ลำดับตอนที่ #5
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : The Killer : Mission 4
MISSIONS 4
ร่างหนาที่พยายามจะสูดกลิ่นหอมจากคนตัวเล็กในตอนแรก เซล้มลงก่อนจะหันขวับขึ้นไปมองแรงปะทะ
ที่ทำให้เขาล้มลงแต่ก็ต้องหลบสายตาแล้วย้ายร่างตัวเองออกไป..
ผู้ชายคนนั้นที่เห็นในห้อง...
คนที่มีรอยสักตรงข้อมือ..
สูทสีดำเข้มปิดรอยสักจนมิด แววตานิ่งสงบไม่แสดงอารมณ์ดูน่ากลัว น่ากลัวกว่าชานซอง
ทั้งๆที่อ่านความหมายสายตานั้นไม่ออก ใคร...คนคนนี้คือใคร...
จุนโฮมองคนตรงหน้าหวาดๆ ดวงตาที่จ้องลงมาทำให้ร่างเล็กต้องเสหลบสายตา
" คนนี้น่ะเหรอที่เก็บได้ "
เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ ชานซองที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับตัวหันมามองเล็กน้อย
" อืม " ชานซองตอบสั้นๆ
" เก็บไว้ทำไม " จุนโฮตัวแข็งทื่อถอยหลังชิดกำแพง
เพราะสายตาเย็นชาประกอบกับประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักของชายเจ้าของรอยสัก
" แทคบอกไม่รู้เป็นใคร "
" ก็ยิงทิ้งซะสิ "
" ฮยองก็รู้อยู่ มันไม่ยอมยิงใครสุ่มสี่สุ่มห้า.. "
" แกก็ฟังมันตลอดนะ.. "
" … "
ชานซองนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร นอกจากยักคิ้วส่งกลับไปกวนๆ
ผมเนี๊ยบมาดโหดพอมาทำหน้าตากวนประสาทแล้ว มันน่ายิงทิ้งซะจริงๆ
ชานซองกับแทคยอน..
พี่น้องต่างสายเลือดแต่ก็รู้ใจกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ เขารู้ดีว่าทำไมแทคยอนไม่ยอมฆ่าจุนโฮ
เพราะจุนโฮไม่พยายามทำร้ายพวกเขาก่อน.. หรืออาจจะเพราะจุนโฮดูไม่สู้คนก็ได้
ในสายตาแทคยอน
แต่สำหรับชานซองแล้วไม่เลย..
สายตาดุดันตรงหน้าจ้องมองคนตัวเล็กนิ่ง เหนี่ยวไกปืนยกขึ้นตรงหน้าร่างบาง
จุนโฮผงะถอยหลังไปยืนชินร่างสูงอีกคนที่นั่งอยู่
จะ..จะยิงกันเลยหรอ..
บ้าน่า..
หัวใจเต้นรัวเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาไม่รู้ตัวเมื่อกระบอกปืนนั้นเข้ามาใกล้
มือหนาใช้ปลายกระบอกปือบังคับให้ใบหน้าหวานหันหนีเบือนสายตาของตัวเอง
" ซึลอง "
เสียงทุ้มเข้มดึงขัดขึ้นมา
แทคยอน..
คนตรงหน้ายอมลดมือลองก่อนจะหันไปจ้องมองคนมาใหม่ช้าๆ
เวลานี้คงต้องขอบคุณแทคยอนสินะ..
" กว่าจะมาได้นะ เกือบได้ยิงคนเล่นฆ่าเวลาซะแล้ว.. "
" ไม่เอาน่า อย่าใจร้ายซะให้มากเลยซึลอง ไหนละงานใหม่.. "
ร่างสูงของแทคยอนเดินเข้ามาใช้ตัวเองดันจุนโฮให้ถอยร่นลงไปถอดสูทดำที่ไม่ต่างจากคนอื่นๆออก
พลางนั่งลงบนโซฟาอีกตัวด้วยท่าทางสบายๆ
เท่ากับว่าตอนนี้จุนโฮยังยืนประชันหน้าอยู่กับคนหน้ากลัวตรงหน้าเหมือนเดิม
ซึลองงั้นหรอ..
ใครกันนะ..
" หึ.. "
ซึลองแค่นหัวเราะก่อนจะเก็บปืนสีดำขลับเข้ากระเป๋า
จุนโฮพ่นลมหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ วันนี้มันวันบ้าอะไรเนี่ย..
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก้มหน้างุด เลือกที่จะเดินไปนั่งข้างแทคยอน ใครจะไปนั่งกับไอ้คนใจดำ
อย่างฮวาง ชานซองกัน!!
ชานซองมองตามร่างเล็กที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างแทคยอนนิ่งๆ
ดวงตาคมสบกับดวงตาเรียวที่ตวัดมองเพียงแวบเดียว ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก
ละความสนใจจากลูกแมวขู่ฟ่อ หันกลับมาสนใจซึลองที่กำลังยื่นเอกสารบางอย่างให้กับแทคยอน
" วันที่ 10 ที่เดิม แต่ไอ่พวกตำรวจคงได้กลิ่นพวกเรา เตรียมรับมือด้วย นับวันไอ่พวกนี้ชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว จัดการด้วยนะ.. "
ซึลองพูดเสียงนิ่งก่อนจะเดินออกไป
จุนโฮมองตามแผ่นหลังของซึลองไปด้วยความสงสัย เป็นใครก็ไม่รู้
แต่ดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือแทคยอนกับชานซอง คิ้วเรียวขมวดมุ่น
สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแทคยอนที่นั่งอยู่ข้างๆขยับตัวลุกขึ้น
"ยังไงก็บอกคนอื่นให้เตรียมตัวดีๆด้วยล่ะ อย่างที่ซึลองบอก พวกตำรวจมันเล่นเราแน่"
ชานซองลุกขึ้นยืนตามพยักหน้ารับช้าๆ
จุนโฮลุกขึ้นยืนตาม พยายามเก็บข้อมูลให้มากที่สุด ที่เดิมที่ซึลองบอกจะใช่ที่โกดังร้างนั่นรึเปล่า
พรึบ
ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ จู่ๆไฟก็ดับมืด ทำเอาคนในบ่อนพากันวิ่งวุ่นไปหมด
เสียงปืนดังกระหนำขึ้นมาทันที สัญชาตญาณบอกให้จุนโฮก้มหัวลงอัตโนมัติ
ชานซองและแทคยอนยกปืนออกมายิงสวนกลับไปทั้งๆที่ทุกอย่างมืดไปหมด
เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาทำคนตัวเล็กใจสั่นมากกว่าเดิม
" บ้าชิบ.. "
ชานซองสบถออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปหาความตายเอาดื้อๆ
" จุนโฮ ถ้าไม่อยากตายอย่าลุกขึ้นมาเด็ดขาด "
แทคยอนรีบลุกตามชานซองไปด้วยท่าทีแปลกๆ แสงจากรูหน้าต่างเล็กๆทำให้ต้องหรี่ตามอง
ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็เห็นแค่คนวิ่งขวักไขว่ไปมาเพียงลางๆเท่านั้น
แต่ก็ไม่มืดเกินที่จะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร
ชานซองตรงเข้าไปหาชายชุดดำพร้อมกับปล่อยเสียงหมัดหนัก ท่าทีดุดันที่เคยเห็นยังเหมือนเดิม
แทคยอนเข้าไปสมทบคนเป็นน้อง ทั้งคู่ประชิดตัวเข้าหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญและเลือกที่จะไม่ใช้ปืนในระยะไกล
แรงเหวี่ยงของแทคยอนกระแทกเข้ากับหน้าท้องแกร่งก่อนจะออกแรงรั้งท้ายทอยคู่ต่อสู้เข้าหาตัวเอง
หยิบมีดด้ามเล็กเสียบมิดชิดหน้าท้องก่อนจะส่งต่อให้คนเป็นน้อง ชานซองยันเข้าที่หน้าอกของชายชุดดำอีกคน
พลางกระโดดขึ้นไปเหยียบบนไหล่หนาของร่างสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาหา
คว้าหมับเอากระบอกด้ามเหล็กแหลมที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ
ทิ้งตัวลงสลับกับแทคยอนที่กำลังยันคู่ตรงข้ามจนไถลลไปชนกับโต๊ะสนุ๊กจนทุกอย่างพังครืนลงมา
ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบด้ามปืนที่หวังจะสะบัดเข้าหาตัวเองก่อนจะใช้เท้ายันด้ามปืนตรงหน้าจนมันกระแทกใส่เจ้าตัว
เสียงโหวกเหวกโวยวายสลับกับเสียงหมัดหนักๆดังไปทั่ว จุนโฮพยายามหลบตัวหนีจากวิถีกระสุนที่อีกฝ่ายยิง
ดวงตาเรียวเล็กเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งถูกโต๊ะทับ ร่างโปร่งพยายามดันตัวเองออกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล
เพราะผู้คนวิ่งหนีกันอลหม่านจะแทบไม่เหลือตั้งแต่ต้นเลยคิดว่าคงจะโดนลูกหลงตั้งแต่อีกฝ่ายยิงเข้ามา
คนตัวเล็กๆค่อยๆยืนขึ้นเดินเข้าไปหาพลางพยายามหลบหลีกจากหมัดหนัก
" จุนโฮ บอกว่าอย่ายืนไง!!! "
แทคยอนตะโกนบอกเสียงเข้มจนร่างบางตกใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย ทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิม
แต่ดวงตาเรียวยังคงจ้องอยู่ที่จุดหมาย จะไปช่วยยังไงดี...
