์ของตัวเอง…”
“ผมไม่เข้าใจหรอกนะ”
นิชคุณหัวเราะในลำคอ ละสายตาออกจากนักข่าวตัวยุ่งไปนอกหน้าต่าง
“ผมบอกแล้ว คุณไม่มีทางเข้าใจ..”
.
.
.
ลืมตาขึ้นมาอีกทีเพราะเสียงกุกกักที่ดังจากหน้าประตู จุนโฮสะบัดศีรษะเพื่อไล่ความง่วงงุน ดวงตาเรียวกวาดมองนาฬิกาอีกครั้ง นี่เขาหลับไปนานแค่ไหน..
คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจ ตัวเลขบอกเวลาสีแดงยังคงหยุดอยู่เลขเดิม
01:35
นาฬิกาตาย?
บ้าน่า เมื่อกี้ก็บ่ายโมงสามสิบห้า แล้วนี่.. ทำไมเวลายังเท่าเดิม เสียงกระแอมเบาๆทำให้จุนโฮหันกลับมามองร่างสูง ดวงตาเรียวหรี่มองเพราะความไม่เข้าใจ
“ทำหน้าแบบนั้นคืออะไร..”
“อะ..เอ่อ เปล่า”
จุนโฮรีบปรับสีหน้าให้กลับมาเป็นปกติเพื่อที่อีกคนจะได้ไม่สงสัย นั่นทำให้ชานซองพยักหน้าน้อยๆให้กับชายชุดดำเพื่อให้เขากลับเข้าไปในห้อง
เวลานั่น.. มันต้องมีอะไรแน่ๆ.. ถ้ามันจะเป็นนาฬิกาที่จู่ๆถ่านก็หมดเอาดื้อๆก็คงไม่ใช่ ไม่อย่างนั้นไฟของเลขบอกเวลาคงไม่แดงจ้าอยู่แบบนั้นมันควรจะดับไปเลยถ้าถ่านหมดจริงๆ แต่นี่มันกลับหยุดเดิน..
คนตัวเล็กคิ้วขมวดมาตลอดทางเดิน จมอยู่กับห้วงความคิดของตัวเองโดยที่ไม่รู้เลยว่าเขาได้กลับขึ้นมานั่งบนรถเหมือนเดิมแล้ว…
.
.
.
ชานซองพาเขามาซื้อเสื้อผ้า…
แต่ร่างสูงกลับเดินนำลิ่วๆ ในขณะที่จุนโฮค่อยๆก้าวไปช้าๆ ถึงจะไม่อยากมา แต่ยังไงก็ต้องมา จะให้ใส่เสื้อผ้าของชานซองไปตลอดก็คงไม่ได้ จุนโฮถอนหายใจออกมาเบาๆ อยากจะวิ่งหนีใจจะขาด แต่ก็ทำไม่ได้…
“เดินให้มันเร็วๆหน่อยไม่ได้รึไง!”
จุนโฮชะงักเมื่อคนตัวสูงเดินกลับมาคว้าข้อมือของเขา พร้อมกับออกแรงลากให้เดินเร็วๆ ห้างใหญ่ชื่อดังที่เขามาบ่อยๆวันนี้กลับไม่น่าเดินอย่างที่ควร อาจจะเป็นเพราะคนที่เดินขมวดคิ้วลากเขาอยู่นี่ก็ได้
“นี่! ปล่อย! ฉันเดินเองได้น่า!” จุนโฮสะบัดข้อมือแรงๆ ดวงตาคมกริบตวัดมองพร้อมกับปล่อยมือออก เขายังไม่อยากเป็นจุดสนใจตอนนี้
“ถ้าจะเดินเองก็เดินเร็วๆ” เสียงทุ้มว่าก่อนจะออกเดินนำอีกครั้ง จุนโฮเบ้ปากใส่แผ่นหลังกว้าง ก้าวให้ยาวขึ้นกว่าเดิมเล็กน้อย
“นี่! แล้วจะให้ซื้อจากร้านไหนล่ะ” ร่างเล็กเอ่ยถาม ชานซองเหลือบมองใบหน้าเรียวที่กำลังเงยมองเขาอย่างรอคำตอบ
“ร้านไหนก็ซื้อๆไปเหอะ” ชานซองตอบเสียงขุ่น จุนโฮเม้มปากแน่นก่อนจะออกเดินไปยังร้านประจำของตัวเองทันที ชานซองมองตามร่างเล็กก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ ไม่ถูกโฉลกกับที่แบบนี้เลยให้ตายสิ..
