ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - channuneo] The Killer

    ลำดับตอนที่ #10 : The Killer : Mission 8

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 362
      5
      3 มิ.ย. 57

    The Killer - missioons 8






     


    “ถ้านายอยากได้ข้อมูลที่แท้จริงของฉัน นายก็ควรทำตามที่ฉันบอก”

    จุนโฮช้อนมองคนตัวโตรอให้รับปาก การที่เขาพามาที่นี่ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงมาก ถ้าเกิดชานซองเอะอะโพล่งเรื่องราวที่เจออยู่ทุกวันต้องตายแน่ๆ เพราะย่าไม่เคยรู้ว่าเขาเป็นสายลับ.. และนี่ก็คือเหตุผลที่เขาพาชานซองมาที่นี่

     

    “…อืม”

    ปากหยักรับปากอย่างไม่ค่อยเต็มใจนัก ร่างเล็กเดินนำไปที่ประตูไม้เก่าๆ ออกแรงเคาะเรียกเจ้าของบ้าน 

     

    ไม่นาน เสียงเสียดสีก๊อกเก๊กจากประตูไม้ก็ดังขึ้น ร่างของหญิงสาวแก่ๆคนหนึ่งปรากฏขึ้นตรงหน้า จุนโฮฉีกยิ้มกว้างเขาไม่ได้มาเจอย่ามานานมากแล้ว แต่ยังไม่ทันได้ทักทายให้หายคิดถึง คนตัวโตก็แทรกตัวเข้าไปในบ้านทันที

     

    “ชะ..ชานซอง!!!”

    ร่างเล็กเบิกตากว้างรีบรุดตัวตามเข้าไป ก้าวฉับๆตามคนตัวสูงเอื้อมมือไปคว้าแขนแกร่งเอาไว้ ทำเอาหญิงชรามองตามด้วยความงุนงง

     

    “อ..ไอ่เด็กพวกนี้นิ ทำอะไรใจหายใจคว่ำหมดเลย”

    จุนโฮหันมายิ้มเจื่อนๆพลางกระตุกร่างสูงให้เดินตามตัวเองมา ชานซองขืนตัวไว้ทำเหมือนจะพังบ้านท่าเดียว เลยยืดตัวไปกระซิบชิดร่างสูงให้ได้ยินกันสองคน

     

    “นี่นาย..อย่าพึ่งใจร้อนได้ไหม เดี๋ยวโดนย่าตีหัวเอาพอดี”

    “ฉันจำเป็นต้องกลัวย่านายด้วยหรอ”

    ชานซองเหวออกมาเสียงดังจนจุนโฮถลึงตาใส่ยกใหญ่ หันไปมองหน้าย่าตัวเองที่ยืนอึ้งๆอยู่ 

     

    “เอ่อ.. นี่เพื่อนผมเองครับ ชื่อชานซอง”

    รีบดึงแขนแกร่งขยับเข้ามาแนะนำตัวเพื่อไม่ให้ย่าตัวเองสงสัย ดันๆไหล่หนาให้เขยิบเข้าไปใกล้ คนตัวโตถอนหายใจเบาๆก่อนจะยอมก้มหัวลงเล็กน้อย

     

    “ผมคิดถึงย่าจังเลยครับ~”

    เสียงหวานโพล่งออกไปพลางสวมกอดเข้าเต็มแรง จุนโฮรู้ว่าควรเอาใจญาติฝ่ายพ่อที่มีนิสัยเข้มงวดได้ยังไง แล้วท่าทีแข็งกร้าวแบบชานซองย่าต้องไม่ชอบแน่ๆ

     

    “แหม่ ปากหวานจังหลานคนนี้ หายไปไหนมาตั้งนาน”

    “ผมก็ทำงานไปเรื่อยแหละครับ”

    จูงมือพาไปนั่งบนโซฟาพร้อมๆกับกวักมือเรียกคนตัวโตให้มานั่งด้วยกัน ชานซองเองก็ยอมนั่งตามแต่โดยดี ความจริงแล้วเขาไม่ค่อยได้เข้าหาญาติผู้ใหญ่เท่าไรเลยทำตัวไม่ถูก ทั้งชีวิตเติบโตมากับปืนกับเลือดพอมาเจอแบบนี้ก็รู้สึกแปลกๆ

     

    “แล้วทำไมวันนี้มาหาย่าได้ละหืม?”

    “ผมอยากพักผ่อนบ้างนี่ครับ แล้วผมก็คิดถึงย่าด้วยนี่นา..”

    ยิ้มออดอ้อนเอาใจจนหญิงสูงวัยหัวเราะออกมาด้วยความเอ็นดู ชานซองลอบมองรอยยิ้มนั้นเล็กน้อย.. พึ่งเคยเห็นจุนโฮยิ้มครั้งแรก.. 

     

    รอยยิ้มชวนมองรับตาตาตี่ๆที่แทบจะมองไม่เห็นเวลาเจ้าตัวยิ้ม 

    รอยยิ้มที่เขาไม่เคยได้รับ..

     

    "แล้วพ่อหนุ่มคนนี้ ทำงานที่เดียวกันหรอเรา?" 

    "อาา..ครับ ชานซองทำงานที่เดียวกับผม"

    จุนโฮออกปากตอบแทน ขืนตอบอะไรไม่เข้าท่าขึ้นมาความแตกแน่ๆ

     

    "อ้ออ.."

    "ย่าครับผมหิวข้าวแล้ว มีอะไรให้ผมกินบ้างไหม"

    รีบพาเปลี่ยนเรื่อง เขาไม่อยากพูดเรื่องงานนานๆมันพาเสียวสันหลังไม่น้อย 

     

    "เดี๋ยวสิ อย่าพึ่งรีบร้อนหลานคนนี้ เอ้ออ.. มาๆมานี่ พ่อหนุ่มมานั่งใกล้ๆ" 

    ดวงตาเรียวเบิกโพลงขึ้นทันที อ้าปากพะงาบๆ เพราะคนที่บุพการีแสนรักเรียกไปนั่นมันนักฆ่าติดอันดับของโซลเชียวนะ! 

     

    ให้ตายเถอะคุณย่าจะเรียกไปทำไม แล้วหมอนั่นก็บ้าจี้ลุกขึ้นพลางเดินอ้อมโต๊ะไปนั่งแหมะอยู่อีกฝั่ง กลายเป็นว่าตอนนี้หญิงสูงวัยมีสายสืบกับนักฆ่านั่งประกบข้างอยู่ 

     

    คนตัวเล็กได้แต่ส่งสายตาให้เป็นเชิงว่าอย่าทำอะไรนอกลู่นอกทาง ไม่อย่างนั้นละก็..

     

    ก็..

    ทำอะไรไม่ได้อยู่ดี.. 

     

    “เอ้ออ.. เป็นคนใจร้อนขี้โมโหนี่เรา..”

    เพียงแค่แวบเดียวที่หญิงชราตรงหน้ามองใบหน้าคมของชานซองเสียงแหบแห้งก็ร้องทักออกมา 

     

    “แต่มีเสน่ห์ไม่น้อยเลยนะ”

    ชานซองมองหน้าจุนโฮพลางเลิกคิ้วขึ้นเล็กน้อย ร่างเล็กยักไหล่ตอบกลับมาเบาๆ คุณย่าเขา.. เป็นซะยิ่งกว่าแม่หมอทำนายอนาคตซะอีก สามารถทำนายนิสัยใจคอได้จากการสังเกตใบหน้าหรือแม้กระทั่งการทำนายทายทักชีวิตคนจากการดูลายมือ 

     

    “ไหนยื่นมือมาสิ”

    คนตัวโตส่งมือข้างที่ไม่ได้เป็นแผลให้ตามคำสั่ง มือหนาถูกจับพลิกขึ้นพร้อมๆกับสายตาที่ไล้มองทุกรายละเอียดบนฝ่ามือ

     

    “อืม..หน้าที่การงานดีนี่เรา..”

     

    หน้าที่การงานดี.. คงต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ ชานซองนักฆ่าติดอันดับของโซลเนี่ยนะ.. คุณย่าคงต้องมีอะไรผิดพลาดแน่ๆ หรืออาจจะหมายถึงดีในทางที่ไม่ถูกกฎหมายรึเปล่า..

     

    “แต่ต้องใช้ความอดทนให้มากๆ อย่าวู่วามทำอะไรคิดหน้าคิดหลังให้ดี”

    ชานซองหรี่ตามมองคนตรงหน้าด้วยความสงสัยอยู่ในใจแต่ก็ไม่ได้โต้ตอบ

     

    “ระวัง..จะสูญเสียคนสำคัญ..ต้องมีสติให้มากๆ”

    ดวงตามากประสบการณ์ช้อนมองด้วยความเป็นห่วง แววตาคนตรงหน้ามองนิ่งยากที่จะสื่อความหมาย ชานซองรั้งมือตัวเองกลับเข้ามาพร้อมกับถอนหายใจทิ้งเบาๆ

     

    “ผมเคยเสียมาแล้วครับ..ผมไม่มีอะไรต้องห่วง..”

