ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ฟาโรห์ที่รัก ตอน จอมใจฟาโรห์

    ลำดับตอนที่ #10 : จงเดินต่อไปเถิดเทพีไอซิส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.73K
      11
      16 ต.ค. 55

         บนแดนสรวงสวรรค์แห่งไอยคุปต์โบราณ เทพีไอซิสประทับบนพระแท่นศิลาสีเหลืองสลักด้วยลวดลายอักษรอียิปต์ ภายในวิหารที่สว่างดังทองคำ วิฬารเทพีบาสท์พร้อมด้วยเทพีพระขนิษฐาเนปทีนเข้ามายังที่ประทับแห่งพระเทพี 

        "ข้าแต่องค์เทพี ข้าได้มอบหมายให้เทพบริวารแมวของข้าไปคุ้มครององค์ฟาโรห์เป็นที่เรียบร้อย "

       "พระพี่นางแห่งข้า เมื่อสักครู่ด้วยความปราดเปรื่องแห่งวิฬารเทพีบาสท์ เจ้าแมวนั้นทำให้องค์ฟาโรห์กับพรพิงค์ได้พบเจอกันแล้ว"

      "เช่นนั้นหรือ เราต้องขอบใจวิฬารเทพีบาสท์มาก ช่างมีน้ำใจต่อเราเสียจริง"

      "ไม่เป็นอันใดหรอก พระเทพีเจ้า ตอนนี้บนแดนสรวงสวรรค์นี้ต่างก็แบ่งฝั่งแบ่งฝ่าย ข้าเลือกฝ่ายท่านพระเทพี องค์สุริยเทพราห์หมู่นี้ไม่รู้เป็นอันใดพระองค์ทรงไร้ความเมตตาผิดกับในอดีตกาลครั้งที่พระองค์ทรงเป็นปฐมกษัตริย์แห่งอียิปต์ ข้าไม่เข้าใจเลย"

       "ท่านทรงพระทัยร้ายต่อลูกหลานแห่งข้า ลูกหลานแห่งโอรสข้า ข้าไม่อยากให้องค์ฟาโรห์หนุ่มต้องพบเจอกับความหายนะเหมือนอดีตองค์ฟาโรห์รัชกาลก่อน แม่หนูพรพิงค์เป็นความหวังของข้าว่าองค์ฟาโรห์จะปลอดภัยจากความชั่วร้ายแห่งจิตใจมนุษย์ที่มีกิเลสไม่ต่างจากปีศาจที่ต่ำทราม"

       "พระพี่นางอย่างไรตอนนี้หมากของเรารุกล้ำหน้าสุริยเทพราห์แล้วนะเพคะ"

       "จงอย่าประมาทไป ตอนนี้เราเหนือกว่าก็จริง ครั้งหน้าเราอาจจะเสียท่า เราต้องระมัดระวังขึ้น"

      พระพักตร์แห่งเทพีไอซิสมีแต่ความกังวลเสียมากกว่าความดีใจ พันธมิตรฝ่ายพระเทพีมีไม่มากนัก จะสู้พลังอำนาจสุริยเทพราห์ได้ไฉน ถึงแม้เทพีทั้งหลายบนแดนสรวงสวรรค์ล้วนเข้าเป็นพันธมิตรกับพระเทพีก็จริงอยู่ แต่อย่างไรเสียสุริยเทพราห์ทรงฤทธานุภาพที่สุดในบรรดาเทพยดาด้วยกันเรื่องนี้เป็นที่ทราบกันดีในบรรดาเทพเจ้าทั้งหลาย แต่เพียงเรื่องนี้ไม่น่าทำให้พระเทพีเจ้าหวั่นไหวได้ แต่เป็นเรื่องครอบครัวของพรพิงค์ทางโลกยุคปัจจุบันเสียมากกว่า 

