ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    บูรพาเทพ ตำนานเทพเจ้าจีน

    ลำดับตอนที่ #4 : สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควาย

    • อัปเดตล่าสุด 4 ต.ค. 53


       
       
    สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควาย

            ตำนานของเทพสององค์นี้ ช่างเป็นเรื่องที่ต่างกันราวฟ้ากับดิน เพราะสาวทอผ้าเป็นถึงนางฟ้า1ใน7นางฟ้าพระราชธิดาแห่งเง็กเซียนฮ่องเต้เลยทีเดียว ส่วนหนุ่มเลี้ยงควายเป็นมนุษย์เดินดินธรรมดา ซึ่งมีเรื่องเล่ากันมาว่า เทพธิดา7 นามว่า "จือหนี่"ได้ลงมายังโลกและมาพบรักกับหนุ่มเลี้ยงควาย นามว่า "หนิวหลาง"ซึ่งแปลตามตัวเลยว่า เด็กเลี้ยงควาย 

     


         มีำตำนานหนึ่งเล่าว่า หนิวหลางเป็นคนเลี้ยงควายเขากำพร้าพ่อและแม่ เขาจึงต้ิองไปอาศัยอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้ใจร้าย เขาถูกสั่งให้ทำงานหนักในนาของตนเอง มีอยู่วันหนึ่งหนิวหลางเกิดรัดทนใจในโชคชะตาของตนเองจึงนั่งลงอิงกับต้นไม้เลยบ่นรำพันกับตัวเองขึ้นว่า

    "ชีวิตเราน่ารัดทนเสียเหลือเกิน... เหมือนอยู่ตัวคนเดียวมีพี่ชายก็เหมือนไม่มี เปล่าเปลี่ยวใจเหลือเกิน น่้าจะหาผู้หญิงสักคนมาเป็นเพื่อนคู่คิดสักคนจังเลย... แต่เรามีรัดทนจะเอาเงินที่ไหนไปสู่ขอเขาล่ะ"


     


        เจ้าควายแก่กำลังเล็มหญ้าอยู่นั้นได้ยินคำรำพันของผู้เป็นนาย ด้วยความเห็นใจ จึงสำแดงพูดเป็นภาษามนุษย์กับหนิวหลางผู้เป็นนายว่า "นายท่าน ท่านอยากจะแต่งงานใช่หรือไม่"
       
        หนิวหลางตกใจมาก "เจ้าพูดได้หรือนี้"
           
    "นายท่านอยากกลัวข้าเลย ข้าสงสารนายท่านจึงอยากจะช่วยท่าน เอาอย่างนี้ข้าจะช่วยให้ท่านได้เทพธิดามาเป็นภรรยาท่าน"

        "เจ้าควายประหลาดเจ้าจะบ้าหรือ เทพธิดาจะมาเป็นภรรยามนุษย์ธรรมดาได้เช่นไรกัน"

       "ดีไม่้ใช่หรือ เทพธิดาเลยนะ ทั้งสวยทั้งงามและมีอำนาจ"

       "มันก็น่าสนนะ แต่จะเป็นไปได้เหรอ"

       "พรุ่งนี้เป็นวันขึ้น7ค่ำเดือน7 เป็นวันที่เทพธิดาทั้ง7 ซึ่งเป็นหลายแห่งพระแม่สวรรค์ ซีหวังหมู่ จะทรงลงมาเที่ียวบนโลกมนุษย์โดยลงเล่นน้ำที่สระน้ำช้างเผือก นายท่านจนแอบซ่อนตัวในพุ่มไม้ และขโมยอาภรณ์ของเทพธิดาองค์หนึ่งมา และเทพธิดาองค์นั้นจะเป็นภรรยาของนายท่าน"


     

    เทพธิดาจื่อหนี่เป็น1ใน7นางฟ้า
    พระราชธิดาแห่งเง็กเซียนฮ่องเต้

       หลังจากนั้นพอวันรุ่งขึ้น หนิวหลางก็ได้ทำหน้าที่ของตนตามปกติ จนรอเวลาถึงตอนเย็น หนิวหลางพร้อมด้วยควายแก่ก็พากันไปยังสระช้างเผือกและแอบตัวในพุ่มไม้ จนฟ้ามืดสนิทผ่านไปหลายชั่วยาม ก็ปรากฏเสียงบรรเลงดนตรีที่ำไพเราะดังขึ้น ปรากฏหญิงสาว 7 นางในเครื่องอาภรณ์ที่งดงาม ถอดเครื่องอาภรณ์ลงเล่นน้ำอย่างสนุกสนาน (ว่าไปคล้ายวรรณคดีบ้านเรา เรื่อง พระสุธน กับ นางมโนราเหมือนกันนะนี้) หนิงหลางแอบขโมยชุดเครื่องอาภรณ์เป็นผ้าแถบงดงามได้ผืนหนึ่ง พอเหล่าเทพธิดาเล่นน้ำกันเสร็จต่างก็ขึ้นมาหยิบเครื่องทรงของตนเองแต่งองค์เสร็จก็พากันเหาะขึ้นฟ้ากลับสวรรค์ มีเพียงแต่เทพธิดาองค์เล็กที่หาผ้าแถบของตนไม่เจอ เทพธิดาตามหาผ้าแถบทิพย์นั้นนานอยู่พอควร หนิวหลางจึงออกจากที่ซ่อนและเผยตัวว่าตนเป็นผู้ขโมยผ้าแถบนั้นไป เทพธิดาจึงถามว่า

