ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC - channuneo] The Killer

    ลำดับตอนที่ #12 : The Killer - Missions 10

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 437
      6
      16 มิ.ย. 57



    missions 10









    จุนโฮขดตัวอยู่บนโซฟาใบหน้าหวานซุกเข้าหาพนักพิง ร่างกายที่อ่อนแรงทำให้เปลือกตาหนักอึ้ง เสียงเปิดประตูห้องน้ำไม่ได้ทำให้คนตัวเล็กสนใจ เลือกที่จะหลับตาลง อยากจะนอนเต็มที..

     

    “ไปนอนบนเตียง”

    เสียงทุ้มเอ่ยสั่งในขณะที่ร่างเล็กนอนนิ่ง..

     

    “จุนโฮนายอยากจะลองดีกับฉันใช่ไหม”

     

    วันนี้คนตรงหน้าทำเขาอารมณ์เสียทั้งวัน ยังจะมาดื้อด้านอยู่แบบนี้อีกมันจะมากเกินไปแล้ว มือหนากระชากต้นแขนเรียวอย่างแรงทำให้จุนโฮตัวลอยขึ้นมาจากโซฟา ดวงตาเรียวแข็งกร้าวตวัดมองด้วยความไม่พอใจ 

     

    “ฉันบอกให้ไปนอนบนเตียง”

    “ไม่!!”

     

    สิ้นเสียงปฏิเสธคนตัวสูงก็จัดการอุ้มร่างบางขึ้นพาดบ่า จุนโฮเบิกตากว้างทุบแผ่นหลังของชานซองอย่างแรง ทั้งดิ้นทั้งสะบัดแต่ขาทั้งสองข้างถูกแขนแกร่งรัดเอาไว้

     

    ร่างเล็กถูกโยนลงบนเตียง ยังไม่ทันที่จะได้ตั้งตัวร่างสูงก็ทาบทับลงมา จุนโฮยกมือดันไหล่หนาเอาไว้กลัวว่าอีกคนจะทำเรื่องบ้าๆขึ้นมาอีก

     

    “อย่ามายุ่ง!!”

    “เดี๋ยวนี้คิดว่าสั่งฉันได้งั้นหรอ!”

     

    จุนโฮพยายามดิ้นออกจากพันธนาการ แต่ไม่ว่าเขาจะทำยังไงทั้งทุบทั้งตีชานซองก็ไม่แม้แต่จะขยับออกไป สายตาคมจ้องใบหน้าหวานเขม็ง 

     

    “พยศนักนะ คิดจะทำอะไรก็ทำได้สินะ.. อย่าลืมว่าชีวิตนายอยู่ในมือฉัน อีจุนโฮ..”

    “ชีวิตฉันมันพังไปตั้งแต่เจอนายครั้งแรกแล้ว!!”

     

    “หึ..รู้ดีนี่.. งั้นก็จำเอาไว้ว่านายควรจะเชื่อฟังฉัน”

    “ไม่มีทาง..ถึงยังไงชีวิตฉันก็ไม่ใช่ของนาย..”

     

    สายตาทั้งคู่ฟาดฟันกันไม่มีใครยอมใคร และอารมณ์ของชานซองก็เริ่มประทุเมื่อคนใต้ร่างขู่ฝ่อเหมือนลูกแมวที่พยายามจะหนีออกจากกรง

     

    “ต้องให้ฉันเตือนความจำสินะ.. ห่างหายไปนาน..นายคงลืม..”

    “เตือนอะไร ไม่จำเป็น ปล่อย!”

     

    “เตือนว่าเราเคยลึกซึ้งกันแค่ไหนไงล่ะ จุนโฮ..”

    คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันทันที ปากอิ่มเม้มแน่น คนแบบฮวางชานซองยังกล้าพูดเรื่องแบบนี้อยู่อีกรึไง.. 

     

    “เราไม่เคยลึกซึ้งอะไรกันทั้งนั้น ทั้งหมดที่ผ่านมามันไม่เคยอยู่ในหัวฉันเลย”

     

    ร่างเล็กออกแรงดิ้นอีกครั้ง ไม่อยากให้ชานซองแตะต้องตัวเขาแม้แต่ปลายนิ้ว ไม่อยากรู้สึกแบบนั้นอีกแล้ว.. ไม่อยากรู้สึกดีไปกับสัมผัสของคนแบบนี้ 

     

    “แน่สิ.. นายคงไม่จำ เห็นร่านไปหาคนนู้นทีคนนี้ที คงลืมไปแล้วว่ามีอะไรกับใครไปบ้าง”

    “ชานซอง!!!”

     

    จุนโฮสะบัดตัวออกอย่างแรง แต่มือหนาก็รั้งเอวบางจากด้านหลังเอาไว้ได้ก่อน ร่างสูงรั้งอีกคนเข้ามาชิดจนคนตัวเล็กขึ้นมาอยู่บนตัก ใบหน้าคมก้มลงพูดชิดซอกคอหอม

     

    ดวงตาเรียวร้อนผ่าวขึ้นมาแต่ก็พยายามสะกดกลั้นเอาไว้ เขาจะไม่มีวันเสียน้ำตาให้ชานซองอีกเป็นอันขาด..

     

    “น้ำตานายมันไม่ได้ช่วยให้ฉันเชื่อในสิ่งที่นายแสดงออกหรอกนะ..”

     

    ที่ผ่านมาถ้าชานซองยอมอ่อนข้อให้บ้างเขาก็คงเต็มใจที่จะให้ชานซอง..ทำอะไรก็ได้

    แต่มันก็เป็นเพียงความคิดบ้าๆชั่ววูบ..

     

     

    "ปล่อย!!" 

    จุนโฮพยายามดิ้นอย่างแรงเพื่อให้หลุดออกจากแขนแกร่งที่รัดแน่น แต่วงแขนทั้งสองข้างกลับตวัดรัดแน่นมากขึ้นกว่าเดิม ริมฝีปากหยักร้อนผ่าวกดจูบลงบนซอกคอขาวอย่างแรงจนเป็นรอยแดง 

     

    "นายจะทำแบบนี้กับฉันไม่ได้!!! ปล่อย!!"

    "ทำไมฉันจะทำไม่ได้!!" 

    ร่างสูงตะคอก พร้อมกับพลิกให้คนตัวเล็กลงไปอยู่ใต้ร่างอีกครั้ง ข้อมือทั้งสองข้างถูกกดแน่นจนจมลึกไปกับเตียง ดวงตาเรียวเอ่อคลอเต็มไปด้วยน้ำใสที่พร้อมจะหยดลงทุกเมื่อ เพียงแต่เจ้าตัวพยายามจะสะกดกลั้นมันไว้ ...