    “เธอคงไม่มีคนสำคัญในอดีตใช่ไหม..”

     

    “ไม่เคยมีหรอกครับ ผมขอตัว..”

    จบประโยคเจ้าของเสียงทุ้มก็ลุกขึ้นพลางสาวเท้าออกจากบ้าน จุนโฮมองตามแผ่นหลังกว้างเห็นว่าเจ้าตัวแค่เดินไปสูดอากาศรอบบ้านๆเลยไม่ได้เดินตามไป

     

    “ย่าครับ..มีอะไรที่ย่าเห็นเกี่ยวกับชานซองอีกไหมครับ”

    รอยยิ้มจางๆปรากฏขึ้นบนใบหน้าหญิงสูงวัย ดึงมือของหลานชายมากุมไว้หลวมๆ คนตัวเล็กมองตามการกระทำนั้นด้วยความไม่เข้าใจ

     

    “ไม่มีหรอกจ่ะ ขับรถกันมาเหนื่อยๆ พาพ่อตัวโตขึ้นไปนอนพักผ่อนข้างบนเถอะ เดี๋ยวย่าเอาขนมขึ้นไปให้..”

     

    --------------------------------------

     

     

     

    "นาย..เชื่อเรื่องที่ย่าฉันพูดไหม”

    “ก็แค่บอกว่าหน้าที่การงานดีก็ผิดแล้วไม่ใช่รึไง”

     

    “อืมม..”

    งึมงัมตอบรับในลำคอ จุนโฮเดินมาหยุดอยู่ข้างชานซองบริเวณสวนหลังบ้าน ดวงตาเรียวมองทอดไปปลายยอดของภูเขาก่อนจะละสายตามองร่างสูงข้างตัว 

     

    “ถ้านายเหนื่อย..อยากจะอยู่พักทีนี่นานๆก็ได้นะ”

    ไม่รู้ว่าทำไมถึงพูดออกไปแบบนั้น เขาแค่รู้สึกถึงอะไรบางอย่างในตัวชานซอง แววตาที่ไม่เคยมีความสุขอยู่ในนั้น แรงกำลังที่มีมากมายแต่กำลังในใจเหมือนจะลดลงไปทุกที.. เขาไม่ใช่แม่หมอแบบคุณย่า แต่เรื่องนี้ก็ดูออกได้ไม่ยาก..

     

    “เช้ามืดพรุ่งนี้เราจะกลับ คืนนี้ลาย่านายให้เรียบร้อย ฉันมีงานต้องทำ”

    งานอีกแล้ว.. ตลอดชีวิตของนักฆ่าคงไม่มีคำว่าสงบสุขสินะ ชีวิตที่ฝากไว้กับปลายกระบอกปืน

     

    “นาย.. เคยเครียดไหม..ที่ต้องทำเรื่องพวกนี้ จะไม่ตอบก็ได้นะ ฉันแค่อยากรู้..”

    “จะสืบอะไรจากฉันล่ะ..”

    คำถามที่สวนออกมาทำเขากระตุก สืบอะไรเล่า.. คนเขาแค่เป็นห่วง

     

    เป็นห่วง..

    เป็นห่วงหรออีจุนโฮ บ้าน่า.. จะไปห่วงคนร้ายที่ฆ่าคนไม่เลือกหน้าทำไมกัน 

     

    สะบัดหัวไล่ความคิดบ้าๆออกไป พอๆ จะมาทำตัวแบบนี้ไม่ได้ หมอนี่จะเหนื่อยหรือเครียดอะไรก็เรื่องของมันสิ ไม่เห็นต้องสนใจ สิ่งที่เขาต้องทำตอนนี้คือใช้ชานซองเป็นเครื่องมือไปหาปาร์คจินยอง 

     

    เขามาเพื่อสืบคดีความ ไม่ใช่มาคอยเป็นห่วงความรู้สึกใคร..

     

    “ไปอาบน้ำเถอะนายน่ะ มืดแล้ว”

    ตัดบทหนีพร้อมกับสาวเท้าเดินนำออกมา ป่านนี้คุณย่าคงเตรียมขนมไว้บนห้องแล้วมั้ง ชานซองเดินตามขึ้นมาอย่างว่าง่าย มือเรียวเปิดประตูห้อง เปิดไฟก่อนจะเดินไปหยิบผ้าเช็ดตัวในตู้เสื้อผ้ามายื่นให้อีกคน

     

    “อะ..”

    "อาบด้วยกัน"

    อะไรนะ.. อาบด้วยกัน.. อ้าปากค้างมองค้อนคนตัวโตยกใหญ่พลางยัดผ้าขนหนูในมือให้

     

    "อ..อาบด้วยกันอะไร ไม่เอา"

    “ฉันไม่ได้บอกรึไงว่าจะเช็คบิลที่บ้านนาย”

     

    “จะบอกหรือไม่ได้บอก นายก็ไม่มีสิทธิ์ทำเรื่องทุเรศกับฉันอีก”

    พยายามโวยวายให้เบาที่สุด เขาไม่อยากให้ย่าตื่นแล้วลุกขึ้นมาถามอะไรที่ทำให้ความแตก ไม่น่าเผลอไปเป็นห่วงคนอย่างหมอนี่เลยให้ตาย

     

    ชานซองส่งสายตาดุๆพลางยกมือข้างที่ถูกผันด้วยผ้าสีขาวขึ้นตรงหน้าเป็นเชิงว่าคนตัวเล็กต้องรับผิดชอบ

    จุนโฮจ้องมองฝ่ามือหนาก่อนจะเม้มปากเข้าหากัน ต้องทำถึงขนาดนี้เลยหรือไง.. ไม่ได้แขนขาดซักหน่อย

     

    ไม่ต้องรอให้ตัวเองต้องโดนด่าในใจนาน ชานซองคว้าข้อมือเล็กให้ตามเข้าไปในห้องน้ำแต่มีหรือว่าคนอย่างอีจุนโฮจะยอม ยกมือยันตัวเองไว้กับกรอบประตูสุดพลัง

     

    "อึ้ยย..ไม่เอานะชานซอง..ก็ไม่เห็นว่าแขนจะขาดตรงไหนนี่.."

    "เดี๋ยวนี้กล้ายอกย้อนหรอ.." 

    ออกแรงดึงแรงๆจุนโฮก็ปลิวตามเข้าไปในห้องน้ำอย่างง่ายดาย ชานซองปิดประตูลงกลอนทันที เมื่อไรจะสู้แรงได้ซักทีนะ! รอดพ้นจากงานนี้เมื่อไรจะขอย้ายไปฝึกกับหน่วยภาคสนามถาวรแล้วกลับมาตื้บให้เละคามือเลยคอยดู 

     

    “เป็นอะไร มองผนังอยู่ได้”

    จุนโฮหลุดออกจากห้วงความคิดของตัวเองเงยหน้ามองเจ้าของเสียงทุ้มแล้วก็พบว่า..

     

    ชานซองอยู่ในสภาพที่เปลือยท่อนบนแล้วเรียบร้อย แถมยังจะทำท่าจะถอดท่อนล่างด้วยซะอีก มือเรียวรีบยกขึ้นปิดตาตัวเองทันทีก่อนจะได้เห็นอะไรต่อมิอะไรจริงๆ 

     

    “อึ้ยย~! ค..ใครบอกให้นายถอดเสื้อผ้า..แบบนี้!” 

    โวยวายทั้งๆที่เอามือปิดหน้า ทำตัวเหมือนไม่มียางอายเลยแม้แต่น้อย 

     

    พุบ~

    เสียงตกกระทบของบางอย่างทำให้คนตัวเล็กใจเต้นตึกตัก พลางค่อยๆหลุบตาลงต่ำมองลอดมือตัวเองดูว่าไอ่เสียงนั้นมันมากจากอะไร และภาพที่เขาเห็นก็ทำเอาแทบลมจับ กางเกงของคนตรงหน้าลงไปกองอยู่บนพื้นเรียบร้อย.. เห็นแบบนั้นยิ่งหลับตาแน่นปี๋ อย่าบอกนะว่าคิดจะให้อาบด้วยกันจริงๆน่ะ บ้าแน่ๆ ใครจะกล้าทำแบบนั้นกัน 

     

    “ทำไม..อายอะไร”

    ยังจะมีหน้ามาถาม ใครจะกล้ายืนมองอะไรต่อมิอะไรตรงๆโต้งๆกันได้เล่า มือเรียวยังคงอยู่ที่เดิม ให้ตายยังไงก็จะไม่ยอมเปิดออกเด็ดขาด จะไม่ยอมเห็นภาพอุจาดตาแน่ๆ

     

    ปึก~!

    “ห..เห้ยย~!”

