ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - channuneo] The Killer

    ลำดับตอนที่ #8 : The Killer : Mission 6

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 501
      3
      3 มิ.ย. 57



    THE KILLER - missions 6



     

     

     

    “ นายอยู่ที่นั่นแล้วใช่ไหม.. ”

    นิชคุณกรอกเสียงนิ่งๆลงกับปลายสาย มือหนึ่งค่อยๆคนกาแฟในแก้วช้าๆ ท้องฟ้ายามเย็นหายลับไปนานแล้ว

    เวลาแบบนี้ทำให้นิชคุณถอนหายใจได้วันละหลายๆครั้ง มันเป็นช่วงเวลาที่มืดมน.. 

     

    “ อืม พึ่งถึงเมื่อกี้ “ 

    ปลายสายตอบกับด้วยน้ำเสียงที่เรียบนิ่งไม่ต่างกัน บรรยากาศในโทรศัพท์เงียบเชียบจนน่าใจหาย

     

    “ ระวังตัวด้วยละ ครั้งนี้พวกมินจุนเข้าไปด้วย “

    “ รู้แล้ว.. ก็ไม่เคยเห็นจะสำเร็จซักครั้ง ขยันหาเรื่องจริงๆนะ ”

    เสียงทุ้มแค่นหัวเราะออกมา สัญญาณขาดๆหายๆ ดูเหมือนว่าคนในปลายสายจะอยู่ในที่ที่ห่างไกลจากที่ที่นิชคุณอยู่

     

    “ หึหึ เอาน่า รายนั้นยอมใครซะที่ไหนละ ”

    “ แล้วนี่จะมาไหม.. ”

    นิชคุณละสายตาออกจากวิวทิวทัศน์นอกหน้าต่าง ย้ายสายตาลงมองมือตัวเอง 

     

    “ ไป.. แต่อีกซักพัก ”

    “ …ไม่ต้องมาก็ได้ ” 

    ยกแก้วกาแฟขึ้นมาจรดริมฝีปาก รสชาติขมปร่าติดอยู่ที่ปลายลิ้น กลิ่นหอมอ่อนๆทำให้เขาผ่อนคลายขึ้นเล็กน้อย 

     

    " ไม่อยากให้ฉันไป? " ถามเสียงสูง มุมปากหยักยกยิ้มขึ้นเล็กน้อย 

     

    " กลัวจะวุ่นวายซะเปล่าๆ " 

    " ไม่หรอกน่า.. ฉันจะดูอยู่ห่างๆ " 

     

    นิชคุณหรี่ตาลงเล็กน้อยเมื่อรู้สึกถึงใครบางคนที่ยืนแอบอยู่หน้าประตู เสียงทุ้มกระแอมก่อนจะกดวางสาย พลิกตัวหันกลับมาเผชิญหน้ากับบานประตูห้อง 

     

    " คุณจะอยู่ตรงนั้นอีกนานมั้ย "

    เอ่ยทักออกไปแบบนั้น แต่แทนคนที่แอบซ่อนอยู่หลังบานประตูจะออกมา กลับมีแต่ความเงียบ

     

    คิ้วเข้มขมวดมุ่น ลุกขึ้นจากเก้าอี้เดินตรงไปเปิดประตู กวาดสายตามองซ้ายขวากลับไม่เจอใคร 

    เสียงฝีเท้าดึงความสนใจจากนิชคุณได้เป็นอย่างดี เจ้าของร่างสูงกับรอยยิ้มกว้างกำลังเดินตรงเข้ามาหา

     

    " จินอุน เห็นอูยองมั้ย "

    " อูยอง? อ๋อ นายนักข่าวคนนั้นน่ะเหรอครับ เห็นวิ่งออกไปเมื่อกี้นี้เอง "

    " วิ่ง? "

     

    นิชคุณย้อนถาม ก่อนจะหันกลับมามองโต๊ะวางเอกสารที่ตั้งอยู่หน้าประตู คิ้วเรียวขมวดเป็นปมยิ่งกว่าเดิมเมื่อเห็นว่าเอกสารสำคัญหายไป กุญแจรถก็ด้วย

     

    " จินอุน นายเอาแผนที่โกดังไปรึเปล่า " 

    นิชคุณถามเสียงดัง ซึ่งจินอุนก็ส่ายศีรษะปฏิเสธทันที 

     

    ร่างสูงสูดหายใจเข้าหนักเพื่อระงับอารมณ์ของตัวเองเมื่อปะติดปะต่อเรื่องทั้งหมดได้ ขายาวๆรีบก้าวไปคว้าเอาปืนเหน็บไว้ข้างเอว รวมถึงกุญแจรถอีกคันมากำแน่นไว้ในมือ 

     

    " นั่นคุณฮยองจะไปไหนครับ?! "

    จินอุนตะโกนถามตามหลังร่างสูงที่ก้าวดุ่มๆออกจากตึกตรงไปที่รถ

     

    " ตามจับหัวขโมย " 

     

     

    --------------

     

     

     

    ตุ้บ.. 

     

    เสียงบางอย่างกระทบกับพื้นดังขึ้นมาจากหลังรถ คนตัวเล็กหันขวับพลางกวาดสวยตาหาต้นกำเนิด หรี่ตามมองยอดใบไม้ที่ขยับขึ้นลง ราวกับว่ามีบางอย่างไปกระทบมัน สาวเท้าเข้าหาพุ่มไม้ตรงหน้าช้าๆพยายามมองหาสิ่งผิดปกติ เงาดำที่เหมือนว่ายังอยู่ตรงนั้น

     

    อะไร.. 

     

    ตุ้บบ!!

     

    เฮือก..

    จุนโฮหลับตาแน่นคิดว่าต้องมีใครโผล่ออกมาแน่นๆ แต่ก็พบกับความเงียบ.. ดวงตาเรียวค่อยๆลืมตามอง ร่างสูงใหญ่ของชายชุดดำนอนนิ่งๆอยู่แทบเท้าร่างเล็ก ขาเรียวขยับถอยหลังทันทีด้วยความตกใจ 

     

    เสียงฝีเท้าดังขึ้นเบาๆจากบริเวณพุ่มไม้มืด ใครบางคนกำลังเดินเข้ามาหาเขา และคนคนนั้นคือสาเหตุที่ทำให้ชายชุดดำตายแน่นอน 

     

    จุนโฮกลืนน้ำลายลงคอช้าๆ ขาก้าวถอยหลังอัตโนมัติ และเขาคงจะออกวิ่งไปแล้วถ้าไม่เห็นหน้าเจ้าของเงาดำนั่นซะก่อน.. 

     

    " พี่มินจุน... ”

    " ไง ไม่เจอกันนานเลยนะ " 

    จุนโฮที่ตอนแรกเดินถอยหนี กลับรีบสาวเท้าเข้าหาทำท่าจะโวยวาย แต่ติดที่คนเป็นพี่ยกนิ้วส่งเสียงชู่ขึ้นมาเบาๆ

     

    " อย่าพึ่ง ตอนนี้ยังไม่ใช่เวลาบ่น ได้เรื่องอะไรบ้างมั้ย " 

    จุนโฮถอนหายใจเบาๆเหลือบมองมีดในมือของคนตรงหน้า ก่อนจะไล่สายตาขึ้นมาสบ 

     

    " รอยสัก "

     

    รีบบอกข้อมูลที่คิดว่าน่าจะมีประโยชน์ที่สุดในตอนนี้ สัญลักษณ์คุ้นตานั่น.. มันต้องเป็นจุญแจสำคัญที่จะทำให้ทุกอย่างคืบหน้ากว่านี้ได้แน่

     

    " รอยสักที่ชานซองมี มันเหมือนสัญลักษณ์อะไรบางอย่าง "

    มือบางก้มลงหยิบเศษกิ่งไม้พลางจรดปลายแหลมลงกับพื้นดิน วาดภาพตามที่ในหัวสมองพอจะจำได้

     

    " แค่ชานซองหรอ " 

    ย่อตัวลงมานั่งตามจุนโฮ ในขณะที่ดวงตาสวยจดจ้องอยู่ที่ภาพวาดตรงหน้าไม่วางตา

     

    " ไม่ ซึลองก็มี " 

    " ซึลอง? " 

     

    " คนที่ผมเจอ คนที่เหมือนจะเป็นคนสนิทของจินยอง เอ่อ.. แล้วก็แทคยอน ผมไม่แน่ใจว่ามีรึป่าว  " 

    มินจุนละสายตาออกจากสัญลักษณ์ตรงหน้า พลางขมวดคิ้วแน่น

     

    หมอนั้นก็มีรอยสักอย่างนั้นหรอ.. 

     

    " แทคยอนมีตรงหน้าอก แต่ผมไม่ทันเห็น " 

    จุนโฮพูดทั้งๆที่ยังขีดเขียนพื้นดิน สัญลักษณ์ที่ดูเริ่มเป็นรูปเป็นร่างแปลกๆ 

     

    มีตัวหนังสือที่ไม่เข้าใจความหมายอยู่ตรงกลาง.. 

