คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บ้านไม้
“เกิดการระเบิดขึ้นบนชั้น 14 ณ คอนโดหรูใจกลางมหานครกรุงเทพ...”
น้ำเสียงตื่นเต้นของนักสื่อข่าวสาวในชุดสูทสีดำดังขึ้นอย่างเคร่งเครียด แต่เจือไปด้วยแววกระตือรือร้น ตาทั้งสองจ้องตรงมายังกล้องถ่ายทอดสด เพื่อรายงานสถานการณ์ที่คอนโดแห่งหนึ่ง
“...เวลา 23.13 น. ของคืนนี้ โดยตำรวจได้สันนิษฐานว่าอาจเกิดจากสาเหตุแก๊สรั่ว โดยมีผู้เสียชีวิตจำนวนสองคนและ...”
ฟุ่บ!!
โทรทัศน์ถูกปิดลงด้วยรีโมตคอนโทรลในมือของนายตำรวจผู้หนึ่ง ใบหน้าเคร่งเครียดคล้ำแดด เต็มไปด้วยริ้วรอยจากการอุตสาหะทำงาน ทั้งที่เขามีอายุเพียง 43 ปี เท่านั้น
ตุ้บ!!
อุปกรณ์ในมือของนายตำรวจถูกตบลงบนโต๊ะอย่างแรง ดวงตาสีดำสนิทของเขาฉายแววกราดเกรี้ยวเสียจนไม่มีลูกน้องคนใดกล้าสบตา
ห้องที่แต่เดิมมีสภาพหดหู่ จากความตาย และความย่อยยับอยู่แล้ว จึงเพิ่มความเคร่งเครียดให้แก่ทุกๆคน แต่นั่นไม่ใช่เรื่องที่ทำให้ร้อยตำรวจเอก ธำมรงค์ สถิตยากาล เกรี้ยวโกรธ
“ทำไมถึงปล่อยให้คลาดตา!!”
ประโยคคำถามที่ดูเหมือนจะไม่ต้องการคำตอบ เช่นเดียวกับที่ไม่มีใครสามารถตอบได้...
‘ทั้งที่รู้อยู่ว่าเหยื่อกำลังตกอยู่ในอันตราย แต่พวกมันก็ยังเลินเล่อ!!’ นายตำรวจคิดอย่างกราดเกรี้ยว นัยน์ตาคมกริบ จ้องมองเรียงไปตามลูกน้องของตนที่หลบหน้าทันควันไปทีละคน ก่อนจะเอ่ยอย่างเฉียบขาด
“ค้นหาหลักฐาน ร่องรอย ทุกซอกทุกมุมในบริเวณ 5 กิโลฯ!ตรวจสอบกระสุนทั้งสองนัดอย่างละเอียด แล้วก็ปิดข่าว อย่าให้พวกสอดรู้เข้ามาจุ้นจ้าน ตามล่าฆาตกรให้เร็วที่สุด!รายงานความก้าวหน้าทุก 3 ชั่วโมง ปฏิบัติ!!”
ตำรวจชั้นผู้น้อยต่างรับคำอย่างเคร่งครัดทันทีที่พยางค์สุดท้ายของผู้เป็นหัวหน้าจบลง ก่อนที่ร่างทั้งหมดจะผ่อนความเกร็งลง เมื่อนายตำรวจก้าวออกไปจากสถานที่เกิดเหตุ
“โดนเฮียแหวนเล่นเลยวุ้ย”
พลตำรวจคนนึกโอดครวญออกมาเบาๆ โดยมีอีกหลายคนพึมพำอย่างเห็นด้วย
“แต่มันก็สมแล้วที่เฮียแกจะว่า พวกเราเลินเล่อจริงๆนี่หว่า...”
นายจ่าตำรวจคนหนึ่งพูดขึ้น ทำให้คนอื่นๆสลดไปตามๆกัน ความเงียบครอบงำพื้นที่ขึ้นชั่วขณะ ก่อนที่ร้อยตำรวจตรีคนหนึ่งจะเอ่ยขึ้นมา
“เอ้าๆ! ไปทำงานกันได้แล้ว ถ้างานไม่เดินโดนเฮียเล่นนะเว้ย!”
