คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : Chapter 4 Cheese Ramyeon
Chapter 4
Cheese Ramyeon
วันนี้ผู้คนบางตามาก ผมเลยให้มาร์คฮยองกับจูเนียร์กลับไปก่อนเหลือแค่ผมกับยองแจ สงสัยผมคงว่างเกินไปใบหน้าหวานพร้อมรอยยิ้มกว้างถึงแวบเข้ามาในความคิดของผมเรื่อยเลย เฮ้อ...จนถึงเวลาปิดร้านด้วยความที่ลูกค้าไม่เยอะทำให้ไม่ต้องเก็บกวาดอะไรมากมาย ผมก็เลยให้ยองแจกลับไปก่อน เก็บร้านไป มองโต๊ะมุมร้านไป โต๊ะตัวนั้นตัวเดิมที่เมื่อวานมีร่างบางกับดวงตากลมใสยิ้มเป็นประกายนั่งอยู่ ทำไมผมถึงรู้สึกแปลกๆ ว่างเกินไปแน่ๆ รีบเก็บร้านดีกว่าเรา ระหว่างที่ผมกำลังก้มหน้าถูพื้นอยู่นั้น เสียงนกร้องจิ๊บๆ ที่ผมใช้แทนกริ่งประตูเวลามีลูกค้าเข้าร้านก็ดังขึ้น
“ร้านปิดแล้วคร้าบ...” เฮ้ย! นี่ผมอาการหนักขนาดเห็นภาพหลอนเลยหรอเนี่ย บ้าน่า
“ขอแบมเข้าไปได้ไหม” พูดได้ด้วย...ภาพหลอนมันเหมือนจริงไปไหมเนี่ย
“พี่บี...เป็นอะไรรึเปล่า” จนร่างบางเดินมาสะกิดตัวผมนั่นแหละ สติผมถึงได้กลับมา ตกลงไม่ใช่ภาพหลอน แต่เป็นตัวจริงเลยสินะ
“อ่า...สงสัยจะเหนื่อยไปหน่อย เก็บร้านคนเดียวน่ะ แหะๆ” เหนื่อยบ้าอะไรเล่าแจบอม วันนี้เหนื่อยน้อยสุดตั้งแต่เปิดร้านมาแล้วมั้งเนี่ย ทำไมผมถึงทำอะไรไม่ถูก พูดอะไรไม่ออกแบบนี้นะ ฮ่อล...
“แล้วคนอื่นล่ะ ให้แบมช่วยไหม”
“กลับกันไปหมดแล้ว ไม่เป็นไรหรอกเดี๋ยวก็เสร็จแล้ว เอ่อ จะดื่มอะไรหน่อยไหม” แล้วทำไมต้องมาจ้องตาแป๋วด้วย สายตาที่ส่งมาให้ผมเหมือนต้องการจะสื่อว่าผมคงจะรู้ดีอยู่แล้วว่าเจ้าของใบหน้าหวานตรงหน้าจะดื่มอะไร แค่นี้ก็หวานจะแย่แล้วนะ เฮ้อ...