ร่างสูงเดินตามมาจนถึงร้านที่จุนโฮเลี้ยวเข้า ยืนรออยู่ซักพักคนตัวเล็กก็ไม่มีทีท่าว่าจะเลือกเสื้อผ้าได้ซักที ชานซองเดินเข้าไปหยุดยืนอยู่ข้างหลัง ไล่สายตามองคนตัวเล็กที่เอาแต่หยิบนู่นวางนี่ไม่เลิก จุนโฮที่กำลังเลือกเสื้อขยับถอยมาพอดีทำให้ชนกับแผ่นอกกว้าง
“อ้ะ..”
“เลือกได้รึยัง ฉันไม่ได้มีเวลาทั้งวันหรอกนะ!” ร่างสูงตะคอกพร้อมกับรวบเสื้อทั้งหมดบนราวมาถือไว้แล้วยื่นให้พนักงาน
“เอาหมดนี่แหละ กางเกงด้วย ไปหยิบมาสิ” จุนโฮถลึงตาใส่ร่างสูงอย่างไม่พอใจ แล้วไอ้ทั้งราวนั่นน่ะ ราคามันถูกๆซะที่ไหนล่ะ!
“นี่นายจะบ้ารึไง จะซื้อไปทำไมเยอะขนาดนั้นน่ะฮะ!?” จุนโฮทำท่าจะเดินไปขอเสื้อคืนจากพนักงานแต่ติดที่ร่างสูงยึดข้อมือเอาไว้ ชานซองเดินไปคว้าเอากางเกงยีนส์มาโยนใส่พนักงาน ก่อนจะชะงักไปเล็กน้อยเมื่อคิดได้ว่าไซส์อาจจะไม่พอดี ดวงตาคมหันมาไล่มองจุนโฮตั้งแต่หัวจรดเท้า ดึงคนตัวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะโอบรอบเอวเอาไว้แน่น
“ทำบ้าอะไรของนาย!!! นี่มันกลางร้านนะ!!!” จุนโฮโวยวายขึ้นมาทันที ขยับดิ้นเพื่อให้หลุดออกจากแขนแกร่ง
“เอาหมดนี่แหละ ไซส์นี้นะ” ว่าแล้วก็ยื่นบัตรเครดิตให้กับพนักงานที่ยืนมองอยู่ห่างๆ จุนโฮเบิกตากว้างพยายามจะเอ่ยปากห้าม แต่สายตาดุๆกับมือหนาที่เลื่อนต่ำลงทำให้เขาหุบปากฉับ อะ..ไอ่คน.. ไร้ยางอาย!
ชานซองส่งถุงเสื้อผ้าทั้งหมดให้เขาถือ ส่วนตัวเองเดินนำลิ่วๆ จุนโฮเม้มปากแน่นแต่ก็ต้องก้าวเดินเร็วตามอย่างช่วยไม่ได้ นี่มันเป็นการเลือกซื้อเสื้อผ้าที่เร็วที่สุดเท่าที่เคยทำมาเลย ยังไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำไป แต่ทว่าดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนตัวสูงหยุดเดินพร้อมกับหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาดู
จะไม่ตกใจเลยถ้าโทรศัพท์เครื่องนั้นไม่ใช่ของเขา….! ชานซองเก็บติดตัวไว้ตลอดเลยรึไง..
