ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [SF EXO] ERROR (KRIS X LAY)

    ลำดับตอนที่ #6 : ll ERROR ll CHAPTER 6

    • อัปเดตล่าสุด 25 ต.ค. 56




    ERROR

    CHAPTER 6
    [KRISLAY & KAILU]

     










    อี้ชิง! นายไปไหนมาฉันหาตั้งนานแน่ะ?”


    เพียงแค่เดินกลับมาที่หอประชุมอีกครั้งเพื่อนผิวเข้มพลันเอ่ยถามทันทีให้อี้ชิงรู้สึกเกรงใจที่ต้องรอ ตั้งแต่งานประกวดดาวเดือนเสร็จสิ้นจงอินมาหาเพื่อนหน้าหวานที่หลังเวทีก็ไม่เจอเสียแล้ว เห็นเพียงกระเป๋าเป้สีม่วงแบรนด์ดังกับช่อดอกไม้ที่วางทิ้งไว้ไร้ร่างเจ้าของไม่มีคนสนใจ



    เอ่อ...ฉันไปเข้าห้องน้ำมาน่ะจงอิน ขอโทษนะที่ไม่ทันได้บอกนายก่อนตอบเพื่อนสนิทไปนัยน์ตาคู่หวานจึงรีบหลบหนีแววพิรุธ โกยข้าวของสัมภาระลงกระเป๋าในห้วงความคิดกลับก่อเกิดภาพของใครบางคนที่เพิ่งเจอกันเมื่อครู่ให้สั่นคลอนที่หัวใจ

     

    อี้ชิงเชื่อมั่นมากพอที่จะไม่อ่อนลงให้กับอีกคนง่ายๆ ถึงแม้จะรู้อยู่แก่ใจตัวเองถึงนิสัยที่ใครๆก็ว่าดีจนเกินเหตุ เขาใจดีใช่ว่ากับทุกคน ถึงไม่ชอบการมีเรื่อง หลีกเลี่ยงทุกครั้งที่พบเจอ ทว่าใครร้ายใส่อี้ชิงก็จดจำมันฝังใจ

     


    แล้วนั่นเป็นอะไรทำไมตาแดง?” ลอบสังเกตเพื่อนสนิทจงอินก็ถึงกับนึกสงสัย ช่วงนี้เห็นอีกคนแปลกไปเหมือนว่ามีเรื่องคาใจ แต่ไม่อยากก้าวก่ายจึงห้ามความคิดไม่ให้ซักถาม



    ห๊ะ?”



    ฉันถามว่านายเป็นอะไรทำไมถึงตาแดง ช่วงนี้นายเหม่อลอยบ่อยจังอี้ชิง มีเรื่องอะไรก็เล่าให้ฉันฟังได้นะ...หรือว่า...นายดีใจที่ได้ตำแหน่งเดือนมหาลัยใช่ไหมล่ะ โอ้ย! เรื่องแค่นี้เองไม่เห็นต้องแอบไปร้องไห้เลย


    สิ้นเสียงทุ้มของคนผิวเข้มใบหน้าหวานแสดงออกเสียชัดเจนว่ามึนงงอย่างเต็มที่ แต่นั่นก็เออออห่อหมกไปให้เป็นคำตอบ เพราะจงอินถ้ายิ่งเงียบเจ้าตัวยิ่งเพิ่มความสงสัย



    อืม เป็นใครก็ต้องดีใจใช่ไหมล่ะ ว่าแต่เซฮุนกับซิ่วหมินอยู่ไหนเหรอ?”


    หูย! สองคนนั้นน่ะเหรอ พอประกาศผลว่านายได้ตำแหน่งเดือนมหาลัยก็รีบแจ้นไปซื้อของเตรียมฉลองกันทันทีเลย ดีใจอย่างกับว่าได้รางวัลเองแน่ะ


    คนผิวเข้มยิ้มร่านึกขันยามคิดถึงภาพสองสหายที่กระโดดโลดเต้นหน้าเวทีตอนประกาศผล และนั่นอี้ชิงที่ได้รับฟังก็ยิ้มไม่ต่างกัน เขารู้สึกมีความสุขถึงแม้จะน้อยนิดทว่าก็เติมเต็มหัวใจได้ มีเพื่อนที่ดี มีคนคอยให้กำลังใจพลันให้ความเหนื่อยล้ามลายหายไปได้เป็นอย่างดี



    ถ้างั้นพวกเรากลับหอกันเถอะ คืนนี้สงสัยจะได้ค้างที่ห้องเซฮุนเหมือนเคย


    เอ่อ....จงอิน นายกลับไปรอที่หอก่อนเลยนะ คือฉันว่าจะไปขอบคุณพี่มินโฮเขาหน่อยน่ะ ไม่ได้พี่เขาฉันคงไม่ได้ตำแหน่งนี้มาแน่ๆ


    อืม เอางั้นก็ได้ ยังไงก็รีบกลับนะ


    โอเค

     

    จงอินเดินจากไปแล้วอี้ชิงจึงจัดการถอดสายสะพายที่บอกตำแหน่งอันทรงเกียรติบนไหล่บางออก ยัดมันลงกระเป๋าลูดซิปปิดก่อนจะแบกใส่หลังแล้วหอบช่อดอกไว้ขึ้นไว้แนบอก พลันเดินหารุ่นพี่ที่ยอมเหน็ดเหนื่อยช่วยเหลือเรื่องการแสดงมาตลอดทั้งเดือนในทันที



    พี่คีย์ครับ เห็นพี่มินโฮไหมครับ?”

    รุ่นพี่ตัวเล็กผิวขาวเดินผ่านมาไม่รอช้าอี้ชิงจึงถามหาคนรักของพี่เขา คีย์และมินโฮเป็นอะไรกันใครๆก็รู้ดี คบกันมาตั้งแต่สมัยมัธยม เนิ่นนานเสียอี้ชิงอิจฉาความคงเส้นคงวาของทั้งคู่



    อ้อ! มินโฮนั่งอยู่ในห้องควบคุมน่ะ


    ขอบคุณนะครับพี่คีย์ แล้วผมก็ต้องขอบคุณเรื่องเสื้อผ้าที่ใส่ขึ้นแสดงในวันนี้ด้วย ยังไงผมจะซักมาคืนให้ทีหลังนะครับ


    ไม่เป็นไรหรอกอี้ชิง เพื่อน้องแค่นี้พี่ทำให้ได้อยู่แล้ว ยังไงพี่ก็แสดงความยินดีกับเราด้วยนะ


    อี้ชิงโค้งหัวขอบคุณอีกครั้งทั้งรอยยิ้มหวานให้รุ่นพี่ที่แสนน่ารักตรงหน้า ก่อนจะขอตัวเพื่อไปยังห้องควบคุมที่เป็นส่วนหนึ่งในหอประชุมแห่งนี้ ถึงหน้าประตูด้วยความมีมารยาทเป็นทุนเดิมจึงยกมือขึ้นเคาะแผ่นไม้บานหนาให้คนในห้องรับรู้เสียก่อน ค่อยๆหมุนลูกบิดประตูแล้วผลักมันเข้าไปเยี่ยมหน้าหารุ่นพี่ที่ต้องการพบเจอ



    “………”



    ม่านตากลมกวาดมองคนในห้องที่นั่งล้อมวงคุยกันดูซีเรียส ทำเอาอี้ชิงชะงักไปเล็กน้อย รีบก้มหัวขอโทษขอโพยที่มาไม่ถูกเวล่ำเวลาแล้วทำท่าจะปิดประตูลงอีกครั้งให้เหมือนเดิม หากแต่สิ่งอื่นใดที่ทำให้อี้ชิงร้อนรนคงหนีไม่พ้นคนตัวสูงที่นั่งก้มหน้าเป็นส่วนหนึ่งในกลุ่มรุ่นพี่ คนที่เพิ่งสารภาพความในใจกับเขาเมื่อไม่กี่นาทีก่อนหน้า คริสคงเดินเข้าหอประชุมจากประตูด้านหลัง ส่วนอี้ชิงเข้าทางประตูหน้าทำให้ไม่เห็นว่าคริสนั้นมาถึงที่นี่ก่อนเขาเสียอีก

     


    อ้าว! อี้ชิงจะรีบไปไหนล่ะ? เข้ามานั่งก่อนสิ


    ไม่ทันหลบหน้าเดินหนี เสียงทุ้มของรุ่นพี่มินโฮกลับเรียกรั้งให้ร่างกายเล็กต้องหยุดนิ่ง สิ่งที่กลัวกำลังหวนขึ้นในจิตใจเมื่อเห็นว่าคนที่นั่งก้มหน้าอยู่ในตอนแรกพอได้ยินชื่อของเขาพลันเงยหน้าขึ้นสบมองทันทีด้วยความตกใจ

     
     

    นัยน์ตาคู่คมแดงก่ำทำให้อี้ชิงรู้ได้ว่าคริสเพิ่งผ่านการร้องไห้มาไม่นาน น่าจะเป็นเพราะเขาเองแต่นั่นอีกคนควรได้รับรู้ถึงความเจ็บปวดบ้างก็คงดี อี้ชิงไม่เคยอยากจะแก้แค้น คิดเอาคืนหรือก็ไม่เคยเลยสักครั้ง เพราะอี้ชิงอยากอยู่อย่างสงบและไม่อยากพบเจอเรื่องปวดสมองอีก แต่นั่นถ้าเขาเจ็บขนาดนี้ คริสควรรู้ได้ด้วยตัวเองว่าความเจ็บปวดที่ทิ้งไว้ให้กับเขาพอเจอกับตัวเองบ้างแล้วมันรู้สึกอย่างไร เหมือนคนใกล้จะตายก็ไม่ปราน



    เอ่อ...ไม่เป็นไรครับพี่มินโฮ พอดีผมอยากมาขอบคุณรุ่นพี่น่ะครับที่ช่วยดูแลผมตลอดหนึ่งเดือนที่ผ่านมา เพราะรุ่นพี่เลยนะครับผมถึงได้ตำแหน่งนี้มาครอง

    อี้ชิงเอ่ยพูดในขณะที่โผล่ร่างผ่านบานประตูมาแค่ครึ่งตัวเท่านั้น ไม่เสมองคนตัวสูงที่นั่งก้มหน้าน้ำตาคลอเลยสักนิด เพราะอี้ชิงกำลังร้อนรุ่มอยู่ในอกอย่างไม่รู้สาเหตุยามได้เห็นว่าดวงตาคู่นั้นกะพริบปริบคล้ายพยายามห้ามหยาดน้ำที่พร้อมจะเอ่อไหลออกมาได้ทุกเมื่อ



    ไม่ต้องขอบคุณหรอกอี้ชิง เห็นนายยิ้มได้ดีใจแบบนี้พี่ก็ดีใจด้วย ว่าแต่...อยากไปฉลองกันหน่อยไหม?”



    ม....ไม่ดีกว่าครับพี่มินโฮผมเกรงใจ เอ่อ...พอดีผมนัดเพื่อนไว้แล้วเกรงว่าจะไม่สะดวกอ่ะครับ ขอโทษนะครับ


    ตอบปฏิเสธทันทีทำให้ใบหน้าคมของรุ่นพี่พยักให้อย่างเข้าใจ มินโฮหันเหสายตาเหลือบมองคริสที่เอาแต่นั่งก้มหน้าพลันให้นึกเป็นห่วงขึ้นมาเสียดื้อๆ ก่อนจะส่ายหัวเพลียใจเพราะรู้ดีว่าอีกคนเป็นอะไรถึงได้เศร้าสร้อยสลดเสียเพียงนี้

    เอ่อ ถ้างั้นผมขอตัวกลับก่อนนะครับ


    หัวทุยโค้งให้ระลึกบุญคุณเป็นครั้งสุดท้าย รีบผละกายห่างประตูก่อนจะเดินจ้ำอ้าวออกจากหอประชุมไม่รอช้าในคิดฟุ้งซ่านเรื่องของใครบางคน ทำเอารุ่นพี่ภายในห้องควบคุมต้องมองตามรุ่นน้องหน้าหวานเมื่อเห็นอาการรีบร้อนจนเกินเหตุ


    เหี้ย! น้องโคตรน่ารักเลยว่ะ โอ้ย!”

    ชานยอลถึงกับร้องเสียงหลงเมื่อหน้าแข้งของเขาโดนคริสที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามส่งเท้าเข้ามาเตะจากใต้โต๊ะไม่ผ่อนแรง ร้อนถึงคนถูกกระทำต้องลูบมันไปมาคลายอาการเจ็บปวดให้ทุเลาลง


    มึงก็ชอบทำให้มันของขึ้นนะชานยอล ก็รู้อยู่ว่าไอ้คริสมันชอบน้อง

    มินโฮเอ่ยพูดสีหน้าจริงจัง ได้ฟังคริสระบายความในใจก่อนที่รุ่นน้องจะเข้ามาทำเอาสลดไปด้วยไม่น้อย กว่าจะได้รับรู้เรื่องราวทั้งหมดจากคนปากแข็งเขาต้องใช้ความพยายามอยู่หลายนาทีเพื่อจะง้างปากมันให้พูดได้ เอาแต่นั่งก้มหน้าทิ้งหยาดน้ำพลอยให้ทุกคนเครียดไปหมดเพราะคนอย่างคริสเคยเป็นแบบนี้เสียที่ไหนครั้งนี้ครั้งแรกเลย


    ก็น้องน่ารักจริงๆอ่ะมึง แต่กูก็เห็นอี้ชิงเป็นแค่น้องนะเว้ยไม่ได้คิดอะไรเกินเลยสักหน่อยชานยอลรีบเอ่ยแก้ตัว

    ว่าแต่จริงเหรอวะไอ้คริสที่มึงเหมาดอกกุหลาบให้น้องเขาหมดนั่นน่ะมินโฮอดไม่ได้ที่จะเอ่ยถาม เขาสงสัยตั้งแต่งานประกวดดาวเดือนยังไม่จบเสียด้วยซ้ำ

    มึงรู้ได้ไงมินโฮ? กูไม่ได้บอกใครเลยนะเว้ย!” นัยน์ตาคมเบิกโพลงเมื่อเพื่อนรู้ในความลับที่ยังไม่ได้เปิดเผย


    กูเห็นรถของร้านดอกไม้มาส่งที่หน้าหอประชุมกูเลยเดินเข้าไปถาม เขาบอกว่ามึงเป็นคนสั่งมาทั้งหมด มึงคิดดีแล้วเหรอวะไอ้คริสที่ทำแบบนี้ ถ้าน้องเขารู้มึงจะโดนเกลียดขี้หน้ายิ่งกว่าเดิมอีกนะเว้ย อี้ชิงจะคิดยังไงถ้ารู้ว่าดอกกุหลาบที่ได้มาไม่ใช่เพราะความสามารถของตัวเอง แต่เป็นเพราะมึงที่เหมามาให้น้องเขาอ่ะ


     มินโฮส่ายหน้าให้เพื่อนสนิทที่ทำอะไรไม่คิดหน้าคิดหลังให้ดีๆเสียก่อน รู้ว่ารวยแต่แม่งมันจะรู้ไหมว่าทำแบบนี้คล้ายกำลังทำร้ายอี้ชิงอยู่


    กูไม่ได้เหมามาทั้งหมด ก็แค่ 99 ดอกเองคริสรีบเอ่ยบอกฉับพลัน เห็นกุหลาบเต็มกะบะรถแบบนั้นของคนอื่นที่สั่งมาพร้อมกันต่างหาก ทว่าเป็นเขาเองที่อาสาโทรสั่งให้


    โหยไอ้เหี้ย! แค่ 99 ดอกเองเหรอวะกล้าพูดนะมึง! ไม่น้อยเลยนะครับ

    ชานยอลโพล่งตกใจทำเอาอีกสองคนต้องหันมาขมวดคิ้วมอง แต่นั่นมันจริงเพราะดอกกุหลาบที่คริสซื้อมาไม่ใช่น้อยๆ ลองคิดเงินดูสิว่ากี่วอนกัน เอาเงินมาเลี้ยงเหล้าเพื่อนเถอะยังไงน้องอี้ชิงก็ได้ตำแหน่งอยู่ดี แต่อย่างว่าแหละนะ คนอย่างคริสจ่ายแค่นี้เศษเงินมันทั้งนั้น


    ถึงกูจะไม่ซื้อให้อี้ชิงยังไงเขาก็ได้ตำแหน่งอยู่ดีนั่นแหละ กูให้เขาไม่ได้หวังว่าเขาจะได้ตำแหน่งนะเว้ย กูให้เพราะมันมีความหมาย” 

    เสียงทุ้มเอ่ยอธิบายก่อนจะเปิดโปรแกรมไลน์ในมือถือแล้วมองชื่อของคนที่ตั้งให้เป็นรายการโปรดอย่างเจ็บปวด ส่งข้อความไปหา รายนั้นก็อ่านหากแต่ไม่ตอบเลยสักครั้ง คาดว่าในตอนนี้คงบล็อคกันไปแล้วอย่างแน่นอน ทำเอาคริสไร้หนทางทั้งยังคิดไม่ออกว่าควรจะทำอย่างไรต่อไปดี

     

    เลือกที่จะเดินหน้า หรือ จะหยุดเพียงแค่นี้....


    ทุกอย่างมันช่างน่ากลัว....

