ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - channuneo] The Killer

    ลำดับตอนที่ #11 : The Killer : Mission 9

    • อัปเดตล่าสุด 3 มิ.ย. 57





    MISSIONS 9







     

    “คุณจุนโฮลองถือดูก่อนก็ได้ครับ”

    ปืนขนาดเล็กสีดำขลับถูกยื่นมาตรงหน้า ร่างบางไล้สายตามองก่อนจะมองพ่อบ้านคิมด้วยความไม่เข้าใจ เช้านี้จุนโฮตื่นขึ้นมาบนบ้านหลังเดิม หลังที่มีแต่รั้วสูงล้อมรอบ บ้านที่แทบไม่มีหน้าต่างบานไหนเปิดออกให้ใครหน้าไหนได้มองลอดเข้ามา เดินลงมาก็พบว่าอาหารเช้าได้ถูกจัดไว้สำหรับเขาคนเดียว 

     

    “รับไปสิ..”

    หนำซ้ำยังถูกบังคับให้ฝึกยิงปืนกับคนตรงหน้า ชานซองหายไปไหนของเขาเนี่ย มือบางค่อยๆยื่นออกไปรับกระบอกปืนมาถือไว้ ถึงจะอยากยิงปืนเป็นแค่ไหนก็ตามแต่วันนี้เขารู้สึกแปลกๆ แน่ล่ะ.. ตื่นมาแบบงงๆ โดนจับให้ฝึกยิงปืนแบบงงๆ 

     

    “ตามผมมา” 

    เจ้าของเสียงแหบเดินนำหน้าไปทางหลังบ้านไม่ได้เปิดโอกาสให้ร่างบางได้พูดหรือถามอะไร ประตูบานเล็กๆถูกเปิดออกและภาพตรงหน้าก็ทำเอาจุนโฮต้องกลืนน้ำลายลงคอด้วยความยากลำบาก 

     

    แก้วใบเล็กๆที่มีสภาพยับเยินวางเรียงรายอยู่บนแท่นไม้ ความสูงอยู่ในระดับเสมอหัว บนพื้นมีเศษแก้วเศษไม้เศษเหล็กกระจัดกระจายเต็มไปหมด ดูเหมือนว่าที่นี่มันจะเป็นที่สำหรับฝึกซ้อม..

     

    “ชานซองเคยใช้ที่นี่ฝึกยิงปืน.. แต่มันก็นานมาแล้ว” 

    พ่อบ้านคิมเดินไปหยิบเศษซากแก้วบนแท่นไม้ที่มีรอยกระสุนทะลุผ่านออกก่อนจะหยิบแก้วใบใหม่ในลังกระดาษข้างๆขึ้นมาวางไว้ พื้นที่ตรงนี้ไม่ได้กว้างมากแต่ก็ไม่ได้เล็กเกินกว่าที่คนสามสี่คนจะยืนด้วยกันไม่ได้

     

    “ตอนนั้น.. ใครเป็นคนสอนชานซองหรอครับ..”

    ถามออกไปเป็นคำถามแรก จุนโฮแค่อยากรู้ว่า..จะใช่ปาร์คจินยองรึป่าว จุนโฮแค่อยากรู้ว่าเขามีตัวตนจริงๆ.. 

     

    “แทคยอนน่ะ..รายนั้นยิงปืนเป็นตั้งแต่เด็กๆ”

    “อ่อ..ครับ..”

    แต่ก็ไม่ได้ยินชื่อที่หวังว่าจะได้ยิน.. 

     

    "เอาไอ้นี่ใส่หูไว้ก่อน ถ้าไม่อยากหูดับ" พ่อบ้านคิมยื่นสำลีสีขาวมาให้จุนโฮที่ยืนมองงงๆ ก่อนจะรับมาใส่ไว้ในหูของตัวเอง 

     

    “เอาล่ะ ทีนี้ยกปืนขึ้น ทำตามผม” 

    พ่อบ้านถือปืนแน่นด้วยมือสองข้างวงแขนแกร่งวาดขึ้นระดับสายตา จุนโฮทำตามด้วยท่าทางนิ่งๆพยายามกระชับปืนในมือให้แน่นที่สุด ที่ผ่านมาจุนโฮมักจะพลาดที่ทนแรงยิงของกระบอกปืนไม่ได้ 

     

    “เล็งไปที่เป้าหมาย..จะใช้วิธีไหนก็ได้ ให้เห็นเป้าหมายให้ชัดที่สุด..”

    ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อยเพื่อปรับโฟกัสสายตา 

     

    "ขาสองข้างแยกออก ทิ้งน้ำหนักตัวตรงกลางเท้า.." 

    จุนโฮแยกเท้าออกเสมอไหล่ กระชับด้ามปืนแน่น หรี่ตาซ้าย เล็งให้ศูนย์หน้าของปืนอยู่ตรงเป้าพอดี 

     

    "ก่อนจะยิง กลั้นหายใจประมาณ 6 วิ.."

    จุนโฮสูดลมหายใจเข้าลึก แรงสะบัดของปืนต้องแรงมากอยู่แล้ว คนยิงปืนสั้นต้องมีข้อมือที่แข็งแรง... 

     

    อยู่ดีๆคำพูดของชานซองก็เข้ามาในหัวซะเฉยๆ...

     

    จุนโฮปัดความคิดทั้งหมดออกไป ก่อนจะเหนี่ยวไกปืนช้าๆ ลมหายใจถูกกลั้นเอาไว้ตามที่พ่อบ้านบอก 

     

    ปัง!!!

     

    ลูกกระสุนเฉียดปากแก้วไป พร้อมกับปลายกระบอกปืนที่สะบัดอย่างแรง จุนโฮกัดฟันแน่นรับความเจ็บปวดบริเวณข้อมือ หูทั้งสองข้างก็เหมือนจะอื้อไปหมดเพราะเสียงของปืน ทุกทีที่ฝึกเคยใช้เอียร์ปลั้ก แต่ตอนนี้เป็นสำลี... 

     

    "ข้อมือของคุณดูเหมือนจะรับแรงสะบัดไม่ค่อยไหวนะ ลองอีกที" เสียงทุ้มแหบเอ่ยบอก พร้อมกับที่เจ้าของเสียงเดินมาหยุดอยู่ข้างๆ

     

    จุนโฮสูดลมหายใจเข้าลึก ยกปืนขึ้นมาเล็งอีกครั้งกับเป้าหมายเดิม ข้อมือยังคงเจ็บแปล๊บจากการยิงครั้งที่แล้ว เขาอาจจะไม่สมควรจะใช้ปืนจริงๆก็ได้..

     

    ปัง!!!

     

    ปลายกระบอกปืนสะบัดอีกครั้ง คราวนี้แทบจะหลุดมือ ข้อมือยิ่งเจ็บเข้าไปอีก แถมลูกกระสุนก็ไม่เฉียดแก้วเลยซักนิด ให้มันได้อย่างนี้สิจุนโฮ..

     

    "ผมทำไม่ได้.." 

    ยื่นปืนกระบอกเล็กคืนให้คนตรงหน้า 

     

    "อะไรกัน..คุณชานซองอุส่าอนุญาตทั้งทีนะครับ รายนั้นน่ะ ยอมให้คนที่ไม่รู้ตัวตนมายืนถือปืนอยู่ในบ้านหลังนี้ได้ มันน่าเหลือเชื่อออกครับ.."

    นั่นสินะ หมอนั้นไม่คิดว่าซักวันหนึ่งเขาอาจจะยกปืนขึ้นมาฆ่าก็ได้ไม่ใช่รึไง 

     

    "...."

    "ลองอีกที"

     

    "ครับ.."

     

    คนตัวเล็กสูดอากาศเข้าเต็มปอดก่อนจะผ่อนออกมาช้าๆ กลั้นหายใจสักพักเพื่อตั้งสติ จดจ่ออยู่กับแก้วใสตรงหน้า ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็กน้อย

     

    จุนโฮไม่ถนัดเรื่องการใช้อาวุธ เขาถนัดเรื่องที่ต้องใช้ความคิดมากกว่า แต่ก็ดูเหมือนว่าเขายังทำได้ไม่ดีพออยู่ดี อยู่ที่นี่เหมือนว่าเขาจะทำอะไรได้ไม่ดีซักอย่าง

     

    ปัง!! 

    วิถีกระสุนเบี่ยงหลบไปโดนแก้วอีกใบ.. 

     

    แย่กว่าเดิมอีก..

     

    "ไม่เป็นไร ตั้งสติลองใหม่ครับ ทำสมองให้ว่าง..ผมจะปล่อยให้คุณอยู่คนเดียวเผื่อจะดีขึ้นบ้าง มีอะไรก็เรียกใช้ผมได้ในครัวนะครับ" 

     

    จุนโฮพยักหน้ารับน้อยๆ พลางหันมาถอนหายใจทิ้งกับตัวเอง เอาน่า.. ลองอีกครั้งจุนโฮ.. เป็นอีกครั้งและอีกครั้งที่จุนโฮเหนี่ยวไกปืนแต่ก็ไม่มีท่าทีว่าเขาจะยิงให้เข้าเป้าได้อย่างแม่นยำ คนตัวเล็กใช้เวลาอยู่กับปืนสั้นจนเวลาผ่านไป แขนเล็กเริ่มล้าจากการฝึก หนำซ้ำไหนจะข้อมือทีทำท่าจะร้าวเอาให้ได้ ปวดไปหมด.. 

     

    พระอาทิตย์ย้ายเข้ามาอยู่ตรงหน้าทำให้ต้องพักรอเวลาให้แสงย้ายที่ จุนโฮนั่งลงอิงผนังด้วยความเหนื่อยอ่อน 

     

    ทำไมงานนี้มันถึงได้ยากขนาดนี้นะ.. เบาะแสที่ได้มาดูเหมือนจะไม่มีประโยชน์อะไรเลย ทุกอย่างดูไม่เชื่อมโยงกัน รอยสัก.. อักษรย่อ.. แล้วนาฬิกาจากตึกนั้นอีก.. 

     

    ชานซองมีรอยสักรูปเสือ.. 

    แทคยอนเป็นรูปเหยี่ยว.. 