สิ้นคำ เจ้าหน้าที่ตำรวจทุกนาย ก็ต่างกลับไปประจำหน้าที่ของตน และทำงานกันอย่างขยันขันแข็ง...
---------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
ติ๊ด!!
เสียงหนึ่ง ดังขึ้นจากกระเป๋ากางเกงของเลนส์ ซึ่งเขาได้ยินอย่างชัดเจนท่ามกลางกลุ่มคนมากมายและล้วงมือเข้าไปคว้ามันขึ้นมาทันที จึงพบกับข้อความจำนวนหนึ่งปรากฏบนเพจเจอร์อันจิ๋ว
‘ตะวันออก 22 ก้าว เหนือ 15 ก้าว คะวันออก 52 ก้าว ใต้ 20 ก้าว ตะวันตก 5 ก้าว เปิดประตู’
เด็กหนุ่มแค่นยิ้มเล็กน้อย ก่อนเก็บสิ่งในมือลงไปในกระเป๋ากางเกงเช่นเดิม และก้าวเดินไปตามข้อความก่อนหน้าอย่างช้าๆ แต่แม่นยำราวกับท่องจำมาเป็นอย่างดี...
..................
ฝีเท้าของเด็กหนุ่มหยุดลงในตรอกโทรมๆอันวังเวงแห่งหนึ่งไม่กี่นาทีถัดมา ดวงตากลมโต แต่เรียบเย็นสีดำสนิทกวาดตามองบ้านสองชั้นหลังหนึ่ง ซึ่งมีสภาพที่เก่าแก่พอดู ประตูไม้ผุพังตามกาลเวลา แสดงให้เห็นถึงระยะเวลาที่มันได้ปกป้องบ้านผู้เป็นนายของมันได้เป็นอย่างดี
เสื้อแจ็กเกตหนาสีเทา กับกางเกงขายาวสีเดียวกัน อาจทำให้ลักษณะการแต่งตัวของเขาจะแตกต่างไปบ้าง แต่ในที่ที่แม้แต่แมลงยังอยู่อย่างยากลำบากนี่ จึงมีน้อยครั้งที่ผู้คนจะสนใจเรื่องของผู้อื่นมากกว่าตนเอง
เลนส์ใช้มือค่อยๆผลักบานประตูออกไป น่าแปลกที่ประตูที่มีอายุขนาดนี้ ทว่าไม่มีเสียงดังรบกวนขณะเปิดเลยแม้แต่น้อย ซึ่งเด็กหนุ่มก็ไม่ได้สนใจนัก
ร่างบางก้าวช้าๆอย่างระมัดระวังไปตามทางเดินอย่างเงียบกริบ ทั้งที่มีสภาพเสื่อมโทรมจากภายนอก แต่กลับไม่มีรู หรือช่องว่างใดๆนอกจากประตูที่เปิดอยู่ ที่แสงจะลอดเข้ามาได้แม้แต่น้อย รอบทางเดินจึงมีเพียงความมืดมิด
กริ๊ก!!
โลหะบางอย่างถูกจ่อเข้าที่สีข้างทั้งสองของเด็กหนุ่มอย่างรวดเร็ว แต่เขายังคงมีสีหน้าและแววตาที่นิ่งเฉย
“...ปิดประตู...” เสียงเสียงหนึ่ง ซึ่งแหบแห้งเสียจนฟังไม่สามารถบ่งบอกเพศของผู้พูดดังขึ้นจากด้านซ้ายมือของเขา
มือขวาภายใต้ถุงมือสีดำสนิท เอื้อมไปข้างหลัง และปิดประตูลงสีหน้าของเขายังคงนิ่ง เมื่ออาวุธที่เรียกว่าปืนในด้านซ้ายถูกยกขึ้น และกำลังถูกเปลี่ยนไปที่ลำคอ...
