ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - channuneo] The Killer

    ลำดับตอนที่ #5 : The Killer : Mission 4

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 57







    MISSIONS 4








     

    ร่างหนาที่พยายามจะสูดกลิ่นหอมจากคนตัวเล็กในตอนแรก เซล้มลงก่อนจะหันขวับขึ้นไปมองแรงปะทะ
    ที่ทำให้เขาล้มลงแต่ก็ต้องหลบสายตาแล้วย้ายร่างตัวเองออกไป..

    ผู้ชายคนนั้นที่เห็นในห้อง...
    คนที่มีรอยสักตรงข้อมือ..

    สูทสีดำเข้มปิดรอยสักจนมิด แววตานิ่งสงบไม่แสดงอารมณ์ดูน่ากลัว น่ากลัวกว่าชานซอง
    ทั้งๆที่อ่านความหมายสายตานั้นไม่ออก ใคร...คนคนนี้คือใคร... 
    จุนโฮมองคนตรงหน้าหวาดๆ ดวงตาที่จ้องลงมาทำให้ร่างเล็กต้องเสหลบสายตา 

    " คนนี้น่ะเหรอที่เก็บได้ " 
    เสียงทุ้มเอ่ยถามขึ้นมาลอยๆ ชานซองที่ยืนอยู่ด้านหลังขยับตัวหันมามองเล็กน้อย 

    " อืม " ชานซองตอบสั้นๆ 
    " เก็บไว้ทำไม " จุนโฮตัวแข็งทื่อถอยหลังชิดกำแพง 
    เพราะสายตาเย็นชาประกอบกับประโยคที่หลุดออกมาจากริมฝีปากหยักของชายเจ้าของรอยสัก 

    " แทคบอกไม่รู้เป็นใคร "
    " ก็ยิงทิ้งซะสิ "
    " ฮยองก็รู้อยู่ มันไม่ยอมยิงใครสุ่มสี่สุ่มห้า.. " 

    " แกก็ฟังมันตลอดนะ.. "
    " … "
    ชานซองนิ่งเงียบไม่ตอบอะไร นอกจากยักคิ้วส่งกลับไปกวนๆ
    ผมเนี๊ยบมาดโหดพอมาทำหน้าตากวนประสาทแล้ว มันน่ายิงทิ้งซะจริงๆ 

    ชานซองกับแทคยอน.. 
    พี่น้องต่างสายเลือดแต่ก็รู้ใจกันยิ่งกว่าพี่น้องแท้ๆ เขารู้ดีว่าทำไมแทคยอนไม่ยอมฆ่าจุนโฮ 
    เพราะจุนโฮไม่พยายามทำร้ายพวกเขาก่อน.. หรืออาจจะเพราะจุนโฮดูไม่สู้คนก็ได้ 
    ในสายตาแทคยอน

    แต่สำหรับชานซองแล้วไม่เลย.. 

    สายตาดุดันตรงหน้าจ้องมองคนตัวเล็กนิ่ง เหนี่ยวไกปืนยกขึ้นตรงหน้าร่างบาง
    จุนโฮผงะถอยหลังไปยืนชินร่างสูงอีกคนที่นั่งอยู่

    จะ..จะยิงกันเลยหรอ.. 
    บ้าน่า.. 

    หัวใจเต้นรัวเหงื่อเม็ดเล็กผุดขึ้นมาไม่รู้ตัวเมื่อกระบอกปืนนั้นเข้ามาใกล้ 
    มือหนาใช้ปลายกระบอกปือบังคับให้ใบหน้าหวานหันหนีเบือนสายตาของตัวเอง

    " ซึลอง " 
    เสียงทุ้มเข้มดึงขัดขึ้นมา

    แทคยอน.. 

    คนตรงหน้ายอมลดมือลองก่อนจะหันไปจ้องมองคนมาใหม่ช้าๆ
    เวลานี้คงต้องขอบคุณแทคยอนสินะ.. 

    " กว่าจะมาได้นะ เกือบได้ยิงคนเล่นฆ่าเวลาซะแล้ว.. " 
    " ไม่เอาน่า อย่าใจร้ายซะให้มากเลยซึลอง ไหนละงานใหม่.. " 
    ร่างสูงของแทคยอนเดินเข้ามาใช้ตัวเองดันจุนโฮให้ถอยร่นลงไปถอดสูทดำที่ไม่ต่างจากคนอื่นๆออก 
    พลางนั่งลงบนโซฟาอีกตัวด้วยท่าทางสบายๆ 
    เท่ากับว่าตอนนี้จุนโฮยังยืนประชันหน้าอยู่กับคนหน้ากลัวตรงหน้าเหมือนเดิม 

    ซึลองงั้นหรอ..
    ใครกันนะ..

    " หึ.. " 
    ซึลองแค่นหัวเราะก่อนจะเก็บปืนสีดำขลับเข้ากระเป๋า

    จุนโฮพ่นลมหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ วันนี้มันวันบ้าอะไรเนี่ย.. 
    ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่นก้มหน้างุด เลือกที่จะเดินไปนั่งข้างแทคยอน ใครจะไปนั่งกับไอ้คนใจดำ
    อย่างฮวาง ชานซองกัน!! 

    ชานซองมองตามร่างเล็กที่เดินไปทรุดตัวลงนั่งข้างแทคยอนนิ่งๆ 
    ดวงตาคมสบกับดวงตาเรียวที่ตวัดมองเพียงแวบเดียว ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก 
    ละความสนใจจากลูกแมวขู่ฟ่อ หันกลับมาสนใจซึลองที่กำลังยื่นเอกสารบางอย่างให้กับแทคยอน

    " วันที่ 10 ที่เดิม แต่ไอ่พวกตำรวจคงได้กลิ่นพวกเรา เตรียมรับมือด้วย นับวันไอ่พวกนี้ชักจะเหิมเกริมมากไปแล้ว จัดการด้วยนะ.. "
    ซึลองพูดเสียงนิ่งก่อนจะเดินออกไป

    จุนโฮมองตามแผ่นหลังของซึลองไปด้วยความสงสัย เป็นใครก็ไม่รู้ 
    แต่ดูเหมือนจะมีอำนาจเหนือแทคยอนกับชานซอง คิ้วเรียวขมวดมุ่น 
    สะดุ้งเล็กน้อยเมื่อแทคยอนที่นั่งอยู่ข้างๆขยับตัวลุกขึ้น 

    "ยังไงก็บอกคนอื่นให้เตรียมตัวดีๆด้วยล่ะ อย่างที่ซึลองบอก พวกตำรวจมันเล่นเราแน่" 
    ชานซองลุกขึ้นยืนตามพยักหน้ารับช้าๆ 

    จุนโฮลุกขึ้นยืนตาม พยายามเก็บข้อมูลให้มากที่สุด ที่เดิมที่ซึลองบอกจะใช่ที่โกดังร้างนั่นรึเปล่า 

    พรึบ

    ก่อนที่ใครจะได้พูดอะไรต่อ จู่ๆไฟก็ดับมืด ทำเอาคนในบ่อนพากันวิ่งวุ่นไปหมด 

    เสียงปืนดังกระหนำขึ้นมาทันที สัญชาตญาณบอกให้จุนโฮก้มหัวลงอัตโนมัติ 
    ชานซองและแทคยอนยกปืนออกมายิงสวนกลับไปทั้งๆที่ทุกอย่างมืดไปหมด 
    เสียงฝีเท้าวิ่งเข้ามาทำคนตัวเล็กใจสั่นมากกว่าเดิม 

    " บ้าชิบ.. " 
    ชานซองสบถออกมา ก่อนจะลุกขึ้นยืนวิ่งเข้าไปหาความตายเอาดื้อๆ
    " จุนโฮ ถ้าไม่อยากตายอย่าลุกขึ้นมาเด็ดขาด " 
    แทคยอนรีบลุกตามชานซองไปด้วยท่าทีแปลกๆ แสงจากรูหน้าต่างเล็กๆทำให้ต้องหรี่ตามอง
    ภาพเหตุการณ์ตรงหน้าแต่ก็เห็นแค่คนวิ่งขวักไขว่ไปมาเพียงลางๆเท่านั้น
    แต่ก็ไม่มืดเกินที่จะไม่รู้ว่าใครเป็นใคร 

    ชานซองตรงเข้าไปหาชายชุดดำพร้อมกับปล่อยเสียงหมัดหนัก ท่าทีดุดันที่เคยเห็นยังเหมือนเดิม
    แทคยอนเข้าไปสมทบคนเป็นน้อง ทั้งคู่ประชิดตัวเข้าหาแขกที่ไม่ได้รับเชิญและเลือกที่จะไม่ใช้ปืนในระยะไกล