“คาราเมลมัคคีเอโต้ เหมือนเดิมนะ” หลังจากที่ผมถูร้านเสร็จก็ตรงไปยังมุมเครื่องดื่ม ผมบรรจงบดเมล็ดกาแฟคั่วแล้วนำมาเข้าเครื่องชงให้ได้เอสเปรโซ่ช็อตที่เข้มข้ม ก่อนจะหันไปเตรียมนมและคาราเมลไซรัป จ้องกันตลอดเวลาแบบนี้ผมก็เขินเป็นนะ แขนขาเก้งก้างไปหมด ไซรัปก็เกือบจะปั๊มใส่แก้วผิด เกือบจะหยิบนมถั่วเหลืองมาเทแทนแล้วไง เดี๋ยวก็ได้กินราสเบอร์รี่ครีมนมถั่วเหลืองใส่เอสเปรสโซ่แทนหรอก กว่าคาราเมลมัคคีเอโต้แก้วนี้จะเสิร์ฟให้คนตาแป๋วตรงหน้าก็ใช้เวลาไปเกือบครึ่งชั่วโมง
“ดีใจจังวันนี้แบมจะได้ชิมคาราเมลมัคคีเอโต้ฝีมือ ‘ลอร์ดเจ’ ด้วย” จริงๆ ก็อยากจะบอกว่ามันไม่ต่างจากที่มาร์คฮยองทำหรอกครับ เพราะสูตรนี้ผมเป็นคนคิดและปรับปรุงเอง มาร์คฮยองก็แค่ทำตามสูตร แต่พอเห็นแววตาสุกใส ตื่นเต้นเป็นประกายของคนตรงหน้า คำพูดเหล่านั้นก็ถูกกลืนหายลงคอไปเป็นที่เรียบร้อย
“อร่อยจัง”
“เออนี่... แล้วทำไมวันนี้มาเย็นจัง” นึกว่าจะไม่มาซะแล้ว...แน่นอนว่าประโยคหลังผมไม่ได้พูดออกไป พูดไปก็รู้หมดสิครับว่าผมรออยู่
“พอดี...มีธุระนิดหน่อย แต่แบมอยากมาเติมพลังด้วยคาราเมลมัคคีเอโต้ร้านพี่บีมากเลยนะ รู้ไหมว่าพอมาทานร้านพี่บีแล้ว แบมก็ไม่อยากทานร้านอื่นเลย ดีนะที่มาทันถ้าพี่บีปิดร้านไปแล้วแบมคงเก้อ” ยิ้มแบบเก้อๆเขินๆ ยังน่ารักเลย
“ทานอะไรมารึยัง ไปหาอะไรกินกันไหม”
“ไปสิไป”
“งั้นก็ตามมา”
.
.
.
ผมกับเจบีออกจากร้าน และเดินมาได้สักพัก เจบีก็พามาหยุดอยู่ที่มินิมาร์ทแห่งหนึ่ง ไหนบอกจะพาไปหาอะไรกิน สงสัยจะแวะซื้อของใช้อะไรก่อนมั้ง ยังไม่ทันหายสงสัยมือของเจบีก็มาคว้าข้อมือผมให้เดินตามเข้าไปภายในร้าน ทำไมใจผมถึงเต้นโครมครามแบบนี้นะ
“ชอบกินรสไหน”
“หะ...ห๊ะ”
“รามยอนน่ะ ชอบกินรสไหน” เห...อย่าบอกนะว่าที่จะพามาหาอะไรกินนี่คือรามยอน ผมก็นึกว่าเราจะได้ไปนั่งทานมื้อค่ำด้วยกันสองคนที่ไหนสักร้านนึง ไหงมาลงเอยกับเจ้าบะหมี่สำเร็จรูปในถ้วยกระดาษแบบนี้ไปได้นะ ผิดหวังจัง
“เอ่อ...ชีสรามยอน” ชอบเหมือนกันเลยแฮะ นี่มันเรื่องบังเอิญ หรือว่า...ชะตาลิขิต ก็ผมไม่ชอบกินเผ็ด และรสชีสนี่ก็นุ่มละมุนลิ้นเหลือเกิน แต่ถ้าคนที่ไม่ชอบก็คงบอกว่ากินเข้าไปได้ยังไงมันเลี่ยนจะตาย ใครจะไปคิดว่าร่างบางตรงหน้าผมจะชอบกินเหมือนกัน
