คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : [OS] Looking to You (Linho Feat.Wanna One)
[OS] LOOKING
TO YOU
LAI KUANLIN x YOO
SEONHO
‘เมื่อก่อนไม่เคยเรียกพี่ควานลินว่าพี่เลยครับ
แต่พอมาอยู่ในรายการต้องเรียกว่าพี่ก็รู้สึกแปลกๆ ก็เริ่มชินแล้วละครับ..
พี่ควานลิน’
คนที่ถูกเอ่ยถึงในสัมภาษณ์ที่ออกอากาศในรายการทางโทรทัศน์เองก็รู้สึกไม่ต่างกันกับคนที่เอ่ยถึงเขา
จากที่เคยเป็นเพื่อนรักที่ฝึกมาด้วยกัน เริ่มต้นมาด้วยกัน อยู่ข้างกันมาตลอด แต่แค่เวลาไม่กี่เดือนในรายการเซอร์ไววัลแห่งนี้กลับกลายเป็นช่องว่างในความสัมพันธ์ระหว่างทั้งคู่
เขาไม่รู้ว่าการที่อีกคนเรียกเขาว่า “พี่ควานลิน” จะทำให้ “ซอนโฮ”
รู้สึกถึงช่องว่างนี้ไหม แต่สำหรับไล ควานลินมันเป็นแบบนั้น
ซอนโฮอยู่ห่างจากเขาออกไป ไม่ใช่แค่การสัมภาษณ์ที่เพิ่งออกอากาศไปที่ทำให้เขาเริ่มมาคิดอย่างจริงจัง
แต่รวมถึงการประกาศอันดับก่อนหน้านั้นที่เขาอยู่สูงกว่าซอนโฮและติดท็อป 11 มาเกือบตลอด ซอนโฮก็เอาแต่บอกว่า ‘พี่ควานลินเป็นซูเปอร์สตาร์ไปแล้ว’
คำพูดทุกคำที่อีกคนเอ่ยชมล้วยมาจากใจไม่ได้มีเชิงประชดแม้แต่น้อย
แต่มันกลับทำให้เขารู้สึกว่าทำไมเขาจะต้องเป็นคนที่อยู่สูงกว่าจนทำให้ซอนโฮอยู่ต่ำไปกว่าเขา
นี่มันไม่ใช่แบบที่ควานลินคิด
ถ้าจะอยู่สูงเป็นดาวก็อยากให้เป็นดาวที่ส่องแสงเคียงกัน
หรือจะกลับไปเป็นเด็กฝึกหัดเดินดินก็อยากจะให้เป็นคนที่อยู่ข้างกันและรอวันจะก้าวสู่ฝันเดบิวต์ไปพร้อมกันมากกว่าที่ใครคนหนึ่งจะต้องมาอยู่คนละชั้นแบบนี้
“ควานลิน
น้องเจี๊ยบมาหาแหนะ”
ระหว่างที่ทีม
Never
กำลังพักจากการซ้อมที่เหน็ดเหนื่อย
พี่ชายคนตลกที่ชอบแวะเวียนไปแกล้งคนอื่นอย่างองซองอูก็เดินกลับมาพร้อมพี่ชายสีผมสว่างกับเด็กวัยสิบหกที่ตัวสูงน่าหมั่นเขี้ยวขวัญใจโปรดิวเซอร์นูน่าจากทีม
Open Up ควานลินแอบยิ้มเล็กน้อยที่ได้ยินแบบนั้น ดีใจเหลือเกินที่ได้เห็นคนที่คิดถึงมาที่ห้องนี้อีกครั้ง
ซอนโฮถูกเลือกให้ออกจากทีมด้วยคะแนนเสียงส่วนใหญ่ที่สมาชิกลงความเห็นว่าจะต้องย้ายไปทีมอื่น
แน่นอนว่าหนึ่งในเสียงโหวตนั้นไม่ได้มาจากควานลิน
เขาไม่ได้มีความคิดที่อยากจะห่างจากซอนโฮ
แต่เขาไม่ได้มีสิทธิ์เสียงคนเดียวจะทำให้ซอนโฮได้อยู่ต่อ
ผลที่ออกมาไม่ใช่แค่คนที่โดนย้ายทีมรู้สึกไม่ดี ตัวควานลินเองก็รู้สึกไม่ต่างกัน
แต่พอได้รู้ว่าทีม Open
Up เลือกให้เพื่อนรุ่นน้องเข้าทีม
และน้องซอนโฮของเขาในตอนนี้ก็ร่าเริงและยิ้มกระโดดโลดเต้นได้เหมือนเคยก็ทำให้เขารู้สึกดีใจว่าซอนโฮไม่ได้เศร้าแล้ว
ควานลินกำลังจะเอ่ยปากพูดคุยถามไถ่เรื่องการซ้อมของเพื่อนรุ่นน้องคนสนิท
แต่ยังไม่ทันได้เอ่ยคำพูดใดๆเขาก็สังเกตว่า คนที่เพิ่งเข้ามาไม่ได้ตั้งใจจะมาหาเขาแบบที่พี่ซองอูบอกเสียหน่อย
กลับเป็นพี่มินฮยอนที่ตอนนี้ซอนโฮกำลังหลงใหลต่างหาก
“พี่มินฮยอน
พี่มินฮยอน~”
เรียกไปก็รีบกระโดดเข้ากอดพี่ชายที่รักยิ่ง
คนกระโดดเข้ากอดไม่เกรงกลัวว่าคนโดนกอดจะรับน้ำหนักตัวไหวหรือเปล่า
เพราะก่อนหน้าที่เคยทำไปก็รู้แล้วว่ายังไงพี่ชายคนนี้ก็มั่นคงไม่เอนเอียงต่อแรงของน้องเจี๊ยบอยู่แล้ว
“โอ๊ย
ไม่เจอกันนิดหน่อยมันจะคิดถึงอะไรขนาดนั้นละเหวย ซอนโฮ”
“ก็ผมคิดถึงของผมอ่ะพี่แจฮวาน..
พี่มินฮยอนซ้อมเหนื่อยไหมอ่า”
“เหนื่อยแต่ก็ต้องสู้นี่นา..
ไปอยู่ทีมนู้นโอเคนะ?”
ควานลินทำได้เพียงมองดูอยู่ใกล้ๆแต่ก็ไม่ได้เข้าไปมีส่วนร่วมในการพูดคุยนั้น
เพราะเขาไม่รู้จะไปมีส่วนร่วมตรงไหนของบทสนทนา เหมือนว่าแขกน้องเล็กจากทีม Open Up มีเรื่องอยากจะคุยกับพี่มินฮยอนมากกว่าเขา.. คนที่เคยสนิท
คนคิดมากหันกลับไปพูดคุยกับแดฮวี
พี่ซองอู และพี่แดเนียลที่กำลังเล่าเรื่องขำขันอย่างสนุกสนาน
แม้บางคำที่อาจจะไม่เข้าใจเพราะความไม่แข็งแรงของภาษาก็แสร้งขำไปเพราะท่าทางของพี่ซองอูคนตลก
แถมเขาเองก็ยังตกเป็นเหยื่อของการโดนทั้งสามคนแกล้งจนเขาเองก็สนุกไปกับการนั่งพักในตอนนี้มากกว่าที่จะมาคิดมากกับเรื่องของคนที่ไม่แม้แต่จะทักทายเขา
“แดน ซอนโฮ ได้เวลาซ้อมแล้วนะ”
ประตูห้องซ้อมเปิดพร้อมกับเสียงเรียกกลับห้องของร่างใหญ่ที่น้องๆเกรงขามของดงโฮ
ทำเอาเสียงดังของทีม Never
เมื่อครู่เงียบลงในทันใด ควานลินและคนในวงสนทนาโบกมือลาพี่แดเนียลและให้กำลังใจกับการซ้อมที่จะดำเนินต่อไป
ในตอนนั้นเองที่ไหล่ขวาของเขาก็มีแรงสะกิดเบาๆให้เขารู้สึกตัว
ใบหน้าใสๆของคนที่ควานลินอยากคุยด้วยแทบขาดใจอยู่ใกล้แค่เพียงนิดเดียวเท่านั้น..
“ยังไม่ได้คุยกับพี่ควานลินเลยแต่ต้องไปแล้วอ่ะ
นึกว่าจะได้อยู่นานกว่านี้”
“คุยกันแค่สองคนไม่เห็นต้องเรียกพี่เลย”
“ต้องเรียกสิ
ถ้ากล้องจับแล้วคุณโปรดิวเซอร์ได้ยินมันจะไม่ดีนะพี่ควานลิน.. ผมไปก่อนนะ
สู้ๆล่าาา~”
ซอนโฮส่งจุ๊บทะเล้นตามแบบฉบับของเจ้าตัวให้เขาก่อนจะรีบวิ่งออกจากห้องไปเพราะสายตาดุของพี่ใหญ่ทีม
Open
Up ที่ส่งมา ประตูห้องปิดลงเมื่อคนที่ไม่ใช่สมาชิกของห้องซ้อมนี้ได้ออกไปหมด
ทีมเจ้าของห้องก็ถือโอกาสเริ่มซ้อมต่อไม่ยอมแพ้ทีมคู่แข่งหลังจากพักกันมาจนหายเหนื่อย
แค่คำว่า “สู้ๆ” จากคนๆเดียว
ทำไมถึงทำให้ไล ควานลินมีพลังได้ขนาดนี้นะ
“พี่ควานลิน!”
เสียงแรกหลังจากที่ประสาทรับรู้การได้ยินของคนสุดท้ายที่ได้เข้ารอบเดบิวต์เป็นเสียงที่คุ้นเคย
ไม่รู้ว่าเสียงเรียกนี้ดังกว่าของใคร
หรือหูของเขารับการได้ยินแค่เพียงเสียงนี้ถึงได้หันไปยังทางที่เสียงเรียกนี้เรียกหาเขา
และเหมือนสายตาที่เบลอไปครู่ใหญ่ก็โฟกัสแค่เจ้าของเสียงที่เรียกหาควานลิน
“ผมกลัวมากเลยนึกว่าพี่จะไม่ได้เข้ารอบ
ถ้าผมได้เข้าแต่พี่ไม่ได้เข้ารอบ ผมคงทำรอบสุดท้ายได้ไม่ดีแน่เลย”
“แต่ตอนนี้เราก็ได้เข้าไปรอบเดบิวต์ทั้งคู่แล้วไง
ไม่เป็นไรแล้วนะซอนโฮ”
“ผมต่างหากที่ควรจะพูดว่าไม่เป็นไรแล้วนะพี่ควานลิน
อันดับพี่ตกไปขนาดนี้ได้ยังไง...”
และบทสนทนาก็ยาวออกไปด้วยคำบ่นต่างๆนานาของซอนโฮ
ตอนที่ตัวแทนโปรดิวเซอร์แห่งชาติอย่างโบอาประกาศว่า
‘คิวบ์ ยูซอนโฮ’ ได้เข้ารอบเป็นอันดับ 16 ทำให้ควานลินโล่งใจว่าซอนโฮจะยังมีโอกาสได้เดบิวต์ไปด้วยกัน
ก่อนหน้าที่ชื่อของไลควานลินจะประกาศออกมา
มักจะเป็นอันดับของซอนโฮที่ประกาศมาก่อนเสมอ ดีใจได้ไม่ทันไรก็เห็นว่าความดีใจของซอนโฮที่แสดงออกมาเมื่อได้ขึ้นไปนั่งที่อันดับกลับไม่ใช่อันดับของตน
แต่เป็นอันดับของพี่มินฮยอนคนโปรด
สายตาที่มองได้เพียงจากข้างล่างอันดับที่นั่งก็แปรเปลี่ยนจากสายตาแห่งความยินดีไปเป็นแววตาที่นิ่งเฉย
ใจมันอิจฉาที่อีกคนไม่เคยทำกับเขาแบบนั้นบ้าง
และยิ่งเมื่อประกาศไปถึงลำดับสูงๆมากเท่าไรแล้วไม่มีชื่อของไลควานลินออกมา
ใจของเขามันก็ยิ่งไม่นิ่งไปมากกว่าเดิม จนกระทั่งมาถึงอันดับหนึ่งก็ยังคงไม่ใช่เขา
อันดับสุดท้ายที่เหลืออยู่คือความหวังสุดท้ายที่มีถึงแม้มันจะริบหรี่แต่มันก็ยังพอมีให้เขาได้หวัง
“อันดับ 20..
คิวบ์ ไลควานลิน”
และนั่นก็เป็นเสียงสุดท้ายที่เป็นคำพูดแล้วเขาเข้าใจความหมาย
เสียงอื่นแม้จะผ่านหูไปแต่เขาก็จับใจความอะไรไม่ได้
สายตาก็เบลอด้วยความช็อคและความกังวล จนกระทั่งเสียงเรียกชื่อควานลินดังมาจากซอนโฮเมื่อครู่นี้ทำให้การรับรู้ของเขากลับมาเป็นปกติดังเดิม
“ฉันกอดนายได้ใช่ไหม”
ปกติการแสดงออกของพวกเขาไม่จำเป็นต้องถามอะไรเลย
การกอดในรายการมันก็เป็นปกติของเด็กฝึกที่จะให้กำลังใจกัน
ควานลินไม่แน่ใจนักว่าทำไมเขาถึงถามแบบนี้
อาจเป็นเพราะพักหลังๆซอนโฮดูไม่สนิทกับเขาเหมือนอย่างเคย
และกอดของซอนโฮมักจะไม่ใช่เขา
แต่ไม่ว่าคำตอบของซอนโฮจะเป็นเช่นไร
แขนยาวทั้งสองของควานลินก็โอบรัดตัวของเพื่อนรุ่นน้องที่เขาห่วงใยและโหยหากำลังใจมากที่สุดเอาไว้
น้ำตาของเขาซึมออกมาโดยไม่รู้ตัวแม้จะกลั้นมันเอาไว้เพียงใดก็ตาม
ยูซอนโฮคนนี้เป็นกอดเดียวที่มีพลังมากที่สุดของไลควานลินตลอดเวลาที่อยู่ห่างไกลบ้านเกิด
และในตอนนี้มันสำคัญกว่าสิ่งใด กอดที่เปี่ยมด้วยความอ่อนโยน
กอดที่เปี่ยมด้วยกำลังใจ กอดที่อบอุ่นและทำให้สบายใจ
“โอ๋ๆนะพี่ควานลิน ไม่ร้องๆ”
เขาจะกอดซอนโฮให้นานที่สุดได้ไหม
ไม่อยากให้ซอนโฮต้องเดินไปกอดพี่มินฮยอนเหมือนทุกวันที่ผ่านมา
ไม่อยากให้ซอนโฮไปกอดใครคนอื่น..