     


    ก็แล้วไป มึงเนี่ยนะ! จะทำอะไรแม่งงี่เง้าฉิบหาย กูเพิ่งเคยเห็นมึงเป็นหนักขนาดนี้ก็วันนี้แหละไอ้คริสมินโฮถอนหายใจรัวจ้องเพื่อนที่เอาแต่เหม่อลอยมองโทรศัพท์ตรงหน้าน้ำตาคลอ เห็นแล้วไม่รู้จะสมเพชหรือสงสารมันดี


    เออไอ้คริส กูมีรูปมึงที่ถ่ายคู่กับน้องบนเวทีด้วย เอาป่ะ? น้องยิ้มด้วยอ่ะมึงโคตรน่ารักเลย!” ชานยอลล้วงมือควานหาเครื่องมือสื่อสารในกระเป๋ากางเกงขึ้นมา เปิดแกลลอลี่ที่บันทึกภาพคู่ของเพื่อนรักกับรุ่นน้องเจ้าของตำแหน่งเดือนมหาลัยก่อนจะยื่นให้

    ไหนๆ เอามาดิ๊!”

    ไร้อารมณ์อยู่เมื่อครู่ คนตัวสูงพลันมีรอยยิ้มแต่งแต้มบนใบหน้าทันทีราวกับว่าเป็นคนละคน ยื่นมือไปคว้าโทรศัพท์จากชานยอลมาครองก่อนจะส่งรูปภาพทั้งหมดผ่านโปรแกรมไลน์ ไม่วายยังตั้งเป็นรูปวอลเปเปอร์ให้ได้เห็นหน้าอีกคนตลอดเวลา เผยยิ้มไม่รู้ตัวยามได้จ้องมองคนที่มีใจให้ในหน้าจอ แต่นั่นมันก็เป็นแค่เพียงช่วงเวลาสั้นๆของความสุข หากนึกถึงความเป็นจริงแล้วเรื่องของเขากับอี้ชิงมันเลวร้ายกว่าที่คิดเยอะ


    เป็นเหี้ยอะไรของมึงอีกเนี่ยคริส? เดี๋ยวยิ้มเดี๋ยวจะร้องไห้กูตามไม่ทันนะเว้ย!”

    กูว่าอี้ชิงไม่มีวันรักกูได้หรอก เขาไม่มีทางรักคนที่ทำให้ชีวิตเขาพังอย่างแน่นอน กูมันน่าสมเพชใช่ไหมมึง? วันๆกูคงทำได้แค่นั่งคิดถึงเขาพร้อมฝันลมๆแล้งๆ ในขณะที่กูแตะต้องอะไรเขาไม่ได้เลย ครั้งแรกเลยนะ....ที่กูคิดว่ากูรักใครเป็นอย่างจริงใจ

    เฮ้อ! แล้วมึงไปทำอะไรให้น้องเขาไม่พอใจล่ะ? เรื่องทุกอย่างมันมีทางแก้นะเว้ย! มึงอย่าทำเหมือนว่าถึงทางตันแล้วดิวะ

    มึงอย่ารู้เลยชานยอล เรื่องนี้มันแก้ไขอะไรไม่ได้อีกแล้ว เป็นใครก็รับมันไม่ได้ทั้งนั้น

    ทิ้งความสงสัยให้เพื่อนคริสพลันเอาแต่นั่งเงียบไม่ไหวติง นั่งจ้องหน้าจอโทรศัพท์เครื่องหรูหัวใจก็เอาแต่ลิงโลดไม่หยุดนิ่ง ทั้งเจ็บปวดทั้งมีความสุขยามได้เห็นใบหน้าหวานแย้มยิ้มจนเห็นรอยบุ๋มที่พวงแก้ม คริสกำลังสับสนทั้งยังปรับอารมณ์ไม่ได้ราวกับคนที่ตกอยู่ในหลุมลึกตะเกียกตะกายหาทางออกไม่เจอ

     
     

    คนหน้าหวานที่ยิ้มให้ในกรอบม่านตามันช่างตรึงใจให้ถอนราก รอยบุ๋มที่ข้างแก้มขาวชวนฝังปลายจมูกสูดดมความหอมให้หายคิดถึง ร่างกายที่น่าทะนุถนอมกำลังทำให้คริสถลำลึกคล้ายตกอยู่ในวังวน ทำได้แค่คิดในมโนภาพ ย้ำตัวเองให้ระลึกอยู่เสมอว่ายังไงก็เป็นได้แค่คนที่เฝ้ามอง ไม่มีวันได้เป็นเจ้าของหัวใจและร่างกายคริสสำเหนียกตัวเองดี



     

    .

    .

    .

     

     

    อี้ชิงก้มหน้าก้มตาเดินเตะฝุ่นคิดฟุ้งซ่านไม่เลิกเมื่อออกมาจากหอประชุม พรั่งพรูลมหายใจหลายต่อหลายครั้ง กระชับเป้ที่หลังเล็กให้มั่น แต่นั่นในขณะที่เดินอยู่ร่างกายกลับต้องหยุดคิดบางสิ่งบางอย่างยามกำลังจะย่างก้าวออกจากประตูรั้วมหาวิทยาลัยเพื่อกลับหอพัก

     

    ราวกับร่างกายไม่อาจต่อต้านได้ อี้ชิงพลันหันหลังหวนกลับทางเดิมแล้วตรงยังที่หมายใหม่แทนที่หมายเก่า  รู้ตัวอีกทีคือเท้าเล็กหยุดยืนข้างถังขยะหน้าห้องน้ำที่เดิมหากเปลี่ยนแค่เวลา อี้ชิงส่ายหัวเล็กน้อยเพราะสุดท้ายเขาก็มาอยู่ที่แห่งนี้ถึงแม้จะทำใจแข็งแล้วก็ตามที หันซ้ายแลขวาเมื่อเห็นว่าไม่มีใครจึงชะโงกหน้ามองลงในถึงขยะหวังพบเจอกับสิ่งที่ได้ทิ้งลงไปไม่ไยดี


    ...อี้ชิงไม่ได้ตั้งใจจะกลับมา แต่สุดท้ายก็ไม่สามารถทนเสียงเรียกร้องของก้อนเนื้อในอกซ้ายได้...

     

     

    บ้าชะมัด!”

    พึมพำผะแผ่วม่านตากลมจึงเพ่งมองดอกกุหลาบสีขาวที่นอนนิ่งล้อมรอบไปด้วยขยะส่งกลิ่นเหม็น มือเล็กค่อยๆเอื้อมลงหยิบมันขึ้นมาอย่างระมัดระวังไม่นึกรังเกียจ ปัดฝุ่นเล็กน้อยก่อนจะนำไปล้างน้ำให้สะอาดดังเดิม การ์ดสีม่วงที่ห้อยตรงหน้าสะท้อนใจอี้ชิงให้คิดถึงคนมอบอย่างไม่ได้ตั้งใจ เสมือนว่าทุกอย่างมันอ่อนยวบแม้กระทั่งใจของเขาเองก็พร้อมจะเป็นแบบนั้นได้ทุกเมื่อ อีกคนคงไม่รู้ว่าสีม่วงน่ะอี้ชิงโปรดปรานมันที่สุด

     
     

    ทำไมอี้ชิงถึงเป็นคนที่น่าสงสารแบบนี้นะ ว่าไหม?” ยกกุหลาบขาวขึ้นตรงหน้า พูดกับมันราวกับว่ามีชีวิตอย่างน้อยใจในโชคชะตาของตัวเอง

     
     

    อี้ชิงถอดเป้ที่หลังออกแล้วเปิดซิปหย่อนดอกกุหลาบขาวลงอย่างทะนุถนอม เขาไม่ยอมรับว่าจริงๆอาจจะใจอ่อนให้กับคริสก็เป็นได้ในตอนนี้ แต่นั่นยังคงมุ่งมั่นบอกตัวเองว่าเขาเสียดายดอกกุหลาบที่ไม่มีคนเหลียวแลซะมากกว่า ถึงกุหลาบดอกโตจะไม่มีใครเหลียวแลในบางครั้ง อย่างน้อยมันก็มีค่าในตัวของมันเองที่ทำให้ใครสักคนสนใจได้




     

    ...ERROR…

     



     

    ถึงวันหยุดยาวอี้ชิงจึงตัดสินใจกลับบ้านหลังจากไม่ได้กลับมาร่วมหนึ่งเดือน คิดถึงน้องชายทั้งยังสามสหายที่ตื้อขอให้พาไปเที่ยวที่บ้านบ้าง จงอินเคยไปแล้วแต่นั่นก็แค่ส่งที่หน้าบ้านเท่านั้น ส่วนซิ่วหมินและเซฮุนไม่เคยไปเลยสักครั้งแล้วยังตัดสินใจนอนค้างด้วยอีกต่างหาก คนอย่างอี้ชิงใจแข็งได้แต่มักแพ้ลูกอ้อนของเพื่อนรัก จึงเลยตามเลยยอมตกลงอย่างไม่มีข้อแม้

     
     

    ผู้ชายดอกไม้ทั้งสี่มาถึงที่บ้านของอี้ชิงในยามสายใกล้เที่ยงวัน เจ้าของบ้านโทรบอกน้องชายไว้แล้วว่าจะกลับ แต่ก็ลืมบอกไปว่ายังมีเพื่อนติดสอยห้อยตามมาด้วยอีกสามคน นั่นเพราะรู้ดีว่าลู่หานคงไม่ว่าอะไร เพราะรายนั้นถ้าไม่เก็บตัวอยู่แต่ในห้องก็ออกไปเที่ยวเหมือนเช่นเคย แต่เหนือสิ่งอื่นใดที่อี้ชิงมั่นใจคือคนเป็นน้องยังไม่ตื่นต่างหาก

     
     

    บ้านนายเงียบจังเลยอี้ชิง อยู่กับใครบ้างเนี่ย?”

    ซิ่วหมินเอ่ยถามยามเท้าทั้งสองก้าวผ่านประตูเข้ามาในตัวบ้าน สอดส่ายม่านตาไปรอบๆมองการตกแต่งสไตล์โมเดริ์นที่ดูสบายผ่อนคลาย ก่อนสายตาจะหยุดอยู่กับรูปครอบครัวในมุมหนึ่งที่นานนักจะมีคนเห็นมันสักครั้ง

     
     

    ปกติฉันอยู่กับลู่หานสองคน พอย้ายไปอยู่หอเลยปล่อยให้เขาอยู่คนเดียว ส่วนคุณพ่อคุณแม่ทำงานอยู่ต่างประเทศน่ะ


    แล้วนี่ใช่ลู่หานหรือเปล่า? หน้าคุ้นๆนะ

     ซิ่วหมินชี้นิ้วไปยังเด็กหนุ่มหน้าตาจิ้มลิ้มสมวัยในรูปภาพ หากแต่รอยยิ้มกลับไม่เผยให้เห็นคล้ายว่าไม่เต็มใจจะถ่ายภาพร่วมด้วย


    ใช่! แต่ว่าตอนนั้นลู่หานเพิ่งจะขึ้นประถมห้าเองนะ ปัจจุบันโตเป็นหนุ่มแล้ว

     

    อี้ชิงยิ้มร่ามีความสุขยามได้เอ่ยถึงคนเป็นน้อง น้อยคนนักที่จะสังเกตเห็นรูปนี้ในบ้านของเขา เพราะอยู่หลบมุมเกินไปจึงไม่เคยให้ใครได้สนใจ หากแต่ซิ่วหมินตาดีทั้งเป็นคนแรกที่ทักมัน

     

    และนั่นจงอินที่ยืนฟังอยู่เงียบๆก็ถึงกับลอบยิ้มอย่างไม่รู้ตัว ใช่! เพราะตอนนี้ลู่หานโตมากแล้ว เขาเพิ่งเห็นมากับตาของตัวเอง วัยเด็กน่ารักยังไงโตมายังคงน่ารักไม่เปลี่ยนแปลง


    โห! ตอนเป็นเด็กยังน่ารักขนาดนี้ อยากเห็นตอนนี้จังจะน่ารักขนาดไหน?”

    เซฮุนพูดแกมตื่นเต้นอยากเจอน้องชายเพื่อนซะแล้ว  แต่ถึงอย่างนั้นเขาเองยังเผื่อใจไม่คาดหวังมากนัก เพราะรู้ดีว่าอี้ชิงน่ะหวงน้องเสียยิ่งกว่าอะไรทั้งสิ้น


    ฉันก็ไม่รู้ว่าลู่หานอยู่บ้านหรือเปล่า ถ้าไม่ออกไปเที่ยวก็คงยังไม่ตื่นล่ะมั้ง ยังไงพวกนายเอากระเป๋าขึ้นไปเก็บบนห้องนอนก่อนเถอะ แล้วจะได้ลงมาทานข้าวพร้อมกันอี้ชิงเอ่ยบอกทำท่าจะพาสามสหายขึ้นยังชั้นบนของบ้าน


    หากแต่...

     



    มาแล้วเหรออี้ชิง?”

     

    ไม่ทันได้แยกย้ายกันไปไหนดี เสียงของคนที่เดินลงมาจากบันไดกลับเรียกให้ทุกสายตาต้องหันไปมองอย่างพร้อมเพรียงกัน ต่างคนต่างอึ้งที่วันนี้ในที่สุดก็ได้เห็นหน้าค่าตาน้องชายที่อี้ชิงหวงเท่าชีวิต ไม่แปลกใจเลยสักนิดว่าทำไมเพื่อนหน้าหวานทั้งหวงทั้งห่วงน้อง เพราะอีกคนน่ะน่ารักน่าเอ็นดูถึงจะเย็นชาไปนิดแต่ก็ดึงดูดไม่น้อยกว่าคนเป็นพี่เหมือนกัน

     
     

    ทว่าคนที่เดินลงบันไดมาก็ถึงกับค้างนิ่ง ยามนัยน์ตาคู่สวยเห็นว่ารุ่นพี่ที่ขโมยหอมแก้มเขาในคืนนั้นก็อยู่ในกลุ่มเพื่อนของพี่ชายด้วย ลู่หานยืนนิ่งอยู่ชั่วครู่ หัวใจวูบไหวคล้ายจะโกรธหรือก็ไม่อาจแน่ใจ ก่อนจะหมุนตัวกลับฉับพลันเดินขึ้นบันไดไปทันทีไม่อยากอยู่ให้เห็นหน้าอีกคน

     

     

    จะไปไหนลู่หาน? อยู่รอทานข้าวก่อนสิอี้ชิงรีบเอ่ยรั้งคนเป็นน้องทั้งไม่เข้าใจ เห็นอาการอีกคนแปลกไปก็ถึงกับนึกสงสัย

    ไม่หิวอ่ะ จะขึ้นไปนอนต่อ

    แล้วไม่ออกไปเที่ยวเหรอ? แต่งตัวซะหล่อเลยไม่วายยังเอ่ยแซวเพราะวันนี้อีกคนอยู่บ้านหากแต่แต่งตัวดีกว่าปกติ เสื้อฮู้ดสีเหลืองกับกางเกงยีนเดปสีดำขลับได้รูปทำให้ลู่หานดูดีแม้ไม่ได้เติมแต่งอะไรให้มากมาย


    ไม่อ่ะ! เลิกเที่ยวมานานละ เบื่อ!”

    เสียงสุดท้ายกระแทกใส่ให้ใครบางคนก่อนกายเล็กนั้นจะเดินตึงตังขึ้นบันไดไปไม่สนใจ ส่งผลให้ทุกคนต้องมองตามกันตาปริบๆ อึ้งกับนิสัยที่ผิดกับหน้าตาของน้องชายเพื่อนอย่างไม่น่าเชื่อ



    เอ่อ...นี่แหละลู่หาน โทษทีนะไม่ทันจะได้ทำความรู้จักกันรายนั้นก็ไปซะล๊ะ!”

    อี้ชิงยิ้มเจือนให้เพื่อนทั้งสามอย่างรู้สึกผิด เขาชินเสียแล้วกับนิสัยแข็งกระด่างของลู่หาน หากแต่ก็ลืมนึกไปว่าเพื่อนคงยังไม่เคยพบเจอ



    ไม่เป็นไรหรอก น้องชายนายก็ดูเป็นคนตรงไปตรงมาดี

    ซิ่วหมินว่าก่อนจะหอบกระเป๋าและสัมภาระเดินตามอี้ชิงขึ้นไปยังชั้นสอง โดยมีเซฮุนเดินตามไปอย่างมึนงง ส่วนจงอินก็ได้แต่ลอบถอนหายใจ เพราะรู้ได้ว่าลู่หานเป็นอะไรนั่นมันมาจากเขาเองทั้งนั้น

     
     

    ตลอดทางไม่วายต้องคิดถึงใบหน้าน่ารักของคนที่เพิ่งพบเจออยู่เมื่อครู่ หลังจากวันนั้นจงอินไปที่ร้านเหล้าเจ้าเดิมก็ไม่เคยเห็นลู่หานอีกเลย เฝ้ารอเสียทุกคืนถึงแม้ไม่มีจุดประสงค์เพื่อท่องราตรีก็ตามที แต่นั่นซิ่วหมินก็ดันบังเอิญอยากค้างที่นี่เสียอย่างนั้น เลยทำให้เขาเห็นช่องทางในการพบเจอลู่หานได้อีกครั้ง

     
     

    เห้ยจงอิน!  ลู่หานนี่ใช่น้องคนเดียวกันกับที่เราเจอในคืนนั้นหรือเปล่า ใช่คนที่นายพาไปส่งที่บ้านป๊ะ?” 

    อยู่ๆซิ่วหมินก็ป้องปากกระซิบถาม ถึงในคืนนั้นจะเห็นหน้าค่าตาลู่หานไม่ชัดเจน แต่ทว่าทุกอย่างมันสัมผัสได้ว่าต้องเป็นคนๆเดียวกัน


    ชู้ว์!”

    จงอินรีบยกนิ้วขึ้นจรดริมฝีปากส่งสายตาบอกให้เพื่อนอย่าเพิ่งสนทนา ก่อนจะพยักหน้าให้เป็นคำตอบแล้วเหลือบมองอี้ชิงไปด้วยอย่างคนที่มีความลับ


    แล้วอี้ชิงรู้ไหมเนี่ยว่าน้องชายเที่ยวกลางคืน?”