    ร้องเสียงหลงเพราะจู่ๆมือข้างหนึ่งของเขาก็หลุดออกเพราะแรงกระชาก จุนโฮหลับตาแน่นมือข้างที่เหลือเลื่อนมาปิดตาไว้ทั้งสองข้าง 

     

    “ก็เห็นมาหมดแล้ว”

    “ไม่! ฉันไม่เคยเห็นอะไรทั้งนั้น..” 

     

    “แน่ใจนะว่าไม่เคย..ก็เห็นเคย..กินมาแล้วนี่..”

     

    อ..ไอ่.. !!

     

    อุณหภูมิในตัวสูงปรี๊ดขึ้นมาทันที หน้าแดงหูแดงจนคนตัวโตหัวเราะออกมาเบาๆ ชานซองจับข้อมือบางอีกข้างที่ปิดตาอยู่ทำท่าจะดึงออกมา 

     

    “อย่านะ! มือเจ็บข้างเดียวไม่ใช่ว่าจะอาบน้ำไม่ได้ซะหน่อยย!!”

    เบือนหน้าออกไปทางอื่นก่อนจะโวยวายเสียงดังออกมาอย่างลืมตัว รู้สึกถึงลมหายใจร้อนๆ มีใครที่ไหนยืนแก้ผ้าต่อหน้าคนอื่นบางเนี่ย.. 

     

    “หึหึ..ไอ่อาบน่ะอาบได้..แต่ขี้เกียจ..ลืมตาซะ”

    “ไม่!!”

     

    ร่างสูงรั้งมือเล็กทั้งสองข้างเข้ามารวบไว้ด้วยมือเดียว ร่างบางยังคงปิดเปลือกตาแน่น ชานซองมองคนตรงหน้าก่อนจะยิ้มออกมาจางๆ กลัวอะไรหนักหนา.. โน้มตัวเข้าไปใกล้พลางจรดริมฝีปากเข้ากับพวงแก้มเนียนเบาๆ จุนโฮสะดุ้งเฮือก ลืมตาขึ้นมองหน้าชานซองทันทีเพราะความตกใจ 

     

    ปกติชานซองไม่ทำแบบนี้ หมอนี่เคยหอมแก้มเขาที่ไหนกัน..

     

    “เบี่ยงเบนความสนใจ จะทำให้คู่ต่อสู้ลืมเรื่องที่ตัวเองตั้งใจไว้ชั่วขณะ..”

    ช้อนมองดวงตาคมด้วยความไม่เข้าใจ หมายถึงว่าที่เขาโดนหอมแก้มเพื่อให้ลืมว่าต้องหลับตาหนีอีกคนอยู่งั้นหรอ 

     

    “นายลืมว่าต้องหลับตาใช่ไหมล่ะ”

    “ฉัน..ตกใจต่างหาก!!”

    รีบหลับตาลงเหมือนเดิมทันที อีจุนโฮหนึ่งในสายสืบที่ฉลาดที่สุดกำลังหลงกลไอ่เจ้าเล่ห์อย่างงั้นหรอ ให้ตายเถอะ.. 

     

    ชานซองก้มลงเข้ามาสูดกลิ่งหอมๆที่พวงแก้มสีฝาดอีกครั้ง แน่นอนว่าครั้งนี้จุนโฮหลับตาแน่นขึ้นมากกว่าเดิมซะอีก อย่ามาทำตัวแบบนี้นะเจ้าบ้าเอ้ย! เป็นมือปืนประเภทไหนกัน ทำแบบนี้ก็เอาปืนมายิงกันเลยดีกว่า!

     

    แล้วทำไมหัวใจต้องเต้นแรงขนาดนี้.. 

     

    “ด่าฉันในใจอยู่รึไง”

    “…..”

    เลือกที่จะเงียบไม่ตอบ ตอนนี้จุนโฮไม่รู้จะทำยังไงแล้ว ถ้าให้เดาหน้าต้องแดงลามไปถึงหูแน่ๆ ร่างสูงไล้สายตามองคนตัวเล็กต้องแต่หัวจรดเท้า เจ้าตัวยังคงไม่ขยับตัวไปไหน แถมดูเหมือนว่าจะตัวสั่นน้อยๆซะด้วย..

     

    แกร่ก..

    “อะ..ออกไปซะ เสียเวลาจริงๆ”

     

    หืออ..

    ค่อยๆมองผ่านระหว่างนิ้วอีกครั้ง แสงสว่างที่ลอดผ่านเข้ามาทางประตูทำให้จุนโฮรีบดันอกแกร่งให้ห่างออกแล้ววิ่งออกไปด้านนอกทันที มือเรียวปิดประตูหน้าน้ำดังลั่นจนกลัวว่ามันจะพังลงมาซะก่อน

     

     

    .

    .

    .

     

     

    จุนโฮลอบมองชานซองที่ออกจากห้องน้ำมาด้วยสายตาหวาดระแวง คนตัวสูงเดินนุ่งผ้าเช็ดตัวผืนเดียวเดินสำรวจไปทั่วห้อง ข้าวของเครื่องใช้ในห้องส่วนใหญ่ไม่มีอะไรที่เกี่ยวกับจุนโฮเลย แน่ล่ะปกติเขาไม่ได้อาศัยอยู่ที่นี่ อยากจะรื้อค้นอะไรก็ตามใจ คราวนี้ถึงตาเขาอาบน้ำบ้างแล้วใช่ไหม เดินไปหยิบเสื้อผ้าที่ยังพอมีอยู่บ้างในตู้พร้อมกับผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำไป คนตัวเล็กทำความสะอาดตัวเองไม่นานก็เสร็จ จัดการใส่เสื้อผ้าด้วยเสื้อยืดสบายๆและกางเกงขาสั้น

     

    ทว่าพอออกจากห้องน้ำชานซองก็ทำให้คนตัวเล็กถึงกับคิ้วขมวด 

     

    “ถ้าไม่มีเสื้อผ้าใส่ก็ใส่ชุดเดิมสิ”

    คนตัวโตกึ่งนั่งกึ่งนอนอ่านหนังสือการ์ตูนบนหัวเตียงในสภาพเดิม.. ชานซองละสายตาออกจากหนังสือก่อนจะไล่มองเขาตั้งแต่หัวจรดเท้า พร้อมกับเลิกคิ้วขึ้นอย่างกวนๆเป็นเชิงว่า.. ถ้าไม่ใส่แล้วจะทำไม?

     

    เห็นแบบนั้นเลยจำใจเดินไปค้นๆตู้เสื้อผ้า แต่ก็ไม่เห็นจะมีตัวไหนใหญ่พอที่จะให้ยักษ์อย่างฮวางชานซองใส่ได้เลย แต่เอ.. เคยจำได้ว่ามีกางเกงขาสั้น เคยซื้อมาแล้วมันใหญ่เกินไปนี่นา 

     

    เอื้อมขึ้นไปเปิดตู้ชั้นบนและเพราะความสูงที่มากเกินไปทำให้จุนโฮต้องออกแรงเขย่ง 

     

    พึ่บบ..

     

    “อ้ะะ!”

    จู่ๆร่างกายสูงก็ทาบทับเข้ามาจากด้านหลัง ชานซองเอื้อมไปหยิบกางเกงบนตู้ชั้นบนออกมาได้อย่างง่ายดาย และไม่วายฉกหอมแก้มนิ่มของคนตัวเล็กไปหนึ่งที.. 

     

    “ไอ่..”

    กำลังจะหันไปด่าแต่พอเห็นว่าผ้าเช็ดตัวที่เคยปกปิดอะไรต่อมิอะไรของร่างสูงกำลังจะถูกปลดออกเพื่อใส่กางเกงเลยต้องรีบเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่น คิดจะถอดก็ถอด คิดจะใส่ก็ใส่รึไงนะ เหอะ

     

    “อะไร จะด่าอะไรฉัน? ทำแผลให้ฉันด้วย”

    พูดเสียงเข้มพลางโยนผ้าเช็ดตัวกลับคืนไปให้คนมือบางรับเอาไว้แทบไม่ทัน จุนโฮฮึดฮัดเล็กน้อยแต่ก็ยอมเดินไปคว้าอุปกรณ์ทำแผลประจำบ้านมา

     

    ทรุดตัวลงนั่งตรงขอบเตียง ชานซองขยับเข้ามานั่งบนเตียงพลางยื่นข้างขวาให้ จุนโฮค่อยๆแกะผ้าพันแผลอันเก่าออก ใช้สำลีเช็ดคราบเลือดที่เกรอะกรังออกเบาๆและตามด้วยแอลกอฮอล์ คงเป็นเพราะการทำแผลที่ไม่ค่อยถูกหลักอนามัยมากเท่าไร แผลเลยดูแห้งช้ากว่าปกติ

     

    “มือเบาขึ้นเยอะเลยนี่..”