        ครอบครัวของพรพิงค์เป็นเวลาเกือบ 1 ปี แล้วที่พรพิงค์หายตัวไป แม้จะแจ้งความหรือให้ตามสมาคมมูลนิธิต่างๆช่วยกันหาก็กลับไร้ร่องรอย ภัทรวินดูแลแม่ที่เป็นโรคซึมเศร้าไม่ยอมทานอาหารเลยมานานหลายเดือนจนร่างกายซูบผอม แต่ก็อยู่รอดมาได้เพราะอาหารเสริมและยาที่แพทย์จัดไว้ให้ ส่วยผู้เป็นพ่อต้องอดทนเข้มแข็งเพราะจะเสียใจไปก็เท่านั้น จึงทำได้ใช้ชีวิตไปตามปกติ แต่ก็แอบมีบ้างที่คิดถึงลูกสาวที่รัก ภัทรวินผู้เป็นพี่ชายกลายเป็นคนที่มีแผลในใจมาโดยตลอดเพราะน้องสาวผ่านไปต่อหน้าต่อตาจากเหตุการณ์นั้่น ภัทรวินภาวนาและอธิษฐานเสมอขอให้พรพิงค์กลับมาบ้านเสียทีสงสารแม่เพราะล้มป่วยมานานจะได้ฟื้นตัวเสียที ทางด้านเพื่อนสาวกัญญาถึงวันรับปริญญาแล้ว แต่เธอก็เศร้าใจเมื่อไร้เพื่อนรักที่สนิทอย่างพรพิงค์ เธอมักไปแวะเยี่ยมครอบครัวของพรพิงค์เท่าที่จะมีเวลาได้ แต่คนที่กัญญาห่วงใยมากที่สุดในเวลานี้คือ พี่ภัทรวิน ชายหนุ่มที่เธอแอบหลงรัก กัญญาเข้าทำงานเป็นเจ้าหน้าที่ชำนาญการพิเศษในพิพิธภัณฑ์กลาง ซึ่งเป็นสถานที่จัดงานหมุนเวียนของวัตถุโบราณจากทุกมุมของโลก พอที่นี้จัดนิทรรศการเกี่ยวกับอียิปต์เธอจะคิดถึงพรพิงค์มาก เพราะพรพิงค์เพื่อนรักของเธอรักและหลงในความเป็นอียิปต์มาก แต่ในตอนนี้เธอเพียงแต่หาความลับจากพลังเร้นลับ  เช่น การทำนายดวง เธอมักจะถามกับเหล่าหมอดูเสมอว่า พรพิงค์อยู่ที่ไหนและอยู่หรือตาย เช่นนี้เสมอ แต่ก็เป็นเรื่องแปลกที่มักได้คำตอบกลับมาว่า พรพิงค์ยังมีชีวิตอยู่ แต่ไม่สามารถระบุได้ว่าพรพิงค์นั้นอยู่ที่ไหน ทางบ้านของพรพิงค์ผู้เป็นแม่จะตื่นมาใส่บาตรด้วยไข่ตื่น แกงเขียวหวานปลากราย และข้าวเหนียวสังขยาของโปรดของพรพิงค์เสมอ และทำบุญทำทานบ้างเล็กน้อย ไหว้พระกราบพระทุกคืนอธิษฐานระลึกให้ลูกรักกลับมาสู่อ้อมอกเสมออย่างน่าสงสาร

          เทพีไอซิสจึงทรงเสียพระทัยว่าสิ่งที่พระองค์ทรงกระทำนั้นถูกหรือผิดกันแน่ หรือเธอจะให้พรพิงค์เดินทางกลับบ้านของเธอ เพราะอย่างไรเสียมันคงเป็นเรื่องที่ยากที่จะชนะสุริยเทพราห์ หรือไม่อาจมีภัยมาถึงพรพิงค์ด้วยในภายหลัง 

         "ไอซิสอย่างได้น่าใจไปเลย" เสียงของหญิงสาวปรากฏขึ้นอย่างไร้ร่างของเจ้าขายเสียง 

          เทพีไอซิส เนปทิส และวิฬารเทพีบาสท์สงสัยถึงที่มาของเสียง และแล้วที่คานของวิหารนั้นเอง ปรากฏนกแร้งเกาะอยู่ เทพีไอซิสยิ้มพร้อมกับชูมือขึ้นเบื้องหน้า 

        "พระเทพีเจ้าทรงเสด็จมายังวิหารของหม่อมฉันเป็นเกียรติอย่างยิ่งเพคะ"

        นกแร้งนั้นก็บินล่องลงมาเบื้องล่างกลายเป็นร่างของหญิงสูงศักดิ์แต่งองค์ด้วยเครื่องประดับจำนวนมากแต่ที่เด่นที่สุดคือ ใบนกยาวใหญ่ที่ปักบนศีรษะของพระเทพีพระองค์นี้ 

       "ที่แท้ก็คือ....." เทพีเนปทีสกล่าวอย่างตกพระทัย

        "วิหคเทพีมัต" วิฬารเทพีบาสท์กล่าวอย่างดีพระทัย

       "เรารู้เราเห็นแต่เก็บเงียบงำมานานมาก สุริยเทพราห์ไร้ความเทียบธรรมมานาน เราในฐานะเทพีผู้ครองความยุติธรรมมาแต่บรรพกาล แต่ตัดสินใจเข้าข้างฝ่ายของเจ้าเทพีไอซิส"

       "ขอบพระทัยพระเทพีเจ้าที่ทรงกรุณา การที่เรามีท่านมาอยู่ร่วมด้วย แสดงว่าข้าคิดถูกแล้ว"

       "ตอนข้าประทับอยู่ในดินแดนปรภพรับใช้สนององค์ยมราชโอซิริสพระสวามีแห่งเจ้า ข้าเห็ยดวงวิญาณอันน่าเศร้าสร้อยแห่งอดีตฟาโรห์ที่ต้องสิ้นพระชนม์โดยการถูกลอบปลงพระชนม์อย่างน่าอนาถ ข้าเห็นที่ว่าไม่ควรรักษาประเพณีที่ต้องอภิเษกกันภายในสายพระโลหิตอีกต่อไป มันควรถึงคราวปฏิวัติแล้ว......."