    แรงเหวี่ยงของแทคยอนกระแทกเข้ากับหน้าท้องแกร่งก่อนจะออกแรงรั้งท้ายทอยคู่ต่อสู้เข้าหาตัวเอง 
    หยิบมีดด้ามเล็กเสียบมิดชิดหน้าท้องก่อนจะส่งต่อให้คนเป็นน้อง ชานซองยันเข้าที่หน้าอกของชายชุดดำอีกคน
    พลางกระโดดขึ้นไปเหยียบบนไหล่หนาของร่างสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาหา 
    คว้าหมับเอากระบอกด้ามเหล็กแหลมที่ลอยเคว้งอยู่ในอากาศ

    ทิ้งตัวลงสลับกับแทคยอนที่กำลังยันคู่ตรงข้ามจนไถลลไปชนกับโต๊ะสนุ๊กจนทุกอย่างพังครืนลงมา
    ก่อนจะเอี้ยวตัวหลบด้ามปืนที่หวังจะสะบัดเข้าหาตัวเองก่อนจะใช้เท้ายันด้ามปืนตรงหน้าจนมันกระแทกใส่เจ้าตัว

    เสียงโหวกเหวกโวยวายสลับกับเสียงหมัดหนักๆดังไปทั่ว จุนโฮพยายามหลบตัวหนีจากวิถีกระสุนที่อีกฝ่ายยิง
    ดวงตาเรียวเล็กเหลือบไปเห็นชายคนหนึ่งถูกโต๊ะทับ ร่างโปร่งพยายามดันตัวเองออกแต่ดูเหมือนว่าจะไม่เป็นผล 
    เพราะผู้คนวิ่งหนีกันอลหม่านจะแทบไม่เหลือตั้งแต่ต้นเลยคิดว่าคงจะโดนลูกหลงตั้งแต่อีกฝ่ายยิงเข้ามา 

    คนตัวเล็กๆค่อยๆยืนขึ้นเดินเข้าไปหาพลางพยายามหลบหลีกจากหมัดหนัก 

    " จุนโฮ บอกว่าอย่ายืนไง!!! "

    แทคยอนตะโกนบอกเสียงเข้มจนร่างบางตกใจหยุดชะงักไปเล็กน้อย ทรุดตัวลงนั่งเหมือนเดิม 
    แต่ดวงตาเรียวยังคงจ้องอยู่ที่จุดหมาย จะไปช่วยยังไงดี...

    ร่างเล็กดันตัวขึ้นลุกอีกครั้ง เป็นจังหวะเดียวกับที่ชานซองใช้มีดแทงร่างที่แทคยอนเหวี่ยงมา 
    จุนโฮผงะถอยหลังด้วยความตกใจเมื่อคนตัวสูงหันมาประจันหน้ากับเขา

    ทำไม... 

    ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อคนตัวสูงตวัดมีดเข้ามาหา จุนโฮขยับตัวหลบทันอย่างเฉียดฉิว
    แต่ปลายมีดแหลมก็ยังเฉือนเข้าต้นแขนเรียวอยู่ดี 

    จากแสงสว่างเพียงเล็กน้อยที่เล็ดลอดเข้ามาทำให้จุนโฮสังเกตว่าชานซองค่อยๆหลับตาลง 
    มือบางขยับกุมต้นแขนแน่น ขาเรียวเผลอก้าวถอยหลังเป็นจังหวะเดียวกับที่ชานซองเปิดเปลือกตาขึ้น 
    ปลายมีดแหลมหันตรงมาทางเขา

    " ไอ้ชาน!! " 
    เสียงทุ้มของแทคยอนเป็นเหมือนสัญญาณช่วยชีวิต ชานซองชะงักกึกก่อนจะเปลี่ยนทิศทางไปแทงชายชุดดำอีกคน 

    " อีจุนโฮ!! นั่งลงเดี๋ยวนี้ถ้าไม่อยากโดนทำโทษ!!! "
    จุนโฮสะดุ้งสุดตัวเพราะเสียงของชานซองดุเข้มกว่าที่เคย ร่างเล็กค่อยๆทรุดตัวลงนั่งช้าๆ คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ ทำไมทำอย่างกับไม่รู้ว่าเป็นเขา...

    ไฟที่ดับจู่ๆก็สว่างขึ้น ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย ก่อนจะเบิกกว้าง ชายชุดดำที่นอนตายเกลื่อน
    ทำให้จุนโฮต้องถอยตัวเองไปชิดกับเสาใหญ่ จุนโฮเงยหน้ามองชานซองกับแทคยอนที่ยืนอยู่กลางวง
    พร้อมกับลูกน้องอีกสี่ห้าคน คนตัวสูงทั้งสองหอบหนักเนื่องจากจำนวนของอีกฝ่ายมีเยอะ...
    แต่ก็ไม่เกินกำลังพวกเขาอยู่แล้ว 

    " แทคบอกให้นายนั่งอยู่เฉยๆไม่ใช่หรือไง! ยืนขึ้นมาแบบนั้นอยากตายใช่มั้ย!? " 
    ชานซองก้าวพรวดเข้ามากระชากจุนโฮให้ลุกขึ้นยืน โชคดีที่ไม่ใช่แขนข้างที่โดนเฉือน...

    คนตัวเล็กสั่นเทาเพราะความเจ็บ แรงที่แขนขวาค่อยๆหายไป
    ปวด.. ปวดจนไม่มีแรง..

    " เจ็บ.. ชานซอง.. " 
    เพราะน้ำใสที่เออล้นอยู่ในดวงตาเรียวกับมือเล็กที่กุมต้นแขนตัวเองแน่นทำให้ชานซองลดแรงที่บีบต้นแขนลง 
    ก่อนจะถอนหายใจเฮือกใหญ่

    " บอกอะไรไม่เคยฟัง.. "




    ------------------------





    จุนโฮนั่งมองคนตัวสูงที่เดินกลับเข้ามาในห้องพร้อมกับของในมือด้วยความงุนงง 
    ยิ่งเห็นใบหน้าบูดบึ้งของชานซองก็ยิ่งไม่อยากเข้าใกล้ แต่คนตัวสูงกลับเดินมาทรุดตัวลงนั่งบนเตียงข้างๆเขา 
    จุนโฮมองเครื่องปฐมพยาบาลที่ชานซองกำลังหยิบออกมา ค่อยๆขยับถอยห่างทีละนิด

    "จะไปไหน" เสียงทุ้มเข้มดังขึ้น ทำเอาจุนโฮตัวแข็งทื่อ ชานซองถอนหายใจออกมาหนักๆ ก่อนจะขยับตัวเข้าไปหา 

    มือหนาดึงกระชากแขนเสื้อของจุนโฮแรงๆจนขาด ร่างเล็กสะดุ้งเฮือกด้วยความเจ็บ ไอ้บ้าเอ้ย...ทำเบาๆไม่เป็นรึไงวะ! 

    ดวงตาคมเหลือบขึ้นมาสบกับตาเรียวเป็นเชิงสั่งไม่ให้ขยับหนี สัมผัสเย็นชื้นของแอลกอฮอล์ทำให้แขนเรียวกระตุกเล็กน้อย 

    " อยู่เฉยๆ! " เสียงทุ้มตะคอก 
    " รู้แล้วน่า.. " อดไม่ได้ที่จะสวนกลับไป ไอ้บ้า ไอ้ชานซองบ้า คำก็ตะคอก สองคำก็ตะคอก 

    " โอ้ย.. เบาๆหน่อย " จุนโฮสะดุ้งเฮือกเมื่อคนตัวสูงแตะสำลีลงมาแรงเกินไป ดวงตาคมดุสบจ้องอีกครั้ง ทำให้จุนโฮเลือกที่จะเบือนหน้าหนี 

    " จะอะไรนักหนา ทำเองไป ทำไม่เป็นโว้ยย "
    ชานซองโวยวายออกมา 

    จะให้พูดจริงๆก็คือไม่อยากทำนั้นแหละ ทำแผลให้ตัวเองก็ทำอยู่บ่อยๆไปแผลแค่โดนมีดเฉียดๆแค่นี้ไม่ใช่ปัญหา
    แต่เพราะปกติแล้วจัดการแค่เทแอลกอฮอล์ราดแผลลงไปตามด้วยยาแดงยาฆ่าเชื้อเท่านั้น 
    ปัญหามันอยู่ที่คนตัวเล็กนี่สิ แอลกอฮอล์แค่ปลายสำลีทำร้องไปได้ 

    " …. "
    จุนโฮนั่งเงียบกุมแผลแผลตัวเองนิ่งพาลจะร้องไห้เอาง่ายๆ ทำเอาชานซองแทบกุมขมับ

    " เอาไง.. " 
    " เอาไงเล่า.. "
    เสียงหวานตอบอ้อมแอ้ม เพราะไม่รู้จะทำยังไง ถ้าไม่ให้ชานซองทำก็ไม่รู้จะทำยังไงแล้ว 
    จุนโฮค่อยๆเลื่อนมือตัวเองที่กุมแผลออกแล้วขยับตัวเข้าหาร่างสูง

    คนตัวสูงถอนหายใจพรืดก่อนจะใช้สำลีแตะลงไปบนแผล พยายามทำใจให้เย็นที่สุด 
    จุนโฮสะดุ้งเป็นพักๆแต่ก็ไม่กล้าร้องออกมา บอกให้เบาๆไงวะ สาบานได้มั้ยว่าเบาแล้ว! 