     

    เอ็นซีเมนชั่นมา @dbdqb 

    .

    .

    .

    .

     

     

     

    ร่างเล็กค่อยๆลืมตาขึ้นช้าๆด้วยความเหนื่อยอ่อน คิ้วเรียวขมวดเล็กน้อยเมื่อลุกขึ้นนั่งบนเตียง ไม่รู้ว่าตอนนี้กี่โมงแล้ว แต่ความรู้สึกแห้งผากในลำคอทำให้เขานอนไม่หลับ

     

    จุนโฮหันไปมองคนข้างกายที่หลับสนิท แขนแกร่งที่วางพาดบนเอวรัดแน่นราวกลับกลัวว่าเขาจะหนีหาย.. ดวงตาเรียวเอ่อคลอไปด้วยน้ำตาขึ้นมาดื้อๆเมื่อคิดถึงเรื่องที่พึ่งเกิดขึ้น ฟันขาวขบกัดริมฝีปากบวมช้ำ ก่อนจะผลักแขนของชานซองให้พ้นตัว คนตัวสูงลืมตาขึ้นมองเขาช้าๆ ก่อนจะปิดเปลือกตาลงอีกครั้งไม่ได้สนใจว่าเขาจะทำอะไร

     

    ขาเรียวค่อยๆก้าวไปตามทางเดิน เพราะครั้งนี้ไม่ได้ปวดระบมมากมายถึงครั้งก่อนๆ มือก็คลำทางมาเรื่อยๆจนมาหยุดอยู่ที่หน้าห้องครัว คลำหาสวิตซ์ไฟเพื่อกดเปิด จุนโฮหรี่ตาลงเล็กน้อยเพื่อปรับแสง ก่อนจะเดินตรงไปเปิดตู้เย็นหาน้ำดื่ม

     

    น้ำเย็นๆช่วยให้เขาสดชื่นขึ้นมาได้บ้าง ดวงตาเรียวกวาดมองรอบบ้านที่มืดสนิท ชะงักไปเล็กน้อยเมื่อเห็นอะไรบางอย่างที่ดูผิดปกติทางด้านนอก จุนโฮวางแก้วลงบนโต๊ะ ก่อนจะเดินเข้าไปใกล้หน้าต่างที่ปิดสนิท ควันสีขาวขุ่นที่ลอยคละคลุ้งอยู่ด้านนอกทำให้ร่างเล็กเบิกตากว้าง ควัน.. ควันอะไร ไฟไหม้? หรือ… ยาสลบ!?

     

    จะเป็นควันอะไรก็แล้วแต่ ตอนนี้เขาต้องไปปลุกชานซอง!!

     

    จุนโฮรีบวิ่งกลับไปที่ห้อง ถึงแม้ว่าจะรู้สึกปวดร้าวบริเวณสะโพกอยู่เล็กน้อย มือเรียวกระชากประตูเปิดออกด้วยความร้อนรน

     

    “ชานซอง!!” 

    เพียงแค่แตะตัวร่างสูงก็ผุดลุกขึ้นนั่ง เลิกคิ้วมองใบหน้าเรียวที่ตอนนี้ซีดขาวด้วยความสงสัย ดวงตาคมไล่มองไปทางด้านหลังก่อนจะลุกขึ้นยืนด้วยความรวดเร็ว

     

    “ควันอะไรก็ไม่รู้อยู่ด้านนอกเต็มไปหมด” 

    จุนโฮพูดเร็วๆ ในขณะที่คนตัวสูงกำลังเปิดลิ้นชักเพื่อหยิบปืนมาเหน็บไว้ข้างเอว รวมทั้งมีดสั้นที่ถูกยื่นมาให้คนตัวเล็กกว่า

     

    “ยาสลบ เร็ว เราต้องรีบออกไปจากที่นี่” 

    มือหนาคว้าจับข้อมือบางเอาไว้พร้อมกับออกแรงกระตุกเบาๆ ควันสีขาวเริ่มเข้ามาในบ้าน ทั้งคู่รีบยกมือขึ้นปิดจมูก

     

    ร่างสูงลากคนตัวเล็กให้วิ่งตรงไปยังห้องครัว มือหนาทุบประตูห้องของพ่อบ้านคิมแรงๆสองครั้ง ประตูก็เปิดออก ทั้งสองคนมองหน้ากัน ก่อนที่พ่อบ้านจะหันหลังกลับไปหยิบปืนมาถือเอาไว้ จุนโฮนิ่วหน้าเล็กน้อย รู้สึกเจ็บข้อมือที่มือหนากำลังกุมกระชับอยู่

     

    ทั้งสามคนรีบวิ่งออกไปทางหลังบ้าน อย่างน้อยควันก็ไม่คละคลุ้งเท่าในบ้าน ถึงจะพยายามเอามือปิดจมูกแต่ก็รู้สึกมึนไม่น้อยเหมือนกัน บรรยากาศด้านนอกมืดสนิท และเงียบกริบจนจุนโฮได้ยินเสียงลมหายใจของตัวเอง ร่างสูงลากเขาเข้าไปในโรงจอดรถ ทรุดตัวลงนั่งหลบอยู่หลังรถคันใหญ่

     

    “ฉันจะออกไปก่อน พ่อบ้านคิม ฝากด้วย”

    ชานซองหันกลับมาบอกพร้อมกับมือหนาที่ค่อยๆคลายออกจากข้อมือบาง จุนโฮกัดริมฝีปากแน่นเมื่อรู้สึกใจหายแบบแปลกๆ

     

    “แต่คุณชานซองครับ ตอนนี้มันมืด ให้ผมไปด้วยน่าจะปลอดภัยกว่า”

    จุนโฮทำท่าเหมือนจะพูดอะไรบางอย่างแต่ก็เลือกที่จะเงียบ เขาเห็นด้วยกับพ่อบ้านคิม ออกไปลุยเดี่ยวคิดว่าเท่มากนักหรือไง พวกนั้นอาจจะมีระเบิดก็ได้.. 

     

    “ไม่ได้” 

    ชานซองเอ่ยปฏิเสธพร้อมกับชายตามามองจุนโฮแวบนึง ร่างเล็กเม้มริมฝีปากแน่นก่อนจะพูดโพล่งขึ้นมา

     

    “ฉันไปด้วย” 

    คิ้วหนาขมวดแน่น ดวงตาคมดุจ้องจุนโฮเขม็ง ซึ่งจุนโฮเองก็จ้องตอบอย่างไม่ยอมแพ้ สำคัญข้างนอกมืดและควันหนามาก วิ่งออกไปได้สองนาทีก็ร่วงทั้งๆที่ยังไม่ทันเห็นตัวคนร้ายเลยมั้ง

     

     

    ปัง!!