      "ตายจริงพระเทพีเจ้า ทรงเลือดนักนิติศาสตร์พวยพุ่งแล้ว" เทพีเนปทีสกระซิบกับวิฬารเทพีบาสท์

      "ข้ารู้นะว่าพวกเจ้านิทราข้า ข้าเห็นว่าไอยคุปต์โบราณเยี่ยงนี้ควรได้รับการปฏิวัติ........ ข้าเห็นโลกยุคหลังอนุชนรุ่นหลังเก่ากาจ เข้าไม่สนใจประเพณีอะไรแบบนี้แล้ว เขาสนใจความเสมอภาค ความเท่าเทียม และสิทธิ เสรี ภาพ......  แม่นางพรพิงค์ผู้นี้จะกลายเป็นสัญลักษณ์ที่สะท้านสะท้อนประวัติศาสตร์ ลูกหลานจะต้องจดจำว่าราชินีแห่งอียิปต์มาจากสามัญชนธรรมดา ชนชั้นสูงจะรักษาไว้เพื่อผลประโยชน์พวกตนมันเป็นไปไม่ได้อีกแล้ว มันล้าสมัยเสียจริง"

       เทพีเนปทีส กับ วิฬารเทพีบาสท์ต่างตบมือกันเพื่อแสดงความชื่นชอบในความคิดของวิหคเทพีมัต

       " ช่างเป็นวาทศิลป์ที่เลิศที่สุดเท่าที่ข้าเคยฟังเลยเพคะ พระเทพีเจ้า" เทพีเนปทีสกล่าวอย่างจริงใจ

       "และตอนที่เท่าที่ข้าทราบมามีเทพและเทพีอีกหลายองค์พร้อมใจที่รวมเป็นพันธมิตรกับเจ้านะ เทพีไอซิส จงเดินต่อไปเถิดเทพีไอซิส"

        "ขอบพระทัยพระเทพีเจ้ามากเพคะ"

        "เช่นนั้นข้าของกลับก่อน วันใดที่สุริยเทพราห์จะขัดขวางเจ้าอีกครั้ง ข้าจะเข้ามาช่วยเจ้าอีกแรง ลาก่อน" วิหคเทพีมัตกางขาออกยืนมั้งสองข้างปรากฏเป็นปีกนกงอกออกมาและค่อยๆย่อตัวเล็กลงจนกลายเป็นนกแร้งและบินออกจากวิหารแห่งนี้ 

         "ช่างเป็นบุญเสียเหลือเกิน ช่างเป็นบุญของเราเหลือเกินที่ท่านมาโปรด"

        "ไม่น่าเชื่อว่าพระเทพีชั้นผู้ใหญ่เช่นนี้จะเข้าข้างเรานะพระพี่นาง"

        "ใช่ พระเทพีไม่เคยเลยที่จะยุ่งกับใคร แสดงว่าการที่ทรงมาร่วมกับนี้ช่างเป็นบุญยิ่งแล้วจริงๆ" เทพีไอซิสน้ำตานองด้วยความปลื้มใจในน้ำพระทัยแห่งวิหคเทพีมัต 

        วิหคเทพีมัตทรงเป็นพระเพทีดึกดำบรรพ์กำเนิดมาพร้อมกับการกำเนิดจักรวาลตามความเชื่อแบบจักรวาลวิทยาของอียิปต์ พระเทพีทรงมีวรกายเป็นนกแร้งเพราะเป็นสัตว์ที่ชาวอียิปต์ให้ความยำเกรงมาแต่ดึกดำบรรพ์ ความท้อแท้แห่งพระเทพีมลายหายไปสิ้น พระเทพีเริ่มสู้ใหม่อีกครั้งเมื่อพันธมิตรใหม่เป็นถึงเทพีชั้นผู้ใหญ่ให้การสนับสนุนเช่นนี้แล้ว 

        ภายในราชวังอันโอ่อ่า องค์ฟาโรห์หนุ่มนั่งอยู่บนพระแท่นที่สูงกว่าบรรดาขุนนางที่เข้าเฝ้าฯ ขณะนี้เป็นเวลาแห่งการว่าราชการขององค์ฟาโรห์หนุ่มไฟแรง 

        "วันนี้มีฎีการายงานเราหรือไม่...?"