    " โอ้ย! แสบนะ! " 
    เสียงเล็กร้องลั่นเมื่อคนตัวสูงแตะยาแดงลงบนแผล ด้วยความที่มือก็ไม่ได้เบาทำให้จุนโฮน้ำตาคลอ 
    " มันแสบ ชานซอง!! " 
    พยายามจะขยับแขนหนีแต่คนตัวสูงกลับรู้ทันจับยึดข้อมือบางไว้แน่น 

    " ชาน!!! โอ้ย มันแสบนะ!!! " จุนโฮโวยวายเสียงดังลั่น 
    " อยู่นิ่งๆ ไม่ทายาแล้วจะหายมั้ย! " 
    ชานซองตวาดด้วยความหงุดหงิด แต่คนตัวเล็กกว่าก็ยังไม่หยุดสะบัดแขนซักที 

    " จุนโฮ!! " 
    เสียงทุ้มกดต่ำทำให้จุนโฮต้องตวัดสายตาค้อน ก็มันแสบนี่... เจ็บด้วย.. ไอ้บ้าเอ้ยยยยย! 
    ฟันขาวขบกัดริมฝีปากตัวเองแน่น พยายามไม่ร้องออกมา จนในที่สุดคนตัวสูงก็ทำการพันแผลให้ด้วยผ้าก็อตสีขาว 

    " ก็แค่นี้ " 
    ร่างสูงขยับตัวลุกขึ้นเก็บสำลีไปทิ้ง จุนโฮมองตามแผ่นหลังกว้าง อยากจะถามให้หายสงสัยเกี่ยวกับเรื่องที่เกิดขึ้น 
    แต่ดูจากอารมณ์ของชานซองแล้ว อย่าพึ่งเลยดีกว่า

    " มองอะไร? " 
    คนตัวเล็กเบือนสายตาหนีแทบไม่ทัน ก้มหน้าเบ้ปากให้อีกคน 
    ดุอยู่นั่น.. วันไหนยิ้มให้คงโลกถล่มแน่ๆ ชิ 

    ชานซองเดินกลับมาหาร่างบางที่นั่งอยู่บนเตียงช้าๆจนจุนโฮค่อยขยับหนีด้วยความระแวง.. 
    เหยียบหางเสือเข้าให้ซะแล้วสิ..

    คางเรียวถูกเชยขึ้นด้วยนิ้วของคนตัวสูง จุนโฮเสหลบสายตาไปด้านข้าง สายตาแบบนั้น ใครจะไปอยากมองกัน...

    " โทษฐานที่นายขัดคำสั่ง "

    สมองยังไม่ทันจะประมวลความหมายของคำพูดเสร็จ ริมฝีปากหยักก็กดจูบลงมาซะก่อน 
    จุนโฮเบิกตากว้างเผลอยกมือข้างที่เจ็บขึ้นมาดันแผ่นอกกว้าง 

    " อ้ะ..อื้อ " แล้วก็ต้องนิ่วหน้าเพราะออกแรงผลักเยอะไม่ได้ 

    ชานซองดันไหล่ดึงข้อมือเล็กที่พยายามจะดันตัวออกให้ขึ้นมาโอบรอบท้ายทอยก่อนจะสอดแขนแกร่ง
    เข้าไปโอบเข้าที่เอวบางเบาๆ ส่งลิ้นร้อนเข้าไปบดเบียดลิ้นเล็กที่พยายามเบี่ยงหนี
    รสหวานอ่อนๆคละคลุ้งไปทั่วปาก ดูดดึงกลีบปากสวยไม่เลิกจนเสียงหวานครางท้วงในลำคอ
    ชานซองผละจูบออกน้อยๆ ใช้ลิ้นแตะกวาดเอาน้ำใสจากมุมปากคนตัวเล็กเข้าไปในปากตัวเอง 
    แก้มเนียนแดงฝาดขึ้นมาแทบจะทันที ยกหลังมือขึ้นมาปาดออกลวกๆไม่ยอมให้อีกคนได้ใช้ลิ้นทำเรื่องน่าอายแบบนั้นอีก

    จุนโฮเบี่ยงหน้าหลบริมฝีปากร้อนที่ตรงเข้ามาทำท่าจะจูบอีกครั้ง แขนแกร่งดึงรั้งคนตัวเล็กเข้ามาในอ้อมกอด 
    จมูกโด่งกดหนักๆลงบนแก้มนุ่ม 

    " อื้อ..." หนีไม่พ้นอยู่ดี.. 

    สัมผัสร้อนครอบครองกลีบปากสีแดงก่ำอีกครั้ง ลิ้นร้อนเกี่ยวกระหวัดเข้าหาความหวาน 
    มือบางเลื่อนลงมาบีบต้นแขนแกร่งเป็นเชิงประท้วง ริมฝีปากหยักดูดดึงริมฝีปากล่างของคนตัวเล็กแรงๆ
    ก่อนจะถอนจูบออก 

    " คราวหลังถ้าไม่อยากโดนแบบนี้อีกก็อย่าขัดคำสั่ง แต่ถ้าอยากโดนจูบอีกละก็.. ตามใจ " 
    จุนโฮเบิกตากว้าง อ้าปากค้างเพราะไม่คิดว่าชานซองจะพูดออกมาแบบนี้ พลางรู้สึกว่าหน้าร้อนขึ้นมา 

    ใครจะอยากโดนอีกว้ะ! ไอ่บ้าเอ้ย! 
    คนตัวสูงแค่นยิ้มก่อนจะเดินออกจากห้องไป กำปั้นเล็กทุบลงเตียงด้วยอารมณ์โมโห

    ไอ่บ้าเอ้ย... 
    ทำไมต้องมาเจอแบบนี้ด้วยนะ.. 
    คนตัวเล็กพาตัวเองเข้าห้องน้ำด้วยความยากลำบาก เนื้อตัวเปื้อนมอมแมมไปหมด วันนี้คือวันที่แย่ที่สุดเลย
    ไหนจะโดนไอ่บ้านั้น.. บนโต๊ะทำงาน ไหนจะต้องเดินไปเดินมาในบ่อน ไหนจะต้องมาโดนมีดอีก
    เหนื่อยที่สุดเลย.. 

    จัดการล้างตัวให้สะอาดก่อนจะรื้อเสื้อแขนยาวของคนตัวโตออกมาใส่ ทิ้งตัวลงกับเตียงนุ่มทันทีที่อาบน้ำเสร็จ 
    ตั้งแต่อยู่ที่นี่มา ออกไปข้างนอกก็ใส่ชุดเดิมที่ใส่มา ยังไม่มีเสื้อผ้าเป็นของตัวเองเลย.. ช่างเถอะ.. 
    จุนโฮซุกตัวเข้ากับผ้าห่มหนา เปลือกตาหนักอึ้งขึ้นมาทันที

    เหนื่อยจังนะ.. 



    ----------------



    อูยองค่อยๆเดินเข้าไปในโกดังร้างที่เดิม ที่เขาเคยมาเมื่อวันก่อน หวังว่าจะได้ข้อมูลอะไรเพิ่ม 
    แล้วก็แอบหวังเล็กว่าจะได้เจอคนคนนั้นอีกครั้งหนึ่งตอนนั้นยังไม่ทันได้ถามอะไร คนลึกลับคนนั้นก็เดินหนีไปซะแล้ว

    มือเรียวประคองกล้องในมือไว้หลวมๆ มองสำรวจไปรอบๆ เป่าลมออกทางริมฝีปากด้วยความเคยชิน 
    เสียงผิวปากดังก้องไปทั่ว อาจจะเป็นเพราะบรรยากาศเงียบสงบเกินไป 

    โกดังร้างไร้คน.. แต่ว่าอูยองก็ยังอยากมาหาข้อมูลอยู่ดี 
    เพราะคดีดูเหมือนว่าจะมีลับลมคมใน แม้แต่ตำรวจยังหาทางจับผู้ร้ายไม่ได้ 
    แล้วมันกี่ครั้งแล้วที่เกิดเหตุการณ์แบบนี้ นี่คือเหตุผลที่อูยองสนใจคดีนี้มากเป็นพิเศษ

    อูยองยังคงผิวปากไล่ความกลัวของตัวเองไปเรื่อยๆผสานกับเสียงฝีเท้ากระทบพื้นช้าๆ
    สายตาเรียวกวาดไปทั่ว สมองพยายามคิดเรื่องอื่นที่ทำให้ตัวเองไม่คิดถึงเรื่องเร้นลับ..

