ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ERROR (KRIS X LAY)

    ลำดับตอนที่ #8 : ll ERROR ll CHAPTER 8

    • อัปเดตล่าสุด 8 พ.ย. 56










    ERROR
    CHAPTER 8







     

     

     

    คริส เหลือสอบอีกกี่ตัว?”


    เสียงหวานเอ่ยถามคนรักที่นั่งก้มหน้าก้มตาอ่านหนังสือแทบไม่ออกไปดูเดือนดูตะวันตั้งแต่เมื่อวาน จนตอนนี้ก็ย่างสามโมงเย็นของวันใหม่แล้ว อี้ชิงมองภาพตรงหน้าด้วยความเป็นห่วงทั้งเป็นกังวล หย่อนกายนั่งลงที่ปลายเตียงอดกลัวไม่ได้ว่าอีกคนจะทรุดหนักแล้วไปสอบไม่ไหวน่ะสิ

     
     

    เหลืออีกแค่ตัวเดียววันพรุ่งนี้อ่ะ ตัวสำคัญด้วย

    ตอบกลับคนรักตัวเล็กไปก็ไม่คิดจะละสายตาออกจากตำราเรียนตรงหน้าเลยแม้แต่น้อย หัวคิ้วขมวดเข้าหากันเสียเป็นปมคล้ายเครียดมากจนไม่อยากจะปล่อยเวลาให้ผ่านไปโดยเปล่าประโยชน์

     

    คริสย้ายมาอยู่หอพักกับอี้ชิงเพราะให้เหตุผลว่าอยากอยู่กับอีกคนตลอดเวลา ถึงจะคุยกันทางโทรศัพท์ เฟสไทม์ก็แล้ว มันยังไม่สามารถช่วยเติมเต็มความคิดถึงที่มีให้กับอีกคนได้เลย ทั้งตอนนี้ยังเป็นช่วงสอบไฟนอลที่ใครๆก็เอาแต่หมกมุ่นอยู่กับตำราเรียนเพราะไม่อยากได้ปลามากินตอนเกรดออกด้วยอีก อี้ชิงน่ะสอบเสร็จรอดตัวไปแล้ว หากแต่คริสยังเหลือตัวเอกตัวสุดท้ายที่ชะล่าใจไม่ได้เด็ดขาด


    พักบ้างก็ได้นะ นายเป็นแบบนี้มาตั้งแต่เมื่อวาน นอนก็ไม่ได้นอนร่างกายจะแย่เอา


    ขออีกแค่ชั่วโมงเดียว ขอให้ฉันชัวร์ว่าทำข้อสอบได้แล้วจะพักสายตานะ

     

    อี้ชิงถึงกับถอนกายใจเมื่อคนตัวสูงดื้อดึงไม่ได้ดูสภาพร่างกายของตัวเองเอาเสียเลย มีอย่างที่ไหนยี่สิบสี่ชั่วโมงยังไม่ได้นอน ง่วงก็เรียกหาแต่กาแฟ ห้าแก้วที่วางข้างโต๊ะทำเอาอี้ชิงใจไม่ดีรุ่มร้อนอยู่ในอก

     


    เฮ้อ! จะพักให้ฉันหายห่วงหน่อยไม่ได้หรือไง


    ถอนหายใจเฮือกใหญ่ พึมพำเสียงแผ่วเบาอี้ชิงจึงพาร่างของตัวเองคลานขึ้นเตียงแล้วล้มตัวลงนอนเล่นไอแพดฆ่าเวลาไปพรางๆ

     

    คำพูดที่เอ่ยออกไปก็ไม่ได้รู้เลยสักนิดว่าคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่กับโต๊ะนั้นได้ยินมันทุกคำแม้จะแผ่วเบาราวกับปุยนุ่นก็ตามที มือที่จดบันทึกยิกๆพลันชะงักงัน อมยิ้มกับความเป็นห่วงเป็นใยจากคนรักที่ทำเอาความเมื่อยล้าหายไปเป็นปลิดทิ้งเลยทีเดียว

     
     






    หนึ่งชั่วโมงผ่านไปไม่ขาดไม่เกินอย่างที่ได้พูดไว้ มือหนาวางปากกาในอุ้งมือลงกับหน้าหนังสือ ลุกขึ้นยืนบิดซ้ายทีขวาทีก็มองหาคนรักตัวเล็กที่นอนอยู่บนเตียงหวังต้องการกำลังใจให้หายเหนื่อย แต่นั่นอีกคนกลับผล็อยหลับไปก่อนทำเอาต้องยิ้มกว้างกับภาพที่ได้พบเห็น



    คริสค่อยๆคลานขึ้นเตียงให้เบาที่สุดเท่าที่จะทำได้ ล้มตัวลงนอนคว่ำหน้าข้างกายคนรักที่หลับตาพริ้มเสียน่ารักคล้ายเด็กน้อยก็ไม่ปราน ทำเอาต้องหัวเราะเบาๆนึกเอ็นดูทั้งมีความสุขจนไม่รู้จะอธิบายออกมาเป็นคำพูดแบบไหน โน้มใบหน้าเข้าหาช้าๆ ก่อนจะกดปลายจมูกลงโด่งคลอเคลียที่ข้างแก้มนิ่มของคนหลับแล้วสูดกลิ่นหอมเข้าปอดไปฟอดใหญ่



    งื้อ....


    คนถูกรบกวนงัวเงียทันทีเพราะโดนขัดความสุขขณะกำลังหลับสบาย มือบางขยี้เปลือกตาคล้ายงอแง ปรือแพขนตาสวยขึ้นมองภาพตรงหน้าก็ต้องเบิกตาโพลงตกใจเมื่อใบหน้าหล่อของคนเจ้าเล่ห์อยู่ใกล้กันแค่ลมหายใจกั้น  แต่นั่นยังไม่ได้ขยับตัวไปไหนร่างกายคล้ายถูกมนต์สะกดให้ไร้การเคลื่อนไหว ยามสัมผัสอุ่นชื้นที่ริมฝีปากทำให้ครางอื้ออึ้งจนร่างกายอ่อนยวบไร้เรี่ยวแรง

     
     

    ไม่รู้ตัวอี้ชิงจึงเผลอเปิดทางให้อีกคนลุกล้ำเข้ามาทำตามใจในโพลงปากอย่างง่ายดาย หายใจรวยรินคล้ายหัวสมองกำลังจะขาวโพลน ลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาไม่ได้อยู่สุขหากแต่กวาดทุกซอกทุกมุมจนอี้ชิงไร้ทางสู้  มือเล็กกำผ้าปูที่นอนแน่นระบายความวูบโหวงในกายที่มันแผ่ซ่านไปทุกอณู หลับไปตอนไหนไม่รู้ ตื่นมาอีกทีก็เสียท่าให้อีกคนไปเสียแล้ว

     
     

    ฉันกวนนายหรือเปล่า หื้ม?”

    ผละริมฝีปากออกคริสจึงเอ่ยถามทั้งยิ้มกรุ้มกริ่ม มองใบหน้าหวานที่ขึ้นริ้วสีแดงจางจนปิดไม่อยู่ก็ถึงกับนึกพอใจ แต่นั่นอีกคนดูท่าจะงอนจริงๆเสียแล้ว เพราะแม้แต่ใบหน้าหล่อๆของเขาก็ยังไม่คิดจะสบมองเลยให้ตายสิ


    มั่นใจว่าที่ถามน่ะคิดแล้ว ตื่นมายังไม่ทันไรก็โดนเอาเปรียบซะงั้น


    แค่นิดเดียวเอง


    ไม่นิดนะ ปากบวมเลยทำหน้าใส่ซื่อ กะพริบตาปริบ ก่อนจะชี้นิ้วจรดริมฝีปากให้คนตัวสูงได้ดูมัน


    อ่า จริงๆด้วย ไหนขอดูใกล้ๆหน่อยสิ


    ไม่พูดเปล่าใบหน้าหล่อยังโน้มเข้าไปดูใกล้ขึ้นทั้งสำรวจอย่างตั้งใจ มือหนาทาบลงตามโครงหน้าเรียวสวย เกลี่ยนิ้วที่ริมฝีปากแดงเบาๆก่อนจะฉวยโอกาสกดจูบย้ำลึกซ้ำรอยเดิมอย่างรวดเร็วแล้วรีบผละออก กอบโกยในขณะที่คนหน้าหวานไม่ทันได้ตั้งตัวอย่างหน้าตาเฉย



    คริส!”



    หื้ม?” คิ้วเรียวเลิกขึ้นยียวน ตีสีหน้าไม่รู้ร้อนรู้หนาวให้อี้ชิงต้องส่งมือเข้าทำโทษที่ต้นแขนแกร่งเสียงดังลั่น

     

    ใบหน้าหวานงองุ้มนึกงอนอีกคนที่ชอบฉวยโอกาสตอนเขาเผลออยู่ตลอดอย่างนึกหมั่นไส้ พลิกร่างกายนอนหันหลังให้ซะเลยเพราะอยากเจ้าเล่ห์หวังกำไรดีนัก  ร้อนถึงคนที่เป็นฝ่ายกระทำผิดต้องรีบทำหน้าที่ในการง้อเป็นการใหญ่


    “………”


    อี้ชิงอ่า ขอโทษ...แต่มันอดใจไม่ไหวจะให้ทำยังไง?”


