ลำดับตอนที่ #2
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คำตอบของอาการที่เป็นอยู่
เพชรเข้ากับสังคมใหม่ของการเป็นนักเรียนม.ปลายได้แล้ว เพื่อนใหม่ของเขารักและชื่นชอบในตัวเขามากด้วยเพชรเป็นคนมีน้ำใจและใจดีชอบช่วยเหลือเพื่อนอยู่เสนอจนได้รับการแต่งตั้งเป็นหัวหน้าห้อง และเพชรเองต้องต่อสู้กับการเรียนที่เปลี่ยนไปที่ต้องพึ่งตนเองมากขึ้น และการเรียนที่ยากขึ้นเพราะภาษาฝรั่งเศสที่เขาเรียนนั้นเป็นภาษาใหม่ของเขาจึงเท่ากับว่าเป็นสิ่งแปลกใหม่ของเขาเลยก็ว่าได้
เพชรยังมีอารมณ์นั้นอยู่บ้างบางครั้ง นึกถึงใบหน้าของปิยวุฒิและเหตุการณ์อุบัติเหตุในครั้งนั้น เพชรกลับมองว่ามันเป็นเหตุการณ์ที่จำติดตาจึงมีการคิดหรือนึกถึงเท่านั้น
วันหนึ่งขณะที่เพชรกำลังกลับบ้านด้วยตนเองหลังจากที่ขออนุญาตพ่อกับแม่แล้วว่าขอกลับบ้านด้วยตนเอง โดยเพชรต้องเดินมาขึ้นรถสองแถวยังจุดจอดรับลูกค้าซึ่งไกลจากโรงเรียนมากพอสมควร เพชรยืนรออยู่สักพักและรถสองแถวก็จอดรับเขา เพชรขึ้นยืนจับราวด้วยที่นั่งเต็ม เพชรกำลังมองวิวข้างทางไปเรื่อยๆ และแล้ว
"ทำไมกลับบ้านเย็นจัง" เสียงที่คุ้นเคยดังขึ้น
เพชรหันไปปรากฏว่า "เฮ้...ภูมิชาย เป็นไงบ้าง" เจ้าของเสียงนั้นคือ ภูมิชายเพื่อนที่เรียนมาด้วยกันกับเพชรตั้งแต่ ม.1จนถึงม.3 แล้วไปเรียนต่อทางสายอาชีพที่โรงเรียนเทคนิคประจำจังหวัด ภูมิชายเป็นหนุ่มหน้าคมสีเข้มคมสัน ตัวเล็กแต่ดูดี
"สบายดี แล้วเพชรล่ะเป็นไรบ้างเนี่ย และทำไมกลับบ้านเย็นจัง"
"เราก็สบายดี แต่เรียนหนักกิจกรรมเยอะ และกลับบ้านเย็นเพราะติดกิจกรรมทางโรงเรียนอ่ะ"
"คิดถึงว่ะ ไอ้เพชร"
"เช่นกัน" เพชรยิ้มจนเห็นฟัน
และแล้วรถสองแถวก็จอดรับลูกค้าขึ้นอีกจนเต็มคัน ภูมิชายต้องมายืนเบียดกับเพชรจนแนบเนื้อ เพชรรู้สึกขนลุกอีกครั้งเหมือนตอนที่ถูกตัวปิยวุฒิ แต่เพชรก็ไม่แสดงอาการอะไรนัก และชวนภูมิชายคุยกันเรื่อยจนใกล้ถึงบ้านของเพชร เพชรจึงลาภูมิชายและกดกริ่งให้รถจอด เพชรลาภูมิชายแล้วลงจากรถไปจ่ายค่าโดยสารที่หน้าคนขับซึ่งเปิดกระจกรออยู่ เพชรจ่ายค่าโดยสารเสร็จแล้วเดินออกมารถแล่นออกไปอย่างรวดเร็ว เพชรมองรถคันนั้นไม่ห่างสายตาด้วยยังนึกถึงภูมิชายเพื่อนสนิทที่เรียนกันมาตั้งแต่ม.1 แต่สิ่งที่เพชรสนสัยคือทำไมอาการขนลุกเช่นนั้นจึงเป็นความรู้สึกที่ตนเองรู้สึกดีเช่นนี้ ทั้งๆที่อาการขนลุกน่าจะเป็นอาการที่แสดงถึงความน่ารังเกลียดแต่กลับไม่เป็นเช่นนั้น เพชรเดินเข้าซอยไปไม่เท่าไรก็ถึงบ้าน เพชรไขประตูเข้าบ้านยกมือไหว้ศาลพระภูมิ แล้วจึงเดินขึ้นบันไดบ้าน แม่ของเพชรนั่งดูทีวีอยู่