    อา.. ก็กลัวผีนี่น่า.. 

    ใครกันนะ.. ฆ่าตายไปเกือบ 20 คน แถมตำรวจยังจับไม่ได้ด้วย
    แล้วคิมมินจุนนั้นอีก ลูกน้องตัวเองตายแท้ๆยังไม่ยอมให้ข้อมูลรายละเอียดอะไรเลย มันหมายความว่ายังไง
    ไหนจะไอ่ผู้ชายขวาๆหน้าหล่อนั้นอีก มันน่าสงสัยชะมัด

    เสียงผิวปากยังคงดังต่อเนื่องก่อนจะสะดุดลง คิ้วเรียวเลิกขึ้นเมื่อเห็นเงาตะคุ่มของใครบางคนอยู่ข้างหลังแทงก์น้ำขนาดใหญ่ 

    ร่างเล็กกลืนน้ำลายเอื้อกพยายามทำใจให้สงบ คนสิ...ผีไม่มีเงา...ผีไม่มีเงา... 

    อาจจะเป็นไอ้หน้าหล่อคนนั้นก็ได้..!
    พอคิดได้แบบนั้นขาเรียวก็ก้าวฉับๆตรงไปที่เงานั่นทันที 

    " มาทำอะไรที่นี่ไอ่แก้มอูม! " 
    เสียงชายหนุ่มดังขึ้นมาจากด้านหลังทำเอาอูยองหันขวับกลับไปแทบไม่ทัน
    มือหนาคว้ากล้องในมือออกจากร่างเล็กทันที ใบหน้ายียวนยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ ก่อนจะขยับปากพูดด้วยน้ำเสียงภูมิใจ

    " ที่นี่ฉันดูแลอยู่ ฉะนั้นออกไปได้แล้ว " 
    คนตัวโตกอดอกนิ่ง จ้องมองคนตรงหน้าด้วยสายตาที่ดูเหนือกว่า ความสูงที่แตกต่างกันทำให้อูยองหน้าบึ้ง 
    อย่ามาคิดว่าตัวใหญ่กว่าแล้วจะสั่งกันได้นะ ดูแลที่นี่อยู่อย่างงั้นหรอ หมอนี่เนี่ยนะ..
    เพราะท่าทางของร่างสูงตรงหน้าที่ดูเหมือนเด็กอวดของเล่นใหม่ ทำให้อูยองจ้องหน้ากลับอย่างเอาเรื่อง

    " นายเนี่ยนะดูแลทีนี่ " 
    คิ้วเรียวเลิกขึ้นกวนๆถามกลับเสียงสูง 

    " ก็ใช่น่ะสิ ทำไม ไม่เชื่อเหรอ ฉันน่ะ ได้รับความไว้วางใจจากคุณฮยองให้มาเฝ้าเลยนะ "

    อูยองยกแขนขึ้นกอดอก ก่อนจะพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ 
    ว่าแต่...คุณฮยองไหนวะ...

    " ทำหน้าแบบนี้ไม่เชื่อหรือไง " 
    ชายร่างสูงถามกลับ ยืดตัวตรงทำท่าให้ดูน่าเกรงขาม อูยองเหลือบมองท่าทางนั้นก็จะยื่นมือออกไปข้างหน้า

    "เชื่อก็ได้ เอากล้องฉันคืนมา" 

    " ไม่ได้! "
    " อะไรเล่าก็เชื่อแล้วนี่ไง เอากล้องคืนมา! "
    แก้มป่องๆนั้นขยับขึ้นโวยวายอีกครั้ง 

    " นายอาจจะถ่ายอะไรไว้ก็ได้! เพราะงั้นฉันจะยึด! "
    " ที่นี่มีอะไรให้ถ่ายงั้นหรอ ไม่เห็นมีอะไรเลย หรือนายซ่อนอะไรไว้! "
    อูยองหรี่ตามองด้วยความสงสัย ตั้งแต่พูดชื่อใครบางคนนั่นแล้วนะ..

    " ไม่มีอะไรให้ถ่ายหรอก แต่นายอาจจะถ่ายเอาไว้ก็ได้นี่ "
    อะไรว้ะ.. ก็บอกเองว่าไม่มีอะไรให้ถ่าย แล้วจะเอาอะไรที่ไหนมาถ่ายละ 
    ไอ่เจ้าโย่งคนนี้อายุสมองเท่าไรกัน!

    " นี่นาย แล้วฉันจะถ่ายอะไรได้ละ เอากล้องคืนมานะ! "
    " ไม่ให้! ฉันจะไม่ให้นายได้อะไรจากที่นี่ไปแน่! " 
    " ที่นี่มันมีอะไรนักหนาหะ! "
    " คุณฮยองอุส่าให้ฉันมาดูแล แสดงว่ามันต้องสำคัญมากแน่ๆ เพราะงั้นไม่ยอมให้จินอุนคนนี้ออกโรงหรอกนะรู้ไว้! "

    สิ้นเสียงปะทะคารม อูยองนิ่งเงียบราวกับกำลังประมวลผลอะไรบางอย่าง..

    " คุณฮยองหรอ.. " 
    " ช่ายยย ฉันเก่งใช่ไหมละ หึหึ "
    คนตัวสูงยังคงกอดอกภูมิใจในความสามารถของตัวเองอยู่ แต่อูยองลอบยิ้มออกมาน้อยๆ 
    เจ้าเด็กจินอุ่นอะไรนี่ดูก็รู้ว่าโตแต่ตัว คงดีแค่เรื่องกำลัง แบบนี้หลอกถามได้ไม่ยาก..

    " จะยังไงก็เถอะ เอากล้องฉันคืนมา " 
    อูยองถอนหายใจพรืด เอื้อมมือไปคว้ากล้องในมือหนาเอาไว้ 

    " ไม่ได้! นายมันไม่น่าไว้ใจ! " 
    ใครกันแน่ที่ไม่น่าไว้ใจ... อูยองแค่นหัวเราะก่อนจะปล่อยมือออกจากกล้อง 
    เมื่อกี้บอกว่าชื่ออะไรนะ... จินอุน?

    " เอาล่ะจินอุน นายบอกว่านายเป็นคนเฝ้าที่นี่ใช่มั้ย " 
    " ใช่ คุณฮยองส่งฉันมาเฝ้าที่นี่ " 
    คุณฮยองอีกแล้ว สามครั้งแล้วนะ คุณฮยองคือใคร... 

    ริมฝีปากบางขยับทำท่าจะเอ่ยถาม แต่จินอุนกลับยกมือขึ้นมา 

    " คุณฮยองน่ะนะ ทั้งฉลาด วางแผนเก่ง แถมยังหล่อด้วย " 
    อูยองกรอกตาไปมา มองตามคนตัวสูงที่กำลังเดินไปเดินมารอบๆตัวเขา 

    " การที่คุณฮยองไว้ใจให้ฉันมาเฝ้าที่นี่มันเป็นเรื่องที่น่าภูมิใจใช่มั้ยล่ะ " 
    ร่างเล็กกรอกตาขึ้นฟ้าก่อนจะถอนหายใจออกมาดังๆ อ้าปากจะพูดแต่ก็... 

    " คุณฮยองกำลังติดตามคดีนี้อยู่ มันเป็นคดีที่สำคัญมาก มากกกกเลยแหละ แต่ฉันจะไม่บอกนายหรอกนะว่ามันสำคัญยังไง " 

    คดีนี้.. 
    ดีล่ะจินอุน..