     

    ชานซองมีพละกำลังไม่ต่างจากสัตว์ดุร้ายน่ากลัวบนแผ่นหลัง แทคยอนเองก็ว่องไวบนที่สูงเหมือนเหยี่ยวที่พร้อมจะโฉบเหยื่อให้ตายคากงเล็บ.. 

     

    ส่วนซึลอง.. 

     

    งู.. 

     

    เท่าที่จำได้ รอยสักของซึลองคืองู.. ถ้าเป็นแบบนั้นซึลองคงมีนิสัยไม่ต่างจากสัตว์ชนิดนี้เท่าไร.. กัดเจ็บถึงตาย..

     

    จุนโฮระบายอารมณ์ด้วยการหยิบเศษแก้วบนพื้นขึ้นมาปาเล่น ดวงตาเรียวจับจ้องอยู่กับแก้วใบเล็กบนแท่นไม้ราวกับว่ามันคือใบหน้าของมือปืนหน้าหล่อจอมโหดนั่น 

    นี่เขากำลังเผชิญหน้าอยู่กับอะไรกันแน่ ตัวคนเดียวแบบนี้จะจัดการเรื่องทั้งหมดได้ยังไง ปาร์คจินยองเองก็ยังไม่เคยเห็นแม้แต่เงา 

     

    เพล้ง~!

     

    "โอ้ะ.."

     

    "ทีแบบนี้ล่ะ แม่นเชียวนะครับ.."

    หันควับไปตามเสียงด้านหลัง พ่อบ้านคิมยืนยิ้มอยู่ที่ประตู จุนโฮเด้งตัวยืนดัวยความเร็วพลางส่งยิ้มแห้งๆให้ไป ใครจะคิดว่าจู่ๆก็แม่น..

     

    "ผมว่าคุณจุนโฮลองทำแบบเมื่อกี้อีกครั้งดูไหมครับ" 

    ชายสูงวัยเดินเข้ามาปลดปืนออกจากมือบางและส่งเศษแก้วยาวๆที่วางอยู่บนพื้นให้แทนที่ 

     

    "หมายความว่า..ให้ผมลอง โยนมันออกไป..?"

    "ครับ..ไปหาแก้วบนนั้น" 

    สายตาคมมองจ้องไปหาแก้วใบริมสุดที่เหลืออยู่ใบเดียว มือขาวรับเศษขยะที่เหมือนมันจะไม่สามารถเป็นอาวุธอะไรได้มาถือไว้หลวมๆ 

     

    ดวงตาเรียวเล็งหมายตาตำแหน่งเอาไว้และเหวี่ยงข้อมือออกไปตามสัญชาตญาณ

     

    เพล้ง~!! 

    เศษแก้วแตกกระจายร่วงลงกับพื้น แท่นไม้ว่างเปล่าไม่มีอะไรอยู่บนนั้น.. จุนโฮมองภาพตรงหน้าด้วยสายตาอึ้งๆ

     

    "ผมว่าปืนอาจจะไม่เหมาะกับคุณจุนโฮเท่าไหร่.." พ่อบ้านคิมพูดเบาๆพร้อมกับเดินออกไปจากห้อง จุนโฮมองตามไปงงๆ ก่อนจะก้มมองมือตัวเองด้วยความทึ่ง จะว่าไปเขาก็ไม่เคยลองปาอะไรแบบนี้เลย จะฝึกก็แต่ปืน.. 

     

    "คุณจุนโฮลองปามีดเล่มนี้ให้ผมดูหน่อยได้มั้ยครับ" 

    จุนโฮที่ยืนนิ่งคิดอยู่สะดุ้งเล็กน้อยเพราะไม่ทันได้สนใจว่าพ่อบ้านเดินเข้ามาตอนไหน มองมีดสั้นที่อยู่ในมือหยาบกร้านนิ่งๆ ก่อนจะรับมากระชับไว้ในมือ 

     

    "ไม่มีเป้าให้ปา คุณจุนโฮปาแก้วที่เหลืออยู่ไปก่อนแล้วกันนะครับ" 

    จุนโฮพยักหน้ารับ ดวงตาเรียวหรี่ลงเล็งแก้วที่เหลืออยู่ ก่อนจะปามีดในมือออกไป 

     

    เพล้ง!!!

     

    เข้าเป้าแม่นยำซะจนเจ้าตัวเองยังตกใจ พ่อบ้านยกยิ้มมุมปาก ก่อนจะส่งมีดให้อีกเล่ม จุนโฮรับมา คราวนี้ดวงตาเรียวเล็งไปที่แท่นไม้หนาที่วางแก้ว 

     

    สะบัดข้อมือปามีดออกไป ปลายแหลมปักเข้ากลางแท่นไม้พอดี จุนโฮยกยิ้มกว้าง มีดสั้นอาจจะเป็นอาวุธที่เข้ากับเขามากที่สุดก็ได้..

     

    "อ้าว คุณชานซองมาพอดี.." เสียงแหบของพ่อบ้านที่เรียกชื่อใครบางคนทำให้จุนโฮที่ยืนภูมิใจกับผลงานของตัวเองอยู่หันหลังกลับมามองทันที 

     

    ร่างสูงยืนกอดอกพิงกรอบประตู มองร่างเล็กนิ่ง ก่อนจะเลื่อนสายตามามองพ่อบ้านคิมที่ยืนอยู่ข้างๆ

     

    "คุณจุนโฮยิงปืนได้ไม่ค่อยดีเท่าไหร่ครับ แต่เรื่องปามีดแม่นอย่างกับจับวาง.."

    "ฉันเห็นแล้ว" เสียงทุ้มเอ่ยขัดนิ่งๆ ดวงตาเรียวเหลือบมองร่างสูงหวาดๆ วันนี้อารมณ์ไม่ดีรึเปล่า เขาจะได้เตรียมรับมือถูก 

     

    "งั้นผมขอตัวไปเตรียมอาหารกลางวันก่อนนะครับ" 

     

    จุนโฮเสมองออกไปทางอื่น แกล้งทำเป็นหยิบนู่นมองนี่ในขณะที่ชานซองสาวเท้าเข้ามาหาช้าๆ บอกตรงๆ เขารู้สึกแปลกๆตั้งแต่คืนนั้นที่เผลอไปรู้สึกดีกับชานซอง 

     

    "ไหนยิงปืนให้ดูหน่อย"

    มือหนายื่นปืนให้นิ่งๆ หือ.. ก็พ่อบ้านพึ่งบอกไปเมื่อกี้ว่าทำไม่ได้ ยังจะให้ยิงอีกหรือไง 

     

    "ฉันทำไ.."

    "บอกว่าให้ยิง.."

     

    เออ.. ไอ่คนชอบบังคับ! ฮึดฮัดรับปืนมาถือไว้ในมือ จุนโฮทำเหมือนเดิมซ้ำอีกครั้งทุกขั้นตอนที่ถูกสอนมา และทันทีที่ลั่นไกออกไป..

     

    ปัง!!

     

    มันก็เหมือนเดิม.. ลูกกระสุนบินเฉี่ยวหายไป แถมความรู้สึกปวดๆที่ข้อมือยังทวีความรุนแรงเพิ่มขึ้นอีก 

     

    ดวงตาคมหรี่มองภาพตรงหน้า รั้งข้อมือบางขึ้นมาจับพลางปลดปืนออกมาถือไว้เอง

     

    "อะ..เจ็บ อย่าจับแรงสิ!"

    "นายคิดว่าจะพกมีดสิบๆเล่มติดตัวอย่างงั้นหรอ"

     

    "ทำไมเล่า ก็ฉันยิงปืนไม่ได้นี่!"

    "ระหว่างปืนหนึ่งกระบอก กับมีดสิบเล่มแบบไหนจะสะดวกกว่ากัน.."

     

    ก็คนมันไม่ถนัดยิงปืนนี่ เข้าใจกันบ้างไหมเล่า 

    จุนโฮมองตามคนตัวสูงที่เดินไปยืนเต้ะท่าเล็งแท่นไม้

     

    ปัง!! 

    สะดุ้งตัวโยนเพราะอยู่ๆก็ยิงแบบไม่บอกไม่กล่าว เศษไม้กระเด็นกระจัดกระจาย ชานซองยิงเข้าที่ปลายแท่นไม้ทำให้แก้วตกลงมาแตก 

     

    "มานี่"

    "อะไร?"

     

    "หนึ่ง.."

    พอเสียงทุ้มเริ่มนับจุนโฮก็ต้องยอมขยับตัวเข้าไปหาอย่างช่วยไม่ได้ วงแขนแกร่งดึงแขนอีกคนขึ้นมาชิดตัว รั้งเอวบางเข้ามาติดกับตัวเอง

     

    กลายเป็นว่าตอนนี้คนตัวเล็กถูกบังคับให้ยืนหันหน้าไปหาเป้าหมายโดยมีชานซองยืนซ้อนอยู่ด้านหลัง 

     

    มือหนาเลื่อนเข้ามากระชับกระบอกปืนขึ้นเล็งทั้งๆที่จุนโฮยังถือปืนเอาไว้ในมือ  

     

    “ทำอะไรของนาย ถอยไปนะ!”

    "เหยียดแขนออกแบบนี้ ไม่ต้องตึงมาก..”

    น้ำเสียงเบาหวิวราวกับกระซิบบอกอยู่ข้างใบหู 

     

    “สิ่งสำคัญคือสติ..”

     

    แน่นอนว่าตอนนี้จุนโฮไม่มี.. ใครสั่งใครสอนให้ยิงปืนกระบอกเดียวซ้อนกันแบบนี้! ขยับตัวหวังจะดิ้นออกจากอีกคน แต่เพราะคำขู่ของชานซองทำให้เขาต้องนิ่ง

     

    “อย่าทำให้ฉันอารมณ์เสีย..”

    “ชิ..”

     

    “มองตรงไปข้างหน้า”

    คนตัวเล็กพยายามดึงสติให้มาอยู่ที่ภาพข้างหน้าให้มากที่สุด ถึงแม้ว่าจะเหมือนโดนกอดอยู่ทั้งตัวก็ตาม ดวงตาเรียวเล็กมองจ้องแท่นไม้นิ่ง กระชับปืนแน่นขึ้นมืออีกคนออกแรงบีบ

     

    รู้สึกเมื่อย.. จะเล็งอยู่แบบนี้อีกนานไหม แอบใช้หางตาชำเลืองมองคนข้างตัวก็เห็นว่าปลายจมูกโด่งแทบจะจิ้มเข้ามาในแก้มได้ ใกล้จนจุนโฮเผลอกลั้นหายใจโดยไม่รู้ตัว

     

    ปัง!!

