ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์ที่รัก ตอน จอมใจฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #12 : การต่อสู้ระหว่างแสงสว่างกับความมืด

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.53K
      12
      8 มี.ค. 56


    � � � วันรุ่งขึ้นดวงอาทิตย์ขึ้นสูงท้องฟ้าอีกคราว บนแดนสรวงสวรรค์แห่งเทพไอยคุปต์โบราณ วิหารแห่งแสงตะวันกำลังเฉิดฉายไปด้วยรัศมีแห่งความอบอุ่นแห่งรัศมีจากพระวรกายแห่งสุริยเทพราห์ พระองค์ทรงลืมพระเนตรขึ้นจึงทำให้รัศมีที่อบอุ่นเปล่งเป็นสีอันทองคำ พระองค์ทรงลุกขึ้นจากพระแท่นเสด็จมายังระเบียบริมขอบกลุ่มเมฆ ชมทัศนืยภาพยามเช้าของอาณาจักรอียิปต์ พร้อมกับเปล่งพระสุรเสียงว่า�

    � "ขอให้อียิปต์ชนทั้งหลายจงยินดีและมีความสุขกับฟ้าวันใหม่"�

    � � พระองค์ทรงแย้มสรวลอย่างเป็นสุข แต่แล้วไม่ทันใดเมื่อพระองค์ทรงหันไปไม่ทันใดพระองค์กลับตะลึงเมื่อพบกับ อธรรมเทพเซ็ต�


    � �"ขอคารวะองค์พระบรมบิดาสุริยเทพราห์"

    � � "อรุณสวัสดิ์เหลนข้า วันนี้มีเรื่องอันใดจึงมาหาข้าแต่เช้า"

    � � "หม่อมฉันมีเรื่องมาทูลพระองค์"

    � � "เซ็ตเหลนข้า... ข้าว่าเจ้าหยุดต่อต้านไอซิสพี่สาวของเจ้าเถิด...ข้าแก่มากแล้ว ไม่ไหวที่จะสู้รบกับนางหรอก"

    � "พระองค์ต้องสู้กับไอซิส เพราะตอนนี้อีกไม่นาน พรพิงค์ คงได้เป็นราชินีแห่งอียิปต์ผิดธรรมเนียมการสืบสันติวงศ์นะพระองค์"

    � �"ช่างเขา ทุกสิ่งทุกอย่างยังเปลี่ยนแปลงได้เลย จะอะไรกับระเบียบประเพณีจะปรับแก้บ้างจะเป็นอะไรไป"

    � �"อันนั้นหม่อมฉันเข้าใจ แต่พระองค์ลืมความหลังแล้วหรือพระองค์ ความหลังที่ทำให้พระองค์ทรงจากอาณาจักรแห่งพระองค์มายังที่แห่งนี้"

    � แววตาของมึนมัวด้วยวัยชราของสุริยเทพราห์เริ่มเบิกกว้าง ประกายเปลวเพลิงแห่งความแค้นประทุขึ้นอย่างรวดเร็วกลายเป็นเปลวเพลิงที่รุกโชติช่วง ภาพในอดีตปรากฏขึ้นอีกครั้ง

    � �- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    � � � �ครั้งสมัยที่เทพเจ้าปกครองอาณาจักรอียิปต์เบื้องล่าง องค์สุริยเทพราห์ ทรงดำรงตำแหน่งเป็นองค์ฟาโรห์แห่งอียิปต์ปกครองด้วยความสันติสุขและความเจริญของอียิปต์ค่อยๆงอกงามขึ้น และจำแลงร่างในร่างของมนุษย์ จนในที่สุดทรงชราภาพลงแต่องค์ฟาโรห์มิยอมสละบัลลังก์ให้กับองค์ชายโอซิริสเสียที พระชายาไอซิส หรือก็คือ เทพีไอซิส

    � � �"อายุปูนนี้แล้วกลับไม่ยอมสละบัลลังก์ให้องค์โอซิริสขึ้นเสียที สงสัยข้าต้องทำอะไรบางอย่างเสีบแล้ว"