    " งั้นหรอ.. แล้ว.. แสดงว่านายต้องเก่งมากๆเลยสินะ ถึงได้มาเฝ้าที่นี่ ที่ที่มีการก่อการร้านแบบอุกอาจ "
    " ช่ายยย~ " 
    อูยองพยักหน้าขึ้นลงช้าๆ

    " แล้วแสดงว่า.. นายกับคุณฮยองอะไรนั้น ก็ต้องรู้เรื่องนี้เป็นอย่างดีเลยละสิ " 
    " ช่ายย~ แต่ฉันไม่มีวันพูดเรื่องนี้หรอก มันซับซ้อนน่ะ หึหึ " 

    " อ่า.. งั้นหรอ น่าอิจฉาจัง~ " 
    อูยองแสร้งทำเสียงสูงพร้อมกับทำสีหน้าตื่นเต้นอย่างเห็นได้ชัด นั้นยิ่งทำให้จินอุ่นนึกผยองตัวเองอยู่ในใจคนเดียว

    " แล้วนายอยากให้คุณฮยองภูมิใจในตัวนายมากขึ้นไปอีกมั้ยล่ะ " 
    อูยองพูดเนิบๆ จินอุนที่ได้ยินประโยคนั้นก็หูผึ่งทันที 

    " อยากสิ! " 
    อูยองยกยิ้มมุมปากก่อนจะหันไปมองหน้าจินอุนตรงๆ 

    " ฉันยอมให้นายจับ... " อูยองหยุดพูดเพื่อดูท่าทีของคนตัวสูง 
    " คิดดูนะ... ถ้านายจับคนที่บุกเข้ามาในโกดังร้างนี่ได้ คุณฮยองของนายจะภูมิใจขนาดไหน " 


    จินอุนยืนนิ่งเหมือนกำลังทบทวนสิ่งที่อูยองพูด..




    ------------------



    โป้ก!

    " โอ๊ยยยย.. คุณฮยองอ่า เจ็บ TT " 
    มือหนาเคาะลงที่หัวขอลูกน้องตัวเอง จินอุ่นลูบหัวตัวเองป้อยๆ ก่อนที่ใบหน้าหล่อเหลาจะหันมาชายตามองร่างบาง
    ที่มาหาถึงที่...

    อูยองมองใบหน้าที่คุ้นเคยแอบลอบยิ้มอยู่ในใจ คนคนนี้ที่เขาเจอในโกดังเมื่อวันก่อน ดีเลย...ต้องขอบคุณจินอุนนะเนี่ย

    " ไหนนายบอกว่าคุณฮยองจะภูมิใจไง " 
    พอเห็นใบหน้าเคร่งขรึมของนิชคุณ จินอุนก็รีบหันมาโวยวายใส่อูยองทันที 
    เจ้าของแก้มป่องยักไหล่ไม่ตอบถือโอกาสคว้ากล้องในมือจินอุนมาถือไว้ในมือ

    โป้ก! 

    มือหนาเคาะลงไปบนหัวลูกน้องตัวเองอีกที ได้แต่ส่ายศีรษะไปมาช้าๆ 
    ดวงตากลมสวยมองสำรวจร่างบางที่ยืนอยู่ตรงหน้า ก่อนจะถอนหายใจ

    " คุณต้องการอะไร " 

    " ผมอยากรู้เรื่องในโกดังคืนนั้น "
    อูยองเลือกที่จะถามออกไปตรงๆ เพราะกับคนตรงหน้าคงฉลาดกว่าไอ่โย่งจินอุ่นเยอะ 

    คุณฮยองที่ว่า ก็คือไอ่คนหน้าหล่อวันก่อน..
    คราวนี้ต้องรู้เรื่องให้ได้ไม่งั้นไม่ยอมกลับแน่!

    " ต้องให้ผมพูดอีกกี่ครั้ง ว่าผมไม่รู้เรื่อง "
    " แต่ลูกน้องคุณบอกว่าคุณดูแลคดีนี้อยู่ "
    อูยองสวนกลับไปทันที ทำเอาคุณฮยองหันขวับไปมองเด็กโข่งตัวโตก่อนจะถอนหายใจออกมาเฮือกใหญ่

    ไม่เคยได้เรื่อง.. จินอุ่น.. 

    " เรายังหาหลักฐานอะไรไม่ได้ คุณกลับไปเถอะ " 
    " ไม่เชื่อ มีอะไรต้องปิดบังนักหนาหะ! "

    " …. "
    เสียงโวยวายทำให้ใบหน้าหล่อนั้นจ้องคนตรงหน้านิ่ง พลางไล้สายตาเก็บรายละเอียดตั้งแต่หัวจรดเท้า

    " … " 
    อูยองก็เช่นกัน ใช้สายตามองไล้ร่างสูงตั้งแต่หัวจรดเท้า ก่อนจะกลับไปจ้องใบหน้าหล่อเหลานั้นอีกครั้ง 

    หน้าตาก็ดี ทำไมต้องทำเป็นลับลมคมในด้วย ไม่น่าไว้ใจชะมัด..
    ต้องไม่ใช่คนของรัฐหรือตำรวจแน่นอน..

    " คุณชื่ออะไร.. "
    ร่างสูงถามเสียงนิ่ง กอดอกมองแก้มป่องๆนั้นไปพลางรอคำตอบ
    " บอกชื่อคุณมาก่อน " 
    ถึงจะรู้มาแล้วจากจินอุ่นแต่ก็ถามเพื่อความแน่ใจ 

    คนตัวสูงถอนหายใจเป็นครั้งที่สอง นึกเหนื่อยใจกับนักข่าวจอมตื้อแต่ก็ยอมเอ่ยปากบอกออกไป

    " นิชคุณ " 
    " อืมมม.. ผมอูยอง "

    " คุณอูยอง...ผมไม่สามารถให้ข้อมูลอะไรได้จริง กลับไปซะ " 
    จินอุนพยักหน้ารับคำของคุณฮยองรัวๆ พลางโบกมือไล่ร่างเล็กที่กำลังจ้องนิชคุณเขม็ง 

    "ผมไม่กลับง่ายๆหรอกครับ จนกว่าผมจะได้ข้อมูลจากคุณ"
    นิชคุณถอนหายใจก่อนจะใช้สายตาสั่งให้จินอุนพาอูยองออกไป ส่วนตัวเองก็ทำท่าจะเดินหนีไปอีกทาง 
    แน่นอนว่าอูยองไม่ยอมให้โอกาสดีๆแบบนี้หลุดลอยไปแน่ 

    ขาเรียวขยับเดินตามทันที แต่ติดที่ว่าร่างใหญ่ๆของจินอุนก้าวมาขวางซะก่อน 

    " หลบ " 
    " คุณฮยองบอกให้นายกลับไป " 
    อูยองถอนหายใจพรืด ใช้สายตามองตามแผ่นหลังกว้างของนิชคุณไป

    " นั่น!! แมลงสาบบินได้! " 
    จินอุนหันขวับไปตามที่คนตัวเล็กกว่าชี้ทันที เป็นการเปิดโอกาสให้อูยองวิ่งหลบออกมา 

    เสียงฝีเท้าที่ไล่หลังมาทำให้นิชคุณหันหลังกลับมาดู จินอุ่น.. พลาดอีกแล้วสินะ สอนอะไรไปไม่เคยจำ
    ถ้าไม่ติดว่าวันนี้ลูกน้องคนอื่นออกไปทำงานตามหน้าที่หมดละก็ไม่เอาเจ้าเด็กโข่งนี่ออกมาใช้หรอก

    บึก! 
    แต่เพราะความเร็วที่คนตัวเล็กวิ่งเข้าหาบวกกับร่างสูงที่จู่ๆก็หยุดเดินแล้วหันหลังกลับมาดื้อๆ
    ทำให้อูยองปะทะเข้ากับอกกว้างของคนตรงหน้าดังบึก

    " โอ้ยยย.. หยุดทำไมเนี่ย.. " 
    ยกมือขึ้นมาจับจมูกตัวเองน้อยๆก่อนจะขยับตัวถอยออกเมื่อเห็นว่าตัวเองยืนชิดอีกคนแค่ไหน...
    ทำไมมองใกล้ๆแล้วหล่อกว่าเดิมอีกว่ะ..

    " จินอุ่น.. กฎข้อที่หนึ่งว่ายังไง " 
    นิชคุณไม่ได้สนใจร่างเล็กที่ก้มหน้างุดสำรวจอาการของจมูกตัวเอง แต่เลือกที่จะหันไปส่งเสียงเข้มใส่ลูกน้องตัวดีแทน

    " เอ่อ.. อย่าละสายตาจากศัตรูครับ " 
    " แล้วนายทำได้ไหม.. "

    จินอุ่นเป็นเด็กกำพร้าที่นิชคุณเก็บมาได้เมื่อหลายปีก่อน เด็กน้อยที่อ้อนวอนเกาะแขนเกาะขาหาความรัก..
    เด็กน้อยที่มีความซื่อสัตย์เหนือสิ่งอื่นใด อาจจะเพราะจินอุ่นไม่เคยได้รับความรักจากบุคคลที่เรียกว่าพ่อแม่
    คุณฮยองคือคนที่เขาคิดจะตอบแทนให้ได้ดีที่สุดในชีวิต 

    แต่เพราะความซื่อหรือบางทีอาจจะโอนเอียงไปทางโง่ในบางครั้ง เลยทำให้ถูกดุอยู่บ่อยๆ
    " ขะ..ขอโทษครับ "

    " ส่วนนาย รู้ไหมว่าเรื่องนี้มันน่ากลัวยังไง ถ้านายเข้ามายุ่ง.. "
    เสียงทุ้มนิ่งพูดออกมา อูยองเงยมองน้ำเสียงของนิชคุณที่เปลี่ยนไป น่ากลัวกว่าเดิม.. 
    ร่างสูงสาวเท้าขอคนตัวเล็กช้าๆ

    " หมายความว่ายังไง.. "
    " มีคนจำนวนไม่น้อยเลยนะที่ต้องตายเพราะเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้.. " 
    " …. " 

    สายตากลมดูแข็งกร้าวขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด
    อะไรกัน.. ทำไมจู่ๆมาดาร์กใส่แบบนี้ละ..