    นายก็ไม่เคยอดทนอะไรได้อยู่แล้วหนิ


    เอาสิว่าเสียงตัดพ้อแบบนี้คริสยังไม่สำนึก ยิ้มร่าพลางสองแขนก็ออกแรงรวบคนตัวเล็กเข้าไว้ในอ้อมกอด ฟุบใบหน้าและฝังปลายจมูกโด่งลงที่หลังท้ายทอยสวย ไม่วายยังลอบยิ้มหน้าระรื่นไม่รู้ร้อนรู้หนาวอยู่ดี


    อ่า เหมือนจะปวดหัวนิดๆเลยแฮะ


    คริสครวญครางไม่ทันได้ทิ้งหางเสียงประโยคสุดท้ายนาน คนหน้าหวานที่นอนหันหลังให้กันพลันร้อนรนหันกลับมามองหน้าตาตื่น ทำเอาต้องยิ้มกว้างกว่าเดิมเพราะไม่คิดว่าการอ่อนแอมันคล้ายให้เห็นจุดอ่อนของอีกคนที่ดูจะเป็นห่วงกันเสียเกินเหตุ


    เป็นอะไรมากหรือเปล่า?”



    “………”


    คริสไม่พูดอะไรหากแต่ส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ใบหน้าหวานที่อยู่ใกล้กันจนรับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ไม่ห่างทำให้รู้สึกดีมีเรี่ยวมีแรง ค่อยๆเนียนเบียดกายเข้าหาคนตัวเล็กช้าๆ สองแขนไม่คลายจากเอวบางให้อี้ชิงผละตัวหนี แนบหน้าผากตัวเองกับหน้าผากบางขาวเนียน ปลายจมูกโด่งแตะกันและกันแผ่วเบา ก่อนจะหลับตาลงพร้อมกระซิบคำพูดชวนวูบไหวข้างริมฝีปากอิ่มให้คนน่ารักได้จำมันขึ้นใจ



    เฮ้อ! รักนายจัง


    “…………..”


    หลายต่อหลายครั้งฉันเคยคิดจะถอดใจด้วยนะอี้ชิง การรักนายมันเหนื่อย แต่ที่เหนื่อยกว่าคือการรอคอยอย่างไร้ความหวังคนตัวสูงขยับปากพูดไป หายใจเข้าออกเป็นจังหวะในขณะที่เปลือกตาหลับพริ้มอยู่เหมือนเดิม

    ถ้าเหนื่อยแล้วทำไมไม่คิดจะถอดใจล่ะ?”
    อี้ชิงค่อยๆ ช้อนม่านตาขึ้นมองใบหน้าหล่อของคนรักอย่างคาดหวัง มือเล็กทาบเรียบตามโครงหน้าหล่อ เกลี่ยนิ้วที่แก้มกร้านเล่นจนเพลินมือพร้อมอมยิ้มบางๆกับภาพคนหลับที่ปากขยับพูด



    ถ้าฉันถอดใจตั้งแต่ตอนนั้นก็คงไม่มีวันนี้ นายอาจไม่ใช่คนแรก แต่นายเป็นคนที่ฉันรักมากที่สุด หัวใจฉันไม่ได้เต้นแรงกับทุกคนหรอกนะ นายเป็นคนเดียวที่ทำให้ฉันไม่เป็นตัวของตัวเอง



    “……..”



    ฉันมองรูปที่เราถ่ายคู่กันทุกวันเลย ตั้งเป็นรูปวอลเปเปอร์ของโทรศัพท์เพราะจะได้มองมันเวลาที่คิดถึงนาย



    สิ้นเสียงทุ้มอี้ชิงก็ถึงกับขมวดคิ้วไม่เข้าใจ รูปอะไร เมื่อตอนไหน เคยถ่ายด้วยกันหรือ



    รูป?”



    รูปงานประกวดดาวเดือนที่ไอ้ยอลมันถ่ายให้อ่ะ นายยิ้มแล้วน่ารัก น่ารักมากๆ


    ใบหน้าหวานร้อนผ่าวขึ้นทันทีเพราะอิทธิผลจากคำพูดของอีกคน แนวฟันสวยขบกัดริมฝีปากล่างอดกลั้นไม่ให้เผลอยิ้มกว้างจนปากแทบฉีก หน้าอกบางด้านซ้ายที่กระเพื่อมขึ้นลงหนักหน่วงไม่ต้องสัมผัสแค่ใช่ตามองก็รู้ว่ามันไม่ธรรมดา คนๆนี้ชื่อคริสที่ทำให้อี้ชิงรู้ว่ารักใครเป็น

     
     

    ฉันยังไม่เห็นรูปเลย ขอดูหน่อยได้ไหม?” เสียงหวานเอ่ยผะแผ่วถามคนรัก วอนขอสิ่งที่ไม่เคยเห็น ทั้งยังมึนงงไม่รู้ว่าไปเผลอยิ้มตอนไหนให้คริสได้พูดถึง



    โทรศัพท์อยู่บนหัวเตียงอ่ะ หยิบเอาเลย



    สิ้นเสียงทุ้มอี้ชิงจึงเอื้อมสุดแขนไปหยิบไอโฟนสีขาวของคนรักมาถือไว้ในมือ ยามสไลด์ปลดล็อคหน้าจอรอยบุ๋มที่พวงแกมก็เผยขึ้นฉับพลัน ภาพในกรอบม่านตาทำให้นึกขัน ทั้งที่ตอนนั้นค่อนขอดกันจะเป็นจะตาย ฝืนเสียยิ่งกว่าอะไรดี หากแต่ภาพที่ออกมาดูเป็นธรรมชาติราวกับว่าสั่งได้



    ตลกอ่ะ

    ตลกอะไร? รูปออกจะดูดี
    เปลือกตาแสนหนักอึ้งปรือขึ้นมองคนหน้าหวานที่หัวเราะคิกคักกับภาพในหน้าจอโทรศัพท์ของเขา ช่วงนี้อี้ชิงยิ้มบ่อย หากเกิดยิ้มให้ใครไม่เลือกบอกได้เลยว่าคริสไม่ยอมแน่



    เปล่าหรอก แค่จะบอกว่าพี่ชานยอลก็ถ่ายรูปดีเนอะ


    สิ้นเสียงหวานคริสจึงกดจูบลงที่หน้าผากบางของคนรักอย่างอ่อนโยน ปิดเปลือกตาลงอีกครั้งทั้งสวมกอดกายเล็กไว้ในอกอุ่นแน่น

     

    อี้ชิงเองก็ไม่ได้ขัดขืน ยอมให้กอดด้วยความเต็มใจ ความอบอุ่นที่ส่งผ่านมาจากอีกร่างทำให้รู้สึกปลอดภัยไม่กลัวสิ่งใดอีกเลย เข้ามาอิทธิพลกับหัวใจตั้งแต่ตอนไหนไม่อาจรู้ได้ รู้แค่ว่าตอนนี้อี้ชิงรักคนๆนี้เข้าแล้วจริงๆใช่ว่าหลอกตัวเอง ก่อนทุกอย่างจะดับวูบลงเข้าสู่ห้วงนิทราไปพร้อมกับคนรักในตอนหัวค่ำตะวันคล้อยลงสู่ดิน

     




     

    …ERROR…

     






    ลู่หาน ข้อนี้ใช้สูตรผิดแล้ว พี่บอกกี่ครั้งแล้วว่ามันไม่ถูกต้อง! ลบเลยๆ


    ติวเตอร์จำเป็นเอ่ยสั่งเสียงดังให้คนน่ารักสะดุ้งโหยง หัวคิ้วขมวดเข้าหากันไม่ชอบใจยามสอนไม่รู้กี่ครั้งอีกคนก็ผิดซ้ำซากแบบเดิมไม่เปลี่ยนแปลง



    แล้วพี่จะตะโกนใส่ผมทำไมเล่า! ผมจะลืมบ้างไม่ได้หรือไง คนเรามันผิดพลาดกันได้นะ


    นักเรียนในการดูแลก็ไม่คิดจะยอมเลยสักนิด อีกคนบ่นมา ปากเล็กก็ขยับเถียงไม่หยุดหย่อน เขม่นมองคนรักผิวเข้มอย่างไม่ชอบใจ บอกดีๆก็ได้ทำไมต้องเสียงดังวะ



    พี่ก็รู้ว่ามันผิดได้ แต่นายผิดเป็นรอบที่แปดแล้วนะ


    ก็โจทย์ข้อนี้มันยาก พี่เรียนมาก่อนพี่ก็พูดได้หนิ ไม่มาเป็นผมไม่รู้หรอกว่ามันยากแค่ไหนกว่าจะทำความเข้าใจได้อย่างถ่องแท้


    แล้วมันน่าโมโหไหมล่ะ พี่บอกจนปากจะฉีกทั้งคอยย้ำเตือนนายก็ยังทำผิดอยู่เรื่อย


    เออ! ถ้างั้นก็ไม่ต้องบอก ไปไหนก็ไปเลยไป!”