จุนโฮรีบเดินเข้าไปทำท่าจะคว้าโทรศัพท์ในมือหนามาถือไว้ ดวงตาคมจ้องร่างเล็กเขม็งสลับกับหน้าจอโทรศัพท์ มีคนโทรเข้ามา แต่เขาไม่ได้เมมชื่อไว้ อาจจะเป็นพี่มินจุน ถ้าชานซองรับ…ต้องตายแน่ๆ
ในที่สุดมือหนาก็กดรับพร้อมกับเปิดลำโพง
‘ฮัลโหล จุนโฮ นี่พี่เองนะ’
ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นในขณะที่ชานซองใช้สายตากดดันให้คนตัวเล็กเอ่ยตอบปลายสายกลับไป มือหนาบีบต้นแขนเรียวแรงๆพร้อมกับกระชากเข้าหา ริมฝีปากหยักแนบชิดกับใบหูเล็ก
“ตอบกลับไปเดี๋ยวนี้”
จุนโฮสะบัดตัวแรงๆก่อนจะชะงักไปอีกครั้งเมื่อปลายสายพูดขึ้น เสียงนั่นเสียงพี่มินจุนแน่นอน หวังว่าพี่คงจะไม่พูดชื่อตัวเองออกมาหรอกนะ
‘จุนโฮ ได้ยินรึเปล่า’
แรงบีบที่ต้นแขนทำให้จุนโฮต้องนิ่วหน้า ทั้งคู่เริ่มกลายเป็นจุดสนใจของคนในห้างที่เดินผ่านไปผ่านมา
วางไปซักที…พี่มินจุน… วางสาย…ได้โปรด…
“ฉัน บอก ให้ ตอบ..”
ชานซองเน้นย้ำทุกคำขู่คนตัวเล็ก แต่จุนโฮก็เลือกที่จะสะบัดหน้าหนี ถ้าเขาตอบออกไปละก็พี่มินจุนจะต้องพูดเรื่องที่ไม่ควรพูดออกไปแน่ๆ และการที่เขาไม่ตอบแบบนี้ พี่มินจุนก็คงจะรู้..
ตู้ด.. ตู้ด.. ตู้ด.. ตู้ด..
จุนโฮเกือบจะถอนหายใจออกมาเมื่อเห็นว่ามินจุนวางสายไปแล้ว แรงบีบที่ต้นแขนยังไม่คลายออก แล้วดูเหมือนว่าจะมากกว่าเดิมซะด้วย….
“อะ..อ้ะ! เจ็บ..”
ชานซองออกแรงลากคนตัวเล็กจนปลิวติดมือมา จุนโฮเม้มปากตัวเองและสาวเท้าเดินตามให้ทันตามแรงลากคนอีกคน พยายามเตรียมใจว่าต้องโดนโมโหใส่อีกแน่ๆ ไม่กี่อึดใจก็ถูกลากมาถึงที่จอดรถ ชานซองคว้าของทุกอย่างโยนไปหลัง
มือหนาเหวี่ยงร่างเล็กเข้าไปในรถพลางตามเข้าไปคร่อมเอาไว้ จุนโฮยกมือดันไหล่เอาไว้สุดแรง ทำไมเป็นคนโมโหร้ายแบบนี้! นี่มันกลางที่จอดรถเลยนะ! ใครผ่านไปผ่านมาเห็นจะทำยังไงไม่กลัวรึไง!
“นี่! ฟังกันก่อนได้ไหม! อ้ะะ!!”
แรงบีบเค้นที่สันกรามกดแน่นเข้ามาจนใบหน้าเรียวเชิดขึ้น
“หึ มีเหตุผลอะไรที่ต้องปิดบังฉัน จุนโฮ..”
“จ..เจ็บ..”
“นายเป็นใครกันแน่.. เป็นสายลับ เป็นตำรวจ เป็นหนอนบ่อนไส้ หืมม..”
จุนโฮส่ายหน้าปฏิเสธ เรียวปากอิ่มเม้มเน้นเพราะความเจ็บที่แล่นพริ้วเข้ามา
“ฉัน..เป็นแค่คนธรรมดา..”
“งั้นหรอ”
“ปล่อยนะ..มันเจ็บบ..”
“ตลอดเวลาที่ผ่านมัน ฉันอดทนมาตลอด ฉันไม่ฆ่านายทิ้งมันเป็นบุญของนายมากแค่ไหนรู้ไหมอีจุนโฮ..”