ร่างเล็กดันตัวขึ้นลุกอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชานซองใช้มีดแทงร่างที่แทคยอนเหวี่ยงมา
จุนโฮผงะถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อคนตัวสูงหันมาประจันหน้ากับเขา
ทำไม...
ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อคนตัวสูงตวัดมีดเข้ามาหา จุนโฮขยับตัวหลบทันอย่างเฉียดฉิว
แต่ปลายมีดแหลมก็ยังเฉือนเข้าต้นแขนเรียวอยู่ดี
จากแสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้จุนโฮสังเกตว่าชานซองค่อยๆหลับตาลง
มือบางขยับกุมต้นแขนแน่น ขาเรียวเผลอก้าวถอยหลังเป็นจังหวะเดียวกับที่ชานซองเปิดเปลือกตาขึ้น
ปลายมีดแหลมหันตรงมาทางเขา
" ไอ้ชาน!! "
เสียงทุ้มของแทคยอนเป็นเหมือนสัญญาณช่วยชีวิต ชานซองชะงักกึกก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปแทงชายชุดดำอีกคน
" อีจุนโฮ!! นั่งลงเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากโดนทำโทษ!!! "
จุนโฮสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงของชานซองดุเข้มกว่าที่เคย ร่างเล็กค่อยๆทรุดตัวลงนั่งช้าๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมทำอย่างกับไม่รู้ว่าเป็นเขา...
ไฟที่ดับจู่ๆก็สว่างขึ้น ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเบิกกว้าง ชายชุดดำที่นอนตายเกลื่อน
ทำให้จุนโฮต้องถอยตัวเองไปชิดกับเสาใหญ่ จุนโฮเงยหน้ามองชานซองกับแทคยอนที่ยืนอยู่กลางวง
พร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคน คนตัวสูงทั้งสองหอบหนักเนื่องจากจำนวนของอีกฝ่ายมีเยอะ...
แต่ก็ไม่เกินกำลังพวกเขาอยู่แล้ว
" แทคบอกให้นายนั่งอยู่เฉยๆไม่ใช่หรือไง! ยืนขึ้นมาแบบนั้นอยากตายใช่มั้ย!? "
ชานซองก้าวพรวดเข้ามากระชากจุนโฮให้ลุกขึ้นยืน โชคดีที่ไม่ใช่แขนข้างที่โดนเฉือน...
คนตัวเล็กสั่นเทาเพราะความเจ็บ แรงที่แขนขวาค่อยๆหายไป
ปวด.. ปวดจนไม่มีแรง..
" เจ็บ.. ชานซอง.. "
เพราะน้ำใสที่เออล้นอยู่ในดวงตาเรียวกับมือเล็กที่กุมต้นแขนตัวเองแน่นทำให้ชานซองลดแรงที่บีบต้นแขนลง
ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่
" บอกอะไรไม่เคยฟัง.. "
------------------------
จุนโฮนั่งมองคนตัวสูงที่เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับของในมือด้วยความงุนงง
ยิ่งเห็นใบหน้าบูดบึ้งของชานซองก็ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้ แต่คนตัวสูงกลับเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆเขา
จุนโฮมองเครื่องปฐมพยาบาลที่ชานซองกำลังหยิบออกมา ค่อยๆขยับถอยห่างทีละนิด
"จะไปไหน" เสียงทุ้มเข้มดังขึ้น ทำเอาจุนโฮตัวแข็งทื่อ ชานซองถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปหา
มือหนาดึงกระชากแขนเสื้อของจุนโฮแรงๆจนขาด ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ไอ้บ้าเอ้ย...ทำเบาๆไม่เป็นรึไงวะ!
ดวงตาคมเหลือบขึ้นมาสบกับตาเรียวเป็นเชิงสั่งไม่ให้ขยับหนี สัมผัสเย็นชื้นของแอลกอฮอล์ทำให้แขนเรียวกระตุกเล็กน้อย
" อยู่เฉยๆ! " เสียงทุ้มตะคอก
" รู้แล้วน่า.. " อดไม่ได้ที่จะสวนกลับไป ไอ้บ้า ไอ้ชานซองบ้า คำก็ตะคอก สองคำก็ตะคอก
" โอ้ย.. เบาๆหน่อย " จุนโฮสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตัวสูงแตะสำลีลงมาแรงเกินไป ดวงตาคมดุสบจ้องอีกครั้ง ทำให้จุนโฮเลือกที่จะเบือนหน้าหนี
" จะอะไรนักหนา ทำเองไป ทำไม่เป็นโว้ยย "
ชานซองโวยวายออกมา
จะให้พูดจริงๆก็คือไม่อยากทำนั้นแหละ ทำแผลให้ตัวเองก็ทำอยู่บ่อยๆไปแผลแค่โดนมีดเฉียดๆแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
แต่เพราะปกติแล้วจัดการแค่เทแอลกอฮอล์ราดแผลลงไปตามด้วยยาแดงยาฆ่าเชื้อเท่านั้น
ปัญหามันอยู่ที่คนตัวเล็กนี่สิ แอลกอฮอล์แค่ปลายสำลีทำร้องไปได้
" …. "
จุนโฮนั่งเงียบกุมแผลแผลตัวเองนิ่งพาลจะร้องไห้เอาง่ายๆ ทำเอาชานซองแทบกุมขมับ
" เอาไง.. "
" เอาไงเล่า.. "
เสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม เพราะไม่รู้จะทำยังไง ถ้าไม่ให้ชานซองทำก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว
จุนโฮค่อยๆเลื่อนมือตัวเองที่กุมแผลออกแล้วขยับตัวเข้าหาร่างสูง
คนตัวสูงถอนหายใจพรืดก่อนจะใช้สำลีแตะลงไปบนแผล พยายามทำใจให้เย็นที่สุด
จุนโฮสะดุ้งเป็นพักๆแต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา บอกให้เบาๆไงวะ สาบานได้มั้ยว่าเบาแล้ว!