    ลองถามดูดิ จงอินเสนอความคิด ใช่แค่ซิ่วหมินที่อยากรู้ เขาเองก็อยากรู้เรื่องของอีกคนเช่นเดียวกัน



    เอ้อ! อี้ชิง น้องชายนายดูเป็นคนเก็บตัวดีเนอะซิ่วหมินลองเชิงถามไป ไม่ทันได้เข้าเรื่องเพื่อนหน้าหวานก็ตอบกลับมาให้หายข้องใจโดยฉับพลัน


    นายคิดแบบนั้นเหรอ? รายนั้นน่ะเที่ยวทุกคืน ห้ามจนปากจะฉีกเคยฟังกันเสียที่ไหนดื้อจะตายไป

    เสียงหวานเอ่ยเพลียใจ ส่ายหน้ายามนึกถึงความดื้อดึงของน้องชายต่างมารดา อยากจะปลงแต่นั่นคนเป็นพี่อย่างอี้ชิงจะดูดายไม่สนใจน้องได้เช่นไร เพราะลู่หานนั้นเปรียบเสมือนอีกครึ่งชีวิตของเขาที่ต้องดูแล จึงต้องทำหน้าที่พี่ชายให้ดีที่สุดเท่าที่จะทำได้


    อย่าเครียดเลยน่าอี้ชิง มันเป็นเรื่องปกติของวัยรุ่นนั่นแหละซิ่วหมินตบบ่าให้กำลังใจ


    ถึงลู่หานจะเป็นแบบนี้ ดูเป็นคนไม่แคร์ใครแต่จริงๆเขาอ่อนโยนนะ หวงเนื้อหวงตัว ภายนอกอาจจะดูแรงไปบ้างแต่จริงๆเขาเป็นเด็กมีวินัยในตัวเองสูงเลยทีเดียว

    เอ่ยถึงน้องชายทีไรรอยยิ้มพลันเผยให้เห็นบนใบหน้าหวาน คนที่เป็นเหมือนน้ำล่อเลี้ยงใจให้อี้ชิงมีกำลังใจยามที่ได้พูดคุย

     


    คนหน้าหวานพาสามสหายขึ้นมายังชั้นบนของบ้าน สัดส่วนของห้องนอนแบ่งออกเป็นสองฝั่ง ห้องของลู่หานและห้องอี้ชิงอยู่ฝั่งซ้ายมือ ส่วนตรงข้ามเป็นห้องของพ่อแม่และห้องว่างที่เหลืออยู่ติดกัน

     

     

    ห้องนี้คงเป็นห้องของลู่หานสินะ”  จงอินพึมพำทั้งรอยยิ้มบาง มองบานประตูไม้สีขาวที่ประดับไปด้วยตัวอักษรภาษาอังกฤษเป็นชื่อของคนน่ารักก็รู้ได้แน่ชัด ก่อนจะสาวเท้าเดินเข้าห้องฝั่งตรงข้ามที่อี้ชิงเปิดให้



    ถ้างั้นพวกนายแบ่งกันเองนะว่าใครจะนอนห้องไหน มีห้องนี้กับห้องของฉัน



    ถ้างั้นฉันไปนอนกับอี้ชิงนะ จงอินกับซิ่วหมินชอบคุยกันทั้งคืนฉันนอนไม่หลับหรอก” เซฮุนโพล่งบอกทันทีก็รีบเดินเข้าห้องของอี้ชิงที่เยื้องอยู่อีกฝั่ง ทำเอาทุกคนต้องอมยิ้มพลันส่ายหน้าให้นึกขัน



    จัดของเสร็จแล้วก็ลงไปข้างล่างนะซิ่วหมินจงอิน จะได้ทานข้าวพร้อมกัน” เสียงหวานเอ่ยบอกเป็นครั้งสุดท้ายก่อนจะเดินจากไปยามเห็นเพื่อนทั้งสองพยักหน้าตอบรับ

     

     

    จงอินและซิ่วหมินจัดสัมภาระที่ขนมาให้เข้าที่เป็นระเบียบทั้งแบ่งฝั่งกันอย่างชัดเจน เสร็จสับจึงล้มตัวลงนอนบนตียงนุ่ม พูดคุยสัพเพเหระตามประสาคนชอบแลกเปลี่ยนความคิด วกไปวนมาจนในที่สุดก็เข้าเรื่องของใครบางคนจนได้

     
     

    ฉันไม่อยากจะคิดเลยถ้าอี้ชิงรู้ว่าลู่หานเกือบโดนทำไม่ดีไม่ร้ายจะเป็นยังไง?” ซิ่วหมินเริ่มเข้าเรื่อง หันใบหน้าไปมองเพื่อนผิวเข้มที่นอนเอามือก่ายหน้าผากเหม่อลอยไปไหนต่อไหนเพื่อขอความเห็น


    ก็อย่าให้รู้สิ อี้ชิงรักน้องจะตาย ถ้ารู้เรื่องนี้มีหวังเป็นกังวลหวงน้องกว่าเมื่อก่อนแน่ๆ จะว่าไปช่วงนี้เวลาฉันไปนั่งที่ร้านเหล้าก็ไม่เจอลู่หานแล้วนะ คงจะเข็ดแล้วล่ะมั้ง

    ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมอี้ชิงถึงหวงน้อง ลู่หานโคตรน่ารักอ่ะ ถึงจะไร้ชีวิตชีวาไปนิดแต่ก็เป็นเอกลักษณ์ดี

     

    ได้ยินคำพูดของซิ่วหมินทำเอาจงอินเผลอยิ้มอย่างลืมตัว เห็นด้วยกับคำพูดของอีกคน ถึงจะไร้ชีวิตชีวาทว่านั่นแหละคือเสน่ห์ของลู่หานที่ดึงดูดเขาในทันทีที่ได้พบเจอ



    อืม จริง!...โคตรน่ารักเลย

    ห๊ะ? นายว่าอะไรนะจงอิน

    เห็นอีกคนเพ้อละเมอพูดจาแปลกๆซิ่วหมินอดไม่ได้จะหรี่ตามองจับผิด และนั่นจงอินที่เห็นว่าเพื่อนเริ่มสงสัย ใบหน้าคมที่เผยยิ้มในตอนแรกก็กลับมาตีนิ่งทำเป็นไม่สนใจ

     

    เปล่า! ไม่มีอะไรหรอกน่า

    ปฏิเสธทันควันกลัวคนด้านข้างรับรู้เสียงของหัวใจ จงอินตกหลุมรักลู่หานในระยะเวลาอันสั้นเพียงนิด ถึงจะเร็วเกินไปแต่เขาก็มั่นใจมากพอว่าอีกคนจะทำให้เขาหยุดอยู่ที่ตรงนี้ไม่ไปไหน



    ถ้างั้นเราลงไปทานข้าวกันเถอะ อี้ชิงกับเซฮุนคงทำกับข้าวเสร็จแล้ว


    นายลงไปก่อนเลยซิ่วหมิน เดี๋ยวฉันตามลงไป


    เอางั้นก็ได้ รีบๆหน่อยนะ


    ใบหน้าคมพยักให้เพื่อนเป็นคำตอบ ซิ่งหมินเดินจากไปแล้วจงอินพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยท่ามกลางความเงียบให้ห้องสีขาวสบายตา ไม่ว่าจะทำอะไรแม้กระทั่งหลับตาภาพของคนน่ารักก็เอาแต่วนเวียนให้หัวใจทำงานหนักอยู่เสมอ ให้จงอินได้คิดถึง แม้จะอยู่ใกล้กันแค่เอื้อมในบ้านหลังนี้ เขาห้ามตัวเองไม่ให้รักลู่หานไม่ได้ แล้วจะผิดไหมถ้าอี้ชิงหวงน้องไม่อยากให้ใครเข้าใกล้ แต่จงอินอยากลองทำตามหัวใจสวนทางความเป็นห่วงของเพื่อนแล้วเดินหน้าไม่ยอมแพ้

     
     

    ไม่รอช้ากายสูงพลันเด้งตัวลุกขึ้นจากที่นอน สาวเท้าเพียงไม่กี่ก้าวก็หยุดอยู่หน้าประตูของห้องฝั่งตรงข้าม ไม่ลังเลชะล่าใจรู้ตัวอีกทีก็เคาะแผ่นไม้บานหนาตรงหน้าไปเสียแล้ว รอคนในห้องมาเปิดให้ด้วยหัวใจที่กระสับกระส่าย

     
     

    เสียงลูกบิดมาพร้อมบานไม้สีขาวที่เปิดผ่างออกทำให้จงอินแทบจะล้มได้ทั้งยืน เมื่อได้เห็นใบหน้าของอีกคนที่ดูจะตกใจไม่แพ้กันเปิดประตูให้เขาอย่างไม่ลังเลเพราะนึกว่าเป็นพี่ชายของตน เห็นแล้วก็เอ็นดูอยากถลาเข้ากอดมันเสียเดี๋ยวนี้

     
     

    แต่แล้วใบหน้าน่ารักนั้นกลับตีนิ่งอีกครั้งพลันทำท่าจะปิดประตูใส่เขาไม่สนใจ ดูก็รู้ว่าอีกคนไม่อยากพบเจอ ทั้งไม่คิดจะเสวนาอีกต่างหากมันน่าตีนัก

     

     

    ลู่หานฟังพี่ก่อน!”

    มือหนารีบส่งไปดันประตูก่อนเจ้าของห้องจะปิดมัน อาศัยแรงที่เยอะกว่าผลักบานไม้แผ่นหนาแล้วแทรกตัวผ่านช่องว่างของประตูเข้าห้องของอีกคนไปอย่างรวดเร็ว


    พี่ไม่เคยมีมารยาทเลยสักครั้ง ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้

    กายเล็กถอยหลังเว้นระยะห่างไว้พอตัวยามอีกคนย่างสามขุมเข้าหา ไม่วายคนผิวเข้มยังไม่สะทกสะท้านลอยหน้าลอยตากวนประสาทให้ลู่หานของขึ้น

     

    เป็นน้องอี้ชิงทำไมไม่เหมือนกันเลยสักนิด

    สายตาคมจ้องมองสำรวจร่างกายน่าทะนุถนอม ทำให้ลู่หานไม่พอใจทั้งยังนึกโกรธอีกคนที่ไม่สุภาพ


    ผมก็เป็นของผมแบบนี้ ไม่ได้อยากเหมือนใคร


    ต่อล้อต่อเถียงไปใช่ว่าจะมีอะไรดีขึ้น อีกคนยังไม่ลดละที่จะสาวเท้าเข้าหา ลู่หานก็ทำได้เพียงแค่ถอยกรูดไม่เลิกลา ตันทางหลังบางจึงแนบชิดพนังไร้ทางหนีทีรอด หวาดระแวงทั้งยังไม่พอใจอย่างถึงที่สุดเมื่ออีกคนทำหูทวนลมไม่ใส่ใจ ฟังเขาบ้างก็คงจะดี

     

    จงอินเดินเข้าประชิดร่างเล็กของคนน่ารัก สอดมือซ้อนที่แผ่นหลังแล้วรั้งให้เข้าหาอ้อมกอดแกร่งอบอุ่น ทำเอาลู่หานดิ้นขลุกขลักต่อต้านส่งสายตาคาดโทษ แต่คนอย่างจงอินหรือจะสำนึกเป็น ยิ้มได้แม้กระทั่งรู้ว่าอีกคนกำลังโกรธเขามากก็ตาม

     
     

    ตอนที่เจอกันในที่สลัวว่าน่ารักแล้ว เห็นระยะประชิดแบบนี้น่ารักมากจริงๆ

    ปากหวานพูดไปส่งสายตาจ้องเสียทะลุทะลวง ทุกอย่างที่ฝังอยู่ในอกซ้ายมันเผยออกมาให้เห็นหมดผ่านดวงตาที่สื่อจนชัดเจนของจงอิน


    พี่พูดอะไร? ปล่อยผมเดี๋ยวนี้นะ!” ลู่หานกลอกม่านตาเอือมระอาใช่ว่าจะหวั่นไหวง่ายๆ ไม่ชอบให้ใครล่วงเกินอีกคนคงยังไม่รู้ คนพักนี้ลู่หานเกลียดที่สุด


    พี่ก็พูดอย่างที่นายได้ยินนั่นแหละ



    หึ! พี่เป็นเพื่อนกับอี้ชิง รายนั้นไม่เคยบอกหรือว่าผมไม่ชอบให้ใครแตะเนื้อต้องตัว

    เรียวปากสวยแสยะยิ้ม ถึงนัยน์ตากลมจะเย็นชาแต่ทว่าจงอินก็เห็นแววระริกไหวที่อยู่ข้างในมันเผยจนจับสังเกตได้ไม่ยาก

    ถึงอี้ชิงจะบอก...พี่ก็ไม่ฟัง


    พูดเสร็จสองแขนแกร่งพลันกระชับอ้อมกอดคนตัวเล็กให้แน่นขึ้น เบียดร่างเข้าหาทำให้จมูกรั้นของอีกคนกดลงบนแผงอกเขาเพราะความใกล้ชิด

     


    เพียงไม่นานลู่หานก็เงยหน้าขึ้นช้อนตามองจงอินนิ่ง ทำเอาร่างสูงเสมือนว่าโดนควบคุมให้ไร้การยับยั้งชั่งใจจนหัวสมองขาวโพลนไปหมด

     

    ความเงียบเข้าปกคลุมเมื่อลู่หานไม่ตอบโต้และจงอินเองก็จริงจังไร้แววทะเล้นเฉกเช่นในตอนแรก เห็นจะได้ยินคงเป็นเสียงลมหายใจเข้าออกของกันและกันให้ได้รับรู้ ร่างกายบแนบชิดแบ่งปันความอบอุ่น สองสายตาประสานมั่นสะกดคนตรงข้ามให้ร่างกายไร้การเคลื่อนไหว

     
     

    จงอินพยายามแล้วที่จะไม่เผลอเลอปล่อยใจตัวเองให้ทำในสิ่งที่อีกคนไม่ชอบ

    ส่วนลู่หานไม่ชอบหากแต่ปล่อยใจไปแล้วกู่ไม่กลับ

     
     

    รู้ตัวอีกทีความร้อนผะแผ่วที่ริมฝีปากทำให้หัวใจอบอุ่นไม่รู้สึกเหงา ไร้เรี่ยวแรงต่อต้านจึงเลยตามเลยปล่อยหัวใจตัวเองอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ถึงจะรู้ตัวแต่เพราะเป็นรุ่นพี่คนนี้ลู่หานจึงไม่ขัดขืน ใช่ว่าใจง่ายแต่พยายามห้ามตัวเองแล้วสุดท้ายกลับสวนทางการควบคุม

     
     

    ใบหน้าคมเอียงเล็กน้อยรับสัมผัสยามดูดเม้มกลีบปากหอมหวานราวน้ำตาลค้างแรม ยกมือขึ้นประคองใบหน้าน่ารักในขณะที่อีกมือโอบรอบเอวบางไม่คลายให้ห่างกัน ส่งลิ้นร้อนควานหาความต้องการในโพลงปาก เก็บเกี่ยวทุกอณูพลันหัวใจก็โผลบินยามรู้ความไม่ประสาของอีกคนอาจจะเป็นจูบแรกให้คนอย่างจงอิน น่ารักครบสูตรนั่นคือดึงดูดได้เป็นอย่างดี

     

     

    พี่รู้สึกดีกับนายจริงๆนะลู่หานไม่ได้โกหก ใช่ว่าอยากได้กายแต่หัวใจนายต่างหากที่พี่ต้องการ"

    ผละออกให้อีกคนได้หายใจเข้าปอดพลางเอ่ยกระซิบข้างริมฝีปากแดง สีเคลือบใสวาวระยับที่เพิ่งผ่านการจูบมาเมื่อครู่ทำให้จงอินต้องลอบกลืนน้ำลายลงคอห้ามตัวเองไม่ให้ช่วงชิงมันอีกครั้ง ก่อนจะเห็นว่าคนน่ารักในอ้อมกอดก้มหน้าลงแล้วค่อยๆดันหน้าท้องของเขาให้ออกห่าง เห็นพฤติกรรมไม่สนใจจากอีกคนนั่นคือจงอินต้องยอมคลายอ้อมกอดด้วยหัวใจอันเจ็บปวด

     
     

     แต่แล้วทำไม...