    เพราะแรงสะบัดของปืนทำให้ร่างบางถอยไปชนกับชานซองเล็กน้อยข้อมือบางเจ็บจี๊ดแต่ยังมีมือหนาคอยกระชับเอาไว้ ดวงตาเรียวเหลือบมองแก้วที่แตกกระจาย 

     

    "ไหนลองยิงใหม่ซิ แบบที่ฉันสอนเมื่อกี้" 

    จุนโฮเม้มริมฝีปากแน่น แล้วเมื่อกี้สอนว่าอะไรบ้างล่ะ เล็งยังไงเขายังไม่ได้สนใจเลย... มัวแต่ใจเต้นกับ... โอ้ย ให้ตายสิจุนโฮ! 

     

    ชานซองขยับถอยห่าง แต่ยังคงยืนขนาบอยู่ข้างตัวเขา แขนเรียวยกขึ้นเล็ง นิ้วสอดเข้าไกปืนช้าๆ 

     

    ร่างสูงดันข้อมือบางให้สูงขึ้นอีกหน่อย ก่อนจะยืนกอดอกมองนิ่งๆ จุนโฮหรี่ตาลงเล็งแก้วใบสุดท้าย กลั้นลมหายใจก่อนจะเหนี่ยวไกออกไป 

     

    ปัง!! 

     

    กระสุนก็ยังคงเฉี่ยวแก้วไปอยู่ดี คิ้วเรียวขมวดแน่นด้วยความหงุดหงิด ยิงมาครึ่งวันก็ยังทำไม่ได้... 

     

    "ฉันทำไม่ได้ บอกแล้วว่าทำไม่ได้!" 

    เผลอตะโกนออกไปแบบนั้นด้วยความหงุดหงิด กว่าจะนึกขึ้นได้รอบตัวก็มีแต่ความเงียบแล้ว.. ดวงตาเรียวเหลือบมองคนตัวโตที่ยืนข้างๆ เตรียมตัวยอมรับอารมณ์ของชานซองที่อาจจะคุกรุ่น 

     

    แต่แทนที่คนตัวสูงจะด่า หรือโมโหที่เขาตะโกนใส่ มือหนากลับดึงปืนออกจากมือของเขา พร้อมกับยกข้อมือเขาขึ้นมาสำรวจ 

     

    "ข้อมือของนายแข็งแรงไม่พอ แรงสะบัดของปืนทำให้กระสุนไปไม่ตรงจุดที่เล็ง ถ้าเกร็งข้อมือได้นายก็จะทำได้" 

    จุนโฮเผลอมองริมฝีปากหยักที่ขยับพูด ก่อนจะสะดุ้งสุดตัวเมื่อมือหนาบีบเบาๆที่ข้อมือขวา 

     

    "เจ็บนะ!" รีบดึงมือออกจากมือหนาทันที ดวงตาเรียวเสหลบมองไปทางอื่น ตั้งแต่คืนนั้น..เขาก็ไม่กล้ามองหน้าชานซองตรงๆอีกเลย แย่แน่ๆ.. ถ้าเขาเกิด..หลงชอบไอ้บ้านี่ขึ้นมา ต้องแย่แน่ๆ.. 

     

    “วันนี้พอแค่นี้ก่อนแล้วกัน ขึ้นไปอาบน้ำ จะออกไปข้างนอก”

    “ไปไหน?”

     

    .

    .

    .

     

     

     

    “ทำกับข้าวก็ทำให้แล้ว! ซักผ้าก็ซักให้แล้ว นวด ทำแผล ก็แล้วจะเอาอะไรอีก!”

    คิมมินจุนกำลังแผดเสียงโวยวายไปทั่วห้อง เขากำลังอารมณ์มากถึงมากที่สุดในขณะที่อ๊คแทคยอนกำลังนั่งปั่นหน้าระรื่นอยู่บนเตียง

     

    “อะไรกัน.. แค่ร้องเพลงให้ฟังเอง มันไม่ยากเลยนะ”

    มันยากตรงคนฟังเป็นหมอนี่แหละ! ชีวิตเขามันเกิดอะไรขึ้น เวลาที่ต้องเอาไปทำงานหาเบาะแสถล่มไอ่พวกโกงกินบ้านเมือง ต้องมาเสียอยู่กับไอ่มือปืนบ้าๆคนนี้น่ะหรอ!

     

    “ไม่ร้อง!”

    “น่าาา นะๆๆ”

     

    มีด.. มีดอยู่ไหน ปืนก็ได้ หรืออะไรเอามาทุบหัวหมอนี้ให้สลบไปซักที ให้ทำนู่นทำนี่อยู่ได้ว่างมากนักรึไง  

     

    “ไม่มีการมีงานทำใช่ไหม!”

    “อย่าเสียงดังสิมินจุนอ่า ไม่ร้องก็ได้ หิวข้าวแล้ว”

     

    หิวข้าวอีกแล้ว..

    “นายพึ่งกินไปเมื่อสองชั่วโมงที่แล้วนะ!”

     

    “นายทำข้าวต้มให้ฉันกินนี่ จะไปอิ่มอะไร”

     

    มินจุนกุมขมับด้วยความปวดหัว ไม่สงสัยเลยทำไมถึงแรงเยอะตัวใหญ่ได้ขนาดนี้ ของในครัวก็เริ่มลดน้อยถอยลง ตั้งแต่มีมือปืนจอมโหดเข้ามาอยู่ด้วย อาหารก็หายไปอย่างกับโจรปล้น 

     

    “แล้วจะกินอะไรเล่า!”

    “อะไรก็ได้” 

     

    คำว่าอะไรก็ได้มันทำให้เขาปวดหัวตุ้บๆหนักเข้าไปอีก แทคยอนอมยิ้มออกมาจางๆเพราะคนตรงหน้า ท่าทีฮึดฮัดของมินจุนมันน่ามองอยู่ไม่น้อย

     

    ร่างโปร่งยกมือขึ้นเสยผมด้วยความหงุดหงิด ก่อนที่เสียงออดหน้าห้องจะดังขึ้น แทคยอนหันขวับไปมองประตูทันที ใครมา.... 

     

    "เอาพิซซ่ามาส่งคร้าบบบบบบ" 

    พิซซ่า.. ใครส่งพิซซ่า? มินจุนสาวเท้าไปที่ประตูแต่ก็ต้องชะงักเพราะคนตัวโตชิงเดินตัดหน้าเขาไปเปิดประตูซะก่อน และทันทีที่เปิดประตูออก คิ้วเรียวเลิกสูงเมื่อเห็นว่าใครเป็นคนถือถาดพิซซ่ามาส่ง... 

     

    นั่นมัน..

    นายนักข่าวจอมจุ้นนี่มาได้ยังไง? 

     

    รู้ได้ยังไงว่าเขาอยู่ที่นี่? 

     

    นี่มันเรื่องบ้าอะไรกันล่ะเนี่ย!? 

     

    "ใครสั่ง ผิดห้องแล้วมั้ง" 

    เสียงทุ้มต่ำที่ดังขึ้นทำเอามินจุนหายใจสะดุด อูยองนิ่งไปซักพักก่อนจะเอ่ยออกมาเสียงเรียบ

     

    "ไม่ผิดหรอกครับ คุณหน้าหล่อ..คนนั้น เขาสั่งมาให้คุณมินจุนน่ะครับ" 

    แสร้งทำเป็นเปิดชื่อผู้รับแล้วชี้ไปที่เลขห้องด้วยท่าทางนิ่งๆ ทำให้แทคยอนหันขวับไปมองมินจุนด้วยสายตาดุๆ 

     

    คุณหน้าหล่อ.. นิชคุณสินะ..

    ริมฝีปากอิ่มเผยอออกเมื่อเห็นว่าดวงตาเรียวของอูยองขยิบให้เป็นสัญญาณในจังหวะที่แทคยอนเอี้ยวตัวมาหาเขา

     

    "ใคร?" แทคยอนถามเสียงเรียบ แต่สายตากลับคาดคั้นเขาซะอย่างกับอะไรดี มินจุนถอนหายใจเลือกที่จะไม่ตอบ 

     

    "ฝากไปบอกคุณคนนั้นด้วยว่าขอบคุณ" ร่างโปร่งว่าก่อนจะเดินแทรกร่างสูงหวังจะหยิบถาดพิซซ่ามาแต่กลับถูกข้อมือหนารั้งไว้ซะก่อน แต่ไม่ใช่ข้อมือของมินจุน..

     

    “ย๊าาๆๆ ถ้าพิซซ่ามันหกเละเทะล่ะก็ คุณจะต้องชดใช้เป็นสองเท่านะครับ~!”

    แก้มอูมๆนั้นขยับขึ้นลง โวยวายเสียงดังจนแทคยอนต้องเบือนหน้าหนีเสียงแหลมๆแต่ก็ยังไม่ยอมปล่อยมือจากคนส่งพิซซ่าจอมจุ้น

     

    “มาจากสาขาไหน”

    ถามเสียงเข้มออกไป มินจุนได้แต่รั้งท่อนแขนแกร่งแทคยอนเอาไว้ เผื่อว่าเกิดบ้าจี้อะไรขึ้นมา 

     

    “สาขาไหนไม่สำคัญหรอกครับ สำคัญที่ว่าตอนนี้เรามีโปรโมชั่นซื้อหนึ่งแถมหนึ่งหากคุณสมัครสมาชิกกับเราวันนี้คุณก็จะได้รับสิทธินั้นทันที ค่าสมัครเพียงหกพันห้าร้อยวอนเท่านั้น และบริการจัดส่งของเราจะให้พนักงานจากสาขาที่ใกล้บ้านขอ..”

     

    “พอแล้ว!!”