" โอ้ย! แสบนะ! "
เสียงเล็กร้องลั่นเมื่อคนตัวสูงแตะยาแดงลงบนแผล ด้วยความที่มือก็ไม่ได้เบาทำให้จุนโฮน้ำตาคลอ
" มันแสบ ชานซอง!! "
พยายามจะขยับแขนหนีแต่คนตัวสูงกลับรู้ทันจับยึดข้อมือบางไว้แน่น
" ชาน!!! โอ้ย มันแสบนะ!!! " จุนโฮโวยวายเสียงดังลั่น
" อยู่นิ่งๆ ไม่ทายาแล้วจะหายมั้ย! "
ชานซองตวาดด้วยความหงุดหงิด แต่คนตัวเล็กกว่าก็ยังไม่หยุดสะบัดแขนซักที
" จุนโฮ!! "
เสียงทุ้มกดต่ำทำให้จุนโฮต้องตวัดสายตาค้อน ก็มันแสบนี่... เจ็บด้วย.. ไอ้บ้าเอ้ยยยยย!
ฟันขาวขบกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามไม่ร้องออกมา จนในที่สุดคนตัวสูงก็ทำการพันแผลให้ด้วยผ้าก็อตสีขาว
" ก็แค่นี้ "
ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นเก็บสำลีไปทิ้ง จุนโฮมองตามแผ่นหลังกว้าง อยากจะถามให้หายสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น
แต่ดูจากอารมณ์ของชานซองแล้ว อย่าพึ่งเลยดีกว่า
" มองอะไร? "
คนตัวเล็กเบือนสายตาหนีแทบไม่ทัน ก้มหน้าเบ้ปากให้อีกคน
ดุอยู่นั่น.. วันไหนยิ้มให้คงโลกถล่มแน่ๆ ชิ
ชานซองเดินกลับมาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงช้าๆจนจุนโฮค่อยขยับหนีด้วยความระแวง..
เหยียบหางเสือเข้าให้ซะแล้วสิ..
คางเรียวถูกเชยขึ้นด้วยนิ้วของคนตัวสูง จุนโฮเสหลบสายตาไปด้านข้าง สายตาแบบนั้น ใครจะไปอยากมองกัน...
" โทษฐานที่นายขัดคำสั่ง "
สมองยังไม่ทันจะประมวลความหมายของคำพูดเสร็จ ริมฝีปากหยักก็กดจูบลงมาซะก่อน
จุนโฮเบิกตากว้างเผลอยกมือข้างที่เจ็บขึ้นมาดันแผ่นอกกว้าง
" อ้ะ..อื้อ " แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะออกแรงผลักเยอะไม่ได้
ชานซองดันไหล่ดึงข้อมือเล็กที่พยายามจะดันตัวออกให้ขึ้นมาโอบรอบท้ายทอยก่อนจะสอดแขนแกร่ง
เข้าไปโอบเข้าที่เอวบางเบาๆ ส่งลิ้นร้อนเข้าไปบดเบียดลิ้นเล็กที่พยายามเบี่ยงหนี
รสหวานอ่อนๆคละคลุ้งไปทั่วปาก ดูดดึงกลีบปากสวยไม่เลิกจนเสียงหวานครางท้วงในลำคอ
ชานซองผละจูบออกน้อยๆ ใช้ลิ้นแตะกวาดเอาน้ำใสจากมุมปากคนตัวเล็กเข้าไปในปากตัวเอง
แก้มเนียนแดงฝาดขึ้นมาแทบจะทันที ยกหลังมือขึ้นมาปาดออกลวกๆไม่ยอมให้อีกคนได้ใช้ลิ้นทำเรื่องน่าอายแบบนั้นอีก
จุนโฮเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนที่ตรงเข้ามาทำท่าจะจูบอีกครั้ง แขนแกร่งดึงรั้งคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด
จมูกโด่งกดหนักๆลงบนแก้มนุ่ม
" อื้อ..." หนีไม่พ้นอยู่ดี..
สัมผัสร้อนครอบครองกลีบปากสีแดงก่ำอีกครั้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดเข้าหาความหวาน
มือบางเลื่อนลงมาบีบต้นแขนแกร่งเป็นเชิงประท้วง ริมฝีปากหยักดูดดึงริมฝีปากล่างของคนตัวเล็กแรงๆ
ก่อนจะถอนจูบออก
" คราวหลังถ้าไม่อยากโดนแบบนี้อีกก็อย่าขัดคำสั่ง แต่ถ้าอยากโดนจูบอีกละก็.. ตามใจ "
จุนโฮเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าชานซองจะพูดออกมาแบบนี้ พลางรู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมา
ใครจะอยากโดนอีกว้ะ! ไอ่บ้าเอ้ย!
คนตัวสูงแค่นยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป กำปั้นเล็กทุบลงเตียงด้วยอารมณ์โมโห
ไอ่บ้าเอ้ย...
ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ด้วยนะ..
คนตัวเล็กพาตัวเองเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก เนื้อตัวเปื้อนมอมแมมไปหมด วันนี้คือวันที่แย่ที่สุดเลย
ไหนจะโดนไอ่บ้านั้น.. บนโต๊ะทำงาน ไหนจะต้องเดินไปเดินมาในบ่อน ไหนจะต้องมาโดนมีดอีก
เหนื่อยที่สุดเลย..
จัดการล้างตัวให้สะอาดก่อนจะรื้อเสื้อแขนยาวของคนตัวโตออกมาใส่ ทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มทันทีที่อาบน้ำเสร็จ
ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ออกไปข้างนอกก็ใส่ชุดเดิมที่ใส่มา ยังไม่มีเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเลย.. ช่างเถอะ..
จุนโฮซุกตัวเข้ากับผ้าห่มหนา เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมาทันที
เหนื่อยจังนะ..
----------------
อูยองค่อยๆเดินเข้าไปในโกดังร้างที่เดิม ที่เขาเคยมาเมื่อวันก่อน หวังว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม
แล้วก็แอบหวังเล็กว่าจะได้เจอคนคนนั้นอีกครั้งหนึ่งตอนนั้นยังไม่ทันได้ถามอะไร คนลึกลับคนนั้นก็เดินหนีไปซะแล้ว
มือเรียวประคองกล้องในมือไว้หลวมๆ มองสำรวจไปรอบๆ เป่าลมออกทางริมฝีปากด้วยความเคยชิน
เสียงผิวปากดังก้องไปทั่ว อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศเงียบสงบเกินไป
โกดังร้างไร้คน.. แต่ว่าอูยองก็ยังอยากมาหาข้อมูลอยู่ดี
เพราะคดีดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมใน แม้แต่ตำรวจยังหาทางจับผู้ร้ายไม่ได้
แล้วมันกี่ครั้งแล้วที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่คือเหตุผลที่อูยองสนใจคดีนี้มากเป็นพิเศษ
อูยองยังคงผิวปากไล่ความกลัวของตัวเองไปเรื่อยๆผสานกับเสียงฝีเท้ากระทบพื้นช้าๆ
สายตาเรียวกวาดไปทั่ว สมองพยายามคิดเรื่องอื่นที่ทำให้ตัวเองไม่คิดถึงเรื่องเร้นลับ..