       "มีฝ่าพระบาท เมื่อวานนี้เกิดเหตุอุทกเหตุน้ำในแม่น้ำไนล์ล้นท่วมบ้านเรือนประชาชนชาวฝั่ง และจระเข้ร้ายก็ออกอาละวาดเป็นที่เตือนร้อนยิ่งนักพระเจ้าค่า"
      
       " เช่นนั้นเราขอส่งทหารจำนวน 20 นายไปช่วย คือ เสบียงและของใช้ที่จำเป็นไปแจกจ่าย และช่วยเหลือประชาชนของเราให้พ้นจากการที่จระเข้อาละวาด บ้านเรือนผู้ใดพังจากการถูกน้ำท่วมเราออกค่าเสียหายให้ตามสมควรแก่การซ่อมแซม"

      "ทรงเป็นพระมหากรุณาธิคุณพระเจ้าค่า"

      "ฝ่าพระบาท ทางพระวิหารคงคาเทพฮาปิ เทพเจ้าแห่งลำน้ำไนล์ทรงส่งพระราชสาสน์มาทูลเชิญฝ่าพระบาทไปประกอบพิธีบรวงสรวงคงคาเทพฮาปิ เพื่อระยับเหตุอุทกภัยคราวนี้พระเจ้าค่า"

      "เช่นนั้นเรารับคำเชิญ แต่จะจัดขึ้นเมื่อไรกัน?"

      "อีกสองวันพระเจ้าค่า"

      "ดี เช่นนั้นวันนี้เราขอไปตรวจเยี่ยมประชาชนของเรา แต่เราจะไปในฐานะคนธรรมดา เพื่อไม่ให้ประชาชนของเราที่เดือดร้อนต้องมาเหน็ดเหนื่อยกับการต้อนรับเรา และเราก็ไม่ค่อยชอบด้วย"

      "ได้พระเจ้าค่า หม่อมฉันจะให้องครักษ์ติดตามฝ่าพระบาทไป 5 คนพระเจ้าค่า"

     " 5 คนเยอะไป 2 คนก็พอแล้ว เราแค่ไปดูประชาชนของเรานะ ไม่ได้นักเลงหรืออันธพาลที่ไหน ท่านอำมาตย์ นั้นเราขอเลือกเลยละกัน เราขอดัสซาห์บุตรชายของท่าน กับ เมเสสบุตรชายท่านแม่ทัพอัสเปสแล้วกันมันทั้งสองเป็นสหายรักของข้า"

      "ได้ฝ่าพระบาท"

        องค์ฟาโรห์ปลอมพระองค์เป็นหนุ่มชาวอียิปต์สามัญชนพร้อมด้วยองครักษ์ทั้งสองซึ่งเป็นสหายรักของพระองค์เติบโตมาด้วยกันเป็นเพื่อนเล่นกันมาตั้งแต่เยาว์วัย ไปยังที่เกิดเหตุโดยทรงประทับนั่งบนม้าไปยังเมืองที่เกิดอุทกภัย องค์ฟาโรห์ทรงลงจากหลังม้าแล้วผูกมันไว้กับต้นไม้ใหญ่ พระองค์พบว่าบ้านเรือนหลานหลังจมในน้ำหลายหลัง ซากศพของผู้ที่ตายจากการจมน้ำและถูกจระเข้ทำร้าย มีผู้บาดเจ็บและญาติผู้เสียชีวิตต่างร้องไห้อาลัยต่อผู้ตาย 

       "ลูกแม่.....ยังเล็กน้อย....มาตายจากแม่ไปแล้ว" หญิงสาวร้องไห้อยู่ในท่าก้มเข่าอย่างน่าเวทนา

      "ช่างน่าสงสารจริงๆนะฝ่าพระบาท" ดัสซาร์กล่าวและถอนหายใจแรง

      "จะทำเช่นไรได้ แม่น้ำไนล์เป็นมารดาแห่งอียิปต์เราน่าจะปรับวิธีให้อยู่กับน้ำให้ได้เราจะมีวิธีไหนบ้างไหมที่จะแก้ไขสถานการณ์นี้ได้" องค์ฟาโรห์กล่าวอย่างกังวล

        องค์ฟาโรห์พร้อมด้วยสององครักษ์หนุ่มมุ่งไปยังกลุ่มชาวบ้านที่เกาะกลุ่มอยู่นั้น ท่ามกางผู้ที่สิ้นหวังแต่ทำไมกลับแลดูกระชุ่มกระชวยเพียงนี้ ภาพที่พระองค์ทรงเห็นคือ หญิงสาวหรือไม่ก็เทพธิดาบนสวรรค์เสด็จมามอบความเมตตาให้แก่ผู้ทุกข์ยาก ที่แท้ก็พรพิงค์นั้นเอง พรพิงค์พร้อมด้วยกลุ่มสาวรับใช้ช่วยกันพยาบาลผู้ที่บาดเจ็บทั้งทางกายและทางใจ อาหารจำนวนมากมายที่เศรษฐีนำมาบริจาคให้ชาวบ้านทานเพื่อแก้ความกระหายหิวหลังจากประสบภัยอันเลวร้ายมา 