     

    เสียงปืนที่ดังขึ้นทำเอาจุนโฮสะดุ้งเฮือก ดวงตาเรียวเบิกกว้างในขณะที่ชานซองกัดฟันกรอด ร่างสูงลุกขึ้นยืนเต็มความสูงกระชับปืนในมือแน่น

     

    “ฉันไม่มีทางดูแลนายได้ตลอดเวลาหรอกนะ หลบอยู่ที่นี่!”

    “ไม่” จุนโฮตอบกลับทันที 

     

    “เรามองไม่เห็นว่าพวกมันซุ่มอยู่ตรงไหนบ้าง ผมว่ายาสลบคงทำให้ลูกน้องที่เฝ้าอยู่ด้านนอกสลบ” 

    พ่อบ้านคิมพูดเร็วๆ ไม่สนใจบทสนทนาของคนทั้งสอง

     

    ชานซองขยับตัวไปทางด้านข้างของรถ แผ่นหลังกว้างแนบติดกับตัวรถ แสงสว่างวาบจากปลายกระบอกปืนสามารถบอกที่อยู่ของคนพวกนั้นได้ แต่ถ้าพวกมันไม่ยิง เราก็จะไม่สามารถรู้ได้เลย..

     

    “นายไม่เห็นตัวคนร้ายนะ”

    คนตัวโตนิ่งเงียบ พยายามใช้ความคิด เขาต้องรู้ตำแหน่งของฝ่ายนู้น หรือไม่ก็ได้ยินการเคลื่อนไหว แต่นี่หลังจากเสียงปืนนัดนั้นทุกอย่างก็เงียบกริบ..

     

    และถ้าไม่รีบออกไปจัดการ อาจจะโดนย่างสดอยู่ในบ้านหรือโดนรมควันจนตายแน่..

     

    “ถ้าฉันไม่ออกไปตอนนี้ ทุกคนคงไม่รอดแน่”

    “แต่ถ้านายออกไปตอนนี้นายจะเป็นคนแรกที่ไม่รอด”

     

    ดวงตาคมจ้องใบหน้าหวานช้าๆพร้อมๆกับส่งปืนอีกกระบอกของตัวเองให้ก่อนจะหุนหันลุกขึ้นออกไปด้านนอกทันที 

     

    “ชะ..ชานซอง..”

    จุนโฮหน้าซีดเผือกหวังจะคว้าตัวไว้ก็ไม่ทัน 

     

    “เดี๋ยวผมจะไปช่วยเอง คุณจุนโฮรออยู่ที่นี่เถอะครับ”

    “ไม่ๆๆ ขอร้องมันจะยิ่งเสี่ยงนะครับ ผมอยาก..เอ่อ..โอ้ย ผมขอเวลาแปปนึง”

    จุนโฮลนลาน พยายามคิดหาวิธีที่ทำให้เราเป็นฝ่ายได้เปรียบเพราะตอนนี้เป็นรองอย่างเห็นได้ชัด ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมีกี่คน มีอาวุธอะไรบ้าง 

     

    “ผมนึกว่าคุณจุนโฮจะปล่อยใช้คุณชานซองตายซะอีกนะครับเนี่ย”

    เสียงพ่อบ้านพูดขึ้นอย่างขำๆ คนตัวเล็กเงยหน้าขึ้นมามองพลางเม้มปากเข้าหากัน.. น่าขำไม่น้อย ในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมายังทะเลาะกันชนิดที่หน้าไม่อยากจะมองอยู่เลย 

     

    “มันไม่ใช่เวลาพูดเรื่องแบบนี้นะครับ”

    แต่ในเวลานี้จะมัวมาโกรธแบบนั้นไม่ได้ 

     

    ปังง!!

     

    เฮือก..

    เสียงปืนที่ไม่รู้ว่าเป็นของฝั่งไหนดังขึ้น ทำเอาจุนโฮร้อนใจมากกว่าเดิม จริงๆเขาจะไม่ช่วยชานซองแล้วหนีไปเลยได้ก็จริง.. แต่.. เพราะเรื่องเมื่อคืนชานซองอ่อนโยนขึ้น ถึงแม้ว่าจะพูดประชดให้ทำอย่างที่เคยทำไปแบบนั้น อีกคนก็ปฏิบัติต่อเขาเหมือนเป็นการร่วมรักมากกว่าการขืนใจ.. 

     

    ไม่สิ.. 

    ไม่ใช่เรื่องเมื่อคืนซะหน่อย เขายังต้องสืบเรื่องจากชานซองอยู่ต่างหาก

    ยังไม่หายโกรธหรอกนะ.. 

     

    เอาละตอนนี้ต้องมีสติกับเหตุการณ์ข้างหน้า ทำยังไงถึงจะเห็นตัวไอ่พวกนั้นทั้งๆที่ควันหนาขนาดนี้ไม่มีแม้แต่แสงสว่าง 

     

    เสียงลั่นไกลยังคงดังออกมาเรื่อยๆ หวังว่าชานซองคงไม่ได้ยิงออกไปสุ่มสี่สุ่มห้าใช่ไหม ยิ่งบ้าเลือดอยู่ด้วย แต่เพราะควันที่เริ่มลามเข้ามาทำให้สมองตื้อตันไปหมด 

     

    “ผมว่า ผมไปช่วยคุณชานซองดีกว่า มันมืดเกินไป”

    พ่อบ้านขยับตัวหวังจะตามชานซองออกไปแต่จุนโฮก็คว้าหมับไว้ก่อน 

     

    “อย่าเลยครับ มันอันตราย คุณอายุเยอะแล้วนะฮะ”

    “ไม่ได้หรอกครับ มันมืดเกินไป ชานซองน่ะ ตาบอดในที่มืดนะครับ”

     

    หะ..

    ดวงตาเรียวเบิกกว้าง ประโยคที่ได้ยินทำให้เขาตัวชาไปทั้งร่าง หมายความว่าไง.. ชานซองไม่สามารถมองเห็นอะไรได้ในที่มืดๆงั้นหรอ.. 

     

    “รออยู่ตรงนี้นะครับ..”

    ร่างโปร่งลุกออกไปทิ้งให้จุนโฮจมอยู่กับความคิดตัวเอง ไม่เคยรู้ ไม่เคยสังเกตเลยซักครั้ง..

     

    ไม่ได้การละ เขาต้องรีบหาทางช่วยทั้งสองคน ถ้ามีแสงสว่างบ้างก็คงดี 

     

    ใช่สิ.. แสง..