อา.. ก็กลัวผีนี่น่า..
ใครกันนะ.. ฆ่าตายไปเกือบ 20 คน แถมตำรวจยังจับไม่ได้ด้วย
แล้วคิมมินจุนนั้นอีก ลูกน้องตัวเองตายแท้ๆยังไม่ยอมให้ข้อมูลรายละเอียดอะไรเลย มันหมายความว่ายังไง
ไหนจะไอ่ผู้ชายขวาๆหน้าหล่อนั้นอีก มันน่าสงสัยชะมัด
เสียงผิวปากยังคงดังต่อเนื่องก่อนจะสะดุดลง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนอยู่ข้างหลังแทงก์น้ำขนาดใหญ่
ร่างเล็กกลืนน้ำลายเอื้อกพยายามทำใจให้สงบ คนสิ...ผีไม่มีเงา...ผีไม่มีเงา...
อาจจะเป็นไอ้หน้าหล่อคนนั้นก็ได้..!
พอคิดได้แบบนั้นขาเรียวก็ก้าวฉับๆตรงไปที่เงานั่นทันที
" มาทำอะไรที่นี่ไอ่แก้มอูม! "
เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาอูยองหันขวับกลับไปแทบไม่ทัน
มือหนาคว้ากล้องในมือออกจากร่างเล็กทันที ใบหน้ายียวนยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจะขยับปากพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ
" ที่นี่ฉันดูแลอยู่ ฉะนั้นออกไปได้แล้ว "
คนตัวโตกอดอกนิ่ง จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ดูเหนือกว่า ความสูงที่แตกต่างกันทำให้อูยองหน้าบึ้ง
อย่ามาคิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะสั่งกันได้นะ ดูแลที่นี่อยู่อย่างงั้นหรอ หมอนี่เนี่ยนะ..
เพราะท่าทางของร่างสูงตรงหน้าที่ดูเหมือนเด็กอวดของเล่นใหม่ ทำให้อูยองจ้องหน้ากลับอย่างเอาเรื่อง
" นายเนี่ยนะดูแลทีนี่ "
คิ้วเรียวเลิกขึ้นกวนๆถามกลับเสียงสูง
" ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ไม่เชื่อเหรอ ฉันน่ะ ได้รับความไว้วางใจจากคุณฮยองให้มาเฝ้าเลยนะ "
อูยองยกแขนขึ้นกอดอก ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
ว่าแต่...คุณฮยองไหนวะ...
" ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อหรือไง "
ชายร่างสูงถามกลับ ยืดตัวตรงทำท่าให้ดูน่าเกรงขาม อูยองเหลือบมองท่าทางนั้นก็จะยื่นมือออกไปข้างหน้า
"เชื่อก็ได้ เอากล้องฉันคืนมา"
" ไม่ได้! "
" อะไรเล่าก็เชื่อแล้วนี่ไง เอากล้องคืนมา! "
แก้มป่องๆนั้นขยับขึ้นโวยวายอีกครั้ง
" นายอาจจะถ่ายอะไรไว้ก็ได้! เพราะงั้นฉันจะยึด! "
" ที่นี่มีอะไรให้ถ่ายงั้นหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือนายซ่อนอะไรไว้! "
อูยองหรี่ตามองด้วยความสงสัย ตั้งแต่พูดชื่อใครบางคนนั่นแล้วนะ..
" ไม่มีอะไรให้ถ่ายหรอก แต่นายอาจจะถ่ายเอาไว้ก็ได้นี่ "
อะไรว้ะ.. ก็บอกเองว่าไม่มีอะไรให้ถ่าย แล้วจะเอาอะไรที่ไหนมาถ่ายละ
ไอ่เจ้าโย่งคนนี้อายุสมองเท่าไรกัน!
" นี่นาย แล้วฉันจะถ่ายอะไรได้ละ เอากล้องคืนมานะ! "
" ไม่ให้! ฉันจะไม่ให้นายได้อะไรจากที่นี่ไปแน่! "
" ที่นี่มันมีอะไรนักหนาหะ! "
" คุณฮยองอุส่าให้ฉันมาดูแล แสดงว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ เพราะงั้นไม่ยอมให้จินอุนคนนี้ออกโรงหรอกนะรู้ไว้! "
สิ้นเสียงปะทะคารม อูยองนิ่งเงียบราวกับกำลังประมวลผลอะไรบางอย่าง..
" คุณฮยองหรอ.. "
" ช่ายยย ฉันเก่งใช่ไหมละ หึหึ "
คนตัวสูงยังคงกอดอกภูมิใจในความสามารถของตัวเองอยู่ แต่อูยองลอบยิ้มออกมาน้อยๆ
เจ้าเด็กจินอุ่นอะไรนี่ดูก็รู้ว่าโตแต่ตัว คงดีแค่เรื่องกำลัง แบบนี้หลอกถามได้ไม่ยาก..
" จะยังไงก็เถอะ เอากล้องฉันคืนมา "
อูยองถอนหายใจพรืด เอื้อมมือไปคว้ากล้องในมือหนาเอาไว้
" ไม่ได้! นายมันไม่น่าไว้ใจ! "
ใครกันแน่ที่ไม่น่าไว้ใจ... อูยองแค่นหัวเราะก่อนจะปล่อยมือออกจากกล้อง
เมื่อกี้บอกว่าชื่ออะไรนะ... จินอุน?
" เอาล่ะจินอุน นายบอกว่านายเป็นคนเฝ้าที่นี่ใช่มั้ย "
" ใช่ คุณฮยองส่งฉันมาเฝ้าที่นี่ "
คุณฮยองอีกแล้ว สามครั้งแล้วนะ คุณฮยองคือใคร...
ริมฝีปากบางขยับทำท่าจะเอ่ยถาม แต่จินอุนกลับยกมือขึ้นมา
" คุณฮยองน่ะนะ ทั้งฉลาด วางแผนเก่ง แถมยังหล่อด้วย "
อูยองกรอกตาไปมา มองตามคนตัวสูงที่กำลังเดินไปเดินมารอบๆตัวเขา
" การที่คุณฮยองไว้ใจให้ฉันมาเฝ้าที่นี่มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจใช่มั้ยล่ะ "
ร่างเล็กกรอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาดังๆ อ้าปากจะพูดแต่ก็...
" คุณฮยองกำลังติดตามคดีนี้อยู่ มันเป็นคดีที่สำคัญมาก มากกกกเลยแหละ แต่ฉันจะไม่บอกนายหรอกนะว่ามันสำคัญยังไง "
คดีนี้..
ดีล่ะจินอุน..
