คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ll THE WIZARD ll Chapter 7
THE WIZARD 7
Lay talk
ผมรีบเร่งฝีเท้าไปตามโถงทางเดินแล้วตรงไปยังสถานที่แรกที่ผมเคยมาถึงที่นี่ ก่อนจะเห็นร่างที่คุ้นเคยของพ่อยืนคุยอยู่กับศาสตราจารย์แอนดี้เหมือนอย่างวันแรกที่ผมมาถึงเลยก็ไม่มีผิด ผมสาวเท้าเดินตรงไปหาพ่อแล้วโผลเข้ากอดท่านจากทางด้านหลังทันทีด้วยความคิดถึง
“สวัสดีครับพ่อ คิดถึงพ่อจังเลย” ผมเอ่ยทักทายพ่ออย่างร่าเริงที่สุด แต่ดูเหมือนท่านจะอารมณ์ไม่ดีเอาซะเลย ทำให้ผมถึงกับหน้าเจือนลงไปเสียสนิทเลยล่ะครับ
“พ่ออยากรู้ว่าทำไมลูกต้องโทรให้พ่อมารับด้วย ให้เหตุผลพ่อได้ไหม?”
น่านไง! พ่อถามผมกลับ คิดไว้อยู่แล้วว่าต้องเจอคำถามนี้ นั่นผมเองก็ถึงกับรู้สึกไม่ดีเมื่อได้เห็นสายตาที่ตัดพ้อของท่านส่งมาให้
“ก็ศาสตราจารย์บอกเองไม่ใช่หรอครับว่าให้เวลาผมหนึ่งอาทิตย์ ถ้าผมไม่ชอบที่นี่ก็จะไม่บังคับผม” พูดเสร็จผมก็อมลมจนแก้มพองเหมือนเด็ก ทำให้พ่อต้องถอนหายใจออกมาด้วยความเอาแต่ใจของผมเอง
“แล้วนายไม่ชอบที่นี่หรอเลย์?” ศาสตราจารย์แอนดี้ที่ยืนฟังอยู่ในตอนแรกหันมาถามผมบ้าง ผมยิ้มแหยๆก่อนจะตอบเขาไป
“ก็ไม่ใช่ว่าไม่ชอบครับศาสตราจารย์”
“แล้วโทรให้พ่อมารับทำไม หื้ม?” พ่อหันมาถามผมอีกครั้ง ท่านดูใจเย็นลงแล้ว จากนั้นก็ทำท่าตั้งใจฟังเหตุผลของผมอย่างจริงจังจนทำให้ผมน้ำตาแทบไหล พ่อดูห่วงผมมากเหลือเกิน นั่นทำให้ผมรู้สึกผิดไม่น้อยที่ทำให้ท่านต้องเป็นห่วงอยู่เสมอเพียงเพราะเรื่องไม่เป็นเรื่องของผม
“ผมก็แค่คิดถึงพ่อนี่นา ไม่ได้ให้พ่อมารับสักหน่อย”
“คิดถึงก็โทรคุยกันได้หนิลูก ทำไมต้องให้พ่อขับรถมาไกลขนาดนี้ด้วย แต่...พ่อว่าพ่อฟังไม่คิดนะว่าลูกบอกให้พ่อมารับ” พ่อเลิกคิ้วถามผม และนั่นผมก็ถึงกับคิดอะไรไม่ออก ก็จะให้บอกได้ไงล่ะว่าตอนแรกผมก็อยากกลับจริงๆนั่นแหละ แต่เพราะมีใครอีกคนมันทำให้ผมไม่อยากจากที่นี่ไป
“ตอนแรกก็อยากกลับอยู่ล่ะครับแต่ตอนนี้ไม่อยากแล้ว ” ผมเผลอยิ้มออกไปอย่างลืมตัวเมื่อภาพของใครอีกคนมันซ้อนทับอยู่ คิดแล้วก็ใจสั่น ใจเต้นแรงทุกครั้งเลยสิน่า
“ยิ้มอะไรลูกพ่อ มีเรื่องอะไรรึเปล่า?”