    เพราะเสียงพูดเจื้อยแจ้วเหมือนนกแก้วนกขุนทองทำเอาแทคยอนส่ายหน้า เขาไม่ชอบคนพูดเยอะมันน่ารำคาญ มินจุนหลุดหัวเราะออกมาเล็กน้อยกับนักข่าวตรงหน้า 

     

    ใช้ได้เหมือนกันนี่นา..

     

    “คราวหลังฝากบอกไอ่หน้าหล่ออะไรนั่นด้วยนะว่าไม่ต้อง..!”

    “อ่าา..ครับ..”

    อูยองถอนหายใจออกมาเบาๆ ที่ทำไปทั้งหมดเพราะกลัวตายนะ พูดเลย..

     

    “ถอยไปน่าแทคยอน”

    มินจุนตัดบทก่อนที่คนตัวเล็กตรงหน้าจะต้องเล่นละครไปมากกว่านี้ ร่างโปร่งแทรกตัวเข้าไปรับถาดพิซซ่ามา ทั้งคู่สบตากันเล็กน้อยพร้อมกับสิ่งของบางอย่างที่อูยองยัดใส่มือให้ใต้ถาดนั่น..

     

    “ขอบคุณครับ”

    พูดยิ้มๆพร้อมกับปิดประตูลง โดยไม่ลืมที่จะกระชับวัตถุเล็กที่ได้จากอูยองแน่น เดินผ่านคนตัวโตเข้าไปในครัว แทคยอนเดินตามเข้ามาติดๆ 

     

    มินจุนเก็บอุปกรณ์สื่อสารเล็กเข้ากระเป๋าพร้อมๆกับที่แรงฉุดจากคนตัวโตทำให้เข้าเซไปปะทะกับอกแกร่ง 

     

    “อ้ะ! อะไรของนายเนี่ย!”

    “ไอ่หน้าหล่อนั่นคือใคร”

    "จะอยากรู้ไปทำไม มีอะไรให้กินก็ดีแล้วนี่!"

    มินจุนพยายามดึงแขนให้หลุดออกจากมือหนาที่บีบแน่น มันเจ็บนะ!! 

     

    "มินจุน ตอบมา!" 

    เพราะเสียงตะคอกของแทคยอนทำให้เขาหยุดดิ้น ดวงตาเรียววาววับด้วยความโกรธ กล้าดียังไงมาตะคอกใส่เขาวะ!!

     

    "เป็นบ้าอะไรของนาย!!" 

    "ไม่ได้เป็นบ้า แต่ฉันหึง!!"

    ประโยคสั้นๆแต่กลับทำให้อารมณ์ร้อนของเขาเหมือนจะจางหายไปซะอย่างนั้น มินจุนถลึงตาให้กับความตรงไปตรงมาของคนตัวสูง แทคยอนคลายแรงบีบที่ต้นแขนก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    "ผมขอโทษ ใจร้อนไปหน่อย สรุปว่าไอ้หน้าหล่อคนนั้นคือใคร" 

    มินจุนหรี่ตาลง ยกยิ้มมุมปากพร้อมกับดึงแขนออกจากการเกาะกุม 

     

    "แฟน.."

    "อะไร ไหนคุณบอกว่าไม่มีแฟนไง!!!" 

    "ฟังให้จบก่อนได้มั้ยไอ้บ้า แฟนเก่าโว้ย!!" 

    คนตัวโตที่ทำท่าจะโวยวายต่อหยุดนิ่งคิดไปพักหนึ่ง มินจุนยักไหล่ก่อนจะหันไปหยิบแก้วน้ำมาวางไว้บนโต๊ะ 

     

    หวังว่าไอ้บ้าแทคจะเชื่อนะว่าเป็นแฟนเก่าส่งมาจริงๆ... 

     

    "แล้วทำไมมันถึงยังสั่งพิซซ่ามาให้คุณล่ะ แสดงว่ามันอยากจะกลับมาคบกับคุณแน่ๆเลย ไม่ได้นะคุณ คุณมีผมอยู่แล้ว คุณห้ามกลับไปคบกับมันนะ" 

    มินจุนมัวแต่จัดโต๊ะอาหาร ทำให้ไม่ได้ตั้งใจฟังที่คนตัวสูงพูด คิ้วเรียวเลิกขึ้นสูงเมื่อหันไปเจอแทคยอนกำลังจ้องหน้าเขาเขม็ง 

     

    "อะไรของนาย"

    "มันต้องอยากกลับมาคบกับคุณแน่ๆ"

    มินจุนกลั้นหัวเราะก่อนจะพยักหน้าหงึกหงัก พลางรินน้ำใส่แก้วของตัวเอง

     

    "คุณห้ามกลับไปคบกับมันนะ"

    พยักหน้าพร้อมกับยกแก้วน้ำขึ้นดื่ม 

     

    "เพราะคุณมีผมอยู่แล้ว ห้ามไปคบใครที่ไหนอีก" 

     

    แค่กๆ 

     

    มินจุนแทบจะพ่นน้ำที่ดื่มเข้าไป ร่างโปร่งไอสำลักจนหน้าแดงต่างจากแทคยอนที่นั่งยิ้มแฉ่ง เปิดถาดพิซซ่าหยิบออกมากินหน้าตาเฉย 

     

    "ยืนหน้าแดงอยู่ทำไมล่ะคุณ มากินสิ" 

     

    ไอ้บ้าแทคยอน!!

    ทำไมเป็นคนแบบนี้ให้ตายเถอะ 

     

    “เร็วๆ เดี๋ยวผมต้องออกไปข้างนอกอยู่นะ”

    “ก็ออกไปสิ”

    ทรุดตัวนั่งลงยอมหยิบพิซซ่าในถาดออกมากินด้วยท่าทางนิ่งๆ อึดอัดจะตายอยู่แล้ว มีคนคอยมองทุกการกระทำอยู่แบบนี้ ทำอะไรไม่ค่อยสะดวกเลย 

     

    แทคยอนยกนาฬิกาขึ้นมาก็พบว่าอีกสิบนาทีเขาต้องไปให้ถึงที่หมาย หมายความว่าเขาต้องออกจากคอนโดมินจุนตอนนี้ 

     

    “คุณห้ามออกไปไหน เด็ดขาด”

    “อืม..”

    ตอบส่งๆไป เพราะคิดว่ายังไงก็ไม่คิดที่จะยอมฟังคนตัวโตอยู่แล้ว เรื่องอะไรต้องยอม คิมมินจุนซะอย่าง

     

    “กล้องตรงทางเดินหน้าห้องนั่นมันทำงานตลอดเวลาคุณคงรู้นะ..”

    “รู้แล้วล่ะน่า..”

    ตวัดตามองก่อนจะเบือนหน้าหนีเพราะสายตาคมที่จ้องมองเขาไม่ละสายตา มินจุนลุกขึ้นสาวเท้าไปที่ตู้เย็นแก้เขิน 

     

    เขิน..

    หลงไปเขินกับสายตาแบบนั้นได้ยังไงเนี่ย.. 

     

    แทคยอนเองก็ยันตัวขึ้นบ้าง มือหนาหยิบสูทสีเข้มขึ้นมาถือไว้ก่อนจะเอ่ยเสียงเรียบให้กับร่างโปร่งที่ยืนหาอะไรบางอย่างในตู้เย็น 

     

    “ถ้าคุณขัดขืน ผมจะไม่รับประกันว่าไอ่ลูกแมวที่อยู่กับน้องชายผมตอนนี้จะเป็นยังไงนะ”

     

    กึก..

    สิ้นประโยคนั้นทำเอาตัวชาวาบไปทั้งตัว ดวงตาเรียวเบิกกว้างขึ้นทันที 

    หมายความว่าไง..

     

    “นาย..”

    ขยับตัวมาประจันหน้ากับมือปืนจอมเจ้าเล่ห์ช้าๆ

     

    “ไม่ต้องห่วง ผมยังไม่ได้บอกใครแม้แต่คนเดียว..”

    “….”

     

    “เรื่องนี้จะเป็นความลับของเราสองคน หวังว่าต่อไปนี้คุณจะยอมเชื่อฟังผมทุกเรื่องนะ คิมมินจุน..”

    มือบางกำขวดน้ำในมือแน่น คิ้วเรียวขมวดมุ่นเข้าหากันด้วยความกังวล หมายความว่าตอนนั้นที่ไอ้บ้านี่เอากระเป๋าตังค์เขาไป..

     

    มินจุนถอยหลังจนติดกับประตูตู้เย็นเมื่อคนตัวสูงเดินเข้ามาใกล้ ดวงตาคมจ้องนิ่งสะกดไม่ให้เขาละสายตา 

     

    "ผมรู้ทันคุณทุกก้าว อาจจะเดินนำหน้าคุณอยู่ด้วยซ้ำ..." 

    มินจุนเม้มริมฝีปากแน่น เขาพลาดเอง..

     

    "แล้วผมจะรีบกลับ" 

    ร่างสูงผละออก ก่อนจะเดินออกจากห้องไป ในขณะที่มินจุนยังคงยืนตัวแข็งทื่อ มือเรียวรีบหยิบอุปกรณ์สื่อสารอันจิ๋วที่อูยองส่งมาให้ขึ้นมา ถ้าให้เดาคงจะให้เขาติดต่อกับนิชคุณ

     

    มินจุนใส่เครื่องสื่อสารอันเล็กไว้ในหู กดเปิด ก่อนที่เสียงของฝ่ายตรงข้ามจะดังขึ้น เสียงสัญญาณดังถี่ๆอยู่เป็นเวลานาน เขาเดินไปยืนอยู่ที่ระเบียงรอสัญญาณตอบกลับ ไม่นานเสียงของคนคุ้นเคยก็เอ่ยขึ้น

     

    "มีเรื่องอะไรจะสารภาพมั้ย" 

    มินจุนกัดริมฝีปากด้วยความขัดใจ โจควอนคงเล่าเรื่องทั้งหมดให้นิชคุณฟังจนหมดแล้วสินะ แล้วไม่คิดจะทักกันด้วยประโยคที่ดีกว่านี้แล้วรึไง

     

    "นายคงรู้หมดแล้วล่ะมั้ง" สวนกลับไปเสียงห้วน ก่อนจะถอนหายใจออกมา มือเรียวยกขึ้นเสยผม ก้าวดุ่มๆเข้าไปในห้องนอน 

     

    "แล้วเป็นไงล่ะ ทำอะไรเคยเห็นหัวฉันบ้างมั้ย" 

    "มันไม่ใช่เวลาจะมาคุยกันเรื่องนี้นะ ฉันได้ข้อมูลมาใหม่.. แทคยอน ชานซอง แล้วก็ซึลอง มีรอยสักเหมือนกัน ในรอยสักของแทคกับชานซองมีตัวอักษรย่อ SHST แต่ของซึลองฉันไม่รู้" 

     

    “แค่นี้?”

