คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #22 : ll ADOLESCENT 22 ll
ADOLESCENT 22
“เออนะ! มาหากูซะดึกดื่น ไหนว่าอยู่บ้านเมียไม่นอนที่นั่นเลยล่ะ เสนอหน้ามาทำไมเอาป่านนี้ มึงรู้ไหมว่านี่มันกี่โมงกี่ยามแล้ว กูดีใจที่ได้เจอมึงนะคริส ไม่เห็นหัวมึงมาสองเดือนกว่ากูโคตรดีใจเลยบอกตรงๆ แต่มึงเข้าใจป๊ะ? คือกูก็อยากอยู่กับเมียกูแบบเพอร์ซานอลบ้างอะไรบ้าง แบบสองต่อสองอ่ะ เฉพาะฉะนั้น...กลับห้องมึงไปเลยครับ”
พูดเสร็จคนร่างโปร่งก็ชี้มือไปยังประตูห้องข้างๆให้เพื่อนตัวสูงกลับเข้าห้องของตัวเองเดี๋ยวนี้ แต่นั่นไอ้นี่มันหน้ามึนเซฮุนรู้ดี สะทกสะท้านกับคำด่าของเขาเสียเมื่อไหร่ล่ะดูเอาเถอะ
คริสยืนกอดอกฟังเพื่อนร่ายคาถาสั่งสอนอย่างนิ่งๆไม่รู้ร้อนรู้หนาว พยักหน้าตอบรับแบบล้อเลียนวอนบาทาเพื่อนตรงหน้าอย่างถึงที่สุด
“จบยัง?”
“ไอ้คริส....มึงนี่แม่ง หน้าลึ่ม!”
“หน้าหล่อด้วย”
“ถุย!”
เซฮุนเท้าสะเอวจ้องหน้าเพื่อนรักที่มาขัดเวลาแห่งความสุขด้วยความหงุดหงิด แต่นั่นสุขของใครก็ไม่รู้ เพราะย้อนมองกลับเข้าไปในห้อง ก็เห็นว่าคนรักตัวเล็กเอาแต่นั่งเชียร์บอลคู่สำคัญเสียสนุกสนาน ความสุขของใครกันแน่โปรดคิดเอาเอง
“กูมีเรื่องจะคุยด้วย”
“เออ เข้ามา!”
เซฮุนเปิดทางให้คริสเข้ามาในห้องทั้งใบหน้าที่มุ่ยหงุดหงิดสุดๆ เดินออกไปคุยกันที่นอกระเบียงมองแสงไฟยามราตรีที่เลยเที่ยงคืนไปแล้วให้ผ่อนคลาย ปล่อยลู่หานครองโซฟาดูบอลไปคนเดียวอย่างสบายใจ
“ว่ามา! หายหัวไม่สนใจกู พอกลับมาอีกทีก็เอาปัญหามาให้เลยนะครับ มึงนี่มันเกิดมาบนความสบายของคนอื่นจริงๆเลยนะไอ้คริส”
ยืนพิงระเบียงก่นด่าเพื่อนสนิทอีกระลอก เซฮุนพลางจุดบุหรี่ขึ้นสูบระบายปัญหาใหญ่ระดับโลกให้ออกมาเป็นควันสีขาวฟุ้งกลางอากาศ หันมองเพื่อนตัวสูงด้านข้างก็เห็นว่ามันทำเหมือนกันคือลดความเครียดให้ออกไปจากสมองด้วยการอัดควันเข้าปอดแรงๆ
“มึงปากดีเหมือนเมีย ไอ้ฮุน”
คนถูกกล่าวหาถึงกับถลึงตาใส่เพื่อนสนิทอย่างคาดโทษ แต่จะว่าไปถ้าคิดดูดีๆมันก็จริงหรือเปล่าวะ อยู่กับลู่หานเสียนานคงได้เชื้อมาเต็มๆ พอขยับปากได้ก็หยุดมันไม่อยู่จริงๆ
“สัสคริส! มึงก็ปากดีพอกัน แล้วมีเรื่องอะไรจะคุยกับกู เดาไม่ผิดคงเป็นเรื่องของคนๆเดิม”
“เออ อี้ชิงโกรธกู”
“กูรู้”
“โกรธมาก”
“ก็สมควร”
“แล้วกูควรจะทำยังไง?”
“นั่นมันก็เรื่องของมึง”
คริสถึงกับกลอกม่านตาไปมาด้วยความเอือมระอากับคำตอบของเพื่อนที่ส่งมาให้ นี่ตกลงเขามาปรึกษาถูกคนหรือเปล่า ดูไม่ได้อะไรเลยจริงๆ
“กูไม่ได้พูดเล่นนะไอ้ฮุน กูซีเรียส”
“กูก็ไม่ได้พูดเล่นหนิ มันจะยากอะไรวะคริส มึงก็แค่ต้องพยายาม เมื่อก่อนมึงเคยง้อเลย์ยังไงมึงก็ทำแบบนั้นแหละ เลย์รักมึงจะตาย เหลือแค่มึงนั่นแหละที่ต้องพิสูจน์ให้เขาไว้ใจ ตอนทำล่ะไม่คิดหรอกแม่งเอ้ย! มึงไม่รู้หรอกว่าเลย์อาการหนักขนาดไหนตอนมึงหายหัว ถามอะไรก็ไม่บอกสักอย่าง แล้วตกลงเรื่องมันเป็นมายังไงวะมึงถึงได้หายไปไม่บอกข่าวแบบนี้”
“เอาไว้เล่าวันหลัง เรื่องมันยาว”
“เออ ช่างแม่ง กูล่ะเบื่อจะเซ้าซี้ แต่มีทางเดียวที่มึงจะได้เลย์กลับคืนมา คือพิสูจน์ให้เขาเห็นว่ามึงจริงใจ รักเขาไม่ใช่หลอกฟันแล้วชชิ่งหนี”
พูดแค่นั้นเซฮุนจึงยกม้วนบุหรี่ขึ้นจรดที่ริมฝีปาก อัดควันเข้าปอดก่อนจะปล่อยมันออกมาใส่หน้าหล่อๆของเพื่อนตัวสูงที่กำลังครุ่นคิดกับคำพูดของเขาอยู่
“ยังไงวะเซฮุน?”