    พูดเสร็จมือเล็กพลันผลักเข้าที่อกแกร่งของจงอินไล่ให้ไปไกลๆไม่ไยดี ก่อนจะรีบก้มหน้าก้มตาเอื้อมมือไปหยิบยางลบมากวาดสิ่งที่ทำผิดในหน้ากระดาษด้วยความไม่พอใจ



    อะๆ พี่ยอมแพ้แล้ว ขอโทษนะโอเคไหม?”



    ไม่!”


    ม่านตาคมกลอกขึ้นลงคล้ายเอือมระอา แต่นั่นถึงจะเป็นแบบนี้ลู่หานก็ยังคงน่ารักให้ใจเต้นได้ตลอด จงอินรู้อยู่แล้วว่าอีกคนน่ะหัวดีใช่ไม่เอาไหน แต่บางทีสิ่งที่ไม่น่าผิดลู่หานก็ทำมันผิดเสียเฉยๆให้หงุดหงิดเล่น



    พี่ขอโทษ คราวนี้จะไม่ตะโกนใส่แล้วสัญญา


    เห็นก็พูดแบบนี้ตลอด เคยทำได้สักครั้งไหมที่จะควบคุมอารมณ์ตัวเองอ่ะ


    ถ้าได้หอมแก้มแฟนจะมีกำลังใจแล้วไม่โมโหอีกเลย


    อย่ามามั่ว! ใครเป็นแฟนพี่กัน

     

    ฟึดฟัดบ่นพึมพำลู่หานก็ส่งแขนเบียดอกจงอินให้ออกห่าง สามวันมาแล้วที่เริ่มคบกัน ลู่หานจึงขอให้จงอินช่วยติวหนังสือเพื่อเตรียมตัวสอบเข้ามหาวิทยาลัยให้ แต่ก็เป็นแบบนี้อยู่ตลอด เพราะคนผิวเข้มความอดทนต่ำ สอนลู่หานใจเย็นๆไม่เคยเป็น

     
     

    พี่ขอโทษครับลู่หาน วันนี้พอแค่นี้ก่อนก็ได้ นอนกันเถอะดึกมากแล้ว


    ใบหน้าคมทำท่าจะโน้มเข้าหาอีกคนอย่างหวังบางสิ่งบางอย่าง หากแต่คนน่ารักรู้ทันอยู่ก่อนแล้วพลันลุกขึ้นยืนพรวดพราดผละกายหลบหนี กระแทกดินสอกดในมือลงที่โต๊ะประชดประชันก่อนจะเดินตึงตังหน้าบูดบึ้งคลานขึ้นเตียงไม่สนใจ ไม่ลืมจะโยนหมอนและผ้าห่มของอีกคนลงยังพื้นข้างเตียง ให้จงอินรู้ชะตากรรมตัวเองดีว่าคืนนี้คงอดได้นอนกอดร่างนุ่มนิ่มอยู่บนเตียงก็เป็นแน่

     
     

    ลู่หานอ่า พื้นมันเย็นนะพี่จะนอนได้ยังไง?”


    ในตู้มีผ้าปูก็ไปเอาดิ


    แต่มันปวดหลัง


    นั่นก็เรื่องของพี่!”


    พูดแค่นั่นลู่หานก็ล้มตัวลงนอนคลุมโปรงหันหลังให้จงอินทันที ส่งผลให้คนถูกงอนต้องส่ายหน้าแล้วเดินไปหยิบผ้านวมมาปูพื้นกันความหนาวเหน็บแก้ขัดให้อยู่รอดในคืนนี้



    จัดการตะเตรียมที่นอนของตัวเองเสร็จสับจึงเดินไปปิดไฟจนทั้งห้องมืดสนิทพร้อมกับความเงียบที่คืนคลานเข้าปกคลุม ก่อนจงอินจะล้มตัวลงนอนอย่างจำใจเพราะรู้ว่ายังไงเสียลู่หานก็ไม่ให้อภัยเขาอยู่ดี

     

    .

    .

    .

    .

     





    พี่!...”

     


    “………….”



    พี่จงอิน

     

    นอนไม่หลับ ดิ้นไปดิ้นมาอยู่บนเตียงกว้างเห็นจะเป็นชั่วโมงได้ ลู่หานตัดสินใจเอ่ยเรียกคนรัก หากแต่ไม่ว่าจะเรียกอีกคนยังไงก็ดูท่าว่าคนที่นอนกับพื้นจะหลับไปเสียแล้ว ไม่มีเสียงตอบกลับมาให้ใจชื่น ความมืดมิดก่อนหน้านั้นที่อยู่คนเดียวไม่เห็นเคยเป็นเดือดเป็นร้อนสักนิด แต่แล้วทำไมตอนนี้มันถึงได้เคว้งคว้างไม่ชินเหมือนเมื่อก่อนก็ไม่รู้



    พี่หลับแล้วเหรอจงอิน?”


    ใบหน้าน่ารักชะเง้อมองคนข้างเตียง เห็นอีกคนเอาแต่แน่นิงนอนหันหลังให้กันพลันให้ลู่หานอ่อนใจท้อแท้เสียจริง

     

    แต่หารู้ไม่ว่า...

     

    คนบนพื้นยังคงนอนอมยิ้มฟังเสียงหวานที่เอ่ยเรียกไม่หยุดหย่อน ทำตัวไม่รู้ร้อนรู้หนาวและไม่คิดจะตอบกลับไป จงอินกัดริมฝีปากแน่นพยายามอย่างถึงที่สุดในการอดกลั้นเสียงหัวเราะ ลู่หานอยากเรียกก็ให้เรียกไป เพราะจงอินจะงอนบ้างแล้วเหมือนกัน

     

     

    พรึ่บ!

     



    แรงกอดรัดที่รอบเอวจากทางด้านหลังทำให้จงอินลืมตาโพลงในความมืด สันจมูกโด่งของอีกคนกดลงยังแผ่นหลังของเขา ลมหายใจอุ่นเปล่ารดให้หัวใจเต้นรัว จงอินอึ้งไปชั่วครู่ก่อนจะแปรเปลี่ยนเป็นรอยยิ้มที่มุมปากเอ็นดูกับการกระทำที่สวนทางคำพูดของอีกคน ไหนว่าคนน่ารักงอนกันอยู่ แล้วตอนนี้มันคืออะไร อยากนอนด้วยกันก็ไม่บอก




    นอนที่พื้นมันปวดหลังน้า กลับไปนอนบนเตียงไปสบายกว่าเยอะ


    นอนไม่หลับ


    ทำไมนอนไม่หลับ?”


    ไม่รู้

     

    จงอินหัวเราะไร้เสียงในความมืดกับท่าทางออดอ้อนของอีกคน ลู่หานมุดหน้าซุกไซร้อยู่กับแผ่นหลังของเขาคล้ายเรียกร้องความสนใจ ไม่รู้เลยว่าการกระทำแบบนี้น่ะคนอย่างจงอินจะทนไม่ได้

     

    จะน่ารักก็ตอนอยากอ้อนสินะเสียงทุ้มปรับให้เรียบนิ่ง ค่อนขอดลอยๆทั้งที่อยากปล่อยกร๊ากออกมาใจจะขาด

    อะไร นี่พี่กำลังงอน?”


    ใครงอน?”


    ก็พี่จงอินนั่นแหละ


    แต่ลู่หานงอนพี่ก่อน


    เพราะพี่เสียงดังกับผม


    พี่ไม่ได้ตั้งใจสักหน่อย


    เอาแต่ต่อล้อต่อเถียงกันไม่หยุดหย่อน นิสัยจะว่าคล้ายกันก็ไม่ปฏิเสธเลยสักนิด ลู่หานยู่หน้าพึมพำก่นด่าคนรักให้ความมืด ก็ให้รู้กันไปว่าใครจะแน่กว่ากัน



    เออ! อยากงอนก็งอนไปเลย!”


    ฮึดฮัดใส่จงอิน ลู่หานพลันผละกายออกห่างหมายจะขึ้นไปนอนบนเตียงเหมือนเดิม เอาดิว่าเขาก็ไม่เคยมีความอดทนสูงพูดจาดีๆกับอีกคนได้หรอก หากแต่ข้อมือเล็กกลับถูกคว้าหมับให้รับรู้ถึงสัมผัสอุ่นจากฝ่ามือใหญ่ ท้ายทอยขาวถูกมืออีกข้างรวบฉับพลันแล้วบังคับให้โน้มใบหน้าลงประทับจูบที่ริมฝีปากเรียวในทันทีอย่างไม่ทันได้ตั้งตัว



    อื้อ....