    "ยังมีอีกเรื่อง"

    "อะไร"

     

    "วันที่บุกโกดังฉันเอากล้องให้จุนโฮไป ปกติฉันจะคอยเช็คตลอด แต่ตอนนี้คงทำไม่ได้ ฝากนายด้วยก็แล้วกัน" 

    มินจุนพูดรัวๆโดยไม่สนว่านิชคุณกำลังฟังอยู่รึเปล่า อีกฝั่งเงียบไปพักหนึ่งก่อนจะตอบกลับมา

     

    “อืม.. แต่แค่นี้มันยังไม่พอหรอกนะ นายส่งจุนโฮเข้าไปนี่.. ต้องได้มากกว่านี้สิ" 

    มินจุนทำท่าจะเถียงกลับ แต่เสียงทุ้มกลับดังออกมาเรื่อยๆ

     

    "รอยสักพวกนี้จะทำให้เราเข้าใกล้ผู้ร้ายที่แท้จริงมากขึ้น เรื่องนี้มีอะไรมากกว่าผู้ชายที่ชื่อปาร์ค จินยอง.."

    "นายหมายความว่ายังไง" มินจุนขัดขึ้นด้วยความสงสัย คิ้วเรียวขมวดแน่นเป็นปม 

     

    "หมายความตามที่พูด"

    "แล้วนายรู้เรื่องพวกนี้ได้ยังไง"

    คำถามผุดขึ้นในหัวเขามากมายจนไม่สามารถถ่ายทอดออกมาเป็นคำพูดได้ ทำไมนิชคุณถึงพูดเหมือนกับรู้อะไรบางอย่าง.. 

     

     

    .

    .

    .

     

     

    บ่อนนี่อีกแล้ว.. 

    ตึกร้างขนาดใหญ่ท้ายเมือง.. 

     

    ไม่ชอบเลย ไม่เข้าใจว่าชานซองจะต้องหอบหิ้วเขาไปทุกทีที่ที่ไปเลยรึยังไง เข้าใจว่ากลัวหนีแต่.. ที่นี่มันไม่น่าไว้ใจ ถ้าขืนเจอไอ่พวกขี้เหล้าหื่นกามแบบนั้นอีกละ มืดก็มืด มีแค่ไฟสลัวๆตามโต๊ะต่างๆเท่านั้น 

     

    คนตัวเล็กเดินชิดร่างสูงพลางกวาดสายตาไปทั่ว ระแวงหน้าระแวงหลังไปหมด เสื้อแขนยาวสีเข้มกับกางเกงยีนส์ธรรมดาไม่ได้ช่วยให้เขาอุ่นขึ้นมาเท่าไรในเวลานี้ 

     

    “เป็นอะไร ทำหน้าเหมือนเจอผี”

    ชานซองออกปากถามเพราะเห็นว่าจุนโฮทำหน้าซีดๆ 

     

    “เปล่า..”

    “กลัวหรอ เคยมาแล้วนี่”

    เพราะเคยมาแล้วนั้นแหละถึงได้กลัว ที่นี่ไม่มีพวกปกติซักคน 

     

    “อะ..”

    “นายก็รู้ว่าฉันใช้ไม่ได้”

    ปืนกระบอกเล็กถูกส่งมาให้จากคนข้างตัว ชานซองใช้สายตาดุๆบังคับให้ร่างบางรับไป 

     

    “งั้นเอาปาหัวแทนละกัน.. จะไปไหนก็ไป”

    พูดเสียงขึ้นมานิ่งๆเหมือนเรื่องที่จุนโฮพูดมันคือเรื่องเล็กก่อนจะสายเท้ายาวๆเดินหนีออกห่างฝ่ากลุ่มคนเข้าไป จุนโฮรีบก้าวตามไปเพราะกลัวจะหลงอีกแต่พอก้าวพ้นออกจากมาก็ต้องชะงักเมื่อชานซองเดินเข้าไปนั่งในมุมมืดของร้าน โซฟาสีแดงหม่นตั้งรายล้อมโต๊ะตัวยาว 

     

    อบายมุขทุกอย่างที่เขาเคยเห็นล้วนวางระเกะระกะอยู่บนโต๊ะนั้น บรรยากาศสนุกสนานแต่ทว่ามันน่ากลัวสำหรับจุนโฮ เพราะสมาชิกในนั้น..

     

    มีทั้งแทคยอน ซึลอง ชานซอง และใครอีกหลายๆคนที่ทำให้คนตัวเล็กไม่กล้าเดินเข้าไป ได้แต่ยื่นเก้ๆกังๆอยู่อย่างนั้น

     

    หนึ่งในวงล้อมหันมามองใบหน้าหวานด้วยความสงสัย คิ้วหนาเลิกขึ้นเล็กน้อย 

     

    “ชาน.. ใครวะ..”

    คนตัวสูงที่กำลังรินน้ำสีเหลืองอำพันลงในแก้วนิ่งไปซักพักก่อนจะยกยิ้มขึ้นช้าๆ เงยหน้าขึ้นมาสบตากับคนที่เขาพึ่งทิ้งปืนไว้ให้ก่อนจะตอบเสียงเรียบ

     

    “ไม่รู้สิ..”

     

    และคำตอบนั้นก็ทำเอาจุนโฮตัวชาไปทั้งร่าง สมองตื้อตันไปชั่วขณะ แทคยอนที่นั่งหันหลังให้เอี้ยวตัวมามองเล็กน้อย และหันกลับไปตามเดิม 

     

    คนตัวเล็กเม้มปากเข้าหากันก่อนจะค่อยๆเดินถอยออกไป ยังไง.. พามาที่นี่เพื่ออะไรกัน.. พามาแล้วทิ้งกันไว้แบบนี้เนี่ยนะ.. 

     

    กวาดสายตาไปรอบๆก็เห็นว่ามีบาร์สำหรับสั่งเครื่องดื่มอยู่ ไม่รอช้าคนตัวเล็กแสร้งทำตัวเหมือนมาใช้บริการที่บ่อนนี่เหมือนคนทั่วไป เดินเนียนๆไปจนถึงบาร์ มายื่นอยู่ตรงนี้ดูจะทำตัวง่ายสุดแล้ว จุนโฮหันไปมองขวดแก้วที่เรียงรายอยู่บนชั้น เขาก็พอจะเคยกินเคยดื่มอยู่บ้าง 

     

    “ผมขอ duvel ขวดหนึ่งครับ”

    สั่งออกไปมาแก้เขินพลางสังเกตไปรอบๆ คราวที่แล้วไม้ได้ตั้งใจมองอะไรเท่าไร พื้นที่ตรงกลางเป็นโต๊ะจำนวนที่มีอุปกรณ์การเล่นพนันหลากชนิดเต็มไปหมด และรอบๆล้อมไปด้วยโต๊ะเก้าอี้สำหรับนั่งดื่มพูดคุย แต่เท่าที่เห็นส่วนใหญ่จะเป็นคนใหญ่คนโตทั้งนั้น และคาดว่าคนพวกนี้คงไม่ได้ประกอบอาชีพสุจริตเท่าไร

     

    พลันสายตาเหลือไปเห็นทางเดินริมสุดก็คิดว่าห้องเมื่อคราวแล้วยังไม่ทันได้เข้าไปเลย งั้น.. เวลานี้ขอเข้าไปหน่อยละกันนะ

     

    ลิ้นเล็กเลียริมฝีปากของตัวเองขณะเริ่มใช้ความคิดอีกครั้ง ดวงตาเรียวกวาดมองคนที่เดินสวนไปสวนมา จะกลับไปที่ห้องนั้นอีกครั้งได้ยังไงโดยที่ไม่มีใครสงสัย กล้องวงจรปิดแถวนั้นก็น่าจะมีหลายตัวอยู่.. 

     

    สายตาของจุนโฮไปสะดุดอยู่กับร่างสูงของใครบางคนที่ยืนพิงเคาท์เตอร์บาร์อยู่ฝั่งตรงข้าม ท่าทางจะกรึ่มได้ที่เลยนะนั่น... 

     

    ดวงตาคมชายตามองก่อนจะสะบัดหัวไปมาเพื่อเพ่งมองคนตัวเล็กให้ชัดๆ จุนโฮรีบหันกลับมาสนใจแก้วในมือตัวเองก่อนจะยกขึ้นมาดื่ม ถึงจะหล่อแต่ถ้าเมาแบบนี้ก็น่ากลัวนะ.. กรอกสายตาไปมาพยายามไม่สบตากับคนข้างตัวพร้อมๆกับพยายามคิดหาวิธีเข้าห้องน่าสงสัยนั้น

     

    กล้องวงจรปิดน่าจะมีเยอะจนจับภาพเขาที่กำลังแอบเข้าห้องนั้นได้แน่ๆ ต้องทำอะไรซักอย่างเพื่อกลบเกลื่อนความน่าสงสัยของตัวเอง.. หรือไม่ก็ต้องไม่เข้าไปคนเดียว.. 

