คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 Waiting
“ใครอยู่ข้างใน ทำไมต้องมาห้ามฉันด้วยเล่า”
“ชู่ว...ฮยองอย่าโวยวายสิครับ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”
“แล้วยูคยอมกับแฟนมาทำอะไรที่นี่”
“เอ่อ...คือ...ผมกับยองแจ...”
“อย่าบอกนะว่านายนั่นก็อยู่ที่นี่ นี่พวกนายรวมหัวกันขัดคำสั่งฉันหรอ”
“ครับ เจบีอยู่ในห้อง...กับแบมแบม...”
“ย๊า!!! แจ็คสันหวัง ทำไมทำแบบนี้”
“ฟังแจ็คสันฮยองอธิบายก่อนเถอะครับ”
“ใช่ฮะ กันต์ฮยองไม่อยากให้แบมแบมมีความสุขหรอฮะ
อยากให้แบมแบมเป็นเหมือนตุ๊กตาไขลานที่หน้ายิ้มทำงาน
ไปวันๆ แต่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกหรือไงฮะ ที่ผมกับยูคยอมพาเจบีฮยองมาวันนี้ก็เพราะผมไม่อยากทนเห็นเจบีฮยอง
เป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน
ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมากำหนดหรือตัดสินใจแทนได้
หรอกนะฮะ เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ ฮยองเองก็น่าจะรู้ดี
ก็เห็นกันอยู่ว่าผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฮยอง
มันไม่มีอะไรดีเลย คนไร้หัวใจอย่างฮยองคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องแบบนี้สินะ
ทุกอย่างก็ทำไปเพื่อผลประโยชน์ และชื่อ
เสียงของบริษัทก็เท่านั้น”
“ยูคยอมนายพาแฟนนายไปที่อื่นก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันคุยกับกันต์ฮยองเอง”
“คนใจดำพูดไปก็เสียเวลาเปล่า ปล่อยฉันสิยูคยอม! นายจะลากฉันไปไหน” ยูคยอมลากยองแจออกไปตามทางเดิน
สิ้นเสียงของยองแจ กันต์ฮยองก็ทรุดตัวลงไปนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง
“ในสายตาคนอื่นฉันมันแย่มากเลยใช่ไหม
เห็นแก่ผลประโยชน์โดยไม่แคร์ความรู้สึกของแบมแบม ฉันมันเลวมาก
เลยใช่ไหม...ฮึ่ก...ฮือ...” ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ กันต์ฮยองก่อนจะโอบไหล่อีกคนไว้อย่างปลอบประโลม
ผมปล่อยให้
กันต์ฮยองร้องไห้ออกมาเงียบๆ เพราะถึงพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์
รอให้อีกคนสงบสติอารมณ์ก่อนน่า
จะดีกว่า ผมรู้ดีว่ากันต์ฮยองไม่ได้เป็นอย่างที่ยองแจพูด
แต่ยองแจก็พูดถูกว่าเรื่องแบบนี้ควรปล่อยให้เป็นการตัดสิน
ใจของคนสองคนน่าจะดีกว่า คนนอกไม่ควรเข้าไปแทรกแซง
“ฮยองฟังผมนะ...มันไม่ใช่ความผิดของฮยองเลย ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ฮยองทำลงไป
ฮยองหวังดีกับแบมแบมรวมถึงผม
ด้วย ฮยองไม่ได้อยากให้เรื่องราวทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นและจบลงแบบนี้
เป็นเพราะบริษัทต่างหาก เพราะฉะนั้นฮยอง
อย่าโทษตัวเองอีกนะครับ”
“แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไป...ฉันไม่อยากเห็นแบมแบมเป็นแบบนี้
เด็กคนนั้นพูดถูกทุกอย่าง ที่แบมแบมต้องมา
เป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน...”
“ไม่เอาสิครับ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดของฮยอง
ตอนนี้เราก็แค่รอให้แบมแบมฟื้นแล้วก็ปล่อยให้เขาสองคน
ตกลงกันเอง ผมขอแค่นี้ฮยองโอเคไหม”
“แต่ว่าที่บริษัท...”
“บริษัทไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก
ฮยองก็รู้ว่าศิลปินเบอร์แรกของค่ายอย่างพวกเราทำเงินให้มากมายขนาดนั้นกับ
เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ บริษัทไม่ทำอะไรพวกเราหรอก”
“แล้วแฟนคลับจะรับได้หรอ เรื่องที่แบมแบมมีแฟนแล้ว แถมยังเป็น...”