“คือโง่ดักดานมากครับเพื่อนกู”
เซฮุนถอนหายใจพลางส่ายหน้าให้กับเพื่อนตัวสูงที่สมองตีบตันไม่ถูกเวล่ำเวลา กว่าจะได้เขามาไม่เคยคิด ร่วมทุกข์ร่วมสุขกันมานานแค่ไหนเรื่องแค่นี้ก็คิดเองไม่ได้
“มึงก็ง้อไงเข้าใจนะ ดูแลเอาใจใส่ ทะนุถนอม ทำดีให้เขาเห็น ไม่หยาบคายทำรุ่มร่าม อย่าใจร้อนวู่วาม ค่อยๆเป็นค่อยๆไป ถึงแม้มึงจะอยากได้เขากลับคืนมาจนตัวสั่นก็ตาม มึงต้องรู้จักอดทนอดกลั้นเข้าใจไหมไอ้คริส?”
“คือ ที่มึงพูดมากูทำตรงข้ามหมดทุกอย่างเลยว่ะเซฮุน”
“อืม ส้นตีนครับคนหล่อ”
เซฮุนถึงกับเหนื่อยใจกับเพื่อนรักตรงหน้าที่ทำเหมือนไม่เคยมีแฟน เป็นเด็กอ่อนหัดที่เพิ่งเริ่มจีบสาวใหม่ๆ อยู่กับเลย์น่าจะรู้ดีว่าอีกคนมีนิสัยยังไง ชอบแบบไหนไม่ชอบแบบไหนเรื่องแค่นี้ง่ายจะตายไป ให้ตายเถอะ จากเรื่องง่ายๆคนอย่างคริสก็ทำให้มันยากได้โดยปริยาย
“คริสมาทำไมอ่ะเซฮุน?” หลังจากที่คนตัวสูงเดินออกไปแล้ว ลู่หานจึงเอ่ยถามทันทีด้วยความอยากรู้ ก่อนหน้านั้นเขาเอาแต่สนใจฟุตบอลจนไม่มีเวลาสอดรู้เรื่องอื่น ตอนนี้จบแล้วก็ขอหน่อยเหอะ
“เหมือนเดิมนั่นแหละ เรื่องเลย์”
“แล้วเรื่องไหน?”
“ทะเลาะกัน คริสมันอยากคืนดี ติดอยู่ที่เลย์ไม่ยอมง่ายๆน่ะสิ”
“สมควร”
“คิดเหมือนกันเลย”
เซฮุนพยักหน้ากับคำพูดของคนรัก เห็นด้วยอย่างยิ่ง แต่นั่นก็เห็นใจคริสไม่ต่างกัน รายนั้นคงมีเหตุผลที่จากไป แต่ก็อีกนั่นแหละ คือไม่เคยบอกอะไรเลยสักอย่างใครหน้าไหนจะช่วยแก้ปัญหาได้
“เรื่องนี้เดี๋ยวฉันจัดการเอง”
อยู่ๆลู่หานก็โพล่งขึ้นมาจนเซฮุนถึงกับใจไมดี ขนลุกเกรียวยามเห็นใบหน้าน่ารักแฝงไปด้วยการครุ่นคิดที่ไม่สามารถคาดเดาได้ เพราะรายนี้ก็แรงไม่ใช่น้อย เกิดทำอะไรขึ้นมาไม่ปรึกษาหารือ จะกลายเป็นภาระหนักที่ตามแก้กันไม่ทัน
“จ...จะดีหรอลู่หาน?”
“พูดงี้หมายความว่าไง? เข้าข้างเพื่อนมากกว่าแฟนว่างั้น”
“มันเลือกไม่ได้”
“งั้นฉันให้นายเลือกเป็นครั้งสุดท้าย...โอเซฮุน!”
“เลือกแฟน” เซฮุนตอบทันทีไม่ใคร่ใช้ความคิดเลยสักนิด ในตอนนี้เขาขอทรยศเพื่อนอย่างคริสหน่อยก็แล้วกัน ถ้าเป็นลู่หานแล้วเขาอาจจะไม่ตายดีก็เป็นได้ ยืดเวลาให้ชีวิตอยู่นานขึ้นอีกหน่อยเอาตัวรอดไปส่งๆ
…ADOLESCENT…
ขาเล็กที่กำลังย่าวก้าวเข้าสู่สถานบันเทิงในยามค่ำคืนต้องหยุดยืนอยู่ด้านหน้าด้วยความรู้สึกประหม่าที่ก่อตัวขึ้นให้ขาดความมั่นใจ เลย์มาที่แห่งนี้เป็นครั้งที่สองแล้ว ครั้งแรกมาตามคนรักที่เมาหัวราน้ำจนต้องลากกลับบ้านอย่างทุลักทุเล เขาไม่ได้ชอบสถานที่แห่งนี้เลยแม้แต่น้อย หากแต่ขอลองบ้างก็ไม่เสียหาย ได้ปลดปล่อยคงจะรู้สึกดีได้ไม่น้อยนั่นคือความคิด
“ชุดนี้เชื่อฉันเลย์ เข้ากับนายมาก ดูดีสุดๆ”
กางเกงยีนส์สีดำขลับแนบเนื้อโชว์เรียวขา รองเท้าผ้าใบคอนเวริ์ดหุ้มข้อสีแดงเลือดหมูเสริมส้นเล็กน้อยให้ดูสูงขึ้นอีกนิด สวมเสื้อแขนยาวลายเสือดาวที่ด้านในไม่มีแม้แต่เสื้อกล้ามรองรับอยู่เลย หนาวแต่ดึงดูด เลย์จำมันได้ขึ้นใจกับคำพูดของเพื่อนตัวเล็กที่เสี้ยมให้เขาใจอ่อนโดยการยัดเยียดชุดๆนี้มาให้โดยไม่อาจขัดขืน
“สี่ทุ่มเจอกัน ผับไนท์นะตามนั้น”
นี่ก็สี่ทุ่มพอดิบพอดีไม่ขาดไม่เกิน ใบหน้าหวานแหวนมองยังสถานที่ตรงหน้าพลางสูดหายใจเข้าปอดลึกๆ ยังไม่สิบแปดดีแต่ก็เอาเสียแล้วเข้าผับเข้าบาร์ ทว่าแค่อ้างชื่อคิมจงอินเท่านั้นแหละ ทุกอย่างก็ง่ายเหมือนปลอกกล้วยเข้าปากกันเลยทีเดียว
เลย์เดินเข้ามาด้านในที่มืดมิดพร้อมกับแสงไฟวิบวับที่ชวนปวดหัว เสียงเพลงคลอเคล้าเอื่อยๆไม่ได้ดังกระหึ่มป่าเถื่อนอย่างที่คิดไว้ในตอนแรก แต่นั่นมันก็ยังดังอยู่ดีสำหรับคนรักสงบอย่างเลย์
ทุกสายตาจับจ้องมายังเขาเหมือนครั้งที่มาตามคริสก็ไม่มีผิด สายตาหยาดเยิ้มทั้งรอยยิ้มพรายที่แฝงไปด้วยความคิดอย่างอื่นที่ส่งมาให้ ทำเอาขาดความมั่นใจจนต้องรีบมองหาเพื่อนรักที่นัดไว้แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหน
“เลย์ ทางนี้ๆ” เสียงตะโกนที่ดังฝ่าเสียงเพลงมาทำให้เลย์รีบสาวเท้าเดินเข้าไปยังโต๊ะในมุมหนึ่งทันทีไม่รีรอ หย่อนกายนั่งลงก็ทักทายคนอื่นๆ กวาดสายตามองทุกคนที่นั่งล้อมโต๊ะเป็นวงกลมไปรอบๆ
อืม...มาเป็นคู่ เว้นแต่แบคฮยอนที่ไม่เห็นมาด้วยในคืนนี้
ก่อนเลย์จะขมวดคิ้วมองเลยกลุ่มเพื่อนไปยังรอบๆผับอย่างต้องการรู้ว่าคนๆนั้นไม่มาด้วยหรือ...