    ขาเรียวก้าวถอยหลังช้าๆโดยไม่รู้ตัว น่ากลัว... 
    แต่เพื่อความอยู่รอดในอาชีพของตัวเอง... 
    ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น จ้องดวงตาสวยของคนตรงหน้าเขม็ง 

    " ถ้าคุณยังห่วงชีวิตตัวเองล่ะก็... อย่าเข้ามายุ่งกับเรื่องนี้เลย " 
    เสียงทุ้มพูดเรียบๆแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว อูยองหลบสายตาน่ากลัวนั่น

    เสียงทุ้มพูดเรียบๆแต่ดวงตากลับแข็งกร้าว อูยองหลบสายตาน่ากลัวนั่น ก่อนจะสูดลมหายใจลึกๆ 

    " ชีวิตตัวเองน่ะห่วงแน่ แต่ถ้าผมไม่ได้ข้อมูลเรื่องนี้ชีวิตผมก็อดตายอยู่ดี..." 
    ถึงแม้จะกลัว แต่ก็ต้องเก็บความกลัวนั่นเอาไว้ เขาอยากทำข่าวเรื่องนี้ อยากได้ข้อมูลเกี่ยวกับเรื่องนี้จริงๆ

    " ถ้าคุณไม่ให้ข้อมูลผม ผมก็จะตามตื้อคุณแบบนี้แหละ! " 
    นิชคุณชะงักไปเล็กน้อย ก่อนจะถอนหายใจออกมาหนักๆ 

    " ผมจะไม่ไปไหนทั้งนั้น จะดักรอคุณอยู่ที่นี่ทุกวัน จนกว่าผมจะได้ข้อมูลอย่างที่ต้องการ !" 
    นิชคุณนิ่งเงียบให้กับเสียงเล็ก กอดอกมาหน้ามุ่งมั่นกับแก้มป่องๆนั้นอีกครั้ง.. 
    อยากมากใช่ไหม.. 

    " ตามใจ.. "




    ----------------------




    ' ห้าโมงเย็นที่สนามเด็กเล่นนอกเมือง เดี๋ยวแทคยอนจะออกมาเจอคุณเอง '

    ข้อความสั้นๆที่ได้หลังจากการโทรเข้าเบอร์ที่แทคยอนให้ไว้ มินจุนนั่งรอไอ่วายร้ายตัวดีที่นัดมาเจอ
    ถือว่านี่ไม่ใช่เรื่องปกติเลย เขาเป็นคนของรัฐแต่อีกคนคือวายร้ายติดแบล็คลิสอันดับหนึ่ง 

    หวังว่าแทคยอนจะไม่รื้อกระเป๋าตังของเขาซะก่อนนะ ไม่งั้นแย่แน่ๆ 

    แสงอาทิตย์ค่อยๆคล้อยต่ำลงเรื่อย ความมืดเข้ามาเกาะกินแทนที่จนทุกอย่างถูกฉาบไปด้วยสีน้ำเงิน 
    เลยเวลานัดมาหนึ่งชั่วโมงก็ยังไม่เห็นวี่แววของอีกคน

    ความอดทนของเขามีไม่มาก แต่ยังไงก็ต้องรออยู่ดี ของในกระเป๋านั่นสำคัญมาก มือบางยกขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด กล้าดียังไงให้เขารอนานขนาดนี้...ไอ้บ้าแทคยอน 

    " โทษที พอดีมีเรื่องนิดหน่อย " 
    เสียงทุ้มหอบเหนื่อยดังมาทางด้านหลัง มินจุนถอนหายใจโดยไม่หันกลับไปมอง 
    แทคยอนเดินเนิบๆมาทรุดตัวนั่งข้างๆร่างโปร่ง 

    ทันทีที่คนตัวสูงนั่งลง มินจุนก็ลุกขึ้นยืนพร้อมกับยื่นมือออกไปข้างหน้า 

    " กระเป๋าตังฉัน " 
    แทคยอนเหลือบมองมือนั่นก่อนจะยกยิ้มมุมปาก ยังคงหอบเหนื่อยเพราะจอดรถทิ้งไว้ไกลพอสมควร 
    รีบวิ่งมาเพราะกลัวว่าจะไม่อยู่รอกัน... 

    " โถ ใจคอจะไม่ให้ผมพักหายใจหน่อยเหรอ " 
    ดวงตาเรียวจ้องคนตัวสูงเขม็งเพราะไม่รู้ว่าจะมาไม้ไหน แทคยอนยกมือสองข้างขึ้นเป็นเชิงยอมแพ้ 
    ก่อนจะหยิบกระเป๋าหนังสีดำมาถือไว้ในมือ 

    มินจุนคว้ากลับมาคืนแต่ก็ช้ากว่าแทคยอนที่ใช้มืออีกข้างจับหมับเข้าที่ข้อมือบางพร้อมกับออกแรงกระตุกให้ทรุดตัวลงนั่งข้างๆเหมือนเดิม 

    " จะทำอะไร ปล่อย " 
    คนตัวเล็กกว่าบิดข้อมือให้หลุดออกจากการเกาะกุม ถึงกระได้กระเป๋าตังคืนมาแล้ว แต่ข้อมือถูกยึดอยู่แบบนี้เขาก็กลับไม่ได้อยู่ดี 

    " ถ้าผมปล่อย คุณก็จะเดินกลับไปเลยน่ะสิ " 
    ดวงตาเรียวมองขวาง ก็แน่อยู่แล้ว จะอยู่ทำไมล่ะ! 

    ว่าแล้วก็ออกแรงสะบัดมืออีกครั้ง แต่มือหนาก็ยังยึดแน่น 

    " แทคยอน! " 
    " ผมยอมคืนกระเป๋าตังให้คุณง่ายๆเลย แลกกับให้คุณนั่งอยู่ข้างๆผมแบบนี้ ได้มั้ย..." 
    ดวงตาคมที่ฉายแววออดอ้อนทำให้มินจุนหยุดชะงัก คิ้วเรียวขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ 
    ดวงตาสองคู่สบจ้องเหมือนกำลังหยั่งเชิงอีกฝ่าย ก่อนที่มือหนาจะค่อยๆคลายออกช้าๆ 

    มินจุนถอนหายใจเบาๆ สอดกระเป๋าตังเก็บไว้ในกระเป๋ากางเกง นั่งนิ่งๆอยู่ที่เดิม...

    " ผมไม่ได้เปิดดูกระเป๋าของคุณ สบายใจได้เลย " 
    มินจุนเหลือบมองเสี้ยวหน้าด้านข้างของคนตัวสูงเล็กน้อย 
    รอยฟกช้ำที่มุมปากเป็นหลักฐานที่บอกได้ว่าแทคยอนพึ่งจะไปมีเรื่องมาจริงๆ 

    มินจุนนั่งเงียบ เสยหน้าหันไปมองที่อื่นโดยไม่สนคนที่นั่งอยู่ข้างตัวซักนิด ก็ให้นั่งเฉยๆใช่ไหมละ.. 

    แทคยอนเองก็เงียบไม่ตางกัน สายตาคมทอดยาวออกไปด้านหน้า
    จนมินจุนนึกสงสัย ดูเหนื่อยๆ..