    มือเล็กทุบตีไม่ยั้งลงที่แผ่นอกกว้างของคนที่นอนอยู่ไม่รู้สึกรู้สา แรงที่ท้ายทอยไม่สามารถยื้อยุดควบคุมให้เงยขึ้นมาได้เลยสักนิด จงอินเจ้าเล่ห์ ถ้ารู้ว่าลู่หานแพ้จูบแบบนี้คงไม่หยุดเอาแน่ๆ แต่ไม่นานร่างกายบางก็อ่อนยวบทิ้งตัวนอนทับคนตัวสูงทั้งริมฝีปากที่ละเมียดรับบทจูบไม่ปล่อยให้ขาดตกบกพร่อง

     
     

    ไมรู้ตัวลู่หานก็จูบตอบกลับไปเสียแล้ว ความอุ่นชื้นแผ่ซ่านจากริมฝีปากและไม่ให้เว้นช่วงนานมันก็ครอบคุมทั้งร่างกายให้ต้องยอมอย่างไม่มีข้อแม้ สะดุ้งโหยงยามมือหนาของคนรักสอดเข้าในสาบเสื้อแตะสัมผัสที่ผิวเนื้อจนรู้สึกถึงความเย็นเฉียบ เสียงดูดดุนเล็ดลอดเป็นระยะคล้ายให้ทุกอย่างยากจะถอดถอน ลู่หานหายใจรัวทั้งที่กลีบปากไม่ผละออกจากกันให้คนหวังกำไรได้กอบโกยอยากเต็มเปี่ยม หน้าอกบางกระเพื่อมขึ้นลงรุนแรง พร้อมทั้งรับรู้ได้ถึงเสื้อฮู้ดแขนยาวที่สวมใส่อยู่ค่อยๆร่นขึ้นจนถึงหน้าอกขาวต้องแสงที่สาดส่องลอดผ้าม่านเข้ามา




    อื้อ...

    เสียงท้วงเรียกสติจงอินให้กลับคืนเข้าสู่โสตประสาท ถอนจูบให้คนตัวเล็กได้เป็นอิสระก่อนจะรีบโอบกอดไว้แน่นคล้ายเกือบเผลอตัวปล่อยอารมณ์ให้ทำตามความต้องการ



    พี่! พอก่อน

    มือบางกำเนื้อเสื้อที่ต้นแขนของจงอินจนยับยู่ยี่ ร่างกายสั่นเทาหอบหายใจแฮ่กคล้ายกำลังกลัว แต่นั่นสิ่งที่พักพิงเห็นจะเป็นอกแกร่งที่พร้อมจะให้ใบหน้าน่ารักแนบอิงหนุนนอนคลายความร้อนรุ่มในกาย



    ขอโทษ พี่ขอโทษนะลู่หาน นอนกันเถอะ


    หัวทุยที่เบียดอยู่ตรงหน้าอกของจงอินพยักหงึกหงักตอบรับเข้าใจ มือหนาจึงลูบกลุ่มผมนุ่มกล่อมคนน่ารักให้นอนหลับสบายอย่างรักใคร่



    ฝันดีครับพี่



    ฝันดีครับ



    ส่งริมฝีปากกดจูบข้างขมับขาวจงอินพลันพรั่งพรูลมหายใจออกจากปากคล้ายโล่งอก มีลู่หานอยู่ใกล้แบบนี้รู้ว่าอันตราย แต่เขาเองก็ไม่อยากให้อีกคนไปไหนไกลจากอ้อมกอดนี้อยู่ดี ไม่รู้ว่าวันอื่นจะทนได้แบบวันนี้หรือเปล่า เขาก็ผู้ชายอีกคนก็ผู้ชายอารมณ์พุ่งพล่านจะทนได้ยังไง ลู่หานดูแรงแค่ภายนอกเหมือนประสบการณ์เยอะ หากแต่จริงๆแล้วกลับบริสุทธิ์ทั้งไร้เดียงสาเกินกว่าจะเริ่มเรื่องแบบนี้ได้ ถึงอยากจะได้ร่างกายอีกคนยังไง แต่จงอินก็ไม่กล้าเสี้ยมสอน รอให้ถึงวันที่สมควรแล้วทุกอย่างมันจะเป็นไปตามธรรมชาติโดยที่ไม่ต้องฝืนใจ

     





     

    …ERROR…







     

    คนน่ารักเดินลงบันไดของตึกเรียนพร้อมทั้งสายตาที่มองมาเป็นปกติจนชินชา เป็นปีได้แล้วที่คนพวกนี้มักจะมองลู่หานในทางไม่ดีอยู่ตลอด หากแต่ถ้าเทียบกับเมื่อก่อนมันอ่อนลงมากให้พอรับได้ แต่นั่นก็ไม่คิดจะใส่ใจ ไม่เคยเก็บเอามาเป็นกังวลให้สภาพจิตใจต้องย่ำแย่ไปมากกว่าเก่า

     

     

    ลู่หาน

     

    เสียงเรียกเย็นยะเยือกเจ้าของชื่อรู้ดีว่าเป็นใคร เท้าเล็กชะงักงันหยุดเดินในทันที หันมองทางต้นเสียงพร้อมทั้งอดีตเพื่อนสนิทที่ไม่เว้นแม้แต่วันมาเรียนก็ยังกรีดอายไลน์เนอร์เสียคมกริบกำลังย่างเท้าเดินออกมาจากมุมตึก ลู่หานมองอีกคนนิ่ง เอียงคอเล็กน้อยก่อนจะกลอกม่านตาขึ้นลงให้รู้ว่าเบื่อหน่าย

     

    มึงกับกูรู้จักกันด้วย?”  เลิกคิ้วถามแบคฮยอน แขนเล็กพลันวาดประสานกันขึ้นแนบอก


    มึงเป็นยังไงบ้าง?”


    กูจะเป็นยังไงได้ล่ะ ก็เป็นคนเลวในสายตาคนทั้งโรงเรียนเหมือนเดิม แต่จะว่าไปก็ชินซะละ


    เสียงหวานเอ่ยยียวนทั้งใบหน้าที่ตีนิ่ง มองอดีตเพื่อนสนิทที่ก้มหน้าลงช้าๆพร้อมทั้งหยาดน้ำที่เอ่อคลอรอบดวงตาเฉี่ยว มือเรียวสองข้างกระชับสายสะพายกระเป๋าไว้แน่น กัดริมฝีปากล่างคล้ายสำนึกผิดกับสิ่งที่ได้ทำลงไป


    กู....กูขอโทษ


    หึ!”

    หัวเราะในคำคอลู่หานพลันเบือนใบหน้าหนีไปอีกทาง มาตอนนี้จะได้อะไร มาตอนที่มันสายเกินไปจนไม่สามารถแก้ไขอะไรได้



    มึงเพิ่งสำนึกได้หรือไง สังคมดีๆมึงสามารถเอากลับมาคืนกูได้ไหมล่ะแบคฮยอน?”


    กูไม่มีอะไรจะพูด นอกจาก...ขอโทษ


    คำขอโทษจากมึงมันมาจากใจหรือเปล่า? ใจมึงสั่งมาหรือใครสั่งมึงมากันแน่

     

    สิ้นเสียงของลู่หาน ขาทั้งสองข้างพลันทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นยอมรับผิด แบคฮยอนเอาแต่ก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลลู่ลงอาบข้างแก้มนวล ปากบางเม้มเข้าหากันแน่น กั้นเสียงสะอื้นไห้กับความอ่อนแอจนเพื่อนที่ยืนค้ำหัวต้องแสยะยิ้มสมเพช

     
     

    เห็นท่าทีของอีกคนลู่หานก็ถึงกับนึกขัน คิดไปแล้วว่าแบคฮยอนกำลังเล่นละครตบตาเสียเหมือนจริง หากแต่ภาพตรงหน้าทำเอาต้องเบิกตาโพลงลมหายใจขาดห้วงหล่นไปกองกับพื้น เมื่อแบคฮยอนก้มลงกราบที่เท้าของเขาพร้อมทั้งคำพูดขอโทษขอโพยไม่ขาดปาก

     

     

    บ...แบคมึง!”


    ลู่หานถึงกับทำอะไรไม่ถูกไม่คิดว่าอีกคนจะกล้าทำแบบนี้จนลืมศักดิ์ศรีของตัวเองไปเสียสนิท นัยน์ตาคู่หวานระริกไหวคล้ายมีบางสิ่งบางอย่างบดบังทัศนียภาพจนพร่ามัวไปหมด เพียงกระพริบตาปรับโฟกัสแค่ครั้งเดียวหยาดน้ำไร้สีพลันกลิ้งเกลือกลงข้างแก้มขาวให้รีบยกมือขึ้นปาดมันทันทีลวกๆ เบือนใบหน้าหนีภาพในกรอบม่านตาเพราะหัวใจของลู่หานในตอนนี้ก็คล้ายจะเจ็บปวดไม่น้อยกว่าอีกคน



    กูขอโทษลู่หาน กูมันโง่ที่เอาแต่ความคิดตัวเองเป็นใหญ่ ฮึก...หึงหวงได้แม้กระทั่งเพื่อนตัวเองก็ยังไม่เว้น มึงจะไม่เห็นกูเป็นเพื่อนกูไม่ว่า แต่ให้อภัยกูได้ไหม กูรู้ตัวแล้วว่าผิดจริงๆ ฮือ...