“มันไม่มาหรอกเลย์ไม่ต้องห่วง ทำตัวตามสบายเลยนะ” จงอินพูดให้เพื่อนหน้าหวานเข้าใจและไม่ต้องสงสัยอีก
แต่นั่นวันนี้มากับแฟน ทว่าเมื่อหลายเดือนก่อนมากับผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้สิเนอะคิมจงอิน
“ลู่หานบอกฉันแล้วว่าเขาไม่มา”
“แต่ก็ยังมองหา” ลู่หานเอ่ยแซวทั้งรอยยิ้มกรุ้มกริ่ม
“ก็แค่อยากให้มั่นใจว่าไม่ได้มาจริงๆ” พูดแค่นั้นใบหน้าหวานก็ยู่เข้าหากันงองุ้ม เหลือบมองเพื่อนรักที่มีเซฮุนนั่งกอดเอวอยู่ก็ถึงกับนึกอิจฉา แต่ให้ตายเหอะ ไอ้โต๊ะนี้นี่คนมองมาเยอะจริงๆเลย
เวลาล่วงเลยผ่านครึ่งค่อนคืน เพื่อนๆทุกคนก็ยังคงสนุกสนานนั่งดื่มกันเหมือนคอที่เคลือบไปด้วยทองแดง ลู่หานเอาแต่ยื่นเหล้าให้เลย์ไม่ขาดมือ ไม่เว้นช่วงให้แก้วสีใสว่างนานน้ำสีอำพันก็ถูกเทลงมาซ้ำรอยเดิมเรื่อยๆ แต่นั่นพอได้คิดถึงใบหน้าหล่อของใครบางคนที่ไม่ได้มาในวันนี้ มือบางก็คว้าแก้วเหล้าขึ้นจรดริมฝีปาก กระดกมันลงคอทันทีรวดเดียวหมดให้ลืมเรื่องราวฟุ้งซ่านในจิตใจ
“ไปแดนซ์กันเถอะ” จงอินเอ่ยชวนเมื่อเห็นว่ามันถึงเวลาแล้วกับการปลดปล่อยให้ร่างกายได้เหงื่อบ้าง ทุกคนพยักหน้าตอบรับเห็นด้วย ก่อนจงอินจะส่งมือให้เลย์จับเพื่อเดินไปยังฟอร์กลางผับแล้วสนุกด้วยกัน
“ฉันไม่ไปนะจงอิน ตอนนี้ปวดหัวไม่ไหวแล้ว”
“โอเค ตามใจนายก็แล้วกัน แต่นั่งคนเดียวได้ใช่ไหม?”
“อืม”
เลย์พยักหน้าหงึกหงักตอบรับทั้งที่หลับตาอยู่ เอนแผ่นหลังพิงพนักโซฟามึนเมา ยกมือขึ้นกุมขมับแล้วคลึงมันเบาๆหวังให้อาการปวดทุเลาลง แต่นั้นคนที่เริ่มเมาแล้วคงยังไม่ทันได้เห็นรอยยิ้มพรายที่กระตุกขึ้นข้างริมฝีปากของคนผิวเข้มที่เดินจากไปยังฟอร์กลางผับในตอนนี้
“นั่งด้วยได้ไหมครับ?” เสียงทุ่มที่เอ่ยถามหลังจากเพื่อนผิวเข้มเดินจากไปมันช่างเหมาะเจาะพอดีเหมือนรู้ทาง
“ตรงนี้มีคนนั่งแล้วครับ” ถึงจะไม่ค่อยมีสติ แต่เลย์ก็ยังปรือตาขึ้นมองคนที่ยืนอยู่ตรงหน้าแล้วปฏิเสธอย่างมีมารยาท
แต่ถึงอย่างนั้นผู้มาใหม่ก็ใช่จะรู้ร้อนร้อนหนาวกับคำเอ่ยไล่กลายๆ ทิ้งตัวนั่งลงข้างคนหน้าหวานพลางวาดแขนโอบกอดไหล่บางอย่างถึงวิสาสะ ก่อนจะส่งใบหน้าคมเข้าไปใกล้จนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มนิ่มเจือสีเพราะฤทธิ์แอลกอฮอล
“ออกไปนะ!” มือบางปัดป๋ายไปทั่วให้คนถือวิสาะได้ออกห่าง แต่นั่นอีกคนกลับรั้งศีรษะทุยให้ซบลงที่แผงอกแกร่ง โอบกอดไว้แน่นให้คนเมาขัดขืนไม่ได้
“พี่เลย์น่ารักจังเลยนะครับ”
“น...นาย นายเป็นใคร? รู้จักชื่อฉันได้ยังไง?”
เสียงทุ้มที่เอ่ยกระซิบข้างใบหูทำให้เลย์ต้องหดคอหนีต่อต้าน เงยใบหน้าขึ้นมองอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะรับรู้ได้ถึงปลายจมูกโด่งที่กดลงมายังพวงแก้มนิ่มเบาๆให้ดิ้นขลุกขลักในอ้อมกอด
“พี่ไม่ต้องรู้หรอกครับว่าผมเป็นใคร รู้ไว้แค่ว่าผมรู้จักพี่ก็พอ...”
“ปล่อยฉันเดี๋ยวนี้นะ อย่าแตะต้องฉันนะเว้ย!”