" งั้นหรอ.. แล้ว.. แสดงว่านายต้องเก่งมากๆเลยสินะ ถึงได้มาเฝ้าที่นี่ ที่ที่มีการก่อการร้านแบบอุกอาจ "
" ช่ายยย~ "
อูยองพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ
" แล้วแสดงว่า.. นายกับคุณฮยองอะไรนั้น ก็ต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยละสิ "
" ช่ายย~ แต่ฉันไม่มีวันพูดเรื่องนี้หรอก มันซับซ้อนน่ะ หึหึ "
" อ่า.. งั้นหรอ น่าอิจฉาจัง~ "
อูยองแสร้งทำเสียงสูงพร้อมกับทำสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นั้นยิ่งทำให้จินอุ่นนึกผยองตัวเองอยู่ในใจคนเดียว
" แล้วนายอยากให้คุณฮยองภูมิใจในตัวนายมากขึ้นไปอีกมั้ยล่ะ "
อูยองพูดเนิบๆ จินอุนที่ได้ยินประโยคนั้นก็หูผึ่งทันที
" อยากสิ! "
อูยองยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองหน้าจินอุนตรงๆ
" ฉันยอมให้นายจับ... " อูยองหยุดพูดเพื่อดูท่าทีของคนตัวสูง
" คิดดูนะ... ถ้านายจับคนที่บุกเข้ามาในโกดังร้างนี่ได้ คุณฮยองของนายจะภูมิใจขนาดไหน "
จินอุนยืนนิ่งเหมือนกำลังทบทวนสิ่งที่อูยองพูด..
------------------
โป้ก!
" โอ๊ยยยย.. คุณฮยองอ่า เจ็บ TT "
มือหนาเคาะลงที่หัวขอลูกน้องตัวเอง จินอุ่นลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะหันมาชายตามองร่างบาง
ที่มาหาถึงที่...
อูยองมองใบหน้าที่คุ้นเคยแอบลอบยิ้มอยู่ในใจ คนคนนี้ที่เขาเจอในโกดังเมื่อวันก่อน ดีเลย...ต้องขอบคุณจินอุนนะเนี่ย
" ไหนนายบอกว่าคุณฮยองจะภูมิใจไง "
พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของนิชคุณ จินอุนก็รีบหันมาโวยวายใส่อูยองทันที
เจ้าของแก้มป่องยักไหล่ไม่ตอบถือโอกาสคว้ากล้องในมือจินอุนมาถือไว้ในมือ
โป้ก!
มือหนาเคาะลงไปบนหัวลูกน้องตัวเองอีกที ได้แต่ส่ายศีรษะไปมาช้าๆ
ดวงตากลมสวยมองสำรวจร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจ
" คุณต้องการอะไร "
" ผมอยากรู้เรื่องในโกดังคืนนั้น "
อูยองเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะกับคนตรงหน้าคงฉลาดกว่าไอ่โย่งจินอุ่นเยอะ
คุณฮยองที่ว่า ก็คือไอ่คนหน้าหล่อวันก่อน..
คราวนี้ต้องรู้เรื่องให้ได้ไม่งั้นไม่ยอมกลับแน่!
" ต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้ง ว่าผมไม่รู้เรื่อง "
" แต่ลูกน้องคุณบอกว่าคุณดูแลคดีนี้อยู่ "
อูยองสวนกลับไปทันที ทำเอาคุณฮยองหันขวับไปมองเด็กโข่งตัวโตก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่
ไม่เคยได้เรื่อง.. จินอุ่น..
" เรายังหาหลักฐานอะไรไม่ได้ คุณกลับไปเถอะ "
" ไม่เชื่อ มีอะไรต้องปิดบังนักหนาหะ! "
" …. "
เสียงโวยวายทำให้ใบหน้าหล่อนั้นจ้องคนตรงหน้านิ่ง พลางไล้สายตาเก็บรายละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า
" … "
อูยองก็เช่นกัน ใช้สายตามองไล้ร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกลับไปจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นอีกครั้ง
หน้าตาก็ดี ทำไมต้องทำเป็นลับลมคมในด้วย ไม่น่าไว้ใจชะมัด..
ต้องไม่ใช่คนของรัฐหรือตำรวจแน่นอน..
" คุณชื่ออะไร.. "
ร่างสูงถามเสียงนิ่ง กอดอกมองแก้มป่องๆนั้นไปพลางรอคำตอบ
" บอกชื่อคุณมาก่อน "
ถึงจะรู้มาแล้วจากจินอุ่นแต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ
คนตัวสูงถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง นึกเหนื่อยใจกับนักข่าวจอมตื้อแต่ก็ยอมเอ่ยปากบอกออกไป
" นิชคุณ "
" อืมมม.. ผมอูยอง "
" คุณอูยอง...ผมไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้จริง กลับไปซะ "
จินอุนพยักหน้ารับคำของคุณฮยองรัวๆ พลางโบกมือไล่ร่างเล็กที่กำลังจ้องนิชคุณเขม็ง
"ผมไม่กลับง่ายๆหรอกครับ จนกว่าผมจะได้ข้อมูลจากคุณ"
นิชคุณถอนหายใจก่อนจะใช้สายตาสั่งให้จินอุนพาอูยองออกไป ส่วนตัวเองก็ทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง
แน่นอนว่าอูยองไม่ยอมให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไปแน่
ขาเรียวขยับเดินตามทันที แต่ติดที่ว่าร่างใหญ่ๆของจินอุนก้าวมาขวางซะก่อน
" หลบ "
" คุณฮยองบอกให้นายกลับไป "
อูยองถอนหายใจพรืด ใช้สายตามองตามแผ่นหลังกว้างของนิชคุณไป
" นั่น!! แมลงสาบบินได้! "
จินอุนหันขวับไปตามที่คนตัวเล็กกว่าชี้ทันที เป็นการเปิดโอกาสให้อูยองวิ่งหลบออกมา
เสียงฝีเท้าที่ไล่หลังมาทำให้นิชคุณหันหลังกลับมาดู จินอุ่น.. พลาดอีกแล้วสินะ สอนอะไรไปไม่เคยจำ
ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ลูกน้องคนอื่นออกไปทำงานตามหน้าที่หมดละก็ไม่เอาเจ้าเด็กโข่งนี่ออกมาใช้หรอก
บึก!
แต่เพราะความเร็วที่คนตัวเล็กวิ่งเข้าหาบวกกับร่างสูงที่จู่ๆก็หยุดเดินแล้วหันหลังกลับมาดื้อๆ
ทำให้อูยองปะทะเข้ากับอกกว้างของคนตรงหน้าดังบึก
" โอ้ยยย.. หยุดทำไมเนี่ย.. "
ยกมือขึ้นมาจับจมูกตัวเองน้อยๆก่อนจะขยับตัวถอยออกเมื่อเห็นว่าตัวเองยืนชิดอีกคนแค่ไหน...
ทำไมมองใกล้ๆแล้วหล่อกว่าเดิมอีกว่ะ..
" จินอุ่น.. กฎข้อที่หนึ่งว่ายังไง "
นิชคุณไม่ได้สนใจร่างเล็กที่ก้มหน้างุดสำรวจอาการของจมูกตัวเอง แต่เลือกที่จะหันไปส่งเสียงเข้มใส่ลูกน้องตัวดีแทน
" เอ่อ.. อย่าละสายตาจากศัตรูครับ "
" แล้วนายทำได้ไหม.. "
จินอุ่นเป็นเด็กกำพร้าที่นิชคุณเก็บมาได้เมื่อหลายปีก่อน เด็กน้อยที่อ้อนวอนเกาะแขนเกาะขาหาความรัก..