“ไม่มีอะไรครับพ่อผมโอเค ผมคิดว่าผมชอบที่นี่ครับ” ผมตอบก่อนจะยิ้มหวานส่งไปให้พ่ออย่างอารมณ์ดี จนท่านดูจะสงสัยไม่น้อยหากแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรกลับ ไม่วายยังหยิกแก้มผมซะจนผมต้องยกมือขึ้นลูบมันไปมาด้วยความเจ็บปวด
“ง่า พ่ออ่ะผมเจ็บนะ” ดูเอาเถอะครับ บอกว่าเจ็บว่าเจ็บก็ยังไม่หยุดนะพ่อ ผมเจ็บมากจริงๆนะครับ
“ว่าแต่ลูกมีอะไรก็ไปทำเถอะ เดี๋ยวพ่อจะไปคุยกับแอนดี้ต่อสักหน่อย” พ่อพูดเหมือนไล่ผม ทั้งๆที่ผมเพิ่งจะมาถึงแท้ๆ
“โห้ เจอหน้าลูกไม่ถึงนาทีก็ไล่ให้ไปซะแล้ว มันน่าน้อยใจไหมเนี่ย” ผมยู่หน้าอย่างนึกงอน ก็แหมผมเป็นคนโทรให้พ่อมาหนิครับแต่พ่อกลับมีธุระกับศาสตราจารย์ซะนี่
“งั้นเดี๋ยวพ่อจะมาหาลูกบ่อยๆแล้วกัน แต่ตอนนี้พ่อมีธุระกับแอนดี้จริงๆมีอะไรจะฝากพ่อกลับบ้านบ้างไหม?” พ่อวางมือทับบนหัวผมก่อนจะโยกมันไปมาอย่างนึกสนุก อยากบอกพ่อว่าดูสีหน้าผมนิดนึง ผมเวียนหัวไปหมดแล้ว
“มีเสื้อผ้าที่ไม่ได้ใส่หลายชุด ยังไงผมฝากพ่อกลับหน่อยนะครับ ที่หอไม่ค่อยมีที่เก็บ”
“อื้ม ถ้างั้นเอาลงมาใส่รถไว้เลยนะลูก”
“ครับ แล้วเดี๋ยวผมจะไปนอนต่อแล้ว รุ่นพี่ยุนโฮมาปลุกผมแต่เช้าเลย เมื่อคืนก็แทบจะไม่ได้นอน” ผมพูดไปก็หาวไป ไม่สนแล้วภาพพจน์ หรือมันไม่มีอยู่แล้วนะ
“ทำไมไม่ได้นอนล่ะ นอนไม่หลับรึไง?” แน่ล่ะครับ ผมไม่ได้นอนมันทั้งคืน คิดถึงแต่ไอ้คนเตียงข้างๆที่เดี๋ยวนี้มันดีกับผมแปลกๆ จนผมอดคิดฟุ้งซ่านไม่ได้เลย เป็นบ้าไปแล้วแน่ๆ
“ไม่มีอะไรหรอกครับ งั้นผมไปแล้วนะครับพ่อ” ผมรีบบอกปัดพ่อไปอย่างไม่ใส่ใจนัก ก่อนจะโค้งลาผู้ใหญ่ทั้งสองแล้วปลีกตัวออกมาทันทีเพื่อกลับไปเอาเสื้อผ้าที่ไม่ค่อยได้ใช้ให้พ่อเอากลับไปด้วย แต่ก็ไม่คิดว่าจะเจอคริสที่อยู่ๆก็ทำตัวแปลกๆกับผมจนผมตกใจ
นั่นแหละครับคือสิ่งที่ผมไปพบกับพ่อมา คริสไม่คิดจะถามผมเลยสักคำ เขาคิดว่าผมจะกลับบ้านไปซะอย่างนั้น ว่าแต่เขาไปรู้มาจากใครกัน ผมยังไม่ได้บอกเขาเลยด้วยซ้ำและผมก็ไม่ได้บอกใครที่ไหนด้วย แล้วดูเขาทำกับผมสิครับ คริสหอมแก้มผมอ่ะ งื้อ รู้สึกดีนะครับผมพูดเลย แต่ต่อไปผมจะกล้าไปหาเขาไหม จะกล้าสู้หน้าเขาได้ยังไง แล้วผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไมคริสต้องทำแบบนั้นด้วย ถ้าผมจะไปจริงๆเขาต้องทำอย่างนั้นด้วยหรอ โอ้ย! ผมอดคิดไม่ได้จริงๆนะครับ
End
Lay talk