     

    แบคฮยอนร้องไห้หัวโยนสะอึกสะอื้น คาบอายไลน์เนอร์สีดำเปรอะเปื้อนไหลจากหางตาไร้ภาพความสวยงามในแบบเดิม นัยน์ตาเฉี่ยวแดงก่ำช้ำเลือดน่าสงสาร

     

     แต่นั่น...ที่ลู่หานเจ็บ แบคฮยอนยังเจ็บไม่ได้ครึ่งเลยสักนิด

     

     

    ลู่หานโน้มตัวลงพลันส่งมือกระชากคอเสื้อของแบคฮยอนให้ลุกขึ้นยืนด้วยความหงุดหงิด ดันร่างเล็กกว่าให้แผ่นหลังแนบชิดพนังตึกอย่างรุนแรง จ้องลึกยังนัยน์ตาฉาบอายไลน์เนอร์คู่คมทั้งปากสั่นด้วยความโกรธที่มีอยู่ในอก ทำร้ายกันมาไม่รู้ตั้งกี่เดือนกี่ปี อยากหนีความผิดทีก็มีมาแค่คำขอโทษคำเดียวนี่หรือทำไมง่ายจัง

     
     

    มึงนี่มัน!”

     
     

    ลู่หานง้างมือขึ้นสุดแขนพร้อมจะปล่อยหมัดเข้ากระทบใบหน้าสวยอย่างเหลืออด แบคฮยอนหลับตาปี๋เตรียมรับความเจ็บปวดโดยไม่ขัดขืน ลู่หานอยากทำอะไรเขาพร้อมจะยอมทุกอย่าง ขอแค่คำว่าอภัยคำเดียวแค่นี้ก็นอนตายตาหลับแล้ว ใช่ว่าที่ผ่านมาไม่เคยเจ็บปวด เห็นลู่หานโดนเกลียดโดนก่นด่าจากผู้คนเพราะฝีมือของเขาเองก็ไม่ปฏิเสธหรอกว่าสะใจ


    แต่จิตใต้สำนึกคำว่าเพื่อนยังไงมันก็ตัดไม่ขาดอยู่ดี

     
     

    แบคฮยอนเตรียมใจรับชะตากรรมกับสิ่งที่ตัวเองได้ก่อไว้อย่างไม่มีข้อแม้ หากแต่ความเจ็บที่คิดว่าจะได้รับกลับไม่ได้รับอย่างที่หวังในตอนแรก มีเพียงความอบอุ่นจากอ้อมกอดของเพื่อนสนิทที่ดึงเขาไปแนบกายแน่นพร้อมทั้งเสียงสะอื้นไห้ที่ตามมาไม่ต่างกัน

     
     

    ล...ลู่หาน

    แบคฮยอนยกยิ้มทันทียกมือขึ้นปาดน้ำตาที่ข้างแก้มด้วยความดีใจ แขนขาวสวมกอดเพื่อนกลับอย่างโหยหา คิดว่าจะถูกเกลียดไม่มีวันได้กลับมาเป็นเหมือนเดิม แต่ลู่หานก็ยังไม่เปลี่ยนไปคืออ่อนโยนเสมอให้แบคฮยอนได้รู้สึกผิดขึ้นไปอีก


    มึงมันเลวแบคอยอน ฮึก...


    อืม กูเลว กูขอโทษมึงนะลูบหลังลู่หานใบหน้าสวยพลันฟุบลงที่ลาดไหล่เพื่อน รู้สึกดีคล้ายยกภูเขาสักสิบลูกออกไปจากอกในครั้งเดียว

     

     

    พ...พวกนาย

    คนมาใหม่ที่ได้พบเห็นภาพเบื้องหน้าก็ถึงกับตกอกตกใจ เห็นคนรักกับเพื่อนสนิทอีกคนกำลังกอดกันเบียดพนังข้างตึกทำเอาจงอินคิดเลยเถิดไปไกลทั้งที่มันไม่มีอะไรก็ตามที



    พี่! ม...มาแล้วเหรอ?” ลู่หานรีบผละกายออกจากแบคฮยอนเลิกลั่ก มองหน้าคนรักที่ตาค้างอ้าปากเหวอพลันรีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าให้แห้งเหือดไป



    กูไปก่อนนะลู่หาน ขอบใจมึงมากที่ยอมรับฟังกู

     

    ลู่หานพยักหน้าให้แบคฮยอนทั้งมองตามจนแผ่นหลังบางนั้นลับหายไปจากสายตา ก่อนจะวกกลับมายังคนรักผิวเข้มที่มารับเขาเหมือนทุกๆวัน



    กลับกันเถอะพี่


    เดี๋ยวๆ เมื่อกี้กอดกับแบคฮยอนทำไม?” ถึงจะเพื่อนก็เถอะจงอินไม่ชอบใจ หึงมากทั้งหวงแหนและไม่เข้าใจว่าสองคนนี้เริ่มคุยกันดีๆตั้งแต่เมื่อไหร่



    ก็แค่กอดแบบเพื่อน มีแฟนแล้วผมไม่นอกใจหรอกน่า” 

    พูดเสร็จก็โผเข้ากอดคนตัวสูงไว้แน่น ใบหน้าน่ารักกดลงที่แผงอกกว้าง แอบเช็ดน้ำตาไปกับเสื้อของอีกคนจนเปียกชุ่มให้จงอินนึกขันพร้อมทั้งส่ายหน้าเอ็นดู



    ถ้างั้นเรากลับบ้านกันเถอะ อี้ชิงคงกลับถึงบ้านแล้ว



    ครับ



    ตอบรักเสียน่ารักมือเล็กก็ถูกกอบกุมอยู่ในอุ้งมือใหญ่ของคนผิวเข้มอย่างรู้งาน สาวเท้าเคียงบ่าเคียงไหล่เดินขนานกันไปตลอดทาง ทำเอามีความสุขจนบอกไม่ถูก

    .

    .

    .



    กลับมาถึงที่บ้านลู่หานก็เห็นคนแก่ปีกว่านั่งรอที่โซฟาอยู่ก่อนแล้ว ใบหน้าน่ารักสะบัดหนีทำเชิงยังไม่หายงอนดีให้อี้ชิงต้องถอนหายใจรัว ก่อนจงอินที่เดินตามหลังมาจะเห็นภาพของพี่น้องที่มัวแต่เล่นตัวใส่กันไม่เลิกก็เหนื่อยใจ


    ลู่หาน!”

    อี้ชิงรีบเอ่ยรั้งน้องชายก่อนอีกคนจะเดินหนีเขาไปเหมือนเคย คนอ่อนปีกว่าที่กำลังเดินขึ้นบันไดไปยังชั้นบนของบ้านยังดีที่ไม่ดื้อเหมือนทุกครั้ง หันกลับมามองหน้ากันทว่านัยน์ตาเรียบนิ่งสมเป็นลู่หานจริงๆ




    มีอะไร?”

    หายโกรธฉันหรือยัง?”

    ยัง!”

    น้องชายหัวรั้นตอบทันทีไม่คิดทบทวนก่อนสักนิด อี้ชิงเองก็ได้แต่กลอกม่านตาเบื่อหน่าย ระอากับความเป็นเด็กของอีกคน แต่นั่นก็ไม่คิดจะละความพยายาม

    นี่ก็นานมากแล้วนะ นายไม่คิดจะหายโกรธฉันบ้างเลยเหรอ?”


    ก็อย่างที่บอก เป็นแฟนกับพี่คริสเมื่อไร ตอนนั้นล่ะที่ฉันจะให้อภัยนาย






    ค...คริส


    อี้ชิงลืมนึกไปเลยว่าไม่ควรพูดถึงเรื่องแบบนี้กันที่บ้าน แต่นั่นมันเคยชินยามเห็นน้องชายสะบัดหน้าหนีงอนเขาไม่เลิกลา คริสมาที่บ้านพร้อมกับอี้ชิงด้วยหลังเลิกเรียน มือหนาที่ถือจานผลไม้ออกมาจากในครัวสั่นเทาแทบจะทำของข้างบนร่วงหล่นลงสู่พื้นเมื่อบทสนทนาของสองพี่น้องคล้ายจะทำให้เข้าใจอะไรกระจ่างมากขึ้น



    พี่คริส

    คนเป็นน้องหันตามม่านตาสวยของพี่ชายก็พบเจอกับคนที่เป็นส่วนหนึ่งในบทสนทนา ลู่หานรีบหันกลับมาหลับตาปี๋ไม่ได้ตั้งใจกับสิ่งที่ได้พูดออกไป เขาแค่หวังดีอยากให้อี้ชิงสมหวัง


    หากแต่...



    นี่ใช่ไหมที่ยอมตอบตกลงเป็นแฟนกับฉันน่ะอี้ชิง ยอมทำดีให้ฉันมีหวังเพราะเรื่องนี้ใช่ไหม?”

    เสียงทุ้มที่เอ่ยถามผะแผ่วคล้ายถ่วงหัวใจให้ปวดหนึบเหมือนจะหยุดเต้น ลมหายใจสะดุดวูบ ใบหน้าหวานจึงรีบส่ายปฏิเสธเป็นพัลวันพยายามให้คริสได้เข้าใจ



    ม...มันไม่ใช่อย่างนั้นนะคริส



    ไม่เป็นไรอี้ชิง


    รอยยิ้มฝืนเผยขึ้นบนใบหน้าหล่อส่งให้อี้ชิงทั้งยินดีกับทุกอย่าง คริสสาวท้าวเดินเอาน้ำและจานผลไม้ไปวางลงที่โต๊ะคู่โซฟา ก่อนจะเดินผ่านอี้ชิงไปไม่เหลียวมองให้เจ็บปวด



    คริส! ฟังฉันก่อน มันไม่ใช่อย่างที่นาย...