ทันใดนั้น อุ้งมือข้างหนึ่ง ก็คว้าหมับเข้าที่ข้อมือของคนตรงหน้า ก่อนจะหักลงอย่างแรง แล้วใช้มืออีกข้างเหวี่ยงร่างในความมืดกระแทกลงกับพื้นดังสนั่น ปืนในมือหลุดออก และเสียงใหญ่คำรามอย่างเจ็บปวด
เมื่อเห็นดังนั้น ผู้ที่เหลืออยู่ก็ตกอยู่ในความตื่นตระหนก นิ้วมือเตรียมเหนี่ยวไกปืน แต่แล้วก็ถูกเสยคางด้วยหมัดข้างหนึ่งอย่างแรง
ไม่มีการรั้งรอให้กรีดร้อง ฝ่ามืออีกข้างของนักฆ่าหนุ่ม คว้าหมับเข้าบนใบหน้าของผู้เคราะห์ร้ายและกระแทกลงกับพื้นทันที
เสียงของผู้หญิงครางอย่างเจ็บปวดเบาๆออกมาจากร่างนั้น ซึ่งไม่ทำให้เด็กหนุ่มสนใจนัก มือข้างหนึ่งของเขาล้วงเข้าไปในเสื้ออย่างรวดเร็ว คว้าเอาวัตถุสีเงินแข็งแกร่งออกมายกขึ้น
ศูนย์เล็งของเจ้าซิกซาวเออร์ขนาด 9 มม. ถูกเล็งไปที่ที่หนึ่งในความมืดมิด
ความเงียบอย่างน่ากลัวเกิดขึ้นในชั่วขณะนั้น แม้ความมืดจะกลืนกินแทบทุกสิ่ง ทว่าแสงสะท้อนจากโลหะทั้งสองยังพอมีให้เห็นอยู่บ้าง....และเสียงคล้ายประตูถูกเปิดออกก็ดังขึ้น
พั่บ!!
“เฮ้ย!!ทำไรกันน่ะ!?”
สวิตซ์ไฟเพดานถูกสับขึ้น พร้อมกับเสียงอุทานของสตรีดังขึ้นอย่างตกใจ
แสงสว่างเผยให้เห็นร่างของชายหนุ่มสูงใหญ่คนหนึ่ง กำลังยืนอย่างนิ่งเฉย ปืนพกอัตโนมัติขนาดยักษ์สีดำมะเลื่อมกระบอกหนึ่งอยู่ในอุ้งมือขวาหยาบกร้าน ถูกเล็งตรงไปยังดวงตากลมโตดำสนิทของอีกฝ่าย เช่นเดียวกับเด็กหนุ่มซึ่งเล็งตรงมาที่ดวงตากริบของเขา
ทั้งสองยังคงจ้องดวงตาของอีกฝ่ายเขม็งอยู่ ในขณะที่หญิงสาวผู้มาใหม่ถอนหายใจอย่างเบื่อหน่าย
“...สองคนเมื่อกี้ใคร?”
เลนส์เป็นฝ่ายเอ่ยปากขึ้นมาก่อน น้ำเสียงของเด็กหนุ่มนั้นเย็นยะเยือก กระนั้นชายหนุ่มตรงหน้า ก็แสยะยิ้มขึ้นมาทันทีที่สิ้นคำพูดของอีกฝ่าย และตามมาด้วยน้ำเสียงอันหยิ่งผยอง
“ทำไม จะยุ่งเรื่องชาวบ้านรึไง ไอ้หน้ากระเทย”
สิ้นคำสุดท้ายของประโยค ดวงตาของเด็กหนุ่มมีแววโกรธเคืองขึ้นมาทันที แต่แล้วมันก็กลับมาเย็นยะเยือกอีกครั้ง อาวุธในมือยังคงอยู่ในท่าพร้อมยิงเสมอ
“นี่!เลิกกัดกันสักที เราเป็นทีมเดียว...”
“...ซุสห้ามไม่ให้มีสมาชิกเพิ่ม นอกจากรายชื่อที่ปรากฎในคำสั่ง...”