คนตัวเล็กทั้งทุบทั้งตี นัยน์ตาหวานชักเริ่มพร่ามัวคล้ายโลกมันโครงเครงหมุนอยู่รอบกาย แต่นั่นรุ่นน้องอีกคนกลับกอดรัดร่างกายของเขาไว้แน่น แล้วค่อยๆส่งใบหน้าคมคายนั้นเข้ามาใกล้เรื่อยๆ
“ผมรู้ว่าพี่รังเกียจครับ แต่ขอเถอะนะครับอย่าดื้อกับผมเลย แค่นิดเดียวนะครับ ทุกอย่างก็จะจบ”
“จบ? พูดเรื่องบ้าอะไรของนาย” คนหน้าหวานฝืนใจกัดฟันเอ่ยถามทั้งที่ปวดหัวจนแทบจะแตกออกเป็นเสี่ยงๆ
แต่นั่นไม่นานใบหน้าคมของรุ่นน้องที่โอบกอดรอบกายอยู่กลับโน้มลงมากดจูบเบาๆที่พวงแก้มนิ่มซ้ำรอยเดิม ให้นึกหงุดหงิด ค้างริมฝีปากอยู่อย่างนั้นให้เลย์ผละใบหน้าหนีรู้สึกรังเกียจอย่างถึงที่สุด ทั้งริมฝีปากและปลายจมูกค่อยๆเลื่อนกวาดต้อนไปทั่วเสี้ยวหน้าของเขา ลากแผ่วเบาตามสันกรามสวย กดจูบใต้เรียวคางได้รูปแล้วฝังรอยลึกๆที่ลำคอระหงษ์ ก่อนจะค่อยๆละเมียดขึ้นมาหาที่มุมปากอย่างช้าๆ หวังให้ได้เชยชมกลีบปากมันวาวสีชมพูสวยยั่วสายตา
อีกนิดที่ทุกอย่างจะทำให้เลย์ไร้สิ้นสติควบคุมตัวเองไม่ได้
อีกนิดที่ริมฝีปากของเขาจะโดนครอบครองจากใครก็ไม่รู้ที่ไม่เคยรู้จักกันมาก่อน
พลั่ก!
เสียงหมัดหนักๆกระแทกเข้าที่ใบหน้าคมของคนที่ถือวิสาสะอย่างเหลืออด คนตัวสูงกระชากคอเสื้อของเด็กหนุ่มขึ้นมาเผชิญหน้า มองตาขวางเสียจะฆ่ากันให้ได้ก็ไม่ปราน กัดฟันกรอดด้วยความเดือดดาล หายใจหอบแฮ่กเพราะโทสะที่พุ่งขึ้นสูงจนแทบจะควบคุมไม่ได้
“มึง! ยุ่งกับแฟนกูทำไม?”
“หึ! มาเร็วดีหนิครับ?” เด็กหนุ่มท้าทายมองคนตัวสูงตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า การแต่งตัวธรรมดาเกินไปจนต้องแสยะยิ้ม ชุดนอน รองเท้าแตะ สวมเสื้อคุมกันหนาวมาทั้งๆที่ทรงผมไม่ได้ถูกเซตจนยุ่งเหยิง แต่นั่นก็ยอมรับว่าดึงดูดสายตาของหญิงสาวในผับนี้ให้มองมาไม่ไม่ยาก รีบมากสินะรุ่นพี่
“มึงอย่ามาเล่นลิ้น มึงมายุ่งกับแฟนกูทำไม?”
“ก็พี่เขาน่ารัก อีกอย่างพี่เลย์บอกว่ายังไม่มีแฟนนะครับ พี่ติ๊ต่างไปเองหรือเปล่า?”
สิ้นเสียงของเด็กหนุ่มคริสก็ให้รางวัลเป็นหมัดหนักๆอีกหนึ่งดอกจนคนที่กวนบาทาเลือดซิบที่มุมปาก แต่นั่นเพราะอารมณ์ร้อนคริสถึงไม่ยอมฟังอะไรเลยทั้งสิ้น ไม่ได้รู้หรอกว่าที่เด็กหนุ่มพูดมาน่ะแค่ยั่วโมโหเล่นๆก็เท่านั้น
“คนนี้แฟนกู ถ้าไม่อยากให้หน้าหล่อๆของมึงได้ศัลยกรรมใหม่แล้วละก็ กูแนะนำให้ไปนอนกินนมแม่อยู่ที่บ้านจะดีกว่านะไอ้อ่อน อย่ามายุ่มย่ามกับคนของกูอีก แล้วจะหาว่าไม่เตือน!”
พูดจบคริสก็ทำท่าจะระบายโทสะด้วยการสั่งสอนรุ่นน้องที่อวดดีอีกครั้ง หากแต่คนหน้าหวานรีบโซซัดโซเซถลาเข้ามาห้ามไว้เสียก่อน
“หยุดเดี๋ยวนี้นะคริส!”
“คริส? นายกำลังทำให้ฉันโกรธมากกว่าเดิมนะอี้ชิง”
“แล้วไง? ตอนนี้เราเป็นอะไรกันหรอ นายอย่าทำตัวเหมือนหมาหวงก้างหน่อยเลย ฉันไม่ใช่สิ่งของที่นายจะมาทำตัวกร่างแสดงความเป็นเจ้าข้าวเจ้าของหรอกนะ”
“หึ! นี่อย่าบอกนะว่าถูกใจไอ้เด็กนี่ ฉันก็อยากรู้เหมือนกันว่าเวลาหน้าหล่อๆของมันมีรอยเท้าฉันอยู่บนหน้า นายยังจะสนใจมันอยู่อีกไหม?”
มือหนาออกแรงผลักอกของรุ่นน้องให้ล้มลงไปนอนกับพื้น เดินเข้าไปหาช้าๆ ก่อนจะง้างเท้าเตะเข้าที่หน้าท้องรวยซิกแพคนั้นด้วยโทสะทั้งหมดที่มี ทำเอาคนที่นอนกองอยู่กับพื้นจุกจนงอตัวพลิกไปมาด้วยความทรมาน
“คริสหยุดเดี๋ยวนี้นะ!” เลย์ตะโกนห้ามเสียงดังลั่นจนผู้คนหันมามองกันเป็นตาเดียว แต่ยังดีที่ใบหน้าคมของรุ่นน้องยังไม่ทันโดนเท้าคริสอย่างที่อีกคนขู่
“คำก็คริส สองคำก็คริส ถามจริงนี่ฝืนใจพูดหรือเปล่า?”
“ฝืนไม่ฝืนไม่รู้ แต่ทุกอย่างที่ฉันพูดออกไปมันคือความรู้สึกล้วนๆ”
อั่ก!
สิ้นเสียงหวาน คนที่นอนอยู่กับพื้นก็โดนเตะเข้าที่หน้าท้องไปอีกระลอก ยังไม่ทันหายจุกดีก็ทำเอากระอักจนแทบขาดใจ
เลย์ทำท่าจะอ้าปากห้ามแต่ก็ไม่ทันเสียแล้ว นัยน์ตาคู่หวานที่ระริกไหวมองการกระทำของอดีตคนรักด้วยความผิดหวัง ก่อนหยาดน้ำมากมายจะไหล่ลงอาบที่ข้างแก้มเนียนเป็นสายธารให้คนมองได้เจ็บปวดไม่แพ้กัน
“เลว!”