    ไม่เป็นไรหรอกอี้ชิง แค่ช่วงเวลาสั้นๆที่ฉันได้อยู่กับนายมันก็มีความสุขมากแล้ว ขอบคุณนะ

     

    ไม่ทันให้อี้ชิงได้อธิบายแน่ชัดคนตัวสูงพลันขัดขึ้นให้ร่างกายแข็งทื่อไปหมด มือบางสั่นเทาคลายกลัวการจากไปของอีกคน ก่อนจะมองแผ่นหลังกว้างของคนรักที่เดินจากไปจนลับสายตา

     

    เสียงรถยนต์เคลื่อนตัวออกจากรั้วบ้านทำให้อี้ชิงรู้ได้ว่าอีกคนไปแล้วจริงๆ ครั้นจะวิ่งตามอ้อนวอนเรียกกลับมาร่างกายก็อ่อนล้าเกินกว่าจะยื้อแขนอีกคนไว้ แน่นอนว่าอี้ชิงต้องง้อคริสร้อยเปอร์เซนต์ แต่นั่นก็ขอเคลียร์เรื่องตรงหน้าให้จบก่อนอี้ชิงสัญญาว่าจะทวงคืนคริสกลับมา

     

    คนหน้าหวานไหวไหล่ก่อนจะทิ้งตัวลงนั่งกับโซฟานุ่ม มือบางจึงยกขึ้นกุมขมับตัวเองด้วยความเหนื่อยล้า เสียงถอนหายใจดังให้ได้ยินเป็นระยะจนลู่หานต้องเดินกลับมาหย่อนกายนั่งลงตรงหน้าของพี่ชายต่างมารดาอย่างรู้สึกผิด



    เป็นแฟนกันแล้วเหรอ?” คำแรกที่เอ่ยพูดมันควรจะเป็นคำขอโทษไม่ใช่หรือยังไง แต่ลู่หานปากแข็งรู้ว่าผิดแต่ยังทำฟอร์มเชิดหน้าหรี่ตาแถเนียนไปเรื่อย


    อือตอบกลับอีกคนเสียงแผ่วเบาอี้ชิงก็เอาแต่นั่งเงียบ เขาไม่เคยง้อคริส คล้ายความท้าทายมันกำลังทำให้หัวใจไม่มั่นคง


    “ฉันยอมแพ้! ให้อภัยนายแล้วอี้ชิง ไปง้อพี่เขาดิ

    สร้างเรื่องให้พี่ชายได้เดือดร้อนยังไม่วายไม่รู้สึกรู้สาอีกนะลู่หาน จงอินจึงจ้องเขม่นคนรักคาดโทษที่ทำให้อี้ชิงเดือดร้อนแล้วกลายเป็นเรื่องจนได้ แต่นั่นลู่หานใช่ว่าจะสะทกสะท้าน ทั้งไม่เกรงกลัวจนจงอินอยากจะทำโทษเสียเดี๋ยวนี้เลยจริงๆ



    ..................

    ไปง้อพี่คริสเร็วๆอี้ชิง ฉันอยากได้พี่คริสมาเป็นพี่เขยจริงๆนะเขย่ากายเล็กของพี่ชายทั้งสายตาเว้าวอนแกมขอร้อง เนี่ย! พี่จงอินบอกว่าจะไปส่งให้ถึงบ้านพี่คริสเลยพยักเพยิดหน้าให้คนรักที่ยืนบื้ออยู่ได้เหลอหลา หวังดีช่วยโยนภาระหน้าที่ไปให้จงอินต่อทอดเป็นหางว่าว ทำเอาคนผิวเข้มไปต่อไม่เป็นทั้งยังพยักหน้ารับตอบตกลงไปอย่างไม่รู้ตัว

     

    .

    .

    .




    ตัดสินใจอยู่นานในที่สุดก็ต้องทำตามเสียงเรียกร้องของหัวใจตัวเอง อี้ชิงยืนอยู่หน้ารั้วบ้านของคริสด้วยความหวาดหวั่น บ้านหลังนี้นานเท่าไหรกันที่ไม่ได้มาเหยียบ บ้านสีขาวที่ดูสายงามหากแต่เต็มไปด้วยความทรงจำอันเลวร้ายของอี้ชิงที่ประมวลในมโนภาพ

     
     

    ส่ายหน้าไล่ความคิดทั้งหมดให้ออกไปจากหัว สิ่งที่แน่วแน่คือต้องการขอคืนดีจากอีกคนและอธิบายความจริงให้ได้รับฟัง คนหน้าหวานสูดหายใจเข้าปอดลึกๆก่อนจะตัดสินใจสาวเท้าก้าวเดินเข้ายังรั้วบ้านทันที



    ยกมือขึ้นกดกริ่งที่ข้างกรอบประตูรอคนข้างในมาเปิดให้อย่างคาดหวัง แต่นั่นคาดหวังมากเกินไปพอสวนทางก็มักจะเจ็บปวดให้หัวใจท้อแท้ หลายต่อหลายครั้งที่อี้ชิงทำแบบเดิมหากแต่อีกคนก็ยังไม่คิดจะลงมาเปิดประตูให้เขาสักที คล้ายจะหมดหวังจึงทิ้งตัวนั่งลงหน้าประตูบ้านมันเสียท่ามกลางอากาศเย็นเฉียบประชดชีวิต

     


     

    มีอะไร?”

    เสียงทุ้มที่เอ่ยถามพร้อมบานประตูที่เปิดออกทำให้อี้ชิงพรวดพราดลุกขึ้นยืนอย่างรวดเร็วด้วยความดีใจ หากแต่พอหันกลับไปเห็นอีกคนทำเอาใจมันกระตุกแปลกๆไม่ชอบเอาเสียเลย


    มือหนาคีบมวนบุหรี่ที่กำลังเผาไหม้ฟุ้งควันสีขาวหม่นลอยในอากาศ นัยน์ตาคมที่ทอดมองมาก็คล้ายจะเย็นชาเสียกว่าครั้งไหนๆที่ได้พบเห็น แต่นั่นอี้ชิงกำลังจะเอ่ยปากพูดเข้าเรื่องที่ต้องการทำความเข้าใจ อีกคนกลับหมุนตัวแล้วเดินกลับเข้าไปในตัวบ้านไม่สนใจเขาอีกเลย

     
     

    คริส! ฟังฉันก่อน

    เอาแต่เปล่งวาจาด้วยประโยคเดิมๆตั้งแต่ชั้นล่างจนขึ้นมาถึงห้องนอน อี้ชิงพยายามยื้อยุดคนตัวสูงอยู่หลายครั้ง อีกคนก็เอาแต่เดินลิ่วไม่แยแสทั้งยังทำหูทวนลมให้ใบหน้าหวานเจือนลงถอดสี



    ...........



    คริส! ฟังฉันก่อน ให้ฉันได้อธิบาย แล้วต่อจากนี้จะเป็นยังไงฉันก็ขอให้นายได้ตัดสินใจเอง


    พูดไปหยาดน้ำไร้สีพลันคลอหน่วยที่รอบดวงตาสวย อีกครั้งที่คิดว่าชีวิตจะดีขึ้น ไม่ว่าจะรักหรือไม่รักอีกคนยังไงอี้ชิงก็เป็นฝ่ายเจ็บอยู่ดี



    ก็บอกแล้วไงว่าไม่เป็นไร


    จะไม่เป็นอะไรได้ยังไง? ในเมื่อนายเอาแต่เดินหนีฉันไม่รับฟังสิ่งที่ฉันจะพูดเลย


    เสียงหวานเริ่มสั่นเครือด้วยความน้อยอกน้อยใจ คำว่ารักจากคริสเข้าใจแล้วว่ามันช่างมีความหมายหนักหนา รักมากเจ็บมากมาพร้อมกับน้ำตา มือบางพลันเอื้อมคว้าหมับเข้าที่ชายเสื้อนักศึกษาของคนตัวสูงที่ยืนหันหลังให้กัน กระตุกย้ำให้คริสหันมาฟังบ้าง แต่นั่นก็เหมือนเดิมคือความไม่สนใจที่ส่งกลับมาแทนที่



    นายจะแก้ตัวยังไงในเมื่อฉันได้ยินมันมากับหูน่ะหื้มอี้ชิง? นายก็แค่ใช้ฉันเป็นเครื่องมือ


    จริงอยู่ว่าลู่หานขออย่างนั้น ฮึก...เขาขอให้ฉันคบกับนายเพื่อแลกกับการให้อภัยจากเขา”  มือบางกำชายเสื้อคนรักไว้แน่นพลางก้มหน้าปล่อยหยาดน้ำตาให้ไหลไปอย่างเงียบๆ


    เห็นไหมว่านายไม่ปฏิเสธ?