       เทพีไอซิสปรากฏกายขึ้นในบริเวณที่สูงบนยอดดอนมองเห็นเหตุการณ์เบื้องล่าง 

       "คงคาเทพฮาปิ เทพผู้พิทักษ์แม่น้ำไนล์ทรงเข้าข้างฝ่ายสุริยเทพราห์ นี้คงเป็นพระประสงค์แห่งพระองค์เป็นแน่ ไม่น่าเลยผู้คนต่างต้องมาล้มตาย" เทพีไอซิสทรงประทับนั่งลงบนก้นหินใหญ่มองเหตุการณ์เบื้องล่างแล้วเกิดความเวทนาน่าสงสารเป็นยิ่งนัก

       พรพิงค์เทพธิดาแห่งคนยากค่อยพับแผลและทายาตรงบริเวณบาดแผลของผู้ป่วยอย่างถะนุุถนอมด้วยใจที่อารีย์ องค์ฟาโรห์ใช้ผ้าพันที่พระพักตร์ของพระองค์เพื่อปิดบังนาง เด็กชายคนหนึ่งวิ่งเข้ามาหาพรพิงค์ 

       "พี่พรพิงค์ครับ"

       "อัค มีอะไรหรือจ๊ะ นี้ครับผมให้พี่ครับ"

       เด็กชายน้อยน้อมดอกบัวสีขาวที่กำลังบานให้แก่พรพิงค์ 

      "เป็นดอกบัวที่งามมากเลยจ๊ะ น้องอัค"

       "ความจริงอยากว่ายไปเก็บยังริมแม่น้ำไนล์นะครับ แต่น้ำมันท่วมสูงเหลือเกินเลยเก็บมาเท่านี้นะครับพี่พรพิงค์"

       "แค่นี้ก็พอแล้วจ๊ะ ขอบใจมากนะจ๊ะ" พรพิงค์กอดเด็กชายน้อยผู้นั้นอย่างเอ็นดู 

       เด็กชายน้อยขาดความรักและเพิ่มฟื้นจากอาการเศร้ามาด้วยพ่อแม่ตายเพราะอุทกภัย แม่น้ำวิปโยคนี้เอง เด็กชายชอบพรพิงค์จึงได้แรงบันดาลอยากเก็บดอกบัวที่บานงามเป็นกออยู่กลางแม่น้ำไนล์

       "เราอยากให้ดอกบัวกอนั้นกับพี่พรพิงค์จังเลย สงสัยต้องลองว่ายไปเอาดูเสียแล้ว"

       เด็กชายค่อยๆลงไปจากขอบของแม่น้ำลงไปเรื่อยๆ จนเด็กชายพยายามตะเกลียดตะกายไปยังกอบัวนั้นแต่แล้ว เด็กชายไม่สามาารถสู้กระแสน้ำนั้นได้จึงถูกกระแสน้ำนั้นพลัดไป เทพีไอซิสทรงเห็นเข้าพอดี

      "ตายแล้ว....หนูน้อยลงไปทำไมกัน  ต้องช่วยเสียแล้ว" 

          เทพีไอซิสทรงเนรมิตโหดหินขึ้นมาเป็นอย่างโชคดีเด็กชายเกาะไว้ได้ทัน 

       "พวกเราดูนั้นเจ้าหนูอัคติดอยู่ที่กลางแม่น้ำ ใครก็ได้ช่วยด้วย" หญิงชราคนหนึ่งตระโกนขึ้น

        พรพิงค์ตกใจเมื่อรู้ว่าเด็กชายผู้เคราะห์ร้าย คืออัค "อัคหรือ?!" พรพิงค์วิ่งไปอย่างรวดเร็วจนถึงขอบฝั่ง กระแสน้ำเริ่มแรกขึ้นอย่างน่าประหลาดท้องฟ้าเบื้องบนมืดครืนด้วยเมฆดำเมื่อพายุจะเข้า พรพิงค์ใจไม่ดีหากปล่อยให้อัคเป็นอย่างนี้ต่อไป อาจจะจมน้ำตายหรือไม่ก็ตกเป็นอาหารของจระเข้และฮิปโปโปเตมัสก็เป็นได้ เธอจึงตัดสินใจพายเรือเข้าไปช่วยอัคเด็กน้อยผู้น่าสงสาร เทพีไอซิสล่วงรู้อย่างแน่พระทัยว่ามันเป็นแผนล่วงของคงคาเทพฮาปิเป็นแน่ พรพิงค์ต้องไม่ปลอดภัยเป็นแน่ 

      "แย่แล้วพรพิงค์...มันเป็นแผนล่วงของคงคาเทพฮาปิ!จะทำกันอย่างไรดี?"