     
     

    ทำไมพอได้เห็นใบหน้าน่ารักนั้นแดงระเรื่อเจือสี จงอินกลับเผยยิ้มได้อีกครั้งคล้ายพระเจ้ากำลังเห็นใจให้คนอย่างเขามีกำลังใจขึ้นมาโดยฉับพลัน

     

     

    พี่ออกไปได้แล้ว

    คนน่ารักเอ่ยพูดไม่มองสบใบหน้าหล่อแม้แต่หางตา หย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้นวมแล้วเล่นเกมส์หน้าจอคอมพิวเตอร์เหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น

     
     

    พี่ออกไปแน่ แต่นายต้องลงไปทานข้าวด้วยกัน


    ผมไม่หิว


    ไม่หิวก็ต้องทาน ดูก็รู้ว่าเพิ่งตื่นคงยังไม่ได้ทานอะไร


    คนไม่หิวแล้วจะทานไปเพื่อ? ชีวิตผม ผมดูแลตัวเองได้ไม่จำเป็นต้องให้คนอื่นเป็นเดือดเป็นร้อนแทน


    ยังคงเส้นคงวาของความเฉยชาที่แสดงออกคล้ายจะเป็นปกติของลู่หาน จงอินทำได้แค่ยืนมองการกระทำของอีกคนพลางอมยิ้มอยู่กับตัวเอง




    คนอื่นที่หมายถึงคือพี่ใช่หรือเปล่า? ถ้าจะบอกว่าคนอื่นคนนี้อยากดูแลชีวิตนายจะยอมให้กันไหมอยากรู้


    มือเล็กที่กุมเมาส์เลื่อนเข้าโปรแกรมนู้นโปรแกรมนี้อยู่ดีๆถึงกับชะงักงันหยุดมันเหมือนโดนสะกด คำพูดคำจาชวนวูบไหวทำให้หัวใจก่อเกิดความสุขบางอย่างให้โหมขึ้น คำพูดบางคำถ้าเป็นคนอื่นเอ่ยวาจาคงไม่รู้สึก แต่ที่ไม่เข้าใจคือลู่หานรู้สึกดียามรุ่นพี่ผิวเข้มเอ่ยมันเข้าสู่โสตประสาทให้ชาวาบไปทั่วร่าง


    ความรู้สึกแบบนี้มันเกิดขึ้นเร็วเกินไปจนน่ากลัว




    คนอย่างผมมันน่าเบื่อเป็นใครก็รับไม่ได้ เพราะฉะนั้นอย่าพูดลอยๆแล้วเลิกกวนประสาทผมได้แล้ว


    ใครกวนประสาทกัน? ถ้ารู้ว่าหัวใจพี่เต้นแรงแค่ไหนเวลาอยู่ใกล้นายจะไม่พูดออกมาแบบนี้เลย


    ผมเกลียดความเจ็บปวดและไม่อยากพบเจอ เบื่อการผูกมัดเบื่อเรื่องวุ่นวายทะเลาะวิวาท ถ้ารับไม่ได้แล้วคิดจะเล่นๆก็ไปซะ!”



    จงอินยกยิ้มอีกครั้งยามคำพูดของอีกคนคล้ายให้ความหวัง ลู่หานให้โอกาสหรือเปล่าไม่แน่ใจหากทว่ากำลังใจในตอนนี้มาเต็มเปี่ยมจงอินจะไม่ขอถอย




    จะให้แหวกอกให้ดูเลยหรือเปล่าว่าทั้งสี่ห้องของหัวใจมันมีให้แต่คนที่ชื่อลู่หาน รักแรก คนแรก และคนเดียว



    สิ้นเสียงทุ้มลู่หานพลันยกยิ้มมุมปากจ้องหน้าจอคอมพิวเตอร์ครุ่นคิด น้ำเน่าที่สุดคงรุ่นพี่คนนี้ที่ทำให้นึกขัน แต่นั่นมันจะขำออกหรือถ้าใบหน้าคมของอีกคนแสดงชัดเจนว่าจริงจังเสียลู่หานนึกหวั่นใจ



    ไร้สาระ!”

    แสนใจร้ายเปล่งคำพูดทำเอาจงอินหน้าถอดสี ลู่หานไม่สนใจเหลียวมองเอาแต่จดจ้องอยู่กับการเล่นเกมส์คอมพิวเตอร์ทิ้งให้รุ่นพี่ผิวเข้มร้อนรุ่มใจทุรนทุราย

     



     

    Rrrrrrrrrrrrrrrrrr

     

     

    เสียงขัดจังหวะดังขึ้นให้จงอินต้องล้วงมือควานหาแหล่งกำเนิดในกระเป๋ากางเกง ดึงเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาก่อนจะกรอกเสียงส่งไปยังปลายทางที่โทรหาให้ความโรแมนติกสะดุดเข้ากลางคัน



    เดี๋ยวฉันลงไปนะซิ่วหมิน แปปเดียว


    บอกเพื่อนรักไปแค่นั้นนัยน์ตาคมพลันรีบรุดกลับมาจดจ้องอยู่กับคนน่ารักเหมือนเดิม เห็นลู่หานทำเหมือนไม่รู้สึกรู้สาคล้ายว่าหัวใจมันห่อเหี่ยวลง อย่างน้อยลู่หานควรเอ่ยอะไรที่ทำให้เขารู้สึกดีบ้าง



    จะไปทานข้าวหรือเปล่า? เราอ่ะผอมเกินไปแล้วนะ

    เพราะอยากคุยจึงเริ่มบทสนทนาอีกระลอก จงอินเป็นห่วงเป็นใยถึงไถ่ถามสารทุกข์สุกดิบ

     

    ทว่า...


    นี่พี่อยู่กับอี้ชิงมากไปป่ะ? นิสัยชอบวุ่นวายนี่เหมือนกันเด๊ะ!”

    รอยยิ้มมุมปากบ่งบอกไม่ได้เลยว่าลู่หานคิดอะไรอยู่ แต่จงอินคิดไปแล้วว่าอีกคนกำลังเย้ยหยันเต็มแรง



    จริงๆก็ไม่ได้เหมือนอี้ชิงหรอก แต่ที่เหมือนอยู่อย่างนึงก็คือ...รักนาย


    รอยยิ้มเย้ยเมื่อครู่พลันหายวับไปกับตา จงอินเห็นได้ว่าอีกคนนั้นถึงกับชะงักเหมือนตอนที่เขาสารภาพความในใจไปตอนแรกไม่มีผิดเพี้ยน อยากจะรู้เหมือนกันว่าลู่หานจะเฉยชาได้สักกี่น้ำ คนเราเจอแบบนี้บ่อยๆไม่หวั่นไหวคงไม่ใช่คน ถึงจะยากถ้าจะใช้ไม้นี้กับคนที่ไม่เผยความรู้สึก แต่ก็ไม่เคยมีใครไม่ปล่อยใจให้คนอย่างจงอินเช่นเดียวกัน


    หึ! คำพูดแบบนี้เซิร์ทกูเกิลมาเรอะ? ฟังดูดีนะ แต่ผมจะอ้วก!”



    ลู่หาน....



    หื้ม?”



    จงอินกล้าพูดเลยว่าลู่หานไม่ง่าย เพราะไม่ง่ายมันเลยท้าทายเขาจึงชอบอย่างไม่มีข้อแม้




    อื้อ....



    ในเมื่อลู่หานดื้อ คนดื้อต้องใช้ไม้แข็งถึงจะเอาอยู่

     

    ครั้งที่สองของริมฝีปากสวยที่โดนครอบครองให้ร่างกายอ่อนยวบ ลู่หานเผลอแปปจงอินก็กอบโกยเข้าเต็มอกเต็มใจไปเสียแล้ว นัยน์ตาหวานเบิกโพลงเมื่อไอ้รุ่นพี่ผิวเข้มนี่มันหน้าด้านไม่มีมารยาทเหมือนอย่างเคย ทำอะไรไม่ได้นอกจากครางอื้ออึงในลำคอต่อต้าน แขนแกร่งที่โอบรัดรอบคอทั้งคางมนที่โดนบังคับให้เข้าหาประกบจูบลู่หานไร้เรี่ยวแรงคล้ายว่าจะหมดกำลัง ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดใบหน้าอยู่ทำให้รู้ได้ว่ามันไม่ใช่ฝัน ใกล้กันให้หัวใจสั่นไหว ลู่หานไม่อยากยอมรับว่าเขารู้สึกแบบนี้กับรุ่นพี่ผิวเข้มที่กำลังมอบจูบเร่าร้อนมาให้

    ใจเต้นแรง

    ร่างกายรุ่มร้อน

    พร้อมยอมให้ทุกอย่าง

    ลู่หานไม่เคยเป็นกับใครตั้งแต่เกิดมาลืมตาดูโลก

     

     


    น่ารัก....ผละริมฝีปากออกจงอินก็เอาแต่พูดจากระตุ้นหัวใจของอีกคน

    แล้วก็หน้าแดงด้วยเอ่ยต่อไม่พอยังฉวยโอกาสกดปลายจมูกฝังลงที่แก้มนิ่มสูดดมความหอมประจำตัวของคนน่ารักเข้าปอดอย่างพอใจ

     
     

    ไอ้พี่บ้า! ออกไปจากห้องผมเดี๋ยวนี้นะ อื้อ...

    หมดความอดทนลู่หานพลันตะโกนไล่รุ่นพี่หน้าคมโหวกเหวกโวยวาย ทว่าริมฝีปากสวยกลับโดนขโมยไปอีกรอบจนมันแดงช้ำเพราะฝีมืออันช่ำชอง


    เบาๆนะครับ อี้ชิงได้ยินเดี๋ยวรู้หมดว่าพี่กำลังตีท้ายครัวน้องชายเขาอยู่จูบปิดปากเสร็จเอ่ยพูดกระซิบข้างใบหูให้ลู่หานตัวชาวาบ

     

     

    เออ! อยากได้ยินก็ให้ได้ยินไปเลย ก็ให้รู้ไปดิว่าแม้กระทั่งน้องเพื่อนก็ยังไม่เว้นอ่ะ!”

    ลู่หานเหวใส่จงอินไม่เลิก คนอย่างเขาไม่เคยกลัวอะไรอยู่แล้ว อี้ชิงรู้ได้ก็ดีเพราะไอ้รุ่นพี่บ้านี่จะได้ไปไกลๆให้ห่างสายตา



    ลู่หานเบาๆ


    ไม่!”


    ถ้าไม่! พี่จูบนะ...

     

    เงียบกริบไร้เสียงเล็ดลอดให้ได้ยิน จงอินถึงกับหัวเราะออกมาเบาๆเมื่ออีกคนน่ารักมากเสียเหลือเกิน เชื่อแล้วที่อี้ชิงบอกว่าลู่หานถึงจะดูแรงแต่ก็ไม่ได้เป็นอย่างที่เห็น คิดแล้วยอมรับว่าอยากได้มาครอบครอง คล้ายว่าพ่ายแพ้ต่อความน่ารักในตอนแรก พอได้รู้ถึงเนื้อลึกของอีกคนนั่นคือสิ่งมหัศจรรย์ของโลกก็ไม่ปราน

     
     

    อย่างน้อย...คิมจงอินคนนี้ก็ได้เห็นน้องลู่หานหน้าแดงแปร้ดแล้วล่ะนะ

     





    …ERROR…

     




     

    เพราะฟุ้งซ่านเกินกว่าจะทำใจได้ ลู่หานตัดสินใจออกเที่ยวกลางคืนอีกครั้งหลังจากหยุดมันมาได้ระยะหนึ่ง คนน่ารักออกจากบ้านก่อนมื้อค่ำโดยไม่มีใครรู้แม้กระทั่งพี่ชายต่างมารดาลู่หานก็ไม่คิดจะบอก รับรู้อีกทีคือมีสายเรียกเข้าพร้อมทั้งเสียงหวานๆที่ชอบบ่นเขาอยู่ตลอดจนชินหู แต่นั่นลู่หานใช่ว่าจะเชื่อฟัง เขาเดินเตร่ไปเรื่อย ไม่ว่าจะห้างสรรพสินค้า สวนสาธาระณะหรือแม้กระทั่งสถานีรถไฟใต้ดิน และจุดหมายปลายทางสุดท้ายจึงมาบรรจบที่ร้านเหล้าเจ้าประจำในย่านดังยามราตรีที่มีเพียงแสงไฟสลัวสีส้มอ่อนกับบรรยากาศให้ผ่อนคลายร่างกาย

     
     

    ลู่หานเหม่อมองไปไกลคล้ายคนไร้ชีวิตชีวา ถึงในตอนนี้จะหวั่นกลัวฝังใจกับเรื่องราวเลวร้ายจากการท่องราตรีที่ได้พบเจอมาไม่นาน ทว่าลู่หานไม่สามารถอยู่ในบ้านหลังเดียวกันกับรุ่นพี่ผิวเข้มที่มักจะหวังกำไรในร่างกายเขาอยู่ตลอดได้

    อย่างน้อยเขาคงไม่เจอเรื่องร้ายๆมันทุกครั้งที่ออกเที่ยวกลางคืนหรอกว่าไหม

     
     


    ไง! มาคนเดียวเหรอ?”


    แต่นั่นคงคิดผิดไป เพราะไม่ทันจะได้ผ่อนคลายสมอง เรื่องที่กำลังนึกกลัวพลันเข้ามาให้ทุกอย่างมันมืดมนต์เพราะคนที่เคยฉุดเขาไปถือวิสาสะนั่งลงยังเก้าอี้ฝั่งตรงข้าม




    นาย...อีกแล้ว?”


    ไม่เจอกันนานเลยนะ ครั้งก่อนฉันพลาด แต่ครั้งนี้...ฉันไม่พลาดแน่!”


    ชายแปลกหน้าที่ลู่หานเคยได้ยินว่าชื่อเทาจากรุ่นพี่ซิ่วหมินจ้องเขานิ่งทำเอาร่างกายแข็งทื่อทั้งลมหายใจขาดห้วง รู้ดีแน่แท้ว่าวันนี้คงไม่รอด เขาอาจไม่โชคดีเหมือนอย่างทุกครั้งเพราะท่าทางไร้แววล้อเล่นของเทานั้นฉายเสียชัดเจน

     
     

    ปล่อยกูนะเว้ย! ไอ้เหี้ย!”

    ก่นด่าเท่าไรใช่ว่าจะเทาจะสะทกสะท้าน มือหนาฉุดกระฉากลู่หานออกจากร้านเหล้าท่ามกลางสายตาของผู้คนที่มองมาคล้ายเห็นเป็นเรื่องปกติ


    ลู่หานพยายามขึงตัวต่อต้านแต่นั่นวันนี้ทั้งวันข้าวสักเม็ดก็ยังไม่ตกถึงท้อง ทำเอาคิดถึงคนที่ชวนเมื่อตอนสายในทันที ขัดขืนอะไรไม่ได้ทั้งตะโกนโหวกเหวกโวยวายก็แล้ว ใครๆก็คิดว่าเป็นคนรักทะเลาะกันจนลู่หานไร้หนทางจะขอความช่วยเหลือ


    ปล่อยกู! แบคฮยอนใช้มึงมาใช่ไหม? ปล่อยกูนะ!”

    คนที่ได้ฟังถึงกับหยุดเดินพลันหันมองลู่หานแล้วหรี่ตา เทาตกใจไม่น้อยที่อีกคนรู้ว่าใครที่บงการอยู่เบื้องหลัง แต่นั่นไม่นานรอยยิ้มมุมปากเยือกเย็นพลันแสยะขึ้น รู้แล้วยังไงล่ะเพราะเทาไม่ปฏิเสธว่าถูกใจลู่หานมากพอตัว


    หึ! แบคฮยอนก็เกี่ยวนิดนึง แต่ตอนนี้กูอยากได้มึงซะอย่างยังไงก็ไม่สน

    มือหนาออกแรงกระชากกายเล็กให้เดินตามไปยังลานจอดรถกลางแจ้งที่ฉายเพียงแสงสปอร์ตไลท์ต้นเดียว ดันร่างเล็กให้แนบชิดกับรถสปอร์ตคันหรู เพราะลู่หานดึงดูดเทาเองก็หน้ามืดตามัวหลงเสน่ห์อันเฉยชาเข้าเต็มเปา ก้มใบหน้าฝังปลายจมูกลงกับซอกคอขาวทันทีอย่างถือวิสาสะ ถึงอีกคนจะดิ้นต่อต้านทั้งทุบทั้งตีเทาเองใช่ว่าจะสนใจ ลู่หานก็ได้แค่นี้สู้อะไรเขาไม่ได้สักอย่าง



    “………”



    ไอ้เหี้ย! ออกไปนะเว้ย อย่ามายุ่งกับกู อ๊ะ!”

    ลู่หานพยายามผลักอกแกร่งออกไป หากแต่แรงกระแทกตรงหน้าท้องทำให้เขาจุกจนพูดไม่ออก นัยน์ตาสวยคลอหยาดน้ำหมดเรี่ยวแรง ภาพในคืนนั้นกำลังฉายซ้ำความหวาดหวั่นให้โหมเข้าใส่

    จงอินไปอยู่ไหนทำไมไม่มาช่วยเขา คนๆเดียวในตอนนี้ที่ลู่หานนึกถึง

     
     

    มือหนาเริ่มสอดเข้าในสาบเสื้อตัวบางของลู่หาน เสื้อฮู้ดที่สวมใส่กำลังร่นขึ้นจนเผยให้เห็นหน้าอกขาวต้องแสงในลานจอดรถที่ไร้ผู้คน ไม่รอช้าให้เทาก้มลงสานต่อดูดดุนทิ้งรอยไว้ให้คนที่ไม่มีเรี่ยวแรงแม้จะต่อสู้ในตอนนี้

     

    สัมผัสที่น่ารังเกียจทำให้ลู่หานปัดป่ายมือไปทั่วคล้ายคนสิ้นสติ เสียงสะอื้นไห้ในลำคอบ่งบอกว่าแสงสว่างที่ริบหรี่กำลังจะดับลง ไม่มีคนผ่านมาทางนี้ สักคนเดียวก็ไม่มี




    ออกไปนะ ไอ้เลว!”

    เสียงสั่นเครือพูดทั้งน้ำตา ลู่หานขยะแขยงคนตรงหน้า เทาเป็นใครไม่เคยรู้จักแต่กลับทำกับเขาเพราะแค่คำสั่ง ก่อนจะรู้สึกถึงมือหยาบที่เริ่มปลดตะขอกางเกงของเขาอย่างเนิบนาบ



    “……………”


    มึงมันใจหมา ทำได้แม้กระทั่งคนไม่มีทางสู้ ไอ้สกปรก!”


    ได้ผลเมื่อเทาหยุดการกระทำแล้วหันมาสนใจที่ใบหน้าน่ารักของลู่หานแทน



    ทำไมพูดไม่เพราะเลยนะ มึงจะขอความช่วยเหลือจากใครได้กูอยากรู้ ไม่มีใครเขาได้ยินหรอก หึ!”