    ฉันไม่เอาด้วยในตอนแรก แต่...ลู่หานให้ฉันลองกลับไปทบทวนหัวใจตัวเองดีๆว่าฉันอาจจะคิดเหมือนนายก็ได้ ฮึก... แล้วฉันก็ได้รู้ว่าจริงๆแล้ว...ฉันรักนายมากกว่าที่คิด

     


    คนฟังทำท่าจะเดินหนีอีกครั้งหากแต่มือบางยังคงรั้งชายเสื้อไว้ไม่ให้ไปไหน กระตุกแล้วกระตุกอีกคริสก็ไม่มีท่าทีว่าจะสนใจ อี้ชิงยกมือขึ้นปาดน้ำตาตัวเองลวกๆ หัวใจทั้งสี่ห้องในตอนนี้มันเทให้คริสไปหมดแล้ว รักแล้วรักเลย อย่าทำให้อะไรมันแย่ลงคงจะดี



    ปล่อยฉันอี้ชิง


    เสียงเอ่ยสั่งยิ่งทำให้อี้ชิงกระวนกระวายร้อนรน มือบางรั้งชายเสื้อคนตัวสูงไว้แน่นอีกคนก็ยังทำท่าจะเดินจากไปอยู่อีก ทำอะไรไม่ได้จึงตัดสินใจใช้แรงเฮือกสุดท้ายที่มีอยู่ในกายดึ้งชายเสื้อเชิ้ตจนร่างกายสูงถลาถอยหลังเข้าหาอ้อมกอดอย่างที่ต้องการ



    คริสอ่ะ ฮึก... ถ้าไม่รักจริงฉันไม่เคยยอม นายก็รู้

    วาดแขนเล็กโอบกอดรอบเอวคนตัวสูงจากทางด้านหลังทั้งคำพูดที่เอ่ยออกไปจากใจล้วนๆ ใบหน้าหวานกดฟุบลงที่แผ่นหลังกว้าง พูดอู้อี้ไม่เป็นศัพท์โดยไม่รู้เลยว่าไอ้คนตัวสูงเจ้าเล่ห์น่ะมันแอบลอบยิ้มอยู่จนแก้มแทบปริ


    ฉันจะมั่นใจได้ยังไงว่านายรักฉันจริงๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมานายแสดงออกน้อยจะตายไป” คริสลองเชิงถามด้วยความอยากรู้ เห็นอี้ชิงเป็นแบบนี้ใช่ว่าไม่เจ็บปวด แต่เพราะรู้ว่าอีกคนรู้สึกอย่างไรมันยิ่งทำให้คริสหยุดไม่อยู่


    การที่มีนายอยู่ใกล้ๆคิดว่าฉันไม่รู้สึกรู้สาอะไรเลยหรือยังไง? ถ้ามีคนที่รักมายืนอยู่ตรงหน้านายคิดว่าฉันจะทนได้เหรอ ฉันอาจจะแสดงออกไม่เก่ง แต่ไม่ได้หมายความว่าใจจะไม่เต้นแรง ไม่หวั่นไหวกับนายหรอกนะรู้ไว้ซะ ฮึก...

    พูดอู้อี้กับแผ่นหลังกว้างอีกครั้งไม่วายยังแอบเช็ดน้ำตาจนเสื้อของคริสเปียกไปหมด กระชับอ้อมกอดจนแน่นกลัวคนรักจะหนีหายไป เพราะรักแล้วเป็นเจ้าของแล้วอี้ชิงจึงไม่อยากสูญเสีย

    ปล่อยฉันก่อนอี้ชิงคริสยังคงเน้นคำเดิม ถึงตอนนี้หัวใจของเขาจะโผลบินจนลอยละล่องขึ้นสู่ฟากฟ้า หากแต่ปล่อยก่อนได้ไหม คือ...มือยังไม่ว่าง



    ไม่เอาอ่ะ! พี่คริส....พี่คริสให้อภัยอี้เถอะนะ


    โหยน่ารัก น่ารักชิบหาย คริสบอกได้เลยว่าลูกอ้อนแบบนี้มันคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลก อี้ชิงไม่เคยทำแบบนี้กับเขา ร้อยวันพันปีไม่เคยเรียกพี่ น้ำเสียงนุ่มนวลทั้งอ่อนโยน คริสกำลังจะไม่ทนบอกไว้เลย



    อี้ชิงอย่าดื้อ ฉันจะเอาบุหรี่ไปทิ้งปล่อยก่อน



    อ่าว


    ที่แท้ก็เป็นแบบนี้นี่เอง อี้ชิงค่อยๆผละกายออกจากแผ่นหลังกว้างของคนรัก รีบยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้าอย่างรวดเร็ว นัยน์ตาคู่สวยเสมองไปทางอื่น ยืนทำตัวเลิกลั่กจัดเสื้อผ้ากลบเกลื่อนอาการเก้อ มองคนรักตัวสูงเดินไปบดปลายบุหรี่ที่ระเบียงก่อนจะเดินกลับเข้ามาให้ห้องเหมือนเดิม

     

    แล้วที่ตามมาหาถึงที่นี่ต้องการอะไร?” ใบหน้าหล่อปรับให้นิ่งขรึม เอนสะโพกพิงโต๊ะอ่านหนังสือข้างเตียง วาดแขนประสานกันขึ้นแนบอกมองคนรักตัวเล็กที่ยืนตาแดงก่ำน้ำตานองหน้าทำเอานึกขันในใจ



    ก...ก็ทำให้โกรธทำให้ไม่พอใจก็เลยมาง้อ ว่าไปใบหน้าหวานจึงหันซ้ายแลขวาเงอะงะ ยกมือขึ้นลูบท้ายทอยตัวเองไปมาทำอะไรไม่ถูก


    นี่นายง้อแล้วเหรอ?”


    ก็ฉันง้อไม่เป็นแล้วนายจะให้ทำยังไงเล่า



    ไหนเข้ามาใกล้ๆหน่อยสิ

    กวักมือเรียกให้เข้ามาหาคริสยังคงมองอี้ชิงนิ่งอยู่เหมือนเดิม เห็นไอ้อาการเฟอะฟะของอีกคนก็แทบจะหลุดขำ แต่นั่นขอหน่อยเถอะอยากร้ายกาจดีนักต้องเจอแกล้งซะบ้าง

     
     

    ขาเล็กค่อยๆเดินเข้าหาคนเรียกอย่างไม่มั่นใจ ดูเหมือนจะชักช้าไปคริสจึงเอื้อมมือไปหาแล้วรั้งข้อมือบางให้ถลาเข้าใกล้จนสัมผัสแนบสัมผัส อ้าขาออกเล็กน้อยให้อี้ชิงเขามายืนได้อย่างถนัด สวมกอดเอวบางไว้มั่นก่อนจะเอาแต่จ้องลึกเข้ายังนัยน์ตาคู่สวยที่มักจะหลุบหนีเขาตลอดเวลาไม่กล้ามองกันตรงๆ



    ไหนบอกมาสิ รักฉันไหม?”

    ขวานผ่าซากเสียอี้ชิงต้องรีบก้มหน้างุดหลบซ่อนความร้อนผ่าว พวงแก้มขาวขึ้นสีระเรื่ออ่อนอย่างน่ารัก ถ้าเป็นเวลาอื่นคริสคงกดปลายจมูกสูดดมกลิ่มหอมเข้าปอดไปแล้ว แต่นี่ยังโกรธอีกคนอยู่นะ ท่องไว้ๆ


    ร...รัก

    ก้มหน้าไม่เท่าไหร่ อี้ชิงยังคว้ามือหนาของคนรักมาบีบเล่นแก้อาการเคอะเขินด้วยอีก อี้ชิงนะอี้ชิง คริสคล้ายจะหลุดยิ้มในอีกไม่ช้า



    รักจริงหรือเปล่าทำไมพูดเบาจัง?”



    รักจริงๆอี้ชิงเพิ่มเสียงให้ดังขึ้นอีกนิดหากแต่คริสก็ว่ามันยังเบาอยู่ดี ทั้งๆที่ความเป็นจริงแล้วเขาพอใจมันมากเลยต่างหาก



    จริงอ่ะเลิกคิ้วถามย้ำเพื่อความมั่นใจ



    จริงๆ รักพี่คริสนะ รักมาก



    พ่าย พ่ายแล้ว คริสพ่ายแพ้ต่ออี้ชิงเสียราบคาบ ใบหน้าหล่อที่บึ้งตึงในตอนแรกหลุดยิ้มทันทีอย่างอดกลั้นไม่อยู่ ดวงตาใสที่กะพริบปริบช้อนขึ้นมองเขาแล้วบอกคำว่ารักมันชวนให้อยากกอดแล้วทำมากกว่านั้น หมั่นเขี้ยวนักคริสจึงยกมือขึ้นดีดหน้าผากขาวของอีกคนไปเต็มแรง ทำเอาอี้ชิงต้องทำหน้าเหยเกลูบหน้าผากตัวเองปรอยๆ


    เจ็บอ่ะกลีบปากอิ่มเบ้ไม่ชอบใจ แต่นั่นก็ไม่ได้ว่าอะไรคนรักเพราะกลัวจะมีฝีปากกันอีกระลอกน่ะสิ


    ก็ดีดให้เจ็บไง อย่าไปทำแบบนี้กับคนอื่นนะเข้าใจไหมอี้ชิง?”