    ' SHST ' 

     

    มินจุนหันกลับมาให้ความสนใจสิ่งที่คนตัวเล็กเขียนอีกครั้ง

     

    " คิดว่ามันมีความหมายซ่อนอยู่งั้นหรอ.. " 

    จุนโฮพยักหน้ารับช้าๆ 

     

    " ผมอยากให้พี่เอาตัวหนังสือพวกนี้ไปค้นดู ว่ามันเกี่ยวข้องกับอะไรบ้าง " 

    มินจุน จ้องตัวหนังสือตรงหน้านิ่งพยายามจำเอาไว้

     

    " สัญลักษณ์นี่.. ผมคุ้นตาเหมือนเคยเห็นที่ไหน.. " 

    นิ้วเรียวขีดรูปร่างที่คล้ายกับไฟหรืออาจจะเป็นควันซ้ำไปซ้ำมา ไฟที่ครุ่นกรุ่นอยู่ในลูกแก้ว.. 

    สายตามุ่งมั่นฉายออกมาจากดวงตาเรียว จุนโฮดูแข้มแข็งกว่าที่คิดถึงแม้ว่าพละกำลังหรือความสามารถในการป้องกันตัวจะมีไม่มาก แต่เรื่องความมุมานะเพื่อให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ขององค์กร จุนโฮคือคนที่ยอมทำทุกอย่างเพื่อแลกมาให้ได้ ไม่ว่าเขาจะเอาตัวเข้าแลกก็ตาม.. 

    มองหน้าคนตัวเล็กด้วยความสงสาร ก่อนที่สายตาจะไปสะดุดเข้ากับอะไรบางอย่าง..

     

    รอยช้ำสีหวานบริเวณซอกคอขาว..

     

    “ จุนโฮ.. คอนาย.. “

    มินจุนเลื่อนไปแตะรอยแดงนั้นเบาๆ จุนโฮผงะตัวหนีเล็กน้อยพลางกระชับคอเสื้อขึ้นมาปิด 

    เบือนสายตาหนีดวงตาสวยของคนเป็นพี่ที่มองมา..

     

    “ ..เอ่อ ผม  “

    " เอาเป็นว่าถ้าฉันหาความหมายตัวหนังสือพวกนี้ได้ ฉันจะส่งข่าวมาบอก 

    แล้ว.. ฉันจะพยายามจบเรื่องนี้ให้เร็วที่สุด.. “ 

     

    เลือกที่จะตัดบทแทนที่จะเค้นหาที่มาของรอยนั้น.. ดูก็รู้ว่ามันมาจากอะไร.. 

    และดูเหมือนจุนโฮจะไม่อยากพูดถึงมัน

     

    " ส่งข่าวมาบอก.. หมายความว่าวันนี้ผมจะไม่ได้กลับไปกับพี่หรอ.. " 

    คนตัวเล็กละสายตาออกจากสัญลักษณ์ที่ตัวเองกำลังสนใจทันที มินจุนส่ายหน้าช้าๆ ร่างเล็กมีสีหน้าที่หม่นลงอย่างเห็นได้ชัด

     

    " ถ้าวันนี้เราทำสำเร็จ สามารถจับตัวแทคยอนและชานซองได้พี่จะล้างปากพวกมันให้บอกที่อยู่จินยองมาให้ได้ ส่วนนายจะต้องอยู่สืบเรื่องของจินยองอีกแรงถ้าพวกมันไม่ยอมพูด " 

    " แล้วถ้ามัน.. ไม่สำเร็จ.. "

    ถามเสียงแผ่ว เพราะฝีมือสองคนนั้นไม่ใช่เล่นๆเลย ยิ่งครั้งนี้ดูจะเข้มงวดกว่าเดิมด้วยซ้ำ 

     

    ปัง!!!

     

    ทั้งคู่หันมามองหน้ากันเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้น มินจุนลุกขึ้นก่อน จุนโฮเองก็รีบลุกตาม คนเป็นพี่ยื่นมีดในมือให้จุนโฮรวมถึงวัตถุเล็กๆคล้ายๆเข็มกลัด... 

     

    " หาทางเอาไปติดในทีที่คิดว่าจะตามไปถึงที่อยู่จินยองได้ คิดว่ามันน่าจะมา.. และนายต้องอยู่ข้างชานซองไปก่อน เพราะฉันเองก็ไม่มั่นใจว่าเรื่องจะจบง่ายอย่างที่คิดรึเปล่า ” 

    มินจุนดึงปืนที่เหน็บอยู่ข้างเอวมาถือกระชับไว้ในมือ 

     

    " ยังไงก็เถอะ ดูแลตัวเองด้วย "

     

    มินจุนเดินตรงเข้าไปในความมืดทันทีหลังจากที่พูดจบ ทำให้จุนโฮไม่มีโอกาสได้ถามอะไรอีก ก้มลงมองเครื่องเล็กๆในมือ ยังไงเรื่องนี้คงไม่จบลงง่ายๆสินะ

     

    มันเหมือนทุกอย่างกำลังเริ่มต้น...

    แล้วแบบนี้เมื่อไหร่เขาจะหลุดพ้นซักทีล่ะ... 

     

    ปัง!

     

    เสียงปืนที่ดังขึ้นอีกนัดทำให้จุนโฮสะดุ้ง เขาไม่สามารถเดาได้เลยว่าสถานการณ์ตอนนี้เป็นยังไง หวังว่าตอนนี้ฝั่งพี่มินจุนจะได้เปรียบอยู่นะ...

     

     

    จุนโฮหรี่ตามองโกดังตรงหน้าแสงไฟเล็กจากปลายปืนขยับไปมาอยู่ภายในนั้น ขยับตัวหมอบลงกับพื้นให้ได้มากที่สุด เพราะเสียงฝีเท้าหนักๆที่วิ่งผ่านคนตัวเล็กมุ่งหน้าเข้าไปในไปในโกดัง พยายามรี่ตาโฟกัสเงาดำสามถึงสี่คนเพราะคงไม่ใช่คนของชานซอง 

     

    ควอน.. 

    ใบหน้าแบบนั้น สายตาแบบนั้น จำได้ขึ้นใจ.. 

     

    โจควอนกับลูกน้องกำลังแนบตัวชิดกับผนัง หนึ่งในนั้นพาร่างของตัวเองตะกายขึ้นไปบนขั้นสองผ่านทางผนังรั้วเหล็กของโกดัง เพียงพริบตาเดียวกลุ่มชายชุดดำที่บริเวณหน้าประตูทางเข้าหายไป... และแทบจะทันทีควอนรีบย้ายตัวเองเข้าไปข้างในพร้อมกับลูกน้องที่เหลือ 

     

    จุนโฮค่อยๆยันตัวเองขึ้น ประตูทางเข้าด้านหลังไร้คนของชานซองเฝ้าไปชั่วขณะ 

    ทางสะดวก.. 

     

    รีบเดินตามควอนเข้าไปทันที..

     

     

    -------------------------

     

     

     

    โกดังกว้าง เปลวไฟจากปลายปืนสว่างวาปไปทั่วบริเวณ ต่างฝ่ายต่างตะลุมบอนเข้าหากัน มินจุนมองไปทั่วโกดัง มันใหญ่.. ใหญ่จนทำให้คิดว่าไอ่ของผิดกฏหมายพวกนี้มันจะไปตกอยู่ในมือวายร้ายได้อีกกี่คน แทงค์เหล็กหนาตั้งตระหงาอยู่ตรงกลาง มีบันไดทอดยาวขึ้นไปจนถึงด้านบน บริเวณผนังเต็มไปด้วยนั่งร้านที่เหมือนจะเป็นนั่งร้านถาวรถูกเชื่อมติดเข้าหากันเป็นอย่างดี เหมือนว่าที่นี่ จะถูกสร้างมาเพื่อเก็บของผิดกฏหมาย อาวุธร้ายแรงโดยเฉพาะ 

    คอนเทนเนอร์ที่เตรียมพร้อมในการขนย้ายระรานตาเต็มไปหมด ไหนจะเศษซากการก่อสร้าง ท่อนเหล็ก ทุกอย่างที่พร้อมจะเป็นฐานทัพขนาดย่อม รวมถึงห้องควบคุมสิ่งอำนวยความสะดวก 

     

    มินจุนพยายามไล่ความรู้สึกจุกอกลงคอ มันน่ากลัวเกินไป.. ไม่คิดว่าไอ่พวกวายร้ายจะเหิมเกริมได้ขนาดนี้

    ดวงตาเรียวกวาดมองหาร่างของแทคยอนและชานซอง ชายชุดดำกับพวกของเขากำลังเข้าตะลุมบอนกันจนไม่รู้ว่าฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน 

     

    มินจุนเบี่ยงตัวหลบหมัดหลุนๆของชายชุดดำคนหนึ่งที่พุ่งเข้ามา ขาเรียวขยับยันโครมเข้าที่หน้าท้องของคนตรงหน้า ปืนในมือถูกยกขึ้นจ่อ เขาไม่อยากฆ่าใครถ้าไม่จำเป็น...

    ใช้ด้ามปืนฟาดลงบนขมับของชายคนนั้นเต็มแรงจนสลบเหมือด ก่อนที่จะกวาดสายตาหาคู่กรณีของตัวเองอีกครั้ง 

     

    มินจุนหรี่ตาลงเมื่อเห็นเป้าหมาย แทคยอนกับลูกน้องอีกห้าหกคนอยู่ท่ามกลางวงล้อมของลูกน้องของเขา พยายามที่จะฝ่าวงหนีออกไป รวมถึงชานซองกำลังปลิดชีวิตลูกน้องเขาทีละคน..