“แล้วใครที่ทำให้ฉันต้องเป็นคนเลว”
เลย์ถึงกับทรุดฮวบทิ้งตัวลงนั่งที่โซฟาอย่างหมดแรง ปล่อยหยาดน้ำตาออกมาต่อหน้าคนตัวสูงให้รู้ว่าเขาเสียใจกับการกระทำที่ป่าเถื่อนของอีกคน
“ปล่อยน้องเขาไป น้องเขาไม่เกี่ยวอะไรด้วย” เลย์เหลือบมองรุ่นน้องที่เข้ามาเป็นส่วนหนึ่งในเรื่องของเขากับคริสด้วยความเป็นห่วง
“แต่ไอ้เด็กนี่มันจูบนาย”
“ยังไม่ได้จูบ แค่กำลัง...”
“หึ! แล้วถ้าฉันปล่อยมันไป นายจะยอมกลับบ้านไปพร้อมฉันหรือเปล่าล่ะ?”
“ไม่”
อั่ก!
คำพูดของเลย์แต่ละคำมันกระตุ้นการกระทำของคริสได้ทุกอย่างจริงๆ ถ้าเขาปฏิเสธนั่นคริสจะไประบายอารมณ์กับคนที่ไม่มีทางสู้ เหมือนเป็นที่รองมือรองเท้าอย่างน่าสงสาร แล้วเมื่อครู่รุ่นน้องคนนั้นก็โดนเข้าไปอีกดอกใหญ่จนต้องหลับตาขบกัดริมฝีปากล่างระงับความเจ็บปวด
“อู๋ฟาน...พอแล้ว อย่าทำน้องเขา ฮึก...”
“แล้วจะกลับด้วยกันไหม?”
“……...”
คนหน้าหวานเงียบไปไม่ตอบอะไรอีก เลย์นั่งเหม่อมองเด็กหนุ่มที่นอนอยู่กับพื้นอย่างเห็นใจ แต่ถ้าเขากลับไปกับคริส เขาไม่อาจรู้ได้เลยว่าจะต้องพบเจอกับอะไรอีกบ้างคาดเดาไม่ได้
แล้วมันก็จริงอย่างที่ไม่ต้องสงสัย เมื่อคริสเริ่มง้างเท้าขึ้นอีกครั้ง หมายจะทำให้เด็กตรงหน้าเข้าโรงพยาบาลนอนหยอดข้าวต้มสักอาทิตย์ถ้าเลย์ยังปฏิเสธ แต่ทว่ารุ่นน้องผู้โชคร้ายยังพอมีบุญอยู่บ้าง เมื่อเพื่อนๆร่วมโต๊ะทุกคนกรูกลับมาห้ามไว้ได้ทัน
“เห้ย! ไอ้คริส มึงพอได้แล้ว ใจเย็นๆก่อน” จงอินรีบถลาเข้ามาห้ามเพื่อน ก่อนจะทำร้ายรุ่นน้องจนกระอักเลือด
“พวกมึง! มาที่นี่กันหมด?”
“เออ ชวนมึงแล้วนะ แต่มึงไม่มาเอง” เซฮุนรีบเสริมให้เข้าใจ บีบไหล่เพื่อนให้ความคุกรุ่นในอกเบาบางลง
“แต่พวกมึงไม่ได้บอกว่าอี้ชิงจะมาด้วย”
“ฉันอยากมาเอง จำเป็นต้องบอกนายหรอ?”
คริสมองเลย์นิ่งหอบหายใจเทิ้มด้วยความโกรธ เดินเข้าไปหาคนหน้าหวานที่นั่งเอนแผ่นหลังพิงโซฟาอย่างช้าๆ ส่งมือหนาไปแวกเสื้อลายเสื้อดาวเพื่อลอบมองข้างในอย่างรุนแรง ก่อนจะหงุดหงิดขึ้นไปอีกเมื่อในนั้นอีกคนไม่ได้ใส่อะไรเลยสักชิ้น
แม้แต่เสื้อกล้ามก็ไม่ใส่
เห็นแล้วมันขุ่นเคืองใจ ทั้งหึงทั้งหวง เสื้อที่เปิดซิบโชว์หน้าอกขาวผ่องนี่ใครมันเสี้ยมให้สวมใส่กัน เมื่อแวกเสื้อดูเสร็จคริสก็จัดการรูดมันขึ้นจนมิดถึงปลายคางมนของคนหน้าหวานให้ทันที กระชากแขนเล็กให้ลุกยืนขึ้น ก่อนจะลากออกจากสถานที่เริงรมณ์ที่ไม่ช่วยทำให้อารมณ์ดีหายไป โดยไม่ฟังเสียงท้วงติงขัดขืนของคนถูกชะชากไปเลยสักนิด
“มิชชั่นคอมพลีส!”
เมื่อคู่รักสองคนเดินจากไปแล้ว ลู่หานก็โพล่งพูดเสียงดังทั้งชูกำปั้นขึ้นตรงหน้า แผนที่วางไว้มันโอเคมากจนต้องยกยิ้มดีใจ
แต่ดูเหมือนว่าเขาจะลืมอะไรไปบางอย่าง....