     

    คิ้วเรียวขยับเลิกขึ้นสูงก่อนจะยกยิ้มมุมปากเมื่อคิดอะไรบางอย่างออก ชายหนุ่มหน้าหล่อยังคงมองจ้องเขาไม่วางตา ความคิดในหัวตีกันให้วุ่นแผนที่คิดได้มันเสี่ยงอยู่ไม่น้อย แต่.. โอกาสแบบนี้มีไม่มาก ลุยเลยละกัน.. จุนโฮลุกเดินออกจากที่นั่งตรงเข้าหาเป้าหมายหน้าหล่อ 

     

    ร่างสูงมองคนตัวเล็กที่เดินเข้ามาหาด้วยสายตากรุ้มกริ่ม แอลกอฮอล์ที่ดื่มเข้าไปทำให้สติของเขาไม่ค่อยมี รู้เพียงแต่ว่าอยู่ดีๆร่างนุ่มนิ่มก็ถลาเข้ามาซุกอยู่ในอกเขาอย่างแรง 

     

    จุนโฮย่นจมูกให้กับกลิ่นเหล้าที่คลุ้งไปหมด ก่อนจะค่อยๆดันตัวออก ดวงตาเรียวช้อนมองใบหน้าคมช้าๆ 

     

    "ขอโทษครับ ผมไม่ได้ระวัง" 

    เป็นไปตามคาด เจ้าของวงแขนที่โอบรอบเอวเขาอยู่ยกยิ้มกริ่มตอบกลับมา พร้อมกับใบหน้าที่ลดลงมาเรื่อยๆ 

     

    จุนโฮเบี่ยงหน้าหลบทำให้ริมฝีปากร้อนแนบลงบนซอกคอขาว จุนโฮเม้มริมฝีปากแน่นเผลอกลั้นหายใจเมื่อสัมผัสร้อนค่อยๆเลื่อนลงต่ำ

     

    “ถ้าเป็นคุณ ต่อให้ล้มมาแรงแค่ไหนผมก็ยอมล่ะครับ..”

    เสียงเข้มตอบกลับมาก่อนจะแตะปากเข้ากับซอกคอหอม ไอ่คนพวกนี้มันหื่นกันทุกคนเลยรึไง! ทำได้แค่บ่นในใจคนเดียวพลางแกล้งส่งยิ้มหวานๆให้คนตรงหน้า มือเรียวยกดันอกแกร่งออกน้อยๆแต่ก็ไม่ได้ขัดขืน

     

    “พอดี.. ที่ผมสั่งมามันแรงไปหน่อยน่ะครับ”

    จุนโฮเบี่ยงตัวหนีปากอิ่มที่ทำท่าจะก้มลงมาจูบเอาไว้น้อยๆพลางใช้สายตาช้อนมองอย่างออดอ้อน 

     

    ร้อยทั้งร้อยถ้าใครได้เห็นภาพนี้ แน่นอนว่าดิ้นไปไหนไม่ได้ไกลซักคน จมูกโด่งของร่างสูงตรงหน้ากดลงบนแก้มนุ่ม ริมฝีปากของทั้งคู่แตะสัมผัสกันเบาๆร่างสูงพลิกตัวกลับให้แผ่นหลังบางพิงกับเคาท์เตอร์ ฝีปากร้อนจะแนบสัมผัสลงไปอีกครั้ง 

     

    ก่อนที่ดวงตาเรียวจะเหลือบไปเห็นสายตาคมแข็งกร้าวของใครบางคนกำลังจ้องมาทางเขาเขม็ง.. 

    จุนโฮเป็นฝ่ายผละออกเพราะรู้สึกได้ถึงบรรยากาศแปลกๆจากดวงตาเรียวยาวที่ยังมองจ้องมาตลอดเวลา ฮวาง ชานซอง... 

     

    สายตาทั้งสองคู่ประสานกัน ในขณะที่ร่างสูงกำลังคลอเคลียอยู่ข้างใบหูเล็ก จุนโฮสูดลมหายใจลึก ก่อนที่แขนเรียวจะโอบรอบไหล่กว้าง ริมฝีปากอิ่มกระซิบชิดใบหูของคนตัวสูง 

     

    "ตรงนี้คนมันเยอะนะครับ" 

    ใจหนึ่งก็กลัวว่าชานซองจะหุนหันลุกขึ้นมาโวยวาย แต่เพราะเห็นบรรยากาศเคร่งเครียดบนโต๊ะ

    ก็ทำให้เขาสบายใจไปส่วนหนึ่ง ชานซองคงลุกออกมาตอนนี้ไม่ได้ เหมือนว่ากำลังประชุมอะไรบางอย่างกันอยู่ 

     

    จุนโฮขยับเดินแยกไปตามทางเดินที่ตรงไปยังห้องห้องนั้น ร่างสูงที่เดินตามดูจะครองสติไม่ค่อยอยู่ แขนแกร่งเกี่ยวเอวเขาเข้าไปหา พร้อมทั้งผลักติดกำแพง 

     

    "ใจเย็นๆสิครับ ตรงนั้นมีห้อง.." 

    จุนโฮกระซิบเสียงพร่า เจ้าของใบหน้าคมก้มลงทำท่าจะจูบเขาอีกโดยไม่ฟังอะไรทั้งนั้น ร่างเล็กตัดสินใจผลักให้ร่างสูงเซไปตามทางเดินก่อนจะเข้าไปพยุง แต่มันก็ไม่ง่ายเมื่อพ่อหนุ่มหน้าหล่อตั้งท่าจะคลอเคลียเขาท่าเดียว 

     

    นัวเนียกันไปมาโดยที่ไม่ลืมขยับตัวไปตามทางจนแผ่นหลังเล็กกระแทกเข้ากับประตู ดีละ..

     

    “อะ..อื้อ!”

     

    จูบหรอ! หมอนี้จะมากเกินไปแล้ว ใครอนุญาตให้จูบ!

     

    มือเรียวจับลูกบิดก่อนจะผละตัวออกแล้วเปิดเข้าไปทันที ทั้งห้องมืดสนิททำให้เขามองไม่เห็นอะไร มีเพียงแค่ไฟสีแดงของวัตถุบางอย่าง ไหนจะคนตัวโตที่พยายามจะกินเขาอีกล่ะ!! 

     

    แผ่นหลังบางถูกดันให้ติดกับประตู จุนโฮผลักคนตัวสูงออกให้ห่างจากตัว มือเรียวกวาดไปทั่วผนังเพื่อเปิดไฟ 

     

    จุนโฮกวาดสายตาสำรวจห้องด้วยความรวดเร็ว ดูเหมือนว่าจะเป็นแค่ห้องเก็บของรกๆ แล้วก็นั่น.. นาฬิกา.. 

    นาฬิกาเหมือนที่เขาเห็นที่ตึกนั้น แต่ว่าครั้งนี้ไม่ใช่นาฬิกาตาย.. 

     

    คิ้วเรียวขมวดมุ่น ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรต่อ ร่างสูงก็เดินเข้ามากอดรัดเขาอีกครั้ง จมูกโด่งซุกไซร้ไปตามซอกคอขาว จุนโฮบีบไหล่กว้างแน่นก่อนจะกดปิดไฟอีกครั้ง 

     

    ขอโทษนะ..

     

    ปึ้ก!! 

    สิ้นเสียงนั่น คนตัวโตทรุดลงไปบนพื้นเพราะแรงตบ มือบางกำปืนกระบอกเล็กแน่น.. ถึงจะยิงไม่ได้แต่ก็ใช้ทุบหัวคนได้ล่ะนะ..

     

    ร่างบางค่อยๆสาวเท้าเข้าหานาฬิกา มันเป็นแบบเดียวกันกับที่ตึกนั้นไม่มีผิด.. แล้วคราวนี้มันจะหยุดเดินอีกไหม เพราะความมืดทำให้จุนโฮมองไม่เห็นทางเดิน มีเพียงแค่แสงไฟสีแดงจากด้านบนเล็กน้อยและมันไม่มากพอที่จะส่องห้องให้สว่างทั้งห้อง มือตัวเองยังมองไม่เห็นเลย.. พยายามเดินสะเปะสะปะเข้าไปหา เสียงร้องโอดโอยเบาๆทำให้จุนโฮต้องคอยระวังหลังอยู่เป็นระยะๆ 

     

    ร่างเล็กชนข้าวของจนเสียงดัง กลัวว่าจะมีใครสงสัยเข้าให้ ริมฝีปากอิ่มเม้มเข้าหากันอย่างให้ความคิด ต้องออกห้องนี้ไปก่อนจะมีคนสงสัย แต่นาฬิกานี่มันต้องมีอะไรผิดปกติแน่ๆ และมันก็เป็นไปไม่ได้ที่เขาจะอยู่เฝ้ามันทั้งวันทั้งคืน 

     

    มือบางกุมขมับเพราะความเครียด จะทำยังไงถึงจะเห็นนาฬิกาเจ้าปัญหาเรือนนี้ได้ตลอดเวลา 

     

    หมับบ! 

    แรงฉุดแรงๆทำให้จุนโฮเซไปตามแรงดึง ไอ่บ้านี่.. หล่อไม่พอยังตายยากอีกรึไงนะ.. หรือว่าทุบกบาลไม่แรงพอ มือหนาเอื้อมขึ้นมาคว้ากางเกงไว้คล้ายจะพยุงตัวขึ้น 

     

    “นี่ อยู่นิ่งๆก่อนได้ไหมเล่า คนกำลังเครียดอยู่”

    ส่งเสียงปรามออกไปเบาๆพลางปัดมืออีกคนออก และในจังหวะที่มือเรียวปัดไปโดนกางเกงตัวเองก็ทำให้เขานึกขึ้นได้ว่าในกระเป๋ามีอะไรบางอย่างที่มินจุนเคยให้ไว้เพื่อตามหาจินยอง 

     

    จุนโฮล้วงเข้าไปหยิบวัตถุเล็กๆออกมา กล้องติดตาม..

    เสร็จล่ะ..

     

    คนตัวเล็กออกแรงลากร่างสูงที่เขาใช้เป็นเหยื่อไปที่ประตูก่อนจะผลักให้นั่งอิงอยู่กับผนัง เมาไม่รู้เรื่องเลยจริงๆ.. แต่ก่อนที่จะเสียเวลาไปมากกว่านี้ มือบางจัดการหาสิ่งของที่เหนียวพอจะยึดกล้องติดตามเข้ากับผนัง 

     

    จะเอาอะไรมาติดดี ในกระเป๋าของตัวเองก็ไม่มีอะไรเลยนอกจากกล้องตัวจิ๋ว... หวังว่านายหน้าหล่อนี่คงพอจะมีอะไรที่ช่วยได้บ้างนะ จุนโฮตัดสินใจล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงของคนที่นอนเมาไม่รู้เรื่อง ก่อนจะดึงกล่องอะไรบางอย่างออกมา 

     

    ริมฝีปากอิ่มเม้มแน่น ยกขึ้นมาดูจนชิดก็มองไม่เห็นว่ามันคืออะไร ช่างมันเถอะ!! 