เด็กน้อยที่มีความซื่อสัตย์เหนือสิ่งอื่นใด อาจจะเพราะจินอุ่นไม่เคยได้รับความรักจากบุคคลที่เรียกว่าพ่อแม่
คุณฮยองคือคนที่เขาคิดจะตอบแทนให้ได้ดีที่สุดในชีวิต
แต่เพราะความซื่อหรือบางทีอาจจะโอนเอียงไปทางโง่ในบางครั้ง เลยทำให้ถูกดุอยู่บ่อยๆ
" ขะ..ขอโทษครับ "
" ส่วนนาย รู้ไหมว่าเรื่องนี้มันน่ากลัวยังไง ถ้านายเข้ามายุ่ง.. "
เสียงทุ้มนิ่งพูดออกมา อูยองเงยมองน้ำเสียงของนิชคุณที่เปลี่ยนไป น่ากลัวกว่าเดิม..
ร่างสูงสาวเท้าขอคนตัวเล็กช้าๆ
" หมายความว่ายังไง.. "
" มีคนจำนวนไม่น้อยเลยนะที่ต้องตายเพราะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้.. "
" …. "
สายตากลมดูแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
อะไรกัน.. ทำไมจู่ๆมาดาร์กใส่แบบนี้ละ..
ขาเรียวก้าวถอยหลังช้าๆโดยไม่รู้ตัว น่ากลัว...
แต่เพื่อความอยู่รอดในอาชีพของตัวเอง...
ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น จ้องดวงตาสวยของคนตรงหน้าเขม็ง
" ถ้าคุณยังห่วงชีวิตตัวเองล่ะก็... อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย "
เสียงทุ้มพูดเรียบๆแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว อูยองหลบสายตาน่ากลัวนั่น
เสียงทุ้มพูดเรียบๆแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว อูยองหลบสายตาน่ากลัวนั่น ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ
" ชีวิตตัวเองน่ะห่วงแน่ แต่ถ้าผมไม่ได้ข้อมูลเรื่องนี้ชีวิตผมก็อดตายอยู่ดี..."
ถึงแม้จะกลัว แต่ก็ต้องเก็บความกลัวนั่นเอาไว้ เขาอยากทำข่าวเรื่องนี้ อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ
" ถ้าคุณไม่ให้ข้อมูลผม ผมก็จะตามตื้อคุณแบบนี้แหละ! "
นิชคุณชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ
" ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะดักรอคุณอยู่ที่นี่ทุกวัน จนกว่าผมจะได้ข้อมูลอย่างที่ต้องการ !"
นิชคุณนิ่งเงียบให้กับเสียงเล็ก กอดอกมาหน้ามุ่งมั่นกับแก้มป่องๆนั้นอีกครั้ง..
อยากมากใช่ไหม..
" ตามใจ.. "
----------------------
' ห้าโมงเย็นที่สนามเด็กเล่นนอกเมือง เดี๋ยวแทคยอนจะออกมาเจอคุณเอง '
ข้อความสั้นๆที่ได้หลังจากการโทรเข้าเบอร์ที่แทคยอนให้ไว้ มินจุนนั่งรอไอ่วายร้ายตัวดีที่นัดมาเจอ
ถือว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติเลย เขาเป็นคนของรัฐแต่อีกคนคือวายร้ายติดแบล็คลิสอันดับหนึ่ง
หวังว่าแทคยอนจะไม่รื้อกระเป๋าตังของเขาซะก่อนนะ ไม่งั้นแย่แน่ๆ
แสงอาทิตย์ค่อยๆคล้อยต่ำลงเรื่อย ความมืดเข้ามาเกาะกินแทนที่จนทุกอย่างถูกฉาบไปด้วยสีน้ำเงิน
เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววของอีกคน
ความอดทนของเขามีไม่มาก แต่ยังไงก็ต้องรออยู่ดี ของในกระเป๋านั่นสำคัญมาก มือบางยกขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด กล้าดียังไงให้เขารอนานขนาดนี้...ไอ้บ้าแทคยอน
" โทษที พอดีมีเรื่องนิดหน่อย "
เสียงทุ้มหอบเหนื่อยดังมาทางด้านหลัง มินจุนถอนหายใจโดยไม่หันกลับไปมอง
แทคยอนเดินเนิบๆมาทรุดตัวนั่งข้างๆร่างโปร่ง
ทันทีที่คนตัวสูงนั่งลง มินจุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า
" กระเป๋าตังฉัน "
แทคยอนเหลือบมองมือนั่นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ยังคงหอบเหนื่อยเพราะจอดรถทิ้งไว้ไกลพอสมควร
รีบวิ่งมาเพราะกลัวว่าจะไม่อยู่รอกัน...
" โถ ใจคอจะไม่ให้ผมพักหายใจหน่อยเหรอ "
ดวงตาเรียวจ้องคนตัวสูงเขม็งเพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน แทคยอนยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้
ก่อนจะหยิบกระเป๋าหนังสีดำมาถือไว้ในมือ
มินจุนคว้ากลับมาคืนแต่ก็ช้ากว่าแทคยอนที่ใช้มืออีกข้างจับหมับเข้าที่ข้อมือบางพร้อมกับออกแรงกระตุกให้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเหมือนเดิม
" จะทำอะไร ปล่อย "
คนตัวเล็กกว่าบิดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม ถึงกระได้กระเป๋าตังคืนมาแล้ว แต่ข้อมือถูกยึดอยู่แบบนี้เขาก็กลับไม่ได้อยู่ดี
" ถ้าผมปล่อย คุณก็จะเดินกลับไปเลยน่ะสิ "
ดวงตาเรียวมองขวาง ก็แน่อยู่แล้ว จะอยู่ทำไมล่ะ!
ว่าแล้วก็ออกแรงสะบัดมืออีกครั้ง แต่มือหนาก็ยังยึดแน่น
" แทคยอน! "
" ผมยอมคืนกระเป๋าตังให้คุณง่ายๆเลย แลกกับให้คุณนั่งอยู่ข้างๆผมแบบนี้ ได้มั้ย..."
ดวงตาคมที่ฉายแววออดอ้อนทำให้มินจุนหยุดชะงัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ
ดวงตาสองคู่สบจ้องเหมือนกำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆคลายออกช้าๆ
มินจุนถอนหายใจเบาๆ สอดกระเป๋าตังเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง นั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิม...
" ผมไม่ได้เปิดดูกระเป๋าของคุณ สบายใจได้เลย "
มินจุนเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวสูงเล็กน้อย
รอยฟกช้ำที่มุมปากเป็นหลักฐานที่บอกได้ว่าแทคยอนพึ่งจะไปมีเรื่องมาจริงๆ
มินจุนนั่งเงียบ เสยหน้าหันไปมองที่อื่นโดยไม่สนคนที่นั่งอยู่ข้างตัวซักนิด ก็ให้นั่งเฉยๆใช่ไหมละ..
แทคยอนเองก็เงียบไม่ตางกัน สายตาคมทอดยาวออกไปด้านหน้า
จนมินจุนนึกสงสัย ดูเหนื่อยๆ..