เลย์เมื่อออกมาจากห้องที่เมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้านั้นเจอรูมเมทสุดหล่อที่ทำให้หวั่นไหวจนความเป็นตัวเองหายไปเสียหมด ขาเรียวรีบเดินจ้ำอ้าวหอบกระเป๋าเป้ใบโปรดไปเก็บไว้ที่รถสปอร์ตคันหรูของคนเป็นพ่อก่อนจะเดินย้อนกลับมาทางเดิมเพื่อไปที่ไหนสักแห่ง ที่ไหนก็ได้ที่ไม่เจอกับคริสในตอนนี้ ตอนแรกเขาคิดไว้อยู่แล้วว่าจะไปนอนหากแต่ตอนนี้มันนอนไม่หลับเอาซะเลย อีกทั้งจะย่างก้าวกลับเข้าห้องใจก็ไม่กล้าพอ
“อ๊ะ!! ขอโทษครับ” มัวแต่เหม่อใจลอยไปไหนต่อไหน ทำให้คนตัวเล็กไม่ทันได้ระวังจนชนกับใครเข้าโดยไม่รู้ตัว ก่อนหัวทุยจะโค้งขอโทษขอโพยในทันที
“อ้าว! นายนี่เอง” คนแปลกหน้าอุทานเมื่อเห็นใบหน้าติดหวานที่อยู่ๆก็เดินมาชนเขาทั้งๆที่เขาก็ยืนดูบอร์ดประกาศข่าวของโรงเรียนอยู่กับที่เฉยๆ
“ฉัน? รู้จักฉันหรอ?” คนตัวเล็กชี้นิ้วเข้าหาตัวเองแล้วเอ่ยถามอีกคนออกไป กอรปกับใบหน้าติดหวานที่ยู่เข้าหากันจนอีกคนนึกเอ็นดูไม่น้อย
“จำฉันไม่ได้หรอที่วันปฐมนิเทศเดินเข้าไปทักนายไง?” ใบหนาเข้มที่มีรอยยิ้มของอีกคนทำให้เลย์รู้สึกไม่เกร็งจนเกินไปก่อนจะทำท่าคุ้นคิดว่าเคยเห็นบุคคลนี้ที่ไหน
“อ้อ! นายนั่นเอง โทษทีนะฉันเดินไม่ระวังจนชนนายเข้า”
“ไม่เป็นไร ว่าแต่นายจำได้รึเปล่าว่านายยังไม่ได้บอกชื่อฉันเลยนะ” คนแปลกหน้าท้วงถามก่อนจะส่งยิ้มจริงใจไปให้เลย์
“…………”
เลย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป เขานึกขึ้นได้ว่าคริสไม่ชอบให้ยุ่งกับคนปราสาทเซนทอร์ แต่นั่นจะปฏิเสธอีกคนไปตรงๆก็ไม่ใช่วิสัยของเขาเช่นกัน
“อ่า ไม่บอกก็ไม่เป็นไร ฉันเข้าใจว่าคนปราสาทดราก้อนคงไม่ชอบใจนักถ้าจะมาผูกมิตรกับปราสาทเซนทอร์”
ใบหน้าที่มีรอยยิ้มในตอนแรกดูเจือนลงในทันทีเมื่อเลย์เอาแต่นิ่งไม่ตอบอะไร และเขาก็รู้ดีอยู่แล้วว่าเซนทอร์ก็ไม่ชอบให้มายุ่งกับดราก้อน หากแต่ไม่รู้เพราะอะไรเหมือนกัน คนตัวเล็กถึงทำให้เขาอยากรู้จักและอยากค้นหา
“ฉันชื่อเลย์ แล้วนายล่ะ?” รอยยิ้มหวานพุดขึ้นบนใบหน้าก่อนจะเอ่ยชื่อเพื่อให้อีกคนได้รู้ แค่ชื่อคงไม่เป็นไร คนเราไม่ได้เหมือนกันทุกคนนี่นะ นั่นก็ด้วย เลย์คิดว่าคนปราสาทเซนทอร์คงไม่ได้เลวร้ายไปซะทุกคนเช่นกัน
“ฉันชื่อเทา ยินดีที่ได้รู้จักนะเลย์” เทายิ้มออกมาทันทีเมื่ออีกฝ่ายไม่ทำท่าเหมือนต่อต้านเขาและยอมยินยอมที่จะทำความรู้จักกัน นั่นทำให้เขามีความสุขเป็นอย่างมาก รอยยิ้มที่ได้เห็นจากใบหน้าหวานทำให้เขาไม่คิดไม่ฝันว่าจะได้มันจากอีกคน
“ยินดีที่ได้รู้จักเช่นกันนะเทา” เลย์ยื่นมือออกไปตรงหน้าหวังเพื่อทำความรู้จัก และการกระทำแบบนี้ก็ทำให้เทาตกใจไม่น้อยก่อนจะยื่นมือของตัวเองออกไปจับมือนุ่มของคนหน้าหวานอย่างเก้ๆกังๆ
“ว่าแต่นายไปไหนมาหรอเดินเหม่อลอยมาเชียว?” เสียงเข้มเอ่ยถามอย่างเป็นมิตร ไม่ใช่ไม่เห็นว่าอีกคนเดินมา แต่เขาเลือกที่จะยืนมองอยู่เฉยๆ และนั่นคนตัวเล็กก็เหม่อลอยจนมองไม่เห็นเขาซะงั้น