คนที่ไม่ใช่เขา
“อันดับที่ 7 ได้คะแนนโหวตทั้งหมด
905,875 คะแนนโหวต
คิวบ์... ไลควานลินค่ะ”
วินาทีที่ประกาศชื่อของเขาออกมา หัวใจที่เต้นรัวตลอดการเริ่มประกาศผลก็เหมือนหยุดลง
ดีใจและโล่งใจที่สุดท้ายความพยายามก็เป็นผลสำเร็จ
ไม่รู้ว่าจริงๆตอนนั้นกำลังมีสติอยู่ไหม แต่สิ่งที่ร่างกายของเขาทำก็คือการหันไปหาคนที่ยืนอยู่ข้างหลังที่ห่างออกไป
ตอนนี้รอบกายเขาจะถูกรุมล้อมไปด้วยอนาคตของคนที่อาจจะได้เดบิวต์ร่วมกันจนไม่สามารถเดินไปหาคนนอกวงล้อมเขาได้
แต่แค่ไม่กี่อึดใจต่อจากนั้น ยูซอนโฮก็ฝ่าวงเข้ามากอดเขาอย่างเต็มแรง
‘ทำได้แล้วนะควานลิน’
กลับมาเรียกแค่ชื่อเฉยๆแบบนี้ยิ่งทำให้ควานลินยิ้มกว้างเข้าไปอีก
กอดนี้อยู่เพียงครู่เดียวก็ต้องผละออกจากกัน
เมื่อถึงเวลาที่เขาจะต้องย้ายจากที่เดิมไปสู่อีกเวทีที่เป็นเวทีที่จะเปลี่ยนจากเด็กฝึกหัดไปเป็นดาวดวงใหม่
‘Wannaone’ เมื่อการกล่าวขอบคุณเสร็จสิ้นได้เวลาที่เดินไปนั่งยังอันดับของตน
สายตาของควานลินมองไปยังเวทีที่เดินจากมา เฝ้ารอให้ชื่อ ‘ยูซอนโฮ’ ประกาศออกมา
แต่ชื่อที่ประกาศแล้ว ประกาศเล่า
ก็ยังคงไร้ชื่อของคนที่เขารอ
และสุดท้าย..
ก็ไร้ชื่อของ ‘ยูซอนโฮ’
ซอนโฮไม่ได้เดบิวต์ด้วยกัน..
ควานลินไม่รู้ด้วยซ้ำว่าสุดท้ายแล้วตัวแทนโบอาประกาศอันดับหนึ่งว่าเป็นชื่อของคังแดเนียลหรือพัคจีฮุน
ความคิดเดียวที่ติดค้างอยู่ในสมองและความรู้สึกสุดท้ายที่คงอยู่ในตอนนี้ก็คือซอนโฮไม่ได้เดบิวต์ด้วยกัน
สายตาที่เฝ้ามองซอนโฮจากที่ไกลห่างออกมามันทำให้เขาเจ็บจนคิดอะไรไม่ออก
ทำไมสุดท้ายถึงได้เป็นแบบนี้
ทั้งๆที่อันดับของซอนโฮก็ขึ้นมาโดยตลอด ครั้งสุดท้ายก็ได้ลำดับติดท็อป 11
เมื่อการประกาศผลสิ้นสุดลง
เด็กฝึกทุกคนต่างก็มารวมที่เวทีเดียวกัน
ร่วมแสดงความยินดีกับสมาชิกของวงน้องใหม่ที่กำลังจะได้เดบิวต์เป็นดาวดวงใหม่ของวงการเพลงอย่าง
‘Wannaone’ คำยินดี คำชื่นชม
และกำลังใจได้ถูกส่งมอบให้กันอย่างมากมาย ควานลินยินดีรับในทุกคำพูดและความรู้สึกในช่วงเวลานี้จากทุกคน
แต่ตัวเขาอยากจะเดินไปให้ถึงคนสำคัญที่เขาอยากจะพูดคุยด้วยมากที่สุด
“พี่ดงโฮเห็นซอนโฮไหมครับ”
ในเมื่อความวุ่นวายบนเวทีมักมากเสียจนทำให้ร้อนใจ ควานลินเลือกจะถามจากพี่ดงโฮคนที่เดินมาพร้อมๆกับซอนโฮที่เวทีกลางแทนการเดินหาแบบที่เขาทำ
“เห็นเดินไปทางริมๆเวทีฝั่งขวามือนายนะ..
ดีใจด้วยนะ นายทำได้ดีมาก”
“ขอบคุณนะครับ
นิวอีสก็รีบๆคัมแบคนะครับ”
พูดกันเพียงสั้นๆควานลินก็รีบเดินไปยังจุดที่รุ่นพี่บอก
แต่เมื่อไปใกล้ถึงจุดที่รุ่นพี่บอก สิ่งที่เห็นก็ทำให้เขาหยุดฝีเท้าลง
ภาพที่สุดมุมของเวที ภาพที่เขาไม่เคยชอบและไม่เคยอยากจะเห็น
ซอนโฮกอดพี่มินฮยอนอีกแล้ว
แค่เพียงสองคนเงียบๆ
ไลควานลินก็แค่คนโง่สินะที่คิดไปเองว่าอีกคนจะเสียใจ
จะผิดหวังหรือร้องไห้ ดูตอนนี้สิว่าคนที่ตัวเองห่วงนักห่วงหนามีความสุขขนาดไหนที่ได้กอดกับพี่ชายแสนรัก
น้ำตาก็ไม่มีสักนิด แถมปากก็ยกยิ้มขึ้นอย่างกับพี่มินฮยอนขอเป็นแฟน!
แทนที่จะเอาแต่มองเอาแต่คิดถึงความรู้สึกเจ้าเด็กลูกเจี๊ยบ
เขาควรมองตัวเอง ห่วงตัวเองเสียมากกว่าอีกว่าความรู้สึกจะต้องพังไปอีกี่รอบ
ใจจะกลับมาดีขึ้นได้อีกเมื่อไรเมื่อจะต้องเจอเหตุการณ์ที่ทำให้เจ็บแบบนี้ซ้ำไปซ้ำมา
น้อยใจไปกี่ครั้งเขาก็ได้แต่ฟื้นใจด้วยตัวเองเพราะคนที่ทำให้เขาใจน้อยลงไปทุกวันไม่เคยรับรู้
แต่ไม่ว่าจะกี่ครั้งที่คิดว่าต้องทำให้เจ้าตัวรู้สักทีว่าเขาน้อยใจ มันก็เผลอลืมความรู้สึกนั้นไปทุกทีที่เจ้าลูกเจี๊ยบขี้อ้อนเดินมาคุย
เข้ามากอดแขนทุกครั้งนั่นแหละ ไม่เคยจะห้ามใจตัวเองสักที
“อยากคุยกับเขาก็เดินเข้าไปหาเขาสิ
ยืนมองแบบนี้ก็คงได้ยืนมองแบบนี้ไปตลอดนั่นแหละ.. พี่มินฮยอน!
พี่ๆนิวอีสตามหาอยู่นะ!”
แดฮวีเดินเข้ามาสะกิดให้รู้สึกตัวสักทีว่าไม่ใช่แค่เอาแต่มอง
ควานลินควรจะทำตามที่อยากทำมากกว่าการเอาแต่คิดอยู่ในใจแล้วไม่ทำอะไรสักอย่าง
แต่นั่นก็คงยากเพราะควานลินน่ะไม่ทำแบบนั้นหรอก
เสียงเรียกพี่มินฮยอนของแดฮวีทำให้ซอนโฮกับพี่มินฮยอนหันกลับมาเพื่อจะเดินเข้ามาร่วมบทสนทนากับคนอื่นๆที่ไม่ใช่อยู่กันแค่สองคนแบบที่ควานลินไม่อยากให้เป็น
“จริงๆพี่ๆนิวอีสเขาไม่ได้ตามหาพี่มินฮยอนหรอก
แต่นายก็คงไม่อยากให้ฉันตะโกนว่านายตามหาซอนโฮอยู่ใช่ไหมล่ะ.. ดีใจที่ได้ช่วยสักที
เผือกเงียบๆมาหลายรอบแล้วขัดใจจริงๆ นายเนี่ยน้า..”
แล้วแดฮวีก็เดินจากเขาไปพร้อมกับพี่มินฮยอน
เหลือไว้เพียงแต่ควานลินและซอนโฮตามที่คนเจ้าแผนการปรารถนา
“Congratulations พี่ควานลิน!
สุดท้ายก็ได้เดบิวต์นะ ความฝันของพี่เริ่มเป็นจริงแล้ว มาให้ผมกอดเร้ว~~”
ว่าจบก็โดนเด็กตัวสูงคว้าไปกอด
ควานลินเผยยิ้มออกมาแบบที่คนกอดคงจะไม่ได้เห็นมัน
ไม่ต้องกระโดดกอดให้เหมือนที่กอดพี่คนนั้น
แค่กอดธรรมดาที่ดีแบบนี้เขาชอบมากกว่าอีก
“อยู่กันสองคน
ไม่เรียกว่าพี่ไม่ได้จริงๆเหรอซอนโฮ”
“ก็ไม่ได้อยากแต่ต้องเรียกอ่ะ
ไม่งั้นผมคงโดนชาวเน็ตว่า พี่ก็ยอมเถอะอีกหน่อยก็ชิน ต่อไปก็คงต้องเรียกไปตลอด”
“ซอนโฮ
ฉันอยากให้เราได้เดบิวต์ด้วยกัน ถ้าไม่มีนายฉันคงเหงามาก”
คนฟังได้ยินแบบนั้นก็ยิ่งกอดคนพูดแน่นกว่าเดิม
แต่แค่ครู่เดียวเท่านั้นกอดก็ถูกคลายลงมาเป็นการพูดคุยที่มองหน้ากัน
“โหย พี่ๆในวงคงไม่ปล่อยให้พี่เหงาหรอก
ดูแต่ละคนดิ พี่จีซอง พี่ซองอู พี่แดน พี่แจฮวานงี้
ถ้าผมจะเสียดายที่ไม่ได้เดบิวต์ก็คงจะเสียดายเพราะไม่ได้อยู่กับพี่ๆที่สนุกสนานแบบนี้มากกว่า”
“แต่พวกพี่ๆเขาไม่ใช่นายนี่”
“พี่ควานลินจะไปอยู่กับพวกพี่ๆวันนานวันตั้งปีกว่าๆ
อีกหน่อยก็คงจะสนิทกันกับพี่ๆมากกว่าผมที่เคยฝึกกับพี่แค่แปปเดียว
เผลอๆเราอาจจะไม่สนิทกันแล้วก็ได้...”
