ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [Fic GOT7] Caramel Love (BBam & JackBam)

    ลำดับตอนที่ #14 : Chapter 14 Waiting

    • อัปเดตล่าสุด 21 ธ.ค. 59


     


      

    “ใครอยู่ข้างใน ทำไมต้องมาห้ามฉันด้วยเล่า”

     

    “ชู่ว...ฮยองอย่าโวยวายสิครับ ที่นี่มันโรงพยาบาลนะ”

     

    “แล้วยูคยอมกับแฟนมาทำอะไรที่นี่”

     

    “เอ่อ...คือ...ผมกับยองแจ...”

     

    “อย่าบอกนะว่านายนั่นก็อยู่ที่นี่ นี่พวกนายรวมหัวกันขัดคำสั่งฉันหรอ”

     

    “ครับ เจบีอยู่ในห้อง...กับแบมแบม...”

     

    “ย๊า!!! แจ็คสันหวัง ทำไมทำแบบนี้”

     

    “ฟังแจ็คสันฮยองอธิบายก่อนเถอะครับ”

     

     

    “ใช่ฮะ กันต์ฮยองไม่อยากให้แบมแบมมีความสุขหรอฮะ อยากให้แบมแบมเป็นเหมือนตุ๊กตาไขลานที่หน้ายิ้มทำงาน

     

    ไปวันๆ แต่ไร้หัวใจไร้ความรู้สึกหรือไงฮะ ที่ผมกับยูคยอมพาเจบีฮยองมาวันนี้ก็เพราะผมไม่อยากทนเห็นเจบีฮยอง

     

    เป็นหุ่นยนต์ไร้หัวใจ ผมว่าความรักมันเป็นเรื่องของคนสองคน ไม่ใช่เรื่องที่คนอื่นจะมากำหนดหรือตัดสินใจแทนได้

     

    หรอกนะฮะ เรื่องแบบนี้มันบังคับกันไม่ได้ ฮยองเองก็น่าจะรู้ดี ก็เห็นกันอยู่ว่าผลที่เกิดขึ้นจากการกระทำของฮยอง

     

    มันไม่มีอะไรดีเลย คนไร้หัวใจอย่างฮยองคงไม่มีวันเข้าใจเรื่องแบบนี้สินะ ทุกอย่างก็ทำไปเพื่อผลประโยชน์ และชื่อ

     

    เสียงของบริษัทก็เท่านั้น”

     

     

    “ยูคยอมนายพาแฟนนายไปที่อื่นก่อนเถอะ เดี๋ยวฉันคุยกับกันต์ฮยองเอง”

     

     

    “คนใจดำพูดไปก็เสียเวลาเปล่า ปล่อยฉันสิยูคยอม! นายจะลากฉันไปไหน” ยูคยอมลากยองแจออกไปตามทางเดิน 

     

    สิ้นเสียงของยองแจ กันต์ฮยองก็ทรุดตัวลงไปนั่งอย่างไร้เรี่ยวแรง

     

     

    “ในสายตาคนอื่นฉันมันแย่มากเลยใช่ไหม เห็นแก่ผลประโยชน์โดยไม่แคร์ความรู้สึกของแบมแบม ฉันมันเลวมาก

     

    เลยใช่ไหม...ฮึ่ก...ฮือ...” ผมย่อตัวลงนั่งข้างๆ กันต์ฮยองก่อนจะโอบไหล่อีกคนไว้อย่างปลอบประโลม ผมปล่อยให้

     

    กันต์ฮยองร้องไห้ออกมาเงียบๆ เพราะถึงพูดอะไรไปตอนนี้ก็คงจะไม่มีประโยชน์ รอให้อีกคนสงบสติอารมณ์ก่อนน่า

     

    จะดีกว่า ผมรู้ดีว่ากันต์ฮยองไม่ได้เป็นอย่างที่ยองแจพูด แต่ยองแจก็พูดถูกว่าเรื่องแบบนี้ควรปล่อยให้เป็นการตัดสิน

     

    ใจของคนสองคนน่าจะดีกว่า คนนอกไม่ควรเข้าไปแทรกแซง

     

     

    “ฮยองฟังผมนะ...มันไม่ใช่ความผิดของฮยองเลย ผมรู้ว่าทุกอย่างที่ฮยองทำลงไป ฮยองหวังดีกับแบมแบมรวมถึงผม