    ไม่ต้องเดาก็รู้ว่าประชด เพราะเมื่อครั้งที่แล้วเขาจงใจราดแอลกอฮอล์ลงไปเต็มๆ ตอนนั้นแค่ไม่เต็มใจทำหรอกนะ  

     

    “นายเจ็บแบบนี้บ่อยไหม” ถามออกไปเพราะนึกสงสัย ทำไมถึงดูไม่ปวดแสบปวดร้อนกับแผลเลยซักนิด ถึงจะไม่ได้ร้ายแรงมากก็เถอะ อย่างน้อยมันก็ต้องมีเจ็บบ้างแหละน่า 

     

    “..ไม่เคยต้องมานั่งทำแผลมาเกือบสิบปีแล้ว”

     

    “นายอายุเท่าไรเนี่ย..”

    จะว่าไปไม่เคยรู้เรื่องส่วนตัวของชานซองเลย ไม่เคยรู้ว่าอายุเท่าไร เรียนที่ไหน ชีวิตตอนเด็กของมือปืนจะเป็นอย่างคนอื่นรึเปล่า ทำไมถึง..มาทำเรื่องแบบนี้ได้ 

     

    “ฉันจำเป็นต้องบอก..?”

     

    เออ..ไม่ถามก็ได้ ชิ 

    อุส่าได้มาพักผ่อนไม่ต้องคอยอยู่บ้านที่มีรั้วสูงๆมีกล้องวงจรปิดทั่วบ้านแล้วยังทำตัวซีเรียสอีก จุนโฮหยิบผ้าชุบน้ำเช็ดรอบๆแผลแล้วทายาเบาๆ 

     

    แต่ในขณะที่จุนโฮกำลังจดจ้องแผลบนฝ่ามือหนาอยู่นั้น สัมผัสอุ่นๆก็ทาบทับลงมาบนริมฝีปากอิ่มแผ่วเบา คนตัวเล็กตกใจพลางผละตัวขยับออกทันที รอยยิ้มเจ้าเล่ห์ผุดขึ้นมาก่อนจะโน้มใบหน้าคมเข้ามาหาหมายจะกดจูบลงไปอีกครั้ง คราวนี้จุนโฮยกมือขึ้นดันปากซนๆให้ห่างออกทันที

     

    “จะทำอะไรน่ะ!”

    “…ก็เห็นอยู่”

    ตอบหน้าตาเฉยราวกับว่ามันเป็นเรื่องปกติ แต่มันไม่ปกติสำหรับคนตัวเล็กเลยซักนิด ไม่เคยชินกับการกระทำของชานซองเลยแม้แต่น้อย ไม่ว่าชานซองจะทำไปเพื่อสนองอะไร สำหรับเขามันทำให้..

     

    หัวใจเต้นแรงแปลกๆ ยิ่งช่วงนี้ชานซองไม่ค่อยรุนแรงกับเขามากยกเว้นในตอนที่เจ้าตัวโมโหมากๆล่ะนะ

     

    “ถอยไปเลย..”

    “ก็แค่จะจูบ..” 

     

    “ก็แค่ตะ..อื้ออ..ชานซองง!”

    ปากหยักโน้มเข้าไปหาริมฝีปากหวานอีกครั้ง และก็เหมือนเดิมจุนโฮผละออกยกหลังมือขึ้นปิดปากตัวเองอย่างอายๆ 

     

    “อยู่เฉยๆยอมให้ฉันจูบดีๆบ้างได้ไหมห้ะ”

    “จะบ้ารึไง! เป็นอะไรของนาย..”

    ถ้าเป็นปกติคงโดนท่อนแขนราวกับเหล็กของอีกคนจับโยนลงเตียงไปแล้ว แต่นี่.. ไม่ทำอะไรเลย.. มันแปลกเกินไป..

     

    “นายไม่เหนื่อยบ้างหรอที่โดนฉันใช้กำลังบังคับนายน่ะ..”

    “ทำไม..อ้ะ..!!”

     

    จู่ๆคนตัวเล็กก็ลอยขึ้นมานอนทับอยู่บนตัวชานซองเอาดื้อๆ ดวงตาเรียวเบิกกว้างรีบใช้มือยันตัวไว้กับไหล่หนา ก่อนที่เขาจะนอนทับลงบนตัวของอีกคนจริงๆ ปากหยักตรงเข้ามาทาบทับลงไปเบาๆอีกครั้งโดยที่มือทั้งสองข้างของอีกคนทำแค่กอดเอวบางเอาไว้หลวมๆเท่านั้น รสจูบแผ่วเบานุ่มนวลสะกดจุนโฮนิ่ง จุนโฮหลับตาหนีด้วยความรู้สึกแปลกๆที่ตีกันมั่วไปหมด เขาก็ไม่ได้ขัดขืนและชานซองไม่ได้บังคับ แค่แตะปากเขากับจุนโฮเอาไว้ด้วยกัน 

     

    จุนโฮหลับตารับสัมผัสเหมือนเด็กๆอยู่แบบนั้น ชานซองจูบในแบบที่ไม่เคยทำมาก่อน ไม่ร้อนแรงไม่หวือหวา เป็นจูบที่แสนจะธรรมดา แต่หัวใจเจ้ากรรมดูเหมือนว่าจะเด้งออกมาดื้อๆ คนตัวโตกดจูบซ้ำๆอ้อยอิ่งดูดเม้มกลีบปากหวานเล่นเบาๆพลางส่งลิ้นร้อนเข้าไป 

     

    จุนโฮเปิดปากออกอย่างง่ายดาย ลิ้นเล็กแตะสัมผัสหยอกล้อกับลิ้นของอีกคนเบาๆ ชานซองขยับบดเบียดเข้าไปหามากกว่าเดิม ไล้เลียออดอ้อนจนเกิดเสียง มือเรียวเลื่อนขึ้นมาประคองใบหน้าคมเอาไว้ช้าๆ ทั้งคู่ขยับเข้าหากันเรื่อยๆ ร่างบางตอบรับจูบหอมหวานด้วยเสียงครางหวาน 

     

    ฝ่ามือหนาสอดเข้าไปใต้สาบเสื้อไล้ไปตามผิวกายเนียนช้าๆ จุนโฮคิ้วขมวดมุ่นเพราะความรู้สึกแปลกๆแล่นเข้ามา อุณหภูมิสูงขึ้นอย่างน่าแปลกใจ ชานซองพลิกตัวกลับให้คนตัวเล็กลงไปอยู่ใต้ร่าง ผละจูบออกก่อนจะแนบปากร้อนๆไปทั่วเรียวคอสวยไล้ลงไปเรื่อยๆ

     

    “อ..อื้ออ..”

    “จุนโฮ..”

    เรียกชื่ออีกคนแผ่วเบาจนคนตัวเล็กเคลิ้มไปกับทุกการกระทำที่คนตัวโตมอบให้ ชานซองเป็นเหมือนคนละคน น้ำเสียงนุ่มทุ้มแบบนี้.. ไม่เคยได้ยินมาก่อน..

     

    ชานซอง..นายกำลังทำให้ฉัน.. ไม่เป็นตัวของตัวเอง..

     

    “ชานน..พ..พอเถอะ..”

    เขารู้สึกว่ากำลังจะควบคุมตัวเองไม่ได้.. จะปล่อยให้เลยเถิดแบบนี้ไม่ได้.. แต่ดูเหมือนว่าเจ้าของปากซนๆนั่นจะไม่เชื่อฟังเขาเท่าไร 

     

    “อะ…อื้ออ!! อ้ะ..”

    จู่ๆปากร้อนก็แนบเข้ากับเรียวขาอ่อนด้านในเข้าอย่างจัง จุนโฮจิกผืนเตียงแน่น พยายามขยับตัวหนีแต่เรี่ยวแรงที่มีไม่สามารถทำให้ร่างเล็กขยับไปไหนได้เลย 

     

    ทำไมวันนี้มัน.. อยากให้ชานซอง.. เข้ามา.. 

    ไม่..ไม่ได้ ทำแบบนั้นไม่ได้.. 

     

    อย่าเป็นแบบนี้จุนโฮ.. 

     

    อย่าเป็นแบบนี้..

     

    ปึก!! โครมมม!!

    สิ้นเสียงดังนั้น จุนโฮเด้งตัวขึ้นถอยร่นเข้าไปชิดหัวเตียงทันที ชะโงกตัวไปดูร่างสูงใหญ่ของชานซองช้าๆ.. 

     

    “ให้ตาย..นายกล้าถีบฉันหรอ..!!”

    โวยวายออกมาอย่างหัวเสีย จ้องใบหน้าหวานที่นั่งทำหน้าแดงก่ำอย่างเอาเรื่อง 

     

    “ก็..ก็ฉันบอกนายแล้ว..”

    ก้มหน้างุด รู้สึกไม่กล้าสู้หน้าอีกคนขึ้นมาชั่วขณะ เมื่อกี้ทำอะไรลงไปเนี่ย จูบตอบ..แถมยังรู้สึกดีกับชานซองอย่างนั้นหรอ..

     

    หันไปมองร่างสูงปลายเตียงอีกครั้งก็เห็นว่าชานซองกำลังเดินมาหาตัวเอง จุนโฮเด้งตัวขึ้นเดินหนีไปชิดกับอีกฝั่งของห้องทันที 

     

    ไม่ได้กลัวชานซอง.. แต่กลัวตัวเอง..