ทำไมได้ยินแบบนี้แล้วเขาใจไม่ดี
ความรู้สึกอยากเดบิวต์ทำไมมันถึงไม่เหมือนตอนที่รู้ผลว่าเขาเป็นหนึ่งในผู้ชนะ การได้เดบิวต์มันเป็นโอกาสที่เด็กฝึกหัดทุกคนใฝ่ฝันกันทั้งนั้นแต่ทำไมในตอนนี้ควานลินถึงไม่อยากจะได้โอกาสนี้แล้ว
เขารู้ว่าได้อย่างก็ต้องเสียอย่าง แต่สิ่งที่เขาไม่อยากจะเสียไปก็คือคนๆนี้
คนที่อยู่ตรงหน้าเขา คนที่เป็นทั้งเพื่อน ทั้งน้องชาย และ.. เป็นคนสำคัญสำหรับเขา
ยามนี้สีหน้าของซอนโฮที่มองมายังเขาได้เปลี่ยนไป
ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยความสุขกลับแปรเปลี่ยนมาเป็นใบหน้าที่ไร้ซึ่งรอยยิ้ม
“พี่ควานลิน
ผมคิดมาตั้งแต่แรกแล้วว่ายังไงผมก็คงจะไม่ได้เดบิวต์ตอนนี้
ถึงจะได้เดบิวต์ผมก็คิดว่าผมคงยังไม่พร้อม
การได้มาที่นี่และได้เห็นว่าคนที่ฝึกมาพร้อมกับผมอย่างพี่ได้ก้าวนำผมไปแล้วทำให้ผมคิดได้ว่าผมนี่มันไม่ได้เรื่องเลย
ผมกลับไปค่ายผมจะตั้งใจซ้อมให้หนัก ผมจะซ้อมรอวันที่พี่กลับไปอยู่กับผมอีก
ถึงไม่รู้ว่ากลับไปแล้วเราจะได้ฝึกด้วยกันอีกไหม
หรือพี่จะกลายเป็นนักร้องของค่ายไปเลย แต่ผมจะทำให้ดีที่สุด
ผมอยากจะเดบิวต์กับพี่ควานลินนะ.. พี่ควานลิน สัญญาได้ไหมว่าจะไม่ลืมซอนโฮ
พี่ดังแล้วอย่าเปลี่ยนไปนะ”
“ฉันสัญญา ซอนโฮ”
‘สัญญากับนายด้วยหัวใจของฉัน’
จบจากรายการ
ควานลินไม่ได้เป็นแค่เด็กฝึกหัดธรรมดาอีกต่อไป แต่เขากำลังจะเป็นนักร้องจริงๆ แม้จะเป็นวงที่มีอายุเพียงหนึ่งปีแต่มันก็ถือเป็นเส้นทางบนอาชีพนักร้องที่เขาใฝ่ฝัน
ทุกอย่างเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วมากจนไม่น่าเชื่อ
เขาต้องย้ายออกจากหอพักเดิมมาอยู่ร่วมกับสมาชิกในวง
ต้องเปลี่ยนตารางชีวิตที่เคยไปโรงเรียนแล้วฝึกตอนเย็นที่บริษัท ตอนนี้ต้องทั้งฝึกเต้น
ฝึกร้อง แถมยังมีตารางงานมากมายจนแทบไม่ได้พักผ่อน
เริ่มต้นได้ไม่นานแต่ก็รู้สึกเหนื่อยเหลือเกิน
คิดถึงบ้าน คิดถึงครอบครัว
คิดถึงเวลาที่ได้วิ่งเล่นเหมือนเด็กวัยรุ่น
และเขาก็คิดถึงซอนโฮ คิดถึงมากๆ
ตอนเจอกันในวันไฟนอลคอนเสิร์ตเป็นวันสุดท้ายที่ได้เจอกัน
เพราะไม่อยากจากกันให้เศร้ามากนักทั้งเขาและซอนโฮจึงเลือกจะพูดคุยเล่นกันอย่างมีความสุข
แต่สิ่งที่ติดค้างวนเวียนในใจเขาไม่ลืมคือคำพูดในวันประกาศผลเดบิวต์ที่ซอนโฮพูดกับเขา
ทั้งประโยคและความรู้สึกในตอนนั้นยังคงอยู่จนถึงตอนนี้
‘พี่ควานลิน
อยู่หอใหม่วันแรกเป็นไงบ้าง ได้ใครเป็นรูมเมทน่ะ’
‘โหลๆ สงสัยหลับแล้ว T^T’
ควานลินมองข้อความในแชทที่ส่งมาตั้งแต่เมื่อวันก่อน
แต่กว่าเขาจะเห็นข้อความแล้วได้ตอบกลับก็เช้าของอีกวันนึงตอนที่เขาตื่นนอนแล้ว
หลายชั่วโมงจนเกือบเป็นวันกว่าข้อความของอีกอีกฝ่ายหนึ่งจะตอบกลับมา
และก็หลายชั่วโมงกว่าเขาจะตอบกลับไป นั่นทำให้สุดท้ายก็ไม่มีบทสนทนาในแชทของพวกเขาต่อมา
ความต้องการจะเจอหน้า
ความต้องการจะพูดคุย ถ้าไม่นับครอบครัวก็ไม่เคยคิดถึงใครมากๆแบบนี้เลย
ตอนนี้เขาคิดถึงซอนโฮแบบไหนตัวเขาเองก็ไม่รู้ เขาก็แค่คิดถึง
เขาโตพอที่รู้ว่ามันไม่ใช่การคิดถึงแบบธรรมดาแต่มันมากกว่านั้น
มันคงจะเป็นครั้งแรกที่รู้สึกแบบนี้
เพื่อหลบคิดจากความฟุ้งซ่านที่จะบั่นทอนกำลังใจ
เขาจึงออกจากห้องนอนไปนั่งกับสมาชิกบางคนที่ห้องนั่งเล่น ทีมน้องๆอย่างพี่จีฮุน
พี่จินยอง พี่อูจินก็นอนหลับกันไปหมด
เหลือแต่แดฮวีที่นั่งกดเปียโนจำลองในไอแพดเล่น
ส่วนทีมพี่ๆก็มีพี่จีซองที่นอนเหยียดตัวยาวครึ่งหลับครึ่งตื่นบนโซฟา
พี่แจฮวานไปอาบน้ำ พี่ซองอุนที่นั่งดูทีวีและกินขนม เหลือก็แต่พี่แดเนียล พี่ซองอู
และพี่ชายแสนรักของซอนโฮที่นั่งคุยกันพอจะให้เขามีกิจกรรมร่วมได้
“อ้าว พี่นึกว่านอนไปแล้วซะอีก
มานั่งคุยกันๆ”
“อยู่หอไม่ค่อยได้ยินเสียงน้องหลินเลยนะฮับ
ไม่มั่นใจเรื่องภาษาหรอ พี่รู้หรอกว่าจริงๆนายเป็นคนพูดเก่ง
พูดเยอะๆสิจะได้เก่งเกาหลี จะได้ไปออกรายการวาไรตี้ทอล์คโชว์ด้วยแหละ”
ซองอูเป็นคนทักควานลินคนแรก
และคำแนะนำของแดเนียลต่อควานลิน ทำให้เขาเลือกที่จะนั่งคุยกับพี่ๆทั้งสาม
เผื่อว่าเขาจะได้หายเหงาไปบ้าง แดเนียลกับซองอูเล่าเรื่องขำขันกันในขณะที่น้องเล็กกับพี่หน้าหล่อเอาแต่นั่งขำ
เมื่อเสียงหัวเราะสิ้นสุดลงก็เหมือนว่าเรื่องใหม่ให้พูดคุยควรจะเริ่มต้นขึ้น
“พี่ๆครับ
ถ้าผมอยากจะถามเรื่องไปเรียนหน่อยได้ไหมครับ”
แทนที่ควานลินจะเอาแต่นั่งฟัง
จึงคิดว่าควรจะเป็นฝ่ายพูดบ้างถึงจะไม่ใช่เรื่องสนุกสนานและเป็นปัญหาของเขาก็ตาม
แต่พี่ๆก็คงจะให้คำปรึกษาได้ดีและอาจจะทำให้สนิทกันมากขึ้น
“เออ ตั้งแต่เข้ารายการมานายยังไม่ได้ไปโรงเรียนเลยนี่
ว่าแต่สงสัยอะไรล่ะ”
“ก็อย่างพี่ๆไปโรงเรียนกันยังไงหรอครับตอนมัธยม
แล้วแบบผมก็มีตารางงานแบบนี้จะไปโรงเรียนได้ยังไง
ผมเองก็อยากจะไปโรงเรียนบ้างแต่คงจะมีผลกับตารางงานใช่ไหมละครับ”
แดเนียล ซองอู
และมินฮยอนนั่งฟังปัญหาที่เขานำมาปรึกษาอย่างตั้งใจ
“เรื่องนี้พี่มินฮยอนน่าจะตอบได้นะ
เพราะของพี่ตอนเรียนม.ปลายยังเป็นแค่เด็กฝึกหัด
ตอนเรียนก็ไปปกติมีแค่ตอนเย็นที่ไม่ได้เรียนเสริมเพราะมาฝึกที่บริษัท”
แดเนียลเป็นฝ่ายเริ่มพูดก่อน
“ถ้าควานลินจะเริ่มเรียนม.ปลายตอนนี้
เรียนโรงเรียนปกติคงจะยากนะเพราะไม่มีเวลาไปเรียนแน่ๆ
ถ้าจะเรียนคงต้องเรียนโรงเรียนศิลปะ อย่างที่ดังๆก็ต้อง SOPA หรือ Hanlim รู้จักใช่ไหม อย่างพี่เองก็จบ SOPA
มา ตอนนั้นที่เรียนก็เดบิวต์แล้ว
ก็ต้องมีที่ขาดเรียนบ่อยๆได้ไปเรียนแต่ก็น้อย ก็ต้องตามส่งงาน
เวลาเรียนอาจจะขาดได้นะถ้าบริษัทคุยให้ แต่ยังไงตอนสอบก็ต้องไปสอบนะ
กิจกรรมต่างๆถ้าไปได้ยังไงก็ต้องไป
เดบิวต์ตอนอายุน้อยๆก็ลำบากหน่อยนะถ้าอยากจะเรียนไปด้วย”
ควานลินพอจะเข้าใจมากขึ้นกับสิ่งที่เขาอยากจะทำ
ถ้าเขาหยุดเรียนไปเลยคงจะไม่ใช่ความคิดที่ดีเพราะเกิดว่าวันหนึ่งชื่อเสียงของเขาหมดลงจนไม่มีงานมันก็ยากที่เขาจะไปทำอย่างอื่นหากไร้ซึ่งการศึกษา
ตอนนี้เขาอายุ 16
เขาอยากจะเรียนให้เหมาะสมกับวัยที่เขาควรเป็น
อยากจะมีเพื่อนในวัยเดียวกัน และเขาเองก็อยากจะทำในสิ่งที่รักไปด้วย
“จริงๆถ้าเลือกได้เดบิวต์ตอนสักอายุ 18 ก็น่าจะดีเลยแหละ
ตอนก่อนหน้านั้นเราก็จะได้ไปโรงเรียนมีเพื่อนตามปกติ ตอนเย็นก็ไปฝึก
พี่ว่ามันเป็นช่วงอายุที่ดี
แต่ถึงนายจะเดบิวต์ตอนแค่อายุเท่านี้มันก็ถือเป็นโอกาสที่ดีของนายเหมือนกัน
พี่ก็เดบิวต์ตอนอายุเท่าๆนาย ไม่ต้องห่วงหรอกถ้านายอยากจะเรียนและเป็นไอดอลจริงๆนายทำได้อยู่แล้ว”
พี่มินฮยอนให้คำปรึกษาและคำแนะนำกับควานลินได้อย่างดี
เขารู้สึกมีหวังและกำลังใจมากขึ้น
“นายมีโอกาสก็ต้องรีบคว้านะ
อย่าปล่อยให้นานแบบพี่จีซอง เดี๋ยวแก่ๆแล้วเต้นไม่ไหว”ซองอูพูดนินทาพี่ใหญ่ที่นอนหลับทำเอาคนในวงขำกันเบาๆ
“ไอ้อ๋ง!
ได้ยินนะเว้ย!”
ควานลินต้องเข้าไปที่บริษัทคิวบ์
เอนเตอร์เทนเมนท์เพื่อคุยเรื่องสัญญาของเขากับการทำกิจกรรมกับวง
นอกจากนี้ยังได้คุยเรื่องเรียนแบบที่เขาสงสัย
บริษัทก็ได้แนะนำให้เขาเข้าโรงเรียนศิลปะแบบที่พี่มินฮยอนแนะนำ
ซึ่งก็คงต้องรอเวลาที่จะเปิดรับสมัคร
แม้บริษัทกลัวว่าการเข้าเรียนในตอนนี้ของควานลินจะไม่ค่อยดีนักเพราะระดับอย่างวงวอนนาวันตารางงานคงจะแน่นจนทำให้ลงเรียนก็อาจเหมือนไม่ได้เรียน
แต่เพราะควานลินแน่วแน่อยากจะเข้าจริงๆบริษัทก็สนับสนุน
เวลายังพอเหลือให้ได้พักผ่อนอีกหน่อย
เขาจึงแอบแวะไปที่ห้องซ้อมแต่ก็ไม่มีใครอยู่
ซอนโฮเองก็คงจะไปโรงเรียนหรือไปสัมภาษณ์นิตยสารหรือสำนักข่าวสักแห่งแบบที่เขาพอจะได้เห็นบ้างเมื่อมีโอกาสเข้าเว็บ
หลังจากนั้นจึงได้เดินไปยังล็อกเกอร์เผื่อมีของที่เขาจะต้องหยิบไป
ในตอนนั้นเองก็เหลือมองไปที่ล็อกเกอร์ใกล้ๆ ป้ายแปะชื่อ ‘ยูซอนโฮ’ ผู้เป็นเจ้าของ
ปกติเวลามาตรงนี้ทีไรก็จะเห็นเจ้าของล็อกเกอร์ที่เขาแอบมองกินขนมทุกที
ควานลินนึกบางอย่างออกจึงหยิบสมุดมาฉีกกระดาษเพื่อเขียนข้อความบางอย่างสอดไว้ในล็อกเกอร์ของซอนโฮ
เป็นตอนเดียวกับที่โทรศัพท์ในกระเป๋ากางเกงสั่นเป็นสัญญาณบอกว่าเขาจะต้องไปจากที่นี่แล้ว
หวังว่าซอนโฮจะได้อ่านข้อความที่เขาทิ้งไว้ให้เร็วๆจัง..
ควานลินอ่านบทสัมภาษณ์ต่างๆที่บอกว่าซอนโฮสนิทกับพี่มินฮยอนมากเท่าไรก็ยิ่งน้อยใจมากไปเท่านั้น
แล้วเขาล่ะ? เขาไม่ได้เป็นคนที่ซอนโฮสนิทเลยเหรอ?
เขาคิดไปคนเดียวใช่ไหมว่าเขาสนิทกับซอนโฮ? ดีนะที่ยังไม่ได้ให้สัมภาษณ์กับนิตยสารไปเพราะถ้ามีคำถามแบบนี้แล้วเขาตอบชื่อซอนโฮไปก็คงจะน่าอายแย่
ใช่!
ต่อไปจะไม่พูดแล้วว่าเป็นเพื่อนสนิทกับซอนโฮ! จะไม่เลี้ยงบะหมี่แล้วด้วย!