     

    คราวนี้ฉันจะต้องจับนายให้ได้

     

    ขาเรียวที่ขยับก้าวไปข้างหน้าหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงกริ๊กเบาๆ พร้อมกับสัมผัสหนักของปลายกระบอกปืนกดลงบนแผ่นหลัง มินจุนสูดลมหายใจเข้าก่อนจะยกมือขึ้นช้าๆ ดวงตาเรียวเหลือบมองไปข้างหลัง 

     

    ร่างโปร่งตัดสินใจใช้ความเร็วของตัวเองให้เป็นประโยชน์ พลิกตัวกลับหลังหันปัดปลายกระบอกปืนของอีกฝ่ายให้ปัดไปด้านข้าง เสียงปืนลั่นเปรี้ยงแต่มินจุนไม่ได้สนใจ อาศัยจังหวะนั้นตบปลายกระบอกปืนลงบนท้ายทอย 

     

     

    ปลายกระบอกปืนเล็งไปที่แผ่นหลังกว้างของแทคยอนที่ยืนอยู่บนโครงนั่งร้าน แต่กลับมีมือดีกระโดดคว้าเอาปลายปืนจากด้านหลัง ทำให้มินจุนเซลง แต่ก็พลิกตัวกลับขึ้นมาสบัดด้ามปืนเข้ากระแทกท้องของชายชุดดำอย่างจังพร้อมกับปล่อยหมัดหนักเข้าที่ปลายคางซ้ำ 

     

    ดวงตาเรียวกวาดมองหาเส้นทางก่อนจะวิ่งอ้อมไปอีกด้าน เจอชายชุดดำสองคนยืนดักอยู่กลางทาง ริมฝีปากอิ่มขยับพ่นคำสบถออกมาเบาๆ มันใช่เวลามาขวางมั้ยวะ!

     

    ทั้งสองคนพุ่งเข้ามาหาเขาพร้อมกัน มินจุนก้มตัวหลบหมัดจากคนแรกมาได้แต่เบี่ยงตัวหลบขาของอีกคนไม่ทัน เซไปด้านข้างเล็กน้อย เจ็บหน่วงบริเวณสีข้างที่โดนเตะ หรี่ตาลงเมื่อเห็นว่าฝ่ายตรงข้ามดึงมีดออกมาถือไว้ในมือ คมวาววับทำให้เขาเพิ่มความระวังตัวมากขึ้น 

     

    -------------------------

     

     

     

    จุนโฮเดินเรียบชิดกำแพง พยายามเบียดตัวหลบมุมให้พ้นสายตาไอ่พวกชุดดำให้มากที่สุด ตอนนี้คนของทั้งสองฝ่ายส่วนมากก็ไปรวมกันตะลุมบอนกันอยู่ที่ชานซองและแทคยอน.. 

    เป็นหุ่นยนต์รึไงนะสองคนนั้น น่ากลัวชะมัด..

     

    เพราะความสนใจของพวกชายชุดดำส่วนใหญ่ไปอยู่ที่มินจุนและควอน เลยทำให้ไม่เป็นอุปสรรคในการพรางตัวสักเท่าไร สอดส่องสายตาของคนที่คิดว่าน่าจะเป็นจินยองถึงจะไม่เคยเห็นหน้า แต่คงเดาไม่ยาก ราศีคงจะมองออกได้ อีกอย่าง จะมีรอยสักเหมือนกันอีกคนไหมนะ..

     

    ดวงตาเรียวเหงนมองขึ้นไปด้านบนโกดัง คนอย่างจินยองคงไม่อยู่ให้หาเจอง่ายๆหรอกสินะ.. 

    บันไดที่ถูกต่อเข้ากับนั่งร้านสูงขึ้นไปด้านบนหลายชั้นจนจุนโฮเผลอกัดริมฝีปากตัวเอง แก้มเนียนที่เคยเป็นสีชมพูใส ตอนนี้เปรอะเปื้อนเต็มไปด้วยคราบฝุ่นดิน ถ้าเป็นปกติคนตัวเล็กคงจะออกคำสั่งให้ใครซักคนในหน่วยปราบขึ้นไปสำรวจด้านบนไปแล้ว แต่ครั้งนี้เขาต้องทำเอง.. 

     

    ทางขึ้นบันไดอยู่ด้านหน้า ห่างจากตัวเขาเองประมาน 500 เมตร ไม่ใช่เล่นๆเลยที่ต้องไปให้ถึงตรงนั้นโดยที่จะไม่มีใครมองเห็น 

    แต่เพราะตอนนี้คนของชานซองไม่รู้ว่าร่างบางเป็นตำรวจเลยทำให้จุนโฮไม่กลัวว่าจะมีใครพุ่งเข้ามาทำร้าย แต่อย่างน้อยก็กลัวโดนลูกหลงละนะ.. 

     

    นึกนับถือควอนกับคนอื่นๆ ไม่รู้ว่าทนอยู่ในสถานการณ์กดดันแบบนี้ได้ยังไง เหงื่อเม็ดเล็กฝุดออกมาเรื่อยๆ กลิ่นคาวเลือดคละคลุ้งอยู่ในอากาศ 

     

     

     

    ————————— 

     

     

    แทคยอนกระโดดลงมาจากโครงเหล็ก ยกเท้ายันหลังของคนที่กำลังเล็งวิถีกระสุนไปหาน้องชายของตัวเอง เตะเข้าที่หลังหูเต็มแรงก่อนจะดึงตัวเองขึ้นไปยืนบนคานเหล็กชั้นสอง เพราะมินจุนยังวิ่งตามเขาไม่เลิก.. 

     

    มินจุน.. รู้อยู่แล้วว่าต้องมา...

     

    แทคยอนเลือกที่จะจัดการพวกของมินจุนอยู่ข้างบน เขาถนัดที่จะใช้สายตา.. ส่วนชานซองถนัดที่จะใช้ความเร็ว.. 

    และเวลานี้คงจะพะวงเรื่องจริยธรรมคงไม่ได้ ในเมื่อมีเสี้ยมแหลมอยู่ใต้เท้ายั่วเยี้ยไปมาขนาดนี้.. 

    แทคยอนรัวกระสุนลงไปยังเบื้องล่างไม่หยุดแต่ก็พอสะกิดให้เกิดแผลเล็กๆเท่านั้น เขาเลือกที่จะยิงแขนหรือขามากกว่าที่จะทำให้จบชีวิตลง แต่ถ้าเป็นชานซอง จะไม่มีใครรอดซักคน.. 

     

    ชานซองกระโดดลงมาจากราวบันไดชั้นสองลงบนแผ่นหลังของร่างหนึ่งก่อนจะยันตัวขึ้นไปบนคอนเทนเนอร์เพื่อไปหายังอีกฝั่งของโกดัง โดยที่มีร่างสูงของฝ่ายตรงข้ามวิ่งตามมา 

     

    “ จะอะไรกันนักหนาว่ะ.. ”

    สถบออกมาพร้อมกับกระโดลงขึ้นเกาะโครงเหล็กที่เต็มไปด้วยดินปืนหมุนตัวขึ้นยืน ยกปืนเล็งและเหนี่ยวไกใส่ร่างสูงอีกสองคนทันที ย้ายตัวลงมายืนแนบเข้ากับแทงค์ด้านข้าง แต่จู่ๆก็ถูกหมัดปริศนาปล่อยกระทบหัวคิ้ว ชานซองหันไปรวบมือทั้งสองคนคนตรงหน้าด้วยมือเดียว ออกแรงปล่อยหมัดเข้าสวนเต็มหน้าท้อง โน้มตัววิ่งพุ่งชนร่างสูงยกตัวอีกคนขึ้นบ่าก่อนจะพลิกตัวปล่อยให้ตกลงไปเบื้องล่าง 

     

    มือหนาปาดหยดเลือดจากหัวคิ้วลวกๆ ชายกำยำห้าถึงหกคนวิ่งเข้าหา สายตาจดจ้องเพียงหวังจะจับตัวเขาไปให้เจ้านาย ปากหยักกระตุกยิ้มก่อนที่หนึ่งในนั้นจะวิ่งเข้ามา ชานซองเบียงตัวหลบบปลายปืนกระโจนตัวไปด้านหลัง ล็อคคอคนตรงหน้าแน่น คว้าเอาปืนในมือมาถือทั้งๆที่ยังโอบรอบร่างสูงใหญ่อยู่ ออกแรงลั่นไกปืนในมือทั้งสองยิงรัวใส่พวกที่เหลือรอบตัว ก่อนจัดการกับเจ้าของปืน ร่างสูงยันข้อพับจนคนตรงหน้าล้มลง ใช้มือหมุนศรีษะนั้นจนเกิดเสียงลั่นของกระดูกรอบคอปล่อยให้ร่างไร้วิญญาณร่วงลงกระทบกับพื้น

     

    มินจุนวิ่งตรงไปที่แทคยอนอยู่พลางหลบวิถีกระสุนไปด้วย แต่วันคงไม่ราบลื่นตลอดทาง ชายชุดดำสองคนวิ่งตรงมาหา มินจุนเบียงตัวหลบเลี้ยวไปอีกทางก่อนจะสไลด์ตัวลงใต้นั่งร้านที่ขวางเอาไว้ยกปืนขึ้นยิงร่างโปร่งที่วิ่งสวนเข้ามาทันที เสียงร้องโหยหวนและเสียงปืนดังระงมเหมือนสัญญาณเตือนภัยไม่มีหยุด 