“อ่อ ฉันไปหาพ่อมาน่ะ ยังไงก็ต้องขอโทษนายจริงๆนะ ทั้งๆที่นายยืนอยู่เฉยๆแท้ๆ ฉันก็ยังเดินชนนายซะได้ เจ็บมากรึเปล่า?” คนหน้าหวานเอ่ยอย่างรู้สึกผิดและยังรู้สึกเป็นห่วงอีกคนไม่น้อย เพราะมัวแต่คิดเรื่องอื่นจนทำให้เพื่อนใหม่ต้องเจ็บตัว
“ไม่เป็นไรหรอกฉันไม่เจ็บเลยสักนิด ขอบคุณที่เป็นห่วงนะ” เทาโบกมือปฏิเสธไม่ถือโทษโกรธเลย์ แค่ได้คุยกับอีกคนมันก็มากเกินพอแล้ว
“ฉันนี่แย่จริงๆเลย” เลย์ต่อว่าตัวเองก่อนจะทึ้งหัวทุยไปมาอย่างหงุดหงิด
“น่ารัก”
“ห๊ะ! อะไรนะ?” เสียงหวานเอ่ยถามเมื่อฟังอีกคนได้ไม่ชัดเจนเท่าไหร่
“อ่อ ป...เปล่าๆ” เทาเอ่ยปฏิเสธก่อนจะเสมองไปทางอื่นแล้วสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อควบคุมการเต้นของหัวใจที่ตอนนี้มันเต้นเร็วกว่าปกติจนยากที่จะควบคุมเมื่ออยู่ต่อหน้าคนหน้าหวานที่เพิ่งรู้จักกัน
“อ่า งั้นฉันไปก่อนนะเทา ไว้เจอกัน” เลย์พูดแค่นั้นก่อนจะโบกมือลาเพื่อนใหม่แล้วปลีกตัวออกมาทันที ทิ้งให้อีกคนที่ยืนมองตามแผ่นหลังเล็กอยู่เผยยิ้มออกมาด้วยใจที่ปริ่มล้น แค่นี้ ขอแค่ได้คุยกัน ขอแค่ได้รู้ว่าอีกคนชื่ออะไร เท่านี้ก็เพียงพอแล้ว
…ไว้เจอกันงั้นหรอ? ฉันก็หวังให้เป็นแบบนั้นเหมือนกันนะเลย์...
…THE WIZARD…
ร่างสูงโปรงบนเตียงของพี่ชายกับตำราเล่มเดิมที่เปิดอ่านเมื่อครั้งที่แล้วถูกพลิกไปพลิกมาไม่รู้กี่รอบต่อกี่รอบ จนทำให้คนที่นั่งทำการบ้านอยู่บนโต๊ะเขียนหนังสืออีกฝั่งนึกรำคาญใจเป็นอย่างมาก
“ถ้าอ่านแล้วมันไม่เข้าหัวก็ไม่ต้องอ่านสิ ฉันรำคาญ!” ชางมินเอ่ยอย่างหัวเสียกับพฤติกรรมของน้องชายในสายเลือด เสียงกระดาษพลิกไปมาทำให้เขารู้สึกหงุดหงิด หากแต่นั่นก็ไม่มากไปกว่าคนเป็นน้องชายที่ไม่คิดจะเล่าเรื่องที่ค้างคาใจให้เขาฟัง
“ไม่อ่านก็ได้จะนอนแล้ว” คริสเอ่ยบอกก่อนจะปิดตำราเล่มหนาที่ถืออยู่ในมือพลันล้มตัวลงนอนบนเตียงของพี่ชายทันที ไม่ได้ง่วงหากแต่คิดว่าเป็นการดีที่สุดถ้าจะได้หลับตาแล้วคิดอะไรเงียบๆไปคนเดียว
“มีอะไรจะเล่าไหม?” เมื่อเห็นอาการของคนเป็นน้องชางมินก็เลือกที่จะถามด้วยความเป็นห่วง
“ไม่มี!” คริสบอกปัด ใครจะกล้าเล่าเรื่องที่เกิดขึ้นกัน น่าอายเป็นบ้า
“มั่นใจ?” ชางมินถามย้ำเพราะคิดว่ายังไงคริสก็ต้องแพ้ลูกตื้อของเขาแน่นอน แสดงออกขนาดนั้นยังจะบอกว่าไม่มีอะไรอีก หมั่นไส้
“นายรู้อยู่แล้วอย่าถามฉันน่า” คริสตอบพลางเหลือบสายตามองพี่ชายในสายเลือดที่รู้ทันเขาไปซะหมด ปิดไม่เคยอยู่เลยจริงๆ
“หึ! แล้วไปทำอะไรเขาอีกล่ะ?”