ผมจึงจัดการหยิบชีสรามยอนสองถ้วยแกะพลาสติกออก แล้วนำไปเติมน้ำร้อนพอประมาณ ผมเองก็ไม่ได้ทานเจ้าบะหมี่สำเร็จรูปนี่บ่อยๆ หรอกครับ ส่วนมากหลังปิดร้านผมก็จะแวะซื้อวัตถุดิบต่างๆ ไปทำมื้อเย็นง่ายๆ ทาน สับเปลี่ยนเวียนกันไป ถึงผมจะเป็นเชฟขนมแต่ผมก็ทำอาหารอร่อยนะ แต่วันนี้อยู่ดีๆ ก็นึกอยากทานรามยอนขึ้นมา ถึงมันจะดูเป็นอาหารที่เรียบง่ายธรรมดาแต่สำหรับผม ผมว่าสิ่งที่เรียบง่ายธรรมดานี่แหละคือสิ่งที่พิเศษสุด
จะว่าไปแล้วเจ้าของใบหน้าหวานคงแอบผิดหวังอยู่เล็กๆ แววตางุนงงตอนที่ผมถามว่าชอบทานรสไหน ไหววูบและผิดหวังเล็กน้อยเมื่อผมหยิบบะหมี่ไปเติมน้ำร้อน ก่อนที่ตากลมใสจะกลับมาเป็นประกายอีกครั้งพร้อมกลับรอยยิ้มฝืนๆ ที่ส่งมาให้ผม เอาเถอะ พอถึงที่หมายทุกอย่างก็จะดีเอง
ผมก้มหน้าก้มตาเดิน และไม่มีบทสนทาใดๆ เลยระหว่างเราสองคน ตลอดทางที่เดินมา เฮ้อ...นี่ผมลอบถอนหายใจไปกี่ครั้งแล้วก็ไม่รู้ จริงๆ ผมก็ไม่ควรจะขาดหวังอะไรมาก ก็เราเพิ่งรู้จักกัน แต่ก็แอบหวังไปแล้วพอผิดหวังมันก็เลยเป็นแบบนี้ เฮ้อ...มารู้สึกตัวอีกทีก็เพราะคนตรงหน้าหยุดเดิน และเมื่อผมเงยหน้าขึ้นก็มีสายลมอ่อนๆ มาประทะกับใบหน้า
“โอ๊ะ...”
“นั่งก่อนสิ” สวยมากๆ เลยครับ นี่เราเดินกันมาถึงสะพานข้ามแม่น้ำฮันเลยหรอ อากาศเย็นสบายกำลังดี พร้อมเพลงเบาๆ ที่เปิดประกอบกับการแสดงสายน้ำและแสงไฟหลากสีสัน บรรยากาศดีมากๆ เลยครับ ผมรู้สึกผ่อนคลายและสบายใจมากๆ เลย นี่ถ้าเจบีไม่พามา ผมคงไม่มีโอกาสได้มาซึมซับบรรยากาศดีๆ แบบนี้ ก็ตั้งแต่เป็นเด็กฝึกหัด ชีวิตผมก็มีแต่ห้องซ้อม และหอพัก ก็แค่นั้น พอเดบิวต์ชีวิตก็วุ่นวายเสียจนไม่มีเวลาจะขยับไปไหน เรื่องมาเดินเล่นหรือท่องเที่ยวคงไม่ต้องพูดถึง
“พี่บีตั้งใจพาแบมมาที่นี่หรอ” ดูสิครับ ยิ้มไม่หุบเลย เวลาผมไม่สบายใจ หรือต้องการกำลังใจและแรงบันดาลใจใหม่ๆ ผมมักจะมานั่งเล่นและคิดอะไรเพลินๆ ที่นี่เสมอ และที่ผมจงใจเลือกรามยอนและพาร่างบางมาที่นี่ก็เพราะอยากให้ได้สัมผัสกับบรรยากาศพิเศษๆ แบบนี้ อาหารที่ธรรมดาเรียบง่ายในสถานที่และบรรยากาศที่แสนพิเศษแบบนี้ ผมว่าดีกว่าการไปนั่งกินตามร้านอาหารหรูๆ ในห้างเป็นไหนๆ บางครั้งแม้จะไม่ใช่อะไรที่มีมูลค่าสูงส่งหรือเลอค่าอะไรมากมาย แต่มันก็มีคุณค่ามากล้น ผมไม่เคยพาใครมาที่นี่มาก่อน ก็อย่างที่บอกแหละครับว่าผมมักจะมาคนเดียว นั่งปลดปล่อยความคิดให้ล่องลอยไป แต่ที่ผมพาเจ้าของใบหน้าหวานมาที่นี่ก็เพราะว่าเป็นคนพิเศษ ผมเลยต้องพามาที่ที่พิเศษ