     

    ชานซองใช้หัวโหม่งเข้าใส่และคว้าเอาสะโพกหนาของฝ่ายตรงข้ามขึ้นเหวี่ยงลง พื้นรองเท้าหนาหวังจะตามลงกระทืบซ้ำแต่อีกคนเบียงตัวหลบทันและกลับยกสันรองเท้าขึ้นสบัดเข้าใส่สันกรามใบหน้าหล่อเข้าจนหน้าหันเซไปอีกทาง หมัดหนักจากร่างสูงตามเข้ามาย้ำแต่ชานซองยกแขนแกร่งขึ้นกั้นก่อนจะใช้ศอกตบเข้าที่หน้า จับหัวนั้นกระแทกเข้ากับฝนังปูนย้ำอีกครั้งจนร่างสูงใหญ่ล้มลงบนกองท่อนเหล็ก เป็นโอกาสให้อีกคนคว้าเหล็กหนาขึ้นมาสบัดฟาดใส่ช่วงท้องชานซองจนตัวงอ ใบหน้าหล่อสบัดหัวแรงๆเพื่อเรียกสติกลับมา พยายามยันตัวเองขึ้น ปลายกระบอกปืนสีดำเงากำลังเล็งมาตรงหน้าเขา

     

    “ ฉันอยากเห็นสีหน้าแกเวลานี้จริงๆ ”

    “ หึ.. ”

     

    ปัง!!

     

    สายตาที่หมายจ้องจะปลิดชีวิตเขาในตอนแรกล้มลงทันที กลายเป็นร่างสูงของแทคยอนปรากฏอยู่ตรงหน้าแทน

    ปืนสั้นสีดำลอยออกจากมือคนเป็นพี่ ชานซองคว้ามันเอาไว้ในมือก่อนจะยักคิ้วให้เป็นเชิงขอบคุณ 

     

    ชานซองวิ่งเข้าเอาตัวชนอีกคนที่ทำท่าจะวิ่งเข้าหา กระแทกเข้ากับคอนเทนเนอร์ด้านหลังก่อนจะตบสันกรามด้วยด้ามปืนจนหน้าหัน ยกเท้าขึ้นยันซ้ำจนร่างโปร่งเซกระเด็นไปกระแทกกับตู้กระจกพังทะลายลงมา

    แทคยอนก้มลงหลบหมัดทำให้กำปั้นหนานั้นกระแทเข้ากับทงค์น้ำด้านหลังเต็มก่อนจะถูกแทคยอนสวนกลับด้วยหมัดหนัก

     

     

    ——— 

     

     

    อูยองก้มลงดูแผนที่ในมือ ก่อนจะเงยขึ้นมาดูทางอีกครั้ง มืออีกข้างก็บังคับพวงมาลัยรถของนิชคุณที่แอบไปขโมยกุญแจมา จะว่าเขาเป็นคนนิสัยไม่ดีก็ได้นะ แต่เขาต้องได้จ้อมูลในการทำข่าวเรื่องนี้ให้ได้ 

     

    ทางที่ขับมาเปลี่ยว.. ท้องฟ้าเริ่มมืดสนิททำให้เขาต้องเพ่งมองทาง จนในที่สุดก็มาถึงจุดหมาย 

     

    ร่างโปร่งเดินลงจากรถตรงดิ่งไปที่ประตูโกดังทันที ขาเรียวหยุดชะงักเมื่อได้ยินเสียงปืนดังขึ้นหลายนัด มือทั้งสองข้างประคองกล้องที่ห้อยคอเอาไว้เริ่มเปียกชื้น 

     

    ลมหายใจถี่กระชั้นอย่างช่วยไม่ได้เมื่อขาค่อยๆก้าวเข้าไปใกล้ทางเข้ามากขึ้น เอาหน่า.. แค่เข้าไปถ่ายรูปเก็บข้อมูลแปปเดียว คงไม่เป็นไรมั้ง.. คงไม่มีอะไรมากหรอก 

     

    ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อก้าวเข้ามา อูยองรู้สึกเหมือนตัวเองหลุดเข้ามาอีกโลก ฝ่ายไหนเป็นฝ่ายไหน เขาไม่สามารถบอกได้ กวาดสายตามองเก็บรายละเอียดให้ได้มากที่สุด ทางชั้นสองนั่นดูเหมือนจะมีเหตุการณ์อะไรบางอย่าง 

     

    อูยองยกกล้องขึ้นมาถ่ายโดยที่ไม่รู้ตัวเลยว่าตัวเองกำลังกลายเป็นเป้านิ่ง 

     

     

    ปัง!

     

    รู้สึกเหมือนตัวเองโดนอะไรบางอย่างกระแทกอย่างแรงจนตัวเองล้มกลิ้ง ยังไม่ทันจะตั้งตัวหรือหายตกใจจากเสียงปืนที่พึ่งดังขึ้นเมื่อกี้ เขาก็โดนลากไปหลบอยู่ในซอก ระหว่างแทงก์น้ำกับกำแพง ซอกแคบๆที่คนสองคนไม่น่าจะมาอยู่ด้วยกันได้ 

     

    ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อเห็นว่าคนที่ช่วยเขาคือใคร ริมฝีปากบางขยับเผยอขึ้น แต่กลับโดนฝ่ามือหนายกขึ้นมาปิดซะก่อน 

     

    "ชู่.." 

    นิชคุณถลึงตาใส่คนตัวเล็กกว่าที่อยู่ในสภาวะสับสน ร่างสูงพ่นลมหายใจด้วยความหงุดหงิด ถ้าเกิดเขามาไม่ทัน นักข่าวจอมจุ้นอาจจะไม่ได้มายืนจ้องหน้าเขาแบบนี้แล้วก็ได้ 

     

    ทั้งคู่ยืนตัวแข็งทื่อก่อนที่อูยองจะขยับตัวยุกยิกเหมือนพยายามที่จะออกไปจากตรงนี้ ดวงตาคมถลึงใส่อีกครั้ง แต่ดวงตาเรียวกลับฉายแววตื่นตระหนก 

     

    “ พรวดพลาดเข้ามาไม่เข้าเรื่อง ” 

    อูยองปัดมือของนิชคุณออกก่อนจะกระซิบเบาๆ 

     

    " กล้องของผม " 

    คนตัวสูงมองตามนิ้วเรียวที่ขยับชี้ไปทางที่กล้องตกอยู่ ถอนหายใจหนักๆออกมาอีกครั้ง 

     

    "คุณจะไปไหน?" 

    ก่อนที่เขาจะวิ่งออกไปจากซอกแคบ มือเรียวก็จับยึดแขนของเขาเอาไว้ซะก่อน

     

    "เอากล้องให้ไงล่ะ รออยู่ตรงนี้ เข้าใจไหม” 

    เสียงทุ้มกดต่ำ ดวงตาคมดุจนน่ากลัว อูยองเม้มปากแน่นก่อนจะพยักหน้า 

    รู้หรอกน่าว่าทำผิด... ชิ.. 

     

    ร่างสูงก้าวยาวๆไปคว้ากล้องมาได้ ดวงตาคู่สวยกวาดมองหาลู่ทางที่พอจะพาทั้งเขาและอูยองออกไปได้ ประตูทางออกที่ใกล้ที่สุดดูท่าทางจะฝ่าไปยาก ชายชุดดำหลายคนกำลังต่อสู้กันจนมองไม่ออกว่าฝ่ายไหนไปฝ่ายไหน 

     

    นิชคุณวิ่งกลับมาหาคนที่ยืนตัวลีบติดกับกำแพง ยื่นกล้องในมือให้ก่อนคว้าข้อมือเล็กเอาไว้ 

     

    "เราต้องออกไปจากที่นี่"

    "แต่ว่า..." ยังถ่ายไม่ได้ซักรูปเลยนะ

    ประโยคหลังถูกกลืนหายไปในลำคอเมื่อเจอสายตาดุๆที่ส่งมา 

     

    "เราต้องวิ่ง"

    "วิ่ง?"

     

    "ใช่ ต้องวิ่งลอดนั่งร้านนั่น ไปออกทางประตูนั้น" 

     

     

    อูยองขยับตัวออกมาชะโงกดูตามที่นิชคุณบอก อ้าปากพะงาบๆเพราะมันไม่ใช่ระยะทางใกล้ๆเลย มันคนละฝากกันเลยนี่น่า..

     

    "ใกล้กว่านี้ไม่มีแล้วเหรอ"

    "จะออกไปไหม?”

    ดวงตาสองคู่สอดประสานกันอีกครั้ง  ดวงตาคมจ้องนิ่งในขณะที่อีกคนใจสั่นระรัวขึ้นมาซะเฉยๆ เสียงปืนที่ดังขึ้นเรียกสติให้อูยองรีบขยับปากตอบ

     

    "ก็ได้.."

    "ดี งั้นวิ่งไปก่อน เดี๋ยวจะระวังให้เอง" 

    มือเรียวกระชับกล้องเอาไว้ในมือแน่น ก่อนจะพยักหน้ารับอย่างช่วยไม่ได้ 

     

    "วิ่ง!"