    หวังว่าในห้องของแทคยอนจะมีของที่เขาต้องการละนะ เหมือนว่าเคยเห็นอยู่ถ้าจำไม่ผิด..

     

    คิดได้แบบนั้นก็รีบกระชับมือปิดจมูกตัวเองให้มากกว่าเดิม พาตัวเองวิ่งกลับเข้าไปในบ้านตรงเข้าไปเปิดห้องทำงานแทคยอนเพื่อหาอุปกรณ์บางอย่าง ดีที่ว่าห้องปิดเอาไว้ตลอดเลยไม่ค่อยมีควันลอดเข้ามา

     

    “ขอร้องล่ะ.. ต้องมีสิ..”

    มือเรียวค้นทุกซอกทุกมุมอย่างรีบร้อน เสียงปืนดังลั่นคอยเตือนสติเขาเป็นระยะๆ อย่างน้อยชานซองอาจจะรู้ตัวคนร้ายจากปลายกระบอกปืน แต่มันก็หลังจากที่อีกฝ่ายลั่นไกออกมา แน่นอนว่ามันช่วยอะไรไม่ได้มาก 

     

    “อยู่ไหนเล่า..ไม่คิดจะมีติดบ้านไว้เลยรึไง”

    จุนโฮรื้อชั้นวางของออกมาเทรวมกัน กวาดสายตาไปทั่ว 

    อ้ะ.. นั่นไง.. 

     

    รีบคว้าแท่งเลเซอร์เล็กๆมาถือไว้ทันที

     

    ถ้าอุปสรรคครั้งนี้มันคือควันก็คงต้องใช้ประโยชน์จากสิ่งนี้ให้ได้

    หวังว่ามันจะพอช่วยได้บ้างนะ..

     

    จุนโฮหมุนตัวกลับรีบวิ่งออกมาทางเดิม ดวงตาเรียวกวาดมองซ้ายขวาเพื่อหาตัวชานซอง คงยังไม่โดนยิงตายนะ คิ้วเรียวขมวดแน่นเมื่อความรู้สึกมึนหัวเริ่มคุกคามมากขึ้นเรื่อยๆ ขาก้าวช้าๆหลบไปตามซอกคันรถที่จอดเรียงกัน ไอ้บ้าชานซอง ไปอยู่ส่วนไหนของโลกเนี่ย!!

     

    อ้ะ.. นั่น!!

     

    ชานซองกับพ่อบ้านคิมกำลังยืนอยู่กลางลานหน้าโรงจอดรถ ทั้งคู่ดูลำบากไม่น้อยเมื่อมือหนึ่งต้องปิดปาก ส่วนมืออีกข้างต้องถือปืน ควันพวกนี้ควรจะจางลงได้แล้ว แต่มันกลับดูเหมือนจะคละคลุ้งขึ้นเรื่อยๆ เป็นแบบนี้ต้องสลบเหมือดแน่ๆ

     

    จุนโฮรีบวิ่งพรวดเข้าไปหาคนตัวสูงทันที ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อปลายกระบอกปืนจ่อมาทางเขา หัวใจดวงน้อยกระตุกวูบ

     

    “อย่า!” 

    เสียงของพ่อบ้านคิมทำให้นิ้วที่กำลังจะเหนี่ยวไกชะงัก

     

    “นั่นคุณจุนโฮครับ” 

    ชานซองคำรามออกมาเบาๆความหงุดหงิด จุนโฮหรี่ตาลงพยายามปิดจมูกให้แน่นที่สุด 

     

    "ตอนนี้ฉันมีเลเซอร์.." จุนโฮกระซิบเบาๆ 

    "มันเสี่ยงอยู่เหมือนกัน เพราะถ้าเปิดพวกมันก็จะรู้จุดที่เรากำลังยืนอยู่ แต่มันเป็นวิธีเดียวที่จะจัดการพวกมันได้โดยไม่ต้องรอให้มันยิงมาก่อน" ร่างเล็กกระซิบรัวเร็ว กำเลเซอร์ในมือแน่น ควันพวกนี้สามารถทำให้เห็นลำแสงของมันได้ 

     

    "เพราะฉะนั้นพอฉันเปิด ต้องช่วยกันมองว่าลำแสงมันขาดไปตรงไหนบ้าง หลังจากนั้นให้ขยับตัวหลบเข้าไปหลังรถเลย" 

    ถึงจะไม่มั่นใจในแผนนักแต่การใช้แสงเลเซอร์ตรวจจับหาวัตถุทึบแสงเป็นวิธีเดียวที่คิดออกตอนนี้ ปกติแสงจะเดินทางเป็นเส้นตรง แล้วยิ่งเฉพาะแสงเลเซอร์ด้วยแล้ว มันสามารถเดินทางไปได้ไกล ยกเว้นเสียแต่ถ้ามันมีคนไปยืนบังการเดินทางของมัน  

     

    "มั่นใจแค่ไหน" เสียงทุ้มต่ำเอ่ยถามขณะที่ยังคงยกปืนขึ้นเล็งไปทั่ว 

    จุนโฮเม้มริมฝีปาก จะให้ตอบยังไงล่ะ เขาไม่มั่นใจเลยซักนิดน่ะ... ถ้างานนี้ช้าล่ะก็ เราเองที่จะเป็นฝ่ายถูกยิง 

     

    ปัง!!

     

    ปัง!!

     

    เสียงปืนของฝั่งตรงข้ามที่ยิงมาดังขึ้น ตามด้วยเสียงปืนของชานซองที่กวาดไปทางต้นเสียงทันที 

     

    "มั่นใจ!! ฉันมั่นใจว่ามันดีกว่ายืนรอให้มันยิงมาก่อนล่ะนะ.." จุนโฮตอบเร็วๆจนลิ้นแทบจะพันกัน เสียงปืนทำให้เขาหูอื้อ 

     

    "ผมจะคอยดูให้เองว่าลำแสงขาดไปตรงไหน" พ่อบ้านคิมที่ยืนอยู่ข้างๆจุนโฮพูดขึ้น ร่างเล็กหายใจถี่กระชั้น รู้สึกตื่นเต้นขึ้นมาซะเฉยๆ 

     

    นิ้วเรียวกดเปิดเลเซอร์ในมือทันที เมื่อลมหายใจกลับมาสงบอีกครั้ง ลำแสงสีแดงกวาดไปตามเข็มนาฬิกา จุนโฮพยายามจำตำแหน่งที่แสงขาดหายไปให้ได้มากที่สุด ตั้งแต่ทางซ้ายไปจนสุดทางขวา ก่อนจะกดปิดทันที มือเล็กคว้าแขนของชานซองให้กระโดดหลบเข้ามาในโรงจอดรถ ก่อนที่เสียงรัวกระสุนจะดังขึ้น

     

    ทั้งฝ่ายเขาและฝ่ายตรงข้ามที่ระดมยิงใส่กันไม่ยั้ง จุนโฮกระซิบบอกให้คนตัวสูงเป็นคนยิง ถ้าเขายิงเองมีหวังข้อมือเคล็ดแถมยังไม่เข้าเป้าอีกตังหาก พ่อบ้านเองก็ยิงไปทางด้านขวาสองสามครั้งในจุดที่จำได้ว่าลำแสงขาดหาย

     

     

    “สิบเอ็ดนาฬิกา ใช่ ตรงนั้นแหละ”

     

     

     

    ปัง!!!