      "ท่านขโมยผ้าแถบของเราไปด้วยเหตุอันใด"

       "เราต้องการให้พระองค์มาเป็นภรรยาเรา"

     


       เทพธิดายอมเป็นภรรยาของหนิวหลาง และอยู่กินกันฉันสามีภรรยา หนิวหลางปกปิดความเป็นมาของภรรยาสาวไม่ให้ใครทราบแม้กระทั่งพี่ชายและพี่สะใภ้ หนิวหลางยังคงทำนาเลี้ยงควายตามเดิม ส่วนเทพธิดามีความชำนาญในการทอผ้า เย็บปักถักร้อยได้เยี่ยม ผู้คนทั้งหลายจึงเรียกนางว่า "จือหนี่" แปลตามตัวว่า สาวทอผ้า สาวทอผ้าทอผ้าและเย็บผ้าขายเลี้ยงชีพได้รายได้ดี เพราะผ้าของนางเป็นผ้าอย่างดี ด้วยว่าเป็นผ้าที่เกิดจากพลังทิพย์ของเทพจึงมีความงามเหนือกว่าผ้าธรรมดาบนโลกมนุษย์
       ทั้งสองอยู่ด้วยกันความมีความสุขจนมีลูกด้วยกัน สอง คนเป็นชายคนหญิงคน กำลังอยู่ในวัยน่ารักน่าชัง บังเอิญวันหนึ่งหนิวหลางไปทำธุระนอกบ้าน จือหนี่เลี้ยงลูกทั้งสอง พระแม่สวรรค์ทราบเรื่องเข้าทรงกริ้วมาก จึงรับสั่งให้ท้าวจตุโลกบาลลงไปจับเทพธิดาขึ้นกลับสู่สวรรค์
        ท้าวจตุโลกบาลลงมาจับกุมเทพธิดาในขณะที่กำลังเลี้ยงลูกอยู่นั้น เจ้าควายแก่เห็นเข้าก็พยายามเข้าช่วยเทพธิดา แต่แล้วก็มิอาจจะสู้พลังของท้าวจตุโลกบาลได้ พอหนิงหลางกับมาก็พบว่าภรรยาสุดที่รักถูกจับตัวไป ตนเองก็พยายามไปตามจือหนี่คืนมา แต่การจะไปสวรรค์ทั้งๆที่เป็นๆมันเป็นเรื่องเป็นไปไม่ได้
       เจ้าควายแก่ยอมพลีกายช่วยเหลือนายของมันเป็นครั้งสุดท้าย

       "นายท่านหนังของข้ามีพลังอำนาจวิเศษ มันอาจจะช่วยพานายท่านไปหาเทพธิดาได้ นายท่านจงฆ่าข้าและถลกนำหนังข้าไปเถิด"

       "ข้าทำเจ้าไม่ได้หรอก"


     


       ไม่ทันขาดคำเจ้าควายแก่ก็วิ่งหัวชนกับผนังจนตาย หนิงหลางเสียใจมาก แต่ก็ยอมทำตามที่เจ้าควายแก่ว่าไว้ เขาถลกหนังมันออกมาและห่มไว้และัร่างของคนก็เหาะลอยขึ้นสู่ท้องฟ้าเบื้องบน ไปปรากฏกลางเทวสภา ท่ามกลางหมู่เทพเจ้าที่กำลังจะตัดสินโทษของเทพธิดา พระแม่แห่งสวรรค์กริ้วเป็นอันมากจึงใช้ปิ่นปักผมปักลงสู่พื้นสวรรค์และอธิษฐานให้พื้นสวรรค์แยกออกเป็นสายธารสีขาวกั้นระหว่างหนิงหลางกับจื่อหนี่
        เขาทั้งสองอยู่กันคนละฝั่งแล้ว หนิงหลางพยายามจะมาตามภรรยาที่รักกลับบ้าน แต่เขาก็ต้องคว้าน้ำเหลว ด้วยพระเมตตาแห่งเง็กเซียนฮ่องเต้ผู้เป็นประมุขฟ้า ทรงขอความพระกรุณาจากพระแม่สวรรค์ให้หนิงหลางกับจื่อหนี่พบกันเพียงปีละครั้ง พระแม่แห่งสวรรค์ทรงอนุญาต จากนั้นเหล่าทวยเทพตั้งจิตอธิษฐานบันดาลมีนกกลุ่มหนึ่งบินเข้ามาและเกาะกลุ่มกันเป็นสะพานให้หนิงหลางกับเทพธิดาจื่อหนี่ข้ามมาพบกัน นี่คือตำนานสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควาย บางตำนานว่าหนุ่มเลี้ยงวัว