    พูดเสร็จมือหยาบจึงจับคางมนให้เผชิญหน้าสบตาก่อนจะบดจูบลงไปที่ริมฝีปากบางอย่างรวดเร็ว รุนแรงไร้ความปราณีเพราะไฟราคะกำลังประทุด้วยความเร่าร้อน คำพูดของลู่หานคล้ายจะจุดเชื้อเพลิงให้เทาได้เป็นอย่างดี ทั้งตอนนี้ความสนใจในตัวลู่หานกำลังเกินครึ่งร้อย น่ารักนั่นว่าจูงใจแล้ว ภายในร่มผ้าอีกคนยังชวนให้อยากได้ขึ้นไปอีก

     

    ฮื้อ...ไอ้บ้า ปล่อยกูนะเว้ย! ถึงมึงจะทำแบบนี้ ฮึก...แบคฮยอนก็ไม่ได้รักมึงมากขึ้นหรอก มันมีแฟนอยู่แล้วมึงอย่าโง่!”

    พูดเสียงอู้อี้ในลำคอ ความกลัวโถมเข้าในความคิด ร่างบางเริ่มสั่นเทาอย่างที่ไม่เคยเป็นและไม่สามารถควบคุมได้ น้ำตาไหลอาบข้างแก้มออกมาเป็นสายธาร พลันมโนภาพในตอนนี้กลับคิดถึงใครบางคนที่เพิ่งสารภาพรักกับเขาเมื่อตอนสาย ไหนว่ารักกันแล้วทำไมถึงปล่อยให้เขาโดนล่วงเกินแบบนี้ถึงไม่มาช่วย

     


    เทาชะงักไปเล็กน้อย ถึงจะได้รับฟังที่อีกคนพร่ำบอก แต่ถ้าในตอนนี้ลู่หานน่าสนใจกว่าแบคฮยอนเยอะ เขาทำตามที่แบคฮยอนสั่งก็จริง แต่เพราะลู่หานเองที่ทำให้เทากำลังถลำลึกเกินกว่าจะห้ามใจ

     

     

    มือหยาบเริ่มลุกล้ำเข้าไปในกางเกงยีนส์สีดำขลับหวังสร้างอารมณ์ต่อให้หายอึดอัด ลู่หานขัดขืนเต็มที่แต่ไม่ว่าจะทำอย่างไรก็สู้แรงของคนใจบาปไม่ได้อยู่ดี การกระทำที่หน้ารังเกียจส่งผลให้ความหวังดับลงพร้อมหยาดน้ำตาที่ไหลออกมาซ้ำเติมความกลัวให้ลุกโชน

     

     

    ลู่หานได้แต่ภาวนา...ขอแค่ใครสักคน และสักครั้งให้เขายังบริสุทธิ์ไร้มลทิน แล้วลู่หานคนนี้สัญญาจะไม่เที่ยวกลางคืนอีกเลย...

     


     

    ผลั่ว!

     

     

    ไอ้เลว!”

    เสียงปล่อยหมัดใส่ใบหน้าคมของคนที่ล่วงเกินเพราะความโมโห ทำให้ลู่หานมีสติกลับมาอีกครั้งทั้งความหวังที่พุ่งขึ้นเห็นแสงสว่าง ก่อนจะได้ยินเสียงหมัดที่สองและสามตามมาไม่หยุดหย่อน

     

    ร่างกายเล็กทรุดฮวบนั่งลงกับพื้นหยาบหมดแรงสมเพชตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็ยังไม่วายโล่งอกโล่งใจที่ร่างกายเขาไม่ได้โดนกระทำเสียให้ความสกปรกติดตัวไปจนวันตาย สะอื้นไห้ตัวโยนคล้ายจะขาดใจ วาดแขนกอดร่างตัวเองสั่นระริกเพราะครั้งนี้มันร้ายแรงเสียให้จดจำไม่มีวันลืม


    เป็นอะไรหรือเปล่าลู่หาน?”

    คนที่เข้ามาช่วยเอ่ยถามร้อนรนหน้าตาตื่น ลู่หานรีบเงยหน้ามองคนใจดีที่เป็นแสงสว่างให้กับเขา ก่อนจะร้องไห้โฮไม่แคร์สายตาใครทั้งนั้น

     


     

    พี่คริส! ฮือ...


    เป็นยังไงบ้าง? มันทำอะไรนาย

    คริสเอ่ยถามด้วยความเป็นกังวล ลู่หานเหมือนจะหวาดกลัวคล้ายตอนที่อี้ชิงโดนเขากระทำไม่มีผิดเพี้ยน เห็นแล้วไม่อยากจะให้อภัยไอ้เลวคนที่ทำหยาบโลนกับลู่หานเลยสักนิด



    มึงเป็นใคร เข้ามายุ่งเรื่องของคนอื่นทำไม?” เทาไม่ลดละ ถึงจะโดนหมัดหนักๆกระแทกเข้าใบหน้าไปหลายครั้งไม่วายยังปากดีท้าทายไม่เลิก


    กูต้องถามมึงมากกว่า มึงทำอะไรน้องชายกู!?” คริสตวาดกลับด้วยความโมโห ภาพของอี้ชิงกำลังซ้อนทับอาการหวาดกลัวของลู่หานให้โทสะเกิดขึ้นฉับพลัน


    หึ! กูก็นึกว่ามึงเป็นผัวในสต๊อกมันอีกคนซะอีก ข่าวว่าร่านสงสัยจะจริง

    ถึงกับทนไม่ไหว ด้วยความใจร้อนที่ว่ามักจะควบคุมไม่ได้อยู่แล้ว คริสรุดเข้าหาเทาไม่รอช้า คว้าคอเสื้อไว้แน่นพลันปล่อยกำปั้นอันหนักหน่วงส่งไปให้เป็นรางวัลโทษฐานปากดี โยนอีกคนลงไปกองกับพื้นก่อนจะเตะเข้าที่หน้าท้องไม่ยั้งแรงจนกระอักเป็นเลือด

     



    พี่คริสพอแล้ว!”

    ลู่หานยกมือขึ้นห้ามทั้งที่ไม่มีแรง ไม่ปฏิเสธว่าโกรธเทาจนอยากจะฆ่า แต่นั่นไม่อยากให้คริสทำอะไรไปมากกว่านี้เพราะดีไม่ดีอีกคนจะตายเอาแล้วความผิดจะติดตัว 


    มึง! ห้ามมายุ่งกับน้องกูอีก ไม่งั้นกูเอามึงถึงตายแน่!” ชี้หน้าจ้องมองเทาคาดโทษ คริสพยายามระงับอารมณ์ตัวเองให้เย็นลง ไม่อย่างนั้นมีหวังเทาได้ตายคาเท้าเขาอย่างแน่นอน

     

    คริสรีบหันกลับมาสนใจลู่หานอีกครั้ง วันนี้เขารู้สึกไม่สบายใจเลยขอท่องราตรีปล่อยอารมณ์ว้าวุ่นใจให้หายไปกับน้ำเมา คริสนั่งดื่มอยู่ที่ร้านฟาร์โรห์ข้างร้านของลู่หาน แต่นั่นอยู่ๆกลับเห็นเด็กละม้ายคุ้นตาโดนฉุดกระฉากลากออกไปคล้ายไม่เต็มใจ ความคิดแรกคือไม่อยากยุ่งทว่าลางสังหรณ์บางอย่างมันทำให้เขาเป็นกังวลไม่สามารถนั่งนิ่งดูดายได้เฉยๆ จึงเดินตามมาดูให้แน่ใจว่าเด็กที่เห็นนั่นใช่คนที่รู้จักจริง แล้วก็ไม่ผิดเลยสักนิดเพราะภาพที่คริสเห็นคือลู่หานกำลังถูกล่วงเกิน

     


     

    ลู่หาน! ทำไมมาคนเดียว ไม่มีเพื่อนมาด้วยหรือยังไง?”

    เอ่ยถามพลางลูบตัวทุยของคนเป็นน้อง  ลู่หานโผลเข้ากอดคริสไว้แน่นเพราะความกลัว ซุกหน้าลงกับอกแกร่งร้องไห้โฮคลายความกังวลเมื่อครู่ให้หมดไป โล่งใจยามคริสมาช่วยทัน ถึงจะหวังให้ใครบางคนมาที่นี่แต่ลู่หานในตอนนี้อยากขอบคุณคริสที่สุด




    ขอบคุณนะครับพี่คริส ฮึก... ผม.... ผม...


    ไม่เป็นอะไรแล้วนะลู่หาน พี่อยู่ตรงนี้แล้ว” 

    มือหนาเลื่อนลงลูบหลังปลอบประโลมให้รุ่นน้องรู้สึกดีขึ้น เข้าใจว่าไม่ง่ายถ้าความกลัวจะหายไปในทันที แต่เพราะไม่เคยเห็นลู่หานเป็นแบบนี้ ความแกร่งกล้าขาแข็งที่คริสเคยเห็นในวันวานมันหายไปหมดไร้ภาพเดิมให้เป็นห่วงเป็นใย




    ลู่หาน...

    เสียงเรียกจากอีกทางทำให้เจ้าของชื่อต้องเงยหน้าหาที่มา ภาพที่เห็นคือใครบางคนแสนคุ้นตาทอดมองเขาด้วยแววตาผิดหวัง ลู่หานกำลังนั่งกอดกับคริสข้างรถสปอร์ตคันหรูในมุมไร้ผู้คน และแน่นอนว่าคนน่ารักเองรู้ดีว่ารุ่นพี่ผิวเข้มต้องเข้าใจผิด แต่ถ้าอีกคนไม่โง่จนเกินไปจะเห็นว่ายังมีบุคคลที่สามมันนอนหมดสภาพหน้าบวมช้ำอยู่ไม่ห่าง



    พี่....

    หึ! หนีมาทำเรื่องแบบนี้เองเหรอ? จริงๆก็ไม่สะอาดอย่างที่หวงเนื้อหวงตัวสินะ ผิดหวังจังที่แท้ก็เสแสร้งแกล้งทำ

     

    จงอินเอ่ยพูดทั้งยิ้มเย้ยหยันมองภาพรุ่นพี่อดีตเดือนมหาลัยกับน้องชายเพื่อนโอบกอดกันตัวกลม เจ็บแปลบที่หัวใจคล้ายมีดปลายแหลมกรีดแทงฝังลึก อุตส่าห์เป็นห่วงกลัวจะเป็นอันตราย ที่ไหนได้กลับมาพรอดรักกันกลางลานจอดรถไม่อายฟ้าดิน




    อย่าครับพี่คริส!”


    ลู่หานรีบเอ่ยห้ามเมื่อคริสทำท่าจะลุกขึ้นไปสั่งสอนจงอินด้วยอีกคน ส่งสายตาเว้าวอนว่าคนนี้ขอเถอะอย่าได้ให้เลือดตกยางออก ถึงจะไม่พอใจกับคำพูดดูถูกดูแคลน แต่ลู่หานเลือกที่จะให้มันเป็นแบบนี้ ให้อีกคนเข้าใจเขาผิดๆนั่นคือสิ่งที่เขาเลือกเอง


    ทำตัวแบบนี้อี้ชิงรู้จะเป็นยังไง? นายอายุเท่าไรกันลู่หานถึงกระทั่งลานจอดรถก็ไม่เว้น!”

    แล้วไง? รู้แบบนี้แล้วยังรักผมลงอีกไหมล่ะ ผมเป็นของผมแบบนี้มานานแล้วพี่ไม่รู้เหรอ? ผมไม่เคยบอกว่าผมสะอาดหนิก็เข้าใจไปเองทั้งนั้น เลือกที่จะเข้ามายุ่งกับผม อยากรักคนมีมลทินมันก็ต้องผิดหวังแบบนี้แหละ รู้ความจริงแล้วก็เลิกยุ่งกับผมสิ เลิกเลย! เพราะผมไม่เคยรู้สึกอะไรกับพี่เลยสักนิด

    จบท้ายให้น้ำตาล่วงแหมะกลิ้งลงตามพวงแก้ม ลู่หานยกมือขึ้นปาดมันครั้งสุดท้ายก่อนจะลุกขึ้นยืนโดยมีคริสคอยพยุงไม่ห่างกาย เสื้อผ้าหลุดลุ่ยทำให้จงอินมองตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าพลางกำมือแน่นเจ็บช้ำในอกแล้วรีบเสมองไปทางอื่น ค่อยๆหันหลังเดินจากไปเพราะสุดท้ายความเป็นห่วงเป็นใยที่เขามีลู่หานก็ไม่เคยเหลียวแล

     
     

    เฮือก! พ...พี่คริส พี่คริสระวัง!”

    ลู่หานร้องตะโกนสุดเสียงเมื่อเห็นว่าอยู่ๆคนที่นอนแน่นิ่งกับพื้นในตอนแรกลุกขึ้นยืนพร้อมมีดเล่มบางที่ถืออยู่ในมือ คริสรีบหันควับไปมองทันทีหากแต่ไม่ทันจะได้ขยับกายเคลื่อนไหวของมีคมกลับฝังลงยังข้างเอวใต้ซี่โครงของเขาไปเสียแล้ว

     
     

    ทิ้งการแก้แค้นไว้แค่นั้นเทารีบรุดพาร่างสะบักสะบอมของตัวเองหนีหายไปพร้อมทิ้งรถคันหรูไว้ไม่เหลียวแล ปล่อยให้คนถูกทำร้ายทรุดลงนั่งคุกเข่ากับพื้นพร้อมเลือดสีแดงฉานที่ไหลเป็นลิ่มออกมาอย่างน่ากลัว



    พี่คริส!”

    ลู่หานถลาเข้าหารุ่นพี่ทันทีทั้งน้ำตามากมายที่หลั่งไหลไม่หยุดหย่อน ความรู้สึกผิดประดังโหมใส่เพียงเพราะเขาคนเดียวเรื่องถึงได้เลวร้ายได้ขนาดนี้

     
     

    จงอินที่ได้ยินเสียงแผดร้องของคนน่ารักพลันเหลียวกายกลับมามองด้วยความตื่นตระหนก สุดท้ายใจก็ไปก่อนตัวเมื่อเท้าทั้งสองข้างหยุดยืนอยู่ตรงหน้าของลู่หานแล้วมองคริสที่เลือดเต็มเสื้อไม่รู้จะเริ่มจากตรงไหนก่อน


    พี่! พี่จงอิน ฮึก...โทรบอกอี้ชิงให้มารับพี่คริสหน่อย เร็วๆ

    จงอินลุกลี้ลุกลนทำอะไรไม่ถูกคว้าโทรศัพท์กดหาเพื่อนหน้าหวานอย่างไม่เข้าใจ ตกลงรุ่นพี่คริสเป็นอะไรกับลู่หาน แล้วอี้ชิงมีเอี่ยวยังไงนั่นคือสิ่งที่ยังค้างคาใจ

     
     

    อี้ชิง! ออกมาลานจอดรถฟาร์โรห์หน่อย ค...คือพี่ที่เป็นเดือนคณะวิศวะเขาโดนแทงอ่ะ.... อย่าเพิ่งถามน่า ลู่หานก็อยู่ที่นี่ด้วย มาเร็วๆนะ

    จงอินกดตัดสายเพื่อนทั้งยังไม่ได้ร่ายรายละเอียดให้ฟัง ด้วยความเป็นห่วงลู่หานใจมันกระสับกระส่ายจนไม่อาจคิดเรื่องอื่น ต่อให้ไอ้รุ่นพี่ตรงหน้ามันจะนอนตายจมกองเลือดจงอินก็ยังไม่ห่วงเท่าลู่หานที่เอาแต่ร่ำไห้เลยสักนิด


    พี่! ผมฝากพี่คริสหน่อยนะ ฮึก...ผมขอไปจัดการเรื่องบางอย่างก่อน

    ยกมือขึ้นปาดน้ำตาลู่หานพลันรีบรุดยืนขึ้นเต็มความสูง สาวเท้าทำท่าจะเดินออกจากลานจอดรถให้จงอินไม่เข้าใจอีกครั้ง


    จะไปไหน? พี่ไปด้วย

    จะไปบ้านแบคฮยอนพี่ไม่ต้องตามผมมาหรอก! อยู่ดูแลพี่คริสก่อน บอกอี้ชิงให้พาพี่เขาไปโรงพยาบาลด้วยนะอย่าลืม!”

    ลู่หานเดินจากไปฝากฝังให้จงอินดูแลรุ่นพี่แทนแกมบังคับ ถึงแม้จะอยากตามอีกคนไปแค่ไหน แต่จงอินก็ทำได้แค่มองตามร่างเล็กที่วิ่งหายไปจากกรอบม่านตาเท่านั้น

     

    พี่! ยังไหวใช่ไหม?” จงอินเอ่ยถามคริส ถึงอยากจะดูดายหากว่ารุ่นพี่ตรงหน้าเลือดไหลไม่หยุดทำให้เขาต้องรีบห้ามเลือดแก้ขัดรอพยาบาลจำเป็นมาถึงที่นี่

    ฉันไม่เป็นอะไรหรอก นายตามไปดูลู่หานเถอะมือหนาออกแรงดึงมีดเล่มเล็กออกจากช่วงเอวแล้วโยนมันทิ้ง จงอินเบือนหน้าหนีไปอีกทางไม่กล้ามองเพราะเจ็บแทน และคริสยังใจแข็งกว่าที่เขาคิดไว้เยอะ


    ผมตามลู่หานไปแน่ครับ แต่ตอนนี้พี่ไม่ไหวผมจะทิ้งไปได้ยังไง รออี้ชิงมาก่อนนะครับแปปเดียวเท่านั้น

     

    ไม่ถึงห้านาทีด้วยซ้ำอี้ชิงก็มาถึงลานจอดรถ คนตัวเล็กวิ่งลงจากแท็กซี่หน้าตาตื่นมาหาจงอินพร้อมทั้งซิ่วหมินและเซฮุนที่อยู่ในชุดนอนหัวยุ่งเหยิง


    จงอิน! เกิดอะไรขึ้น แล้วลู่หานล่ะ? ล...เลือด นายเป็นอะไรเลือดออกเต็มเลยร้อนรนถามกระวนกระวายใจเพราะเป็นห่วงน้องชาย นัยน์ตาหวานคลอหน่อยคล้ายรู้เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นมันคงไม่ดีแน่



    ลู่หานไปบ้านคนที่ชื่อแบคฮยอนอะไรนั่นน่ะ ส่วนฉันไม่ได้เป็นอะไร คนที่เป็นอยู่นู่น...