“ก็ไม่มีอะไร? ฉันจะนอนละ นายทำการบ้านก็ทำไปสิ” เป็นอีกครั้งที่ คริสเลือกที่จะไม่ใส่ใจทั้งๆที่ในใจมันคุกรุ่นไปด้วยความกังวล
“โกหกฉันตลอดเลยสิน่า นายรู้ไหมว่านายมักจะไม่สบายใจเพราะเรื่องของเลย์อยู่เสมอ นายชัดเจนขึ้นทุกวันแล้วนะคริส”
ชางมินยิ้มให้กับคนเป็นน้อง เขายินดีจะช่วยคริสหากแต่คริสกลับไม่ยอมเล่าเรื่องอะไรให้เขาฟังเลย คริสมักเป็นแบบนี้อยู่เสมอ มีเรื่องไม่สบายใจอะไรมักเก็บไว้คนเดียว และนี่คือเหตุผลที่คริสมักเป็นคนที่เก็บตัวแบบนี้ตั้งแต่ไหนแต่ไร
“แล้วฉันควรจะทำยังไง?” คริสดูจะใจอ่อนกับคำพูดของคนเป็นพี่เสียแล้ว บางทีการเล่าให้คนที่ไว้ใจที่สุดฟังมันก็ไม่เสียหายอะไร
“แล้วนายไปทำอะไรเขาล่ะ?”
“ก็แค่ ก..กอด....” คริสพูดเสียงแผ่วเบาพลางก้มหน้างุดเพราะรู้สึกว่าปรับสีหน้าไม่ถูกเมื่อนึกถึงเหตุการณ์ที่ผ่านมา
“แล้ว?” ชางมินเลิกคิ้วถามคริสอีกครั้ง นั่นมันยังไม่หมดที่เขาอยากรู้ เขาผ่านเรื่องแบบนี้มาก่อนเขาย่อมรู้ดีกว่าคริสแน่นอน
“ห..หอมแก้ม” เสียงทุ้มเอ่ยได้ไม่เต็มปากเต็มคำนัก ความรู้สึกลึกๆในอกมันตีรวนอีกครั้งเมื่อเรื่องที่ว่ามันวกเข้ามาในสมอง
“อื้ม ได้ดั่งใจ” ชางมินพยักหน้าเข้าใจเมื่อน้องชายพูดสิ่งที่ไม่เคยเล่าให้ใครฟังออกมา และนั่นเขาก็พอใจเป็นอย่างมากถึงแม้จะยังไม่ถึงที่สุดก็ตาม
“อะไรคือได้ดั่งใจ?” คริสเอ่ยถามอีกครั้งเมื่อเขาไม่เข้าใจสิ่งที่ชางมินพูด
“นายควรจะเริ่มได้แล้วนะคริส ก่อนที่คนอื่นจะได้หัวใจเขาไป ไม่งั้นนายจะเสียใจทีหลังที่ไม่ได้ทำมัน” ชางมินเอ่ยออกไปตามตรง นี่คงเป็นทางออกที่ดีที่สุดที่เขาจะให้คำปรึกษาได้ เขารู้ว่าเลย์ก็รู้สึกดีๆกับคริสอยู่เหมือนกันแต่เพราะคำว่าเพื่อนทั้งสองจึงปิดกั้นตัวเองอยู่แบบนี้
“แต่..มันจะดีหรอ? เลย์เป็นเพื่อนฉันนะ ฉันกลัวว่าเราจะไม่เหมือนเดิม”
“นายยังไม่ได้เริ่มเลยนะคริส แล้วอีกอย่างฉันไม่คิดว่านายจะรู้สึกแค่ฝ่ายเดียว”
คริสขมวดคิ้วเข้าหากันด้วยความไม่เข้าใจ ได้แต่สับสนในคำพูดกำกวมของคนเป็นพี่ชาย พยายามเข้าใจหากแต่ก็ไม่กระจ่างเสียที และนั่นชางมินก็ถึงกับส่ายหน้าอย่างอ่อนใจ คริสฉลาดในทุกด้าน เข้มแข็งในทุกเรื่อง แต่ดูท่าว่าเรื่องของความรักแล้วเขาจะไม่รู้อะไรเสียเลย รักนี้ต้องเหนื่อยกันอีกนาน
.... THE WIZARD…
ร่างบางเดินวนเวียนในโรงเรียนอันกว้างใหญ่ไพศาลอยู่หลายรอบ ก่อนจะคิดได้ว่ามันคงไม่มีประโยชน์อะไรถ้าเขาจะเอาแต่หลบหน้าคริสอยู่แบบนี้ ยังไงก็ต้องเจอกันอยู่ดี ไม่เจอที่ห้องก็ต้องเจอที่ไหนสักแห่งในโรงเรียนแน่นอน สู้หน้าคงเป็นทางออกที่ดีที่สุด ไม่ได้คิดอะไรแล้วทำไมต้องกลัวไปเอง