         พรพิงค์พายเรือออกไปแล้ว องค์ฟาโรห์ที่กำลังสังเกตการณ์อยู่นั้น พอเห็นว่าพรพิงค์กำลังพายเรือเข้าไปช่วยเด็กชายนั้น พระองค์ทรงได้แต่มองเพราะไม่อยากแสดงหรือเผยกลัวว่าพรพิงค์จะรู้ว่าพระองค์อยู่ที่นี้ พรพิงค์พายเรือใหล้จะถึงโขดหินที่เด็กชายเกาะไว้

      "พี่พรพิงค์ช่วยด้วยครับ"

      "ใจดีๆไว้นะอัค พี่มารับหนูขึ้นฝั่ง"

       "ครับ"

       "นางช่างมีความเมตตาสมเป็นเทพีแห่งคนทุกข์ยาก" องค์ฟาโรห์กล่าวออกมาจากใจ 

       "จริงของฝ่าพระบาท" เมเสสกล่าว

        "หญิงผู้นี้หรือไม่ที่ฝ่าพระบาทกล่าวถึงในคืนนั้นที่ทรงเล่าให้หม่อมฉันฟัง" ดัสซาร์กล่าว

         องค์ฟาโรห์ไม่ตอบอันใดนอกจากยิ้มเท่านั้น 

        "แสดงว่าหม่อมฉันพูดถูก" ดัสซาร์กล่าว

       พรพิงค์ใกล้ถึงตัวเด็กชายอัคแล้วนางยืนมือให้อัคจับแล้วนางก็จับเด็กน้อยทั้งสองข้างและพยุงเด็กน้อยขึ้นบนเรือ

        "ขวัญเอย ขวัญมาอัคเอย ปลอดภัยแล้วนะน้องน่ะ"

         เด็กชายได้แต่ร้องไห้ด้วยความกลัว พรพิงค์ให้อัคนั่งที่หัวเรือเพื่อนางจะได้พายเรือสะดวก
     แต่แล้วความมืดเข้าเยี่ยงลำน้ำไนท์  น้ำที่ใสเขียวนั้นก็มืดสนิทดั่งน้ำมนต์ สายลมเริ่มแรงขึ้นอย่างน่ากลัว 

       "ฝ่าพระบาททำไมมันมืดเร็วเหลือเกินพระเจ้าค่า" เมเสสกล่าว

        "หรือเป็นมนต์ของปีศาจร้ายพระเจ้าค่า" ดัสซาร์ตอบกลับ

        "เราก็ไม่รู้หรอก เราก็อยู่ด้วยกันกับพวกเจ้านี้เละ" องค์ฟาโรห์ตอยด้วยความไม่พอใจ 

         ผืนน้ำมืดสนิทพรพิงค์พยายามจะพายเรือกลับมา แต่แล้วในสายน้ำกลับปรากฏดวงไฟสีแดงชาดใต้ผิวน้ำอย่างน่ากลัวเหมือนดั่งดวงตาของปีศาจ พรพิงค์ต้องระงบความกลัวแข็งใจไว้เพราะอีกไม่กี่จ้ำของไม้พายก็จะถึงฝั่ง โชคยังดีที่นางพายเรือถึงฝั่งตรงหัวเรือถึงชายฝั่ง

       "อัครีบลงไปจากเรือเร็ว พี่จะตามได้ตามไปบ้าง"

       "คัรบๆ"
     
       พออัคขึ้นจากเรือสำเร็จพรพิงค์กำลังจะเทียบฝั่งแล้วพยายามจะลุกขึ้นเหยียบบนฝั่ง แต่แล้วเหมือนมีพลังแบบอย่างดึงกระชากเรือทำให้เธอหล่นกลับไปบนเรืออีก สร้างความตกตื่นให้กับผู้คน หางอันยาวใหญ่พ้นขึ้นเหนือน้ำลากเรือที่พรพิงค์อยู่ออกไปต่อหน้าต่อตา

       "ไม่........" องค์ฟาโรห์ร้องออกมาอย่างตกใจ

       ที่แท้มันคือจระเข้ยักษ์น่ากลัว ดวงตาสีแดงชาดน่ากลัว มันพยายามที่จะพังเรือของพรพิงค์ พรพิงค์กลัวจนทำอะไรไม่ถูกใช้ทั้งไม้พายตีแล้ว ด้วยความเป็นผู้หญิงและความกลัวเธอจึงไม่สามารถคุมเรือได้เรือจึงล่มลง ร่างของนางหายไปในแม่น้าไนล์ท่ามกลางพายุที่ที่พัดเข้ามา องค์ฟาโรห์เหมือนใจจะสลาย