    อูยองสูดลมหายใจลึกก่อนจะออกวิ่งตามคำบอกของคนตัวสูง ลำบากก็ตรงต้องประคองกล้องสุดที่รักไปด้วยเนี่ยแหละ! 

     

    ร่างโปร่งพยายามก้าวขาให้ยาวที่สุด แต่ก่อนที่เขาจะก้มตัวลงลอดนั่งร้าน มือของคนที่วิ่งตามหลังมาก็รั้งแขนของเขาเอาไว้อย่างแรง ร่างสูงพลิกเอาตัวเองบังคนตัวเล็กเอาไว้เข้ามาอยู่ในอ้อมกอด เสียงปืนที่ดังติดๆกันสองครั้งทำให้อูยองสะดุ้งสุดตัว 

     

    คนตัวสูงรั้งให้ร่างเล็กลุกขึ้น ดันไปติดกับผนังและเอาตัวเองบังไว้อีกชั้น เพราะไอ่พวกชุดดำที่แห่กรูกันเข้ามา นิชคุณยกปืนยิงสะกัดและจับไหล่หนาของร่างสูงใหญ่ที่วิ่งเข้ามาเหวี่ยงลงกับพื้น ร่างเล็กหลับตาปี๋กำเสื้อของคนที่กำลังเอาตัวเป็นเกาะป้องกันแน่น ได้ยินเสียงตุ้บตับกับแรงสะเทือนจากคนตรงหน้ายิ่งทำให้อูยองกลัวไปใหญ่ 

     

    "ไปต่อ!"

    ยังไม่ทันได้คิดอะไรต่อ มือหนากดศีรษะกลมให้ก้มลงวิ่งลอดนั่งร้านไปก่อน ส่วนตัวเองกวาดสายตามองตรงไปยังที่มาของกระสุน ก่อนจะยกปืนขึ้นมายิงตรงไปยังชายชุดดำที่ยืนอยู่บนชั้นสองอย่างแม่นยำ 

     

    อูยองวิ่งลอดนั่งร้านออกมาได้อย่างรวดเร็ว ในจังหวะที่เขากำลังจะหันกลับไปมองด้านหลัง เสียงกริ๊กที่ดังขึ้นเบาๆก็ทำเอาตัวแข็งทื่อ มือทั้งสองข้างยกขึ้นอัตโนมัติ โดยที่มือข้างหนึ่งยังถือกล้องอยู่ 

     

    อูยองกลืนน้ำลายเอื้อกเมื่อหันไปเจอปลายกระบอกปืนจ่ออยู่กลางหน้าผาก ใจสั่นระรัวด้วยความกลัว 

     

    ก่อนที่ชายชุดดำตรงหน้าจะทรุดตัวลงด้วยด้ามปืนของนิชคุณที่ฟาดลงบนท้ายทอย ร่างสูงหอบหนักก่อนจะคว้าเอาคนที่ยืนเอ๋อให้ออกวิ่งอีกครั้ง... 

     

    พระเจ้า.. ช่วยจางอูยองด้วย..

    นี่ผมกำลังทำอะไรอยู่ที่นี่!!!! 

     

    -------------------

     

     

    มินจุนใจหายวาบเมื่อเห็นว่าลูกน้องของตัวเองเริ่มล้มลงไปทีละคน พวกที่ล้อมแทคยอนเอาไว้ก็เหมือนจะกันไว้ไม่ไหว เขาจะปล่อยให้แทคยอนหนีไปไม่ได้ 

     

    เป้าหมายอยู่ไม่ไกล มินจุนขยับตัวหลบ แทรกตัวอยู่หลังคอนเทนเนอร์ พยายามกำบังตัวเองให้พ้นจากสายตาฝ่ายตรงข้ามจนตอนนี้มาหยุดอยู่ที่ด้านหลังของแทคยอน 

     

    ชายชุดดำคนทางซ้ายขยับตัวพุ่งเข้ามาหา ขยับเบี่ยงตัวหลบมีดคม ล็อคแขนของชายคนนั้นไว้แน่น ก่อนที่ขาเรียวจะออกแรงถีบหน้าท้องของอีกคนที่ทำท่าจะพุ่งเข้ามากระเด็นไปกระแทกกับเสาเต็มแรง

    ออกแรงบีบให้ชายชุดดำปล่อยมีดที่ถืออยู่ในมือก่อนจะเตะออกไปให้ไกลจากตัว จับแขนไพล่หลังโดยเอาปืนจ่อศีรษะเอาไว้ กุญแจมือที่พกมาถูกหยิบออกมาใช้ 

     

    มินจุนเค้นหัวเราะเตะเน้นไปที่สีข้างเพื่อเป็นการแก้แค้นเล็กๆน้อยๆ ส่วนชายอีกคนที่เขาเตะไปกระแทกกับเสาโดนลูกน้องของเขาจัดการเรียบร้อย 

     

     

    อ๊คแทคยอน...

    คิ้วเรียวขมวดหมับรีบออกวิ่งทันที หวังว่าลูกน้องของเขาคงยังไม่พลาดท่าหรอกนะ 

     

     

    กริ๊ก...

     

    "มันจบแล้วแทค"

     

    ปลายกระบอกปืนจ่ออยู่ตรงหน้าอกของคนตัวสูง แทคยอนหันมามองมอง ค่อยๆไล่สายตาลงมองปลายปืนที่จ่ออยู่ตรงหน้าอกตัวเอง ก่อนจะสบตากับดวงตาเรียวนิ่ง 

     

    "ฉันรู้อยู่แล้วว่านายต้องมา"

    มินจุนเพิ่มแรงกดปลายกระบอกปืน กวาดสายตามองร่างของลูกน้องตัวเองที่นอนอยู่บนพื้น 

     

    "คราวนี้ฉันจะไม่ปล่อยให้นายหนีออกไปได้"

    ดวงตาคมสงบนิ่ง ไม่มีแววขี้เล่นเหมือนตอนที่เจอกันครั้งสุดท้าย ก็แน่ล่ะ สถานการณ์มันต่างกัน...

     

    "ขอโทษนะ แต่ฉันคงยอมให้นายจับไม่ได้"

    มือหนาตบแรงๆเข้าที่ข้อมือบางที่กำด้ามปืน ทำให้มินจุนเผลอปล่อยปืนในมือร่วงลงกระแทกพื้น ก่อนจะเตะออกไปไกล ดวงตาเรียวตวัดมองก่อนจะพลิกมือคว้าหมับเข้าที่ข้อมือหนา แต่แรงของแทคยอนเยอะกว่ามาก ทำให้เขากลายเป็นฝ่ายเสียเปรียบ 

     

    มือข้างหนึ่งถูกจับไพล่หลังเอาไว้ มืออีกจ้างที่เป็นอิสระถูกมือใหญ่จับยึดไว้เฉยๆ 

     

    ลมหายใจร้อนเป่ารดอยู่ข้างใบหู

    "มันจบแล้ว มินจุนอ่า..."

     

    ร่างโปร่งกัดฟันกรอด ยืนนิ่งเหมือนยอมจำนน แทคยอนค่อยๆปล่อยมือออก มินจุนรอจังหวะก่อนจะพลิกตัวหันกลับมา ดึงปืนอีกกระบอกที่เหน็บอยู่ข้างเอวขึ้นมาจ่อในระยะประชิดอีกครั้ง 

     

    "ใครกันแน่ที่จะจบ" นิ้วเรียวสอดเข้าไปในไกปืน ถ้าหากแทคยอนขยับเขาก็คงเหนี่ยวไกแน่ 

     

    ปลายกระบอกปืนที่จ่ออยู่บริเวณหน้าอกข้างซ้ายไม่ทำให้คนตัวสูงกลัวซักนิด ดวงตาคมสบนิ่งกับคนตรงข้ามอีกครั้ง จ้องลึกเข้าไปในดวงตาเรียวราวกับต้องการจะรู้อะไรบางอย่าง

     

    "คุณไม่ยิงผมหรอก" 

    เสียงทุ้มแผ่วเบาแต่กลับดังสะท้อน ริมฝีปากอิ่มยกยิ้มมุมปาก กระชับปืนในมือแน่น 

     

    "ทำไมนายถึงมั่นใจนักล่ะ" 

    "เพราะคุณสั่งให้จับเป็นไงล่ะ" 

    ร่างสูงเอ่ยตอบทันที มินจุนแค่นหัวเราะเบาๆในลำคอ หรี่ตาลงดูท่าทีนิ่งๆของคนตรงหน้า ก่อนจะตัดสินใจเหนี่ยวไกทันทีที่ร่างสูงขยับตัว 

     

    ปัง!

