ลำดับตอนที่ #46
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #46 : โระคุโระคุบิ ผีคอยาว
โระคุโระคุบิ
ผีคอยาว
วันนี้จะมา้เสนอเรื่องราวเป็นแนวทั้งอธิบาย และจะมีเรื่องเล่าอันเป็นตำนานเรื่องผีที่ชาวญี่ปุ่นมักจะเล่าสืบต่อกันมา คงจะแนวเดียวกับของบ้านเราที่มักจะเรื่องแม่นาคเพราะเป็นเรื่องผีที่เป็นอมตะนิรันดร์กาล แต่ผีตนนี้ไม่ได้เป็นผีประเภทเดียวกัีบแม่นาคนะ แค่ยกตัวอย่างใ้ห้เข้าใจเท่านั้น
โระคุโระคุบิ ว่าไปถ้าเทียบกับผีบ้านเราคงมีความคล้ายกับผีกระสือ แต่ของเขาไม่ได้ถอดหัวถอดและส่องแสงเวลาไปหากิน แต่ของเขาเป็นแบบอย่างที่เห็น คือ จะปล่อยให้คอยาวไปเรื่อยๆเหมือนงูที่เลื้อนและลอยไปจนแหล่งที่เป็นแหล่งอาหารของมัน เขามันกินคนเป็นอาหารได้ (น่ากลัีว...)และต้องเป็นชายหนุ่มของอาหารชั้นเยี่ยมและเป็นของที่โปรดปรานเพราะมันจะได้รับพลังชีวิตของวัยหนุ่มมาเติมกำัลังของตนเองได้ (ผู้หญิงมันก็กินนะ กินไม่เลือก...) ผิดกับกระสือที่จะกินแต่ของเสียเน่าบูด (น่าสงสาร) แต่ผีประเภทนี้มักจะเป็นผู้หญิง ซึ่งก็เหมือนบ้านเราที่กระสือมักเป็นผู้หญิง (มันคล้ายกันอยู่น่า...) คงเคยได้ยินเพลงว่า "กระสืบกลางวันมันเป็นหญิงมีทุกสิ่งธรรมด๊า..ธรรมดา" ซึ่งเจ้าโระคุโระคุบิก็เช่นกัน ตอนกลางวันจะเป็นเหมือนคนปกติสามัญทั่วไป แต่พอตกค่ำพระจันทร์ขึ้นกลางฟ้าเมื่อใด มันจะยืนคอออกหาอาหารทันที และเขาว่ากันมาว่าผีพวกนี้ยังกลายพันธุ์มาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกระสือบ้านเรามาก ซึ่งมันจะถอดหัวลอยไปมาหาอาหารกิน แต่ไม่ได้ถอดไส้มาด้วยอย่างกระสือบ้านเรา แต่เขาว่ามันเป็นโระคุโระคุบิเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นได้ทั้งชายและหญิง (ฟังดูแล้วดูยุติธรรมเป็นกลางๆดีจัง)
โระคุโระคุบิ ว่าไปถ้าเทียบกับผีบ้านเราคงมีความคล้ายกับผีกระสือ แต่ของเขาไม่ได้ถอดหัวถอดและส่องแสงเวลาไปหากิน แต่ของเขาเป็นแบบอย่างที่เห็น คือ จะปล่อยให้คอยาวไปเรื่อยๆเหมือนงูที่เลื้อนและลอยไปจนแหล่งที่เป็นแหล่งอาหารของมัน เขามันกินคนเป็นอาหารได้ (น่ากลัีว...)และต้องเป็นชายหนุ่มของอาหารชั้นเยี่ยมและเป็นของที่โปรดปรานเพราะมันจะได้รับพลังชีวิตของวัยหนุ่มมาเติมกำัลังของตนเองได้ (ผู้หญิงมันก็กินนะ กินไม่เลือก...) ผิดกับกระสือที่จะกินแต่ของเสียเน่าบูด (น่าสงสาร) แต่ผีประเภทนี้มักจะเป็นผู้หญิง ซึ่งก็เหมือนบ้านเราที่กระสือมักเป็นผู้หญิง (มันคล้ายกันอยู่น่า...) คงเคยได้ยินเพลงว่า "กระสืบกลางวันมันเป็นหญิงมีทุกสิ่งธรรมด๊า..ธรรมดา" ซึ่งเจ้าโระคุโระคุบิก็เช่นกัน ตอนกลางวันจะเป็นเหมือนคนปกติสามัญทั่วไป แต่พอตกค่ำพระจันทร์ขึ้นกลางฟ้าเมื่อใด มันจะยืนคอออกหาอาหารทันที และเขาว่ากันมาว่าผีพวกนี้ยังกลายพันธุ์มาอีกแบบหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนกระสือบ้านเรามาก ซึ่งมันจะถอดหัวลอยไปมาหาอาหารกิน แต่ไม่ได้ถอดไส้มาด้วยอย่างกระสือบ้านเรา แต่เขาว่ามันเป็นโระคุโระคุบิเช่นเดียวกัน ซึ่งเป็นได้ทั้งชายและหญิง (ฟังดูแล้วดูยุติธรรมเป็นกลางๆดีจัง)