     

    ด้วย ฮยองไม่ได้อยากให้เรื่องราวทั้งหมดนี่มันเกิดขึ้นและจบลงแบบนี้ เป็นเพราะบริษัทต่างหาก เพราะฉะนั้นฮยอง

     

    อย่าโทษตัวเองอีกนะครับ”

     

     “แล้วฉันควรจะทำยังไงต่อไป...ฉันไม่อยากเห็นแบมแบมเป็นแบบนี้ เด็กคนนั้นพูดถูกทุกอย่าง ที่แบมแบมต้องมา

     

    เป็นแบบนี้ก็เพราะฉัน...”

     

     

    “ไม่เอาสิครับ ผมบอกแล้วไงว่าไม่ใช่ความผิดของฮยอง ตอนนี้เราก็แค่รอให้แบมแบมฟื้นแล้วก็ปล่อยให้เขาสองคน

     

    ตกลงกันเอง ผมขอแค่นี้ฮยองโอเคไหม”

     

     

    “แต่ว่าที่บริษัท...”

     

    “บริษัทไม่กล้าทำอะไรพวกเราหรอก ฮยองก็รู้ว่าศิลปินเบอร์แรกของค่ายอย่างพวกเราทำเงินให้มากมายขนาดนั้นกับ

     

    เรื่องเล็กน้อยพวกนี้ บริษัทไม่ทำอะไรพวกเราหรอก”

     

     

    “แล้วแฟนคลับจะรับได้หรอ เรื่องที่แบมแบมมีแฟนแล้ว แถมยังเป็น...”

     

    “ฮยองเชื่อผมสิ กระแสตอบรับมันดีกว่าที่เราคิดเยอะนะครับ ผมเองก็แทบไม่เชื่อเหมือนกัน ถ้าไม่ได้ยินมาจากปาก

     

    แฟนคลับเอง ตอนนี้ฮยองพักผ่อนก่อนเถอะ เดี๋ยวผมไปบอกพยาบาลเปิดห้องข้างๆ ให้นะ ฮยองเองก็ควรจะนอนให้

     

    น้ำเกลือผสมวิตามินเหมือนกัน ทำงานหนักขนาดนี้เดี๋ยวไข้กลับจะแย่เอานะ”

     

    “ฮื่อ...ขอบคุณมากนะแจ็คสันนา...”

     

    “ด้วยความยินดีครับ”

    .

    .

    .

     

    นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้วทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นสักทีนะ ทั้งๆ ที่ควรจะออกจากโรงพยาบาลได้ตั้งแต่วันก่อนแล้ว 

     

    ตลอดเวลาที่ผมอยู่ที่นี่ได้พูดคุยกับแจ็คสันและกันต์ฮยองมากมาย ทำให้ผมเข้าใจอะไรต่างๆ มากขึ้น ผมเข้าใจกันต์

     

    ฮยองดีและไม่เคยคิดโทษกันต์ฮยองเลยแม้แต่น้อย จริงๆ แล้วผมว่าแบมแบมกับแจ็คสันโชคดีมากๆ เลยที่มีเม

     

    เนเจอร์ที่รักและเอาใจใส่พวกเขาขนาดนี้ กันต์ฮยองทุ่มเททั้งกายและใจให้กับเดอ เลจเจนท์ แจ็คสันช่วยพูดและอธิบายให้กันต์ฮยองเข้าใจทุกอย่าง ไม่น่าเชื่อว่าช่วงเวลาสั้นๆ นั้นจะทำให้ตอนนี้ผมสนิทกับพวกเขาทั้งสองคนจน

     

    กลายเป็นเหมือนพี่น้องไปแล้ว

     

     

    “ทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นอีกนะไหนหมอบอกว่าไม่ได้เป็นอะไรมากไง ฉันจะไปตามหมอให้มาตรวจใหม่ ฉันทน

     

    เห็นแบมแบมนอนนิ่งแบบนี้ต่อไปไม่ไหวแล้ว”

     

     

    “ใจเย็นๆ น่าฮยอง โอ๊ะ คุณหมอมาพอดีเลย” นายแพทย์เจ้าของไข้เดินเข้ามาภายในห้องและทำการตรวจอาการ

     

    แบมแบมตามปกติ

     

    “คุณหมอครับ นี่ก็ผ่านไปสองวันแล้ว ทำไมแบมแบมถึงยังไม่ฟื้นล่ะครับ”

    “เดี๋ยวหมอขอเชิญญาติไปคุยกันที่ห้องหมอหน่อยนะครับ”


    .