    จงอินชี้นิ้วหารุ่นพี่ที่นั่งพิงล้อรถอยู่ด้วยใบหน้าซีดเซียว อี้ชิงหันตามมือพอเห็นคริสก็ถึงกับนิ่งอึ้งปิดปากตัวเองยามเลือดสีสดเปรอะเปื้อนเต็มเสื้อเชิ้ตสีขาวที่อีกคนสวมใส่ รู้ตัวอีกทีร่างกายเล็กก็ถลาเข้าหาคนเจ็บไปแล้วหยุดตัวเองไม่ได้


    คริส!”

    อี้ชิงพยุงคนตัวสูงให้ยืนขึ้นด้วยความทุลักทุเล ลืมเรื่องราวฝังใจที่อีกคนเคยทำให้เจ็บปวดไปเสียหมด จะนิ่งดูดายมองผ่านเฉยๆอี้ชิงทำไม่ได้ ถึงไม่รู้ว่าเรื่องมันเกิดอะไรขึ้นแต่ในตอนนี้ชีวิตคนสำคัญกว่า


    จงอิน! ฉันฝากลู่หานด้วยนะ บ้านแบคฮยอนอยู่ถัดจากซอยนี้ไปสองซอย หลังที่ห้าบ้านสองชั้น



    จงอินพยักหน้าตอบรับแล้วรีบวิ่งไปยังรถของตัวเองที่จอดอยู่ไม่ห่างไกล ขับออกไปทันทีเพราะในตอนนี้ใจของเขาไปอยู่ที่ลู่หานไม่ได้อยู่กับตัวเลยสักนิด

     
     

    อี้ชิงและสองสหายช่วยกันพาคริสไปยังโรงพยาบาลในย่านเดียวกันที่อยู่ไม่ไกล ใบหน้าหล่อซีดเซียวทำให้อี้ชิงเป็นกังวลอย่างชัดเจน ส่งอีกคนถึงมือหมอจะว่าโล่งใจก็ใช่ แต่ถ้ายังไม่ปลอดภัยเขาเองก็ไม่ละความกังวลให้ลดลง

     

    มองมือที่เต็มไปด้วยเลือดก็นึกขึ้นได้ว่าไม่เคยรังเกียจเลยสักนิด ความเป็นห่วงเป็นใยทำให้อี้ชิงสับสนในตัวเอง จะทิ้งคริสในตอนนี้ก็ย่อมทำได้แล้วทำไมยังทิ้งกายนั่งรอคนเจ็บให้ออกมาพบหน้าไม่เข้าใจเลยจริงๆ



    ซิ่วหมิน เซฮุน พวกนายกลับไปรอที่บ้านก่อนก็ได้นะ เดี๋ยวฉันตามกลับไปบอกเพื่อนไปพลันส่งยิ้มบางให้อย่าเป็นกังวล

    มั่นใจหรืออี้ชิง? ทิ้งให้นายอยู่คนเดียวพวกเราก็เป็นห่วงนะ

    ไม่เป็นไรหรอกเซฮุน ตอนนี้ที่บ้านไม่มีคนอยู่เลย รบกวนนายช่วยดูแลหน่อยนะ ต้องขอโทษด้วยที่อยู่ๆก็เกิดเรื่องไม่ดี

    อย่ากังวลไปเลยอี้ชิง พวกเราเป็นเพื่อนกันนะ เพื่อนช่วยเพื่อนอย่าได้เกรงใจ ว่าแต่จงอินมันออกไปเที่ยวตอนไหนวะทำไมฉันไม่รู้ซิ่วหมินเสริมทั้งเกาหัวมึนงง จำได้ครั้งล่าสุดยังเห็นคนผิวเข้มนอนข้างๆกันอยู่เลย

    “…………..”

    นายอยู่คนเดียวได้นะอี้ชิง ถ้าโอเคฉันกับเซฮุนจะไปรออยู่ที่บ้าน ตอนออกมาก็ไม่ทันได้ปิดประตู เกิดขโมยขโจรขึ้นจะลำบากเอา



    ไม่ต้องห่วงฉัน เดี๋ยวรอคริสออกมาฉันจะตามกลับไป

     


    อี้ชิงเดินมาส่งเพื่อนหน้าโรงพยาบาลท่ามกลางสายตาของผู้คนที่จ้องมอง คงไม่แปลกเพราะในตอนนี้ชุดนอนแต่ละคนลวดลายดึงดูดโดดเด่นเอามากๆ อี้ชิงยังไม่เท่าไหร่เป็นชุมวอร์มลำลองธรรมดา หากแต่เซฮุนที่ชุดสีชมพูทั้งตัวกับซิ่วหมินสีม่วงลายหมีคงไม่อาจมองข้ามไปได้ ไม่ได้ตั้งใจจะออกมาชุดนี้ทว่ามันสุดวิสัยเลยไม่ทันได้เปลี่ยนเสียก่อน

     
     

    คนหน้าหวานเดินกลับมานั่งรอคริสที่เดิมหน้าห้องฉุกเฉิน เพียงไม่นานคนป่วยก็ออกมาพร้อมนางพยาบาลที่เข็นรถเข็นมาส่ง คริสก้มหน้านิ่งไม่มองสบอี้ชิงจนคนตัวเล็กนึกแปลกใจกับความเงียบงันที่คั้นกลางความอึดอัด คริสไม่เอ่ยพูดมีหรืออี้ชิงจะพูดก่อน


    คุณพยาบาลครับ เขาเป็นอะไรมากหรือเปล่า?” เสียงหวานเอ่ยถามอาการจากพยาบาลสาวให้รับรู้

    คุณคริสไม่เป็นอะไรมากค่ะ ดีที่ว่าไม่โดนจุดสำคัญ ยังไงอย่าลืมไปรับยาให้คนเจ็บด้วยนะคะ

    อี้ชิงพยักหน้ารับหงึกหงัก มองพยาบาลหญิงเดินจากไปเพราะทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จสับ จึงวกสายตากลับมามองคนที่นั่งอยู่บนรถเข็นไม่พูดจา


    เอ่อ...เป็นยังไงบ้าง เจ็บมากหรือเปล่า?” เห็นอีกคนเงียบอี้ชิงจึงต้องเป็นคนเริ่มบทสนทนาก่อน คริสในตอนนี้ดูไม่ค่อยสู้ดี เห็นแล้วความเป็นคนดีมันกำเริบให้เป็นห่วงเป็นใย


    อืม ก็ยังปวดแผลอยู่ คริสตอบแค่นั่นหากยังไม่เงยหน้ามองอี้ชิงสักนิด

    คนหน้าหวานผ่อนหายใจ ส่ายหัวไปมาเพราะในตอนนี้ทั้งที่เขาอยากพูดคุยทว่าอีกคนกลับกำลังหลีกเลี่ยง



    อ๊ะ!”


    คริสพยายามลุกขึ้นจากรถเข็นเพราะกลัวเป็นภาระให้อีกคนต้องคอยดูแล รู้ดีว่าอี้ชิงยังไม่อยากเจอหน้าถึงต้องการออกห่างให้มากที่สุดเท่าที่จะทำได้



    จะไปไหน? นั่งลงเลยเดี๋ยวฉันจัดการเอง


    จิ๊ปากเบาๆมือบางพลางดันไหล่หนาให้อีกคนนั่งลงอย่างระมัดระวัง แผลสดแบบนี้กว่าจะหายคงใช้เวลานาน เคลื่อนไหวบ่อยพาลจะทำให้เลือดไหลออกมาไม่หยุดสักที


    เกรงว่าจะเป็นภาระให้นาย คงไม่ดีถ้านายต้องมาเดือดร้อนเพราะฉันอีกเสียงทุ้มเอ่ยพูดพลางเสมองไปทางอื่น พูดเองเจ็บเองคริสบอกได้เลยว่าเจ็บกว่าแผลที่เป็นอยู่เยอะ



    อืม ก็จริง….”


    ได้ยินอีกคนพูดคริสแทบจะลุกขึ้นเดินหนีไปซะเดี๋ยวนี้ ผิดเสียที่ไหนเพราะยังไงก็ทำให้อี้ชิงรำคาญใจอยู่ดี



    “……….

     

    จริงอยู่ว่านายเป็นภาระ แต่ฉันยังไม่ได้พูดสักหน่อยนายพูดเองทั้งนั้น ก็เลือดตกยางออกซะขนาดนี้จะให้ฉันดูดายไม่สนใจได้ยังไง ชีวิตคนทั้งคน ฉันใจร้ายไม่ลงหรอกนะ

    ถอนหายใจเฮือกใหญ่อี้ชิงพลันเดินอ้อมไปด้านหลังคนตัวสูง ออกแรงเข็นรถเข็นที่อีกคนนั่งไปจ่ายค่ารักษาพยาบาลและรับยาของคนเจ็บอย่างใส่ใจ ท่ามกลางกรอบม่านตาของคริสที่มองตามไม่ลดละทั้งรอยยิ้ม

    ก็แสนดีแบบนี้ไงที่ใครๆเห็นเป็นอันต้องตกหลุมรัก

     

     

    เอ้อ...ยังไม่ได้ถามเลยว่ามันเกิดอะไรขึ้น แล้วลู่หานทำไมต้องไปบ้านแบค....ห๊ะ! บ้านแบคฮยอน

    รับยาเสร็จอี้ชิงจึงเดินกลับมาหาคริสทั้งเอ่ยถาม ทว่าพอประมวลความคิดทั้งหมดได้นึกถึงรุ่นน้องอีกคนทำเอาความเป็นห่วงน้องชายโหมขึ้นมาในทันที


    ...............


    ฉันจะไปตามลู่หาน!”


    เดี๋ยวอี้ชิง! ฉันไปด้วย

     

    คนหน้าหวานถอนหายใจดูสภาพคริสที่ไม่พร้อมจะเดินก็ส่ายหน้า ทว่าก็พยุงร่างสูงให้ลุกขึ้นแล้วประคองไปยังคิวแท็กซี่หน้าโรงพยาบาลพลันบอกเส้นทางของบ้านแบคฮยอนไม่รีรอ ความกังวลทำให้หลงลืมการถูกเนื้อต้องตัวไปเสียสนิท อี้ชิงกำลังร้อนรนใจหากแต่คริสที่ลอบมองเสี้ยวหน้าหวานอยู่นั้นกลับยกยิ้มออกมาสวนสถานการณ์อย่างสิ้นเชิง มือเล็กที่โอบรอบเอวช่วยประคองร่างกายเขาอยู่นั้นทำให้หัวใจเต้นโครมครามก่อเกิดความสุขในอก คุ้มการเจ็บยามได้คนหน้าหวานคอยดูแลไม่ห่างกาย

     

    ถึงหน้าบ้านของแบคฮยอน เสียงโวยวายที่ดังเล็ดลอดออกมาทำให้อี้ชิงต้องรีบวิ่งขึ้นไปดูยังชั้นบนในทันที ก่อนจะเป็นคริสที่ตามอีกคนเข้าไปอย่างทุลักทุเลพอตัวเพราะบาดแผลที่กำลังเพิ่มความเจ็บขึ้นเรื่อยๆ

     

     

    แบค! มึงบอกกูมาเลยว่ามึงจะเอายังไง ทำแบบนี้มันไม่ต่างจากหมารอบกัดเลยสักนิดลู่หานเหวเหลืออดโวยวายไม่สนใจ จงอินเองก็พยายามจะเอ่ยห้ามให้ใจเย็น แต่ถ้าคนน่ารักของขึ้นแล้วจะให้ลงคงไม่ใช่ง่ายๆ



    กูทำอะไร? เห็นมีแต่มึงที่แหกปากเห่าอยู่คนเดียว เสนอหน้ามาด่ากูถึงที่ มึงนั่นแหละจะเอายังไงลู่หานแบคฮยอนเผชิญหน้าไม่หลบหนีเช่นกัน นัยน์ตาฉาบไลน์สายเนอร์มองจ้องอดีตเพื่อนด้วยความเครียดแค้น



    มึงมั่นใจว่าที่มึงทำมึงไม่รู้ตัว อยากให้กูบอกผัวมึงด้วยไหมละว่ามึงเอากับใครมาบ้างน่ะแบคฮยอน



    มึงพูดอะไรลู่! อย่ามาใส่ความกูถ้ามึงไม่มีหลักฐาน



    แล้วมึงกล้าบอกพี่ชานไหมล่ะว่ามึงไม่ได้มีพี่เขาแค่คนเดียว! ว่าแต่กูร่าน มึงดิร่านถวายร่างกายให้คนอื่นไปทั่ว

    บุคคลที่สามถึงกับมึนงงที่อยู่ๆสองเพื่อนสนิทก็มาก่นด่าสร้างสงครามอยู่ตรงหน้า ชานยอลมองคนทั้งคู่อย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะเอ่ยถามคนรักเพราะในตอนนี้เรื่องราวเริ่มเพิ่มเปลวเพลิงมากขึ้นเรื่อยๆ


    นี่มันอะไรกันแบคฮยอน มึงไม่ได้คบกูคนเดียวเหรอ?”

    สายตมคมจ้องมองคนรักทั้งกำมือแน่น เส้นเลือดปุดขึ้นยามกำลังได้รับรู้เรื่องราวที่ไม่เคยได้รู้มาก่อน เพราะชานยอลรู้จักลู่หานดี รู้ว่ายังไงอีกคนจะไม่เอาเรื่องโคมลอยมาพูดเล่นๆแน่


    กู... กูก็มีมึงคนเดียวอ่ะชานยอล...แบคฮยอนร้อนรนกระสับกระส่าย ตาเฉี่ยวลอกแล่กฉายแววพิรุธอย่างปิดไม่อยู่ ทว่ายังคงปากแข็งไม่สารภาพความผิดง่ายๆ


    มึงบอกพี่ชานไปดิถ้าแน่จริงอ่ะ! มึงหาเรื่องให้ตัวเองแท้ๆแบคฮยอน มึงพาแต่เรื่องมาให้กูทั้งที่กูอยู่เฉยๆ กูหยุดแล้วแต่มึงไม่หยุดเอง กูก็หมดความอดทนเป็นนะเว้ย!” ลู่หานพร้อมทุกเมื่อจะเปิดเผยทุกอย่าง ไม่ทนและไม่ขอทนอีกต่อไป เพราะเขาทนความอึดอัดนี้มานานมากพอแล้ว


    ก็แล้วมึงมายุ่งกับผัวกูก่อนทำไมล่ะ? มึงนั่นแหละเริ่มก่อนลู่หาน!”


    แล้วมึงไม่ถามผัวมึงเองล่ะว่าเสือกว่ายุ่งกับกูก่อนทำไม กูเคยสนหรอ? กูเคยอ่อยหรอ? พี่ชานเข้ามายุ่งกับกูเองทั้งนั้น มึงถามพี่เขาไหม ว่ากูบอกไปไม่รู้กี่ครั้งกี่หนว่าให้เลิกยุ่งกับกู มึงดูแลผัวมึงไม่ดีเองยังให้คนมาทำร้ายกูอีก กูเป็นเพื่อนมึงมากี่ปีมึงเคยไว้ใจกูไหมล่ะ!”


    มึงทำตัวให้น่าไว้ใจนักหนิลู่หาน! คนเป็นเพื่อนเขาไม่แย่งของๆเพื่อนหรอก


    แบค... กูไม่เคยคิดจะแย่งของๆมึงนะเว้ย! ทุกวันนี้กูอยู่ตัวคนเดียวไม่มีเพื่อนเพราะใครกันล่ะ มึงทำให้กูเป็นที่น่ารังเกียจยังไม่พอมึงยังเอาเรื่องกูไปเล่าให้คนอื่นฟังเสียๆหายๆ! กูเคยว่ามึงไหมแบค? กูเคยเอาคืนมึงไหมก็ไม่เคยเลยสักครั้ง? แต่ครั้งนี้มึงทำแรงไป มึงให้คนมาข่มขืนกูอย่าคิดว่าไม่รู้ กี่ครั้งแล้วที่กูทำเป็นเมินเฉยไม่เอาความ มึงยังไม่จบอีกหรือไง?”

    นัยน์ตาคู่กลมคลอหยาดน้ำคล้ายหัวใจจะสลายเสียให้ได้ เพื่อนที่เคยไว้ใจ เพื่อนกินเพื่อนตายกลับมาฆ่ากันเองช่างน่าสมเพช ลู่หานเคยเชื่อเสมอว่าแบคฮยอนคือเพื่อนที่ดีที่สุด แต่สุดท้ายก็เห็นผู้ชายดีกว่า ตัดขาดกันไม่ไยดี ไม่พอยังสาดสีเทสีใส่เขาให้คนอื่นมองอย่างเหยียดหยาม ว่าเขามั่วบ้าง ขายร่างกายแลกเงินบ้าง อยากจะบอกให้รู้เหมือนกันว่าลู่หานไม่ได้ไร้ศักดิ์ศรีถึงต้องทำเรื่องฉาวโฉ่พักนั้น


    มึงจะเป็นยังไงก็เรื่องของมึง! แล้วไงล่ะ? มึงก็สกปรกอยู่แล้วหนิ ได้ใครมึงก็เอาไม่ใช่เหรอ?” แบคฮยอนกัดฟันจิกใส่น้ำตาคลอไม่ต่างกัน ไม่สนใจและไม่ใส่ใจ ลู่หานจะเป็นตายร้ายดียังไงแบคฮยอนก็ช่างหัวมัน


    กูหรือมึงที่สกปรกกันแน่แบค อย่างน้อยร่างกายกูก็ไม่เคยเสียให้ใครก็แล้วกัน



    แบคฮยอน! นี่มันอะไรกัน?”