     

    แต่เหมือนกับว่าแทคยอนจะรู้อยู่แล้วว่ามินจุนจะต้องเหนี่ยวไกแน่ มือหนาปัดข้อมือของคนตรงข้าม ทำให้กระสุนเฉี่ยวเข้าที่หัวไหล่ซ้าย มินจุนกัดฟันกรอด เหนี่ยวไกอีกครั้ง ครั้งนี้แทคยอนจับยึดข้อมือบางเอาไว้ ทำให้กระสุนลั่นเปรี้ยงขึ้นฟ้า 

     

    แทคยอนพลิกตัวให้มินจุนเข้ามาอยู่ในอ้อมแขนของตัวเอง ล็อคมือทั้งสองข้างของคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ ออกแรงบีบจนมินจุนปล่อยปืนในมือ 

     

    "ผมบอกแล้วว่ายังไงผมก็ไม่ยอมให้คุณจับง่ายๆหรอก" เสียงทุ้มกระซิบชิดริมใบหู มินจุนสะบัดตัวแรงๆ แต่ก็ยังสู้แรงแทคยอนไม่ได้ ร่างสูงบังคับให้เขาเดินออกไปทางประตูโดยมีปืนจ่ออยู่ที่เอว 

     

    ในอีกด้านหนึ่งของโกดัง

    จุนโฮยืนนิ่งมองพี่ชายตัวเอง แย่แล้ว.. แบบนี้แย่แน่ๆ ใจกำลังคิดหาทางช่วยพี่ชาย แต่ก็พลัดเหลือบไปเป็นสายตาคมที่กำลังมองมา 

     

    ชานซอง.. 

    แย่ละ..  

     

    คนตัวเล็กตัดสินใจรีบเดินไปที่บันได เอาไงเอากันว่ะ.. ต้องหาจินยองให้เจอให้ได้ บนดินไม่เจอ ถ้าไม่หาบนฟ้าก็ไม่รู้จะหาที่ไหนแล้ว 

     

    " จุนโฮ! "

    เสียงทุ้มตะหวาดลั่น ไม่ต้องเดาเลยว่าคนตัวสูงจะอยู่ไหนอารมณ์ไหน 

    ร่างบางหยุดกึก หลบอยู่หลังคอนเทนเนอร์ เสียงปืนยังคงดังขึ้นไม่หยุด อย่างน้อยคงมีคนถ่วงเวลาชานซองไม่ให้มาถึงตัวได้ง่ายๆ จุนโฮค่อยๆโผล่หน้าออกไป ดูเหมือนว่าชานซองจะพยายามตรงเข้ามาหาเรื่องเขา 

     

     

    มินจุนดิ้นสะบัดตัวอย่างแรงอีกครั้ง ดวงตาเรียวกวาดมองไปรอบๆพยายามหาทางรอด นี่มือหรือเหล็ก ล็อคแน่นไปแล้วนะ!!! 

     

    แทคยอนพยายามผลักให้มินจุนที่กำลังขืนตัวให้ออกเดินไปข้างหน้า ดวงตาคมเหลือบไปเห็นพวกของมินจุนกำลังวิ่งตรงมาทางนี้พอดี คนที่วิ่งนำหน้ามานั่น... โจควอนสินะ 

     

    ร่างสูงกระตุกยิ้มมุมปากหยุดเดินเสียดื้อๆ กวาดสายตามองหาร่างของน้องชาย แทคยอนสบตากับชานซองแวบหนึ่ง ก่อนจะยกปืนที่จ่อเอวมินจุนอยู่ขึ้นยิงเปรี้ยงไปทางแทงก์แก๊สขนาดใหญ่ 

     

    จุนโฮที่กำขยับตัวออกจากที่กำบังอีกครั้ง ตกใจจนเผลอถอยหลังชิดกำแผง ก้าวขาออกไปได้ไม่เท่าไร ก็รู้สึกว่าตัวเองถูกฉุดด้วยแรงจากใครบางคนก่อนจะล้มลงพร้อมกับเสียงระเบิดดังกึกก้องไปทั่ว 

     

    " อยากตายมากไหมจุนโฮ!! บอกให้อยู่ในรถไง!! "

    " ก..ก็ ใ.. อ้ะ! " 

    ยังไม่ทันพูดจบ ตาเรียวก็เหลือไปเห็นหยดเลือดที่ไหลออกมาจากมือคนตรงหน้า คงเป็นเพราะตอนที่ล้มเมื่อกี้ ต้องไปโดนอะไรแน่ๆ แต่จู่ๆร่างสูงก็คว้าข้อมือเล็กฉุดขึ้นให้ออกวิ่ง พร้อมๆกับชานซองที่กำลังรัวยิงไปที่แทงค์ตรงกลางโกดัง

     

    “ นายทำอะไรของนาย!! “ 

    จุนโฮเบิกตากว้างชานซองรัวยิงไปที่แทงค์ไม่หยุด

     

    เสียงระเบิดทำให้มินจุนสะดุ้งสุดตัว ใจหายวาบเมื่อเห็นโจควอนกำลังวิ่งตรงมาช่วยเขา..

    แทคยอนและชานซองก็ยังไม่เลิกที่จะกราดยิงเสริมแรงระเบิด

     

    "นายกะจะฆ่าคนทั้งโกดังเลยรึไง!!"

    ร่างโปร่งตวาดเสียงดัง แทคยอนไม่ตอบ

    ออกแรงกระชากให้มินจุนออกวิ่งต่อ ร่างโปร่งพยายามที่จะหันกลับไปมองด้านหลัง โจควอนจะเป็นยังไงบ้าง ลูกน้องของเขาจะโดนระเบิดรึเปล่า 

     

    ร่างคุ้นตาสามสี่คนกระโจนหนีเปลวเพลิงออกมารอดอย่างหวุดหวิด ภาพสุดท้ายที่มินจุนเห็นคือภาพของเพื่อนตัวดีกำลังประจันหน้ากับฮวางชานซอง..

    ก่อนที่เขาจะถูกแทคยอนกระชากออกจากตรงนั้นไป..

     

     

    ชานซองเดินไปลากคอเสื้อของชายหนุ่มหน้าสวยขึ้นมา มือซ้ายของคิมมินจุนสินะ..

    แสงไฟจากเปลวเพลิงส่องสว่างออกมาถึงข้างนอกทำให้จุนโฮเห็นภาพตรงหน้าเต็มตา ภาพของพี่ชายคนสนิทกำลังถูกคนตัวโตยกขึ้นมาจนตัวลอย 

     

    อย่านะ ชานซอง.. ขอร้อง.. 

    ใจดวงน้อยเต้นรัวอยู่ในอก พยายามคิดหนทางช่วยอีกคน แต่ในสถานการณ์แบบนี้กลับตื้อตันคิดอะไรไม่ออก ชานซองผลักควอนล้มลงไปกับพื้น ก่อนจะสาวเท้ายาวๆไปกระทืบซ้ำ จนจุนโฮรีบวิ่งเข้าไปรั้งร่างสูงเอาไว้

     

    “ ชานซอง! พอเถอะ! ป..ไปกันเถอะ นะ.. ”

    พูดอ้อนวอนและพยายามไม่มองร่างที่นอนกระอักเลือดอยู่บนพื้น มือบางกระตุกข้อมือหนาที่ยังมีเลือดไหลออกจากรอยแผลกลางฝ่ามือ พยายามดึงให้เดินออกจากตรงนั้น

     

    “ ถอยออกไปจุนโฮ.. ” ชานซองดันคนตัวเล็กออกไปพลางเดินขึ้นไปกระชากโจควอนขึ้นมาอีกครั้ง 

    “ ไง.. ควอนสินะ.. ”   

    ปากหยักยกยิ้มขึ้นช้าๆเมื่อเห็นแววตาอีกคนที่กำลังจ้องหน้าเขาอย่างเอาเป็นเอาตาย 

     

    “ แกมันชั่ว.. ”

    เสียงแหบพร่าร้องเถียงออกมาอย่างยากลำบาก ถึงยังไงเขาก็ไม่ยอมตายด้วยน้ำมือของคนที่เขาพยายามตามจับมาแทบทั้งชีวิตหรอก.. ยิ่งได้เห็นสีหน้าแย่ๆของจุนโฮแล้วยิ่งไม่น่าให้อภัย..

     

    ชานซองผลักร่างโปร่งลอยไปกระแทกพื้นอีกครั้ง โจควอนกัดปากกลั้นเสียงร้องของตัวเอง พยุงตัวขึ้น ลูกน้องสามสี่คนของมินจุนที่เหลืออยู่ก็เหมือนกัน มองแค้นชานซองที่ยืนเหยียดยิ้มอยู่นิ่งๆ

     

    “ เอาสิ ลุกขึ้นมา.. พวกแกทั้งหมดนั้นแหละ.. “

    แสงไฟจากด้านในโกดังค่อยๆมอดลง เหลือเพียงแสงไฟเล็กๆทำให้เห็นแค่เสี้ยวหน้าเท่านั้น

     

    เสียงหอบเล็กๆดังออกมาจากปากอิ่ม แก้มอูมๆนั้นขยับขึ้นแรงตามแรงหอบ นิชคุณปิดปากคนตัวเล็กแน่น สายตาทั้งคู่จดจ้องไปที่คนตัวสูงยืนอยู่ท่ามกลางคนของอีกฝ่าย 

     

    คนบ้าอะไรน่ากลัวชะมัด.. 

    สายตาคมนั้น ถ้าโดนจ้องตรงๆละก็ มีหวังหัวใจวายตายแหง่ๆ ถึงจะหล่อมากก็เถอะ

    ทำไมจางอูยองต้องมาเจอกับเรื่องแบบนี้ด้วยนะ.. 

     

    แล้วทำไมไอ่หน้าหล่อข้างหลังผมมันต้องปิดปากผมแน่นขนาดนี้ด้วย!