    .

    .

     

    “ตอนนี้สภาพร่างกายของคนไข้สมบูรณ์ร้อยเปอร์เซ็นแล้วครับ แต่สาเหตุที่คนไข้ยังไม่ฟื้นนั้น หมอเองก็ยังไม่แน่ใจ 

     

    แต่คาดว่าน่าจะมาจากระบบความคิดและจิตใจของคนไข้ที่ทำการปิดกั้นตัวเองให้ไม่ยอมตื่นขึ้นมา ซึ่งเราก็ไม่

     

    สามารถที่จะให้ยากระตุ้นหรือรักษาด้วยวิธีอื่นได้ นอกจากทำให้จิตใต้สำนึกของคนไข้รับรู้แล้วอยากกลับมาสู่โลก

     

    แห่งความจริงอีกครั้ง”

     

     

    “แล้วพวกเราต้องทำยังไงบ้างครับ”

     

    “หมอก็ไม่ทราบหรอกนะครับ ว่าก่อนหน้านี้คนไข้ผ่านเรื่องราวอะไรที่เป็นการกระทบจิตใจอย่างหนักมาบ้างรึเปล่า 

     

    แต่ตอนนี้สิ่งที่ญาติพอจะทำได้ก็คือทำให้คนไข้ได้สัมผัส ได้รับรู้ผ่านทางประสาทสัมผัสต่างๆ ของร่างกายว่ามีคน

     

    ที่รักและรอคอยการกลับมาของเขาอยู่ หมออยากให้ทุกคนถ่ายทอดเรื่องราวหรือความทรงจำดีๆ ที่ได้ใช้ร่วมกับ

     

    คนไข้มาให้เขาฟัง เพราะเรื่องราวความรู้สึกเหล่านั้นจะช่วยกระตุ้นระบบความคิดและจิตใจของคนไข้ได้”

     

     

    “หมายความว่าเราต้องทำให้แบมแบมรู้สึกอยากตื่นขึ้นมาใช่ไหมครับ”

     

    “แล้วถ้าแบมแบมไม่ฟื้นล่ะหมอ จะเป็นยังไงต่อไป”

     

    “คนไข้ก็จะกลายเป็นเจ้าชายนิทรา และถ้าหากไม่คอยทำกายภาพบำบัด อวัยวะส่วนต่างๆ ของร่างกายก็จะค่อยๆ 

     

    ใช้การไม่ได้เพราะเมื่อไม่ได้ใช้งานกล้ามเนื้อก็จะลีบและเป็นอัมพาตไปในที่สุด”

     

     

    “ไม่!!! แบมจะต้องไม่เป็นแบบนั้น แบมจะต้องฟื้น!”

     

    “ใจเย็นๆ น่ากันต์ฮยอง ขอบคุณคุณหมอมากนะครับ” กันต์ฮยองพูดถูก แบมแบมจะต้องไม่เป็นแบบนั้น แบมแบม

     

    จะต้องฟื้นและแบมจะต้องกลับมาเป็นแบมแบมที่น่ารักสดใสคนเดิม

     

     

    ผมกลับมาที่ห้องพักของแบมแบมและหย่อนตัวลงนั่งข้างๆ เตียงเหมือนเช่นเคย ผมกุมมือบางที่ใกล้จะเหลือแต่หนัง

     

    หุ้มกระดูกไว้หลวมๆ ผมตัดสินใจแล้ว ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นผมก็จะไม่ปล่อยมือคู่นี้ไปอีก ผมจะคอยอยู่เคียงข้างแบม

     

    แบมผมเชื่อว่าเราจะสามารถผ่านทุกอย่างไปด้วยกันได้

     

     

    “พี่คิดถึงแบมเหลือเกิน แบมไม่คิดถึงพี่บ้างหรอครับ ทำไมถึงใจร้ายแบบนี้...” ภาพตรงหน้าทำผมใจหวิวแปลกๆ ใคร

     

    จะไปคิดล่ะครับว่าอาการของแบมแบมจะร้ายแรงและบานปลายขนาดนี้ กันต์ฮยองก็เอาแต่นั่งซึม

     

     

    “ไม่น่าเลย ไม่น่าเลยจริงๆ ฉันไม่น่าทำตามที่บริษัทสั่งเลย แบมแบมเลยต้องมาเป็นแบบนี้...ฮึ่ก...ถ้าแบมไม่ฟื้นฉัน

     

    จะทำยังไง...ฮือ...”