    ชานยอลที่ยืนทนฟังก็เริ่มไม่ไหวกับคำพูดชวนให้คิดในแง่ลบของคู่เพื่อนสนิท เขายังเข้าใจว่าลู่หานและแบคฮยอนเป็นเพื่อนที่รู้ใจกันที่สุด หากแต่ตอนนี้กลับเริ่มตาสว่างยามทุกอย่างไม่เป็นอย่างที่คิดไว้





    ชานยอล มึง!...ทำไม?”


    เสียงเรียกทำให้ชานยอลหันควับไปมองยังที่มา เห็นเพื่อนรักที่อยู่ๆก็เข้ามาร่วมเหตุการณ์พร้อมทั้งรุ่นน้องเจ้าของตำแหน่งเดือนมหาลัยทำเอาการประมวลผลในสมองไม่สั่งการให้ทำงาน


    พี่คริส!”

    แบคฮยอนเองก็ตกใจไม่แพ้กัน หัวใจร่วงหล่นไปอยู่กับพื้นในทันทียามใบหน้าหล่อที่คุ้นเคยมาให้พบเห็นไม่ถูกเวล่ำเวลา ดั่งที่ว่ารถไฟชนกันคงไม่ผิดเพี้ยน


    ไอ้คริสมึงมาได้ไง แล้วนี่มึงรู้จักกับแบคฮยอนหรอ?” ชานยอลหันมองคนทั้งครู่สลับกันไปมาพลันขมวดคิ้วมุ่นจนเป็นปม

    มึงเป็นอะไรกับแบคฮยอนบอกกูทีชานยอล?” คริสกัดฟันถามตัวสั่นเทาด้วยความโกรธ แน่ชัดว่ากำลังถูกหลอกเพราะเห็นอยู่เต็มว่าเพื่อนรักกับคนที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นแฟนของเขาอยู่ด้วยกันสองคนในบ้านหลังนี้



    แบคฮยอนเป็นแฟนกู คบกันมาตั้งแต่มัธยมแล้ว


    ได้ฟังคริสคล้ายกับเจอตบหน้าฉาดใหญ่ก็ไม่ปราน ชาไปทั่วร่าง กัดฟันกรอดเพราะความจริงจากปากเพื่อนทำให้เขาอ่อนแรง



    แบคฮยอน...ทำไมไม่บอกพี่

    คริสพลันหันไปถามย้ำที่คนรักตัวเล็ก สุดท้ายก็โง่ให้อีกคนใช้เป็นเครื่องมือ โกรธได้ไม่เท่าอยากจะฆ่าให้ตาย รู้แล้วว่าใครที่สำคัญในตอนนี้ หาใช่แบคฮยอนไม่ หากแต่เป็นคนหน้าหวานที่ยืนตัวแข็งทื่อข้างกันต่างหากที่คริสเพิ่งเห็นว่าแสนดีที่สุดให้คนอย่างเขาเห็นคุณค่า


    ผ...ผม ผมไม่....แบคฮยอนอ้ำอึ้งเอ่ยตะกุกตะกัก หมดหนทาง ไม่มีคำตอบที่ดีให้คริสเพราะเรื่องทั้งหมดเขาสร้างมันเองกับมือ



    มึงบอกพี่คริสไปดิแบค หึ! ถ้ามึงไม่พูดกูพูดแทนเองก็ได้

    ลู่หาน! มึงอย่าเสือกเรื่องของกู

    กูจะเสือก! มึงอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะแบคฮยอนว่ามึงใช้พี่คริสให้มาทำอะไรกู กูรู้มาตลอดแค่ไม่อยากพูด เพราะพี่คริสรักอี้ชิงและกูมั่นใจว่าพี่เขาเป็นคนดีพอ ถ้ามึงไม่เล่นยาให้พี่เขาหลงยอมทำเรื่องสกปรกแล้วละก็...





    มึง! ไอ้คริส มึงเล่นชู้กับแฟนกูเหรอ?”

    อยู่ๆชานยอลก็โพล่งขึ้นกระโจนเข้าหาคริสทันที ปล่อยหมัดกระแทกเข้ามุมปากได้รูปเต็มแรง ย้ำที่ใบหน้าหล่ออีกครั้งเพราะความจริงที่ได้รับรู้เขาทำใจให้ยอมรับมันไม่ได้

     

     

    คริสไม่แม้แต่จะโต้ตอบ ยืนนิ่งให้เพื่อนกระทำอย่างสาสมจนร่างกายล้มลงหมดเรี่ยวแรงไปอยู่กับพื้น เลือดจากแผลเก่าหลั่งไหลจนเปียกชุ่มเสื้อตัวเดิม นัยน์คาคมเอ่อร้นไปด้วยน้ำตามากมายไปคิดจะเช็ดมัน  ไม่คิดจะโอดโอยร้องขอให้อีกคนหยุดการกระทำ เจ็บเยอะยิ่งดี เจ็บให้มันเจียนตายเพื่อทดแทนกับเรื่องเลวร้ายที่ได้ทำลงไป



    หยุดนะพี่ชาน บอกให้หยุดไงล่ะ!” ลู่หานรีบเข้ามาห้ามทับ ตะโกนอย่างเหลืออดเพราะคนที่ผิดมันคือแบคฮยอนใช่เป็นคริสเสียที่ไหน

     
     

    อี้ชิงที่ยืนมองเหตุการณ์ทั้งหมดอยู่เงียบๆก็ไม่สามารถขยับเขยือนกายไปไหนได้ คล้ายหินก้อนใหญ่หล่นทับร่างเหมือนคนไม่รู้จักกับความสุข กี่ครั้งกี่หนที่เรื่องพักนี้มักจะห้วนกลับมาในวันที่ชีวิตเขากำลังจะดีขึ้นให้มันดับวูบลงเสมอ ทั้งเหนื่อยทั้งล้าอยากพักร่างกาย ทำไมเรื่องดีๆไม่มีให้คนอย่างอี้ชิงบ้างก็ไม่รู้

     
     

     พี่คริสไม่ได้เป็นคนผิด! เมียพี่ต่างหากที่ผิดน่ะชานยอล ถามมันดิว่ากี่คนที่มันคบอยู่

    ลู่หานไม่ยอมแพ้ความตั้งใจ ถึงแม้เขาไม่เคยคิดจะทำร้ายแบคฮยอนก็ตามที แต่ครั้งนี้เขาจะไม่ปล่อยไป ตายเป็นตายเพราะยังไงตลอดเวลาที่ผ่านมาเขาเองไม่เคยได้รู้จักสังคมดีๆอยู่แล้วหนิ



    ลู่หานมึงเงียบนะ! มึงหยุดพูดเดี๋ยวนี้แบคฮยอนวีดเสียงลั่นห้อง หลับหูหลับตาทึ้งผมตัวเองส่ายหน้าไม่รับรู้


    แบคฮยอน นี่มึงหลอกกูเหรอ?” ชานยอลปรี่เข้าหาคนรัก รั้งข้อมือเล็กให้เข้าหา กัดฟันกรอดด้วยโทสะ คบกันมากี่ปีสุดท้ายความรักที่มีก็ไม่ได้ช่วยให้ชานยอลมั่นใจเลย


    ฮึก...กูไม่ได้หลอกมึงนะ กูรักมึงจริงๆชานยอล กูรักมึงคนเดียวอ่ะ ฮือ....


    แต่มึงมีอะไรกับคนอื่น มึงรู้ไหมว่าไอ้คริสเป็นเพื่อนสนิทกู มึงคบทั้งกูและเพื่อนกูเนี่ยนะ! แบบนี้จะให้กูคิดว่ามึงรักกูจริงๆหรอ?”


    ก็มึงแอบไปยุ่งกับลู่หานกูไม่ชอบ! ฮึก... มึงมีกูแต่มึงยังสนใจมันอย่าคิดว่ากูไม่รู้นะชานยอล

     

    ชานยอลปล่อยมือเล็กให้เป็นอิสระยามสิ้นเสียงหวาน เดินโซเซไปทิ้งกายนั่งลงที่เตียงนุ่มกุมขมับตัวเองคล้ายมีส่วนผิดในเรื่องดังกล่าว



    กูสนใจลู่หานจริงกูไม่ปฏิเสธ แต่...กูไม่เคยมีอะไรกับใครเหมือนอย่างที่มึงทำนะแบคฮยอน

    เสียงทุ้มอ่อนลงอย่างชัดเจน น้ำตาลูกผู้ชายคล้อยลงตามเรียวหน้าพร้อมทั้งเสียงสะอื้นไห้ที่เล็ดลอดมาให้ได้ยิน ชานยอลตั้งตัวไม่ทันกับเรื่องราวที่เกิดขึ้น อยู่ๆก็มาให้ทุกอย่างมันกำลังจบลงในวันเดียวกัน ไม่เคยคิดว่าก่อนว่าจะใช้แฟนร่วมกับเพื่อน และเขาเองเคยสนใจลู่หานจริงเพราะอีกคนน่ารักทั้งดึงดูด ไม่เคยคิดว่าจะทำให้เพื่อนเขาแตกคอจนกลายเป็นเรื่องเครียดแค้นบานปลายเช่นนี้

     
     

    ลู่! มึงออกไปจากบ้านกูเดียวนี้ ฮึก... เพราะมึงชานยอลถึงเข้าใจกูผิด!”

    เสียงโวยวายยังคงไม่ลดละ แบคฮยอนชี้นิ้วสั่งลู่หานตัวสั่นเทา เกลียดแล้วเกลียดเลยคงจะให้เป็นเหมือนเดิมไม่ได้อีก


    มึงอย่ามาหลอกตัวเองแบค นอกจากพี่คริสมึงยังมีคนชื่อเทาอีก มึงไปบอกมันด้วยนะว่าให้เลิกยุ่งกับกูสักที!”


    ลู่หาน! มึงมันเลว มึงทำกับเพื่อนมึงแบบนี้เหรอ?”


    หึ! มึงเห็นกูเป็นเพื่อนด้วยเหรอตลกไปหรือเปล่า กูต้องอยู่อย่างคนไร้ค่าตั้งกี่ปีเพราะไม่มีคนคบ ถ้ากูเลวที่เปิดเผยสันดานมึงให้คนอื่นรู้ มึงคงโคตรเลวที่ทำให้กูอยู่อย่างทรมานอย่างทุกวันนี้เหมือนกัน ต่างกันตรงไหนก็เลวพอกันล่ะวะ!”



    ลู่หานใจเย็นก่อน

    จงอินรีบเดินเข้าไปกอดคนตัวเล็กจากทางด้านหลัง พยายามให้ลู่หานอ่อนลงเพราะยังไงตอนนี้ดูก็รู้ว่าแบคฮยอนพ่ายแพ้เสียราบคาบ


    ปล่อยผมนะ! มันเลวขนาดนี้พี่ยังให้ผมใจเย็นได้หรอ? พี่คริสเป็นคนดีต้องมาหลงความสกปรกจากมัน ผมจะโดนข่มขืนไม่รู้กี่รอบเพราะมันจิกผมไม่เลิก วันนี้ถ้ามันไม่จบผมก็ไม่ยอมเหมือนกัน!”

    ลู่หานสะบัดร่างออกจากอ้อมกอดแกร่ง เขม่นอดีตเพื่อนสนิทด้วยความโกรธ ไหล่บางกระเพื่อมขึ้นลงเกือบจะถึงขีดสุดของความอดทน ไม่เลิกลามีแต่จะยืดเยื้อ ลู่หานพร้อมจบทว่าอีกคนไม่จบเขาจะไม่ไปไหน

     

     

    หึ! แต่พี่คริสบอกกูนะว่าได้มึงแล้ว

    อยู่ๆแบคฮยอนพลันคิดถึงเรื่องที่ทำให้เขาอยู่เหนือกว่า ลู่หานหันขวับไปมองคนพูดทันทีทั้งขมวดคิ้วมุ่น คริสและอี้ชิงเองที่ได้รับฟังก็ถึงกับอึ้งตัวชาวาบไปทั่วทั้งร่าง หัวใจหล่นวูบไปอยู่ที่พื้นไม่เป็นชิ้นดี ลมหายใจติดขัดเพราะสิ่งต่อไปนี้มันกำลังจะทำให้ทุกอย่างเลวร้ายยิ่งขึ้นกว่าเดิมถ้าลู่หานได้รับรู้มัน

     
     

    มึงหมายความว่ายังไงแบค?”

    อะไรกัน? นี่มึงโดนหลายคนจนจำอะไรไม่ได้เลยหรือ พี่คริสบอกกูว่าได้มึงแล้วนะ หึ!” หัวเราะในลำคอแบคฮยอนจึงเค้นยิ้มหยามเหยียด


    มึงเข้าใจผิดแล้ว กูกับพี่คริสไม่เคยมีอะไรกัน



    ไม่ใช่มึงแล้วจะเป็นใคร?!”

     

    สิ้นเสียงตะโกนของแบคฮยอนความเงียบพลันเข้าปกคลุมในทันที  อี้ชิงยืนนิ่งหัวใจหล่นวูบพร้อมแตกสลายเป็นเศษเล็กเศษน้อย เพราะความลับที่เก็บไว้มานานมันกำลังจะเผยจนหมดเปลือกในวันนี้ สิ่งที่นึกกลัวทุกคนจะได้รับรู้ รู้ว่าเขาไม่สะอาด ไม่บริสุทธิ์ ไม่ใช่อี้ชิงอย่างที่ใครๆเห็น



    พี่คริส....หมายความว่ายังไงครับ?” ลู่หานหันไปถามคริสพลันเหลือบมองพี่ชายหน้าหวานที่ตอนนี้ยืนนิ่งน้ำตาคลอ เขาขอให้อย่าเป็นอย่างที่คิด อย่าเป็นอี้ชิงลู่หานภาวนา

     
     

    ไม่มีใครทั้งนั้น พ...พี่โกหกแบคฮยอน พี่ไม่ได้ทำตามที่เขาสั่ง

    ใบหน้าหล่อก้มลงกุมแผลตัวเองที่คล้ายจะปริเพราะโดนชานยอลทำร้าย ไม่กล้าหันมองอี้ชิงเมื่อความผิดในตอนนี้มันย้ำเตือนให้คริสไม่มีสิทธิ์ใดๆทั้งสิ้น มันจบแล้ว จบที่ตรงนี้เพราะคริสจะไม่ทำให้อี้ชิงเดือนร้อนใจอีก


    พี่คริส! ไหนว่าพี่จัดการลู่หานให้ผมยังไงล่ะ?” คนต้นเรื่องเหวลั่น คริสทำได้แค่นิ่งจ้องมองแบคฮยอนที่ยังหน้าด้านกล้าพูดเรื่องพักนี้อยู่ดี ตัวเองเป็นคนผิดแท้ๆทำไมถึงยังไม่สำนึก



    แล้วนายบอกพี่ได้ไหมล่ะ ว่าทำไมต้องหลอกใช้พี่?



    ผมไม่สน ผมเกลียดลู่หาน ผมเกลียดมัน!”



    สิ้นเสียงแบคฮยอนลู่หานก็ถึงกับควบคุมตัวเองไว้ไม่อยู่ ปรี่เข้าหาอีกคนทันทีจนจงอินยังคว้าไว้ไม่ทันการณ์

    มือเล็กกระชากคอเสื้ออดีตเพื่อนจนยานคล้อยและขาดวิ่น ปล่อยหมัดใส่แบคฮยอนอย่างเหลืออดเหลือนทน ลู่หานในตอนนี้ช่างขาดสติไม่มีสัมปชัญญะ ไร้ภาพน่ารักเฉยชาที่เคยได้พบเห็น ใบหน้าขาวแดงจัดเพราะความโกรธที่มีในอกมันเดือดปุด สองมือคว้าหมับเข้าที่ลำคอเพื่อน บีบเค้นแค้นเคืองเพราะสุดจะทนกับการกระทำแสนต่ำช้า รู้ดีว่าคริสโกหกเพื่อปกป้องอี้ชิง รู้ดีว่าในตอนนี้พี่ชายหน้าหวานให้กายกับคริสไปแล้วลู่หานไม่ได้โง่



    ลู่หานหยุดเดี๋ยวนี้นะ มีสติหน่อย!”

    อี้ชิงรีบวิ่งเข้ามาห้ามน้องชายก่อนจะฆ่าแบคฮยอนให้ขาดลมหายใจ ลู่หานไม่เคยเป็นแบบนี้ น่ากลัวเสียอี้ชิงเองยังนึกเกรง


    อย่ามายุ่ง! ฉันทนไม่ไหวแล้ว ไม่มาเป็นฉันไม่รู้หรอก ฮึก...แนวฟันสวยขบกัดริมฝีปากล่างบีบคออีกคนแน่น  สะบัดอี้ชิงให้พ้นทาง ในตอนนี้ไม่ว่าใครก็ไม่สามารถหยุดลู่หานได้


    แบคฮยอนตาลอยเพราะอ๊อกซิเจนในกายกำลังจะหมดไป ดิ่นพล่านพยาพยามดึงมือของลู่หานให้ออกห่าง แต่เพราะโทสะที่มีสูงทำให้แบคฮยอนทำอะไรไม่ได้ แข้งขาอ่อนยวบพร้อมทรุด ใบหน้าไร้สี เหลืองซีดไม่มีเลือดล่อเลี้ยง


    ลู่หานฉันบอกให้หยุด! หยุดเดี๋ยวนี้


    ก็บอกว่าอย่ามายุ่งไงล่ะอี้ชิง อย่าทำตัววุ่นวายได้ไหม! นายไม่ใช่แม่ฉันนะ

     


     

    เพียะ!