เรื่องที่เล่าต่อไปนี้ เป็นเรื่องราวของโระคุโระคุบิ ที่กลายเป็นเรื่องผีที่ชาวญี่ปุ่นนิยมเล่าขานต่อๆกันมา โดยเรื่องนี้เล่าถึงผีโระคุโระคุบิที่ไม่ได้เลื้อยคอไปมา แต่เป็นโระคุโระคุบิที่สามารถถอดคอเหาะไปมาได้เหมือนกระสือบ้านเราแต่ไม่ได้มีตับไตไส้พุงติดไปด้วยเท่านั้น
เรื่องนี้ถูกเล่ากันมานานกว่า 500 ปี โดยมีซามูไรคนหนึ่งนามว่า "อิไซะโก เฮดะเซมอน ทะเกซึระ" (ชื่อยากมาก...) เขาเป็นซามูไรที่เก่งสงครามมากและมีัชื่อเสียงในสมัยเอเกียว ต่อมาราชสำนักคิกุยิล่มสลาย เขาจึงเป็นซามูไรไร้นาม(ไม่มีเจ้านาย) ถึงเขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจมีใครๆก็อยากได้เขามาเป็นลูกน้อง แต่เขายังคงจงรักภักดีกับราชสำนักคิกุยิอยู่จึงหันหลังให้ทางโลกและมุ่งสู่ทางธรรม เขาบวชเป็นภิกษุฉายาว่า"ไกวเรียว"
พระไกวเรียวถึงจะเป็นพระภิกษุที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นลักษณะชายชาตินักรบจึงยังเป็นที่แกร่งของผู้คน พระไกวเรียวจึงเลือกจะออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ (โดยเฉพาะในที่ๆทุรกันดาร)ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีพระภิกษุรูปใดที่จะเลือกออกธุดงค์เลยด้วยกลัวเหตุอันตรายทั้งสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย โจรผู้ร้ายต่างๆนานา แต่พระไกวเรียวกลับไม่กลัวและมุ่งหน้าเดินทางธุดงค์แสวงหาที่สงบเพื่อทำจิตภาวนาสมาธิ
พระไกวเรียวท่านธุดงค์มาถึงจังหวัดไค อันเป็นจังหวัดที่ทุรกันดารมากๆอยู่ในป่าเขา ตอนนั้นก็มืดมากท่านจึงแวะพักค้างแรมในป่า (ไม่เข้าใจว่าพระญี่ปุ่นกับพระบ้านเราคงไม่เหมือนกันและอีกอย่างการธุดงค์ของเขานั้น ไม่ทราบเป็นแบบที่ปัดกลดเหมือนกันหรือเปล่า....) ในขณะีที่พระไกวเรียวกำลังจะล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนที่เหนื่อยจากการเดินทางมาไกล ชายตัดฟืนเดินทางพามาและนิมนต์พระไกวเรียวไปพักค้างแรมที่บ้านของตน
พระไกวเรียวไปที่บ้านของชายตัดฟืนตามที่ชายตัดฟืนนิมนต์ พอพระไกวเรียวเข้าไปภายในบ้านก็พบกับครอบครัวของชายตัดฟืน พวกเขาที่ความเคารพก้มศีรษะอย่างอ่อนน้อมและมีมารยาท ท่าทีเหมือนเป็นผู้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี พอไปๆมาๆชายตัดฝืนได้พูดถึงประวัติความหลังของตนเองและครอบครัวขึ้นว่า "เดิมทีตนเองรับงานราชการมีสมบัติและบริวาร แต่ด้วยพอสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นจงกิเลศความโลภเข้าตาจึงโกงแผ่นดิน และตนเองได้ฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์ตายไปมากมาย พอมาสำนึกได้ก็รู้ว่าตนทำบาปอย่างมหันต์จึงทิ้งทุกอย่างมาอยู่กันในที่ห่างไกลและปลอดผู้คน จึงมีความเป็นอยู่อย่างสงบยึดอาชีพตัดฟืนหาเงินเลี้ยงชีพ บางทีสวดมนต์ทำบุญยึดพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง มีโอกาศจะช่วยใครได้ก็ช่วยเผื่อสามารถจะลบล้างบาปที่ตนได้ก่อไว้..."
พระไกวเรียวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับคนที่เรียกว่า โจรกลับใจ ท่านได้ค้างคืนที่บ้านหลังนี้โดยชายตัดฟืนและภรรยาจัดห้องและที่นอนให้แก่พระไกวเรียว ทุกคนในบ้านหลับกันหมดเว้นแต่พระไกวเรียวที่ยังคงบริกรรมสวดมนต์อยู่ พอท่านสวดมนต์เสร็จก็หวังจะออกไปสูบอากาศที่นอกบ้าน ระหว่างออกจากห้องท่านก็เดินผ่านห้องนอนของเจ้าของบ้านคือชายตัดฝืนและครอบครัว อยู่ๆท่านต้องตกใจกับภาพที่เหตุ...คือร่างทั้ง5ของครอบครัวชายตัดฝืนไม่มีหัว...!!!
ท่านคิดว่า"น่าสงสารจริงๆ สงสารมีคนใจร้ายใจดำมาสังหารครอบครัวนี้ เอะทำไมเราไม่ได้ยินเสียงของความเจ็บปวดหรือเสียของผู้บุกรุกทั้งๆที่เราก็สวดมนต์อยู่น่าจะได้ยินนี่ และอีกอย่างนี้จะเป็นฆาตกรรมจริงเหรอ ก็ไม่มีรอยคราบเลือดอะไรเลย และร่างนั้นก็ดูนิ่งเหมือนนอนหลับอยู่เฉยๆ... หรือว่าเราจะ....เจอเข้ากับโระคุโระคุบิเสียแล้ว....!!!!"
พระไกวเรียวทราบดังนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า หากพบร่างของโระคุโระคุบิเช่นนี้ ให้จับร่างหันไปยังอีกข้างหนึ่ง ท่านทราบว่าเมื่อเจ้าหัวกลับมาเข้าร่างและ้เห็นว่าร่่างของมันถูกกลับข้างล่ะก็มันจะเข้าร่างมันไม่ได้และจะร่วงลงมาดิ้นไปมาและตายไปในที่สุด พอท่านออกไปนอกบ้านและได้ยินเสียงเหมือนคนพูดกัน ท่านแอบเข้าไปหลังพุ่มไม้ก็พบว่าเป็นผีโระคุโระคุบิที่เป็นหัวลอยไปมาและมันกำลังสนทนากัน สรุปว่ามันจะกินพระไกวเรียว ซึ่งหัวของภรรยาชายตัดฟืนลอยเข้าไปในนอนและออกมาอย่างหน้าตาตื่น "ท่านพี่พระนั้นไม่อยู่แล้วและร่างของพวกเราถูกจับหันข้างกันหมดเลย"
เจ้าหัวผีของนายตัดฟืนตกตะลึงกลัว "หากเป็นเช่นนี้เราก็ตายกันหมดซิเย่แล้ว...เราต้องหาพระนั้นไม่พบและกินมันเป็นการแ้ก้แค้น"
เจ้าหัวผีทั้ง 5 หัวก็ลอยไปมาเสียงเหมือนแมลงบินไปมา และมันก็พบเข้ากับพระไกวเรียวที่ซ่อมอยู่หลังพุ่มไม้ พระไกวเรียวใช้ท่อนไม้ที่พบในแถวนั้นไล่ตีเจ้าหัวผี หัวผีคนตัดฟืนเข้ากัดแขนของพระไกวเรียวท่านตีทุบหัวของมันจนมันตาย พระไกวเรียวก็พยายามจะเเกะไม่ออกฟันยังคงฝังในแขนเสื้อพอแสงอาทิตย์เริ่มส่องบนท้องฟ้า หัวผีอีก 4 หัวพากันกรีดร้องและลอยหนีเข้าไปในบ้าน
พระไกวเรียวเห็นของชายตัดฟืนที่กัดติดกับแขนเสื้อกลายเป็นหัวที่มีเลือดไหลออกมา "มันตายแล้ว...ดีจริงการธุดงค์ทั้งนี้ได้ของที่ระลึกเป็นหัวปีศาจ...ฮา...ฮา...ฮา.."