คิดไปถึงจดหมายที่สอดไว้ในล็อกเกอร์ซอนโฮแล้วมันน่าหงุดหงิดจริงๆ
นี่ก็ทิ้งจดหมายไปให้ตั้งสองวันแล้วด้วยก็ยังไม่มีการตอบกลับมา
จะทักไปก็กลัวว่าจะรบกวนอีก ก็เพราะเขามันไม่ใช่พี่มินฮยอนนี่
หลายครั้งเวลาที่อยู่กับพี่มินฮยอนมันทำให้เขาอึดอัดใจก็เพราะทำให้นึกถึงซอนโฮตลอดว่าทำไมต้องเป็นพี่มินฮยอนด้วย
ถ้าตรงนี้เป็นพี่จงฮยอนที่แสนใจดี เป็นพี่ดงโฮที่เป็นเหมือนพี่ชายแท้
หรือเป็นพี่มินกิที่น่ารัก เขาอาจจะสบายใจกว่านี้ พี่มินฮยอนไม่ใช่ไม่ดี
พี่มินฮยอนก็ดีกับเขาไม่ต่างกับที่ดีกับซอนโฮ
อย่างเมื่อวันก่อนที่พี่มินฮยอนยังให้คำแนะนำเรื่องเรียนเลย
แต่หลายครั้งก็เหมือนโดนแย่งความสนใจจากคนสำคัญ เลยทำให้หงุดหงิดอยู่ในใจ
วันนี้มีการให้สัมภาษณ์กับสำนักข่าวซึ่งเป็นการสัมภาษณ์แบบเดี่ยว
ควานลินกังวลว่าจะใช้คำผิดๆถูกไหม หรือจะฟังคำถามเข้าใจหรือเปล่า
แต่เพราะมีการให้เตรียมตัวก่อนทำให้ได้รู้คำถามบางส่วนก่อนเข้าไปตอบสัมภาษณ์
และอย่างที่ควานลินคิดเอาไว้ มีคำถามที่ว่า
‘ตอนในรายการสนิทหรือชื่นชอบใครเป็นพิเศษ’ ใจหนึ่งเขาก็อยากจะตอบแบบที่ยังไงหัวใจก็ต้องตอบคนนี้
แต่อีกใจก็น้อยใจเกินกว่าจะให้ตอบชื่อนั้นออกมา
“ควานลิน มีอะไรให้พี่ช่วยไหม
ถ้ามีปัญหาเรื่องใช้คำยังไงก็ถามพี่ได้นะ”
พี่มินฮยอนที่เดิมทีอยู่ห่างไม่ใกล้ไม่ไกลจากหนุ่มน้อยร่างสูงชาวไต้หวันเดินมาถามด้วยความห่วงใยเมื่อเห็นสีหน้าที่ดูแน่นิ่งไปเมื่ออ่านแผ่นกระดาษคำถามสำหรับสัมภาษณ์ในมือ
ควานลินสะดุ้งเล็กน้อยเมื่อมินฮยอนเดินเข้ามาใกล้ๆแบบที่เขาไม่ทันตั้งตัว
มันก็จริงที่ว่าบางคำในกระดาษนี้เขาอ่านแล้วก็ไม่เข้าใจและเขาควรจะได้ความช่วยเหลือ
ซึ่งความช่วยเหลือที่เขาอยากได้นั้นก็มาหาเขาแล้วตอนนี้ แต่.. ไม่รู้สิ
เขารู้สึกไม่อยากได้มันจากพี่มินฮยอน ก็พี่มินฮยอนน่ะดีจนซอนโฮชอบพี่เขามากๆ
ถ้าเขาไปเข้าใกล้พี่มินฮยอนก็อาจจะเท่ากับเขายอมเรื่องซอนโฮ
ถึงรู้ว่าคิดแบบนี้มันจะไม่ดีสักเท่าไรแต่ควานลินสัญญากับตัวเองว่าจะเป็นคนไม่มีเหตุผลแบบนี้กับคนๆนี้แค่คนเดียวเท่านั้น
“ผมเข้าใจครับ
ยังไงก็ขอบคุณนะครับที่จะช่วยเหลือ”
ว่าจบควานลินก็ฝืนยิ้มส่งให้พี่ชายที่แสนดีสำหรับซอนโฮ
อีกฝ่ายก็ยิ้มและพยักหน้าตอบรับก่อนจะเดินไปเตรียมตัวสัมภาษณ์ในส่วนของตัวเอง
ควานลินหันหลังไปเจอแดฮวีที่เดินมาได้เวลาเสียดิบดีที่จะมาตอบปัญหาภาษาเกาหลีของเขา
“แดฮวี ถามหน่อยสิ ถ้าจะบอกว่า I’m
so lonely.I want someone to play basketball with me ภาษาเกาหลีนี่ต้องพูดว่ายังไง”
“เอ้า
แล้วเมื่อกี๊พี่มินฮยอนถามไม่ถามเขาไปล่ะ”
“ก็..
เพิ่งนึกออกว่าแปลเป็นภาษาเกาหลีไม่ได้ ตอนคิดมันคิดเป็นภาษาจีนอ่ะ”
แดฮวีช่วยแปลประโยคภาษาอังกฤษของควานลินให้เป็นภาษาเกาหลีที่สมบูรณ์แบบ
ไม่ใช่แค่คำตอบที่จะให้สัมภาษณ์ แต่ยังมีคำถามบางคำถามที่ควานลินไม่เข้าใจด้วย
แดฮวีนึกสงสัยว่าที่ควานลินบอกว่าเขาเพิ่งนึกคำตอบออกว่าแปลไม่ได้เป็นเรื่องจริงหรือว่าโกหก
สังเกตหลายครั้งแล้วว่าควานลินดูจะลังเลหรือคิดแล้วคิดอีกในทุกครั้งที่จะอยู่หรือคุยกับพี่มินฮยอน
แต่ก็ไม่กล้าถามตรงๆว่ามีอะไรหรือเปล่า
ถ้าเจอเหตุการณ์น่าสงสัยอีกสักครั้งหนึ่งก็คงจะได้ถามเข้าสักครั้ง
ลำดับการสัมภาษณ์ก่อนหน้าควานลินก็คือพี่มินฮยอน
ร่างสูงหล่อไปยืนแอบฟังการสัมภาษณ์อย่างเงียบๆ
ก็แค่อยากรู้ว่าแล้วพี่มินฮยอนจะตอบคำถามเรื่องคนสนิทอย่างไร
‘มีใครในรายการที่คุณสนิทด้วยไหมครับ’
‘เยอะมากเลยครับ
แต่ให้เลือกจริงๆนอกจากนิวอีสแล้วก็มีแจฮวานครับ ตั้งแต่รอบ Group Battle มาจนรอบสุดท้ายได้อยู่ด้วยกันตลอดแถมยังได้เดบิวต์ด้วยกันอีก
แล้วก็มีฮยอนบินกับซอนโฮที่มาเกาะติดครับ ปัจจุบันก็ยังได้คุยกันบ่อยๆถ้ามีเวลา’
อย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด
ยังไงก็ต้องมีซอนโฮ แล้วที่บอกว่าคุยกันบ่อยๆแปลว่าอะไร
ทำไมพี่มินฮยอนถึงได้คุยกับซอนโฮบ่อยๆตแต่กับเขาแทบจะไม่ได้คุยกัน
เอาเวลาไปให้คนอื่นหมดยกเว้นแต่กับเขา
ผ่านมาไม่ทันไรสิ่งที่พูดกันไว้ลืมไปแล้วหรือไง?
คำสัญญาที่ให้ไว้มันยังมีความหมายอยู่ไหม
ยูซอนโฮ?
ไลควานลิน นายคงสำคัญตัวเองผิดไปจริงๆ
หลังจบตารางงานประจำวัน
สมาชิกกลับหอมาแยกย้ายทำเรื่องต่างๆของตัวเองตามอัธยาศัย
ถึงบอกตัวเองว่าไม่อยากสนใจซอนโฮแล้ว
แต่ในมือก็ยังคงก้มมองหน้าจอแชทระหว่างเขากับคนที่คอยกวนใจว่าทำไมมันถึงได้ไร้วี่แววการตอบกลับ
นี่มันก็ห้าวันแล้วหลังจากที่ทิ้งจดหมายไว้ในล็อกเกอร์
เขาควรจะส่งอะไรไปสักหน่อยไหมเป็นสัญญาณว่า ‘เรามาคุยกันเถอะ’
เพราะต่อให้น้อยใจยังไงเขาก็ไม่อยากปล่อยให้ตัวเองทรมานไปมากกว่านี้
ระหว่างที่กำลังนั่งคิดถึงความสับสน
เรดาร์ของควานลินจับได้ถึงพลังงานบางอย่างที่กำลังมุ่งตรงมาที่เขา
พลังงานของจักรพรรดิผู้ครอบครองหัวใจสาวๆที่พวกเธอเรียกกันว่า ‘ฝ่าบาท’
พี่มินฮยอนเหมือนจะเดินมาหาเขา..
เมื่อพี่หน้าหล่อค่อยๆนั่งลงตรงที่ว่างข้างๆเขา
ควานลินรีบพุ่งตัวลุกขึ้นจากโซฟาอย่างแรงจนพลาดเสียหลักล้มฟาดตึงเอากับพื้น
ทำเอาคนเพิ่งมาตกใจกับการกระทำของควานลินที่นั่งอยู่ดีๆก็ดันล้มไปนอนกองกับพื้นเสียเสียงดัง
“ตกใจหมด! เป็นอะไรหรือเปล่าควานลิน”
“อ๋อเปล่าครับเปล่า
คือผมเพิ่งคิดออกว่าอยากจะถามอะไรแดฮวีหน่อย ขอตัวนะครับ”
“แน่ใจ...”
คนล้มไม่ได้ตอบใดๆแต่รีบลุกขึ้นแล้วเดินจากตรงนั้นไป
แม้จะเปล่งเสียงออกมาไม่ได้แต่สีหน้าแห่งความเจ็บปวดที่แสดงออกมามันทำให้รู้แน่ว่าจริงๆล้มแล้วเจ็บปวดร่างกายเพียงใด
ย้ายตัวจากโซฟานั่งเล่นไปนั่งตรงโต๊ะอาหารที่แดฮวีกำลังนั่งอยู่
แม้ซีรีย์ในไอแพดที่ตั้งบนโต๊ะอาหารจะยังคงเล่นเคลื่อนไหวอยู่แต่ตาเล็กๆของคนที่โต๊ะอาหารก็ไม่ได้มองไปยังหน้าจอนั้นแม้แต่น้อย
แต่กลับมองมาที่มักเน่ที่พิ่งนั่งลงที่เก้าอี้ว่างข้างๆ
ศีรษะแดฮวีหันหมุนไปมาสลับระหว่างคนตัวสูงที่เพิ่งมานั่งกับตน
สลับกับพี่หน้าหล่อที่เพิ่งไปนั่งตรงโซฟาที่ๆเจ้าคนข้างๆเดินจากมา อีแดฮวีผู้มีเซนส์อันล้ำลึกและช่างสังเกตคิดว่ามันต้องมีอะไรบางอย่างระหว่างทั้งสอง
ตั้งแต่พี่มินฮยอนออกมาจากห้องนอน
ไลควานลินก็นั่งนิ่งราวกับถูกเอลซ่าแช่แข็งเหมือนรู้ว่าพี่จะเดินมาใกล้ก็รีบจะหนีจนเสียหลักถึงกับล้ม
เขามองอยู่ตลอดนั่นแหละ
หึ! คราวนี้แหละเขาจะต้องรู้ให้ได้!
“เอายาไหม จะไปหยิบให้
ถ้านายมีแผลรับรองโดนบ่นแน่”
“ไม่ขนาดนั้นหรอก
ไม่ได้ล้มแรงมากสักหน่อย”
“จ้ะ ไม่แรงเลย
เสียงดังกว่าตึกถล่มก็ไลควานลินล้มนี่แหละ”
แดฮวีไม่วายจะขอประชดด้วยความหมั่นไส้ของคนปากแข็งนี่สักที
ปากบอกกับพี่หน้าหล่อว่าไม่เป็นอะไร บอกกับเขาว่าไม่ได้ล้มแรง
แต่มือนี่หยุดถูขาบรรเทาความเจ็บที่กระแทกกับพื้นกับพื้นไม่ได้เลย
“นี่ ถามจริง ไม่ชอบพี่มินฮยอนเหรอ”
คำถามที่ตรงและไม่น่าตอบขนาดนี้ทำเอาคนโดนถามถึงกับอึ้งและนิ่งไป
ไม่เคยมีคนถามเขาตรงแบบนี้มาก่อน มันเป็นคำถามที่บอบางมากในการเลือกจะตอบ
ถึงจริงๆจะรู้ว่ารู้สึกยังไงแต่ก็ไม่มีคำตอบไหนที่จะมาอธิบายว่ารู้สึกยังไง
อธิบายไม่ถูกสำหรับความรู้สึกที่มีต่อพี่คนนี้
“อะไรทำให้คิดแบบนั้น”
“หลายเรื่อง ก็ตั้งแต่ในรายการก็สังเกตว่านายไม่ค่อยคุยกับพี่เขา
โดยเฉพาะเวลาซอนโฮอยู่กับพี่มินฮยอน
จริงๆนายควรจะเข้าไปคุยด้วยเพราะนายอยากคุยกับซอนโฮแต่นายก็เลือกที่จะมองห่างๆ
ตอนรอบประกาศผลนั่นก็ด้วย แล้วยังมีตอนเช้าที่ไปสัมภาษณ์กับสำนักข่าวอีก
ตอนที่พี่เขาจะช่วยนายแล้วนายปฏิเสธพี่เขาแต่นายดันมาหาขอให้ฉันช่วยแทน
ล่าสุดก็คือเมื่อกี๊ไงที่นายหนีพี่เขา”
แดฮวีก็ดูไม่ได้ว่างขนาดจะมานั่งมองใครตลอดเวลา
แต่สำหรับเรื่องควานลินมันน่าสนใจจนทำให้คิดเรื่องบางอย่างออก
เขาก็พอจะเสียสละเวลาส่วนตัวสักหน่อยมานั่งเก็บรายละเอียดเรื่องนี้ไว้เผือกแบบเงียบๆ
ควานลินนั่งยู่ปากหน่อยๆ
ไม่มีคำตอบให้แดฮวี เหมือนหนักใจที่จะพูดบางสิ่ง
“ขอเดา
นายไม่โอเคกับพี่เขาเพราะเรื่องซอนโฮสินะ”
“ก็.. ไม่ใช่แบบนั้น”
“อ่ะงั้นถามใหม่
นายไม่โอเคกับพี่มินฮยอนเพราะเขามาสนิทกับซอนโฮ ซึ่งนายกลัวว่าซอนโฮจะชอบพี่เขา
เพราะนายชอบซอนโฮ แบบนี้ใช่ไหม”
บางทีแดฮวีก็เก่งไปเสียทุกเรื่องจนน่ากลัว
ขนาดอ่านใจเขาก็ยังอ่านได้ตรงประเด็นและสรุปใจความไปได้อย่างรวบรัด
ควานลินพยักหน้าขึ้นลงช้าๆเป็นคำตอบแทนคำพูดให้อีกฝ่าย
เขาคิดว่าแดฮวีก็คงรู้เรื่องมากพอและรู้มากกว่าใครๆ แถมอายุที่เท่ากันก็ถือว่าเป็นเพื่อนที่เขาไว้ใจ
ดูเหมือนแดฮวีจะรู้มานานแล้วด้วย
“ฉันว่านายคิดมากไปนะ
ซอนโฮเขาไม่ชอบพี่มินฮยอนไปมากกว่าพี่ชายหรอก
แล้วพี่มินฮยอนก็คงไม่ได้ชอบซอนโฮแบบที่นายชอบด้วย
น้องสนมโฮก็เป็นได้แค่สนมของฝ่าบาทเท่านั้นแหละ เทียบกับพี่มเหสีจงฮยอนไม่ได้หรอก”
แดฮวีพูดตามความคิดของตน
ซึ่งใครๆเองก็คงคิดเช่นเดียวกัน ถ้าเทียบสายตาของความลึกซึ้งหรือท่าทีที่แสดงออก
สำหรับแดฮวีแล้ว
สิ่งที่ซอนโฮแสดงออกกับพี่มินฮยอนมันน่าเอ็นดูตามแบบของเด็กขี้อ้อนติดพี่
แต่กับที่ซอนโฮแสดงออกต่อควานลินมันมากกว่านั้น มันซับซ้อนแบบที่คนแอบชอบเขาไม่แสดงออกมาให้เห็นชัดเจนตรงๆว่ามีใจ
แบบที่คนปากแข็งอย่างควานลินเองทำ
ไม่แน่ใจนักหรอกว่าซอนโฮจะชอบควานลินแบบที่เขาคิด
แต่ถ้ามันไม่ผิดฝ่ายนั้นก็คงยกใจให้ฝ่ายนี้แล้วแน่นอน
“แต่ซอนโฮก็ไม่ชอบฉัน”
“เคยถามหรือไง คิดเองแล้วจะรู้หรอ”
“I can’t ask him
directly”
“If you can’t,nobody
can’t too!! If you wanna know,you
must ask Seonho by yourself! You must do it by yourself!”