เลนส์เปรยขึ้นมา โดยที่ไม่สนใจเสียงหวานอันหงุดหงิดของหญิงสาว
ชายหนุ่มยักคิ้วอย่างกวนโมโห เช่นเดียวกับคำพูดที่เอ่ยตอบ
“แล้วจะทำไมขอรับ คุณหญิง?”
ปัง!!!
“เฮ้ย!!!”
เสียงการระเบิดของดินปืนดังขึ้นทันทีหลังจากสิ้นคำของชายหนุ่ม โดยมีหญิงสาวร้องที่ร้องเสียงหลงตามมา
ทว่า ชายหนุ่มผู้ที่น่าจะดวงตาข้างซ้ายกลวงไปแล้วนั้น กลับยังปลอดภัยเรียบร้อยทุกประการ คงมีเพียงลำคอเท่านั้น ที่ต่างไปจากเดิมจากการเอียงคอเล็กน้อยเมื่อครู่ ริมฝีปากยิ้มอย่างกวนโมโห และตามด้วยวาจาเฉกเช่นเดียวกัน
“แหมๆใจร้อนจริงๆน้า ไม่ทราบว่าวันนั้นของเดือนมาไม่ปกติหรือขอรับ นายหญิง?”
คิ้วของเด็กหนุ่มผู้มีใบหน้าละม้ายคล้ายหญิงสาวกระตุกทันที นิ้วมือเตรียมจะลั่นไกอีกหน แต่แล้วก็ชะงักลง ดวงตาทั้งสองกวาดตามองไปรอบๆ
สภาพภายในของบ้านดูดีกว่าภายนอกมาก ข้าวของต่างๆถูกจัดไว้อย่างเรียบร้อย และเป็นระเบียบ ถึงแม้ตามพื้น ผนัง และเพดานของห้อง จะมีส่วนผุพังอยู่บ้าง
ห้องในปัจจุบัน มีลักษณะเหมือนเป็นห้องนั่งเล่น และมีห้องครัวในทางขวามือ มีประตูบานหนึ่งเชื่อมต่อไปยังห้องมีลักษณะเหมือนห้องทำงาน ซึ่งเปิดอ้าโดยหญิงสาวคนเดียวในห้องนี้...น่าสงสัยว่าไม่มีบันไดเชื่อมไปยังชั้นสอง
เมื่อสำรวจสภาพแวดล้อมเรียบร้อย เด็กหนุ่มก็ลดอาวุธในมือลง สอดมันกลับเข้าไปในซองข้างในเสื้อ ก่อนจะหันหลังกลับ เพื่อจะเดินออกไปจากสถานที่แห่งนี้
“เฮ้ๆเลนส์ ไม่รอเจอโลกิ กับสวีปเปอร์เรอะ?!”
เสียงของหญิงสาวท้วงขึ้น แต่ก็ไม่สามารถเรียกคามสนใจจากเด็กหนุ่มได้เท่าไรนัก เขายังคงก้าวต่อไป จ้องมองร่างสองร่างของชายและหญิงในชุดหนังรัดรูปสีดำซึ่งหมดสติอยู่บนพื้นไม้เล็กน้อย ก่อนจะคว้าลูกบิดประตูเพื่อเปิด ก่อนจะผิดมันเบาๆทันทีเมื่อร่างของเขาพ้นออกไป
ซึ่งนั่นทำให้หญิงสาวผู้มีฉายา ‘คลีนเนอร์’ หันขวับมามองที่ชายหนุ่มอีกคนที่กำลังยืนผิวปากอย่างสบายอารมณ์
“เทคเกอร์!!”
หญิงสาวตะคอกเสียงลั่น โดยที่ผู้ถูกตะคอกยกมือทั้งสองขึ้นปิดหูทั้งที
“จ๋า”
“ไม่ต้องมาจ๋า!! ไปกวนโมโหเลนส์เขาทำไม??!!”