     

     

     

    “บ่ายสอง ยิงเลย!”

     

     

     

    ปัง!!!

     

     

    เสียงปืนที่เงียบลงทำให้เขาได้ยินเสียงลมหายใจที่หอบถี่ของตัวเอง ยังตื่นเต้นไม่หาย โชคดีที่ตอนหลบเข้ามาเขาไม่ได้รับบาดเจ็บอะไร คนตัวสูงที่ทรุดตัวหลบอยู่ข้างๆเอนหลังพิงรถ หอบหายใจเบาๆ

     

    “คุณชานซอง แขนของคุณ..”

    เสียงของพ่อบ้านคิมเรียกความสนใจจากจุนโฮได้เป็นอย่างดี 

     

    “ไม่เป็นไร แค่ถาก”

    จุนโฮกัดริมฝีปากตัวเองแน่นเมื่อเห็นแขนข้างซ้ายที่เต็มไปด้วยเลือดของชานซอง คงจะโดนตอนวิ่งหลบเข้ามาแน่ๆ แน่ใจหรอว่าแค่ถากเลือดขนาดนี้คงปวดมาก ยังดีที่พวกนั้นมากันไม่มาก เท่าที่เห็นไม่น่าเกินสิบคน และอาจจะมีคนรอดอยู่อีกประมานห้าหกคน..

     

     

     

    ปัง!!

     

    เสียงปืนดังขึ้นอีกรอบเหมือนฝ่ายนั้นจะยิงแบบสุ่มเอา ชานซองกัดฟันกรอดทำท่าจะลุกขึ้นอีกครั้ง แต่ก็ต้องชะงักเมื่อมีดเล่มเล็กทะลุผ่านสายตาไป ตามมาด้วยเสียงโอดครวญของอีกฝั่ง สายตาคมชายมองคนตัวเล็กด้วยท่าทางดุๆ ในเมื่อเมื่อกี้มันผ่านหน้าเขาไปแค่เสี้ยวเดียว

     

    “สงสัยผมต้องไปหามีดมาเพิ่มแล้วมั้งครับเนี่ย..”

    พ่อบ้านคิมพูดติดตลกขึ้นมาอีกครั้งแต่ละก็ต้องหุบยิ้มลงเมื่อเสียงฝีเท้าดังใกล้เข้ามา ชานซองเริ่มมีอาการแปลกๆ คนตัวโตหอบหนักเพราะใช้มือกุมแผลตัวเองไว้สกัดความปวด อีกข้างหนึ่งกระชับปืนไว้แน่น เขาไม่ได้ป้องกันตัวเองจากพิษควัน.. 

     

    “นาย.. เป็นไรไหม..”

     

    แควก.. 

    เสียงฉีกเศษผ้าดังขึ้นมา พ่อบ้านคิมส่งเศษผ้าผืนหนาให้จุนโฮสองผืน อีกผืนหนึ่งจัดการมัดปิดจมูกปิดปากตัวเอง มือบางรับมาพลางอ้อมตัวไปมัดให้ชานซอง กว่าครึ่งชั่วโมงแล้วที่ชานซองอยู่กับควันพวกนี้ 

     

    “ต้องรีบพาคุณชานซองออกไป นี่กุญแจรถ”

    ฝ่ามือหนาเปิดออกพร้อมกับกุญแจสองดอก จุนโฮพยักหน้ารับในขณะที่ใช้ผ้าปิดจมูกตัวเองบ้าง 

     

    “ผมไม่แน่ใจว่าตอนนี้จะมีใครเข้าไปในบ้านรึยัง อาจจะเกิดระเบิดเพื่อทำลายที่นี่ เดี๋ยวผมจะล่อพวกมันเอง”

    “ยังไง..”

     

    “วิธีเดิม แต่คราวนี้ผมจะยิงเลเซอร์จากฝั่งซ้าย คนจุนโฮจัดการพวกมันอยู่ตรงนั้น แถวนั้นจะมีเศษเหล็กเศษไม้อยู่”

    ดวงตาเรียวปรายสายตาไปตามที่บ้านบ้านชี้ อีกฝั่งของโรงจอดรถ

     

    “แต่พวกนั้นก็จะรู้สิครับว่าคุณอยู่ตรงไหน”

    “คุณจุนโฮก็จัดการพวกมันก่อนที่มันจะยิงผมสิครับ”

    เป็นอีกครั้งที่รอยยิ้มจากชายสูงวัยส่งมาให้เขา จุนโฮถอนหายใจด้วยความลำบากใจ รู้ซึ้งถึงความกดดันเวลาต้องลงภาคสนามเลย.. 

     

    “โอเคครับ”

    “ถ้าทางสะดวก ให้รีบพาคุณชานซองออกไปทางประตูหน้าทันทีผมเปิดไว้แล้ว ที่นี่ไม่ปลอดภัยอีกต่อไป”

     

    “ครับ..”

    ร่างเล็กกระตุกแขนชานซองเบาๆให้ลุกออกมา ทั้งคู่เดินสวนพ่อบ้านคิมไปทางฝั่งขวาของโรงรถ และเป็นอย่างที่ชายสูงอายุบอก เศษไม้เศษเหล็กเกลื่อนกราดอยู่เต็มไปหมด ดูเหมือนว่าจะเป็นของเหลือจากการก่อสร้างอะไรซักอย่าง

     

    จุนโฮค่อยๆดันไหล่หนาของร่างสูงบังคับให้นั่งลงกับพื้น ชานซองพยายามสะบัดหัวไปมาเพื่อเรียกสติตัวเองสองสามครั้ง

     

    “ชานซอง”

    เสียงหวานออกปากเรียกเพื่อเช็คการตอบสนอง คนตัวโตเงยหน้าขึ้นมามองช้าๆ ก่อนที่เสียงทุ้มจะดังออกมาแผ่วเบา

     

    “นายอยู่ตรงนี้ใช่ไหม..”