เรื่องความรัก อยากจะให้โรแมนติค
ก็ต้องถามเขาเองสิ จริงไหม?
นั่งคนเดียวตอนดึกๆทีไรทำไมสมองเขาไม่เคยโล่งสักที
จริงๆวันนี้ทำงานมาเหนื่อยเขาควรจะอยากนอนสิ ทำไมสมองมันวนเวียนคิดแต่คำพูดของแดฮวีที่คุยกันเมื่อวันก่อน
จะถามไปตรงๆน่ะเหรอ ถามยังไงดีล่ะ แล้วควรจะถามตอนนี้หรือเปล่า
ห่างกันมาสักพักแล้วจู่ๆจะให้ไปถามเลยว่าชอบฉันไหมก็คงแปลกเกินจะคิด
"ควานลิน
อยากไปเล่นบาสกับพี่ไหม"
พี่หน้าหล่อหยุดลงตรงที่เตียงนอนของเขา
ควานลินหันมองหน้าด้วยความสงสัยว่าคิดยังไงถึงมาชวนเขาไปออกกำลังกายดึกๆดื่นๆแบบนี้
มันก็ดีถ้าเขาจะออกไปทำให้เขาเหนื่อยจนอยากนอนแทนจะมานั่งฟุ้งซ่านนอนไม่หลับแบบนี้
อีกอย่างเขาก็เพิ่งให้สัมภาษณ์ไปว่าเขาอยากจะมีเพื่อนเล่นบาส ก็เหมาะกับที่พี่มินฮยอนมาชวน
ใจหนึ่งก็อยากไป แต่ใจที่รั้งไม่อยากไปก็เพราะพี่คนนี้ชวนนี่ละ
"พี่ผู้จัดการจะไม่ว่าหรอครับ"
"ไม่รู้สิ
แต่นายไม่อยากเล่นหรอ"
"งั้นไปผมไปด้วยครับ"
ควานลินยอมแหกกฎของผู้จัดการวงเรื่องที่ห้ามออกไปไหนตอนดึกๆโดยไม่ได้รับอนุญาต
แม้มันจะเป็นกฎที่จำกัดอิสรภาพไปหน่อยแต่มันก็เป็นกฎที่ดีและสร้างความปลอดภัยให้ตัวเขาเอง
"มีแค่เราสองคนหรอครับ"
ทีแรกก็นึกว่าสมาชิกคนอื่นที่ไม่ได้นอนหลับอยู่ในห้องเดียวกันกับเขาจะมารอเล่นที่สนามบริเวณหน้าหอพัก
แต่พอมองไปรอบๆกลับมีแค่เขากับพี่มินฮยอนแค่เพียงสองคน
"คนอื่นหลับกันหมดแล้วนี่"
มินฮยอนว่าจบก็เริ่มเดาะลูกบาสวิ่งไปรอบๆสนาม
ควานลินเลิกที่จะสงสัยเรื่องอื่นมาสนใจการเล่นบาสแมทช์นี้
ดูจากท่าทางแล้วพี่มินฮยอนคงจะไม่ใช่เล่นๆอยู่
การได้เจอคนที่เล่นบาสเก่งๆแบบนี้มันทำให้เขาสนุกที่จะเล่นไปอย่างไม่รู้จบ จนเวลาผ่านไปเสียงหอบที่ดังขึ้นและการวิ่งที่แผ่วช้าลง
ทั้งคู่จึงตัดสินใจหยุดพักการเล่นนี้ เดินไปนั่งพักยังริมสนามแทน
"ได้คุยกับซอนโฮบ้างไหมเนี่ย"
พักเหนื่อยไม่ทันไร พี่มินฮยอนก็ชวนคุยเรื่องที่ควานลินไม่ได้คาดคิดมาก่อน
"นานๆทีน่ะครับ
แต่พี่มินฮยอนคงได้คุยบ่อยใช่ไหมครับ ผมได้ยินที่พี่ให้สัมภาษณ์"
"ก็เจ้าลูกเจี๊ยบเอาแต่เกาะแกะน่ะสิถึงได้คุยบ่อย"
"ดีจังเลยนะครับที่พี่มินฮยอนได้คุยกับซอนโฮบ่อยๆ"
แม้ปากจะยิ้มให้กับคำที่พึ่งพูดออกไป
แต่มันก็เป็นการฝืนทั้งนั้น ไม่ได้รู้สึกอย่างที่พูดออกไปสักนิดเดียว
"ถ้าอยากคุยกับเขา
ทำไมไม่โทรไปหาล่ะ ทักแชทก็ได้"
"..."
"มีเรื่องอะไรบอกพี่ได้นะ
คุยกับพี่ตรงๆเถอะ พี่ว่านายต้องค้างคาใจกับบางอย่างแน่ๆ"
ไม่ใช่ว่าไม่รู้กับสิ่งที่น้องเล็กตอนนี้ของเขาคิดหรือรู้สึก
มินฮยอนสัมผัสมันได้ตั้งหลายครั้งและเขามั่นใจว่าระหว่างเขากับควานลินมันต้องมีเรื่องสักอย่างที่ทำให้ไม่สนิทกันเท่าที่ควร
ท่าทีที่แสดงออกหรือการกระทำหลายๆอย่างของควานลินที่ปฏิบัติต่อเขามันน่าอึดอัดแต่มันยังไม่มีโอกาสจะได้คุยกันแบบนี้
ทีแรกคิดว่าไม่อยากถามให้ความสัมพันธ์มันแย่ไปกว่าเดิม
แต่ถ้าไม่ถามสิเขาคิดว่ามันคงแย่ไปกว่านี้อีก ก็คงจะไม่เข้าใจแบบนี้ไปตลอด
ถึงวอนนาวันจะไม่ใช่วงที่ถาวร
แต่ก็ต้องอยู่ด้วยกันไปอีกปีกว่าๆจะให้อยู่กันแบบนี้เขาคงทนไม่ไหว
อีกอย่างเขาก็เอ็นดูควานลินที่เป็นคนใจดีและเก่งได้ขนาดนี้แม้จะฝึกมาแค่ไม่นานและอายุเท่านี้
มินฮยอนไม่เคยรู้สึกไม่ดีกับควานลิน แต่เขาคิดว่าอีกฝ่ายคงจะรู้สึก
“พูดมาเถอะ
ไม่ว่าจะอะไรพี่รับฟังได้หมด ขอแค่นายพูดให้พี่ได้เข้าใจนายทีเถอะ”
"จริงๆผมอิจฉาพี่มากเลย
ผมกับซอนโฮเคยสนิทกันเพราะมาจากค่ายเดียวกันฝึกมาด้วยกัน
แต่พอเข้ารายการมันมีช่วงที่ห่างกัน พอได้กลับมาอยู่ด้วยกันแค่แปปเดียวก็ต้องย้ายกลุ่มกันอีก
ยิ่งเขาต้องเรียกผมว่าพี่มันรู้สึกว่าเขาเปลี่ยนมาเป็นเคารพผม
แต่ทั้งๆที่พี่มินฮยอนเองก็เป็นพี่แต่ซอนโฮก็สนิทกับพี่มากเลย คุยกับพี่ก็เยอะ
เอาแต่พูดถึงพี่
ถึงซอนโฮจะพูดกับผมครั้งสุดท้ายตอนวันประกาศผลว่าจะไม่ลืมหรือสนิทกันน้อยลง แต่กลายเป็นตอนนี้แทบไม่ได้คุยกัน
ผมนึกว่าเขายุ่งกับงานของเขาจนไม่มีเวลาคุย
แต่ผมก็ได้รู้ว่าเขายังติดต่อกับคนอื่นๆได้ เขายังคุยกับพี่ได้อย่างปกติ
แต่ไม่มีผมเลยที่ซอนโฮจะคุยด้วย พี่รู้ว่าซอนโฮเป็นยังไงบ้าง
แต่ผมได้แต่ฟังเอาจากพี่หรืออ่านเอาจากบทสัมภาษณ์ ผมไม่ได้ไม่ชอบพี่นะครับพี่มินฮยอน
แต่ผมแค่.. ผมว่าผมคงจะอิจฉาพี่ แล้วก็คงจะน้อยใจซอนโฮ..
ขอโทษนะครับที่ผมรู้สึกแบบนี้กับพี่ มันไม่ดีเลย"
สิ่งที่ติดค้างในใจควานลิน
วันนี้เขาได้พูดมันไปแล้ว เป็นความในใจที่ยาวแต่มินฮยอนก็รับฟังมันทุกประโยค
แน่นอนว่ามินฮยอนเข้าใจความรู้สึกควานลินเป็นอย่างดี
ทำไมเขาจะไม่เคยรู้สึกแบบที่ควานลินกำลังเป็นอยู่ล่ะ
ตอนอยู่ในรายการเขาก็เป็นออกจะบ่อย บางทีตอนนี้เขาก็ยังเป็นอยู่ด้วยซ้ำ
"ไม่เลยควานลิน
พอได้ฟังแล้วพี่เข้าใจถ้านายจะไม่โอเคกับพี่ ถ้ามีคนมาสนิทกับเพื่อนพี่มากกว่าพี่
พี่ก็คงไม่โอเคกับคนนั้นเหมือนกัน นายอาจจะคิดมากเพราะซอนโฮเขาคงไม่เคยบอกนาย
แต่พี่จะบอกอะไรให้นะควานลิน จริงๆซอนโฮเขารักและห่วงนายมากกว่าใคร
มากกว่าที่นายเข้าใจว่าเขาเอาแต่ห่วงพี่ ตอนในรายการที่นายเห็น
สิ่งที่เขามักจะคุยกับพี่เวลากล้องไม่จับคือการถามว่าในเมื่อซอนโฮต้องเรียกนายว่าพี่ถ้าเขาแสดงออกแบบเดิมจะดีไหม
คนดูจะว่าหรือเปล่า
แล้วนายก็ไม่ค่อยได้อยู่ทีมเดียวกับเขาก็เห็นว่านายไปสนิทกับคนอื่น
เขากังวลและรู้สึกกลัวว่าไม่สนิทกันเหมือนเดิม วันที่ประกาศผล
ซอนโฮลากพี่ไปไกลๆกล้อง สิ่งที่เจ้าเด็กนั่นควรจะพูดกับพี่คือคำว่ายินดี แต่รู้ไหมว่าซอนโฮพูดว่าอะไร?