ดวงตาเรียวปรือมองชานซองด้วยความยากลำบากเพราะใบหน้าที่ถูกบังคับให้เชิดขึ้น พยายามขืนฝ่ามือหนาให้คลายออก แน่นอนว่ามันไม่เป็นผล
กะจะบีบคอให้ตายกันเลยรึไง..
กำลังจะหายใจไม่ออก..
เสียงหวานที่พยายามจะอธิบายขาดหายเป็นห้วงๆ ดิ้นไปก็เท่านั้นเลยตัดสินใจอยู่นิ่งๆ
“นายไม่ยอมตายง่ายๆหรอกจริงไหม..”
จุนโฮจ้องลึกเข้าไปในสายตาคมเป็นคำตอบ ทำได้แค่อ้อนวอนอีกคนอยู่ในใจ ขอร้อง.. ปล่อยฉันเถอะชานซอง.. ดวงตาเรียวค่อยๆปรับสายตาให้อ่อนลง เพื่อให้ชานซองอ่อนตาม ต้องทำยังไงถ้าอยู่ในสภาพนี้จุนโฮ.. จะตายไม่ได้อย่างที่บอกจริงๆ
และนั่นก็ทำให้คนตรงหน้าผ่อนแรงลงเล็กน้อยแต่ก็ยังไม่เอามือออกจากร่างบาง
“ให้ฉันทำอะไรก็ได้..ที่จะทำให้นายเชื่อ..”
“นายจะทำอะไรได้..วางแผนไว้แล้วงั้นหรอ..”
ใบหน้าหวานส่ายหน้าปฏิเสธ
“ฉันยอมนายทุกอย่าง..”
“ถ้าเป็นคนธรรมดาจริง..พาฉันไปบ้านนาย”
!!!
ไปบ้านอย่างงั้นหรอ
“ไปที่ทำงานของนาย ไปหาพ่อแม่นาย ไปหาเพื่อนนาย..”
บ..บ้าไปแล้ว ข้อมูลพวกนี้มันสามารถใช้โยงไปหาพี่มินจุนและคนอื่นๆได้ง่ายเลยนะ อีกอย่างเขาเองก็พักอยู่ในการดูแลขององค์กร เพื่อนๆเขาหลายคนก็เป็นสายลับ..
“ว่ายังไง.. ทำไม่ได้สินะ”
“มันจะไม่มากไปหน่อยหรอ”
ตอบออกไปทั้งๆที่ไม่ได้คิด เวลาแบบนี้มันคิดอะไรไม่ทันแล้ว ต้องถ่วงเวลาก่อน.. แล้วก็ คิด คิดสิจุนโฮ..
“บ้านนายคงมีอะไรดีๆให้ฉันค้นหาตัวตนที่แท้จริงของนายได้สิน่า..”
“บ้านฉันอยู่ไกลจากที่นี่มาก ถ้านายจะไปก็ได้ แต่..คงต้องเป็นวันอื่น..”
“ฉันจะไปวันนี้.. ตอนนี้..”
“บ..บ้าน่า..”
“หึ”
ชานซองสอดมือตัวเองเข้าไปใต้เสื้อคนตัวเล็กช้าๆ ทำเอาจุนโฮสะดุ้งเฮือก
“ทำอะไรน่ะ!! หยุดนะ!”
“ถ้านายไม่ยอมล่ะก็ เรามาอีกอะไรกันในรถดีไหม..น่าตื่นเต้นดีนะ..”
“จะบ้ารึไง!”
ปล่อยสันกรามสวยให้เป็นอิสระก่อนจะเลื่อนไปปลดหัวเข็มขัดตัวเองช้าๆ จุนโฮถอยร่นไปชิดกับประตูรถ ไม่ดีแน่ๆ นี่มันมีโอกาสที่คนอื่นจะเห็นเอาง่ายๆเลยนะ ทั้งคนเดินผ่านไปผ่านมา กล้องวงจรปิดอีก
คิดสิจุนโฮ.. ต้องพาไปในที่ที่ไม่ใช่บ้านตัวเอง.. ที่ไหนดีๆ ฟันซี่เล็กขบลงกับปากอิ่มตามความเคยชินเวลาต้องใช้ความคิด แต่ดูเหมือนตอนนี้ต้องรีบตัดสินใจแล้ว
ชานซองยกยิ้มช้าๆโน้มตัวเข้ามากระซิบชิดใบหูเหมือนเป็นเรื่องสนุกที่ต้อนคนอย่างอีจุนโฮได้
“เริ่มละนะ..”