" วันนี้ผมมีเวลาแค่.. สิบนาที "
สิบนาที.. นับว่านานที่สุดเท่าที่เคยเจอกันมาเลย แทคยอนหันไปมองใบหน้าหวานที่หันกลับมามองเขาพอดี
ริมฝีปากบางยกยิ้มส่งไปให้ มินจุนได้แต่มองรอยยิ้มนั้นด้วยความสงสัย
" สิบนาทีก็นานแล้ว " มินจุนว่า พร้อมกับยักไหล่ สบจ้องดวงตาคมไม่เสหลบไปไหน
" นานเหรอ สำหรับคุณคงนานสินะ แต่ผมว่ามันสั้นจะตาย... "
มินจุนเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาคมยังคงจริงจังเหมือนเคย ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกคำพูดที่พูดออกมาคือเรื่องจริง
" อะไรของนาย "
แทคยอนมองท่าทางสงสัยของมินจุนก่อนจะยิ้มออกมา นั่นยิ่งทำให้มินจุนงงยิ่งกว่าเดิม
" สิบนาทีผมมีค่านะคุณ ผมอยากรู้อะไรเกี่ยวกับคุณตั้งเยอะแยะ "
" จะรู้ไปทำไม.. นายคงรู้หมดแล้วมั้ง "
มินจุนตอบออกไปนิ่งๆ เพราะไม่ว่าลูกน้องคนไหนๆของเขาก็โดนแทคยอนฆ่าตายหมด ที่เหลือรอดก็ต้องปกปิดตัวเองเอาตัวรอดต่อไป
" ไม่สินั่นเป็นหน้าที่.. ผมอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่าถ้าเรื่องนั้นผมรู้หมดแล้ว "
" หึ.. "
" ผมอยากรู้ว่าคุณชอบดูหนังแนวไหน มินจุน.. "
คนตัวสูงพูดออกมายิ้มๆ ถึงมันจะเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกในการเจอกันแบบนี้
แต่สำหรับแทคยอนแล้วนี่คงเป็นคำถามที่เหมาะที่สุดในเวลาไม่ถึงสิบนาที
" ถามอะไรของนายเนี่ย.. "
" ผมอยากรู้นี่.. "
อยากพูดคุยในเรื่องที่คนอื่นทั่วไปเขาคุยกันบ้าง..
" ปกติไม่ค่อยดูหรอก.. มัวแต่วุ่นวายกับคดีของใครบางคน "
" อ่า.. ไม่เอาสิ ลืมว่าผมเป็นตัวร้ายไปซักวันได้ไหม "
" แล้วจะให้คิดว่านายเป็นใครกัน "
ถ้ามีหลักฐานมัดตัววายร้ายข้างตัวในตอนนี้ละก็ จะจับเข้าคุกขังลืมไปเลย
" คิดว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็แค่นั้น "
" นายมันเป็นคนธรรมดาซะที่ไหนกัน "
แทคยอนแค่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง ทำยังไงมินจุนก็คงไม่ยอมมองว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งได้สินะ
ถ้าลุกเอาปืนมายิงผมได้ คงทำไปแล้วสินะมินจุน
" ผมอยากขอเบอร์คุณไว้บ้างจัง แต่เราโทรคุยกันไม่ได้.. "
" …. "
ร่างเล็กกว่านั่งเงียบ.. ต้องการอะไรกันแน่แทคยอน พูดแบบนี้ทำไม..
" เอาไว้ผมอายุซักแปดสิบ ยอมให้ตำรวจจับเข้าคุกแล้วผมถูกปล่อยตัวเมื่อไร.. คุณให้เบอร์ผมได้ไหม "
" พูดแบบนี้แสดงว่าจะยอมให้จับงั้นสิ "
มินจุนเลิกคิ้วถามเสียงสูง เลือกที่จะไม่สนใจคำถามของแทคยอน แต่เหมือนคนตัวสูงจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ
" ว่าไงล่ะ ถ้าผมถูกปล่อยตัว คุณจะให้เบอร์ผมมั้ย "
" ตอนนั้นฉันคงไปเกิดใหม่เป็นใครแล้วก็ไม่รู้ "
มินจุนสวนกลับห้วนๆ แทคยอนหัวเราะออกมาเบาๆ ยังไงก็จะไม่ให้สินะ...
เขากับมินจุนเดินกันคนละเส้นทาง เป็นยิ่งกว่าเส้นขนานซะอีก...
" ผมจะยอมให้คุณจับก็ได้นะ... "
คนตัวเล็กกว่าหันขวับไปมองคนตัวสูงทันที ใบหน้าคมก้มต่ำลงมาจนเกือบชิด จมูกโด่งของทั้งคู่เกือบจะชนกัน
ดวงตาคมอยู่ใกล้เกินกว่าที่เคย ลมหายใจร้อนเป่ารดอยู่บนริมฝีปากอิ่ม
" แต่คุณต้องยอมผมก่อน... "
" ยอมบ้าอะไรเล่า! "
มือบางผลักอกกว้างแรงๆให้ถอยออก พร้อมกับเลื่อนลงคลำกระเป๋าด้วยความไม่ไว้ใจ คงไม่ได้เอาอะไรไปอีกหรอกนะ
แทคยอนหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีในขณะที่มินจุนกำลังใจเต้นระรัว ไอ้บ้านี่ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง...
" นี่.. แล้วคุณมีแฟนรึยัง "
นั่งเงียบไปอีกซักพักคนข้างๆก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง
คิ้วเรียวขมวดมุ่นอีกครั้ง ทำไมถึงชอบถามอะไรแปลกๆ
" ตอบเร็ว " ร่างสูงเร่ง
" ไม่มี จะเอาเวลาไหนไปมี แค่นี้ก็วุ่นวายจะตายอยู่แล้ว " ร่างโปร่งเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผม
" งั้นผมก็จีบคุณได้น่ะสิ " มินจุนหันไปมองคนตัวสูงอีกครั้ง เป็นบ้าอะไรเนี่ย
" ผมจีบคุณได้ใช่มั้ย... " เสียงทุ้มออดอ้อนกลับมาอีกครั้ง
" อ๊คแทคยอน นายเป็นคนฉลาดนะ... นายก็รู้ว่าเรื่องที่นายกำลังพูดอยู่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ "
แทคยอนนิ่งชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ
" คุณอย่ามาทำให้เสียบรรยากาศได้มั้ยเนี่ย ผมกำลังขอจีบคุณอยู่นะ "
มินจุนถลึงตาใส่คนตัวสูง ยังจะมาว่าเขาอีก พูดเรื่องจริงแท้ๆ
" นี่นาย... "
" ผมชอบคุณ อยากจีบคุณผิดตรงไหนกัน "
มินจุนนิ่งค้างไปอีกครั้ง พยายามทำความเข้าใจกับประโยคง่ายๆ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของคนตัวสูงจะดังขึ้น
แทคยอนถอนหายใจพรืดด้วยความขัดใจ
" หมดเวลาแล้ว...ผมยังรอคำตอบของคุณอยู่นะ "
ร่างสูงลุกขึ้นยืน มินจุนเงยหน้าขึ้นมองตาม
เพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าคมโน้มต่ำลงมา ริมฝีปากบางกดจูบเบาๆลงบนกลีบปากนุ่ม
" แล้วผมจะมาเอาคำตอบ.. "
ไอ้...
ไอ้บ้าแทคยอน!!!!
--------------------
จุนโฮขยับตัวด้วยความปวดเมื่อย เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ความปวดที่แขนทำให้คิ้วเรียวขมวดแน่น
ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นนั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ หลังจากที่ได้นอนหลับพักผ่อนไป
ทำให้อาการปวดระบมช่วงล่างดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็มีแผลใหม่ที่ยังปวดตุ้บๆ
ชานซองเป็นตัวอันตรายสำหรับเขาจริงๆ
จุนโฮถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วนี่คนตัวสูงหายไปไหนล่ะ... ขาเรียวก้าวลงจากเตียง เดินเนิบๆตรงไปที่ประตู จะว่าไปเขาก็ยังไม่เคยสำรวจบ้านหลังนี้แบบจริงๆจังๆซักที
ฟ้ามืดแล้วแหะ.. หลับไปนานแค่ไหนกัน..