พอท่านเข้าไปในบ้านเพื่อจะเก็บของเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ภรรยาและบุตรของชายตัดฟืนที่คืนสภาพเป็นคนธรรมดา ทั้งตายมีแต่รอยเลือดทั้งหูตาและหน้า พอได้เห็นพระไกวเรียวเท่านั้นก็กรีดร้องด้วยความกลัวและร้องไห้พากันวิ่งหนีท่านออกไปจากบ้าน ท่านเก็บของสัมภาระเสร็จก็ออกเดินทางโดยมีเจ้าหัวปีศาจคงเกาะแขนเสื้อของท่านอยู่ และท่านก็ออกธุดงค์ต่อไป
ท่านเดินทางผ่านมาถึงตำบลซุวะ เมืองชินะโนะ คนที่พบเห็นท่านกับหัวคนที่กัดติดแขนเสื้อที่เวลาท่านเดินไปมาหัวมันก็จะเกว่งไปมา เป็นภาพที่สร้างความกลัวสยดสยองต่อผู้ที่พบเห็น จนกระทั่งตำรวจท้องที่เข้ามาจับตายไปข้อหาเป็นผู้ร้ายใจโหด.. (เพราะเขายังไม่ทราบว่าเจ้าหัวที่ห้อยอยู่มันเป็นหัวโระคุโระคุบิ) ท่านถูกจำึคุกและสืบสวนเป็นเวลานาน จนสามารถลงข้อสรุปได้ว่า เจ้าหัวนั้นเป็นหัวของผีโระคุโระคุบิ เพราะเป็นหัวที่ไม่มีลักษณะของการถูกตัดขาดด้วยอาวุธของมีคม แต่คล้ายกับผลไม้ที่ถูกเด็ดออกจากต้น คือ ออกมาจากตัวอย่างนั้น ท่านจึงพ้นข้อกล่าวหา เหล่าเจ้าหน้าที่จึงกล่าวว่า"ท่านช่างเป็นพระที่น่าเกรงขามว่าได้ไม่น่าจะเป็นพระทรงศีลเลยน่าจะเป็นนักรบเสียมากกว่า" พระไกวเรียวจึงบอกว่า "จริงๆแล้วเราในอดีตเคยเป็นซามูไรรับใช้ราขสำนักคิกุยิ " จากนั้นข่าวนี้เป็นที่ทราบ เหล่าซามูไรที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก็เข้ามาเยี่ยมเยือนนำของมาถวายมากมาย พยายามจะให้ท่านกลับเข้าวงการซามูไรอีกครั้ง แต่ท่านปฎิเสธและท่านยังคงเดินทางธุดงค์ต่อไป เรื่องของท่านที่เผชิญกับผีโระคุโระึุคุบิกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง เป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปากเป็นข่าวคราวของ"พระผู้กล้าที่เผชิญกับผีโระคุโระคุบิที่จังหวัดไค" และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องผีที่นิยมในญี่ปุ่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