    คนอื่นคือ?”


    ทุกคนที่ไม่ใช่ฉัน


    เห็นแก่ตัวอ่ะ


    แล้วรักไหม?”


    ไอ้คำถามแบบนี้ที่ส่งมาคือต้องการอะไร อี้ชิงยู่หน้าให้อีกคนเพราะหมั่นไส้ที่ชอบทวงคำว่ารักจากเขาจนพูดนับครั้งไม่ถ้วน รู้อยู่แก่ใจแล้วยังกวนประสาท แต่ไม่ตอบก็กลัวจะงอนกันอีกรอบ แต่นั่นถ้าคิดดีๆอีกคนต้องเป็นฝ่ายง้อเขาสิ ไม่ใช่ให้เขาตามง้อแบบนี้มันใช่เรื่องเสียที่ไหน แต่ตอนนี้ใครที่กำลังผิดอี้ชิงคงลืมนึกไป

     



    รักกกกกกกกกกกก


    ตอบเสียงหวานลากยาวก็รีบถลาเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นทันที ฟุบใบหน้าลงกับเนินอกแกร่ง คริสที่เห็นปฏิกิริยาของอีกคนก็ถึงกับนึกเอ็นดู ลูบหัวทุยด้วยความรักใคร่ กดจูบลงที่กลุ่มผมนุ่มแล้วโอบกอดร่างเล็กไว้แน่นให้อุ่นใจ


    เชื่อแล้วครับๆ ลู่หานบอกแล้ว



    ห๊ะ! อะไรใครบอกอี้ชิงรีบเงยหน้าขึ้นมองคริสด้วยความสงสัย ลู่หานเกี่ยวอะไรกับเรื่องนี้



    ลู่หานบอกแล้วว่านายจะมาที่นี่ รายนั้นขอโทษใหญ่เลยที่ทำให้เราทะเลาะกัน บอกด้วยว่าอี้ชิงอ่ะรักฉันมาก


    ไอ้น้องบ้า!”

    ค่อนขอดถึงคนที่บ้านใบหน้าหวานก็งองุ้มไม่ชอบใจ แต่อย่างน้อยมันก็จบลงด้วยดี ไม่อยากแล้วจะต่อล้อต่อเถียง เหนื่อยเหลือเกิน



    อย่าว่าน้องเลย ลู่หานหวังดีนะ



    รู้แล้วน่า



    รู้แล้วก็ยิ้มด้วยพูดเสร็จคริสจึงส่งนิ้วจิ้มลงที่ข้างแก้มนิ่มทั้งสองข้าง อี้ชิงก็ยิ้มจนเห็นลักยิ้มบุ๋มอย่างที่อีกคนขอ




    คริส…”



    หื้ม?”

     

    อี้ชิงกุมมือหนาของคนรักพลางลูบมันเบาๆ นำทางให้ยกขึ้นแนบที่หน้าอกบางด้านซ้ายที่กระเพื่อมขึ้นลง เสียงการเต้นของหัวใจบ่งบอกได้ดีว่าอี้ชิงรู้สึกมากกับคริสขนาดไหน หากแต่อีกคนก็ดูจะมึนงง ตามไม่ทันในสิ่งที่คนหน้าหวานกำลังจะสื่อ



    ให้แล้วนะ ไม่เอาคืน

     

    นิ่งครุ่นคิดอยู่ชั่วครู่ พอสิ้นเสียงหวานคริสพลันเผยยิ้มทันทีด้วยความดีใจ รู้อยู่ว่าการที่อี้ชิงตอบตกลงคบกับเขามันก็แน่ชัดแล้วว่าอีกคนให้ใจกันแล้ว หากแต่ครั้งนี้ได้ฟังจากกลีบปากสวยตรงๆทำเอาวูบโหวงไปหมดทั่วทั้งร่างกายจริงๆ




    ถึงจะเอาคืน ก็ไม่คืนให้อยู่ดีครับ


    พูดเสร็จใบหน้าหล่อก็ค่อยๆโน้มเข้าหาคนรักคล้ายมีแรงดึงดูด  กดจูบทาบทับริมฝีปากอิ่มอย่างอ่อนโยน แผ่วเบา และทะนุถนอม ค่อยๆขยับกลีบปากดูดเม้มเนิบนาบไม่เร่งรีบ คริสละเมียดรสจูบที่หวานที่สุดไปให้อี้ชิงเป็นรางวัลที่น่ารักจนแทบจะอดใจไม่ไหว วางมือหนาลงที่ซอกคอขาวระมัดระวัง เอียงหน้าเล็กน้อยกอบโกยทีละเล็กทีละน้อยสะสมเรื่อยๆ ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มทำให้แน่ชัดว่าคนหน้าหวานรู้สึกอย่างไร ไม่ต่างจากเขาเองที่ตอนนี้มือเท้าเย็นยะเยือกไปหมด

    หากแต่ยังคงมีสิ่งหนึ่งที่อุ่น...เห็นจะเป็นหัวใจที่ได้รับการถ่ายเทจากคนหน้าหวานจนแผ่ซ่านคล้ายยาบำรุงกำลังที่ช่วยรักษาบาดแผลและความเจ็บปวดกับช่วงเวลาที่ผ่านมาให้หายเป็นปลิดทิ้ง ทั้งเสริมสร้างเกราะป้องกันให้รู้จักเข็มแข็ง ได้ต่อสู้เพื่อคนที่รัก ได้ใช้ชีวิตในวันๆนึงได้อย่างมีค่า ยามรู้ว่ามีใครอีกคนเคียงข้างกาย โลกทั้งใบก็คล้ายจะสดใสไม่หมองหม่นอีกต่อไป

     
     

    ผละออกเพียงนิดให้คนหน้าหวานได้หายใจเข้าปอด กลีบปากสีชมพูอ่อนก็ไม่อาจทำให้คริสพอใจได้แค่นี้ จำต้องกดจูบย้ำคิดย้ำทำให้คนตรงหน้าได้เขินอายหน้าแดงเป็นลูกตำลึง จุมพิศให้ที่ข้างแก้มเนียน ก่อนจะลากริมฝีปากผ่านสันกรามสวยลงถึงไห้ปลาร้าทรงเสน่ห์ที่ทั้งขาวและหอมเตะจมูก ดูดเม้มแผ่วเบาสร้างรอยให้วูบหวามไปทั้งร่าง กระดุมเม็ดแรกถูกริดอ้อยอิ่งอย่างถือวิสาสะ พร้อมทั้งมือหนาที่เริ่มไม่อยู่สุขลุกล้ำเข้าในสาบเสื้อของคนรักไม่อาจหักห้ามใจ

     

     

    ค...คริส พ..พอแล้ว

    ไม่รู้ตัวเลยว่าแขนทั้งสองข้างไปคล้องอยู่ที่รอบลำคอแกร่งของอีกคนได้ยังไง เผลอเลอปล่อยใจเสียไม่เป็นตัวของตัวเอง อี้ชิงรีบห้ามปรามคนรักก่อนจะถลำลึกไปมากกว่านี้ ทำเอาใบหน้าหล่ององุ้มขมวดคิ้วจนเป็นปมหงุดหงิด

    ...........


    พอแล้วนะ โอเคไหม?”


    “…………” คริสส่ายหน้าให้เป็นคำตอบ ให้ตายเถอะว่าอี้ชิงนี่เชื้อเพลิงกระตุ้นความพุ่งพล่านในกายเขาดีๆนี่เอง จุดจนมันติดไฟแล้วก็ดับมันไปเสียดื้อๆ น่าเสียดายเป็นบ้า

     



    จุ๊บ!



    พอนะอี้ชิงจุมพิศเบาๆที่เรียวปากได้รูปไปหนึ่งทีแล้วรีบผละออกอย่างรวดเร็ว ทิ้งตัวเข้าหาอ้อมกอดอบอุ่นอีกรอบทั้งฟุบใบหน้าหลบซ่อนสีระเรื่อบนพวงแก้มอย่างเคอะเขิน



    พอก็ได้ แต่แค่ตอนนี้นะ



    เจ้าเล่ห์!”



    สิ้นเสียงหวานคริสก็หัวเราะออกมาเบาๆกับความน่ารักของอีกคน ดีกันแล้วก็เอาแต่กอดเขาเหมือนลูกแมวไม่มีผิด ปากไม่เอ่ยวาจาออดอ้อน หากแต่ใช้ร่างกายนุ่มนิ่มและสายตาหวานแทนสินะจางอี้ชิง รู้อยู่ว่าแบบนี้น่ะตัวก่ออารมณ์ก็ยังจะทำ เกิดทนไม่ไหวขึ้นมาแล้วจะหาว่าคริสไม่เตือน

     





    …ERROR…












    *** คือยังไม่จบค่ะ เลื่อนเป็นตอนหน้านะ 555555
    โอเคว่าจบตอนหน้านะคะ ตามนั้น ^^


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×