     

    “ อื้ออ.. ”  

    อูยองโวยวายเบาๆ นิชคุณเลยคลายมือออกจากปากบาง แต่ก็ยังไม่วายกดหัวทุยให้หมอบลงต่ำหลบสายตาคม หลบอยู่หลังต้นไม้ใหญ่

     

    “ นี่คุณผมเจ็บ.. ”

    “ ชู่วว.. อยากตายรึไง! “ 

    เพราะคนตัวเล็กเริ่มดิ้นยุกยิก เลยต้องออกแรงบังคับให้นั่งนิ่งๆอยู่ในอ้อมกอด แต่เหมือนว่ามันจะทำให้อูยองลำบากมากกว่าเดิม 

     

    ตุ้บบ!!

    ร่างสูงใหญ่ของชายคนหนึ่งลอยตกลงมาอยู่ตรงหน้า คนตัวเล็กสะดุ้งเฮือกถอยร่นเข้าไปชิดกับแผ่นอกของอีกคน

     

    คนบ้าอะไร หันไปคุยกันแปปเดี๋ยวต่อยร่วงแล้วรึไง 

    ยังเป็นคนอยู่รึป่าวน่ะไอ่หมอนี่!! 

     

    ทั้งคู่หันไปมองภาพตรงหน้าทันที ชานซองกำลังยกปืนขึ้นจ่อใครคนหนึ่งแต่กลับโดนคนตัวเล็กที่โดนสะบัดออกเมื่อกี้ห้ามไว้ก่อน เลยเลือกที่จะให้สันปืนสบัดตบหน้าอีกคนจนสลบลงกับพื้นแทน

     

     

     

     

    “ เราต้องไปแล้ว ก่อนที่มันจะเห็นเราซะก่อน..”

     

     

     

    ————————————

     

     

    "ปล่อยฉัน!" 

     

    "แทคยอน! ฉันบอกให้ปล่อย นี่จะพาฉันไปไหน!!?" 

     

    "ไอ้บ้าแทค! ปล่อยฉัน!"

     

    เสียงโวยวายของมินจุนดังลั่นตลอดทาง แต่แทคยอนกลับไม่สนใจทั้งผลักทั้งดันให้เดินตรงไปตามเส้นทางมืดสนิท จนมาถึงรถที่จอดอยู่ทำให้มินจุนเริ่มรู้ชะตากรรมของตัวเอง 

     

    เสียงหอบหายใจของมินจุนดังชัดเจนในความเงียบสงบยามค่ำคืน แทคยอนกดปลายกระบอกปืนลงไปบนแผ่นหลังของคนตัวเล็กกว่า พร้อมกับกระชากประตูรถให้เปิดออก

     

    "ขึ้นไป"

    "ไม่" 

    ร่างโปร่งพลิกตัวหันมาเผชิญหน้า สบดวงตาคมนิ่ง 

     

    "ยิงเลยสิ ให้ฉันตายยังดีซะกว่าไปกับนาย" 

    "ทำไม ไปกับผมแล้วยังไง คุณกลัว?"

    ถึงแม้ว่ารอบข้างจะมืดสนิท แต่เพราะแทคยอนก้มหน้าลงมาจนเกือบชิด ทำให้มินจุนเห็นว่ามุมปากของคนตัวสูงยกขึ้นเป็นรอยยิ้มกวนๆ 

     

    ยังไม่ทันที่เขาจะได้ขยับตัวก็โดนคนตัวสูงผลักแรงๆเข้าไปนั่งบนรถ มือหนาปิดบานประตูเสียงดังปัง รีบวิ่งขึ้นไปด้านคนขับทันที 

    มินจุนอาศัยจังหวะที่คนตัวสูงกำลังวิ่งอ้อมเปิดประตูรถเพื่อจะหนี ขาเรียวก้าวลงจากรถแต่แขนกลับถูกมือหนาดึงเอาไว้ 

     

    "ไอ้บ้าเอ้ย!"

    แทคยอนออกแรงกระชากให้คนตัวเล็กกว่าขึ้นมานั่งที่เดิม ชะโงกตัวไปปิดประตูรถ พร้อมกับออกรถทันที 

     

    "การเปิดประตูแล้วกระโดดลงไปแบบในละครมันเป็นความคิดที่โง่มากเลยนะมินจุน" เสียงทุ้มต่ำดังขึ้น มินจุนเม้มปากแน่นมองออกไปด้านนอกกระจก เขาไม่ได้คิดจะทำแบบนั้นซักหน่อย!

     

    เสียงโทรศัพท์ของร่างสูงทำให้มินจุนที่นั่งถอนหายใจหนักๆด้วยความหงุดหงิดกลับมาสงบอีกครั้ง อยู่แบบนี้ก็ใช่ว่าจะไม่มีข้อดี อย่างน้อยก็น่าจะพอสืบอะไรได้บ้าง  

     

    "ครับ" 

    ดวงตาเรียวเหลือบมองแขนข้างซ้ายที่โชกไปด้วยเลือดของแทคยอน นึกสมน้ำหน้าในใจ รับรองว่าครั้งหน้าถ้ามีโอกาสจะไม่แค่เฉียดไหล่แน่ๆ

     

    "ครับ ผมโอเค ตอนนี้ออกมาแล้ว" ร่างสูงหันมามองมินจุนที่นั่งจ้องไปข้างหน้านิ่งๆ แอบฟังอยู่ล่ะสิ...

     

    "ชานเหรอ ตอนผมออกมายังปลอดภัยอยู่ แต่ตอนนี้ไม่รู้" มินจุนเม้มริมฝีปาก สมองประมวลผลด้วยความรวดเร็ว จมอยู่ในห้วงของความคิดตัวเอง โดยไม่รู้สึกตัวเลยว่าแทคยอนหักรถหลบเข้าข้างทาง 

     

    "กำลังคิดอยู่หรือไงว่าผมคุยกับใคร?" 

    ร่างโปร่งสะดุ้งเฮือก มองซ้ายขวาเมื่อเห็นว่ารถจอดอยู่กับที่ก็จ้องคนขับเขม็ง 

     

    "อะไรของนาย"

    "ปาร์คจินยอง อยากคุยกับเขามั้ยล่ะ" 

    ชื่อที่ออกมาจากริมฝีปากบางทำให้มินจุนหยุดโวยวาย ปาร์ค จินยอง คนที่เขากำลังตามหา ร่างโปร่งขยับถอยจนแผ่นหลังติดกับประตูเมื่อร่างสูงเบื่อนใบหน้าเข้ามาใกล้ 

     

    "แลกกับที่อยู่คอนโดนาย บอกฉันมา" 

    "ทำไมฉันต้องบอก" 

    แทคยอนถอนหายใจเสียงดัง แขนแกร่งทั้งสองข้างวางคร่อมกักตัวคนตัวเล็กกว่าเอาไว้ มินจุนเบิกตากว้าง มือทั้งสองข้างขยับดันแผ่นอกกว้างโดยอัตโนมัติ 

     

    "ทำบ้าอะไร!!" กลิ่นเลือดมันทำให้เขาอยากจะกลั้นหายใจตายให้รู้แล้วรู้รอด 

     

    "คอนโดนายอยู่ที่ไหน ถ้าไม่บอกฉันจูบจริงๆด้วย" 

    "จะบ้ารึไง!!!!" มินจุนตะคอกเสียงดัง ถลึงตาใส่คนตัวสูงที่เลื่อนหน้าเข้ามาหา จนสัมผัสได้ถึงลมหายใจอุ่น 

     

    "ถอยออกไป! ไอ้บ้าแทคยอนนนน!!!" ใบหน้าเรียวเบี่ยงหลบริมฝีปากที่ฉกวูบลงมา 

     

    "ว่าไงล่ะ" เสียงทุ้ใแหบพร่ากระซิบชิดริมใบหู

    "เออๆ บอกแล้วๆ ถอยออกไปก่อนสิ!" 

     

    "ก็แค่นั้น เอาล่ะ ทีนี้ก็บอกมาได้แล้ว" 

    แทคยอนดึงตัวกลับไปนั่งประจำที่คนขับ

    มินจุนสูดลมหายใจเข้าออกถี่ๆ ปรับลมหายใจให้กลับมาเป็นปกติ 

     

    "นายจะไปคอนโดฉันทำไม"

    "ที่นั่นอาจจะมีอะไรดีๆ" 

    รถเริ่มเคลื่อนตัวอีกครั้ง ในขณะที่มินจุนขมวดคิ้วมุ่น 

     

    "นายหมายถึงอะไร"

    "มินจุนอ่า...แค่บอกที่อยู่คอนโดคุณมาก็พอ" 

     

     

     

     

    —————————

     

     

     

    ร่างสูงถอดเสื้อตัวนอกโยนลงบนพื้นด้วยอารมณ์ที่ยังคงหงุดหงิดไม่หาย ก่อนจะดึงเสื้อชื้นเหงื่อออกจากร่างโยนตามเสื้อตัวนอกไปติดๆ จุนโฮที่เดินตามเข้าห้องมาทีหลังต้องเบือนสายตาหลบแผ่นอกหนาของคนตัวสูง  

     

    จุนโฮนั่งลงบนปลายเตียงนิ่งๆ มองร่างสูงเดินไปหยิบกล่องปฐมพยาบาลมาโยนไว้ข้างๆตัวเขา จุนโฮสะดุ้งเล็กน้อยเหลือบตามองชานซองด้วยความไม่เข้าใจ 

     

    "ทำแผลให้ฉัน"

    "ทำไมฉันต้องทำด้วย" 

    ใบหน้าเรียวเชิดขึ้น ไม่ใช่ธุระอะไรของเขาซักหน่อย ทำเองไปสิ! 