"สวัสดีครับแม่" เพชรยกมือสวัสดีแม่ของเขา
"มาถึงเหนื่อยๆ ในตู้เย็นแม่คั้นน้ำส้มไว้ให้เอาไปดิ่มก่อนนะ แล้วไปอาบน้ำซะ เหม็นกลิ่นเหนื่อยเหลือเกิน"
"ขอบคุณครับ" เพชรเดินไปเปิดตู้เย็นแล้วหยิบแก้วน้ำส้มออกมาแล้วเดินไปเข้าห้องนอนของตนเอง เพชรวางกระเป๋าลงกับพื้นแล้วนั่งที่เก้าอี้โต๊ะเขียนหนังสือ เขาค่อยๆดื่มน้ำส้มที่แสนจะหวานและเย็น จิตใจของเขาลอยจนเห็นภาพใบหน้าของปิยวุฒิปรากฏขึ้น เพชรถึงกับอมยิ้มอย่างเป็นสุข และก็คิดขึ้นอีกว่า ทำไมต้องคิดถึงพี่เขาด้วยน่ะ เพชรวางแก้วน้ำส้มลงกับโต๊ะเขียนหนังสือแล้วลุกขึ้นค่อยปลดกระดุกและถอดเสื้อออกแล้วโยนไปไว้บนเตียงจนเหลือกางเกงนักเรียน เพชรหยิบผ้าเช็ดตัวที่พาดไว้ที่ราวหน้าห้องน้ำ แล้วเขาก็อาบน้ำชำระเหยื่อไคล้จนสบายตัว เพชรสวมเสื้อยืดคอกลมสีเขียวเข้มและกางเกงขาสั้นสีเทาออกมาจากห้องพร้อมทั้งหยิบแก้วน้ำส้มและชุดนักเรียนไปที่ครัว เพชรวางแก้วไว้ที่อ่างล้างจานและโยนเสื้อชุดนักเรียนไปที่ตระกร้าใส่เสื้อผ้าที่นอกบ้าน แล้วเดินกลับเข้ามาในบ้าน ซึ่งแม่กำลังเตรียมกับข้าววางบนโต๊ะทานข้าว
"เพชรเดินไปบอกพ่อให้มาทานข้าว"
"ครับ"
เพชรเข้าไปในส่วนกลางของบ้านและหยุดที่หน้าประตูหนึ่งแล้วเขาก็เคาะประตูห้องนั้น "พ่อผมถามข้าวครับ" แล้วเพชรก็เดินออกจากตรงนั้นไปยังห้องทานข้าว
พ่อออกตามมาติดๆแล้วทั้งสาม พ่อ แม่และลูก ก็นั่งทานข้าวเย็นพร้อมกัน แล้วสนทนาเรื่องราวต่างๆ เพชรพูดภาษาฝรั่งเศสโชว์และได้รับคำชมจากพ่อและแม่ยิ่งทำให้เพชรมีแรงกำลังใจในการฝึกฝนและขยันเรียนยิ่งขึ้นไปอีก
จนถึงวันเสาร์พี่สาวของเพชรกลับมาบ้าน เพชรเข้าช่วยยกสัมภาระของพี่สาวไปส่งที่ห้องนอน พี่สาวของเพชรตอนนี้กำลังเรียนอยู่ระดับมหาวิทยาลัย ซึ่งเป็นมหาวิทยาลัยเอกชนที่มีชื่อเสียงแห่งหนึ่งของประเทศในสาขาการแสดง
เพชรกับพี่สาวสนิทกันมากและรักกันมากจึงมักไม่มีเรื่องที่สองพี่น้องจักปิดบังกัน เพชรเล่าอาการความรู้สึกที่ตนรู้สึกกับปิยวุฒิและภูมิชายให้พี่สาวฟัง
"แกแน่ใจนะเพชรว่า...แกรู้สึกอย่างนี้จริงๆ" พี่สาวถามเพื่อความแน่ใจ
"จริงครับพี่พลอย เพชรรู้สึกแบบนี้มาถึงสองครั้งแล้ว และบางทีก็ช่างนึกถึงแต่พี่ปิยวุฒิบ้างทีก็ภูมิชายเพื่อนสนิทของเพชรตอนม.1"
"แสดงว่า แก...ชอบผู้ชายเหรอ........" พี่พลอยตกใจที่ก็กล่าวด้วยเสียงที่เบาเพราะกลัวว่าพ่อแม่จักได้ยิน