    � �พระชายาไอซิสทรงคิดแผนการจะให้พระสวามี คือ องค์ชายโอซิริสขึ้นเป็นฟาโรห์ ในตอนนั้นเองขณะที่องค์ฟาโรห์ราห์กำลังเดินเล่นในพระอุทยาน พระชายาไอซิสแอบซ่อมในพุ่มไม้ พระนางปั้นดินเหนียวขึ้นเป็นรูปงู ด้วยทรงชำนาญในไสยเวทย์มนต์คาถาจึงได้ร่ายเวทย์มนต์ลงไปในดินเหนียวนั้นกลายเป็นงูมีพิษเลื้อยไปตามพุ่มไม้ต่างๆจนไกลตัวฟาโรห์ราห์ แต่ด้วยทรงไม่ระวังพระองค์จึงถูกงูมีพิษนั้นกัดเข้า�


    � � �"โอ๊ย....ช่วยด้วย....ข้า...ข้า...ข้าถูกงูกัด ช่วยข้าด้วย....." เหล่าองครักษ์เข้ามาช่วยนำองค์ฟาโรห์ราห์ไปยังพระตำหนัก

    � � �องค์ฟาโรห์ราห์ทรงอยู่อย่างทรมานด้วยความร้อนจากพิษนั้นแผ่ขยายไปทางพระวรกาย หมอหลวง หรือ แม้แต่เทพยดาด้วยกันเองยังมิอาจจะรักษาอาการของพระองค์ได้จนในที่สุด พระชายาไอซิสปรากฏกายขึ้นพร้อมเข้ามาเพื่อรักษาพระอาการของพระองค์�

    � ��
    � � "หม่อมฉันแต่องค์ฟาโรห์ หม่อมฉันขอรับใช้พระองค์ ช่วยรักษาพระอาการของพระองค์ให้หาย"

    � � �"โอ้...ไอซิสเหลนสาวของข้า ช่วยทีเถิด ข้าทรมานเหลือเกิน..."

    � � "แต่หม่อมฉันขอข้อแม้จากพระองค์สองประการแลกกับการรักษาพระอาการของพระองค์"

    � � �"ได้ เจ้าจงขอมาเถิดเหลนข้า"

    � � "ประการแรก พระองค์ทรงต้องบอกเวทย์มนต์อันสูงสุดแห่งจักรวาลให้แก่หม่อมฉัน"

    � � �"ได้ ข้าจะบอกแก่เจ้า.... เวทย์มนต์อันสูงสุดแห่งจักรวาลนั้น คือ นามแห่งข้า"

    � � �"ราห์.......หรือ....?"

    � � �"ใช่ เพียงกล่าวชื่อของข้า มันจะกลายเป็นเวทย์มนต์ชั้นสุดยอดเลยทีเดียว และสิ่งที่เจ้าต้องการประการสุดท้ายเหล่า คือ ?"

    � � "พระองค์ต้องสละบัลลังก์ฟาโรห์ให้แก่องค์ชายโอซิริส...."

    � � �องค์ฟาโรห์อึ้งกับคำขอประการที่สองของพระชายาไอซิส แต่พระองค์ด้วยเสียงออกมาด้วยความเจ็บปวดของพิษงูที่วิ่งอยู่ในกระแสพระโลหิต�

    � �"ได้....ข้ายอมสละบัลลังก์ให้กับโอซิริส....."

    � � �จากนั้นพระชายาไอซิสร่ายเวทย์มนต์ลงไปยังแผลรอยงูกัดเรื่อยๆจนสุดท้ายอาการร้อนแสบเจ็บปวดก็บรรเทาลงจงหายเป็นปกติ�

    � � "ข้า...ยินยอมมอบบังลังก์ให้แก่โอซิริสและข้าและบริวารเทพยดาของข้าจะต้องเดินทางกลับสู่โลกเทพเจ้าไอยคุปต์โบราณ"

    � "เป็นพระมหากรุณาธิคุณเป็นล้นพ้นเพคะ"


    �- - - - - - - - - - - - - - - - - - - - �- - - - - �- - - - - - -- - -�

    � � � �น้ำตาไหลรินจากดวงเนตรอันรุกเป็นเปลวแค้นนั้นนองทั้งสองแก้มของสุริยเทพราห์

    � � "ข้าจำได้..ว่านางกระล่อนแค่ไหน....."