     

    "ฉันได้แผลนี่ก็เพราะนาย" ดวงตาคมกริบจ้องคนตัวเล็กเขม็ง จุนโฮขยับตัวด้วยความอึดอัด 

     

    “ไม่เ..”

    “ฉันบอกให้ทำ!” 

     

    " อะ..เออ!! รู้แล้วล่ะน่า นั่งสิ"

    จุนโฮนั่งขัดสมาธิบนเตียง มือเล็กจัดการใช้แอลกอฮอล์ล้างแผลให้ก่อน ไม่คิดจะเบามือหรอกนะ ทำแรงขนาดไหนก็คงไม่เจ็บหรอกมั้ง เมื่อกี้ทั้งๆที่มือเจ็บยังซ้อมโจควอนซะน่วม... ไอ้บ้าเอ้ย

     

    ถ้าไม่ห้ามไว้ละก็ ตายแน่ๆ 

     

    แต่น่าแปลก.. แปลกที่ชานซองยอมเชื่อเขา..

    ปกติหมอนี่ต้องฆ่าไม่เลือกแล้วสิ แต่นี่ทำไม..

     

    มือหนาวางนิ่งอยู่บนตักของคนตัวเล็ก ร่างสูงมองจุนโฮที่กำลังราดยาลงบนแผลของเขาแบบไม่ยั้งมือ มันแสบ.. แต่เขาก็ทนได้ 

     

    "ไม่แสบรึไงวะ" เสียงเล็กบ่นงุบงิบอยู่คนเดียว ก่อนจะทำการใช้ผ้าพันแผลพันรอบมือหนา 

     

    "พันไม่เป็นรึไง" เสียงทุ้มเอ่ยถาม หลังจากมองท่าทางเก้ๆกังๆของคนตัวเล็กอยู่นาน ดวงตาเรียวตวัดมอง ก่อนจะส่งเสียงบอกเบาๆ 

     

    "ยกมือขึ้นสิ" 

    มือหนายกขึ้นตามคำบอกอย่างง่ายดาย คิ้วเรียวเลิกขึ้นเล็กน้อยด้วยความแปลกใจ มือเรียวจัดการพันแผลให้ช้าๆ 

     

    ร่างสูงพลิกมือไปมาดูผลงานของร่างเล็ก ก่อนจะลุกขึ้นยืนพร้อมกับใช้มืออีกข้างคว้าข้อมือบางเอาไว้ 

     

    "อะไรของนาย แผลก็ทำเสร็จแล้วนี่ ปล่อยสิ" 

    ชานซองไม่ตอบ ออกแรงดึงให้คนตัวเล็กเดินตามเข้ามาในห้องน้ำ จุนโฮเบิกตากว้าง มือข้างที่ว่างคว้ากรอบประตูไว้แน่น 

     

    "ชานซอง! ทำบ้าอะไร ปล่อย!"

    ร่างสูงหันมาออกแรงกระชากทีเดียวมือบางที่เกาะกรอบประตูก็หลุด ร่างเล็กตัวปลิวเข้ามาปะทะแผ่นอกกว้าง 

     

    "มือข้างขวาฉันใช้ไม่ได้"

    "แล้วยังไง!?" จุนโฮสะบัดข้อมือแรงๆ ก่อนจะขยับถอยออกมาให้ห่างจากร่างสูง 

     

    มือหนาข้างซ้ายเอื้อมไปหยิบที่โกนหนวดขึ้นมาถือเอาไว้ ก่อนจะส่งให้คนตัวเล็กที่ยืนตัวแข็ง อย่าบอกนะว่าจะให้เขาโกนหนวดให้...

     

    "โกนหนวดให้ฉัน"

    "จะบ้าหรือไง! ใครจะไปทำ!!"

    จุนโฮพูดเสียงดัง ร่างเล็กหันหลังกลับก้าวยาวๆเดินออกจากห้องน้ำ 

     

    "เฮ้ย! ทำบ้าอะไรเนี่ย! ชานซอง!"

    ร่างเล็กร้องโวยวายลั่นเมื่อแขนแกร่งตวัดรอบเอวของเขา ขาทั้งสองข้างลอยขึ้นจากพื้น ก่อนจะถูกว่าลงบนเคาท์เตอร์อ่างล้างหน้า แขนทั้งสองข้างวางคร่อมร่างเล็กเอาไว้ ใบหน้าคมเลื่อนเข้าหาใบหน้าหวานจนเกือบชิด ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดซีกแก้มด้านขวา ทำให้จุนโฮต้องเบี่ยงหน้าหลบมากขึ้น 

     

    "เร็วสิ" เสียงทุ้มเอ่ยเร่ง จุนโฮได้แต่หงุดหงิดอยู่ในใจ ทำไมเขาต้องทำตามคำสั่งไอ้บ้านี่อีกแล้ว!

     

    "ถอยออกไปหน่อยสิ! มันอึดอัดนะ!" 

    ชานซองขยับตัวขึ้นยืนตรง ทำให้จุนโฮต้องยืดตัวขึ้นเล็กน้อย มือเรียวที่เต็มไปด้วยโฟมโกนหนวดขยับเข้าหาใบหน้าคมที่โน้มลงมาช้าๆ 

     

    การที่ต้องมาโกนหนวดให้คนอื่นแบบนี้มันเป็นสิ่งที่เขาไม่เคยทำมาก่อน แล้วก็ไม่คิดว่าจะต้องทำด้วย! 

     

    ชานซองมองริมฝีปากอิ่มของคนตัวเล็กที่เผยอขึ้นเล็กน้อยอย่างไม่รู้ตัวขณะกำลังกดมีดโกนลงบนสันกรามของเขา 

    ลมหายใจอุ่นเป่ารดซีกแก้มเพราะใบหน้าที่ขยับเลื่อนเข้ามาใกล้จนเกือบชิด มือเรียวเกร็งเล็กน้อยเพราะสายตาคมที่มองมา เขาไม่อยากทำให้คนตัวสูงเป็นแผล เพราะอาจจะโดนทำโทษได้... 

     

    จุนโฮขยับมองแค่ไรหนวดอ่อนๆรอบปากหยัก เพราะไม่กล้าแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นไปสบตาคมที่กำลังมองเขาอยู่ 

    ชานซองลอบมองปากอิ่มที่ชอบเถียงแวดๆ มองจมูกเล็กรั้นได้รูป มองตาเรียวที่มักจะส่งสายตาแข็งกร้าวใส่

    ไม่รู้ว่าทำไมทุกครั้งที่โมโห พอเห็นคนตัวเล็กแล้วก็ใจเย็นขึ้นมาได้ง่ายๆ..

     

    ทั้งๆที่วันนี้งานพังไม่เป็นท่าแท้ๆ

     

    มือนิ่มเช็ดโฟมออกเบาๆหลังจากที่โกนเสร็จแล้ว จุนโฮละสายตาออกจากปากอิ่มของอีกคน เงยหน้าขึ้นมอง

     

    "เสร็จล... อื้อ.."

    หลังจากที่มองอยู่นาน เมื่อจุนโฮขยับริมฝีปากพูด ริมฝีปากหยักของคนตัวสูงก็กดจูบหนักๆลงไปทันที ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ยกมือขึ้นดันแผ่นอกกว้างด้วยความตกใจ 

     

    "ไอ้บ้า ทำอะไรบ้าๆอีกแล้วนะ!"

    ริมฝีปากอิ่มแดงช้ำเมื่อเป็นอิสระ ชานซองยกยิ้มมุมปากก่อนจะก้มลงไปประทับจูบอีกครั้ง สัมผัสร้อนทำให้จุนโฮหอบหายใจถี่ๆ ลิ้นร้อนไล้เล็มไปตามกลีบปากสีหวาน มือบางบีบต้นแขนของร่างสูงแน่นเมื่อมือหนาสอดแทรกเข้าไปในเสื้อของเขา 

     

    "สำหรับที่นายไม่ยอมเชื่อฟังคำสั่งของฉัน" 

    มือหนาขยับลูบเนื้อเนียนใต้เสื้อผ้า ริมฝีปากหยักคลอเคลียอยู่ข้างใบหูเล็ก 

     

    "ถ้ายังมีคราวหน้าอีกล่ะก็.." เสียงทุ้มยังพูดไม่ทันจบ จุนโฮที่นั่งนิ่งมานานก็ออกแรงผลักอกหนา 

     

    "อย่ามาขู่ซะให้ยาก!!" คนตัวเล็กวิ่งออกจากห้องน้ำ ดึงประตูปิดเสียงดังปัง 

     

    ไอ้บ้าชานซอง ไอ้คนฉวยโอกาส! 







    มั่วมาก มิชชั่นนี้ เพราะบู้แบบสุด ไม่รู้เรื่องก็ขอโทษด้วยนะคะ 555
    ยังไงก็ถ้าจะติ ชม บ่น ทวง ในทวิตเตอร์ ติดแท็ก #TheKiller ด้วยนะคะะ 55555

    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×