“หนิ! พวกพี่ๆทั้งหลายครับ ช่วยดูแลผมด้วยครับ เกือบตายนะครับไม่เห็นใจกันบ้าง”
เสียงขัดของเด็กหนุ่มทำให้พี่ๆทุกคนต้องรีบกรูเข้าไปดูอาการด้วยความเป็นห่วง จากเมื่อครู่ที่มัวแต่สนใจแต่เรื่องของตัวเองจนลืมคนเจ็บไป ลืมจริงๆโทษที
“โทษทีว่ะเทา” จงอินส่งมือให้รุ่นน้องร่วมสถานบันได้จับ ก่อนจะรั้งให้ขึ้นมายืนข้างๆกัน
“เออไอ้เทา แล้วเมื่อครู่มึงจูบเลย์จริงหรือเปล่า?” เซฮุนเอ่ยถามด้วยความอยากรู้
“เปล่าพี่ ปากยังไม่โดนกัน”
“กูแค่ให้มึงกอดเขานะ นี่มึงได้ทั้งหอม เกือบจะได้จูบด้วยอีก”
“ผมทำตามหน้าที่นะครับพี่ฮุน ไม่ได้คิดอะไรหรอก” เทาก้มหน้าก้มตาปัดฝุ่นออกจากเสื้อผ้าของตัวเอง ในขณะที่พูดคุยกับรุ่นพี่ไปด้วย
“มึงอย่ามาไขสือไอ้เทา กูเห็นมึงเคลิ้ม คือมึงอยากได้กูเห็นสายตาแพรวพราวอย่ามาตอแหล”
“โหยพี่ คือ...แบบ เออ...พี่เขาน่ารักมากอ่ะ ผมควบคุมตัวเองได้ขนาดนี้ก็ฝืนใจจะแย่แล้ว”
เซฮุนถึงกับกลอกม่านตากับคำพูดของรุ่นน้องร่วมสถาบัน เจอเท้าไอ้คริสก็สมควรแล้วล่ะปากแบบนี้
“มึงอย่าแม้แต่จะคิดเลยนะไอ้เทา ไอ้คริสมันเอามึงตายแน่! มันหวงเมีย”
“รู้แล้วพี่ฮุน จากเหตุการณ์เมื่อกี้ก็ทำผมขนลุกไปหลายรอบเลย ใจร้อน! มือหนักเท้าหนัก! ทีหลังไม่ต้องมาจ้างแล้วนะ เข็ดอ่ะเจ็บตัว”
“คิดได้แบบนี้ก็ดีแล้ว เป็นบุญของมึงนะเทา”
จงอินตบบ่าให้กำลังรุ่นน้องพร้อมทั้งหัวเราะเบาๆ ถ้าเกิดว่าวิ่งเข้ามาห้ามไม่ทันนี่ไม่รู้ว่าเทาจะเป็นยังไงบ้าง ส่วนดีโอก็ได้แค่กะพริบตาปริบๆมองเทาด้วยความสงสารคล้ายเจ็บแทนอยู่ข้างๆจงอิน
“วันนี้ก็ถือว่าสำเร็จแล้วนะ ยังไงก็ขอบคุณน้องเทามาก พี่จะจ่ายให้งามๆ” ลู่หานยิ้มกว้างไม่ได้เสียดายเงินเลยสักนิด ทั้งที่เมื่อก่อนคำว่าพอเพียงมันค้ำศีรษะอยู่ วางแผนเองจ่ายเองคืออารมณ์ดี
“แต่เดี๋ยวก่อนสิลู่หาน ตอนนี้เลย์จะเป็นยังไงบ้างอ่ะ” ดีโอเสนอความเห็นนึกเป็นห่วงคนที่โดนลากออกไปแล้ว ทำเอาทุกคนนิ่งค้างกันเงียบๆอย่างไม่รู้ชะตากรรมยามคนอย่างคริสของขึ้นแล้วลงไม่ได้
“เป็นห่วงนะ....แต่ให้เขาทำความเข้าใจกันเองเถอะ เรามาเริ่มแผนสองกันดีกว่า”
…ADOLESCENT…
ความเร็วที่ไม่สามารถบอกได้เลยว่าถ้าเปิดหน้าต่างแล้วชะโงกหน้าออกไปคอจะหลุดหรือเปล่า ความเงียบเข้าปกคลุมตั้งแต่คริสลากเลย์ออกมาจากผับต่างคนก็ต่างไม่พูดจากันอีกเลย เลย์เอาแต่นั่งเงียบๆเท้าแขนกับหน้าต่างรถกุมขมับตัวเอง ส่วนคริสก็เหยียบคันเร่งเสียมิดไม่รู้ว่าอยากจากไปก่อนวัยอันควรหรือเปล่า
“เปิดประทุนรถให้หน่อย แล้วขับให้มันช้าลงด้วย ปวดหัวจะอ้วก” อยู่ๆคนที่นั่งเงียบมานานก็เอ่ยพูด แต่นั่นยังคงไม่หันไปสบมองคนขับเลยแม้แต่หางตา
คริสชะลอความเร็วรถลงตามคำขอ กดเปิดประทุนรถสปอร์ตคันหรูให้คนตัวเล็กข้างกายได้รับลมให้รู้สึกดี ก่อนจะขับเอื่อยๆไปตามทางยามราตรีที่เงียบสงบพร้อมทั้งอากาศที่เย็นเฉียบของฤดูกาล
ใกล้ถึงปากซอยทางเข้าบ้านของเลย์คริสหักพวงมาลัยเลี้ยวเข้าข้างทางเทียบท่าหน้าเซเวนที่เปิดตลอดยี่สิบสี่ชั่วโมง กดปิดประทุนก่อนจะลงจากรถแล้วเดินอ้อมไปอีกฝั่งหาคนตัวเล็กที่เอนศีรษะกับเบาะรถอย่างหมดแรง
“ไม่มั่นใจว่าจะหนี ลงมาด้วยกันหน่อย”
คนฟังถึงกับช้อนม่านตามองคนที่เปิดประตูรถฝั่งเขาออกทั้งแกมบังคับให้ลงไปด้วยกันอย่างเอือมระอา คิดว่าเขาจะหนีไปไหนได้ ดึดดื่นป่านนี้ไม่วายยังไม่มีเรี่ยวมีแรง นี่ก็คิดได้เนอะ
ทว่าเลย์กลับไม่ขยับปากตอบโต้แต่อย่างใด ค่อยๆหย่อนขาลงจากรถ มองมือหนาที่ประสานกับมือของตัวเองจนรู้สึกอุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ก่อนจะก้มหน้าก้มตาเดินตามคนตัวสูงเข้าไปในเซเว่นด้วยหัวใจที่เต้นแรงจนแทบจะควบคุมไม่อยู่ นานเท่าไหร่กันที่ไม่ได้จับมือกับอีกคน รู้สึกดีอย่างบอกไม่ถูกเลยจริงๆ
คริสพาเลย์ไปยังโซนเครื่องดื่มในมุมหนึ่งอย่างเงียบๆ มองหาขวดทรงสูงที่บอกสรรพคุณในการลดฤทธิ์แอลกอฮอลในร่างกาย คว้ามันออกมาถือไว้ในมือ ก่อนจะเหลือบมองเสี้ยวหน้าหวานที่งองุ้มของคนตัวเล็กด้านข้างกายอย่างนึกเอ็นดู
เดินกลับมาจ่ายเงินที่เคาน์เตอร์คริสจึงวางเครื่องดื่มลงตรงหน้าพนักงาน มือหนาเอื้อมไปหยิบกล่องดูเร็คซ์คละสีข้างๆมาวางรวมกับเครื่องดื่มด้วยอีกหกกล่อง และนั่นคนที่งัวเงียก้มหน้าก้มตาอยู่ในตอนแรก พอได้เห็นก็ถึงกับตาเบิกโพลงแหงนหน้ามองคริสด้วยความตกใจ
“ซ...ซื้อไปทำไม?”
“แล้วคิดว่ามันใช้ทำอะไรล่ะ?”