        ลมพายุสงบลง มีแต่เรือที่ปราศจากพรพิงค์เท่านั้นที่ล่องลอยอยู่ พรพิงค์ค่อยๆจมลงสู่เบื้องล่างของแม่น้ำ จระเข้ยักษ์ตาแดงนั้นว่ายหลีกจากนาง จากร่างจระเข้ยักษ์ก็กลายเป็นอธรรมเทพเซ็ตผู้ชั่วร้ายนั้นเอง อธรรมเทพเซ็ตกลับสู่ดินแดนแห่งเทพเจ้าไอยคุปต์โบราณ เทพีไอซิสตกพระทัยมากที่เห็นพรพิงค์จมหายไปในลำน้ำไนล์พระเทพีต่อว่าสุริยเทพราห์อย่างรุนแรง

       "ทำไมต้องรังแกผู้หญิงมนุษย์ที่ไม่มีทางสู้เล่า สุริยเทพราห์....... ท่านให้คงคาเทพฮาปิกับกุมภีร์เทพเซเบ็คทำลายนาง...." เทพีไอซิสโหยวายอย่างคลั่ง

       "พระเทพีเจ้ากุมภีร์เทพเซเบ็คมิได้ทำร้ายพรพิงค์เพคะ" วิฬารเทพีบาสท์ปรากฏขึ้นพร้อมด้วยบุรุษรูปงามแต่มีศีรษะเป็นจระเข้สวมมงกุฎแผงดวงตะวัน 

       "ข้าแต่พระพี่นางข้ากุมภีร์เทพเซเบ็คพระอนุชาต่างบิดาของพระองค์ขอทำความเคารพ"

       "และจระเข้ยักษ์นั้นคือผู้ใดหากไม่ใช่เจ้าหรือบริวารของเจ้า" เทพีไอซิสกล่าวอย่างพิโรธ

       "นั้นคืออธรรมเทพเซ็ตจำแลงร่างเป็นจระเข้ปีศาจพระเจ้าค่าพระพี่นาง" กุมภีร์เทพเซเบ็คกล่าว

       " เจ้าน้องสารเลวพันธุ์นั้นอีกแล้วหรือ เป็นอริกับข้ามาตั้งแต่สมัยแห่งเทพนิยาย....ตอนนี้ก็ยังคงจะตามจองกรรมจองเวรข้าอีกหรืออย่างไรกัน เซ็ต....."

       "กุมภีร์เทพเซเบ็คน้องพี่ เจ้าช่วยเหลือพี่ช่วยนำพรพิงค์ขึ้นมาจากลำน้ำไนล์ด้วยเถิด"

      "ได้พระเจ้าค่าพระพี่นาง"

      กุมภีร์เทพเซเบ็คค่อยๆเดินลุกไปยังใต้ลำน้ำไนล์ จำแลงร่างเป็นจระเข้ผิวเขียวมรกตงดงามมุ่งสู่สะดือแม่น้ำ ร่างของพรพิงค์ล่องลอยอยู่กับสาหร่ายใต้ลำน้ำอย่างทุลักทุเล เหล่าจระเข้น้อยใหญ่พากันช่วยเหลือกุมภีร์เทพเซเบ็คและพยุงร่างของพรพิงค์ขึ้นสู่ผิวน้ำสุดท้ายกุมภีร์เทพเซเบ็คก็คาบพรพิงค์ไว้ในปากที่มีฟันขาวดังเพชรระยิบระยับ เป็นภาพที่ตื่นกลัวมากองค์ฟาโรห์ชักดาบขึ้นหมายจะลงน้ำไปสังหารจระเข้นั้น แต่แล้วก็ถูกอาวุโสของหมู่บ้านห้าม

       "ไอ้หนุ่มใจฉกรรณ์เจ้าอย่าทำร้ายจระเข้เทพตนนี้เด็ดขาด"

       "จระเข้เทพ...?"