สิ่งแรกที่เขาพูดกับพี่คือบอกให้พี่ดูแลนายให้ดี"
ควานลินเงียบไปไม่ได้โต้ตอบ
มินฮยอนล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบเครื่องมือสื่อสารที่เรียกว่าโทรศัพท์ขึ้นมาสไลด์ไปมาแล้วยื่นมันให้กับควานลิน
"พี่ไม่อยากให้นายเข้าใจพี่กับซอนโฮผิดนะ
ถ้าระหว่างพี่กับซอนโฮจะมีเรื่องราวอะไรให้คุยกัน
มันก็คงเป็นเรื่องของเด็กจากไต้หวันคนเดียวนี่ละ"
ควานลินรับโทรศัพท์มาจากมือเจ้าของ
บนหน้าจอเปิดโปรแกรมแชทของเจ้าของโทรศัพท์กับคนอีกคน ซึ่งมันเป็นชื่อของ ‘ซอนโฮ’
และข้อความอีกมากมายที่คอยแต่ให้มินฮยอนทำแบบนั้น
ทำแบบนี้เพื่อควานลิน
และเขาก็รู้เหตุผลที่มินฮยอนชวนออกมาเล่นบาสวันนี้
และเหตุผลที่ซอนโฮไม่ตอบข้อความเขา
ควานลินไม่รู้จะรู้สึกยังไงกับสิ่งที่ซอนโฮและพี่มินฮยอนทำเพื่อเขามาตลอด ถ้าเขารู้เขาคงไม่มีทางจะรู้สึกไม่ดีกับพี่ชายที่แสนดีแบบนี้ พี่ที่ยอมทำตามคำขอคนอื่นและคอยช่วยเหลือเขา เขาไม่แปลกใจเลยที่ทำไมใครๆถึงได้ชอบพี่มินฮยอน ทำไมซอนโฮถึงได้ชอบพี่ชายคนนี้นักหนา และเขาก็รู้แล้วว่าเขาคิดน้อยใจซอนโฮไปแบบผิดๆแบบที่เขาไม่เคยถามอะไรอีกฝ่ายเลยแบบที่แดฮวีบอก
"ผมขอโทษที่อิจฉาพี่มินฮยอนนะครับ ผมต้องขอบคุณที่พี่ดูแลผมมาตลอด"
"ขอบคุณซอนโฮที่ห่วงนายขนาดนี้ดีกว่า แต่ถึงเจ้าลูกเจี๊ยบจะไม่สั่งการมาแบบนี้ยังไงพี่ก็ดูแลนายอยู่แล้ว.. กลับกันเถอะ น่าจะดึกมากแล้ว โดนจับได้ละแย่แน่เรา"
พี่มินฮยอนเป็นฝ่ายลุกขึ้นก่อน
และยื่นมือมาช่วยควานลินให้ลุกขึ้นอย่างง่ายดาย
ถ้าเป็นก่อนหน้าเขาคงจะปฏิเสธมือของพี่คนนี้ แต่ตอนนี้ถ้าทำแบบนั้นเขาคงโกรธตัวเอง
มีคนดีด้วยแบบนี้จะไม่ดีตอบได้ยังไง
"ถึงจะยังไม่ได้เดบิวต์แต่ซอนโฮก็ป๊อปมากเลยนะ
อีกหน่อยเดบิวต์ไปคงมีคนมาสนใจให้เลือกเยอะแหง.. "
จู่ๆมินฮยอนก็พูดขึ้นท่ามกลางความเงียบที่ไร้ซึ่งบทสนทนาระหว่างพวกเขา
ควานลินหันไปมองหน้ามินฮยอนอย่างงงๆกับสิ่งที่อีกคนต้องการจะสื่อ
"ทำอะไรได้ก็ทำนะ
ก่อนที่จะมีใครมาเอาซอนโฮไป"
"มีไอดอลเคยโดนลักพาตัวหรอครับ"
มินฮยอนหัวเราะกับความใสซื่อของควานลินที่แปลภาษาเกาหลีของเขาไปแบบนั้น
"ไม่มีใครเขาลักพาตัวหรอก
แต่พี่ว่าซอนโฮเขาโดนขโมยหัวใจไปแล้วล่ะ
ไม่งั้นก็คงไปทิ้งหัวใจไว้ที่ใครบางคนแล้วละม้าง~"
"คือ..
แปลว่าซอนโฮกำลังชอบใครอยู่ใช่ไหมครับ"
"ไม่รู้สิ
ที่แน่ๆก็คือไม่ใช่พี่ ถ้านายไม่คิดไปสงสัยคนอื่นละก็นะ
พี่ว่าคำตอบมันชัดเจนจนไม่รู้จะชัดยังไงแล้วล่ะ"
หลังได้ไปออกกำลังกายยามดึกและได้ปรับความเข้าใจกับพี่ชายที่เคยอึดอัดใจ
รวมไปถึงได้คุยเรื่องบางอย่างที่ทำให้จิตใจกลับไปว้าวุ่นอีกครั้งแถมมากกว่าเดิมกับเรื่องของคนๆเดิม
ควานลินกลับมานั่งจ้องมองรายชื่อและเบอร์โทรศัพท์ที่เปิดขึ้นมาอยู่แบบนั้น
ปลายนิ้วลอยอยู่เหนือสัญลักษณ์สัมผัสให้โทรออกแต่ไม่รู้ว่าควรจะกดลงไปให้สายนั้นโทรออกทำงานเมื่อไร
ตอนเช้ายังไงก็คงจะไม่ได้โทรไปแน่เพราะมีตารางงานตอนเช้า
แต่ตอนนี้ก็จะตีสองแล้วถ้าโทรออกไปไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะนอนหรือยัง
สุดท้ายใจมันก็สั่งให้นิ้วกดลงที่บนหน้าจอ โทรศัพท์เปลี่ยนมาแนบที่หู
เสียงต่อสายดังขึ้นหลายครั้งต่อหลายครั้ง ถ้าเทียบกับเวลาที่ทำให้เขารอคอยมันช่างผ่านไปนานนักหากเทียบกับใจที่เต้นเร็วจนไม่สามารถคำนวณเป็นอัตราได้
ก็หวังว่าจะไม่หัวใจวายไปก่อนจะได้ยินเสียงปลายสายรับสายออกมาทีเถอะ
(“สวัสดีครับ”) สัญญาณการต่อสายได้หายไป
แปรเปลี่ยนมาเป็นเสียงเจ้าของเบอร์ปลายทางที่เปล่งออกมาเบาๆ
“นายหลับหรือยัง”
(“อันนี้พี่ควานลินใช่ไหม
เสียงควานลินใช่ป่าว”)
“ใช่
ฉันเอง นี่นอนอยู่เหรอ งั้น.. ฉันวางสาย..”
“ไม่เอา
อย่าเพิ่งวางสิ”
ความคิดที่คิดว่าเขากำลังรบกวนเวลาพักผ่อนของอีกฝ่ายนั้นก็คงจะแค่เขาคิดไปเองเมื่อซอนโฮตอบกลับมาแบบนี้
ความเงียบทางไกลระหว่างทั้งสองเกิดขึ้นเมื่อหลังจากนั้นก็ไม่ได้มีใครพูดอะไรต่อ
ควานลินสมควรจะเป็นคนเริ่มบทสนทนาที่ต้องการจะพูดคุยอันเป็นเหตุให้มีการโทรหากันเกิดขึ้น
แต่เขาก็ไม่รู้ว่าจริงๆควรจะพูดอะไร
มันเป็นเพราะพี่มินฮยอนบอกว่าเขาควรจะทำอะไรบางอย่าง
และสิ่งเดียวที่เขาคิดได้ก็คือสิ่งที่เขากำลังทำอยู่ตอนนี้
คือการให้อีกฝ่ายได้ยินเสียงเขา
“ไม่ได้คุยกันนานมากเลยนะ
ซอนโฮ”
“นั่นสิ
เดี๋ยวนี้พี่เป็นซุปตาร์แล้ว ยุ่งมากเลยใช่ไหม”
“ก็ยุ่ง
แต่ฉันก็มีเวลา..เอ่อ.. ฉันไปเล่นบาสกับพี่มินฮยอนมาเมื่อกี๊
แล้วก็..ฉัน..ฉันว่าฉัน.. มีเวลาว่างให้คุยกับนายในตอนกลางคืน”
“...”
“แล้ว..
ฉัน.. เอ่อ.. แบบฉันมีเวลาที่ว่าง.. มีเวลาให้คิดถึงนาย”
ขนาดเขาไม่ได้เป็นคนฟังเขายังรู้สึกว่ามันเป็นประโยคที่จับใจความได้ยาก
การพูดอ้ำๆอึ้งๆไม่ใช่แค่เพราะมันเป็นคำพูดที่เขาไม่เคยพูดและไม่รู้จะเรียบเรียงให้สวยงามได้อย่างไร
แต่มันยังเพราะทำให้เขารู้สึกตื่นเต้นที่จะต้องพูดมันให้อีกฝ่ายฟังโดยที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะเข้าใจหรือรู้สึกแบบที่เขารู้สึกไหม
“พี่มินฮยอนให้อ่านแชทนายแล้ว
ฉันถึงได้รู้ว่านายก็ยังคอยดูแลฉันอยู่ห่างๆมาเสมอ แล้วพี่มินฮยอนก็พูดบางอย่างให้ฉันสงสัยว่านายคงจะชอบใครสักคนอยู่
มันก็เลยทำให้ฉันคิดว่า วันนี้ฉันต้องโทรหานาย”
“เพราะอยากรู้ว่าผมชอบใครเหรอ”
“ฉันโทรหานายเพราะว่าฉัน..”
เขาควรจะพูดมันออกไปไหม
สำหรับสิ่งที่เขาอยากจะพูด
“ฉันคิดถึงซอนโฮ
คิดถึงมากๆ คิดถึงมาตลอด แต่ฉันไม่เคยกล้าที่จะโทรไปบอกนาย ที่วันนี้ฉันกล้าเพราะคิดว่าถ้าเก็บมันไว้ต่อไปฉันคงคิดถึงจนเป็นบ้าแน่ๆ
แล้วฉันควรจะทำอะไรสักอย่าง ก่อนที่นายจะชอบใครคนนั้นไปมากกว่านี้”
สุดท้ายก็ไม่สามารถเก็บสิ่งที่อยู่ในใจไว้ได้ต่อไป
เขายอมรับว่าการที่ได้ให้อีกฝ่ายได้รู้มันทำให้เขาสบายใจมากขึ้นกว่าการรับรู้มันคนเดียว
และเขาได้ทะลายกำแพงที่คอยกั้นไม่ให้เขาจะเอ่ยคำว่า ‘คิดถึง’ นั้นลงไปก็ด้วยความ ‘คิดถึง’
ที่มีอานุภาพรุนแรงของมันเอง
(“ผมว่าพี่มินฮยอนคงบอกให้พี่รู้แล้วว่าพี่ควรสบายใจได้
ถ้าพี่ไม่คิดสงสัยคนอื่น”)
“ก็เพราะคนนั้นไม่ใช่คนอื่นแต่เป็นสมาชิกวอนนาวันที่ฉันสนิทไง
นายคิดว่าฉันควรจะสบายใจกว่าเดิมเหรอ
ตอนแรกคิดว่านายชอบพี่มินฮยอนคนเดียวก็แย่อยู่แล้ว นี่ยังต้องไปสงสัยพี่แดน
พี่ซองอู พี่จีซอง พี่แจฮวาน พี่ซองอุน พี่อูจิน พี่จินยอง พี่จีฮุน
หรือแดฮวีเพิ่มอีก สิบเท่าของความไม่สบายใจของเดิมเลย”
(“โอ๊ย
พี่นี่มัน.. พี่มินฮยอนบอกพี่เหรอว่าเป็นสมาชิกวอนนาวัน”)
“เปล่า
พี่เขาบอกแค่ไม่ใช่คนอื่น ฉันเลยคิดว่าเป็นคนที่ฉันสนิทอย่างพี่ๆในวง”
(“งั้นผมควรบอกให้พี่สบายใจกว่าเดิมไหมพี่ควานลินว่าความจริงแล้วคือใคร”)
“สักวันฉันคงได้รู้แต่ฉันยังไม่อยากรู้ว่านายชอบใครวันนี้
แต่สิ่งที่ฉันอยากให้นายรู้วันนี้ คือ.. ฉัน.. ฉัน.. คิดถึงนายมากๆนะ วันนี้
แล้วก็ทุกๆวันเลย”
แล้วปลายสายก็เงียบไปอีกครั้งเมื่อควานลินยังคงวนกลับมาที่ความคิดถึงของเขา
ก็อยากจะหลีกหนีความจริงที่เขายังไม่ได้เตรียมใจนี่ ถ้าได้รู้ว่าสมาชิกคนนั้นที่ซอนโฮชอบเป็นใครละก็
ต่อจากนี้คงไม่รู้จะทำตัวยังไงด้วยยิ่งกว่าที่เคยเป็นกับพี่มินฮยอนที่เขาเคยคาดเดาไว้อย่างผิดๆตอนก่อนหน้าอีก
ถ้าได้รับการยืนยันจากเจ้าตัวแล้ว Game Over ที่แท้จริง
“นี่
ได้ยินฉันพูดคำว่าคิดถึงทีไรนี่เงียบตลอดเลยนะ
พูดอะไรตอบกลับความคิดถึงของฉันบ้าง”
(“ก็..
ไม่เคยคิดว่าพี่จะบอกคิดถึงผมนี่ แล้วนี่ก็พูดซ้ำไปซ้ำมาด้วย มันแบบ..
อึ้งนิดหน่อย ไม่รู้จะตอบกลับยังไง”)
“ถ้าบอกว่าคิดถึงเหมือนกัน
มันคงทำให้ฉันมีกำลังใจ”
(“...”)