    " วันนี้ผมมีเวลาแค่.. สิบนาที " 
    สิบนาที.. นับว่านานที่สุดเท่าที่เคยเจอกันมาเลย แทคยอนหันไปมองใบหน้าหวานที่หันกลับมามองเขาพอดี 
    ริมฝีปากบางยกยิ้มส่งไปให้ มินจุนได้แต่มองรอยยิ้มนั้นด้วยความสงสัย 

    " สิบนาทีก็นานแล้ว " มินจุนว่า พร้อมกับยักไหล่ สบจ้องดวงตาคมไม่เสหลบไปไหน 

    " นานเหรอ สำหรับคุณคงนานสินะ แต่ผมว่ามันสั้นจะตาย... " 
    มินจุนเอียงคอเล็กน้อย ดวงตาคมยังคงจริงจังเหมือนเคย ราวกับจะตอกย้ำว่าทุกคำพูดที่พูดออกมาคือเรื่องจริง 

    " อะไรของนาย " 
    แทคยอนมองท่าทางสงสัยของมินจุนก่อนจะยิ้มออกมา นั่นยิ่งทำให้มินจุนงงยิ่งกว่าเดิม

    " สิบนาทีผมมีค่านะคุณ ผมอยากรู้อะไรเกี่ยวกับคุณตั้งเยอะแยะ "
    " จะรู้ไปทำไม.. นายคงรู้หมดแล้วมั้ง " 
    มินจุนตอบออกไปนิ่งๆ เพราะไม่ว่าลูกน้องคนไหนๆของเขาก็โดนแทคยอนฆ่าตายหมด ที่เหลือรอดก็ต้องปกปิดตัวเองเอาตัวรอดต่อไป

    " ไม่สินั่นเป็นหน้าที่.. ผมอยากรู้เรื่องอื่นมากกว่าถ้าเรื่องนั้นผมรู้หมดแล้ว "
    " หึ.. "

    " ผมอยากรู้ว่าคุณชอบดูหนังแนวไหน มินจุน.. " 
    คนตัวสูงพูดออกมายิ้มๆ ถึงมันจะเป็นคำถามที่ฟังดูแปลกในการเจอกันแบบนี้ 
    แต่สำหรับแทคยอนแล้วนี่คงเป็นคำถามที่เหมาะที่สุดในเวลาไม่ถึงสิบนาที

    " ถามอะไรของนายเนี่ย.. "
    " ผมอยากรู้นี่.. "
    อยากพูดคุยในเรื่องที่คนอื่นทั่วไปเขาคุยกันบ้าง.. 

    " ปกติไม่ค่อยดูหรอก.. มัวแต่วุ่นวายกับคดีของใครบางคน "
    " อ่า.. ไม่เอาสิ ลืมว่าผมเป็นตัวร้ายไปซักวันได้ไหม " 

    " แล้วจะให้คิดว่านายเป็นใครกัน "
    ถ้ามีหลักฐานมัดตัววายร้ายข้างตัวในตอนนี้ละก็ จะจับเข้าคุกขังลืมไปเลย 

    " คิดว่าเป็นผู้ชายคนหนึ่งก็แค่นั้น "
    " นายมันเป็นคนธรรมดาซะที่ไหนกัน "
    แทคยอนแค่นหัวเราะออกมาอีกครั้ง ทำยังไงมินจุนก็คงไม่ยอมมองว่าเขาเป็นแค่ผู้ชายคนหนึ่งได้สินะ 

    ถ้าลุกเอาปืนมายิงผมได้ คงทำไปแล้วสินะมินจุน

    " ผมอยากขอเบอร์คุณไว้บ้างจัง แต่เราโทรคุยกันไม่ได้.. "

    " …. "
    ร่างเล็กกว่านั่งเงียบ.. ต้องการอะไรกันแน่แทคยอน พูดแบบนี้ทำไม.. 

    " เอาไว้ผมอายุซักแปดสิบ ยอมให้ตำรวจจับเข้าคุกแล้วผมถูกปล่อยตัวเมื่อไร.. คุณให้เบอร์ผมได้ไหม "

    " พูดแบบนี้แสดงว่าจะยอมให้จับงั้นสิ " 
    มินจุนเลิกคิ้วถามเสียงสูง เลือกที่จะไม่สนใจคำถามของแทคยอน แต่เหมือนคนตัวสูงจะไม่ยอมปล่อยผ่านไปง่ายๆ 

    " ว่าไงล่ะ ถ้าผมถูกปล่อยตัว คุณจะให้เบอร์ผมมั้ย "
    " ตอนนั้นฉันคงไปเกิดใหม่เป็นใครแล้วก็ไม่รู้ " 
    มินจุนสวนกลับห้วนๆ แทคยอนหัวเราะออกมาเบาๆ ยังไงก็จะไม่ให้สินะ... 

    เขากับมินจุนเดินกันคนละเส้นทาง เป็นยิ่งกว่าเส้นขนานซะอีก... 

    " ผมจะยอมให้คุณจับก็ได้นะ... " 
    คนตัวเล็กกว่าหันขวับไปมองคนตัวสูงทันที ใบหน้าคมก้มต่ำลงมาจนเกือบชิด จมูกโด่งของทั้งคู่เกือบจะชนกัน 
    ดวงตาคมอยู่ใกล้เกินกว่าที่เคย ลมหายใจร้อนเป่ารดอยู่บนริมฝีปากอิ่ม

    " แต่คุณต้องยอมผมก่อน... " 
    " ยอมบ้าอะไรเล่า! " 
    มือบางผลักอกกว้างแรงๆให้ถอยออก พร้อมกับเลื่อนลงคลำกระเป๋าด้วยความไม่ไว้ใจ คงไม่ได้เอาอะไรไปอีกหรอกนะ 

    แทคยอนหัวเราะเสียงดังอย่างอารมณ์ดีในขณะที่มินจุนกำลังใจเต้นระรัว ไอ้บ้านี่ เล่นอะไรไม่รู้เรื่อง... 

    " นี่.. แล้วคุณมีแฟนรึยัง " 
    นั่งเงียบไปอีกซักพักคนข้างๆก็เอ่ยถามขึ้นมาอีกครั้ง 

    คิ้วเรียวขมวดมุ่นอีกครั้ง ทำไมถึงชอบถามอะไรแปลกๆ

    " ตอบเร็ว " ร่างสูงเร่ง 
    " ไม่มี จะเอาเวลาไหนไปมี แค่นี้ก็วุ่นวายจะตายอยู่แล้ว " ร่างโปร่งเอ่ยตอบพร้อมกับยกมือขึ้นเสยผม 

    " งั้นผมก็จีบคุณได้น่ะสิ " มินจุนหันไปมองคนตัวสูงอีกครั้ง เป็นบ้าอะไรเนี่ย 

    " ผมจีบคุณได้ใช่มั้ย... " เสียงทุ้มออดอ้อนกลับมาอีกครั้ง 
    " อ๊คแทคยอน นายเป็นคนฉลาดนะ... นายก็รู้ว่าเรื่องที่นายกำลังพูดอยู่ตอนนี้มันเป็นไปไม่ได้ " 

    แทคยอนนิ่งชะงักไปเล็กน้อยก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ 

    " คุณอย่ามาทำให้เสียบรรยากาศได้มั้ยเนี่ย ผมกำลังขอจีบคุณอยู่นะ " 
    มินจุนถลึงตาใส่คนตัวสูง ยังจะมาว่าเขาอีก พูดเรื่องจริงแท้ๆ

    " นี่นาย... " 

    " ผมชอบคุณ อยากจีบคุณผิดตรงไหนกัน " 

    มินจุนนิ่งค้างไปอีกครั้ง พยายามทำความเข้าใจกับประโยคง่ายๆ ก่อนที่เสียงโทรศัพท์ของคนตัวสูงจะดังขึ้น 
    แทคยอนถอนหายใจพรืดด้วยความขัดใจ 

    " หมดเวลาแล้ว...ผมยังรอคำตอบของคุณอยู่นะ " 
    ร่างสูงลุกขึ้นยืน มินจุนเงยหน้าขึ้นมองตาม 

    เพียงเสี้ยววินาทีที่ใบหน้าคมโน้มต่ำลงมา ริมฝีปากบางกดจูบเบาๆลงบนกลีบปากนุ่ม 

    " แล้วผมจะมาเอาคำตอบ.. "

    ไอ้... 

    ไอ้บ้าแทคยอน!!!! 



    --------------------



    จุนโฮขยับตัวด้วยความปวดเมื่อย เปลือกตาบางค่อยๆเปิดขึ้นช้าๆ ความปวดที่แขนทำให้คิ้วเรียวขมวดแน่น 

    ร่างเล็กดันตัวเองขึ้นนั่ง กวาดสายตามองไปรอบๆ หลังจากที่ได้นอนหลับพักผ่อนไป
    ทำให้อาการปวดระบมช่วงล่างดีขึ้นมาบ้าง แต่ก็มีแผลใหม่ที่ยังปวดตุ้บๆ 

    ชานซองเป็นตัวอันตรายสำหรับเขาจริงๆ 

    จุนโฮถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วนี่คนตัวสูงหายไปไหนล่ะ... ขาเรียวก้าวลงจากเตียง เดินเนิบๆตรงไปที่ประตู จะว่าไปเขาก็ยังไม่เคยสำรวจบ้านหลังนี้แบบจริงๆจังๆซักที 

    ฟ้ามืดแล้วแหะ.. หลับไปนานแค่ไหนกัน.. 

    คนตัวเล็กหันไปมองนาฬิกาบนผนัง เข็มสั้นชี้เข้าหาเลขห้า
    เลขห้า.. อย่าบอกนะว่าตีห้าแล้ว.. 