      จระเข้พอถึงฝั่งก็ค่อยๆวางพรพิงค์ลงที่ชายน้ำ และว่ายจากไป ชายแก่ชูมือขึ้นเสมือนการสักการะ

       "ขอกุมภีร์เทพเซเบ็คทรงคุ้มครองลูกหลานของพวกเรา พระองค์ผู้เจริญ"

      จระเข้ตัวนั้นชูศีรษะขึ้นเหนือผิวน้ำพร้อมกับบันดาลให้กระแสน้ำลดลง ซากหมู่บ้านก็ปรากฏขึ้นแม่น้ำไนล์ไม่มีความวิปโยคอีกต่อไปกลับสู่ความสงบอีกครั้ง ชาวบ้านพากันทำความเคารพเพราะกุมภีร์เทพเซเบ็คนั้นเป็นเทพเจ้าของพวกเขาบูชากันมาตั้งแต่สมัยบรรพบุรุษและทรงเป็นพระอนุชาแห่งเทพีไอซิสอีกด้วยแต่ต่างพระบิดากัน กุมภีร์เทพเซเบ็คทรงกลับสู่รูปร่างของเทพเจ้าเข้าเฝ้าฯเทพีไอซิส 

        "ขอบใจมากน้องข้า" เทพีไอซิสกล่าวอย่างสุขใจ

        "มิเป็นไรหรอกพระพี่นาง ข้าจะขอช่วยเหลือท่านและสนับสนุนท่าน พรพิงค์นางนี้เป็นสตรีที่เหมาะสมและมีคุณงามความดีอย่างยิ่งแล้ว หม่อมฉันขอเหล่าสนับสนุนให้หญิงผู้นี้ได้เป็นราชินีแห่งอียิปต์ หม่อมฉันขอลา" กุมภีร์เทพเซเบ็คหายตัวกลับไปยังแดนเทพเจ้าไอยคุปต์โบราณ  
    องค์ฟาโรห์เข้าไปช่วยพรพิงค์ เด็กชายอัคก็เช่นกัน

      "จะทำอย่างไรดี...จะทำอย่างไรดี" เด็กชายอัคกล่าวพร้อมกับร้องไห้น้ำมูกไหล

      องค์ฟาโรห์ไม่รอช้าประกบปากอยู่เป่าลมหายใจเจ้าไปในปากของพรพิงค์ และปั้มที่อกของพรพิงค์ 

       "เจ้าต้องตื่น...เจ้าต้องฟื้น....เจ้าต้องอยู่กับข้า....แม่นางข้าจะไม่ให้เจ้าไปไหนจากข้า"

      เทพีไอซิสพร้อมด้วยวิฬารเทพีบาสท์ปรากฏขึ้นเป็นกายทิพย์ไม่มีผู้ใดเห็น เทพีไอซิสก้มนั่งลงข้างๆองค์ฟาโรห์

       "องค์ฟาโรห์คงรักนางมาก"

      "ข้ารักนางมาก ข้ารักมาก ถึงแม้จะให้ข้าเอาชีวิตมาแลกกับนางข้าก็ยอม"

      "ประเสริฐยิ่งนัก พระองค์ทรงรักนางแล้ว" 
      
       เทพีไอซิสปราบปลื่มจนน้ำเนตรไหลริ่มทั้งสองข้าง พระเทพีเจ้าทรงใช้พระหัตถ์ลูบไปที่ใบหน้าของพรพิงค์พลังแห่งเทพให้ทำร่างของที่เย็นเยือกเพราะถูกแช่น้ำนานกลับอบอุ่นขึ้นแล้วนางก็สำลักน้ำออกมา

      "เจ้าปลอดภัยแล้ว" องค์ฟาโรห์เข้ากอดกับนางจนสุดแรง 

      "ท่านปล่อยคุณหนูของข้านะ" สาวรับใช้เข้าประคองพรพิงค์ ช่วยกันพยุงร่างของที่ได้สติแล้วไปยังที่พยาบาลคนป่วย เหลือเพียงแต่รองเท้าที่นางสวมนั้นหลุดอยู่ข้างหนึ่ง องค์ฟาโรห์เก็บรองเท้าของนางไว้ 

     "ข้าจะเก็บรองเท้านี้ไว้ นางต้องเป็นลูกสาวบ้านผู้ดีซะบ้านหนึ่งและข้าจะตามหาเจ้าอีกครั้ง แม่นางยอดรักของข้า"

      องค์ฟาโรห์นำเศษที่พกมาด้วยออกมาพังรองเท้าของพรพิงค์ไว้แล้วทรงถือมันไว้ตลอด เป็นสิ่งแทนนางและทรงเสด็จกลับวังในค่ำวันนั้น ความรักหนอความรักเทพเจ้ายังวุ่นวาย แต่สุดท้ายเหตุการณ์ครั้งที่ก็ทำให้เทพีไอซิสรับรู้ว่าองค์ฟาโรห์รักพรพิงค์อย่างสุดใจ และศัตรูที่สำคัญมิใช่สุริยเทพราห์แต่กลับเป็นอธรรมเทพเซ็ต 

      "ไอ้น้องชายสารเลว...." เทพีกล่าวอย่างโกรธคลั่งบรรยากาศเก่าๆครั้งนั้นของพระเทพีหวนกลับมาอีกครั้ง 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×