แต่เรื่องนี้ยังไม่จบลงเท่านี้ พระไกวเรียวได้เดินทางผ่านไปยังที่เป็นทางโจร ท่านจึงถูกโจรปล้น และท่านได้มอบหัวปีศาจตนนี้แก่โจรพร้อมเงินที่เพื่อนซามูไรถวายมาให้ด้วย เ้จ้าโจรก็ไม่เชื่อว่าหัวที่ติดแขนเสื้อมานั้น เป็นหัวผีโระคุโระคุบิ ท่านก็เตือนโจรแล้วว่าหากเก็บหัีวนั้นไว้กับคนธรรมดาวิญญาณร้ายของมันจะตามมาแก้แค้น แต่โจรมันยังไม่เชื่อ ยังหาว่าท่านปั้นน้ำเป็นตัวแต่งเรื่องมาหลอก แต่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย
เจ้าโจรก็หวังใช้หัวคนนี้เป็นเครื่องมือใช้ขู่ในคนกลัวเพื่อง่ายต่อการปล้น แต่มันได้รู้ความจริงว่าหัวที่มันได้มาเป็นของผีโระคุโระคุบิจริงๆ ก็เมื่อเพื่อนโจรด้วยกันที่เมืองชินะโนะมาเยี่ยมและบอกว่าหัวนั้นเป็นหัวผีจริงๆ เจ้าโจรถึงกลับหน้าถอดสี มันแย่แน่ถ้ายังเอาหัวนั้นไว้ มันจึงไปยังบ้านของชายตัดฟืนแล้วจะเอาร่างของมันไปฝังไว้กับหัวของมันเพราะเป็นความเชื่อว่า ศพที่อวัยวะไม่ครบจะไม่ได้ไปสู่สุคติ มันก็พยายามหาร่างแต่ไม่พบ มันจึงเอาเพียงหัวนั้นไปฝังไว้ในบริเวณใกล้ๆกระท่อมและเอาก้อนหันวางทับไว้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นหลุมฝังหัวของผีโระคุโระคุบิ และหลุมนั้นยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน...
เรื่องผีเรื่องถ้าจะเป็นจริงเพราะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์และช่วงเวลาที่แน่นอนรวมถึงหลักฐานและสถานที่ที่มีอยู่จริงจนกระทั่งถึงปัจจุับัน...
เรื่องนี้ถูกเล่ากันมานานกว่า 500 ปี โดยมีซามูไรคนหนึ่งนามว่า "อิไซะโก เฮดะเซมอน ทะเกซึระ" (ชื่อยากมาก...) เขาเป็นซามูไรที่เก่งสงครามมากและมีัชื่อเสียงในสมัยเอเกียว ต่อมาราชสำนักคิกุยิล่มสลาย เขาจึงเป็นซามูไรไร้นาม(ไม่มีเจ้านาย) ถึงเขาจะมีฝีมือที่เก่งกาจมีใครๆก็อยากได้เขามาเป็นลูกน้อง แต่เขายังคงจงรักภักดีกับราชสำนักคิกุยิอยู่จึงหันหลังให้ทางโลกและมุ่งสู่ทางธรรม เขาบวชเป็นภิกษุฉายาว่า"ไกวเรียว"
พระไกวเรียวถึงจะเป็นพระภิกษุที่เลื่อมใสในพระพุทธศาสนา แต่ด้วยรูปลักษณ์ที่เป็นลักษณะชายชาตินักรบจึงยังเป็นที่แกร่งของผู้คน พระไกวเรียวจึงเลือกจะออกธุดงค์ไปยังที่ต่างๆ (โดยเฉพาะในที่ๆทุรกันดาร)ซึ่งในสมัยนั้นไม่มีพระภิกษุรูปใดที่จะเลือกออกธุดงค์เลยด้วยกลัวเหตุอันตรายทั้งสถานการณ์ที่ไม่ปลอดภัย โจรผู้ร้ายต่างๆนานา แต่พระไกวเรียวกลับไม่กลัวและมุ่งหน้าเดินทางธุดงค์แสวงหาที่สงบเพื่อทำจิตภาวนาสมาธิ