ย้อนตอบกลับไปก็ทำเอาคนหน้าหวานถึงกับอ้าปากค้างทำท่าจะดึงมือออกจากกัน แต่นั่นคริสไม่ยอมหรอก สอดประสานนิ้วไว้แน่น นึกขันยามเห็นอีกคนร้อนรนจนเกินเหตุ
“อย่าแม้แต่จะคิดนะอู๋ฟาน”
“พูดจาน่ารัก ถ้าไม่ดื้อเชื่อฟังกันดีๆก็อาจจะรอด”
สิ้นเสียงทุ้มเลย์ก็ปิดปากเงียบไม่ต่อบทสนทนา ในตอนนี้เขาเป็นรองอย่างชัดเจน พูดอะไรไปก็คล้ายจะฆ่าชีวิตตัวเองได้ง่ายๆ มีแต่เสียกับเสียเท่านั้นล่ะกับคนอย่างคริสน่ะ
“อะ ดื่มซะจะได้หายปวดหัว มันช่วยให้นายสร่างเมาได้เร็วขึ้น”
เดินออกมานอกเซเว่นคนตัวสูงพลันยื่นขวดที่บรรจุน้ำสีเขียวเหมือนมะนาวไปให้เลย์ อีกคนก็ทำท่าว่าจะไม่รับความหวังดี แต่พอเจอสายตาคมที่เข่มนมองเข้าหน่อยก็รีบลุกลี้ลุกลนรับมันไปถือไว้อย่างจำใจ
“……….”
“นั่งดื่มตรงนี้แหละ หมดแล้วค่อยกลับบ้าน” มือหนาชี้ลงยังขั้นบันไดหน้าเซเว่น พยักเพยิดหน้าให้เลย์นั่งลงอย่าได้ขัดขืน จริงๆอยากอยู่กับอีกคนนานๆ ไหนๆก็จะถึงบ้านแล้ว คริสอยากใช้เวลาให้คุ้มค่า
“แต่ตรงนี้มันเปื้อน”
“หรือนายจะมานั่งบนตักฉันล่ะ?”
“ในรถ...?”
“ล๊อคแล้วขี้เกียจเปิด”
อะนะ เลย์บอกได้เลยว่าเหตุผลของคริสมันงี่เง่ายิ่งกว่าอะไรดี กับอีแค่เดินไปกดรีโมทเปิดรถให้เขาเข้าไปนั่งเอนหลังสบายๆนี่มันจะตายหรือยังไง
แต่นั่นเถียงไหมล่ะ? ไม่ปริปากขัดสักนิด เบ้ปากคว่ำทำหน้างองุ้มเข้าใส่ ยอมจำใจทิ้งกายนั่งลงที่ขั้นบันไดให้กางเกงตัวโปรดเปื้อนขี้ฝุ่นติดไปด้วย ก่อนไอ้คนตัวสูงมันจะโยนเสื้อกันหนาวมาให้เต็มๆหัว คุมหน้าคุมตามองทางไม่เห็นโดยไม่ทันได้ตั้งตัว คือ...ป่าเถื่อน
“ใส่ซะเดี๋ยวจะไม่สบาย แล้วไอ้เสื้อลายรกหูรกตาแบบนี้น่ะโยนทิ้งซะให้หมด เห็นแล้วมันของขึ้นไม่ชอบใจ อีกอย่างซิบเสื้อน่ะเขาทำมาตั้งยาวให้ราคามันแพงขึ้นช่วยรูดมันให้สุดด้วยเข้าใจไหม? โชว์ทำไมไอ้หน้าอกแบนๆนั่นน่ะ คิดว่าดี คิดว่าเท่สินะถึงได้ทำ แล้วอีกอย่างรู้จักหวงเนื้อหวงตัวบ้างก็ดี อย่าง่ายให้คนอื่นมาจับนู่นคำนี่ เลิกด้วยไอ้เข้าผับเข้าบาร์เนี่ย อย่าให้เจออีกนะเดี๋ยวจะโดน ถ้าไม่ได้ไปกับฉันแล้วละก็ แม้แต่คนอื่นชวนก็ห้ามไปเด็ดขาด”
คำสั่งสอนที่ยาวเป็นหางว่าวทำเอาเลย์ถึงกับอึ้งเปิดฝาขวดน้ำค้างไว้อยู่ครึ่งข้อ กะพริบตาปริบมองไอ้คนตัวสูงตรงหน้าที่เทศนาให้ฟังไม่หยุดปาก
แล้วนั่นใครหน้าอกแบนวะ มีกล้ามนะจะดูก็ได้
ว่าแล้วก็ลองดึงคอเสื้อที่อีกคนรูดซิบให้จนสุดตั้งแต่อยู่ที่ผับออกดู ไม่แบนนะจริงๆ
“ด่าจบยัง?” เลย์มองค้อนเอ่ยถามยังไม่หายมึนงง นี่พ่อหรือเปล่า
“จบ!”