“ฮยองเชื่อผมสิ กระแสตอบรับมันดีกว่าที่เราคิดเยอะนะครับ
ผมเองก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ยินมาจากปาก
แฟนคลับเอง ตอนนี้ฮยองพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปบอกพยาบาลเปิดห้องข้างๆ
ให้นะ ฮยองเองก็ควรจะนอนให้
น้ำเกลือผสมวิตามินเหมือนกัน ทำงานหนักขนาดนี้เดี๋ยวไข้กลับจะแย่เอานะ”
“ฮื่อ...ขอบคุณมากนะแจ็คสันนา...”
“ด้วยความยินดีครับ”
.
.
.
นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นสักทีนะ ทั้งๆ
ที่ควรจะออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว
ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ได้พูดคุยกับแจ็คสันและกันต์ฮยองมากมาย
ทำให้ผมเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้น ผมเข้าใจกันต์
ฮยองดีและไม่เคยคิดโทษกันต์ฮยองเลยแม้แต่น้อย จริงๆ
แล้วผมว่าแบมแบมกับแจ็คสันโชคดีมากๆ เลยที่มีเม
เนเจอร์ที่รักและเอาใจใส่พวกเขาขนาดนี้
กันต์ฮยองทุ่มเททั้งกายและใจให้กับเดอ เลจเจนท์ แจ็คสันช่วยพูดและอธิบายให้กันต์ฮยองเข้าใจทุกอย่าง
ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสั้นๆ นั้นจะทำให้ตอนนี้ผมสนิทกับพวกเขาทั้งสองคนจน
กลายเป็นเหมือนพี่น้องไปแล้ว
“ทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นอีกนะไหนหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไง
ฉันจะไปตามหมอให้มาตรวจใหม่ ฉันทน
เห็นแบมแบมนอนนิ่งแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว”
“ใจเย็นๆ น่าฮยอง โอ๊ะ คุณหมอมาพอดีเลย”
นายแพทย์เจ้าของไข้เดินเข้ามาภายในห้องและทำการตรวจอาการ
แบมแบมตามปกติ
“คุณหมอครับ นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นล่ะครับ”
“เดี๋ยวหมอขอเชิญญาติไปคุยกันที่ห้องหมอหน่อยนะครับ”
.
.
.
“ตอนนี้สภาพร่างกายของคนไข้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นแล้วครับ
แต่สาเหตุที่คนไข้ยังไม่ฟื้นนั้น หมอเองก็ยังไม่แน่ใจ
แต่คาดว่าน่าจะมาจากระบบความคิดและจิตใจของคนไข้ที่ทำการปิดกั้นตัวเองให้ไม่ยอมตื่นขึ้นมา
ซึ่งเราก็ไม่
สามารถที่จะให้ยากระตุ้นหรือรักษาด้วยวิธีอื่นได้
นอกจากทำให้จิตใต้สำนึกของคนไข้รับรู้แล้วอยากกลับมาสู่โลก
แห่งความจริงอีกครั้ง”
“แล้วพวกเราต้องทำยังไงบ้างครับ”
“หมอก็ไม่ทราบหรอกนะครับ
ว่าก่อนหน้านี้คนไข้ผ่านเรื่องราวอะไรที่เป็นการกระทบจิตใจอย่างหนักมาบ้างรึเปล่า
แต่ตอนนี้สิ่งที่ญาติพอจะทำได้ก็คือทำให้คนไข้ได้สัมผัส
ได้รับรู้ผ่านทางประสาทสัมผัสต่างๆ ของร่างกายว่ามีคน
ที่รักและรอคอยการกลับมาของเขาอยู่
หมออยากให้ทุกคนถ่ายทอดเรื่องราวหรือความทรงจำดีๆ ที่ได้ใช้ร่วมกับ
คนไข้มาให้เขาฟัง เพราะเรื่องราวความรู้สึกเหล่านั้นจะช่วยกระตุ้นระบบความคิดและจิตใจของคนไข้ได้”
“หมายความว่าเราต้องทำให้แบมแบมรู้สึกอยากตื่นขึ้นมาใช่ไหมครับ”
“แล้วถ้าแบมแบมไม่ฟื้นล่ะหมอ จะเป็นยังไงต่อไป”
“คนไข้ก็จะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา และถ้าหากไม่คอยทำกายภาพบำบัด
อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะค่อยๆ
ใช้การไม่ได้เพราะเมื่อไม่ได้ใช้งานกล้ามเนื้อก็จะลีบและเป็นอัมพาตไปในที่สุด”
“ไม่!!! แบมจะต้องไม่เป็นแบบนั้น แบมจะต้องฟื้น!”