ขาเล็กพาตัวเองเดินขึ้นมายังหอพักก่อนจะหยุดชะงักเมื่อมาถึงหน้าห้องที่คุ้นเคย ใบหน้าหวานเงยขึ้นช้าๆเมื่อรู้สึกถึงบางอย่างที่ปรากฏอยู่ตรงหน้าก่อนจะต้องตกใจเมื่อพบใครอีกคนที่เดินมาบรรจบกันที่หน้าประตูห้องพอดิบพอดี คนที่ทำให้เขาหลบหน้าอยู่ในตอนนี้
“คริส!” เสียงหวานอุทานลอดออกมาอย่างแผ่วเบา หัวใจที่คิดว่าปรับสภาพได้แล้วมันวูบไหวไปอีกครั้งเมื่อพบอีกคน
“น...นาย ทำไมเพิ่งกลับมา?” เสียงทุ้มเอ่ยถามติดขัด ไม่ใช่ไม่ตกใจที่เจออีกคน ก็เล่นเดินก้มหน้าก้มตาคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย ไม่คิดว่าเงยหน้าขึ้นมาอีกทีจะพบกับคนหน้าหวานที่ทำให้คิดถึงอยู่ตลอด คิดถึงปุ๊บก็มาให้เจอปั๊บ
“ฉ...ฉันไปเดินเล่นมาน่ะ นายจะเข้าห้องไม่ใช่หรอ? เข้าไปก่อนสิ” เสียงหวานเอ่ยตอบก่อนจะเปิดทางให้อีกคนได้เดินเข้าห้องไป
“นายเข้าก่อนดีกว่า นายมาถึงก่อน” หากแต่คริสก็เลือกที่จะให้เลย์เป็นฝ่ายเข้าก่อนอยู่ดี ทำอะไรไม่ถูกคงเป็นคำที่เปรียบได้ดีที่สุด
“ไม่เอาๆ นายนั่นแหละเข้าก่อน”
“อื้อ ก็ได้” เมื่อเห็นว่าคงต้องยอมคนตัวเล็กเป็นแน่ คริสจึงเดินนำเข้าไปในห้องก่อนที่เลย์จะเดินตามมาไม่ห่าง
“เฮ้ย! ระวัง”
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
เสียงทุ้มเอ่ยบอกคนเป็นรูมเมทที่ตอนนี้เดินไม่ดูตาม้าตาเรือจนสะดุดเข้ากับขอบประตูห้อง ส่งผลทำให้ร่างบางนั้นถลาเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นของคริสในทันที อีกแล้ว กอดกันอีกแล้วสินะ
“ซุ่มซ่าม!”คริสเอ่ยต่อว่าคนตัวเล็กที่ตอนนี้หน้าหวานๆนั้นแนบไปกับอกแกร่งของเขาเพราะไม่ทันได้ระวังตัว ไม่ได้อย่างขึ้นเสียงใส่เลยแต่จะทำยังไงได้ก็คนมันเป็นห่วง
“ขอโทษ” เลย์เอ่ยเสียงแผ่วเบาอย่างรู้สึกผิดที่มักจะเป็นปัญหาให้อีกคนอยู่เสมอ ก่อนใบหน้าหวานจะค่อยๆเงยขึ้นมองหน้าคนที่สูงกว่าช้าๆ
ลมหายใจที่ปล่อยรดซึ่งกันและกันบ่งบอกได้ดีว่าระยะห่างของใบหน้าคนทั้งคู่อยู่ใกล้กันเพียงไหน ตากลมกระพริบปริบมองใบหน้าหล่อเหลาของอีกฝ่ายก่อนจะจ้องลึกลงไปนัยน์ตาสีนิลที่ก็จ้องกลับลงมาเช่นเดียวกัน เหมือนภาพที่ถูกหยุดเวลาไว้เพื่อให้คนทั้งสองได้ทำความเข้าใจความรู้สึกภายในของตัวเองได้เป็นอย่างดี หัวใจที่วูบไหวมันเป็นตัวบ่งบอกได้ชัดเจนว่าก็รู้สึกไม่ต่างกัน
….ตึกตัก ตึกตักๆ...