“ใช่ รู้ไหมว่าที่นี่มีความหมายและก็พิเศษมากเลยนะ”
“ขอบคุณที่พาแบมมาที่นี่นะพี่บี แบมชอบมากเลย ไม่เคยรู้สึกสบายใจขนาดนี้มาก่อนเลย” รอยยิ้มบางกับแววตาสื่อความหมายที่ถูกส่งมา ทำไมถึงได้กระตุกหัวใจผมแบบนี้นะ
เรานั่งกินรามยอนไป พูดคุยกันไป ทำให้รู้จักตัวตนของกันและกันมากขึ้น ยิ่งได้คุย ยิ่งได้รู้จัก ผมก็ยิ่งรู้สึกว่าร่างบางตรงหน้าช่างน่ารักเหลือเกินทั้งรูปร่างหน้าตา ความคิดและการกระทำต่างๆ ใสซื่อราวกับเด็กน้อย
“แล้วทำไมพี่บีถึงชื่อเจบีล่ะ ไม่มีชื่อเกาหลีหรอ” เจ้าของตากลมใสเอียงคอถามผมด้วยความสงสัย ทำแบบนี้ผมอยากจะเข้าไปฟัด ไปกอด ไปหอมเหลือเกิน น่ารักเกินไปแล้วนะ
“มีสิ เป็นชื่อคุณปู่น่ะ ชื่อเดียวกันกับท่านก็เลยประมาณว่าเป็นเจบีจูเนียร์ พอรับช่วงต่อร้านขนมมาก็ใช้ชื่อเจบีมาตลอดเลย”
“จริงหรอ เจ๋งดีเนอะ แล้วตกลงพี่บีชื่ออะไรอ่า”
“บอกแล้วห้ามล้อ ห้ามขำเด็ดขาดนะ”
“อื้ม สัญญาเลย” ดูทำท่าเข้าสิครับ ฉีกยิ้มกว้างแล้วยังจะมายกมือตะเบ๊ะให้ผมอีก แบบนี้จะไม่รักได้ไง เฮ้ย! เดี๋ยวนะ! เมื่อกี้ผมบอกว่าอะไรนะ รักหรอ ฮ่าๆๆๆ สงสัยจะอาการหนักแล้วจริงๆ แจบอมเอ้ย
“อิมแจบอม...”
“ว้าว นั่นมันนักร้องรุ่นใหญ่ในตำนานเลยนะ สุดยอด เท่ห์ไปเลย”
“ไหนว่าจะไม่ล้อไง”
“ไม่ได้ล้อสักหน่อย ชื่นชมต่างหาก”
“นี่ก็ดึกมากแล้ว เรากลับกันเถอะ อยู่แถวไหนเดี๋ยวไปส่ง”
“มะ...ไม่ต้องหรอก ส่งแค่ที่สถานีรถไฟใต้ดินก็พอ เดี๋ยวแบมไปต่อเองได้”
“จะดีหรอ”
“ดีสิ ขอบคุณอีกครั้งนะพี่บี วันนี้แบมมีความสุขมากเลย” ผมมีความสุขที่สุดเลยครับ วันนี้ผมได้รู้จักและก็สนิทกับเจบีมากขึ้นอีกเยอะเลย อิมแจบอม ผู้ชายคนนี้น่ารัก แสนดีแล้วก็อบอุ่นมาก จริงๆ แล้วผมว่าเขาแอบโรแมนติกด้วยนะ ถึงเจ้าตัวจะบอกว่าเป็นอารมณ์ศิลปินก็เถอะ
“ขอมือถือหน่อยสิ”
“หืม” อยู่ดีๆ ก็มาขอกันแบบนี้ หรือว่า...
“อ่ะ ถึงแล้วโทรมาบอกด้วยนะ” บะ...เบอร์...นะ...นี่เจบีให้เบอร์ผมหรอ โอย ดีใจสุดๆ แต่ต้องเก็บอาการหน่อย อยากจะร้องตะโกนออกมาดังๆ แต่ก็ทำได้แค่อมยิ้ม จะบ้าตาย
“อะ...โอเค แบมไปนะ”
.
.
.
TBC.
มาต่อแล้วนะคะ ขอบคุณทุกเม้นและทุกเฟฟเลยนะคะ อย่าลืมสกรีมในทวิตเตอร์ได้ที่ #FicCRM นะคะ
ขอบคุณค่ะ ^^
ความคิดเห็น