    กลัวว่าถ้าห้ามใจไม่ได้อีกจะทำยังไง.. 

     

    “ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า ขี้เกียจได้ยินใครบางคนร้องไห้..”

    ปรายตามองร่างเล็กก่อนจะล้มตัวลงนอนบนเตียง ขับรถมาเหนื่อยๆเขาก็อยากจะนอน

     

    อะไรว้ะ.. ทำไมคราวนี้คิดจะหยุดก็หยุดเอาง่ายๆ..

     

    “จะอยู่ตรงนั้นอีกนานไหม ไม่งั้นฉันต่อนะ..”

    “ต..ต่ออะไร! ไม่เอา!”

     

    “ก็มานอนดิ ยืนเล่นตัวอยู่ได้”

     

    อะ..ไอ่.. 

    ฮวาง ชานซอง.. 

     

     

    —————

     

    มินจุนตื่นขึ้นมาในตอนเช้าด้วยหัวสมองที่ไม่ปลอดโปร่งเท่าไหร่นัก ก้าวลงจากเตียงพร้อมกับแง้มประตูห้องออกเล็กน้อย ตากวาดมองไปทั่วห้อง แต่ไม่เห็นร่างสูงของแทคยอน ประตูห้องน้ำด้านนอกห้องที่ปิดสนิท กับเสียงน้ำที่กระทบพื้นทำให้ร่างโปร่งพอจะเดาออก แทคยอนยังไม่ได้กลับ แถมยังอาบน้ำในห้องน้ำของเขาอีกด้วย

     

    ห้องน้ำในห้องของเขามีสองห้อง ในห้องนอน แล้วก็ด้านนอกมือเรียวคว้าโทรศัพท์มากดโทรหาโจควอนทันที เขาต้องใช้เวลานี้ให้เป็นประโยชน์

     

    “ฮัลโหล” เสียงอู้อี้ของโจควอนทำให้เขาชะงัก คิ้วเรียวขมวดแน่น

    “โจควอน ทำไมเสียงเป็นแบบนั้นล่ะ”

     

    “มินจุน!!! เป็นยังไงบ้าง ปลอดภัยดีใช่มั้ย อะ..โอ้ย..” เสียงของเพื่อนร่วมงานตะโกนโพล่งขึ้นทำเอามินจุนดึงโทรศัพท์ออกห่างจากหูแทบไม่ทัน

    “นั่นนายเป็นอะไร เกิดอะไรขึ้นกับนาย”

     

    “ไม่ ฉันไม่เป็นอะไร โดนไอ้ชานซองมันเล่นเอาน่ะ ว่าแต่นาย เป็นยังไงบ้าง”

    “ช่วงนี้ฉันคงไปทำงานไม่ได้ แทคยอนทำท่าจะปักหลักอยู่ที่คอนโดฉัน มีอะไรให้โทรหานิชคุณตกลงมั้ย” มินจุนกระซิบแผ่วเบา ตาก็เหลือบมองประตูห้องเป็นระยะ หวังว่าแทคยอนคงไม่เปิดประตูเข้ามาตอนนี้หรอกนะ

     

    “แทคยอนอยู่ที่นั่นเหรอ!? กับนาย!? สองคน!?”

    “ก็เออน่ะสิ เข้าใจตามนี้นะ มีเรื่องอะไรก็ไปบอกนิชคุณก่อน ฉันวางล่ะ”

    มินจุนกดวางสายก่อนจะกดเบอร์โทรที่เขาจำได้ขึ้นใจเพื่อโทรหาจุนโฮ แต่ยังไม่ทันที่จะพิมพ์ครบ มือหนาของใครก็มาคว้าโทรศัพท์จากในมือเขาไป

     

    “จะโทรหาใครเหรอคุณ” เสียงทุ้มกระซิบข้างหู มินจุนเบิกตากว้างด้วยความตกใจ แขนแกร่งข้างซ้ายเกี่ยวเอวของเขาเอาไว้จากทางด้านหลัง ส่วนอีกข้างยื่นไปข้างหน้าพร้อมกับโทรศัพท์ในมือ

     

    “เบอร์ใครกันล่ะเนี่ย.. ทำตัวน่าสงสัยตลอดแบบนี้จะให้ผมปล่อยคุณไปได้ยังไงกัน” 

    เสียงทุ้มพูดเนิบๆในขณะที่คนตัวเล็กกว่าเริ่มดิ้น

    “เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา!” 

    มินจุนพยายามเอื้อมมือไปคว้าเอาโทรศัพท์คืน แต่แขนที่เกี่ยวเอวเขาเอาไว้ทำให้ไม่สามารถขยับตัวได้อย่างที่ต้องการ

     

    “ว่าไง คุณจะโทรหาใคร” 

    แทคยอนโยนโทรศัพท์ของเขาลงไปบนเตียง หันกลับมาจ้องคนในอ้อมกอดเขม็ง มินจุนจ้องกลับอย่างไม่ยอมแพ้ก่อนจะสะบัดตัวแรงๆอีกครั้ง

     

    “ฉันจะโทรหาใคร มันก็เรื่องของฉัน ไม่เกี่ยวกับนาย” 

    แขนแกร่งยอมปล่อยให้ร่างโปร่งเป็นอิสระ มินจุนคว้าเอาผ้าเช็ดตัวมาถือไว้ เดินดุ่มๆเข้าห้องน้ำไปตามด้วยเสียงประตูปิดดังปัง!

     

    ดวงตาคมเหลือบมองโทรศัพท์ที่เขาโยนเอาไว้บนเตียง เบอร์นั้นยังไม่ครบ ทำให้เขาไม่สามารถรู้ได้ว่าเป็นเบอร์ของใคร มือหนายกขึ้นเสยผม ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งบนเตียงนุ่ม เก็บโทรศัพท์ของร่างโปร่งไว้ในกระเป๋ากางเกง

    ริมฝีปากบางกระตุกยิ้มเจ้าเล่ห์ เมื่อกี้มินจุนไม่ได้หยิบเสื้อผ้าเข้าไปนี่นะ…

     

    เวลาผ่านไปหลายนาที ดูเหมือนจะนานผิดปกติ ดวงตาคมเหล่มองบานประตูที่ค่อยๆแง้มออก ศีรษะกลมโผล่ออกมาเพื่อดูสถานการณ์ ก่อนจะรีบปิดประตูอีกครั้งเมื่อเห็นว่าเขานั่งมองอยู่ แทคยอนกลั้นหัวเราะลุกขึ้นเดินไปยืนอยู่หน้าประตู

     

    “นี่คุณ ใจคอจะอยู่แต่ในนั้นหรือไง ออกมาได้แล้ว”

    “นายนั่นแหละ ออกไปจากห้องฉัน!” มินจุนตะโกนตอบกลับ แทคยอนอมยิ้มยืนหันหลังพิงบานประตู

    “มินจุนอ่า.. ผมไม่ทำอะไรคุณหรอกน่า”

     

    ชิ..

    ร่างโปร่งเบะปากให้กับคำพูดของคนตัวสูง ถ้าเขาไม่ลืมเอาเสื้อผ้าเข้ามาคงไม่ต้องอยู่ในห้องน้ำนานขนาดนี้ ไอ้บ้านั่นก็ไม่ยอมออกจากห้องเขาซักที ให้มันได้อย่างนี้สิ!

     

    “ออกไปจากห้องนอนฉัน กลับไปเลยได้ยิ่งดี!” ตะโกนกลับไปแบบนั้น ไม่รู้จะอยู่กับเขาให้มันได้อะไรขึ้นมา เอกสารที่สำคัญก็โดนไอ้บ้านั่นฉีกไปเกือบหมดแล้ว มีอีกอย่างที่เขาต้องเก็บไว้ให้ดีคือข้อมูลของจุนโฮ

     

    “คำก็ไล่สองคำก็ไล่”

    เสียงทุ้มเงียบไปจนมินจุนคิดว่าแทคยอนคงออกจากห้องไปแล้ว ร่างโปร่งตัดสินใจเปิดประตู ขาเรียวก้าวไปข้างหน้าก่อนจะผงะถอยหลังด้วยความตกใจ อ๊ค แทคยอน ยืนกอดอกยิ้มกริ่มอยู่หน้าห้องน้ำ มินจุนปิดประตูใส่หน้าคนตัวสูงเป็นรอบที่ร้อยของวัน

     

    “ไอ้บ้า!! ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้!!”

     

    .

    .