     

     

    “แบมแบมต้องฟื้นครับ ยังไงก็ต้องฟื้นมีเจบีมาคอยดูแลแบบนี้ ไม่ฟื้นก็ใจดำเกินไปแล้ว ไม่เอานะครับ หยุดร้องไห้ได้

     

    แล้ว ตาบวมหมดแล้ว”

     

     

    “แจ็คสันนา...ฉันขอโทษ...ขอโทษจริงๆ”

     

     

    “ผมว่าฮยองไปขอโทษแบมแบมดีกว่านะ ไปบอกว่าฮยองรอฟังคำให้อภัยจากแบมอยู่ แบมจะได้ฟื้นขึ้นมายกโทษ

     

    ให้ฮยองไงครับ”

     

     

     

    “อื้อ...เจบี...ฉันขอคุยกับแบมแบมสักพักได้ไหม”

     

     

    “อ่า...ผมฝากแบมแบมด้วยนะครับ” หลังจากที่ปล่อยให้กันต์ฮยองเป็นคนเฝ้าแบมแบมแทนผมก็พาเจบีไปที่ห้อง

     

    อาหารของโรงพยาบาล ก็คนเฝ้าไข้จะเหลือแต่หนังหุ้มกระดูกตามคนไข้แล้ว วันๆ เอาแต่นั่งอยู่ข้างเตียงข้าวปลาไม่

     

    ยอมกิน แต่ผมก็เข้าใจนะ ถ้าผมเป็นเจบีก็คงไม่มีกะจิตกะใจจะทำอะไรเหมือนกัน

     

     

    “เจบีฮยอง~ ผมเอาขนมที่ร้านกับเครื่องดื่มสูตรพิเศษฝีมือมาร์คฮยองมาให้ชิมด้วยฮะ”

     

    “ขอบใจนะยองแจ แล้วนี่นายมาได้ไง มาคนเดียวหรอ”

     

    “ยูคยอมหาที่จอดรถอยู่ฮะ แล้วเดี๋ยวหลังปิดร้านมาร์คฮยองกับจูเนียร์ฮยองก็จะตามมาครับ”

     

    “ทุกคนคงเหนื่อยมากสินะ ขอโทษนะที่ไม่ได้กลับไปช่วยที่ร้านเลย”

     

    “สบายมากฮะ พวกผมสามคนเอาอยู่ เออใช่ ที่ร้านมีแฟนคลับมาเขียนโพสอิทให้กำลังใจเต็มเลยฮะ ทั้งแฟนคลับ

     

    แบมแบม แล้วก็แฟนคลับพวกเราด้วย มีของขวัญและก็ดอกไม้มาฝากทุกวันเลย ผมขนมาไม่หมด รอฮยองกลับไปดู

     

    ที่ร้านเองแล้วกันเนอะ”

     

     

    “ว้าว~ เพิ่งรู้นะเนี่ยว่าเจ้าของร้านขนมอย่างนายก็มีแฟนคลับด้วยน่ะเจบี”

     

    “ไม่ถึงขนาดนั้นหรอก น่าจะเป็นพวกทงแซงลูกค้าประจำมากกว่า ยองแจไปกินข้าวด้วยกันไหมฮยองกับแจ็คสันกำลัง

     

    จะไปหาอะไรกิน”

    .

    .

    .

     

     

    “ไปสิฮะ เจบีฮยองต้องกินเยอะๆ นะจะได้มีแรงคอยเฝ้าแบมแบม” จากคำบอกเล่าของยองแจ แสดงว่าเรื่องแฟน

    คลับที่ผมได้ยินมาเป็นเรื่องจริง ผมพอจะคิดแผนดีๆ ในการปรองดองระหว่างผลประโยชน์ของบริษัทกับความรักของ

    แบมแบมออกแล้ว ตอนนี้ก็แค่รอให้แบมฟื้นขึ้นมาเท่านั้น

     

     

     


       
    O W E N TM.
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×