มือเล็กค่อยๆยกขึ้นทาบทับบนหน้าอกข้างซ้ายของอีกฝ่ายอย่างไม่รู้ตัวก่อนจะเปลี่ยนมาทาบที่หน้าอกของตัวเองบ้าง มันเหมือนกัน เหมือนกันทุกประการ ทั้งจังหวะการเต้นของหัวใจและลมหายใจเข้าออกที่มันเร็วกว่าปกติ
“ระวังหน่อยสิเดี๋ยวก็เจ็บตัวอีกหรอก ชอบทำให้ฉันเป็นห่วงอยู่เรื่อย” คริสเอ่ยขึ้นขัดบรรยากาศที่น่าอึดอัดนี้ได้เป็นอย่างดี ต่างฝ่ายต่างก็ทำตัวไม่ถูกเมื่อได้สบตากันอยู่เนิ่นนาน
“ก็ขอโทษแล้วไง ลำบากมากทีหลังก็ปล่อยให้ฉันล้มไปเลยดิ”
เมื่อเรียกสติตัวเองกลับคืนมาได้คนตัวเล็กก็รีบผละออกจากอ้อมกอดของอีกคนอย่างเก้ๆกังๆ มือไม้ที่เคยคิดว่ามันไม่เกะกะหากแต่ตอนนี้ยากเกินจะคิดว่ามันควรเอาไว้ตรงไหนดี มือบางเลยทำท่าทำทางจัดเสื้อผ้าที่ใส่อยู่ให้เข้าที่เข้าทางอย่างนึกเขินอาย
“ดูพูดเข้า คนอดส่าห์ช่วยแท้ๆ” เสียงทุ้มไม่วายพูดเหน็บแนมอีกคน มันกำลังจะไปได้ดีอยู่แล้วเชียวแต่ก็ต้องมาจบด้วยการปะทะฝีปากกันทุกครั้งไป
“เออๆ ขอบคุณ! ทวงบุญคุณจริงๆ ก็ไม่ได้ขอให้ช่วยสักหน่อย” เรียวปากบางบ่นขมุบขมิบอย่างนึกหมั่นไส้รูมเมทตัวสูงที่เอะอะอะไรก็เอาแต่ต่อว่าเขาตลอด ทั้งยังไม่วายทวงบุญคุณอยู่เสมอ แต่เลย์ก็ยอมรับว่ามันจริงอย่างที่คริสว่า เพราะไม่รู้กี่ครั้งแล้วที่เขามักทำให้คริสลำบากและไม่รู้กี่ครั้งที่เขามักจะนำปัญหามาให้คนๆนี้อยู่เสมอ
ติ้งต่องงงงงงง ~
เสียงสัญญาณประชาสัมพันธ์ของเดอะวิซาร์ดดังขึ้น ส่งผลให้ทั้งคู่ต้องหยุดฝีปากกันไว้เพียงแค่นั้นก่อนจะรับฟังประกาศจากทางโรงเรียนอย่างตั้งอกตั้งใจ
...ขอให้นักเรียนปราสาทดราก้อนทุกชั้นปีมาพร้อมกันที่ห้องเซอร์เบอรัสในเวลานี้ด้วยครับ...
เสียงประกาศที่คุ้นหูจากประธานปราสาทดังขึ้นทำให้ทั้งคริสและเลย์มองหน้ากันด้วยความสงสัยกอรปกับความอยากรู้อยากเห็นว่าทำไมทางปราสาทต้องเรียกพบด่วนขนาดนี้ จะมีเรื่องอะไรหรือเปล่า
“ไปกันเถอะคริส” เลย์เอ่ยชวนคริสในทันทีเมื่อประกาศจบลง ใบหน้าหล่อพยักตอบกลับก่อนจะเดินเคียงข้างกันออกไปจากห้องพลันตรงดิ่งไปยังที่นัดหมายในทันที
...THE WIZRARD…
เสียงพึมพำจากนักเรียนของปราสาทดราก้อนดังระงมหึ่งไปทั้งเซอร์เบอรัสแห่งนี้ ต่างคนต่างไม่รู้ว่าเกิดอะไรขึ้นแต่ก็ยอมมาตามที่ประธานปราสาทได้นัดหมายไว้
“ฟังทางนี้ ที่ฉันเรียกพวกนายมารวมตัวกันเพราะมีเรื่องสำคัญจะมาบอก” ยุนโฮเอ่ยพูดเมื่อนักเรียนทุกชั้นปีของปราสาทได้มาพร้อมหน้าพร้อมตากันแล้ว
“เด็กปีหนึ่งอาจยังไม่รู้ว่าทุกๆปีเดอะวิซาร์ดจะมีประเพณีอย่างหนึ่งที่นักเรียนทุกชั้นปีต้องเข้าร่วม และครั้งนี้มันก็สำคัญมาก” ยุนโฮเอ่ยอย่างมีมาด เขาเป็นคนที่เหมาะสมและเพรียบพร้อมไปด้วยความเป็นผู้นำจนทำให้นักเรียนของ ดราก้อนนับถือและเคารพเป็นอย่างดี