     

     

    “อ๊ค แทคยอน! โทรศัพท์ฉันอยู่ไหน!” มินจุนที่แต่งตัวเสร็จเรียบร้อยก้าวฉับๆออกมาจากห้องนอน หยุดยืนอยู่ห่างจากคนตัวสูงที่นอนเล่นอยู่บนโซฟา แทคยอนไม่ตอบ ดวงตาคมจับจ้องอยู่กับรายการทีวีตรงหน้า

     

    “เอาโทรศัพท์ฉันคืนมา แล้วนายจะดูอะไรก็ดู” ร่างโปร่งว่า แบมือขอโทรศัพท์คืนจากคนตัวสูง พยายามที่จะไม่โวยวายใส่ ดวงตาคมปรายมองฝ่ามือเรียว ก่อนจะเลือกที่จะไม่สนใจ

     

    “นายต้องการอะไรกันแน่! นอกจากจะมาอยู่กับฉัน ยังไม่ให้ฉันติดต่อกับคนอื่นอีกงั้นเหรอ มันจะมากไปแล้วนะ!” 

    มินจุนกระชากคอเสื้อร่างสูงให้ยืนขึ้นอย่างแรง ดวงตาเรียววาววับไปด้วยความโกรธ แทคยอนปลดมือของมินจุนออกจากเสื้อของตัวเองอย่างง่ายดาย พึ่งสังเกตว่าคนตัวสูงเปลี่ยนเสื้อผ้า นี่กลับไปเอาตั้งแต่เมื่อไหร่… นี่กะจะย้ายมาอยู่กับเขาเลยใช่มั้ย!?

     

    “ผมไม่ได้เก็บมันเอาไว้เพราะกลัวคุณจะติดต่อกับคนอื่น ผมเก็บเอาไว้เพราะจะดูว่าใครติดต่อมาหาคุณต่างหาก…” 

    มินจุนเผลอกลั้นหายใจไปชั่วขณะ ใช่ว่าเขาจะไม่รู้ว่าจุดประสงค์ของแทคยอนคืออะไร เขาพลาดเองนั่นแหละ..

     

    แทคยอนอาศัยจังหวะที่เขากำลังหยุดคิด ตวัดขาขัดเข้ากับขาของเขา ทำให้มินจุนเสียหลักหงายหลังลงไปบนโซฟา ข้อมือทั้งสองข้างถูกกดทับด้วยมือหนา ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ตกใจกับการกระทำที่คาดไม่ถึงของคนตัวสูง ลืมไปหมดว่าต้องดิ้น ลืมไปหมดว่าต้องด่า สมองเหมือนถูกชัตดาวน์

     

    “เพราะฉะนั้น ตอนนี้ช่วยทำตัวดีๆกับผม เราอยู่ด้วยกันสองคน อย่าคิดว่าผมจะไม่กล้าทำอะไรคุณนะ”

    “คิดว่ากลัวรึไง” มินจุนถลึงตาใส่ แต่เอาจริงๆก็แอบหวั่น แรงเขาน้อยกว่าแทคยอน เสียเปรียบทั้งด้านรูปร่างและกำลัง ถ้าเกิดแทคยอนจะฆ่าเขาขึ้นมา แทบจะไม่มีทางรอดเลย

     

    “คุณก็น่าจะรู้ว่าคุณสู้ผมไม่ได้..” ขายาวที่กดทับขาของเขาอยู่ ทำให้เขาขยับตัวไม่ได้ มือก็ขยับไม่ได้ ยึดแน่นอย่างกับคีมเหล็ก!

     

    “อย่างแรกที่คุณต้องทำตอนนี้ก็คือ…” ใบหน้าคมลดต่ำลงจนมินจุนสัมผัสได้ถึงลมหายใจร้อนที่เป่ารดบนริมฝีปาก ร่างโปร่งเม้มปากแน่นพร้อมกับสะบัดหน้านี้

     

    “ทำอาหารเช้าให้ผมกิน ผมหิว”

     

    .

    .

     

    มินจุนกระแทกจานข้าวลงบนโต๊ะอย่างแรง ร้อยวันพันปีไม่เคยต้องมาทำกับข้าวให้ใคร ไม่ใช่เพราะเขากลัวคำขู่ของแทคยอนหรอกนะ แต่เพราะหมอนี่มันน่ารำคาญ แถมยังลามกอีกตังหาก!!!

     

     

    ‘ทำไมฉันต้องทำด้วย!’

    มินจุนสวนกลับโดยไม่หันกลับไปมองคนตัวสูงที่โน้มใบหน้าลงมา ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอเขาเป็นระยะ ทำให้มินจุนรู้สึกขนลุกแปลกๆ

     

    ‘คุณต้องทำแน่ คุณจะทำใช่มั้ยมินจุนอ่า..’ เสียงทุ้มต่ำกระซิบติดใบหูเล็ก ลมร้อนที่เป่าเข้ามาทำให้มินจุนต้องหดคอหนี ดวงตาเรียวหลับปี๋พยายามจะดิ้น แต่ไอ้บ้านี่มันล็อคเขาไว้ทุกทาง โว้ย!! ไอ้บ้าแทคยอน!!

     

    ริมฝีปากร้อนแตะเบาๆบนซอกคอขาว และนั่นทำให้มินจุนตัดสินใจโพล่งออกมาทันที

     

    ‘ทำ!! ฉันจะทำ!! ทีนี้ก็ถอยออกไปได้แล้ว!!!’

     

    “หน้าตาน่ากินใช้ได้เลยนี่ ไม่ยักรู้ว่าคุณคิมมินจุนจะทำอาหารเป็นกับเขาด้วย” ร่างสูงลอยหน้าลอยตาพูด ในขณะที่เจ้าของห้องได้แต่กัดฟันกรอด

    “ไปตักข้าวมานั่งกินด้วยกันสิคุณ” แทคยอนเอ่ยชวน แถมยังผายมือให้เขานั่งลงบนเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ไอ้บ้านี่มันคิดว่ามันเป็นเจ้าของห้องรึไง!?

     

    มินจุนสูดลมหายใจเข้าลึกก่อนจะเดินไปตักข้าวมาทรุดตัวลงนั่งฝั่งตรงข้าม แทคยอนดูจะร่าเริงและหน้าบานเกินไป ยิ้มซะจนรอยย่นรอบดวงตาปรากฏขึ้นมาให้เห็น ให้ตายเถอะ เขาหมั่นไส้ยิ้มนั่นชะมัด!!!

     

    “ยิ้มอะไร เป็นบ้ารึไง!” อดไม่ได้ที่จะตะคอกใส่คนตรงข้าม

    “ก็ผมมีความสุขนี่ คนมีความสุขก็ต้องยิ้มสิ จะให้มานั่งขมวดคิ้วเป็นปมเหมือนคุณหรือไง” 

    แทคยอนตอบพร้อมกับตักข้าวคำสุดท้ายเข้าปาก ดวงตาเรียวตวัดจิกนึกคำพูดโต้กลับไม่ออก ร่างสูงดูท่าทางไม่เหมือนคนโดนยิงซักนิด แผลคงไม่หายเร็วขนาดนั้น เดาเอาว่าคงจะชินกับแผลพวกนี้

     

    “ล้างแผลให้ผมหน่อยสิ เมื่อกี้เหมือนจะโดนน้ำด้วยแหละ” 

    มินจุนสะดุ้ง ทำไมหมอนี่เหมือนรู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่ ริมฝีปากอิ่มเบ้ออก ไม่ตอบรับอะไร เดินหนีจากโต๊ะกินข้าวไปยืนล้างจาน แทคยอนเดินตามมาติดๆวางจานข้าวลงในอ่าง ทำท่าจะยืนซ้อนข้างหลังเขา…

     

    มินจุนใช้ข้อศอกกระทุ้งเข้าที่หน้าท้องแกร่งเสียงดังอั้ก ทำเอาแทคยอนที่พึ่งกินข้าวมาอิ่มๆจุกจนตัวงอ 

     

    “จะให้ทำแผลก็ไปนั่งรอที่โซฟา อย่ามาเกะกะ” 

    ร่างสูงยืนนิ่งอยู่ซักพัก ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่โซฟาตามที่คนตัวเล็กกว่าบอก ถือว่ามินจุนยอมอ่อนลงมากแล้ว ไม่อย่างนั้นคงไม่ทำแผลให้เขาหรอก แค่นี้ก็ยังดี…

     

    “ถอดเสื้อสิ”

    ด้วยความที่เป็นเสื้อสวมหัวทำให้ถอดยาก มินจุนถอนหายใจพรืด ก่อนจะขยับเข้าไปช่วย เขาไม่อยากอยู่ใกล้กับแทคยอนนัก แต่ทำไมเหตุการณ์ทุกอย่างถึงต้องทำให้การเจอกันแต่ละครั้งของพวกเขาใกล้ชิดกันมากขึ้นทุกที

    มินจุนนั่งทำแผลให้คนตัวสูงเงียบๆ ดวงตาเรียวเหลือบมองรอยสักเป็นระยะ การที่ได้เห็นรอยสักนี้สองครั้ง ทำให้เขาจำได้แม่น

     

    “นี่คุณ” เสียงทุ้มเอ่ยขึ้นท่ามกลางความเงียบ มินจุนเลิกคิ้วขึ้นเป็นเชิงถาม มือเรียวยังคงง่วนอยู่กับการพันแผลให้คนตัวสูงใหม่