    จะว่าไปตั้งแต่มาอยู่ที่นี่ยังไม่เคยตื่นเช้าขนาดนี้มาก่อนเลย 

    จุนโฮค่อยๆเปิดประตูห้องออก บ้านเงียบเหมือนไม่มีใครอยู่.. 
    คนตัวเล็กเดินลงไปข้างล่างพลางเดินเข้าเดินออกสำรวจห้องเรื่อยๆทั้งๆที่รู้แล้วว่ามันไม่มีอะไรเลย 
    บ้านสองชั้นที่มีห้องชั้นล่างอยู่ไม่กี่ห้อง เอ.. จะมีก็แต่ห้องครัวที่ดูเหมือนว่าจะมีคนอยู่ 
    แต่ก็ไม่เคยเห็นใคร สองพี่น้องบ้านั้นจะทำอาหารเองก็คงจะเป็นไปได้ยาก ไหนจะเสื้อผ้าที่ต้องซักอีก
    แสดงว่าต้องมีคนอื่นอยู่อีกสิน่า... 

    แต่คนตัวเล็กยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ กลิ่นหอมอ่อนๆของอะไรบางอย่างก็ลอยออกมาแตะจมูก
    ยั่วน้ำในกระเพาะได้ดีชะมัด.. 

    จุนโฮเดินตามกลิ่นนั้นไปก่อนจะมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องครัว ประตูถูกแง้มเอาไว้น้อยๆ 
    มือเรียวยกขึ้นเกาะกับขอบประตู โผล่หน้าเข้าไปด้านใน พลางพยายามทำตัวเองให้ลีบกับผนัง
    ดวงตาเรียวเล็กจ้องไปที่แผ่นหลังของใครบางคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่บริเวณเคาท์เตอร์

    มีคนอื่นอยู่จริงๆด้วย... 

    " ยืนทำอะไรตรงนั้นน่ะ.. จะเข้าก็เข้ามา " 
    จู่ๆเสียงทุ้มต่ำก็ดังขึ้น คนตัวเล็กสะดุ้งเล็กน้อย รู้ได้ไง.. 

    จุนโฮเดินเข้ามาในห้องครัวงงๆ ลอบสำรวจคนที่ยืนอยู่หน้าเคาท์เตอร์ 
    ชายวัยกลางคนท่าทางดุๆแบบนี้...ทำอาหารเป็นด้วยเหรอ 

    ดวงตาเรียวมองตามมือของคุณลุงพ่อบ้านที่กำลังทำกับข้าวอย่างชำนาญ 
    กลิ่นหอมโชยออกมาจนอดไม่ได้ที่จะกลืนน้ำลาย 

    " ไอ้หนุ่มไปหยิบชามมาสิ จานนั่นด้วย " 
    พยักหน้ามึนๆก่อนจะเดินไปหยิบมาให้ คุณลุงตักกับข้าวทุกอย่างใส่จานชามเรียบร้อย 
    จุนโฮทำท่าจะช่วยยกออกไปวางข้างนอก 

    " แขนเจ็บไม่ใช่เรอะ อยู่นิ่งๆไปเถอะ " 
    ร่างบางชะงักไปอีกรอบ รู้ได้ไง...ตอนนี้เขาใส่เสื้อแขนยาวนะ 

    จุนโฮยืนนิ่งๆกวาดสายตาไปทั่วห้องก่อนที่จะสะดุดเข้ากับประตูเล็กที่ถูกปิดเอาไว้
    บางอย่างกำลังดลใจให้คนตัวเล็กเดินเข้าไปหา พลางยกมือเรียวขึ้นแตะกับลูกบิดประตู

    หันไปมองชายคนเดิมให้แน่ใจว่ายังอยู่ข้างนอกก่อนจะค่อยๆเปิดประตูเข้าไป 
    ห้องนอนเล็กๆธรรมดาๆห้องหนึ่ง แต่มีสิ่งหนึ่งที่ทำให้จุนโฮเบิกตากว้าง

    ปืน..

    ปืนสามสี่กระบอกที่วางอยู่บนโต๊ะริมเตียงนอน และปืนกระบอกยาวที่แขวนอยู่บนผนัง..
    ขาเล็กก้าวถอยหลังหนีเพราะความกลัว 

    " ไม่ต้องกลัวหรอก " 
    จุนโฮหันขวับไปหาต้นเสียง มือหนาที่ดูผ่านประสบการมาโชกโชนกำลังเช็ดมือเข้ากับเศษผ้าเก่าๆ
    ดวงตาคมจ้องเขม็งมาที่ร่างบาง ไล้สายตามองคนตรงหน้านิ่ง 

    " ฉันเลิกแล้ว " เสียงทุ้มแหบพูดต่อ ดวงตาเรียวมองตามร่างของชายแปลกที่ขยับเดินผ่านเขาเข้าไปในห้อง 
    " สอนผมบ้างได้รึเปล่า.. " แทบจะทันทีที่เสียงเล็กตอบกลับเจ้าของห้องหันกลับมาจ้องจุนโฮเขม็ง

    รอยแดงสีหวานบริเวณต้นคอทำให้เจ้าของเสียงทุ้มยกยิ้มขึ้นมาน้อยๆ 

    " สู้ชานซองไม่ได้เลยงั้นสิ.. "
    " …. " 

    จุนโฮก้มหน้านิ่ง ก็แน่ละ.. 
    ถ้าไม่ฝึกตัวเองแล้วยอมชานซองอยู่แบบนี้ไม่ได้แน่ มีแค่สมองไม่ได้แล้วละจุนโฮ..

    " ไม่กลัวชานซองดุเอาหรอ.. "
    คนตัวเล็กส่ายหัวน้อยๆ ไม่มีอะไรต้องเสียไปมากกว่านี้แล้วละ 

    " แล้วเข้ามาที่นี่มาทำอะไรละเรา.. "
    คำถามที่ฟังดูง่ายๆ แต่ทำเอาจุนโฮกระตุก..

    เข้ามาทำอะไรละ.. 
    ปากบางเม้มเข้าหากันพลางคิดหาคำตอบ 

    " เพราะไม่ยอมบอกแบบนี้ ก็เลยโดนหนักสินะ " 
    จุนโฮตัวแข็งทื่อมองชายตรงหน้าเดินไปหยิบปืนสั้นมาถือไว้ในมือ 

    " สอนให้ได้ แต่เราจะสู้ชานซองได้มั้ยก็อีกเรื่อง..." 
    เสียงทุ้มพูดเนิบๆ ก่อนที่จะหันมาสบตากันอีกครั้ง 

    " ชื่ออะไรล่ะ " 
    " จุนโฮ.. อี จุนโฮครับ แล้วคุณ..."
    " ไม่จำเป็นต้องรู้หรอก " 
    คนตัวเล็กลอบมองหน้าคนข้างตัวแล้วพยักหน้าช้าๆ

    อะไรกัน.. ทำไมต้องไม่ยอมบอกชื่อด้วย 
    แต่เอาเถอะตอนนี้ขอวิชาป้องกันตัวเองไว้ก่อนดีกว่า..

    " อะ.. ลองเลือกดู ถนัดมืออันไหน "
    พ่อบ้านคนเดินเอี้ยวตัวหลบให้คนตัวเล็กได้เข้าไปเลือกของที่จุนโฮไม่ค่อยจะชอบนักบนโต๊ะ
    มือเรียวหยิบขึ้นมาสองสามอัน ยกขึ้นมาพลิกซ้ายพลิกขวา ตามที่เคยจับมา 
    ทำไมมันหนักกว่าที่เคยใช้ละ... 

    " จุนโฮ "
    เสียงคุ้นเคยของใครบางคนดังขึ้นมาจากด้านหลัง ร่างบางหันขวับเพราะความตกใจ
    ของในมือร่วงลงกับพื้น เสียงกระทบดังก้องทั่วห้อง 

    สายตาตำหนิถูกส่งมาจากคนตัวสูงที่ยืนอยู่หน้าห้อง..
    ชายซองมองคนตัวเล็กนิ่ง

    ใช้ไม่เป็นแล้วยังจะอยากใช้อีก... 

    " มานี่.. " 
    ชานซองสั่งเสียงเข้มแต่คนตัวเล็กก็ก้มลงไปเก็บกระบอกปืนก่อนจะส่ายหัวน้อยๆ 
    โดนด่าอีกแน่เลย...






    ---------------
    กร๊าซซซซ เม้นด้วยน้าาาา สั้นๆง่ายๆ 55555555555 
    หรือติดชม,เม้ามอย,ด่า,บ่นในทวิตได้ ติดแท๊ก #TheKiller ได้เลยค่ะ 5555555



     
    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×