“อ่อ ที่แท้ก็เรื่องนี้เอง” ชางมินอุทานขึ้นเมื่อเข้าใจในทุกๆอย่าง ทำให้ทั้งเลย์และคริสที่นั่งอยู่ข้างๆก็ได้แต่เหลือบมองด้วยความสงสัย
“ที่พวกเราจะต้องเข้าร่วมนั้นก็คือประเพณีบุกปราสาท”
เมื่อยุนโฮพูดจบเสียงคุยจอแจก็ดังขึ้นอีกครั้งจากนักเรียนปีหนึ่งที่จะได้เข้าร่วมประเพณีนี้เป็นครั้งแรก สวนทางกับเด็กปีสองและสามที่พยักหน้าอย่างเข้าใจเหมือนที่เขาเคยได้ผ่านมาแล้ว
“ประเพณีบุกปราสาทคือประเพณีที่เดอะวิซาร์ดจัดขึ้นทุกปี และปีนี้ปราสาทของเราจะเป็นฝ่ายไปบุกปราสาทอื่น มีเพียงคนของดราก้อนเท่านั้นที่รู้ ซึ่งฉันหวังว่าพวกนายจะเก็บเรื่องนี้ไว้เป็นความลับ”
“เราจะแบ่งคนออกเป็นสามกลุ่มเพื่อบุกแต่ละปราสาท จากนั้นให้ค้นหาถ้วยจันทราแล้วนำกลับมาไว้ประจำปราสาทของเราให้ได้ ไม่มีใครรู้ว่าถ้วยนั้นอยู่ที่ปราสาทไหน เราจึงต้องแบ่งคนเพื่อตามหาทุกปราสาท” ยุนโฮพูดไปเรื่อยๆจนรู้สึกว่าเด็กปีหนึ่งจะเข้าใจกันแล้วเขาจึงยิ้มออกมาอย่างพอใจ
“แล้วเราจะเริ่มบุกวันไหนล่ะพี่?” ชางมินยกมือขึ้นถาม เขาชอบประเพณีนี้เป็นการส่วนตัว ดีซะอีกจะได้แก้แค้นคนที่เขาไม่ชอบขี้หน้าไปด้วย
“อาทิตย์หน้า เราจะเริ่มบุกปราสาทตอนตีสอง รอให้ทุกคนของสามปราสาทนั้นหลับหมดเสียก่อน แต่...มีข้อแม้ว่าปีนี้ห้ามใช้เวทมนต์”
“นี่มันไม่ยุติธรรมเลยนะพี่! ปีที่แล้วพวกเซนทอร์ทำกับเราไว้ซะเละเลย” เมื่อนึกถึงคนของอีกปราสาท ชางมินก็ถึงกับฉุนจนคริสต้องคอยตบที่บ่าหนาเพื่อให้พี่ชายใจเย็นลง
“เราไม่มีทางเลือกเราต้องทำตามคำสั่งของโรงเรียน แต่พวกเราก็ยังสามารถใช้ตัวช่วยอย่างอื่นได้เหมือนกัน”
ชางมินพยักหน้าเข้าใจ ถึงจะหงุดหงิดไปบ้างที่เปลี่ยนกฏในปีนี้โดยที่พวกเขาไม่ได้เตรียมตัว แต่คนอย่างชางมินมีหรือจะรอวันนั้นโดยไม่คิดจะทำอะไรเลย
“โอเค ฉันมีเรื่องมาประกาศเพียงเท่านี้ ขอให้พวกนายทุกคนไปดูรายชื่อที่ติดไว้หน้าหอพักด้วยว่าใครได้อยู่กลุ่มไหน เราจะจัดคนไปตามปราสาทที่ได้แบ่งไว้ และอย่าลืมว่าเรื่องนี้รู้ได้เฉพาะคนในปราสาทดราก้อนเท่านั้น”
เมื่อยุนโฮพูดจบเด็กนักเรียนของปราสาทดราก้อนต่างก็ทยอยกันออกไปดูรายชื่อของตัวเองที่หน้าหอพักด้วยความตื่นเต้น สำหรับเด็กปีหนึ่งที่เพิ่งได้เข้าร่วมประเพณีนี้ต่างก็อยากให้ถึงวันนั้นเร็วๆ นั่นก็รวมถึงเลย์และคริสด้วยเช่นกัน หากแต่คนตัวเล็กดูจะแสดงออกมากเกินไปเสียหน่อย
“นายดีใจมากขนาดนั้นเลย?”คริสเอ่ยถามหลังจากดูรายชื่อที่บอร์ดเสร็จ
“ก็มันน่าสนุกนี่นา”
เลย์ทำท่าทางดีใจจนคริสเองถึงกับลอบยิ้มออกมา ไม่ใช่แค่เรื่องนี้เท่านั้นหากแต่เป็นเรื่องที่เขาได้อยู่กลุ่มเดียวกับเลย์ต่างหาก อย่างน้อยก็ได้อยู่ใกล้กัน ได้คอยดูแลไม่ห่าง เพราะปราสาทที่เขาต้องไปบุกด้วยกันนั่นก็คือ ปราสาทเซนทอร์…
....THE WIZARD…
ความคิดเห็น