    สัมผัสอุ่นแตะลงเข้ากับซีกแก้มเนียนผ่านริ้วผ้า จุนโฮเม้มปากแน่น เพราะไม่เคยเห็นชานซองในสภาพแบบนี้..

     

    ทำไมถึงเป็นแบบนี้ได้นะ เขาไม่ควรจะสนใจใยดีกับความรู้สึกของชานซอง แต่สภาพแบบนี้ก็ทำให้จุนโฮใจอ่อน นายขี้โกงนี่ชานซอง.. เรียกคะแนนความสงสารรึไง..

     

    โชคชะตากำลังเล่นตลกอยู่ชัดๆ ทำไมต้องมาเกิดเหตุการณ์แบบนี้ด้วย เพราะแบบนี้เลยโกรธชานซองได้ไม่ถึงไหนก็ต้องมาช่วยกันเอาตัวรอดซะก่อน 

     

    “ฉันรู้นายอึดจะตาย อย่าหลับก่อนที่ฉันจะจัดการไอ่พวกนั้นเสร็จล่ะรู้ไหม”

    แกล้งพูดเสียงแข็ง ถึงยังไง ก็ไม่ยอมอ่อนข้อให้ง่ายๆหรอกนะ 

     

    จุนโฮผละตัวออกจากร่างสูงที่นั่งหมดแรงอยู่ข้างรถ และไม่ลืมที่จะคว้าเอาเศษเหล็กขนาดเหมาะมือติดมาด้วย เบียดตัวชิดกับหลังเสาเพื่อรอลำแสงสีแดง

     

    ดวงตาเรียวกวาดไปทั่วบริเวณ ยังไม่มีท่าทีของแสงสว่างใดๆออกมาให้เห็น 

    ขอร้องช่วยเร็วๆหน่อย.. ผ้าผืนเดียวไม่ได้ช่วยให้ปลอดภัยจากกลุ่มควันพวกนี้ได้ 100% 

     

    และจังหวะที่เขากำลังร้อนรนอยู่ในใจ แสงเลเซอร์ก็พุ่งออกมาจากพุ่มไม้

     

    ควับ!!

    ไม่รอช้า ทันทีที่ลำแสงขาดเหมือนว่ามันถูกวัตถุอะไรบางอย่างปิดกั้นการเดินทางของมัน จุนโฮก็ออกแรงปลิดชีพเจ้าสิ่งนั้นทันที 

     

    ควับ!! ควับ!! 

    ตามมาด้วยครั้งที่สองและสาม 

     

    ปัง!! ควับ!!

    เสียงปืนดังสวนขึ้นมา มือบางจัดการเหวี่ยงข้อมือไปที่แสงสว่างจากปลายปืน

     

    ล้มไปสี่.. 

     

    แสงเลเซอร์หายไป ทุกอย่างเงียบเชียบเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น..

     

    จุนโฮยืนนิ่งอยู่ซักพักเพื่อรอดูสถานการณ์ ก่อนจะวิ่งกลับมาหาคนตัวสูง มือเรียวตบลงบนใบหน้าคมเบาๆเพื่อเรียกสติ เลือดที่แขนซ้ายดูจะออกมากขึ้นเรื่อยๆ เขาต้องรีบแล้ว

     

    “ชานซอง! ชาน! อย่าพึ่งหลับนะ นายต้องลุกขึ้น”

    จุนโฮพูดรัวเร็ว ก่อนจะคว้าเอาแขนข้างขวาของคนตัวสูงมาพาดคอตัวเองเอาไว้ ร่างเล็กเซเล็กน้อยเมื่อลุกขึ้นยืน เหมือนกับว่าชานซองจะทิ้งน้ำหนักทั้งหมดมาที่เขา จุนโฮกัดฟันแน่นควานหากุญแจในกระเป๋ากางเกงออกมาเปิดรถ

     

    “ชานซอง” 

    เสียงหวานกระซิบเรียก คนตัวสูงบีบไหล่บางเป็นสัญญาณว่าเขายังไม่ได้สลบ จุนโฮพยุงให้ชานซองขึ้นไปนั่งบนรถแล้ววิ่งอ้อมขึ้นมานั่งฝั่งคนขับ สตาร์ทรถแล้วขับฝ่าควันขุ่นออกไปทันที อย่างน้อยก็ขอให้ออกไปจากที่นี่ได้ก่อนแล้วกัน ถึงจะไม่รู้ว่าไปไหนก็เถอะ

     

    คิ้วเรียวขมวดแน่น มองตามทางไปเรื่อยๆก็อดที่จะห่วงพ่อบ้านคิมไม่ได้ ถ้าเกิดอันตรายขึ้นมาล่ะ..

     

    จุนโฮเหลือบมองคนตัวสูงที่เอนตัวพิงเบาะ ดวงตาคมหลับนิ่งสีหน้าแสดงถึงความเจ็บปวด ลูกกระสุนแค่ถากจริงรึเปล่าน่ะ..

     

    ร่างเล็กขับพ้นออกมาไกลพอสมควร สมองพยายามใช้ความคิดว่าควรจะหนีไปหลบอยู่ที่ไหนดี ฟันขาวขบกัดริมฝีปากอิ่ม ก่อนที่จะเลือกขับหลบเข้าจอดข้างทาง มันตื้อไปหมด คิดอะไรไม่ออก เอาจริงๆเขาเองก็มึนอยู่นิดหน่อย

     

    มือเรียวขยับแตะมือหนาที่กุมแผลเอาไว้เบาๆ ชานซองสะดุ้งกระชากเปลือกตาเปิดขึ้นด้วยความรวดเร็ว ก่อนที่จะเอนตัวกลับไปตามเดิมเมื่อเห็นว่าเป็นเขา จุนโฮเปิดไฟในรถเพื่อสำรวจบาดแผล กระสุนไม่ได้ฝัง แต่ทำไมเลือดถึงออกเยอะแบบนี้ล่ะ

     

    “เลือดนายออกเยอะมาก” 

    จุนโฮพึมพำเบาๆ ดวงตาเรียวช้อนมองคนตัวสูงที่กำลังจ้องหน้าเขาอยู่พอดี ไม่ชินซักทีกับระยะที่ใกล้เกินพอดีแบบนี้ ใจดันเต้นขึ้นมาซะเฉยๆ นี่มันใช่เวลามั้ยเนี่ย อี จุนโฮ!!

     

    จุนโฮเสหลบสายตาก่อนจะปลดผ้าปิดจมูกออกให้คนตัวสูง ส่วนของตัวเองแค่ดึงลงให้พ้นจากใบหน้า รู้สึกดีขึ้นมาเล็กน้อยเมื่อไม่ได้อยู่กลางควันแบบนั้น

     

    มือเรียวสะบัดผ้าลวกๆก่อนจะนำมามัดต้นแขนให้ชานซอง เป็นวิธีเดียวที่ทำได้ตอนนี้แหละนะ..