คนสั่งสอนไหวไหล่เบาๆ ก่อนจะกระดกขวดน้ำเปล่าในมือขึ้นดื่ม หย่อนขาทิ้งกายหนึ่งข้าง เอนใบหน้าหล่อมองคนหน้าหวานที่พึมพำทำปากขมุบขมิบอยู่กับตัวเองด้วยความเอ็นดู ส่งสายตาแพรวพราวไปให้อย่างเปิดเผย ไร้แววดุดันเหมือนเมื่อตอนแรกริบลับ
คือเลย์น่ารัก น่ารักมาก แต่ขอบ่นหน่อยได้ไหม ทำอะไรไม่ค่อยคิด หัวใจของเขาแทบจะหล่นไปกองกับพื้นให้ได้เลยตอนที่ได้เห็นภาพเหตุการณ์ที่อีกคนเกือบจะโดนจูบ
เลย์ยกขวดน้ำขึ้นดื่มพลางคลี่เสื้อโค้ทตัวหนาของคริสมาคุมร่างกายให้อบอุ่นขึ้น เห็นใจเจ้าของเสื้อนะที่อยู่ในชุดนอนบางๆทั้งยอมเสียสละเสื้อโค้ทให้เขาด้วยอีก แต่นั่นก็ไม่ยอมเอ่ยปากถามว่าโอเคไหม หนาวมากหรือเปล่า เพราะไม่อยากให้รู้ว่าตอนนี้น่ะเลย์ก็เป็นห่วงเป็นกังวลไม่น้อยเหมือนกัน
“แล้วคิดยังไงถึงอยากเที่ยวผับเที่ยวบาร์ ร้อยวันพันปีไม่ยักจะอยากเข้าเลยสักครั้ง” เสียงทุ้มที่เอ่ยถามทำให้เลย์ต้องช้อนม่านตาขึ้นมอง ก่อนจะหลุบมันหนีเพราะไม่กล้าพอจะสบสายตากับอีกคนตรงๆ
“โสดแล้ว...ก็แค่อยากปลดปล่อยบ้าง”
“หึ! เดี๋ยวจะโดน”
“หรือไม่จริง?” คนหน้าหวานย้อนกลับมองตาขวาง ไม่พอใจเหมือนกันละน่า แต่พอได้ยินคำพูดต่อไปที่เอ่ยออกมาให้ได้ยิน ทุกอย่างก็คล้ายให้โลกมันหยุดหมุนไปโดยปริยาย
“ไม่ให้โสด ชัดเจนนะ”
พูดแค่นั้นคริสจึงรั้งข้อมือเล็กให้อีกคนลุกขึ้นยืน ดึงขวดน้ำในมือบางโยนลงถึงขยะ ก่อนจะพาไปขึ้นรถแล้วเตรียมตัวไปส่งให้ถึงบ้าน
เลย์เองก็ไม่ได้ขัดขืน นี่ก็ดึกมากแล้วร่างกายมันอ่อนเพลียจนแทบจะหมดเรี่ยวแรง อยากพักผ่อนอยากทิ้งกายลงบนที่นอน อีกทั้งไม่อยากจะมีปากเสียงกับคริสด้วยอีกมันน่าเบื่อ เพราะก็เรื่องเดิมๆที่ทำให้ขุ่นเคืองใจกัน
บรรยากาศในรถมันกลับมาเงียบอีกครั้งจนน่าอึดอัด คริสยังไม่ออกรถตั้งแต่เข้ามานั่งด้วยกันเป็นเวลานาน นัยน์ตาคมเหลือบมองคนตัวเล็กข้างกายที่นั่งหลับตากุมขมับตัวเองอยู่มาร่วมห้านาทีได้แล้ว
“อี้ชิง” คนถูกเรียกได้ยินหากแต่ไม่ขยับปากขานรับ ค่อยๆปรือเปลือกตาขึ้นช้าๆ รอฟังว่าอีกคนจะพูดอะไรด้วยใจที่จดจ่อ
“……”
“รักมากก็เจ็บมากหวังว่านายคงจะเข้าใจ ต่อไปนี้ห้ามใครหอมแก้ม ห้ามใครจูบปากอีก แม้กระทั้งแตะเนื้อต้องตัวนิดนึงก็ไม่ได้ ก็รู้อยู่ว่าถ้าฉันหึงหวงแล้วมันจะเป็นยังไง ถ้าไม่เชื่อฟัง ไอ้คู่กรณีได้ไปนอนหยอดข้าวต้มที่โรงพยาบาลแน่”
คนฟังถึงกับกลอกม่านตาด้วยความเบื่อหน่าย แต่ในขณะเดียวกันยามได้ฟังคำพูดกระตุ้นหัวใจแบบนี้มันก็รู้สึกดี รู้สึกมีค่า เพราะคริสหึง คริสหวง เลย์ชอบมันมาตั้งนานแล้ว หากแต่ในตอนนี้ความสัมพันธ์ที่เป็นอยู่มันคลุมเคลือเกินกว่าจะอธิบายให้ชัดเจนได้ แล้วอีกอย่างถ้าคริสยังระบายโทสะจนทำให้คนอื่นเดือดร้อนแบบนี้อีก เลย์ก็ไม่ชอบใจเลยสักนิด
“คนอื่นที่ว่าห้ามไม่ให้หอมแก้มจูบปากเนี่ย...รวมนายด้วยหรือเปล่า?” คนหน้าหวานเผยยิ้มที่มุมปาก เลิกคิ้วเป็นเชิงถามึวามเห็น หันไปมองคนขับรถหน้าหล่อที่มองมาอยู่ก่อนแล้ว
“....แล้วนายคิดว่าจะห้ามฉันได้ไหมล่ะ...อี้ชิง”
เจอเอ่ยท้าท้ายไม่เกรงกลัว พูดแค่นั้นใบหน้าหล่อก็โน้มข้ามฝั่งไปหาคนอวดดีอย่างช้าๆ ส่งแขนเท้าขอบหน้าต่างรถกักขังร่างเล็กจนหลังบางแนบชิดติดเบาะนั่ง ค่อยๆทาบริมฝีปากลงทับกลีบปากอิ่มอมชมพูเนิบนาบ ค้างไว้เพียงชั่วครู่ให้รับรู้ถึงความอุ่นชื้นที่แตะกันอย่างแผ่วเบา ก่อนจะเริ่มดูดเม้มคลึงเล็กน้อยโดยไม่ลุกล้ำเข้าไปเอาเปรียบเหมือนอย่างที่ใจต้องการจะทำมากก็ตามที
ทุกอย่างทำให้เลย์คลายความกังวลภายในหัวไปได้จนหมด ก้อนในอกซ้ายโหมกระหน่ำขึ้นหนักหน่วง เต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะให้ลมหายใจขาดห้วงเป็นระยะๆ หน้าอกบางกระเพื่อมขึ้นลงกลืนน้ำลายคงคออึกเมื่อปากประกบปาก ก่อนอีกคนจะค่อยๆผละใบหน้าออกจ้องมองสบสายตา แล้วกดย้ำซ้ำสองลงที่เดิมอีกครั้งเบาๆพร้อมทั้งยิ้มเจ้าเล่ห์ให้เห็นอย่างนึกหมั่นไส้
“ชิส์!”
เลย์จิ๊ปากขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปม หันใบหน้าหนีออกนอกหน้าต่างรถไปทันทียามความร้อนผ่าวมันเอ่อขึ้นที่พวงแก้มพร้อมทั้งเจือสีอ่อนขึ้นมาด้วยในเวลาเดียวกัน ไม่เคยจะชนะฝีปากของคริสได้เลยสักครั้ง อีกคนน่ะมาเนิบๆแต่ทำให้ค้างได้ไม่ใช่เล่นๆ ทุกครั้งที่เจอสัมผัสก็อ่อนระทวยหัวใจเต้นแรง ก่อนจะตั้งสติได้จึงบ่นพึมพำเสียงแผ่วเบาให้อีกคนเป็นคำตอบอย่างไม่สบอารมณ์ที่ชอบทำให้สติล่องลอย
“ไม่ได้เต็มใจจะให้ใครหอมใครจูบสักหน่อย ก็ชอบทำตามใจตัวเองตลอด”
…ADOLESCENT…
จริงๆมีต่อนะพาร์ทนี้ แต่ไรท์เล็งเห็นว่ามันจะเยอะไป
จะมีคนขี้เกียจอ่านหรือเปล่า แฮร่!! รอต่อตอนหน้านะคะ ^^
ความคิดเห็น