     


          อีกตำนานหนึ่งเล่าว่า เทพธิดาทอผ้าเกิดหลงใหลในความงดงามของโลกมนุษย์ จึงลงมาท่องเที่ยวยังโลกมนุษย์ จนมาพบกับหนุ่มเลี้ยงควายที่น่าสงสาร ด้วยความที่ว่าเขาเป็นคนอาภัพน่าสงสารแต่เป็นคนดี เพราะเขาเข้ามาเมืองหลวงเพื่อทำงานหาเงินไปเป็นค่าทำพิธีฝังศพของบิดาที่บ้านนอก เทพธิดาจึงจำแลงเป็นหญิงสาวชาวบ้าน (บางตำนานว่าเทพธิดาลงมาเที่ยวยังโลกมนุษย์และพักอาศัยกับหญิงชรา และนางยังสอนเทพธิดาในเรื่องการทอผ้าจนเทพธิดาชำนาญ หญิงชราจึงเรียกเทพธิดา ว่า "จื่อหนี่" ซึ่งแปลว่า สาวทอผ้า เย็บผ้านั้นเอง ) มาร่วมทำงานช่วยเขาและต่อมาทั้งสองอยู่กินกันจนมีลูกด้วยกัน แต่เรื่องราวกับไปรู้ถึงเจ้าแม่ซีหวังหมู่ พระแม่แห่งสวรรค์ ทรงสั่งให้ท้าวจตุรโลกบาลมาจับสาวทอผ้ากลับสวรรค์ สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควายจึงถึงพลักพรากจากกัน หนุ่มเลี้ยงควายถึงจะเป็นมนุษย์เดินดินไม่มีพลังอำนาจวิเศษใดๆก็ตาม แต่ก็ด้วยความพยายามในความรักเดินทางมายังสวรรค์จงได้ แต่พอสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควายพบกันทั้งสองก็หมายจะวิ่งไปหากัน แต่พระพันปีหลวงกลับใช้ปิ่นปัดผมของพระองค์ปาให้ล่องกลางระหว่างสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควาย เกิดว่าแผ่นฟ้าเคลื่อนออกจากกัน เกิดเป็นสายน้ำสีขาว( ทางช้างเผือก ) บังเกิดขึ้น ทำให้หนุ่มเลี้ยงวัวกับสาวทอผ้าอยู่กันคนละฝั่ง หนุ่มเลี้ยงควายต่างร่ำไห้กันอยู่คนละฝั่ง ทั้งสองคิดว่าคงไม่ได้อยู่ร่วมกัน เทพเจ้าบางองค์ก็ไม่ได้ไร้หัวใจพากันช่วยบันดาลฝูงนกบินมาต่อกันเป็นสะพาน ให้สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวข้ามมาพบกัน แต่จะเป็นเช่นนี้ต่อปีละครั้งเท่านั้น....



     


        ตำนานสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควายถือเป็นตำนานความรักอมตะนิรันดร์กาลที่ทุกคนกล่าวขานกัน ชาวจีนจึงจัดพิธีไหว้สาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงวัวในวันขึ้น 7ค่ำ เดือน7ของทุกปี ซึ่งเขาทั้งจะเดินทางมาพบกัน ความจริงแล้วสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควายนั้นคือ ดาวสองดวง ที่เขาว่าจะโคจรเข้ามาหากันทุกปีในช่วงนั้น ชาวจีันเรียกว่าดาวจือหนี่ และ ดาวหนิงหลาง จึงกลายเป็นที่มาของตำนานนี้ก็เป็นได้ ตำนานเรื่องนี้ยังมีอิทธิพลในวัฒนธรรมของญี่ปุ่น คือ เทศกาลคานาบาตะ ซึ่งมีเรื่องราวตำนานเหมือนกับของชาวจีน ที่ว่าสาวทอผ้ากับหนุ่มเลี้ยงควายจะข้ามทางช้างเผือกมาพบกันทุกปี (ในนิยายไทยบ้านเราเรื่องคู่กรรม โกโนริก็พูดถึงเรื่องนี้เช่นกัน และในเนื้อเพลงคู่กรรมก็มีการกล่าวเปรียบเปรยว่าโกโมริจะไปรออังศุมาลินที่ทางช้างเผือก ดูเหมือนโรแมนติกจัง ^ ^ )และคนญี่ปุ่นจะนำกิ่งไม้ไผ้มาตั้งไว้ในบริเวณบ้านและตกแต่งอย่างสวย และเขียนคำอธิษฐานและแขวนไว้เพื่อขอพรจากสาวทอผ้าและหนุ่มเลี้ยงควาย 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×