“เนี่ย
ก็เงียบอีกแล้ว ยูซอนโฮ”
(“เอาเป็นว่าไว้ได้เจอกันก็คงจะหายคิดถึงเนอะ
ว่างเมื่อไรแล้วมาเจอกันเถอะ.. อ่า.. ผมไปนอนก่อนนะ พรุ่งนี้มีงานตอนเช้า
ฝันดีนะพี่ควานลิน”)
“อื้ม
ฝันดีนะซอนโฮ”
และสายก็ได้ถูกตัดลง
เป็นบทสนทนาที่เหนื่อยกว่าการออกไปกำลังกายก่อนหน้าเสียอีก
เลือดสูบฉีดแรงจนทำเอาร่างกายร้อนผ่าวไปหมด
ควานลินหาวออกมาหลังจากได้ยินคำว่าฝันดีเป็นสัญญาณบอกว่าเขาเองก็ควรจะเข้านอนได้แล้ว
เขาค่อยๆเปิดประตูห้องนอนอย่างเบามือป้องกันการตื่นนอนของสมาชิกในห้อง และท้ายที่สุดเมื่อหัวถึงหมอน
ควานลินก็เข้าสู่ห้วงนิทราไปอย่างสมบูรณ์
หลับไปพร้อมกับข้อความสุดท้ายที่ส่งเข้ามาและไลควานลินไม่ได้อ่านมัน
‘I will surely
reply you ที่พี่ถามมา คำว่า surely ใช้คำว่า
แน่นอน’
‘ตัวอย่างก็เช่น I
will surely miss you ผมจะคิดถึงพี่แน่นอน’
หลังจากวันนั้น
ควานลินก็พยายามจะใช้เวลาที่ว่างในการคุยกับซอนโฮ
เขาตกลง(กับตัวเอง)ว่าถึงจะง่วงยังไงก็ต้องทักไปเล่าให้ได้ว่าวันนี้ไปทำอะไรมาผ่านโปรแกรมแชท
และถ้าว่างมากพอก็จะต้องโทรไปหา แต่หลังจากวันที่เข้ากล้าจะพูดคำว่า ‘คิดถึง’ ต่อซอนโฮเป็นครั้งแรก
เขาก็มานั่งคิดได้ว่า ‘ทำบ้าอะไรลงไป’ นั่นก็ทำให้มันเป็นครั้งสุดท้ายด้วยที่เขาพูดคำว่าคิดถึงออกไป
เขานึกถึงเรื่องการเจอกันที่ซอนโฮเคยบอกเอาไว้
เขาคิดว่าถ้าได้อยู่โรงเรียนเดียวกันก็คงจะได้เจอกัน
ซอนโฮยังไม่เข้ามัธยมปลายส่วนเขาเองก็กำลังจะเข้าในเร็วๆนี้ ถ้าเข้าพร้อมกันยังไงก็ได้อยู่ชั้นเดียวกันแน่
เดือนตุลาคมนี้ควานลินจะไปสอบเข้าที่ SOPA แล้วและเปรยๆว่าอยากให้อีกคนไปสอบด้วยกัน
ซอนโฮบอกว่าหลังจากไปร่วมรายการ Produce 101 แม้จะทำให้มั่นใจว่าเขาอยากจะเป็นนักร้องจริง
แต่ถ้าไม่ได้เดบิวต์แล้วการที่เข้าไปเรียนโรงเรียนศิลปะจะทำให้เขาอาจจะเสียเวลาไปเปล่าๆ
ถ้าเลือกเรียนที่โรงเรียนธรรมดา หากวันหนึ่งถ้าถอดใจกับการที่จะได้เป็นศิลปินจริงๆ
เขาก็ยังพอมีวิชาการที่จะไปสู้กับคนอื่นได้ นั่นจึงยังทำให้ลังเลกับการเลือกที่เรียนต่อ
ในระหว่างนั้น
การที่ควานลินอยากจะรู้เรื่องว่าซอนโฮชอบใคร
เขาจึงได้คุยและเข้าไปสนิทกับทุกคนในวงเพื่อสืบเรื่องนี้อย่างแนบเนียน
ความสัมพันธ์ของเขากับพี่มินฮยอนก็ดีขึ้นมากหลังจากได้ปรับความเข้าใจกัน
พี่มินฮยอนกลายมาเป็นพี่ชายอีกคนที่เขาเองก็รักและเคารพไม่ต่างจากซอนโฮ
แถมเขายังได้คุยกับพี่จงฮยอนและพี่ดงโฮมากขึ้นผ่านพี่มินฮยอน
จนตอนนี้เขาเองก็เริ่มโดนรำคาญแบบที่พี่มินฮยอนรำคาญซอนโฮแล้ว
วันเวลาได้ผ่านมาจนตอนนี้ก็เข้าสู่ปลายเดือนตุลาคมแล้ว
ตารางงานของควานลินยังคงดำเนินไปเรื่อยๆและมากขึ้นไปอีกจนมองไม่เห็นวันหยุด
วันนี้เป็นวันประกาศผลสอบเข้าโรงเรียนที่ได้ไปสอบเอาไว้เมื่อตอนต้นเดือน
ตารางงานของเขาและสมาชิกในวงมีแค่ถึงบ่ายสองหลังจากที่มีการยกเลิกการถ่ายรายการกระทันหัน
ทุกคนดีใจที่จะมีเวลาว่างในการพักผ่อนอย่างไม่ทันคาดคิด
‘ซอนโฮ
ทำอะไรอยู่ วันนี้ฉันว่างนะ นายอยากจะออกไปเที่ยวกับฉันไหม’
ควานลินรีบพิพม์ข้อความที่ทำให้เขาตื่นเต้นแบบนี้อย่างรวดเร็ว
ไม่นานนักสัญลักษณ์ข้อความถูกเปิดอ่านแสดงขึ้นและคำตอบที่ส่งกลับมาก็ทำเผยยิ้มออกมาอย่างไม่รู้ตัว
‘ว่างจริงๆเหรอ
ไปสิ เจอกันที่ไหนดีล่ะ’
สมาชิกวอนนาวันจริงๆแล้วแทบจะไม่ได้รับอนุญาตให้ออกไปไหน
ไปที่ใดก็มีแต่ความวุ่นวายที่นั่น แต่ด้วยลูกตื๊อของคนสิบเอ็ดคนต่อผู้จัดการคนเดียวทำให้สุดท้ายคุณผู้จัดการวงก็เลือกจะปล่อยความวุ่นวายออกจากตัวเขาให้ไปอยู่ที่อื่นแทน
ควานลินไม่แน่ใจว่าคนอื่นเลือกจะไปที่ไหน
รู้เพียงแค่ว่าพี่มินฮยอนจะไปซัพพอร์ตสมาชิกนิวอีสที่กำลังทำกิจกรรมโปรโมตเพลงที่เพิ่งปล่อยออกมา
ควานลินตื่นเต้นที่จะได้เจอกับคนที่คิดถึงมาหลายเดือน
ใจเขาเต้นตึกตักตลอดการเดินทางไปยังจุดนัดพบ
ถ้าไม่ใช่กลัวว่าจะลงผิดป้ายก็คงเพราะอีกไม่นานต่อจากนี้จะได้เจอเจ้าลูกเจี๊ยบแล้ว
เมื่อลงยังสถานีปลายทาง
ควานลินหยิบมือถือขึ้นมาจะโทรหาคนที่นัดหมายกันไว้
ในตอนนั้นเองก็รู้สึกถึงแรงสะกิดจากด้านหลัง ให้เขาหันกลับไปมอง
“ต๊ะเอ๋”
ภายหลังมือบางทั้งสองข้าง เผยให้เห็นใบหน้าแห่งความทะเล้นหวังจะทำให้เขาตกใจเล่นๆ
ใบหน้าที่ทำให้เขายิ้มได้กว้างแบบที่ปกติเขาไม่ยิ้มให้ใคร
ยูซอนโฮในวันนั้น วันที่เขาเจอเมื่อหลายเดือนก่อนยังไม่ดูโตเท่ายูซอนโฮตรงหน้าเขาในวันนี้
ซอนโฮสูงขึ้นอีกแล้ว เหมือนว่าจะผอมลงกว่าเดิมด้วย
ทั้งๆที่มีภาพให้เห็นว่าได้กินอยู่บ่อยๆแต่มันก็คงโดนดึงไปใช้งานมากกว่าที่กินเข้าไปสินะ
นอกจากส่วนสูงที่เพิ่มขึ้น ก็เหมือนว่าซอนโฮจะดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้นกว่าเดิมอีกนิดหน่อยด้วย
แต่สิ่งหนึ่งที่ไม่ว่ายังไงก็ยังคงเดิม
คือรอยยิ้มแบบลูกเจี๊ยบในตอนนั้นก็ยังคงเป็นรอยยิ้มแบบเดิมที่ทำให้โลกสดใสไม่เปลี่ยนแปลง
“วันนี้ไปเที่ยวไหนกันดีอ่า
ได้หยุดทั้งทีต้องมีอะไรน่าสนุกแน่เลยใช่ม้า” ซอนโฮถามด้วยความตื่นเต้น
“จะพาไปโรงเรียน”
“ฟังแล้วไม่น่าหนุก
ว่าแต่จะไปทำอะไรอ่ะ สมัครเรียนเหรอ แล้วผลที่ SOPA เป็นไงบ้าง
ยังไม่ประกาศเหรอ”
คำถามถูกยิงรัวมาจากคนช่างสงสัย
แต่คนโดนถามก็ไม่ได้ตอบเพียงแต่เดินนำซอนโฮไปยังจุดหมาย
และมันก็คือสถานที่ที่ซอนโฮเพิ่งจะพูดถึง มันคือที่โรงเรียนศิลปะ SOPA ที่ควานลินหมายจะมา เมื่อเดินผ่านรั้วประตูโรงเรียนที่ ณ
เวลานี้ไม่มีนักเรียนเดินผ่าน
ป้ายประกาศที่ติดแผ่นกระดาษสีขาวใกล้ๆกับทางเข้าให้เห็นชัดว่าคือบอร์ดประกาศผลผู้มีสิทธิเข้าศึกษาในปีการศึกษาหน้า
ก็ทำให้ความสงสัยของซอนโฮหมดไป
“อ๋อ
มาผลดูผลสอบเข้านี่เอง มา! ผมจะช่วยพี่หาเอง!”
ต่างฝ่ายต่างก็หารายชื่อของไลควานลินกันคนละแผ่นกระดาษ
ควานลินเพียงแค่ใช้สายตาไล่มองอยู่ห่างๆแผ่นกระดาษไม่นานก็เจอกับลำดับรายชื่อ ’19 ไลควานลิน’
อย่างง่ายดาย
“นี่ไง!
ติดแล้ว ดีใจจัง!”
ควานลินถึงกับหันศีรษะไปมองซอนโฮด้วยความแปลกใจ
ในเมื่อเขาเจอชื่อของเขาที่บอร์ดแรกซึ่งเขาเป็นคนดูเอง
แต่ซอนโฮที่ดูอีกบอร์ดหนึ่งกลับตะโกนดีใจออกมาทั้งๆที่ซอนโฮไม่ได้มองเห็นชื่อเขาสักหน่อย
“นายรู้ได้ไงว่ามีชื่อฉันน่ะ”
“ผมหมายถึงชื่อผมต่างหาก
พี่ควานลินก็ติดเหรอ เย่!!”
แสบมากเจ้าเด็กคนนี้ที่พอวันที่เขามาสอบเข้าโรงเรียนก็แค่แกล้งบอกว่าให้เขาสู้และทำให้เต็มที่
เหมือนว่าตัวเองไม่ได้สมัครคัดเลือกอย่างนั้น
แต่พอมาตอนนี้กลับมีชื่อมีสิทธิ์เข้าศึกษาด้วยกัน
วันที่ควานลินมาสอบแล้วไม่ได้เจอซอนโฮก็เพราะเขาทั้งคู่เลือกสอบคนละสาขาซึ่งสอบกันคนละวันทำให้ควานลินไม่ได้เจอกับความลับที่ซอนโฮปิดเอาไว้เซอร์ไพรส์เขา
ผลที่ออกมาคือความน่ายินดี
ทั้งสองจึงเลือกที่จะเริ่มการฉลองด้วยการดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ที่ควานลินอยากดู
และต่อด้วยการกินพิซซ่าที่ซอนโฮอยากกิน
ตลอดการพักผ่อนอย่างส่วนตัวของทั้งคู่ดูอาจจะไม่ค่อยส่วนตัวเท่าไรเพราะแฟนๆก็จำได้ว่านี่คือไลควานลิน
สมาชิกวงวอนนาวัน และยูซอนโฮ
นักล่าห้ามื้อจากรายการเซอร์ไววัลเด็กฝึกหนึ่งร้อยเอ็ดคน แต่สำหรับพวกเขาแค่ได้มาเจอกันและทำอะไรก็ได้ที่พวกเขาอยากจะทำแค่นั้นมันก็มีความสุขมากพอแล้ว
มื้ออาหารเย็นมื้อใหญ่เป็นอันทำให้อิ่มท้อง
พอเสร็จจากมื้อหนักท้องฟ้าก็เริ่มมืด
หากจะไปเล่นบาสเก็ตบอลกีฬาโปรดของทั้งคู่ก็คงจะจุกเอา
ควานลินและซอนโฮเลยเลือกที่จะเดินเล่นภายในสวนสาธารณะที่มักจะเดินผ่านกันบ่อยๆเมื่อตอนที่เป็นเด็กฝึกที่บริษัทด้วยกัน
"คิดถึงตอนที่เลิกซ้อมที่บริษัทแล้วกลับหอเลย
ตอนนั้นไม่มีเรื่องให้เหนื่อยใจแบบนี้เลย แค่ไปซ้อมแล้วก็เดินกลับกับนายเอง"
"ต้องคิดถึงเวลาที่มีผมอยู่ด้วยแน่ๆเลย
ใช่ป่ะล้า"
แน่ละสิว่าเขาคิดถึงช่วงเวลาในตอนนั้นมากขนาดไหน
เวลาที่ได้อยู่ด้วยกันในแบบเด็กๆ โดยไม่ต้องกังวลว่าพรุ่งนี้จะต้องแสดงออกแบบไหนต่อหน้ากล้อง
ต้องวางตัวแบบใด ต้องใช้คำพูดอะไรให้เหมาะสมต่อสื่อ
แต่ถึงแม้ช่วงเวลาใดที่ไม่มีซอนโฮอยู่ด้วยกัน
เขาก็มีแต่ความคิดถึงต่ออีกฝ่ายอยู่ดี
อย่างที่เคยบอกให้อีกฝ่ายรับรู้นั่นแหละว่ามันมากมายเสียจนทำเขาแทบบ้า
"เออ พี่ควานลิน
ผมมีเรื่องอยากจะถาม เป็นปัญหาภาษาเกาหลี"
"มั่นใจเลยแหละว่าตอบได้
ว่ามา"
การอยู่ในวงที่สมาชิกพูดมากเป็นต่อยหอยและใช้คำพูดภาษาเกาหลีกันรัวๆ
ควานลินเลยมั่นใจในทักษะภาษาเกาหลีมากขึ้นเรื่อยๆ ตอนนี้เขายังเป็นคนที่เล่นมุขตลกเล่นคำได้เก่งพอๆกับพี่ซองอูเลยด้วย
ไม่ว่าซอนโฮจะถามอะไร เขาจะงัดเทคนิคที่มีทั้งหมดมาตอบให้จงได้!