พระไกวเรียวท่านธุดงค์มาถึงจังหวัดไค อันเป็นจังหวัดที่ทุรกันดารมากๆอยู่ในป่าเขา ตอนนั้นก็มืดมากท่านจึงแวะพักค้างแรมในป่า (ไม่เข้าใจว่าพระญี่ปุ่นกับพระบ้านเราคงไม่เหมือนกันและอีกอย่างการธุดงค์ของเขานั้น ไม่ทราบเป็นแบบที่ปัดกลดเหมือนกันหรือเปล่า....) ในขณะีที่พระไกวเรียวกำลังจะล้มตัวลงนอนเพื่อพักผ่อนที่เหนื่อยจากการเดินทางมาไกล ชายตัดฟืนเดินทางพามาและนิมนต์พระไกวเรียวไปพักค้างแรมที่บ้านของตน
พระไกวเรียวไปที่บ้านของชายตัดฟืนตามที่ชายตัดฟืนนิมนต์ พอพระไกวเรียวเข้าไปภายในบ้านก็พบกับครอบครัวของชายตัดฟืน พวกเขาที่ความเคารพก้มศีรษะอย่างอ่อนน้อมและมีมารยาท ท่าทีเหมือนเป็นผู้ที่ได้รับการอบรมมาอย่างดี พอไปๆมาๆชายตัดฝืนได้พูดถึงประวัติความหลังของตนเองและครอบครัวขึ้นว่า "เดิมทีตนเองรับงานราชการมีสมบัติและบริวาร แต่ด้วยพอสัมผัสกับสิ่งเหล่านั้นจงกิเลศความโลภเข้าตาจึงโกงแผ่นดิน และตนเองได้ฆ่าผู้คนที่บริสุทธิ์ตายไปมากมาย พอมาสำนึกได้ก็รู้ว่าตนทำบาปอย่างมหันต์จึงทิ้งทุกอย่างมาอยู่กันในที่ห่างไกลและปลอดผู้คน จึงมีความเป็นอยู่อย่างสงบยึดอาชีพตัดฟืนหาเงินเลี้ยงชีพ บางทีสวดมนต์ทำบุญยึดพระพุทธศาสนาเป็นที่พึ่ง มีโอกาศจะช่วยใครได้ก็ช่วยเผื่อสามารถจะลบล้างบาปที่ตนได้ก่อไว้..."
พระไกวเรียวก็ยินดีเป็นอย่างยิ่งที่ได้มาพบกับคนที่เรียกว่า โจรกลับใจ ท่านได้ค้างคืนที่บ้านหลังนี้โดยชายตัดฟืนและภรรยาจัดห้องและที่นอนให้แก่พระไกวเรียว ทุกคนในบ้านหลับกันหมดเว้นแต่พระไกวเรียวที่ยังคงบริกรรมสวดมนต์อยู่ พอท่านสวดมนต์เสร็จก็หวังจะออกไปสูบอากาศที่นอกบ้าน ระหว่างออกจากห้องท่านก็เดินผ่านห้องนอนของเจ้าของบ้านคือชายตัดฝืนและครอบครัว อยู่ๆท่านต้องตกใจกับภาพที่เหตุ...คือร่างทั้ง5ของครอบครัวชายตัดฝืนไม่มีหัว...!!!
ท่านคิดว่า"น่าสงสารจริงๆ สงสารมีคนใจร้ายใจดำมาสังหารครอบครัวนี้ เอะทำไมเราไม่ได้ยินเสียงของความเจ็บปวดหรือเสียของผู้บุกรุกทั้งๆที่เราก็สวดมนต์อยู่น่าจะได้ยินนี่ และอีกอย่างนี้จะเป็นฆาตกรรมจริงเหรอ ก็ไม่มีรอยคราบเลือดอะไรเลย และร่างนั้นก็ดูนิ่งเหมือนนอนหลับอยู่เฉยๆ... หรือว่าเราจะ....เจอเข้ากับโระคุโระคุบิเสียแล้ว....!!!!"