คลีนเนอร์แว้ดใส่อีกรอบอย่างเหลืออด ดวงตาเรียวคมถลึงจนแทบจะถลนออกมาจากเบ้า ขณะที่ผู้ถูกเรียกว่าเทคเกอร์ทำหน้าย่น ก่อนจะพูดอย่างสบายอารมณ์
“ช่างมันเถอะน่า ถึงยัยนั่น...โทษที หมอนั่นจะไม่เก่งเท่าฉัน แต่มันก็ไม่ตายง่ายๆหร๊อก”
สรรพนามที่กลางประโยคถูกเปลี่ยนแปลงเล็กน้อย เมื่อหญิงสาวตรงหน้าตนถลึงตาออกมายิ่งกว่าเก่า คลีนเนอร์ถอนหายใจออกมาอย่างเซ็งๆ เช่นเดียวกับประโยคต่อมา
“แต่ซุสก็บอกแล้วนี่ ว่าให้รวมกันทำภารกิจ...แต่นายทำมันพังตั้งแต่แรก!!!”
ท้ายเสียงถูกดึงขึ้นสูงตามแรงอารมณ์ของผู้พูดที่ขึ้นปรี๊ดขึ้นมาอีกครั้ง แต่ชายหนุ่มกลับโบกมืออย่างไม่ใสใจ
“ถึงฉันจะไม่กวนมัน เธอคิดเหรอว่าอย่างมันจะร่วมมือกับฉันน่ะ?”
ริมฝีปากบาง ซึ่งแดงด้วยลิปสติกอ้าขึ้นเพื่อจะเถียงกลับ แต่แล้วก็หุบลงราวกับเปลี่ยนใจ เธอทำเสียงในลำคออย่างไม่พอใจ ก่อนจะเดินกระแทกเท้ากลับเข้าไปในห้องทำงาน แต่ก็ชะงักเล็กน้อยราวกับนึกบางอย่างขึ้นได้
“....ดูแลเด็กสองคนนั้นด้วยล่ะ นายเป็นคนชวนมาเอง รับผิดชอบหน่อย...”
และเธอก็กระแทกเท้าเดินต่อไปโดยไม่สนใจที่รอฟังคำตอบของชายหนุ่ม และปิดประตูดังลั่น
ชายหนุ่มผู้ดูการกระทำนั้น หัวเราะออกมาเบาๆอย่างไร้อารมณ์ ดวงตาเหล่มองร่างหมดสติทั้งสองเล็กน้อย ก่อนจะเมินไปอย่างไม่ใสใจ ร่างสูงใหญ่เคลื่อนไปที่มุมผนังห้องที่ด้านหลังของตน
มือข้างหนึ่ง ล้วงเข้าไปในรูที่ถูกเจาะด้วยแรงทะลุทะลวงของกระสุน 9 มม. เพื่อนำเอาหัวกระสุนออกมา เศษไม้ต่างตำเข้าบนผิวหนัง แต่นั่นไม่ทำให้เขาสะทกสะท้าน
หัวกระสุนตะกั่วถูกนำออกมาเพ่งพินิจดู ริมฝีปากหยักขึ้นเป็นรอยยิ้มที่ไร้อารมณ์ ก่อนที่นิ้วทั้งสองจะบีบเข้าที่หัวกระสุนนั้นเต็มแรง!!
ตะกั่วที่สามารถเจาะกำแพงไม้เนื้อแข็ง ตระกูลพิเศษได้ ถูกนิ้วเพียงสองนิ้วบี้เป็นผง ร่วงลงบนพื้น โดยมีผู้กระทำจ้องมองมันอย่างนิ่งงัน รอยยิ้มที่ไร้อารมณ์กลายเป็นรอยยิ้มแสยะที่น่ากลัวชั่ววูบหนึ่ง ก่อนจะหายไปราวกับไม่เกิดอะไรขึ้น...
‘เกมใหม่...จะสนุกไหมนะ?...หึ หึ หึ...’
ขออภัย
ขอบคุณครับ
100%
ความคิดเห็น