     

    ใจดวงน้อยเต้นระรัวอีกครั้ง เพราะต้องชะโงกตัวไปทำแผลให้จนแทบจะเกยตักหนาอยู่แล้ว ลมหายใจร้อนเป่ารดซอกคอทำให้เขาขนลุกเป็นระยะ

     

    “ฉันมองไม่เห็นตอนกลางคืน..” 

    เสียงทุ้มพูดขึ้นมาเบาๆทำให้จุนโฮที่กำลังพันแผลให้ชะงักมือไปเล็กน้อย ก่อนจะพันต่อเลือกที่จะนั่งฟังเงียบๆ ร่างเล็กขยับตัวเล็กน้อยเพราะท่าทางที่ไม่ถนัด

     

    “เพราะโดนสะเก็ดระเบิด การผ่าตัดเป็นไปได้ด้วยดีแต่ผลข้างเคียงของมันก็คือฉันสูญเสียการมองเห็นตอนกลางคืนไป”

     

    จุนโฮขยับปากจะถามแต่ก็เลือกที่จะเงียบ ดวงตาสองคู่สบกันก่อนที่คนตัวเล็กกว่าจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    “นายใช้วิธีฟังเอาอย่างนั้นเหรอ”

     

    “ใช่.. ในบ่อน ที่ฉันแทงนายเพราะฉันไม่เห็น ฉันไม่รู้ว่าใครบอกให้นายอยู่นิ่งๆก็ไม่ฟัง” เสียงทุ้มกดต่ำลง ดวงตาคมดุจ้องเขม็ง ก็ใครมันจะไปรู้ล่ะ จุนโฮขยับริมฝีปากบ่นพึมพำอยู่คนเดียว 

     

    “นายมองไม่เห็นแม้แต่นิดเดียวเลยหรอ”

    “ไม่หรอก.. บางที่ที่มีแสงสว่างฉันจะเห็นลางๆ โอ้ยย..!”

     

    “อ้ะ.. ขอโทษ”

    เพราะมือบางเผลอกดแผลแน่นเกินไป คงจะสะกิดโดนแผลเข้าให้ เกิดมาเป็นฮวางชานซองไม่ดีอยู่อย่างคือแผลเยอะนี่แหละ ไหนจะตรงหัวคิ้วที่ฝากไว้เมื่อคืนอีก พยายามเบามือลงจากเดิมพลางขยับตัวเข้าไปใกล้เพื่อจะได้ไม่พลาดโดนแผลอีก

     

    แต่ระยะห่างระหว่างเขาสองคนก็ลดลงไปด้วย ซีกแก้มเนียนอยู่ห่างจากปากหยักแค่เสี้ยวมิล ชานซองก็เลย..

     

    จุ้บ..

    สัมผัสแผ่วเบาแตะลงที่แก้มนิ่ม ไม่วายกดปากลึกเข้าไป สูดเอากลิ่นหอมเข้ามาเต็มปอด คนตัวเล็กอึ้ง นิ่งราวกับโดนสาบให้เป็นหิน กว่าจะรู้ตัวว่าต้องผละออก ปากร้อนๆก็ไล้เข้ามาแนบอยู่บริเวณมุมปากซะแล้ว

     

    “ท..ทำบ้าอะไรของนาย..”

    มือเรียวดันปากหยักออก ยกมือจับแก้มตัวเองทันที

     

    “ก็นายยั่วฉัน..อีกอย่างมากกว่านี้ก็เคยจะโวยวายอะไร”

    ชานซองพูดเสียงเรียบพลางชายตาไปที่แผลตัวเอง เป็นแกมบังคับให้มาทำแผลต่อ 

     

    “มันใช่เวลาไหมเล่า...”

    ได้แต่บ่นคนเดียวเบาๆก่อนจะขยับตัวเข้าไปพันแผลต่อโดยเว้นระยะห่างเอาไว้พร้อมกับผละตัวออกทันทีเมื่อพันเสร็จ พยายามตีสีหน้านิ่งไม่วอกแวก แสดงอาการไม่พอใจ 

     

    “ขอบใจ”

    จุนโฮที่กลับมานั่งประจำคนขับหันขวับไปมองทันที ไม่คิดว่าคนตัวสูงจะพูดคำนี้ออกมา คิ้วเข้มเลิกขึ้นด้วยความสงสัยในท่าทีตลกๆนั่น ก่อนจะเปิดประตูรถ

     

    “นั่นนายจะไปไหน!?”

    ชานซองไม่ตอบแต่กลับเดินอ้อมมาทางฝั่งคนขับพร้อมกับเปิดประตูรถ ทำท่าให้จุนโฮลงมา ร่างเล็กลงมาจากรถด้วยท่าทีงุนงง

     

    “ฉันรู้ว่าเราควรจะไปที่ไหน”

    ดวงตาเรียวค้อนขวับ บอกมาตั้งแต่แรกก็จบ จุนโฮวิ่งเหยาะๆมาขึ้นอีกฝั่ง บรรยากาศในรถเงียบกริบ จนจุนโฮเกือบจะเคลิ้มหลับ เขายังพักผ่อนไม่พอ ถึงแม้ว่าเมื่อคืนชานซองจะไม่ได้..เอ่อ.. ร..รุนแรงมากนัก แต่ว่าให้ตื่นมาสู้กลางดึกแบบนี้ก็ไม่ไหวเหมือนกัน

     

    “มีคนบุกไปที่บ้าน ฉันไม่แน่ใจว่าจะใช่พวกชเวกรุ๊ปรึเปล่า” เสียงทุ้มของคนข้างกายทำให้จุนโฮสะดุ้งเฮือก เห็นว่าชานซองกำลังคุยโทรศัพท์ กับใคร? แทคยอนเหรอ?

     

    “ช่วงนี้ก็อยู่ที่นั่นไปก่อน อย่าพึ่งกลับบ้านแล้วกัน รู้แล้ว อืม”

     

    บรรยากาศในรถกลับมาเงียบอีกครั้ง และครั้งนี้จุนโฮก็เผลอหลับไปจริงๆ

     

     

     

     

    ———————

     

     

     

     

    เป็นอีกครั้งที่จุนโฮตื่นขึ้นมาในอ้อมกอดของใครคนหนึ่ง ใครคนหนึ่งที่เขารู้สึกว่าเปลี่ยนไปจากครั้งแรกที่เจอ ชานซองกอดเอวบางเอาไว้หลวมๆ จุนโฮขยับตัวเล็กน้อยเพื่อที่จะมองไปรอบๆได้ถนัดขึ้น และเหมือนเดจาวู ภาพฉายซ้ำในอดีต ชานซองลืมตาขึ้นมามองเขาเล็กน้อย 

     

    คนตัวเล็กพยายามแกะมือที่เอวเขาออกแต่ก็ไม่เป็นผล มือหนารั้งตัวบางเข้ามาชิดจนจุนโฮต้องรีบยกมือดันอกแกร่งเอาไว้

     

    “ชาน อึดอัด..”