“ใจเย็นๆ น่ากันต์ฮยอง ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” กันต์ฮยองพูดถูก
แบมแบมจะต้องไม่เป็นแบบนั้น แบมแบม
จะต้องฟื้นและแบมจะต้องกลับมาเป็นแบมแบมที่น่ารักสดใสคนเดิม
ผมกลับมาที่ห้องพักของแบมแบมและหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เตียงเหมือนเช่นเคย
ผมกุมมือบางที่ใกล้จะเหลือแต่หนัง
หุ้มกระดูกไว้หลวมๆ ผมตัดสินใจแล้ว
ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้ไปอีก ผมจะคอยอยู่เคียงข้างแบม
แบมผมเชื่อว่าเราจะสามารถผ่านทุกอย่างไปด้วยกันได้
“พี่คิดถึงแบมเหลือเกิน แบมไม่คิดถึงพี่บ้างหรอครับ
ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้...” ภาพตรงหน้าทำผมใจหวิวแปลกๆ ใคร
จะไปคิดล่ะครับว่าอาการของแบมแบมจะร้ายแรงและบานปลายขนาดนี้
กันต์ฮยองก็เอาแต่นั่งซึม
“ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ ฉันไม่น่าทำตามที่บริษัทสั่งเลย
แบมแบมเลยต้องมาเป็นแบบนี้...ฮึ่ก...ถ้าแบมไม่ฟื้นฉัน
จะทำยังไง...ฮือ...”
“แบมแบมต้องฟื้นครับ ยังไงก็ต้องฟื้นมีเจบีมาคอยดูแลแบบนี้
ไม่ฟื้นก็ใจดำเกินไปแล้ว ไม่เอานะครับ หยุดร้องไห้ได้
แล้ว ตาบวมหมดแล้ว”
“แจ็คสันนา...ฉันขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”
“ผมว่าฮยองไปขอโทษแบมแบมดีกว่านะ ไปบอกว่าฮยองรอฟังคำให้อภัยจากแบมอยู่
แบมจะได้ฟื้นขึ้นมายกโทษ
ให้ฮยองไงครับ”
“อื้อ...เจบี...ฉันขอคุยกับแบมแบมสักพักได้ไหม”
“อ่า...ผมฝากแบมแบมด้วยนะครับ” หลังจากที่ปล่อยให้กันต์ฮยองเป็นคนเฝ้าแบมแบมแทนผมก็พาเจบีไปที่ห้อง
อาหารของโรงพยาบาล ก็คนเฝ้าไข้จะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกตามคนไข้แล้ว วันๆ
เอาแต่นั่งอยู่ข้างเตียงข้าวปลาไม่
ยอมกิน แต่ผมก็เข้าใจนะ ถ้าผมเป็นเจบีก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเหมือนกัน
“เจบีฮยอง~ ผมเอาขนมที่ร้านกับเครื่องดื่มสูตรพิเศษฝีมือมาร์คฮยองมาให้ชิมด้วยฮะ”
“ขอบใจนะยองแจ แล้วนี่นายมาได้ไง มาคนเดียวหรอ”
“ยูคยอมหาที่จอดรถอยู่ฮะ
แล้วเดี๋ยวหลังปิดร้านมาร์คฮยองกับจูเนียร์ฮยองก็จะตามมาครับ”
“ทุกคนคงเหนื่อยมากสินะ ขอโทษนะที่ไม่ได้กลับไปช่วยที่ร้านเลย”
“สบายมากฮะ พวกผมสามคนเอาอยู่ เออใช่
ที่ร้านมีแฟนคลับมาเขียนโพสอิทให้กำลังใจเต็มเลยฮะ ทั้งแฟนคลับ
แบมแบม แล้วก็แฟนคลับพวกเราด้วย มีของขวัญและก็ดอกไม้มาฝากทุกวันเลย
ผมขนมาไม่หมด รอฮยองกลับไปดู
ที่ร้านเองแล้วกันเนอะ”
“ว้าว~ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าของร้านขนมอย่างนายก็มีแฟนคลับด้วยน่ะเจบี”
“ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก น่าจะเป็นพวกทงแซงลูกค้าประจำมากกว่า
ยองแจไปกินข้าวด้วยกันไหมฮยองกับแจ็คสันกำลัง
จะไปหาอะไรกิน”
.
.
.
“ไปสิฮะ เจบีฮยองต้องกินเยอะๆ
นะจะได้มีแรงคอยเฝ้าแบมแบม” จากคำบอกเล่าของยองแจ แสดงว่าเรื่องแฟน
คลับที่ผมได้ยินมาเป็นเรื่องจริง ผมพอจะคิดแผนดีๆ
ในการปรองดองระหว่างผลประโยชน์ของบริษัทกับความรักของ
แบมแบมออกแล้ว
ตอนนี้ก็แค่รอให้แบมฟื้นขึ้นมาเท่านั้น
ความคิดเห็น