"อะไรน่ะพี่พลอย"
"ก็แกนะรู้สึกดีเวลามีผู้ชายมาอยู่ใกล้ และมักนึกและคิดถึงแต่ผู้ชายสองคนนั้น แสดงว่าแกนะเป็นเกย์แล้ว ไอ้เพชร" พี่พลอยยังคงพูดเสียงเบาอยู่แต่ฟังรู้เรื่อง
"เอ้า เราเป็นเกย์หรือนี้" เพชรถึงกับงง
"ระวังเถิด พ่อแม่จักเสียใจ มีลูกชายคนเดียวอยู่ด้วย"
"อืม...." เพชรไม่พูดอะไรต่ออีกได้แต่เงียบ
"แต่เอาเถิด ยุคสมัยเปลี่ยนไปแล้ว ตอนนี้สังคมเปิดรับเกย์ กระเทย มากขึ้นแล้วนะ พี่เชื่อว่าพ่อแม่เขาคงเข้าใจ"
เพชรก็ยังคงเงียบอยู่ เขารับตัวเองไม่ได้ที่ว่าตนเองเป็นเกย์ และเขาเองก็ไม่อยากทำให้พ่อแม่เสียใจ จึงคิดจักเก็บความรู้สึกนี้ไว้แล้วไม่สนใจมันอีก
หลายวันเข้าเพชรก็อยู่กับการฝืนใจ และนับวันเข้าก็ยิ่งแย่กับอาการที่มันเป็นธรรมชาติของตนเอง เขาฝันและเห็นภาพของปิยวุฒิที่ปรากฏอยู่ในฐานะคนรักของเขา ซึ่งในความฝันนั้นช่างมีความสุขยิ่งนัก แต่พอเขาตื่นขึ้นก็ต้องพบว่ามันเป็นไปไม่ได้ เขาไม่อยากให้พ่อแม่เสียใจ และปิยวุฒิคงไม่ได้ชอบผู้ชาย เพชรจึงมักปฏิเสธความต้องการของตนเองมาโดยตลอด จนบางทีเขาเริ่มวาดภาพขึ้นทั้งๆที่ไม่มีทักษะในการวาดภาพที่ดีนัก เขาพยายามวาดิออกมาเป็นใบหน้าของปิยวุฒิแต่ก็ออกมาเป็นภาพวาดที่ยิ่งกว่าเด็กอนุบาลวาดเสียอีก แต่เพชรก็พึงพอใจแล้วพับเก็บไว้ในกระเป๋าสตางค์ของเขาเสมอมา
เพชรเข้าใจในสัญชาตญาณของตนเองว่าคงหลีกเลี่ยงจากความเป็นเกย์ไม่ได้ แต่เขาก็เลือกที่จักไม่เปิดเผยหรือเข้าหาชายที่เขารัก คือ ปิยวุฒิ ชายหนุ่มที่เขารักอยู่เต็มหัวใจ วันหนึ่งเพชรนั่งรถสองแถวผ่านบริเวณตลาดเก่าของเมืองแล้วเห็นปิยวุฒิขับมอเตอร์ไซค์เล่นอยู่นั้น เขาหลบหน้าเพราะอายและไม่อยากสนใจปิยวุฒิอีก พอปิยวุฒิขับมอเตอร์ไซค์เลยไปแล้วเพชรจึงหันหน้าออกในใจก็แสนจักทรมานทั้งๆที่คนที่ตนรักอยู่ตอนนี้แล้ว หากกระโดดจากรถสองแถวนี้ไปนั่งซ้อนบนมอเตอร์ไซค์ของปิยวุฒิได้เลยก็คงดี แต่มันเป็นไปไม่ได้
เพชรมักจักนั่งรถสองแถวชมวิวรอบเมืองเช่นนี้เสมอเพื่อหวังจักเห็นปิยวุฒิขับมอเตอร์ไซค์ผ่านอีกแต่ก็เป็นความล้มเหลวในทุกๆครั้ง เพชรเริ่มสืบว่าบ้านของปิยวุฒิอยู่ที่ไหนจากเพื่อนของตนเองที่สนิทกับครอบครัวของปิยวุฒิ ทั้งๆที่เพชรทราบอยู่เต็มอกแต่ก็ไม่กล้าแม้กระทั่งจักเดินผ่านหน้าบ้านของปิยวุฒิ เพชรต้องจมอยู่กับความขมขื่นที่อยากรักเขาแต่ก็ไม่สามารถรักได้....
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น