    ร้องบอกเบาๆร่างสูงจึงยอมคลายแรงกอดรัดลง จุนโฮยันตัวขึ้นนั่งก็เห็นว่ามันเป็นห้องห้องหนึ่ง เหมือนห้องนอนในบ้านธรรมดา แล้วที่นี่ที่ไหนกันล่ะ เขาคงไม่ได้ฝันไปหรอกใช่ไหม.. 

     

    คนตัวเล็กค่อยขยับตัวลงจากที่นอน ปลายเท้าแตะลงกับพื้นเย็นเฉียบ พยายามกวาดสายตาไปทั่วก่อนจะตัดสินใจเดินไปเปิดประตู 

     

    แสงสว่างจากด้านนอกทำเอาจุนโฮต้องหรี่ตาลง นาฬิกาบอกเวลาเจ็ดโมงเช้า 

     

    “ตื่นแล้วหรอ”

    คนตัวเล็กเล็กสะดุ้งเฮือกหันไปตามเสียงทัก ร่างโปรงของชายวัย.. วัยหนุ่ม ไม่สิ วัยรุ่น..? ล่ะมั้ง เอาเป็นว่ามีสิ่งมีชีวิตที่เรียกว่ามนุษย์ยืนถือแก้วกาแฟด้วยท่าทางสบายๆอยู่ตรงหน้าเขาตอนนี้ 

     

    จุนโฮถอยหลังไปช้าๆด้วยความระแวง เขาไม่รู้ว่าคนคนนี้คือใคร หน้าตาหล่อเหลาเอาการ ตาโต คิ้วเข้ม ดูๆไปแล้วไม่น่าใช่โจรป่าที่ซุ่มอาศัยอยู่ข้างทางแน่ๆ แต่ในเวลานี้ ไม่ว่าจะรูปร่างดีภูมิฐานแค่ไหนก็ไม่น่าไว้ใจสำหรับ..

     

    “คุณคือ..”

    เปล่งเสียงถามช้าๆ ดวงตาเรียวมองหาทางหนีทีไล่ไว้ในเวลาเดียวกัน 

     

    “ผมนิชคุณ ไม่ต้องกลัวผมหรอก”

    “…..”

     

    “มาทางนี้หน่อยสิ ผมมีบางอย่างให้คุณดู..”

     

    คนตัวสูงเดินนำลงไปด้านล่าง จุนโฮเผลอเม้มปากเพราะความประหม่า คนคนนี้ไว้ใจได้ไหม.. หันไปมองประตูห้องนอนที่ชานซองนอนอยู่เล็กน้อย ถ้าชานซองพามาที่นี่ละก็.. คงไม่มีอะไรต้องเป็นห่วง

     

    พาตัวเองเดินตามลงไป นิชคุณกำลังก้มๆเงยๆอยู่กับอุปกรณ์แปลกๆ มีจอฉายขนาดใหญ่ตั้งตระหง่านอยู่ตรงกลางห้อง และไม่นานมันก็แสดงผล 

     

    “คุณจำเจ้านี่ได้ใช่ไหม..”

    หน้าจอฉายภาพของนาฬิกาเรือนหนึ่ง ดวงตาเรียวเบิกกว้างเมื่อคิดได้ว่ามันเป็นนาฬิกาดิจิตอลแบบที่เขาเคยตั้งกล้องถ่ายไว้.. 

     

    “มันอยู่ที่คุณได้ยังไง..แล้วพี่..”

    ชื่อของมินจุนกลืนหายเข้าไปในลำคอ จุนโฮแค่สงสัยว่าทำไมปลายทางของกล้องติดตามตัวนั้นมันถึงมาอยู่ที่คนคนนี้ได้.. 

     

    “นาฬิกานี้มันจะหยุดเดินเมื่อเวลา 00.04 น.”

    และคนตรงหน้าก็ไม่ได้สนใจที่จะอธิบายในสิ่งที่เขาสงสัย แต่กลับพูดในสิ่งที่เขาสมควรจะรู้แทน

     

    “และที่แปลกไปกว่านั้น ดูเหมือนว่ากลไกข้างในจะทำให้นาฬิกาเรือนนี้บอกเวลาแบบแปลกๆ”

    มือเรียวยกรีโมทขึ้นรีเพลย์ย้อนหลังไปที่เวลาเที่ยงคืนสี่นาที ภาพของนาฬิกาดิจิตอลกะพริบติดๆดับๆ เลขศูนย์ด้านหน้าหายไปและเลขศูนย์ตัวที่สามขัดข้องแสดงผลออกมาแค่ครึ่งเดียวคือครึ่งล่าง

     

    คิ้วเรียวขมวดมุ่น มันเป็นภาพที่เขาไม่เห็นเหมือนนาฬิกาเรือนแรก..

     

    “ที่ MRA Enterprise มีแบบนี้ด้วยรึเปล่า”

    “คุณรู้จักตึกนั้นด้วยหรอ”

    จุนโฮถามกลับทันที ดวงตาเรียวมองคนตัวสูงด้วยความสงสัย คนคนนี้เป็นใคร ทำไมถึงรู้เรื่องแทบจะทุกอย่าง 

     

    "คุณตอบไม่ตรงคำถามนะ จุนโฮ" 

    ริมฝีปากหยักยกยิ้มมุมปาก จุนโฮใจหายวาบ รู้ชื่อเขาได้ยังไง ชานซองบอกเหรอ.. 

     

    ริมฝีปากอิ่มโดนฟันขาวขบกัดอีกครั้ง ก่อนจะถอนหายใจออกมาเบาๆ

     

    "มี แต่ไม่ได้กะพริบแปลกๆแบบนั้น.." 

    นิชคุณยืนนิ่งฟังอย่างใจเย็น จุนโฮชั่งใจ ก่อนจะตัดสินใจตอบ

     

    "นาฬิกานั่นหยุดที่ 01:35"









    -------------------------
    ติชมกันได้นะคะ หรือสกรีมในแท็ก #TheKiller ได้เลยค่ะ

    © themy�butter
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×