     

    มือเรียวจัดการเปิดกล่องเล็กๆนั่นออก เทของในนั้นออกใส่มือ เป็นซองๆ... เมื่อรับรู้ได้ว่ามันคืออะไร หน้าก็ร้อนขึ้นมาทันที ไม่ต้องสืบเลยว่าถ้าเขาไปส่องกระจกตอนนี้หน้าจะแดงขนาดไหน ไอ้บ้าเอ้ย... กล่องถุงยาง...

     

    มือขาวกดเปิดสวิตซ์กล้องจับใส่เข้าไปในกล่องเล็ก ใช้ความชำนาญฉีกฝากล่องออกให้เป็นรู ก่อนจะลุกขึ้นเดินคลำไปหาชั้นวางของที่เขาเห็นตอนเปิดไฟ น่าจะอยู่แถวๆนี้นี่นา... จำได้ว่าอยู่ตรงข้ามกับประตู..

     

    ปึก!

     

    ขาเรียวชนปั้กเข้ากับชั้นวางของ ฟันขาวขบกัดริมฝีปากอิ่มเพื่อกลั้นเสียงร้อง เขย่งตัวขึ้นวางกล่องในมือโดยหันปากกล่องที่ฉีกออก

     

    หวังว่าจะเห็นนะ..

     

    สูดหายใจเข้าเบาๆก่อนจะควานหาคนที่พาเข้ามา

     

    “คุณ..ตื่นสิ”

    คลำเจอกลุ่มผมหนาก็รีบตะปบเข้าข้างแก้มเบาๆ ไม่ได้ตั้งใจจะให้สลบแต่ทำไมถึงไม่ได้สตินานขนาดนี้เนี่ย

     

    “อืมม..”

    “คุณ..ตื่นๆ”

    เขย่าตัวแรงๆอีกคนก็ขยับตัวไปมาเล็กน้อย จุนโฮพยายามฉุดร่างสูงให้ลุกขึ้นแต่มันก็หนักเกินกว่าที่รูปร่างอย่างเขาจะทำได้

     

    “อืออ..ผม..ที่ไหนเนี่ย”

    “ออกไปกันเถอะ ลุกขึ้น”

     

    “คุณ..คนสวยย..”

     

    ให้ตายเถอะ.. จุนโฮส่ายหน้าไปมาเบาๆ กว่าจะออกจากห้องได้ก็ทุลักทุเลอยู่ไม่น้อย วงแขนแกร่งโอบรอบเอวคนตัวเล็กไปตลอดทางเพราะพยุงตัวเอง ร่างบางพาพ่อหนุ่มขี้เมามาส่งไว้ที่บาร์เหมือนเดิม

     

    แต่แล้วจู่ๆเจ้าของใบหน้าหล่อเหลาก็ถลาลงไปกองอยู่กับพื้นดื้อๆ จุนโฮรีบตวัดสายตามองคนต้นเหตุทันที ชายรูปร่างสูงใหญ่สองคนยืนยกยิ้มให้กับผลงานตัวเอง พร้อมกับใครบางคนที่ค่อยๆเดินเข้ามา 

     

    “คู่หูนายคงต้องนอนโรงบาลซักสองวันนะ”

    น้ำเสียงคุ้นเคยดังขึ้น สายตาคมจ้องมองเขม็งจนน่ากลัว 

     

    “ชานซอง..”

    จุนโฮถอยหลังหนีโดยอัตโนมัติ 

     

    “บอกว่าไปไหนก็ไปเลยไปหาความสำราญในห้องเก็บของงั้นหรอ..”

    “…..”

     

    “พอดีเลย.. ฉันยังคุยงานไม่เสร็จ.. แต่ลูกน้องฉันว่างอยู่..”

    “นายจะทำอะไร”

    ถามเสียงแผ่วรู้สึกถึงความไม่ปลอดภัยที่ค่อยๆรุกล้ำเข้ามา ชานซองคว้ามือบางเอาไว้ก่อนจะออกแรงลากไปตามทางเดินที่เขาพึ่งเดินออกมาเมื่อกี้.. 

     

    “ช..ชาน! ปล่อย!!”

    คนตัวโตลากจุนโฮมาเรื่อยในขณะที่เขาพยายามขืนตัวเอาไว้สุดแรงแต่ก็ไม่เป็นผล มือหนาเปิดประตูห้องเก็บของออกก่อนจะโยนคนตัวเล็กเข้าไปข้างในจนจุนโฮล้มไถลไปกับพื้น ปากอิ่มเม้มเข้าหากันแน่น ค้อนสายตามองชานซองที่ยื่นค้ำหัวเขาอยู่ช้าๆ 

     

    “ช่วยทำให้ลูกน้องฉันหาเบื่อหน่อยแล้วกันนะ...นายคงถนัด..”

    “หมายความว่าไง..”

     

    ปากหยักแสยะยิ้มขึ้น ออกแรงกดไหล่เล็กให้นอนราบลงกับพื้นปืนในกระเป๋าถูกยึดคืน แสงที่เล็ดลอดเข้ามาจากข้างนอกประตูทำให้เห็นหน้าชานซองเพียงเสี้ยวหน้า แต่นั้นก็ทำให้จุนโฮเห็นว่ามันน่ากลัวแค่ไหน.. 

     

    หัวใจดวงน้อยเต้นรัวอยู่ในอกด้วยความหวาดผวา 

     

    “ขอให้สนุกนะอีจุนโฮ..”

    สิ้นเสียงทุ้มคนตัวโตก็ผละออกจากตรงนั้น สาวเท้าหนีออกจากห้องไปดื้อๆ จุนโฮเบิกตากว้างขึ้นอีกครั้งเมื่อลูกน้องสองคนที่เดินตามหลังมาค่อยๆย่างกายเข้ามาหาเขาช้าๆ 

     

    “พวกนายจะทำอะไรน่ะ! ชานซอง! นายจะทำแบบนี้ไม่ได้นะ!!”

    โวยวายเสียงดัง ก่อนจะยันตัวขึ้นนั่งแต่ร่างสูงทั้งคู่ก็เดินมาปิดทางออกเอาไว้ก่อน

     

    ปึง~! 

    ประตูปิดลงทำให้ห้องทั้งห้องมืดลงทันที 

     

    “มามีความสุขกันดีกว่านะ นานๆทีจะมีของดีมาให้เชยชม หึหึ”

    “ถอยออกไปนะ!!"

    จุนโฮไม่สามารถควบคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่นได้ ชายร่างสูงสองคนกำลังเดินเข้ามาหาเขา

     

    ขาเรียวขยับลุกขึ้นยืนแต่กลับโดนชายคนที่ยืนอยู่ด้านขวาผลักให้ล้มลง คนตัวเล็กรีบถอยหนี ชายคนทางซ้ายทรุดตัวลงนั่งจับยึดข้อเท้าเล็กเอาไว้ 

     

    "ปล่อย!!!!"

    "พยศอย่างที่คุณชานซองบอกจริงๆด้วย.." 

    จุนโฮเบิกตากว้างเมื่อโดนกระชากข้อเท้าอย่างแรง ใจดวงน้อยเต้นระรัว รับรู้ได้ว่าตัวเองกำลังเผชิญกับอะไร.. ฮวาง ชานซอง.. ไอ้คนเลว ทำเหมือนว่าเป็นของเล่นที่จะโยนให้ใครก็ได้งั้นหรอ..

     

    หนึ่งในสองคนตรงขึ้นมาขึ้นคร่อมร่างบาง ยึดข้อมือเล็กเอาไว้เหนือหัว 

     

    “ผลัดกันคนละรอบละกันนะ”

    “เออได้ ฮ่าๆๆๆ”

     

    ห..หมายความว่าไง.. 

    จุนโฮพยายามดิ้นสุดตัวแต่ก็ไม่สามารถขยับหนีไปไหนได้ 

     

    “อ้ะ..!!”

    แลัวไม่ทันได้คิดอะไรต่อ ก็ต้องสะดุ้งตัวโยนเพราะสัมผัสสากๆข้างแก้มก่อนจะไล้ต่ำลงมา นี่เขาเป็นตัวอะไรสำหรับชานซอง ทำไมถึง.. ใจร้าย.. 

     

    ร่างเล็กสั่นสะท้านไปทั้งตัว น้ำตาใสๆเอ่อล้นอยู่รอบเรียวแพสวยก่อนจะร่วงเผาะลงมาช้าๆทันที ทั้งๆที่มันยังไม่ทันจะเกิดอะไรขึ้น กลัว.. คือความรู้สึกเดียวที่มี แรงกดหนักๆทำให้ข้อมือเจ็บแปลบซ้ำกับแผลเก่าจากการฝึกยิงปืนเมื่อเช้า

     

    ขยับไปไหนไม่ได้เลย.. 

     

    “.. ฮึก ปล่อย”

     

    “โอ๋ อย่าร้องน่าคนดี เดี๋ยวเราก็จะไปสวรรค์กันแล้วนะ..”

    มือหยาบกร้านผละแรงกดออกก่อนจะลูบไล้เข้าไปในเสื้อตัวบาง จุนโฮดิ้นพล่านพลางควานหาสิ่งของที่อยู่ใกล้มือที่สุด แต่เพราะไม่สามารถมองเห็นอะไรได้เลยเป็นเรื่องลำบากสำหรับเขา 

     

    “ฉันยอมกัดลิ้นตายดีกว่าจะ...อื้ออ!!!”

    ปากหนากดจูบเข้ากับริมฝีปากบาง จุนโฮเม้มริมฝีปากแน่น ไม่ยอมให้ลิ้นที่น่าขยะแขยงนั่นเข้ามาในปากเขาเด็ดขาด 

     

    ร่างเล็กสะอื้นจนสั่นไปทั้งตัว ริมฝีปากของคนบนร่างขยับแตะลงบนซอกคอขาว กดจูบอย่างรุนแรง จุนโฮกัดริมฝีปากแน่น ขาเรียวพยายามที่จะขยับแต่ชายอีกคนก็ยังยึดข้อเท้าเขาไว้แน่น 

     

    "ฉ..ฉันขอร้อง อย่า...." 