พระไกวเรียวทราบดังนั้นก็คิดขึ้นได้ว่า หากพบร่างของโระคุโระคุบิเช่นนี้ ให้จับร่างหันไปยังอีกข้างหนึ่ง ท่านทราบว่าเมื่อเจ้าหัวกลับมาเข้าร่างและ้เห็นว่าร่่างของมันถูกกลับข้างล่ะก็มันจะเข้าร่างมันไม่ได้และจะร่วงลงมาดิ้นไปมาและตายไปในที่สุด พอท่านออกไปนอกบ้านและได้ยินเสียงเหมือนคนพูดกัน ท่านแอบเข้าไปหลังพุ่มไม้ก็พบว่าเป็นผีโระคุโระคุบิที่เป็นหัวลอยไปมาและมันกำลังสนทนากัน สรุปว่ามันจะกินพระไกวเรียว ซึ่งหัวของภรรยาชายตัดฟืนลอยเข้าไปในนอนและออกมาอย่างหน้าตาตื่น "ท่านพี่พระนั้นไม่อยู่แล้วและร่างของพวกเราถูกจับหันข้างกันหมดเลย"
เจ้าหัวผีของนายตัดฟืนตกตะลึงกลัว "หากเป็นเช่นนี้เราก็ตายกันหมดซิเย่แล้ว...เราต้องหาพระนั้นไม่พบและกินมันเป็นการแ้ก้แค้น"
เจ้าหัวผีทั้ง 5 หัวก็ลอยไปมาเสียงเหมือนแมลงบินไปมา และมันก็พบเข้ากับพระไกวเรียวที่ซ่อมอยู่หลังพุ่มไม้ พระไกวเรียวใช้ท่อนไม้ที่พบในแถวนั้นไล่ตีเจ้าหัวผี หัวผีคนตัดฟืนเข้ากัดแขนของพระไกวเรียวท่านตีทุบหัวของมันจนมันตาย พระไกวเรียวก็พยายามจะเเกะไม่ออกฟันยังคงฝังในแขนเสื้อพอแสงอาทิตย์เริ่มส่องบนท้องฟ้า หัวผีอีก 4 หัวพากันกรีดร้องและลอยหนีเข้าไปในบ้าน
พระไกวเรียวเห็นของชายตัดฟืนที่กัดติดกับแขนเสื้อกลายเป็นหัวที่มีเลือดไหลออกมา "มันตายแล้ว...ดีจริงการธุดงค์ทั้งนี้ได้ของที่ระลึกเป็นหัวปีศาจ...ฮา...ฮา...ฮา.."
พอท่านเข้าไปในบ้านเพื่อจะเก็บของเพื่อที่จะเดินทางต่อไป ภรรยาและบุตรของชายตัดฟืนที่คืนสภาพเป็นคนธรรมดา ทั้งตายมีแต่รอยเลือดทั้งหูตาและหน้า พอได้เห็นพระไกวเรียวเท่านั้นก็กรีดร้องด้วยความกลัวและร้องไห้พากันวิ่งหนีท่านออกไปจากบ้าน ท่านเก็บของสัมภาระเสร็จก็ออกเดินทางโดยมีเจ้าหัวปีศาจคงเกาะแขนเสื้อของท่านอยู่ และท่านก็ออกธุดงค์ต่อไป
ท่านเดินทางผ่านมาถึงตำบลซุวะ เมืองชินะโนะ คนที่พบเห็นท่านกับหัวคนที่กัดติดแขนเสื้อที่เวลาท่านเดินไปมาหัวมันก็จะเกว่งไปมา เป็นภาพที่สร้างความกลัวสยดสยองต่อผู้ที่พบเห็น จนกระทั่งตำรวจท้องที่เข้ามาจับตายไปข้อหาเป็นผู้ร้ายใจโหด.. (เพราะเขายังไม่ทราบว่าเจ้าหัวที่ห้อยอยู่มันเป็นหัวโระคุโระคุบิ) ท่านถูกจำึคุกและสืบสวนเป็นเวลานาน จนสามารถลงข้อสรุปได้ว่า เจ้าหัวนั้นเป็นหัวของผีโระคุโระคุบิ เพราะเป็นหัวที่ไม่มีลักษณะของการถูกตัดขาดด้วยอาวุธของมีคม