    � � "เช่นนั้นแล้ว พระองค์จะยอมนางอีกหรือ.....?"

    � � �แต่แล้ว....

    � � �"ข้าขอนมัสการองค์สุริยเทพราห์ผู้ศักดิ์สิทธิ์..." เสียงหวานอันนุ่มนวลที่สุดแห่งแดนสวรรค์�

    � � �องค์สุริยเทพหันไปทางเส้นทางเสียงนั้น ปรากฏร่างของหญิงสาวกายผิวขาวบริสุทธิ์ดวงตาเป็นประกายดุจดวงดาราบนฟ้ายามราตรี สวมแต่งอาภรณ์ด้วยผ้าสีขมพูอ่อนและเครื่องประทับน้อยชิ้นไม่เกินงาม แต่ที่น่ามองเป็นที่สุดคือ หน้าอกอันอิ่มงดงาม และขาอันเรียงงามของนาง สุริยเทพราห์ถูกกลับอมยิ้มได้ทันที�

    � � �"ที่แท้ก็กามเทพีฮาเทอร์นั้นเอง"

    � � �"เพคะพระองค์ วันนี้หม่อมฉันนำดอกไม้เหล่านี้มาถวายเพคะ"

    � � �กามเทพีฮาเทอร์ยกตระกร้าไม้สานที่เต็มไปด้วยดอกไม้หลากหลายสีสันมอบให้แด่องค์สุริยเทพราห์

    � �"ข้าขอบใจน้ำใจเจ้านะ กามเทพีฮาเทอร์... เจ้าทำให้ข้ามีความสุขทุกครั้งที่พบเจอกัน" องค์สุริยเทพราห์ยิ้ม�

    � �"พระองค์เป็นผู้ใหญ่ที่หม่อมฉันเคารพไม่ต่างจากปู่หรือพ่อของหม่อมฉันเพคะ"

    � �"อืม...ดี " องค์สุริยเทพราห์เริ่มไม่พอพระทัยเล็กน้อยแต่ก็แอบเอาไว้ในใจ ที่แท้พระองค์ทรงหลงรักเทพีสาวพระองค์นี้นี่เอง�

    � �"เมื่อกี้พระองค์ทรงทำอันใดอยู่หรือเพคะ ?"

    � � "ข้านั้นเหรอ....กำลัง....กำลัง......" องค์สุริยเทพราห์หันมองไปเบื้องหลังกลับไร้วี่แววของอธรรมเทพเช็ตเสียแล้ว

    � � �"ข้าไม่ได้ทำอันใดหรอก ข้ากำลังชมวิวบนโลกมนุษย์ในยามเช้า และประทานให้แก่ชาวอียิปต์ทั้งหลาย"

    � �"พระองค์ช่างทรงเปี่ยมด้วยพระเมตตาจริงๆเพคะ เดี๋ยวหม่อมฉันขอลานะเพคะ หากมีโอกาสหม่อมฉันจะมาเยี่ยมเพคะ"

    � กามเทพีฮาเทอร์หายวับไปต่อพระพักตร์สุริยเทพราห์ พระองค์ทรงยิ้มแย้มและมีความสุข พระองค์ทรงหยิบดอกไม้ดอกที่พระองค์เห็นว่ามันสวยที่สุดออกดอกหนึ่งแล้วสูบดมมัน�

    � � "ช่างหอมและงดงามอะไรปานนี้" พระองค์ทรงตกอยู่ในห้วงแห่งเสน่หาเสียแล้ว.....�


    � � �อธรรมเทพเชตเมื่อหายองค์ไปจากวิหารแห่งดวงตะวันแล้ว ก็มาปรากฏยังหมู่เมฆซึ่งไม่ไกลจากวิหารอันเป็นที่ประทับแห่งองค์สุริยเทพราห์มากนัก�

    � � �"โชคดีที่เราหายตัวออกมาก่อน ไม่เช่นนั้นเหล่าเทพยดาทั้งหลายต้องทราบแน่ว่าข้าเป็นผู้อยู่เบื้องหลังในคราวนี้แน่"�และแล้วอธรรมเทพเชตก็หายวับไปท่ามกลางหมู่เมฆทั้งหลาย�


    - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - - -
    � � � �กามเทพีฮาเธอร์เสด็จย่างก้าวไปในท่วงท่าที่งดงามด้วยอาภรณ์อันพลิ้วไหวไปตามแรงลมเบาๆดุจทำให้พระนางมีสง่าดุจนางพญา พระพักตร์อันคมคายแห่งความเป็นอิสตรีไม่มีเทพีและเทพธิดาองค์ใดอีกแล้วที่จะมีความงามเทียบเท่ากามเทพีฮาเธอร์ พระองค์เดินลัดเลาะผ่านสวนดอกไม้ที่ชูช่อไสวในอุทยานสวรรค์ พระเทพีทรงหยุดชื่นชมดอกไม้ตามประสานารีทั่วไป แต่แล้วก็มีดอกไม้อันงดงามที่สุดยื่นช่อมาใกล้เบื้องพระพักตร์จนพระเทพีตกพระทัย และแล้วช่อดอกไม้ก็กลายเป็นหญิงงามในชุดพัสตราภรณ์ด้วยอัญมณีอันประณีต และภูษาอาภรณ์สีขาวสะอาดตายาว รัศมีจากใบหน้าของนางแจ่มจรัสอย่างแรงกล้า ยืนอยู่เบื้องหน้าพระองค์ พระเทพีตื่นตะลึงถึงกับอุทานด้วยความตกพระทัย

    � � "ท่านคือผู้ใด ?!"

    � � "กามเทพีฮาเธอร์โปรดอย่าเกรงกลัวเรา เราคือเทพมาดรนีต ผู้เป็นพระมารดาแห่งสุริยเทพ ราห์"

    � � "ข้าแต่เทพมาดรนีต...ข้าน้อยขอนมัสการพระแม่เจ้าแห่งสรวงสวรรค์"

    � �"อย่าได้มีพิธีรีตองอันใดเลย เทพี"

    � �"พระแม่เจ้า ทรงมีเหตุอันใดหรือเพคะจึงมาปรากฏกายต่อหม่อมฉัน"

    � �"เทพี เราผู้เป็นเทพมาดรแห่งทวยเทพทั้งปวง หลังจากโลกและสวรรค์ถือกำเนิดมา โดยข้านี้ถือกำเนิดมาจากพลังอันเร้นลับที่ข้าเองก็มิทราบว่าผู้ใดเป็นบิดาแลมารดาที่ให้กำเนิดข้า แต่ข้านี้ทราบเพียงแต่ในกาลครั้งนั้นคือ ต้องมีหน้าที่สร้างสรรค์สรรพสิ่ง ข้าได้ให้กำเนิดเทพเจ้าสูงสุด ผู้เป็นโอรสแห่งเรา "สุริยเทพราห์" จากความเห็นตัวของข้า ข้าเองก็ได้หายสาบสูญไปโดยไม่ปรากฏกายให้ผู้ใดเห็นเราอีกมานานหลายหมื่นปีแห่งสวรรค์ ครั้งเราเลือกที่จะมาปรากฏต่อเจ้าเพียงให้เจ้าช่วยเหลือเรา"

    � �"พระแม่เจ้าทรงมีพระประสงค์อันใดให้หม่อมฉันช่วยหรือเพคะ"