    เสียงหวานสั่นพร่า ดวงตาเรียวหลับแน่นพร้อมกับหยดน้ำตาที่ร่วงลงมาเป็นสาย ไม่มีแรงจะดิ้นแล้ว.. ใครก็ได้ช่วยด้วย..

     

    จุนโฮยังคงพยายามบิดข้อมือหนีแต่ก็ไม่ง่าย แรงของเขามีน้อยเกินไป เสื้อถูกเลิกขึ้นอากาศเย็นๆกระทบเข้ากับเนื้อเนียน ร่างบางสะดุ้งพร้อมกับน้ำตาที่ไหลออกมาเรื่อยๆ สะอึกสะอื้นจนตัวโยน

     

    ชานซองจะปล่อยให้เขาเจอเรื่องแบบนี้จริงๆใช่ไหม..

     

    “อะ..อื้ออ..ฮึก”

    เสียงร้องไห้ดังระงมไปทั่วห้องในขณะที่ปากร้อนๆยังคงคลอเคลียอยู่กับร่างกายเขาไม่เลิก จะทำยังไงดี.. สมองตื้อตันไม่รู้จะหาทางหนีจากคนตรงหน้ายังไง ทำได้แค่กัดปากตัวเองจนเลือดซึม

     

    “ขอร้อง.. หยุด.. ฮึก..หยุดเถอะนะ”

    “หึหึ..คุณชานซองอุส่ายกให้ หยุดก็โง่แล้ว..”

     

    ยกให้หรอ.. 

    ดวงตาเรียวพร่ามัวเต็มไปด้วยน้ำตา มือบางคว้าสะเปะสะปะจนไปเจอกับขาเก้าอี้เข้าให้ ออกแรงรั้งเข้ามาหาตัวก่อนจะเหวี่ยงสุดตัวไปหาคนที่กำลังก้มๆเงยๆอยู่บนตัวเขาตอนนี้.. 

     

    “โอ้ยยย!!”

    คิดซะว่าเป็นฮวางชานซองที่รับแรงฟาดนี้ไปเต็มๆ ฮึก.. ยกให้งั้นหรอ.. ไอ่คนใจร้าย.. 

    ฉันจะฆ่านายชานซอง..

     

    “ร้ายนักนะ หึ..”

    “อื้อออ!!!”

     

    แรงจูบหนักๆถูกยัดเยียดเข้ามาอีกครั้ง จุนโฮใช้มือฟาดไปกลางหลังอย่างแรงพลางเบือนหน้าหนีด้วยความเร็ว กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในปาก 

     

    “เห้ย! มาจับมือไว้ดิ้ ดิ้นชิบหาย”

    “ปล่อยนะไอ่พวกทุเรศ!!

     

    “ฮ่าาาๆๆ มาร้องเสียงเพราะๆให้ฟังดีกว่านะ”

    แรงขยับยุกยิกอยู่บนตัวทำเอาจุนโฮอยากจะกัดลิ้นให้ตายไปให้รู้แล้วรู้รอด ทำไมต้องมาเจอเรื่องแบบนี้ เวลาผ่านไปพร้อมๆกับน้ำตาไหลลงมาไม่ขาดสาย เสื้อตัวเล็กถูกถอดออกไปเนื้อตัวแดงช้ำไปด้วยแรงกดตลอดจนข้อมือเล็ก ตอนนี้มันปวดระบมไปหมดชนิดที่ว่าเขาไม่สามารถขยับไปไหนได้ 

     

    “อย่าา.. ขอร้อง..ฮึก..”

    มือหนาเลื่อนลงมาลูบไล้เอวบางก่อนจะแตะเข้ากับขอบกางเกง คนตัวโตค่อยๆปลดกางเกงคนตัวเล็กลงช้าๆ จุนโฮส่ายหน้ารัวพยายามดิ้นให้มากที่สุด ขอร้อง อย่าให้มากไปกว่านี้เลย..

     

    “ฮึกก..”

     

    ปังง!!

    ประตูห้องเปิดออกอย่างแรง ชานซองเดินเข้ามาสายตาคมมองสภาพอีกคนนิ่งๆ.. เนื้อตัวเต็มไปด้วยรอยแดง น้ำตาเปรอะเปื้อนไปทั่วใบหน้า 

     

    “ออกไป”

    สั่งเสียงเข้มก่อนจะใช้หันมือตบเข้ากับข้างแก้มของลูกน้องจนล้มลงไปกองอยู่กับพื้น เห็นแบบนั้นทั้งคู่จึงพากันมองหน้าเลิกลั่กพลางวิ่งออกจากห้องไป จุนโฮยันตัวขึ้นนั่งด้วยความยากลำบาก เบือนหน้าหนีไปทางอื่น ดวงตาพร่ามัวเพราะน้ำตา 

     

    “ไง..สนุกไหม..”

    ย่อตัวลงนั่งตรงหน้าร่างบาง ใช้มือเชิดคางสวยให้หันมามองกันตรงๆ จุนโฮกัดฟันแน่นก่อนจะ..

     

    เพี้ยะ!!

    สะบัดข้อมือตบอีกคนจนหน้าหัน ถึงมันจะทำให้เขาปวดข้อมือมากก็ตาม แต่มันคือสิ่งที่อยากจะทำมากที่สุด 

     

    “ทำไม..ฮึก..ทำแบบนี้..”

    “……”

     

    “นาย.. เห็นฉันเป็นอะไร..”

    ร่างสูงเงียบก่อนจะหยิบเสื้อแขนยาวที่ถูกถอดทิ้งไว้มาใส่ให้อีกคนแต่ทว่าจุนโฮกลับปัดมันทิ้งไปซะก่อน 

     

    “ใส่ซะ”

    จุนโฮนั่งนิ่งไม่ขยับตอบรับคำสั่งของคนตัวสูง ชานซองโยนเสื้อลงบนตักของคนตัวเล็กก่อนจะลุกขึ้นยืน

     

    “ใส่เสื้อผ้าให้เรียบร้อย ก่อนที่ฉันจะหมดความอดทนแล้วทิ้งนายไว้ที่นี่”

     

    .

    .

    .

     

    ร่างเล็กเปิดประตูเข้าไปในห้อง ขาทั้งสองข้างแทบจะไม่มีแรงเดิน จุนโฮพาร่างของตัวเองไปซุกตัวอยู่บนโซฟา ปวดไปหมดทั้งร่าง ขอบตาเรียวร้อนผ่าวเมื่อคิดถึงเรื่องที่เกิดขึ้น เขาเคยหวั่นไหวกับคนเลวๆอย่างไอ้บ้าชานซองนั่นได้ยังไง... ตลอดทางกลับบ้านไม่ได้พูดคุยกับชานซองแม้แต่คำเดียว จุนโฮรู้สึกอยากกลับบ้าน ไม่อยากทำงานนี้แล้ว.. 

     

    ไม่อยากเจอหน้าชานซองแล้ว..

     

    “ไปอาบน้ำ..”

    แล้วก็เป็นอีกครั้งที่จุนโฮเงียบใส่ ร่างบางหันหลังหนีพลางซุกหน้าเข้ากลับตัวเอง ปล่อยให้น้ำตาไหลลงมาช้าๆ จะทนไม่ไหวแล้ว..

     

    พรึ่บบ..!

    แต่อยู่ๆคนตัวเล็กลอยขึ้นจากโซฟาทันที 

     

    “อ้ะ! อย่ามาแตะต้องตัวฉันนะ!”

    โวยวายทั้งน้ำตา พยายามจะดิ้นออกจากวงแขน แต่ชานซองกลับไม่สนใจว่ากำปั้นเล็กๆจะทุบตีเขาขนาดไหน สาวเท้ายาวๆพลางวางร่างบางลงในอ่าง 

     

    “อาบน้ำซะมอมแมมยิ่งกว่าลูกหมา อย่าลีลาถ้าไม่อยากให้ฉันอาบให้ เสร็จแล้วเรามีเรื่องต้องคุยกัน”

    “ไม่!! ฮึก!”

     

    มือเรียวหยิบขวดแชมพูที่วางอยู่ใกล้ๆปาใส่คนตรงหน้าอย่างแม่นยำจนชานซองต้องยกมือขึ้นมาป้อง ก่อนจะตามมาด้วยขวดที่ สอง สาม สี่..

     

    “จุนโฮ!! หยุดนะ!!”

    “ฮึกก! ไปเลย ฉันเกลียดนาย!!”

     

    “ฉันบอกให้หยุด!!!”

    คนตัวเล็กเริ่มโวยวายปาของที่อยู่ใกล้ตัวทุกอย่างออกไป แม้กระทั่งที่วางสบู่เซรามิก

     

    เพล้ง~!!

    เศษเซรามิกแตกกระจายพร้อมๆกับเลือดสีแดงสดไหลออกมาจากหัวคิ้วของชานซอง

     

    จุนโฮนิ่งไปแต่ก็ไม่ได้สำนึกผิด ในเมื่อสิ่งที่ชานซองทำมันแย่กว่านี้ร้อยเท่า คนตัวเล็กนั่งสะอื้นเงียบๆปล่อยให้คนตัวโตกุมแผลตัวเองอยู่แบบนั้น

     

    “มันจะมากไปแล้วนะจุนโฮ..”

    “มันยังน้อยกว่าการที่นายทำกับฉันด้วยซ้ำ!”

     

    ชานซองจ้องร่างบางเขม็ง สาวเท้าเข้าไปจับไหล่เล็กเอาไว้แน่น 

     

    “ก็ทั้งหมดมันเป็นเพราะนายไม่ใช่รึไง..”

     

    เพี้ยะะ~~!!

    ใบหน้าคมหันไปตามแรงตบเป็นรอบที่สองของวัน มือหนายกขึ้นมาลูบสันกรามตัวเองเล็กน้อย

     

    “มันเป็นเพราะนายต่างหาก ชานซอง..”






     

    ----------------------
    งืมงืมงืม ไม่รู้จะพูดอะไร เหมือนเขียนง่อยลง 55555 
    ยังไงก็ติดชมกันได้นะคะ #TheKiller
    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×