“ไม่ๆๆ คือฉัน..อ้ะ..”
แรงกัดเม้มที่ซอกคอทำเอาความเจ็บแล่นพริ้วเข้ามา มือหนารั้งเอวบางคนตัวเล็กเข้ามาชิด จุนโฮหลับตาแน่นสะกดอารมณ์ สัมผัสร้อนๆแบบนี้.. จะบ้าตาย..
ปากหยักไล้เลียไปตามรอยแดงที่ถูกบีบเมื่อกี้ ทำให้จุนโฮต้องเชิดหน้าหนีอย่างช่วยไม่ได้ เพราะพื้นที่ในรถมีไม่มากเลยทำได้แค่พยายามทุบแผ่นหลังกว้างอยู่อย่างนั้น ร่างสูงเลิกเสื้อจุนโฮขึ้น ก้มลงฝากรอยสีแดงสดให้กับผิวขาวๆไปทั่ว มือบางพยายามรั้งเสื้อของตัวเองไม่ให้โดนถอดออก แต่ว่า..
แควก…!!
ฉีกอย่างงั้นหรอ… จู่ๆเสื้อยืดของเขาก็ลงไปกองบนพื้นรถด้วยสภาพที่ไม่สามารถเอากลับมาใส่ได้อีก ชานซองไล้เลียไปทั่วก่อนจะก้มลงซับจูบเข้ากับไหล่มน สติของคนตัวเล็กเริ่มเลือนลางกับสัมผัสร้อนที่มอบให้ ร่างกายแกร่งของอีกคนที่บดเบียดเข้ามาอีก.. ไม่รู้ต้องทำยังไงก่อน มันตื้อตันไปหมด..
“อะ..อื้ออ..”
เสียงหวานครางออกมาเมื่อชานซองกัดเข้าที่ลาดไหล่เนียน ทำไมชอบกัดนักหะ!
“ฉันไม่ใช่ที่..อึก..ระบายอารมณ์ของนายนะ! อ้ะ!!”
ยิ่งห้ามก็เหมือนยิ่งยุ คนตัวโตออกแรงกัดซอกคอขาวๆของเขาอีกครั้ง จุนโฮทุบแผ่นหลังกว้างรัวๆ เพราะเห็นว่ามีคนกำลังเดินมาแถวๆนี้
“ชาน.. มีคนมานะ..”
เห็นแบบนั้นจุนโฮเลยพยายามไม่ดิ้นมากเพื่อไม่ให้คนข้างนอกเห็นอะไรผิดสังเกต ไม่อย่างงั้นละก็ คงอายจนไม่รู้จะเอาหน้าไปไว้ไหนแน่ๆ
“นายก็แค่พาฉันไปบ้านนาย..”
จุนโฮขมวดคิ้วสีหน้าลังเล มือหนาเลยเลื่อนไปแตะเข้าที่ช่วงเอว ลูบไล้เบาๆก่อนจะเกี่ยวขอบกางเกงลงช้าๆ
“ก็ได้ๆๆ! ไปก็ได้!”
เสียงหวานตัดสินใจโพล่งออกไปแบบนั้นทั้งๆที่ยังคิดไม่ออกด้วยซ้ำว่าควรจะไปที่ไหน แต่ตอนนี้ถ้าให้มีอะไรกันในรถ ไม่ดีแน่..
“ช้าไปมั้ง..”
“ยอมแล้วไง หยุดสิ นะ..”