แต่คล้ายกับผลไม้ที่ถูกเด็ดออกจากต้น คือ ออกมาจากตัวอย่างนั้น ท่านจึงพ้นข้อกล่าวหา เหล่าเจ้าหน้าที่จึงกล่าวว่า"ท่านช่างเป็นพระที่น่าเกรงขามว่าได้ไม่น่าจะเป็นพระทรงศีลเลยน่าจะเป็นนักรบเสียมากกว่า" พระไกวเรียวจึงบอกว่า "จริงๆแล้วเราในอดีตเคยเป็นซามูไรรับใช้ราขสำนักคิกุยิ " จากนั้นข่าวนี้เป็นที่ทราบ เหล่าซามูไรที่เคยเป็นเพื่อนกันมาก็เข้ามาเยี่ยมเยือนนำของมาถวายมากมาย พยายามจะให้ท่านกลับเข้าวงการซามูไรอีกครั้ง แต่ท่านปฎิเสธและท่านยังคงเดินทางธุดงค์ต่อไป เรื่องของท่านที่เผชิญกับผีโระคุโระึุคุบิกลายเป็นเรื่องที่โด่งดัง เป็นเรื่องที่เล่ากันปากต่อปากเป็นข่าวคราวของ"พระผู้กล้าที่เผชิญกับผีโระคุโระคุบิที่จังหวัดไค" และเรื่องนี้ยังเป็นเรื่องผีที่นิยมในญี่ปุ่นจากอดีตจนถึงปัจจุบัน
แต่เรื่องนี้ยังไม่จบลงเท่านี้ พระไกวเรียวได้เดินทางผ่านไปยังที่เป็นทางโจร ท่านจึงถูกโจรปล้น และท่านได้มอบหัวปีศาจตนนี้แก่โจรพร้อมเงินที่เพื่อนซามูไรถวายมาให้ด้วย เ้จ้าโจรก็ไม่เชื่อว่าหัวที่ติดแขนเสื้อมานั้น เป็นหัวผีโระคุโระคุบิ ท่านก็เตือนโจรแล้วว่าหากเก็บหัีวนั้นไว้กับคนธรรมดาวิญญาณร้ายของมันจะตามมาแก้แค้น แต่โจรมันยังไม่เชื่อ ยังหาว่าท่านปั้นน้ำเป็นตัวแต่งเรื่องมาหลอก แต่ก็ไม่รู้จะว่าอย่างไรจึงปล่อยเลยตามเลย
เจ้าโจรก็หวังใช้หัวคนนี้เป็นเครื่องมือใช้ขู่ในคนกลัวเพื่อง่ายต่อการปล้น แต่มันได้รู้ความจริงว่าหัวที่มันได้มาเป็นของผีโระคุโระคุบิจริงๆ ก็เมื่อเพื่อนโจรด้วยกันที่เมืองชินะโนะมาเยี่ยมและบอกว่าหัวนั้นเป็นหัวผีจริงๆ เจ้าโจรถึงกลับหน้าถอดสี มันแย่แน่ถ้ายังเอาหัวนั้นไว้ มันจึงไปยังบ้านของชายตัดฟืนแล้วจะเอาร่างของมันไปฝังไว้กับหัวของมันเพราะเป็นความเชื่อว่า ศพที่อวัยวะไม่ครบจะไม่ได้ไปสู่สุคติ มันก็พยายามหาร่างแต่ไม่พบ มันจึงเอาเพียงหัวนั้นไปฝังไว้ในบริเวณใกล้ๆกระท่อมและเอาก้อนหันวางทับไว้เป็นสัญลักษณ์บ่งบอกว่าเป็นหลุมฝังหัวของผีโระคุโระคุบิ และหลุมนั้นยังคงมีอยู่ถึงปัจจุบัน...
เรื่องผีเรื่องถ้าจะเป็นจริงเพราะมีเหตุการณ์เกิดขึ้นจริงในประวัติศาสตร์และช่วงเวลาที่แน่นอนรวมถึงหลักฐานและสถานที่ที่มีอยู่จริงจนกระทั่งถึงปัจจุับัน...
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น