"ก่อนอื่น
สรุปพี่รู้ยังว่าผมชอบใคร"
มันเป็นคำถามที่เขาฟังแล้วรู้สึกเจ็บอย่างบอกไม่ถูก
ทำไมเขาจะต้องมาตอบคำถามอะไรที่เขาไม่ได้อยากรู้คำตอบให้เจ็บช้ำใจด้วย ทำไมจะต้องถามให้เขาอยากรู้คำตอบด้วย
"ยัง แต่จากที่ตามสืบมา
ฉันว่านายน่าจะชอบพี่แดน แล้วว่าแต่มันเกี่ยวอะไรกับคำถามภาษาเกาหลี"
"อ่ะ
ทีนี้เรามาถามปัญหากัน จงอธิบายคำว่า "ถ้าไม่คิดสงสัยคนอื่น
พี่ก็จะสบายใจได้" อธิบายให้ผมฟัง"
"ก็..
ถ้าสงสัยคนที่พี่หรือนายสนิท พี่ก็จะสบายใจได้ว่าพี่จะหาคำตอบได้ง่ายขึ้น
แต่ถ้าไปสงสัยคนไม่สนิทมันก็ยากจะหาคำตอบ"
ควานลินใช้เวลาไม่นานกับการคิดคำตอบนี้
และเขาก็ยังคงเข้าใจความหมายมันในแบบเดิมกับที่เคยตอบซอนโฮไปคราวก่อน
ว่ายังไงเสียก็ต้องเป็นใครสักคนในหมู่สมาชิกวอนนาวันที่ซอนโฮแอบชอบ
แม้จริงๆจะไม่อยากให้เป็นใครเลยก็ตาม
"ผิด
ไม่ถูกอ่ะ"
"ฉันเข้าใจแค่นี้แหละ
คิดไม่ออกแล้ว"
"ควานลินอ่า
คิดดีๆสิ 'อย่าไปคิดสงสัยคนอื่น' "
ซอนโฮเน้นตรงคำว่า
‘คนอื่น’ อย่างชัดเจนพอที่จะให้พินิจตีความให้ง่ายกว่าเดิม ควานลินยังคงคิ้วขมวดเพราะก็ไม่เห็นว่าการเน้นเสียงนั้นมันจะทำให้มีคำตอบอื่นเพิ่มมาใหม่เสียนอกจากคำตอบเดิม
"พี่มินฮยอนหรอ?" ก็ถ้าจะไม่คิดสงสัยคนอื่นจากตอนนั้นที่เข้าใจ
เขาก็คงกลับไปสงสัยคนแรกที่เขาสงสัย
"ฮ่วย!
เอาแบบนี้นะ"
ซอนโฮดูจะขัดใจกับความไม่รู้นี้ของคนชาวไต้หวัน
ซอนโฮหยิบโทรศัพท์ขึ้นมาเปิดกล้องหน้ายื่นให้ควานลิน
แต่ก็ไม่ได้กดชัตเตอร์เพื่อถ่ายมันและตัวเจ้าของมือถือก็ไม่ได้เข้าร่วมกล้อง
มีแต่หน้าเขาที่อยู่บนหน้าจอนี้เพียงคนเดียว
"อ่ะ พี่ส่องดูในมือถือสิ
ว่าตอนนี้ในหน้าจอมือถือผม แล้วมีใครอยู่"
"ก็มีฉันไง"
"แล้วมันมี 'คนอื่น' ไหม "
"..."
"นายเข้าใจใช่ไหมไลควานลิน"
"อ่า.."
ตอนนี้ใจมันส่งผลให้ตัวมันสั่นไปหมด
สมองประมวลผลได้รวนเสียจนไม่รู้ว่าควรจะตอบไปยังไงหรือทำอะไรต่อไป นี่ไลควานลินกำลังโดนบอกชอบใช่ไหม
นี่เค้าไม่ได้คิดไปเองใช่ไหม นี่เขาไม่ได้ชอบซอนโฮฝ่ายเดียวจริงๆใช่หรือเปล่า ถึงตอนแรกจะไม่เข้าใจความหมายโดยนัยที่ซอนโฮต้องการจะสื่อ
แต่การรวบรวมความคิดถึงประโยคและการแปลความทั้งหมดเข้าด้วยกัน แม้จะไม่ได้มีคำว่า ‘ชอบ’
ออกมาโดยตรง แต่ความหมายมันก็คือ ‘ผมชอบพี่ควานลินไงโว้ย!’
เขาปล่อยให้ตัวเองโง่มานานขนาดนี้ได้ยังไง
ในวันนั้นสิ่งที่เขาทำได้คือการโทรไปหาซอนโฮแล้วบอกว่าคิดถึงอยู่ฝ่ายเดียว
แล้วก็ยังไปแสดงความบื้อด้วยการเข้าใจอะไรผิดๆให้ซอนโฮหงุดหงิด วันนี้เขาได้เจอซอนโฮคนที่เขารอคอยที่ให้ได้ทำมากกว่าพูดคำว่าคิดถึงแล้ว
เขาควรจะทำหรือพูดอะไร เขาควรจะบอกไปตรงๆดีไหม
ใช่
นั่นแหละ เขาควรจะทำมันให้ชัดเจน ซอนโฮจะได้ไม่เข้าใจผิดแบบที่เขาเป็น
"ซอนโฮ
ฉันดีใจมากๆนะที่วันนี้ได้มาเจอนาย เพราะถ้าไม่ได้มาเจอนาย
ฉันคงจะต้องทนคิดถึงนายไปเรื่อยๆ
แล้วก็คงได้แต่เก็บความรู้สึกที่มีไว้ไปเรื่อยๆจนกว่าจะได้เจอนายอีกครั้ง"
"..."
"ยังไงวันนี้ก็ได้มาเจอกันแล้ว
แล้วฉันก็เริ่มแน่ใจแล้วว่า ฉันควรจะบอกนาย วันนี้ ตอนนี้.."
"..."
"ว่าฉันชอบนาย
ชอบมากๆ หวงทุกครั้งที่นายอยู่ใกล้คนอื่น ห่วงทุกวันที่ต้องอยู่ไกลกัน
ฉันไม่รู้จะห้ามความรู้สึกตัวเองยังไงเลย
เวลาที่เคยมีนายแล้วมันเกิดไม่มีขึ้นมาฉันไม่ได้เตรียมใจเลย มันทรมานจริงๆนะ
ตอนที่รู้ว่านายกำลังชอบใครบางคนอยู่ฉันกังวลจริงๆ จิตตกเลยแหละ
ทีแรกฉันไม่เข้าใจเลยว่าที่นายกับพี่มินฮยอนบอกว่าอย่าไปสงสัยคนอื่นหมายความว่ายังไง
ฉันเลยภาวนาว่าฉันไม่อยากจะเป็นคนอื่น เพราะนายจะได้ชอบฉัน.."
"..."
"แต่พอมาวันนี้ฉันเพิ่งเข้าใจที่นายบอก
ฉันคิดแล้วว่าฉันไม่อยากเป็นคนอื่นของนาย เพราะนายไม่ได้ชอบคนอื่น
แต่นายชอบฉัน มันคือตัวฉันเอง"
ซอนโฮก้มหน้าลงแต่ก็ไม่อาจปิดบังรอยยิ้มได้
คนฟังจะเขินบ้างไหม คนพูดนี่ถึงจะเป็นคนพูดแต่ก็เขินจนแทบจะตัวระเบิดแล้ว!
"ซอนโฮ
นาย.. อยากจะคบกับฉันไหม ฉันไม่อยากเป็นคนอื่น ฉันอยากเป็นแฟนกับนาย"
มันเป็นสิ่งที่สักวันเขาก็ต้องทำมันในเมื่อรู้แล้วว่าสถานะที่ต้องการมันไม่ใช่แค่เพื่อนหรือพี่น้องอีกต่อไป
ไม่รู้จะได้เจอกันอีกเมื่อไรเพราะงั้นการพูดมันไปในวันนี้ เขาทำมันถูกต้องแล้ว
เขาต้องทำมันก่อนคนอื่นจะทำ ก่อนที่จะมีใครมาเอาเจ้าลูกเจี๊ยบคนนี้ไป
คนที่บอกชอบซอนโฮ
คนที่จะเป็นแฟนกับซอนโฮ ต้องเป็นเขาเท่านั้น
"มันจะดีเหรอ
แบบว่าพี่เป็นซุปตาร์แล้ว แฟนๆจะลดลงไหม ที่เกาหลียังไม่ได้ยอมรับ.. แบบ..
การชอบเพศเดียวกันมากนัก"
ก่อนจะตอบตกลงหรือไม่
นี่ก็เป็นเรื่องที่พวกเขาควรคิด
มันอาจจะไม่ใช่แค่เรื่องสองคนเพราะตอนนี้ควานลินแทบจะเป็นของแฟนๆ
ตอนนี้กำลังได้รับความนิยม
การมีคนรักแน่นอนว่ากระแสจะต้องตกลงตามแบบที่มีตัวอย่างให้เห็นในวงการไอดอล
"เรื่องนั้น..
มันก็เป็นเรื่องของนายด้วย ตอนนี้นายก็มีแฟนคลับ มีงานเหมือนกัน
ถ้าเรื่องนี้มันส่งผลต่อนายจริงๆ.."
"ถ้าจะปิดให้มันเป็นเรื่องที่เรารู้กันสองคน
พี่จะโอเคไหม ผมไม่ได้ทำแบบนี้เพื่อตัวเองแต่แบบนี้ก็เพื่อพี่นะ
เพื่อเราสองคน"
"ฉันโอเค
ถ้านายพร้อมที่จะตกลงและอยู่กับฉัน
ถึงตอนนี้จะห่างกันแต่ฉันจะเป็นแฟนที่ดีให้ได้"
การที่ควานลินให้คำมั่นสัญญาขนาดนี้แต่ซอนโฮยังคงลังเลแล้วเขาควรจะทำยังไง
ตอบตกลงทีเถอะซอนโฮ
ได้โปรด เชื่อใจฉัน..
“ผมเชื่อใจพี่นะ
พี่ควานลิน”
รอยยิ้มและคำพูดที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความเชื่อใจก็ถูกส่งมอบมาให้เขาเป็นคำตอบตกลง
ถ้าไม่ติดว่าโดนซอนโฮเตือนเรื่องการแสดงออกในที่สาธารณะ
ควานลินก็อยากจะกอดคนตรงหน้านี้ให้แน่นๆ
กอดไว้ให้นานไม่ให้ใครได้มาแตะต้องเข้าใกล้ ‘แฟน’ คนนี้ของเขา แม้ในเวลานี้จะไม่สามารถแสดงออกทางกาย
แต่เขามั่นใจว่าหัวใจของเขา ได้แสดงความรักออกมาให้ซอนโฮสัมผัสมันได้
ต่อไปก็จะได้ไม่ต้องเอาแต่มองซอนโฮด้วยความรู้สึกเป็นคนอื่นที่ห่างไกล
เพราะต่อจากนี้เขาจะเป็นคนที่มองซอนโฮด้วยความเป็นคนที่ใกล้หัวใจ
"นี่
เลิกเรียกฉันว่าพี่แล้วกลับมาเรียกควานลินเหมือนเดิมเถอะ"
"ต้องเปลี่ยนอีกละ นี่เริ่มชินเรียกพี่แล้วยังต้องเปลี่ยนอีกละ"
"เรียกควานลินเฉยๆไม่ถนัด ก็เรียกแฟนได้นะ
“ถามจริง
นี่เป็นแรปเปอร์หรือพระเอกลิเก จะเสี่ยวอะไรนักหนา”
“ขอเป็นพระเอกในหัวใจนุ้งเจี๊ยบครับ”
- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
ในที่สุดก็ได้ลงตอนแรกสักทีหลังจากแต่งมาสักพักแล้วยังไม่ได้ลง
เรื่องนี้เป็นเรื่องแรกภาษาไม่ดียังไงก็ขออภัยด้วยนะคะ
จะพยายามปรับปรุงให้ดีขึ้น
ไทม์ไลน์หรือเหตุการณ์อาจจะไม่ตรงกับของจริงยังไงก็อย่าขัดใจเลยเน้อ
ที่เอามาเรียงเอามาแต่งแบบนี้เพราะอรรถรสล้วนๆ
เรื่องนี้คือแบบแต่งเพราะคิดถึงเด็กทั้งสองที่อยู่ห่างไกลกัน
เสียดายอยากให้เดบิวต์ด้วยกันจังเลยนะคะ
ก็รอวันที่ทั้งคู่จะได้เดบิวต์ด้วยกันเนอะสำหรับ #ทีมเด็กคิวบ์
พออยู่ในวงคู่อื่นก็มาแรงแซงหลินโฮไป
แต่ยังไงซะก็ยังชอบคู่นี้อยู่ ก็จะแต่งไปเรื่อยๆ 555
ฝากคนเขียนคนนี้ไว้ในอ้อมอกอ้อมใจด้วยนะคะ
---
Q.Mistea ควีนมิสที ---
ป.ล. นอกจากหลินโฮ อยากให้ใครมาแจมก็ขอกันมาได้นะคะ
ความคิดเห็น