คนตัวเล็กหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เข็มสั้นชี้เข้าหาเลขห้า
เลขห้า.. อย่าบอกนะว่าตีห้าแล้ว..
จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้มาก่อนเลย
จุนโฮค่อยๆเปิดประตูห้องออก บ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่..
คนตัวเล็กเดินลงไปข้างล่างพลางเดินเข้าเดินออกสำรวจห้องเรื่อยๆทั้งๆที่รู้แล้วว่ามันไม่มีอะไรเลย
บ้านสองชั้นที่มีห้องชั้นล่างอยู่ไม่กี่ห้อง เอ.. จะมีก็แต่ห้องครัวที่ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่
แต่ก็ไม่เคยเห็นใคร สองพี่น้องบ้านั้นจะทำอาหารเองก็คงจะเป็นไปได้ยาก ไหนจะเสื้อผ้าที่ต้องซักอีก
แสดงว่าต้องมีคนอื่นอยู่อีกสิน่า...
แต่คนตัวเล็กยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ กลิ่นหอมอ่อนๆของอะไรบางอย่างก็ลอยออกมาแตะจมูก
ยั่วน้ำในกระเพาะได้ดีชะมัด..
จุนโฮเดินตามกลิ่นนั้นไปก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องครัว ประตูถูกแง้มเอาไว้น้อยๆ
มือเรียวยกขึ้นเกาะกับขอบประตู โผล่หน้าเข้าไปด้านใน พลางพยายามทำตัวเองให้ลีบกับผนัง
ดวงตาเรียวเล็กจ้องไปที่แผ่นหลังของใครบางคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่บริเวณเคาท์เตอร์
มีคนอื่นอยู่จริงๆด้วย...
" ยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ.. จะเข้าก็เข้ามา "
จู่ๆเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย รู้ได้ไง..
จุนโฮเดินเข้ามาในห้องครัวงงๆ ลอบสำรวจคนที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์
ชายวัยกลางคนท่าทางดุๆแบบนี้...ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ
ดวงตาเรียวมองตามมือของคุณลุงพ่อบ้านที่กำลังทำกับข้าวอย่างชำนาญ
กลิ่นหอมโชยออกมาจนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย
" ไอ้หนุ่มไปหยิบชามมาสิ จานนั่นด้วย "
พยักหน้ามึนๆก่อนจะเดินไปหยิบมาให้ คุณลุงตักกับข้าวทุกอย่างใส่จานชามเรียบร้อย
จุนโฮทำท่าจะช่วยยกออกไปวางข้างนอก
" แขนเจ็บไม่ใช่เรอะ อยู่นิ่งๆไปเถอะ "
ร่างบางชะงักไปอีกรอบ รู้ได้ไง...ตอนนี้เขาใส่เสื้อแขนยาวนะ
จุนโฮยืนนิ่งๆกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนที่จะสะดุดเข้ากับประตูเล็กที่ถูกปิดเอาไว้
บางอย่างกำลังดลใจให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปหา พลางยกมือเรียวขึ้นแตะกับลูกบิดประตู
หันไปมองชายคนเดิมให้แน่ใจว่ายังอยู่ข้างนอกก่อนจะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป
ห้องนอนเล็กๆธรรมดาๆห้องหนึ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้จุนโฮเบิกตากว้าง
ปืน..
ปืนสามสี่กระบอกที่วางอยู่บนโต๊ะริมเตียงนอน และปืนกระบอกยาวที่แขวนอยู่บนผนัง..
ขาเล็กก้าวถอยหลังหนีเพราะความกลัว
" ไม่ต้องกลัวหรอก "
จุนโฮหันขวับไปหาต้นเสียง มือหนาที่ดูผ่านประสบการมาโชกโชนกำลังเช็ดมือเข้ากับเศษผ้าเก่าๆ
ดวงตาคมจ้องเขม็งมาที่ร่างบาง ไล้สายตามองคนตรงหน้านิ่ง
" ฉันเลิกแล้ว " เสียงทุ้มแหบพูดต่อ ดวงตาเรียวมองตามร่างของชายแปลกที่ขยับเดินผ่านเขาเข้าไปในห้อง
" สอนผมบ้างได้รึเปล่า.. " แทบจะทันทีที่เสียงเล็กตอบกลับเจ้าของห้องหันกลับมาจ้องจุนโฮเขม็ง
รอยแดงสีหวานบริเวณต้นคอทำให้เจ้าของเสียงทุ้มยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ
" สู้ชานซองไม่ได้เลยงั้นสิ.. "
" …. "
จุนโฮก้มหน้านิ่ง ก็แน่ละ..
ถ้าไม่ฝึกตัวเองแล้วยอมชานซองอยู่แบบนี้ไม่ได้แน่ มีแค่สมองไม่ได้แล้วละจุนโฮ..
" ไม่กลัวชานซองดุเอาหรอ.. "
คนตัวเล็กส่ายหัวน้อยๆ ไม่มีอะไรต้องเสียไปมากกว่านี้แล้วละ
" แล้วเข้ามาที่นี่มาทำอะไรละเรา.. "
คำถามที่ฟังดูง่ายๆ แต่ทำเอาจุนโฮกระตุก..
เข้ามาทำอะไรละ..
ปากบางเม้มเข้าหากันพลางคิดหาคำตอบ
" เพราะไม่ยอมบอกแบบนี้ ก็เลยโดนหนักสินะ "
จุนโฮตัวแข็งทื่อมองชายตรงหน้าเดินไปหยิบปืนสั้นมาถือไว้ในมือ
" สอนให้ได้ แต่เราจะสู้ชานซองได้มั้ยก็อีกเรื่อง..."
เสียงทุ้มพูดเนิบๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากันอีกครั้ง
" ชื่ออะไรล่ะ "
" จุนโฮ.. อี จุนโฮครับ แล้วคุณ..."
" ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก "
คนตัวเล็กลอบมองหน้าคนข้างตัวแล้วพยักหน้าช้าๆ
อะไรกัน.. ทำไมต้องไม่ยอมบอกชื่อด้วย
แต่เอาเถอะตอนนี้ขอวิชาป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีกว่า..
" อะ.. ลองเลือกดู ถนัดมืออันไหน "
พ่อบ้านคนเดินเอี้ยวตัวหลบให้คนตัวเล็กได้เข้าไปเลือกของที่จุนโฮไม่ค่อยจะชอบนักบนโต๊ะ
มือเรียวหยิบขึ้นมาสองสามอัน ยกขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา ตามที่เคยจับมา
ทำไมมันหนักกว่าที่เคยใช้ละ...
" จุนโฮ "
เสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง ร่างบางหันขวับเพราะความตกใจ
ของในมือร่วงลงกับพื้น เสียงกระทบดังก้องทั่วห้อง
สายตาตำหนิถูกส่งมาจากคนตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าห้อง..
ชายซองมองคนตัวเล็กนิ่ง
ใช้ไม่เป็นแล้วยังจะอยากใช้อีก...
" มานี่.. "
ชานซองสั่งเสียงเข้มแต่คนตัวเล็กก็ก้มลงไปเก็บกระบอกปืนก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ
โดนด่าอีกแน่เลย...
---------------
กร๊าซซซซ เม้นด้วยน้าาาา สั้นๆง่ายๆ 55555555555
หรือติดชม,เม้ามอย,ด่า,บ่นในทวิตได้ ติดแท๊ก #TheKiller ได้เลยค่ะ 5555555
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น