    � "ดินแดนสวรรค์อันเป็นบรมสุขแห่งเทพยดาทั้งหลายจะมิได้เป็นเช่นนี้อีกแล้ว ในเบื้องหน้าอุทยานสวรรค์อันงดงามเช่นนี้ แลสระอโนดาตทิพย์ก็จะไร้ซึ่งความงดงาม ต่างจะเต็มไปด้วยความหายนะ ความอัปยศ และ ความทุกข์ เทพยดาจะแตกพ่ายต่างคิดทำสงคราม แผ่นดินอันศักดิ์สิทธิ์แห่งนี้ที่เราสร้างมาแต่ครั้งบรรพกาลจะเลอะและเปื้อนด้วยโลหิตแห่งเทวดา และต้องมีเทพเจ้าล้มตายในสงครามสวรรค์ครั้งนี้ เพราะเนื่องมาจากการแบ่งพวกระหว่างแสงสว่างกับความมืด"

    � "เช่นนั้นเราจะห้ามการกำเนิดเคราะห์ครั้งนี้ได้เยี่ยงไรเพคะ พระแม่เจ้า"

    � "มันมิอาจจะหลีกเลี่ยงได้หรอก เจ้าก็รู้ดีน่ะ เพราะมันเคยเกิดขึ้นมาแล้วในอดีตกาล"

    � �แววตาของกามเทพีฮาเธอร์จากที่เคยมีดวงตาอันแวววาวดุจดวงดาราในยามราตรี กลับกลายเป็นดวงตาที่ไร้แววตา เสมือนท้องนภายามชั่งเดือนแรมไร้ซึ่งดวงดาว พระเทพีสะเทือนใจที่ต้องนึกถึงมหาสงครามอัวเลวร้ายในอดีต เทพมาดรนีตจับพระหัตถ์ของพระเทพีจนพระองค์ทรงได้สติคืนมา

    � "มันช่างเป็นเหตุการณ์ที่โหดร้ายจริงๆ" พระเทพีทรงกรรแสงด้วยความเศร้า

    � "แต่มหาสงครามเช่นนั้นจะไม่เกิดอีกครั้ง มีทางเดียวซึ่งเราต้องพึ่งเจ้า"

    � เทพมารดานีตกุมพระหัตถ์ของกามเทพีฮาเธอร์ไว้อย่างนุ่มนวล

    � �"โปรดได้อย่าปล่อยให้อสูรร้ายในกายของเราเผยออกมา เจ้ามีทางเดียวคือต้องเข้าฝ่ายของเทพีไอซิสเท่านั้น ได้โปรดอย่าเข้าฝ่ายโอรสแห่งเรา"

    � "แต่องค์สุริยเทพราห์พระองค์ทรงมีพระคุณต่อหม่อมฉัน" พระเทพียิ่งกรรแสงหนักขึ้นกว่าเดิม

    � �"ได้โปรด...เจ้าจงเห็นแก่สวรรค์และโลกมนุษย์เถิด" �แววตาอันเมตตาแห่งเทพมาดรนีตทำให้พระเทพีคลายความทุกข์ในพระทัยลงได้ เทพมารดานีตทรงลูบพระเกศาอันเงางามของพระเทพี�

    � "เจ้าเป็นถึงเทพีแห่งความงาม เจ้าจงหยุดร่ำไห้ด้วยม่านน้ำตานี้มันจะบดบังดวงตาและใบหน้าอันงดงามของเจ้า" กามเทพีฮาเธอร์ทรงแย้มพระโอษฐ์อันประทับใจ�

    � �"ดีมาก... ดีมาก... เช่นนั้นเราต้องไปแล้ว"

    � �"พระแม่เจ้า พระแม่เจ้าทรงจะช่วยพวกเราไหม"

    � �เทพมาดรนีตทรงถอดห่างออกไปเสมือนเหาะอยู่กลางอากาศ "หากวันนั้นมาถึงเราคงต้องรบด้วยเช่นกัน" และแล้วพระเทพีก็ทรงยกพระหัตถ์ขึ้นกลางอากาศ ธนูพร้อมด้วยคันศรอันอาบด้วยรัศมีก็ปรากฏขึ้น "เพราะเรามีหน้าที่อีกอย่างคือ ผู้พิทักษ์โลก สงครามเทพี ก็คือฉายาแห่งเราเช่นกัน" และแล้วร่างของพระเทพีก็หายวับไปอย่างไร้ร่องรอย�

    � � กามเทพีฮาเธอร์ทรงกังวลพระทัยยิ่งนัก ในความคิดพยายามจะหาทางออกให้กับพระองค์เอง ภาพในความนึกคิดมีเพียงภาพของมหาสงครามอันน่าสะพรึ่งกลัวในครั้งยุคแห่งเทพนิยาย และภาพพระพักตร์แห่งสุริยเทพราห์กับพระพักตร์แห่งเทพีไอซิส �

    � �"ผู้ใดกัน ที่เป็นฝ่ายแสงสว่าง และผู้ใดกันที่เป็นฝ่ายความมืด องค์สุริยเทพราห์เป็นฝ่ายธรรมะเทพมาโดยตลอด หรือพระเทพีไอซิสจะเป็นฝ่ายอธรรมเทพหรือ ? และเหตุไฉนเทพมาดรนีตจึงทรงตรัสให้เราอยู่ฝ่ายเทพีไอซิสเช่นนี้ด้วย เราไม่เข้าใจมันเกิดอะไรกันขึ้น" กามเทพีฮาเธอร์ยังคงสะเทือนใจกับสิ่งที่รับรู้มาและทรงกลัวทุกทีที่นึกถึงมหาสงครามสวรรค์�


    � ��
    � �ในมุมเสาหินของอุทยานสวรรค์ นกแร้งเกาะอยู่ยอดเสาหินนั้น มันก็บินจากไปอุทยานสวรรค์ และแล้วก็กลายร่างเป็นสตรีที่มีบินโบยบินไปในอากาศที่แท้ก็คือ วิหคแร้งเทพีมัต นั่นเอง

    � "เทพมาดรนีตปรากฏกายเช่นนี้ จึงมากล่าวเช่นนี้กับกามเทพีฮาเธอร์เช่นนี้แล้ว แสดงว่ากามเทพีฮาเธอร์ต้องถูกใช้เป็นเครื่องมือในการก่อสงครามเป็นแน่ เพราะในอดีตกาลครั้งสมัยยุคแห่งเทพนิยาย พระเทพีพระองค์นี้ก็เคยถูกใช้เป็นเครื่องมือของเทพเจ้าในการทำสงครามกับมวลมนุษย์ในครั้งที่องค์สุริยเทพราห์ยังคงเป็นฟาโรห์ปกครองโลกมนุษย์ ตายจริงหากองค์สุริยเทพราห์ปลุกอสูรร้ายในร่างของพระเทพีพระองค์นั่น คงต้องมีผู้คนล้มตายกันอีกเป็นแน่"

    � � วิหคแร้งเทพีมัตทรงโบยบินไปยังวิหารแห่งเทพีไอซิสเพื่อแจ้งเรื่องการปรากฏกายแห่งเทพมาดรนีตที่ทรงหายสาปสูญไปนงนานหลังมหาสงครามเมื่อครั้งสมัยยุคเทพนิยาย ครั้งที่เทพเจ้ากับมนุษย์ยังคงอาศัยอยู่ร่วมกันนั่นเอง �

    � � �ท่าทางจะเป็นเรื่องใหญ่เสียแล้ว เทพมาดรนีตทรงเป็นแม่แห่งสรรพสิ่ง พระองค์ถูกยกย่องให้เป็นแม่แห่งจักรวาล สรวงสวรรค์แห่งเทพเจ้าไอยคุปต์โบราณแห่งนี้พระเทพีก็ทรงเป็นผู้สร้างขึ้นมาเพื่อรับรองเหล่าเทพยดาให้มาพำนักหลังจากการตัดขาดจากโลกมนุษย์แล้ว พระเทพีทรงกลายเป็นสิ่งเร้นลับแห่งอาณาจักรสวรรค์แห่งนี้ เพราะพระองค์ไม่เคยที่จะปรากฏกายอีกเลย และการปรากฏกายครั้งนี้ที่พระเทพีกล่าวถึงมหาสงครามจะเกิดขึ้นอีกครั้งในดินแดนสรวงสวรรค์ก็คงจะเป็นเรื่องแท้แน่นอนอันมิสามารถจะหลีกเลี่ยงได้�

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×