     

    “ถ้า…”

    “เสร็จแล้ว” 

    เอ่ยตัดบทขึ้นมาซะก่อน ร่างโปร่งเก็บอุปกรณ์ทั้งหมดด้วยความรวดเร็ว เขาไม่รู้หรอกว่าแทคยอนจะถามอะไร แล้วก็ไม่อยากรู้ด้วย

     

    “ใส่เสื้อให้ผมหน่อย” มินจุนขมวดคิ้วมุ่น แล้วทีตอนอาบน้ำทำไมมันใส่เองได้วะ

    “ระหว่างคุณจะใส่เสื้อให้ผม หรือจะให้ผมถอดเสื้อคุณ เลือกสิ” ริมฝีปากบางส่งยิ้มเจ้าเล่ห์แถมยังยักคิ้วใส่ คนตัวเล็กกว่าเม้มริมฝีปากแน่น เดินไปคว้าเสื้อมาสวมให้

     

    แขนยาวสอดเข้าไปในเสื้อก่อน มือเรียวจับคอเสื้อดึงลงผ่านศีรษะของคนตัวสูง ดวงตาสองคู่ประสานกันโดยไม่ได้ตั้งใจ ก่อนที่มินจุนจะเป็นฝ่ายหลบสายตาก่อน ร่างโปร่งขยับถอยห่าง ปล่อยให้คนตัวสูงจัดชายเสื้อเอง

     

    “แล้วนั่นคุณจะไปไหน” แทคยอนถามเมื่อเห็นมินจุนลุกขึ้นยืน

    “จะเข้าไปนอนในห้อง ฉันจะไปไหนได้ล่ะ” ตอบโดยที่ไม่หันกลับมามอง เขาต้องทนอยู่กับคนคนนี้ไปอีกนานแค่ไหน…

     

    “ใครอนุญาตให้คุณไปนอน” เสียงทุ้มนิ่งทำให้มินจุนต้องหันกลับมามอง ดวงตาเรียววาววับไปด้วยความโกรธอีกครั้ง เป็นบ้าอะไร ทำไมชอบยั่วโมโหเขาอยู่เรื่อย

    “ไม่มีใครอนุญาต ถึงจะมีใคร คนนั้นก็ไม่ใช่นาย นายไม่มีสิทธิ์” มินจุนเน้นย้ำทีละคำ มองแทคยอนที่ลุกขึ้นยืนก้าวเข้ามาหาเขาทีละก้าว

     

    “ใช่ ผมมันไม่มีสิทธิ์ แล้วทำยังไงผมถึงจะมีสิทธิ์นั้นกันล่ะ”

    คิ้วเรียวขมวดแน่น แทคยอนกำลังสื่อความหมายคนละอย่างกับเขา สิทธิ์ที่คนตัวสูงพูดถึงนั่นมัน…

     

    “สิทธิ์ที่จะเป็นเจ้าของคุณ ผมต้องทำยังไง…”

    ร่างโปร่งเลือกที่จะเงียบ ไม่เอ่ยตอบอะไรทั้งนั้น ในที่สุดแทคยอนก็เดินถอยห่างไปทรุดตัวลงนั่งบนโซฟาอีกครั้ง

     

    “นวดให้ผมหน่อย เมื่อคืนนอนบนโซฟาเมื่อยมากเลย ปวดหลังอ่า มินจุนอ่า นวดให้หน่อยนะ นะ…” มินจุนถอนหายใจเบาๆ ก่อนจะเดินเข้าไปหา เพราะแววตานั่นหรอกนะ… เพราะแววตาที่สื่อออกมาถึงความผิดหวังนั่นหรอก… เขาถึงยอม…

     

    เขาไม่ได้ใจอ่อนนะ!!! แล้วเขาก็ไม่ได้ชอบแทคยอนด้วย…

     

    ไม่ได้ชอบจริงๆ..

     

    -------------

     

     

    “ถ้ายอมถอดใจง่ายๆละก็อย่ามาเรียกกันว่าจางอูยองอีกเลย..หึหึ”

    คนตัวเล็กยืนคุยกับตัวเองกระชับกล้องของตัวเองแน่น สูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะพ่นออกมายาวๆเฮือกใหญ่ ยกกำปั้นเล็กขึ้นมาพลางเม้มปากเข้าหากันแน่น.. เอาว่ะเป็นไงเป็นกัน

     

    ตึงๆๆๆๆๆๆ!!

    อูยองรัวแรงเคาะใส่ประตูหนาไม่ยั้งทันที

     

    “นิชคุณ!! ยอมให้ผมเข้าไปเดี๋ยวนี้นะ! ไม่งั้นผมจะเขียนประจานลงหนังสือพิมพ์ทุกฉบับเลยคอยดู!!!”

     

    ตึงงงงๆๆๆๆๆๆ!!!!!

     

    “กลับไปได้แล้วไอ่แก้มอูมมมม~”

    เป็นเสียงของจินอุนที่ตะโกนกลับมาแทน อูยองพองลมด้วยความขัดใจ เมื่อไรไอ่เด็กโข่งจะเลิกตะโกนตอบแทนคนเจ้าปัญหาด้วยนะ 

     

    “นิชชชช คุณณณณณ~~!!!!! เปิดดด ประะะ ตู!!!!!!”

    “ย๊ากกกก หนวกหูไปหมดแล้วววว~”

    ผ้าม่านหน้าต่างข้างๆถูกเปิดออกพร้อมกับเด็กโข่งที่อูยองไม่ชอบใจโผล่หน้าออกมา เห็นแบบนั้นเลยเดินไปหา ก่อนจะ..

     

    เคร้งงงๆๆๆๆๆๆๆ!!!

    ออกแรงเคาะกระจกสุดพลัง 

     

    “เห้ยยย หยุดนะ!!! ถ้ามันแตกจะทำยังไงง!!!”

    “บอกลูกพี่นายให้ออกมาคุยกับฉันก่อนสิ!

     

    “ไม่ มี ทาง”

    เน้นย้ำทุกคำพูดพลางคว้าผ้าม่านปิดลงมาเหมือนเดิม 

     

    อูยองกัดฟันกรอด เดินไปเดินมาอยู่หน้าประตู สมองก็ทำงานอย่างรวดเร็ว เขาต้องเข้าไปคุยกับนิชคุณให้รู้เรื่อง

     

    เสียงรถที่แล่นเข้ามาจอดดึงความสนใจจากเจ้าของแก้มป่อง ดวงตาเรียวมองคนที่เดินลงมาจากรถด้วยความสงสัย คนคนนั้นเดินตรงเข้ามาหาเขา ไม่สิ ดูเหมือนจะเดินมาที่ประตูมากกว่า ดูจากท่าทางแล้วคงจะต้องมาหานิชคุณแน่ๆ 

     

    "เอ่อ โทษทีนะ ฉันขอเข้าไปหน่อย" เสียงเล็กที่เอ่ยขึ้นทำให้อูยองหลุดจากภวังค์ แต่ยังไม่ยอมขยับตัวให้พ้นจากประตู 

     

    "เดี๋ยว คือเอ่อ... นายจะเข้าไปหานิชคุณเหรอ"  

    คนตรงหน้าขมวดคิ้วเล็กน้อย อูยองกวาดสายตาสำรวจตั้งแต่หัวจรดเท้า รูปร่างเพรียว ใบหน้าเรียวมีรอยฟกช้ำด้วย.. 

     

    "นายเป็นใครเนี่ย" แทนที่คนนั้นจะเอ่ยตอบกลับย้อนถามเขาแทน อูยองเผยอริมฝีปากจะตอบแต่จินอุนที่เปิดม่านออกมาทำให้เขาต้องกลืนคำตอบลงไป

     

    "โจควอนฮยอง เข้ามาเลยฮะ แต่อย่าให้หมอนั่นเข้ามานะ" 

    ชื่อโจควอนเหรอ.. ใครอีกล่ะเนี่ย..

     

    ฝ่ายโจควอนมองจินอุนที่โผล่ออกมาทางหน้าต่างงงๆ ก่อนจะพยักหน้ารับ ดันอูยองให้พ้นจากประตู ก่อนจะเปิดประตูเข้าไป

     

    อูยองที่รอจังหวะอยู่แล้วรีบดึงบานประตูเอาไว้ โจควอนที่กำลังจะดึงประตูปิดผงะถอยด้วยความตกใจ เผลอปล่อยมือออกจากลูกบิด ร่างเล็กแทรกตัวเข้าไปข้างในทันที 

     

    “อะไรกันเนี่ยย?”

    ควอนยืนอึ้งอยู่กับภาพตรงหน้า ชายแก้มอูมรีบวิ่งแจ้นเข้าไปทรุดตัวลงนั่งบนเก้าอี้รับแขกพร้อมกับเอาแขนล็อคพนักพิงแน่น 

     

    “ย๊ากกกก ออกไปนะไอ่นักข่าวจอมจุ้น!”