พยายามเบี่ยงหลบพร้อมกับออกปากอ้อน ชานซองนิ่งก่อนจะลดความรุนแรงลง ก้มจูบริมฝีปากหวานอ้อยอิ่งช้าๆ คลอเคลียจนเสียงครางหวานดังออกมาไม่หยุด ปากอิ่มแดงก่ำเมื่อถอนจูบออก จุนโฮรีบโกยอากาศเข้าปอดทันที ใบหน้าคมซุกเข้ากับซอกคอหอมไล้ลิ้นร้อนไปมาก่อนจะวนกลับมาเลียกลีบปากบางเบาๆ ร่างเล็กหลับตาปี๋.. จู่ๆก็ไม่อยากให้ช่นซองเล่นบทอ้อนๆแบบนี้เลย.. ให้ตายเถอะ…
“ฉันจะกลับไปเช็คบิลต่อที่บ้านนาย..”
.
.
.
ปึง..!
เสียงปิดประตูรถดังขึ้นหลังจากทั้งคู่เดินทางมาร่วมเกือบสามชั่วโมง บ้านหลังเล็กตั้งอยู่ท่ามกลางแมกไม้นานาชนิด ดูเผินๆเหมือนว่ามันตั้งอยู่กลางป่าใหญ่ด้วยซ้ำ แต่ที่จริงแล้วมันถูกห้อมล้อมไปด้วยต้นไม้จากฝีมือเจ้าของบ้านเท่านั้นเอง
ชานซองหรี่ตามองด้วยความสนใจ บ้านของจุนโฮออกไกลออกจากตัวเมืองมาก ขนาดว่าขับรถมาด้วยความเร็วมากๆแล้ว ยังใช้เวลาเกือบๆสามชั่วโมง
“ห้ามพูดจาอะไรที่ทำให้ย่าฉันตกใจ”
จุนโฮออกปากกระชับคนตัวโตที่ทำท่าจะก้าวเข้าบ้านเขาทั้งๆที่ยังไม่ได้รับอนุญาตด้วยซ้ำ ร่างเล็กดันชานซองให้ไปอยู่ด้านหลัง ไม่อยากให้ย่าตกใจเพราะจู่ๆก็มีไอ่บ้าที่ไหนไม่รู้กระโจนเข้ามาในบ้านหรอกนะ ยิ่งชอบทำหน้าตาไม่เป็นมิตรแบบนี้แล้ว ย่าได้หัวใจวายตายแน่ๆ
“ทำไมฉันต้องทำ”
“ย่าฉันแก่มากแล้ว.. นายคงไม่อยากให้คนแก่ๆรับรู้เรื่องราวบ้าๆที่นายทำกับฉันหรอกใช่ไหม”
“ฉันต้องเชื่อนายงั้นหรอ..”
ให้ตายเถอะ อยากจะเอาหัวโขกกำแพงตายให้รู้แล้วรู้รอด หมอนี่ต้องพูดภาษาเถื่อนๆรึยังไงห้ะถึงจะเข้าใจ พูดดีดีด้วยไม่เคยได้
“ถ้านายอยากได้ข้อมูลที่แท้จริงของฉัน นายก็ควรทำตามที่ฉันบอก”
จุนโฮช้อนมองคนตัวโตรอให้รับปาก การที่เขาพามาที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ถ้าเกิดชานซองเอะอะโพล่งเรื่องราวที่เจออยู่ทุกวันต้องตายแน่ๆ เพราะย่าไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นสายลับ.. และนี่ก็คือเหตุผลที่เขาพาชานซองมาที่นี่
“…อืม”
ปากอิ่มรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ร่างเล็กเดินนำไปที่ประตูไม้เก่าๆ ออกแรงเคาะเรียกเจ้าของบ้าน
ไม่นาน เสียงเสียดสีก๊อกเก๊กจากประตูไม้ก็ดังออกมา ร่างของหญิงสาวแก่ๆคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า จุนโฮฉีกยิ้มกว้างเขาไม่ได้มาเจอย่ามานานมากแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทักทายให้หายคิดถึง คนตัวโตก็แทรกตัวเข้าไปในบ้านทันที
“ชะ..ชานซอง!!!”
รอนานไหม 5555 เอาเป็นว่าจะด่า ติ ชม ทวง #TheKIller ได้เลยในทวิตเตอร์นะคะ 555
แล้วก็ยังไงคอมเม้นให้กันด้วยน้าา รออ่านอยู่ ^^
◊ >SQWEEZ
ความคิดเห็น