    “ม่ายยยยยยยยยย”

    จินอุนสาวเท้าเข้าไปพยายามงัดแงะอูยองออกจากเก้าอี้ แต่คนตัวเล็กก็ไม่ยอมผละออก จนคนตัวโตต้องลากทั้งคนทั้งเก้าอี้ไปทางประตู 

     

    ควอนขยับหนีความวุ่นวายตรงหน้าเล็กน้อยเมื่อจินอุนลากเก้าอี้ที่มีอูยองนั่งอยู่ผ่านตัวเขาไป แต่ไอ่คนตัวเล็กกว่าก็เอาเท้าเกี่ยวกับขาเขาเข้าซะงั้น 

     

    “ห..เห้ยย อะไรเนี่ยย..”

    “ปล่อยควอนฮยองเดี๋ยวนี้นะ!!”

     

    “ไม่! ไอ่เด็กโข่ง! ไอ่คนชอบใช้กำลังง!!!”

     

    สงครามขนาดย่อมๆเกิดขึ้นว่าห้องลับแขกเริ่มเละเทะโดยฝีมือของคนสามคน เสียงดังวุ่นวายไปถึงเจ้าของบ้าน นิชคุณเดินลงบันไดมาด้วยอารมณ์ขุ่นเคือง จู่ๆกลับมีเสียงดังตึงตังรบกวนเวลาทำงาน และภาพที่เห็นตรงหน้าก็ทำให้เขาตัวชาไปชั่วขณะ.. 

     

    ใครพาลูกเด็กเล็กแดงเข้ามาวิ่งเล่นในบ้านเขาเนี่ย.. 

     

    “จินอุน..”

    ออกปากเสียงเสียงเข้ม

     

    “ปล่อยขาควอนฮยองเดี๋ยวนี้นะ!!” 

    แต่เหมือนจะไม่เป็นผลกับคนตัวโตเท่าไร นิชคุณออกแรงกระแอมเบาๆอีกครั้ง คราวนี้เป็นควอนที่สังเกตเห็นรังสีทมิฬได้ก่อน 

     

    “คุณฮยอง”

     

    พรึบบ..!

    ไวเท่าความคิดพอเห็นโจควอนพึมพำออกมาแบบนั้นอีกสองคนที่เหลือหันไปมองคนมาใหม่ทันที 

     

    “ไปนั่งบนเก้าอี้ดีๆให้เรียบร้อย..”

    สั่งเสียงดุ เป็นจินอุนที่ผละออกจากอูยองก่อน ร่างสูงเดินก้มหน้าเล็กน้อยก่อนจะไปนั่งอยู่บนโซฟาริมห้อง อูยองเลยรีบยืดตัวตรงลากเก้าอี้ไปเก็บที่เดิมก่อนจะทรุดตัวลงนั่งข้างๆจินอุนทันที 

     

    นิชคุณส่ายหัวช้าๆพลางชำเลืองไปหาแขกที่นานๆทีจะโผล่หน้ามาให้เห็น

     

    “ไงควอน มีธุระอะไรรึเปล่า มาหาฉันถึงที่นี่...”

    พูดทักทายพลางนั่งลงบนโซฟาตัวตรงข้ามกับคู่กรณีเมื่อครู่เป็นเชิงชักชวน 

     

    โจควอนส่งสายตาไปทางอูยอง ก่อนจะกลับมาสบตากับคนตรงหน้า นิชคุณถอนหายใจพรืด ส่ายศีรษะไปมาเบาๆ พยักพเยิดหน้าให้ร่างเล็กพูด 

     

    "ตอนนี้มินจุนอยู่กับแทคยอน" โจควอนกระซิบแผ่วเบา ประโยคนั้นทำให้นิชคุณนั่งตัวตรง บรรยากาศในห้องเริ่มตึงเครียดทำให้อูยองที่นั่งอยู่ข้างจินอุนเริ่มขยับตัวยุกยิก 

     

    "อยู่ด้วยกัน? โดนจับไปงั้นเหรอ?" เสียงทุ้มเอ่ยถามดวงตากลมโตฉายแววตื่นตระหนก โจควอนขยับตัวเล็กน้อยก่อนจะส่ายศีรษะช้าๆ

     

    "อยู่ด้วยกันที่คอนโดของมินจุน.. เมื่อเช้ามินจุนโทรมาหาผม ดูท่าทางว่าจะแอบโทรมา ยังไม่ทันได้ถามอะไรก็วางสายไปซะก่อน" 

     

    "อยู่ที่คอนโด?" นิชคุณเลิกคิ้วสูงก่อนจะนิ่งคิด อ๊ค แทคยอน คนคนนี้ฉลาดและเจ้าเล่ห์ไม่น้อยเลย หมอนั่นกำลังจะทำอะไรกันแน่..

     

    "เรื่องที่บุกไปโกดังเมื่อวาน.."

    "ฉันพอจะรู้เรื่องแล้ว ฉันอยู่ที่นั่น" 

    โจควอนชะงักไปเล็กน้อย นิชคุณก็อยู่ที่นั่นด้วยงั้นเหรอ 

     

    นิชคุณลอบมองใบหน้าที่เต็มไปด้วยรอยฟกช้ำของร่างเล็กตรงหน้าก่อนจะถอนหายใจ

     

    "ดีแล้วที่นายไม่เป็นอะไรมาก ตอนนี้ถ้ามีเรื่องอะไรก็ติดต่อมาที่ฉันก่อนก็แล้วกัน"

    “แล้วเราจะทำยังไงต่อครับ.. อำนาจสั่งการตอนนี้..คงอยู่ที่ฮยอง..”

     

    “หึ มินจุนยอมให้ฉันยุ่งเรื่องนี้ด้วยหรอ” 

    พูดพร้อมกับหัวเราะออกมาเบาๆนั่นทำให้ควอนถอนหายใจทิ้งเฮือกใหญ่ 

     

    “ตอนนี้มืดแปดด้านแล้วครับ.. มินจุนจะส่งข่าวออกมามากน้อยแค่ไหนเราไม่รู้ ส่วนจุนโฮ..ดูเหมือนจะพยายามอยู่”

     

    “จุนโฮ?”

    เสียงสูงถาม เพราะเขาไม่เคยรู้จักชื่อชื่อนี้มาก่อน พยายามอยู่ หมายถึง..?

     

    “ครับ..คือมินจุนส่งเข้าไป..”

    “นายว่าอะไรนะ..”

    นิชคุณกดเสียงต่ำถามจนควอนต้องหลบสายตา รวมไปถึงอูยองกับจินอุ่นที่นั่งฟังอยู่ห่างๆต่างก็นั่งเงียบ กลั้นแม้กระทั่งลมหายใจ

     

    “เราส่งเด็กใหม่เข้าไปสืบในบ้านแทคยอนกับชานซองครับ..”

     

    ตึง..!!

    แรงทุบโต๊ะส่งเสียงดังลั่นไปทั่วห้อง ควอนสะดุ้งเล็กน้อยแต่ก็พยายามปรับสีหน้าให้เป็นปกติ เขารู้อยู่แล้วถ้าบอกเรื่องนี้กับนิชคุณไปต้องโกรธมากแน่ๆ แต่ตอนนี้มันไม่เหลือทางไหนแล้วจริงๆ

     

    “พวกนายทำอะไรยังเห็นหัวฉันอยู่บ้างไหม..!!”

    “….”

    ควอนเลือกที่จะเงียบ ในขณะที่อูยองแทบจะอยากแทรกตัวจมหายลงไปในโซฟา ไม่น่ามานั่งเสนอหน้าตรงนี้เลย คนอะไรน่ากลัวชะมัด..

     

    “กลับไปซะ เรื่องนี้ฉันจะจัดการเอง รอรับคำสั่งอยู่ที่หน่วย”

    “…ครับ”

    ควอนก้มหน้ารับคำ ลุกขึ้นโค้งตัวเป็นเชิงลา อูยองที่เห็นบรรยากาศอึมครึมก็ไม่อยากจะอยู่ในห้องนี้แล้ว คนตัวเล็กรีบเดินตามหลังควอนไปติดๆ ทำท่าจะออกไปด้วย

     

    "เดี๋ยวสิอูยอง... อยากเข้ามามากไม่ใช่เหรอ แล้วตอนนี้จะออกไปไหนล่ะ.."

    "ผมว่าผมกลับดีกะ.." ยังพูดไม่ทันจบประโยค เสียงทุ้มก็พูดดักออกมาซะก่อน

     

    "ฉันจะให้นายเข้ามาเป็นส่วนหนึ่งของคดีนี้..นายต้องทำ"

     

     

    ———————————

    ช้าไหม.. 55555 จะบอกว่าตอนนี้ไม่รู้ทำไมแต่งไปรู้สึกแปลกๆไป
    ถ้ามันไม่ดียังไงขอโทษด้วยนะคะ ^^ เม้ามอยด่าชมหรืออะไรก็แล้วแต่
    #TheKiller ในทวิตได้นะคะ

    >SQWEEZ
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×