     

     

    เสียงฝ่ามือกระทบใบหน้าทำให้ทั้งห้องเงียบลงอีกครั้ง คริสที่นั่งก้มหน้าในตอนแรกพลันเงยขึ้นทันทีทั้งเบิกตาโพลง

     

    แบคฮยอนล้มลงไปนั่งที่พื้นห้องหอบหายใจรวยริน ยกมือกุมที่ต้นคอของตัวเอง คล้ายสติกำลังจะดับเพราะลู่หานกะฆ่าเขาให้ตายก็ไม่ปราน ไม่มีคนเหลียวแลแม้กระทั่งชานยอลเองก็ยังไม่คิดจะสนใจ

     

     

    เลิกบ้าสักทีลู่หาน! มีสติหน่อยได้ไหม? ถ้าแบคฮยอนเป็นอะไรขึ้นมาจริงๆนายจะทำยังไง?”


    ลู่หานนิ่งอึ้งหยุดการกระทำเพื่อเรียกสติตัวเองมองอี้ชิงน้ำตานองหน้า ครั้งแรกเมื่อความอ่อนโยนที่เคยได้รับในตอนนี้ลู่หานไม่ได้รับมันอีกแล้ว อี้ชิงตบหน้าเขาให้อับอายต่อสายตาทุกคน ลู่หานกำมือแน่นจนเผยให้เห็นเส้นเลือดผุดขึ้นเป็นสาย ไหล่บางไหวผะแผ่วควบคุมตัวเองอย่างถึงที่สุด ผ่อนลมหายใจพรั่งพรูหนักหน่วงและร้อนผ่าว ส่งสายตาตัดพ้อพี่ชายที่ร้อยวันพันปีไม่เคยปฏิบัติกับเขาแบบนี้ ทว่าเมื่อครู่มันอะไรกัน

     

     

    อี้ชิง....


    ล...ลู่หาน ค...คือฉัน...

    เหมือนจะรู้ว่าตัวเองทำอะไรลงไปอี้ชิงเพิ่งนึกขึ้นได้ เห็นน้องชายมองมาแบบนั้นราวว่าจะผิดหวังทำเอารู้สึกไม่ดีขึ้นมาในอก คล้ายกริชแหลมคมกรีดลึกให้ถึงทรวง มองมือตัวเองไม่อยากจะเชื่อกับการกระทำ อยากจะขอโทษแต่คงไม่ทันจะได้เอ่ยมันให้อีกคนได้ฟังอย่างที่ใจหวัง

     
     

    ลู่หานรีบรุดสะบัดร่างเดินออกจากห้องแบคฮยอนไปอย่างรวดเร็ว วิ่งออกจากบ้านโดยมีจงอินวิ่งตามไปไม่ห่าง ทิ้งให้อี้ชิงกุมขมับตัวเองด้วยความหงุดหงิด หยาดน้ำสีใสร่วงแหมะลงบนพื้นยามก้มหน้าหลบซ่อนมัน ค่อยๆสาวเท้าเพื่อจะหนีออกจากที่นี่ กลับบ้านของตัวเองเพราะไม่อาจหน้าด้านหน้าทนยืนอยู่ที่เดิม แค่จะยกเท้าก้าวเดินยังไม่มีเรี่ยวแรง ลู่หานหนีไปแล้วเขาจะทำอย่างไรดี อีกครึ่งชีวิตของเขากำลังจะจากไป

     


     

    อี้ชิง....

    คริสเดินตามอีกคนมาไม่ห่างด้วยความเป็นห่วง ใบหน้าหล่อขาวเผือดซีดเซียวยิ่งกว่าตอนแรกเป็นเท่าตัว เอื้อมมือหมายจะรั้งอี้ชิงไว้ ทว่าอีกคนกลับสะบัดมือหนีทำท่ารังเกียจให้สำเหนียกตัวเอง



    อย่ามายุ่ง! ฮึก...


    อี้ชิง ฉัน... ฉันขอโทษใบหน้าหล่อก้มลงมองพื้นอย่างรู้สึกผิด มือหนากุมห้ามเลือดที่แผลสดไม่ทันให้อี้ชิงได้สังเกตมัน


    ฮึก...เลิกขอโทษสักที คำขอโทษไม่ว่าจะเป็นร้อยเป็นพันครั้งมันก็ไม่มีความหมาย มันสายเกินแก้แล้วนายเข้าใจไหม? ฮึก...


    ฉัน...


    พอสักทีเถอะคริส! ฮึก...เลิกได้ไหม? อย่ายุ่งกับชีวิตฉันอีก ขอให้ฉันได้อยู่อย่างคนปกติ ถ้ายังมีนาย...ชีวิตฉันจะไม่มีความสุขอีกเลย

     

    พูดแค่นั้นกายบางพลันหันหลังกลับยกมือขึ้นปาดน้ำตาบนใบหน้า สาวเท้าก้าวเดินไม่ได้รู้เลยว่าคนเบื้องหลังเจ็บปวดมากแค่ไหน อี้ชิงไม่มีโอกาสให้สำหรับคริส ต่อให้ทำดีตายใจยังไงก็ไม่มีทางอ่อนลง คำว่าเหนื่อยไม่รู้จะบรรยายยังไงให้เข้าใจ  ยิ่งกว่าเหนื่อย ยิ่งกว่าทุกข์ระรมเหมือนตายทั้งเป็นก็ไม่ปราน  วูบนึงในความคิดคืออยากจะหายไป หากแต่ภาพของน้องชายมันฉายย้ำเตือนว่าไม่ควรทำ ถ้าเขาจากไปแล้วลู่หานจะอยู่ยังไง เหงามากไหมถ้าอี้ชิงไม่อยู่บนโลกใบนี้แล้ว....

     



     

    ฟุบ!

     

     

    เสียงด้านหลังทำให้เท้าเล็กชะงักกึกหยุดฟัง หันกลับไปมองอีกทีก็พบว่าคนตัวสูงไร้สติดับวูบลงไปนอนกองกับพื้น ในมือหนาเต็มไปด้วยเลือดเปรอะเปื้อนแดงฉาน อี้ชิงหงุดหงิดที่สุดท้ายก็ต้องวิ่งกลับไปหาอีกคนอยู่เช่นเคย

     

     

    ....เหมือนยิ่งพยายามจะตีจาก ทว่ามันคล้ายให้ทุกอย่างใกล้กันขึ้นเรื่อยๆ....

     

     

    หมดหนทางอี้ชิงจำต้องพาคริสมาที่บ้านไม่มีทางเลือก เห็นจงอินและสองสหายในชุดนอนรออยู่ที่หน้าบ้านจึงร้องเรียกขอความช่วยเหลือให้พาคนตัวสูงลงจากรถแท็กซี่แล้วแบกขึ้นไปยังห้องนอน



    ลู่หานอ่ะจงอิน?”

    ประโยคแรกที่เอ่ยถามคือความเป็นห่วงน้องชายที่เขาทำให้ต้องผิดหวัง นัยน์ตาคู่กลมวูบไหวเล็กน้อย แต่นั่นเห็นจงอินชี้นิ้วไปยังห้องนอนของเจ้าตัวทำให้อี้ชิงหายกังวลเพราะอย่างน้อยลู่หานก็กลับมาที่บ้านไม่ไปไหนไกล


    ตั้งแต่กลับมาก็เอาแต่อยู่ในห้อง ต้องปล่อยให้อยู่กับตัวเองไปก่อน ดีขึ้นคงพูดคุยกันได้ ยังไงเดี๋ยวฉันจะดูให้อีกแรงนะ นายไปดูแลพี่คริสเถอะ เลือดไหลไม่หยุดจะเป็นอันตรายเอา

    พูดแค่นั้นจงอินก็ทำท่าจะเดินออกจากห้องของอี้ชิง ทว่าคำถามที่ส่งมาจากเพื่อนหน้าหวานทำให้เขาไม่อาจก้าวเท้าไปไหนได้อีก


    นายชอบลู่หาน?” อี้ชิงไม่อ้อมค้อมเอ่ยตรงๆ ไม่ใช่ไม่รู้หากแต่ยังไม่มั่นใจเสียทีเดียว



    เปล่า! มันไม่ใช่แค่ชอบ แต่ฉันรัก รักน้องชายนายอี้ชิง

    นัยน์ตาคู่คมฉายแววจริงจังให้คนตรงหน้าได้รู้มัน ให้อี้ชิงรู้ว่ากับลู่หานจงอินไม่ได้แค่เล่นๆ จะบอกคงไม่เชื่อเพราะเขาเองรู้สึกดีตั้งแต่ยังไม่เจอหน้ากันเสียด้วยซ้ำ

    และนั่นอี้ชิงก็นึกแปลกใจ ไปพบกันตอนไหนถึงเกิดความรู้สึกแบบนี้ได้ ทั้งที่คิดว่าจงอินเพิ่งจะเจอกับลู่หานครั้งแรกในวันนี้เสียด้วยซ้ำ



    นายกำลังทำให้ฉันผิดหวังนะจงอิน

    สายตาตัดพ้อทำให้จงอินพูดอะไรแทบไม่ออก คิดไว้อยู่แล้วว่าอี้ชิงต้องไม่ยอม แต่นั่นหัวใจที่มันดังโครมครามอยู่ข้างในใครจะห้ามได้หรือ


    ฉันขอโทษอี้ชิง รู้ว่านายหวงน้องมากแค่ไหน ไม่คิดว่าจะรัก...แต่ก็รักไปแล้วจะให้ทำยังไง


    นายคิดว่าจะรับมือลู่หานอยู่เหรอ? รายนั้นถ้าไม่พอใจก็โวยวายเกรงใจใครเสียที่ไหน เพราะไม่อยากให้น้องชายเสียใจ ฉันถึงไม่เคยปล่อยให้ใครต้องดูแล

    ลองให้ฉันได้ดูแลสิอี้ชิง จะไม่ทำให้ผิดหวังเลยสัญญา" จงอินจริงจังเป็นเท่าตัวจากในตอนแรก แววมุ่งมั่นทำให้อี้ชิงส่ายหน้าใจอ่อนยวบไม่เป็นท่า

     

    ถ้ามั่นใจว่ารักลู่หานจริงก็ฝากด้วยแล้วกัน เพราะเป็นจงอินฉันถึงฝากฝังถ้าเป็นคนอื่นคงไม่ยอมแน่ๆ
     

    พูดเสร็จก็ยิ้มให้ทำเอาจงอินโล่งอกโล่งใจแล้วหายออกจากห้องทันที ในขณะเพื่อนอีกสองคนได้แต่ยืนอึ้งกับเรื่องราวที่ชวนปวดหัว ก่อนอี้ชิงจะเดินไปยังเตียงที่มีร่างของใครบางคนนอนอยู่

    อี้ชิงจัดการถอดเสื้อเชิ๊ตเปื้อนเลือดของคริสให้พ้นทาง เดินไปเอาผ้าชุบน้ำมาเช็ดคาบเลือดที่เปรอะเปื้อนส่งกลิ่นคาวคละคลุ้งจากร่างกายของอีกคนพร้อมทำแผลให้

     
     

    นายเป็นอะไรกับพี่เขาเหรออี้ชิง?” เงียบมานานซิ่วหมินจึงเอ่ยถามอย่างกล้าๆกลัวๆ อี้ชิงเองได้ฟังก็ถึงกับชะงักไปเล็กน้อย ทว่าเข้าใจที่เพื่อนถาม เพราะเป็นใครไม่วายต้องสงสัยเช่นนี้ไม่ต่างกัน

    ก็แค่คนรู้จักน่ะตอบแค่นั้นก็ค่อยๆบรรจงเช็ดร่างกายและรอบบาดแผลให้กับคริสที่นอนหน้าซีดหายใจผะแผ่วให้เป็นห่วง


    “………..”


    ซิ่วหมินกับเซฮุนไปนอนเถอะ เดี๋ยวตรงนี้ฉันจัดการเอง

    อี้ชิงตัดปัญหาเพราะรู้ดีว่าเพื่อนคงไม่เลิกลาจะสาวความอย่างแน่นอน เซฮุนและซิ่วหมินจึงทำได้แค่เพียงพยักหน้ารับแล้วเดินออกจากห้องไปพักผ่อนร่างกายของตัวเอง

     
     

    คนหน้าหวานฝืนยิ้มเล็กน้อย ก่อนจะหันกลับมาสนใจคนเจ็บตรงหน้าต่อเพราะหลังจากนี้มันคือหน้าที่ของเขาในการดูแลอีกคน ลงมือทำแผลไปม่านตาก็เอาแต่จะลอบมองใบหน้าหล่อโดยไม่ได้ตั้งใจ บังคับไม่ได้จึงนั่งจ้องอยู่อย่างนั้นไม่วางตา ใบหน้าหวานเอียงเล็กน้อย กระพริบตาปริบมองคริสอย่างพินิจพิจารณา จะว่าถ้ามองดีๆหน้าตาแบบนี้ตอนนอนหลับดูไม่แบดบอยเลยสักนิด

     
     

    อี้ชิง

    คนหน้าหวานสะดุ้งเล็กน้อยหันไปมองคนเอ่ยเรียก ก่อนจะเลิกคิ้วเป็นเชิงถามความต้องการ



    มีอะไรจงอิน?”


    ขอคุยด้วยหน่อยว่างหรือยัง?”


    อื้อ


    พยักหน้าให้เพื่อนผิวเข้ม คนตัวเล็กจึงค่อยๆลุกขึ้นยืนแล้วเดินตามจงอินออกไปยังชั้นล่างของบ้าน หย่อนกายนั่งลงบนโซฟา เอนแผ่นหลังพลางคลึงขมับตัวเองแก้อาการเหนื่อยล้า



    อี้ชิง ฉันมีเรื่องจะบอกนาย ไม่รู้ว่าควรจะบอกดีหรือเปล่า แต่ฉันคิดว่านายควรได้รู้มัน

    จงอินไม่รอช้าเอ่ยเข้าเรื่องในทันที อี้ชิงหันมองเพื่อนสนิทพลางขมวดคิ้วมุ่น แต่นั่นยังคงรับฟังอย่างตั้งใจไม่เปล่งวาจา

    “……….”


    แต่...นายสัญญานะว่าจะไม่โวยวายตั้งข้อแม้ให้เพื่อน เห็นอี้ชิงพยักหน้าตอบรับจงอินจึงพูดต่อ


    “…………”

     

    วันนี้ลู่หานไปร้านเหล้านายคงรู้อยู่แล้ว แล้วนายรู้ไหมว่าเกิดอะไรขึ้นกับน้อง?”

    ได้ฟังจงอินพูดทำให้อี้ชิงรู้ได้ว่าเขาลืมถามไถ่เรื่องทั้งหมดที่เกิดขึ้นไปเสียสนิท ทำไมคริสถึงโดนแทงเขาเองก็ลืมถาม ทั้งลู่หานที่ไปโวยวายกับแบคฮยอนนั่นอีกเรื่องมันเป็นมาอย่างไร


    “………” อี้ชิงส่ายหน้าเป็นคำตอบให้เพื่อนสนิท เพราะเขาไม่รู้จริงๆว่าเกิดอะไรขึ้นกับลู่หาน ว่าแล้วก็นึกตำหนิตัวเอง ละเลยการดูแลเอาใจใส่อีกคนจนไม่น่าให้อภัย เขาเป็นอะไรไปทำไมช่วงนี้ถึงคล้ายว่าไม่ได้เป็นตัวของตัวเองเลย


    ตอนแรกฉันเข้าใจผิดระหว่างพี่คริสกับลู่หานถึงความสัมพันธ์ของทั้งคู่ ฉันเห็นพี่คริสกับลู่หานกอดกันที่ลานจอดรถ เสื้อผ้าก็หลุดลุ่ย ฉันเจ็บปวดมากและตำหนิเขาไปเสียๆหายๆโดยไม่รู้เลยว่าลู่หานโดนอะไรมาบ้าง ...ที่บ้านของแบคฮยอนฉันจึงรู้ความจริงหมดทุกอย่าง ไม่ใช่ครั้งแรกนะที่ลู่หานเกือบจะโดนขืนใจ หลายวันก่อนฉันเจอลู่หานโดนลากไปทั้งที่ไม่มีทางสู้ ส่วนวันนี้ก็คนเดิมที่พยายามจะทำเรื่องไม่ดีกับเขา

     

    อี้ชิงนั่งฟังเพื่อนผิวเข้มเล่าไปอย่างเงียบๆ ในอกมันแทบจะแตกสลายเพราะเพิ่งรับรู้เรื่องที่ไม่เคยรู้มาก่อน ไม่แปลกถ้าลู่หานอยากจะฆ่าแบคฮยอนให้ตาย เขาเองที่เป็นแพะรับบาปยังเจ็บปวดจนแทบขาดใจ ถ้าเป็นน้องชายเขาแล้วละก็ไม่อยากจะคิดเลย เขาเองคงเจ็บปวดไปด้วยกับอีกคนไม่แพ้กัน



    ............

    ลู่หานเกือบจะพลาดอีกครั้งเพราะวันนี้ตะขอกางเกงเขาถูกปลดฉันเห็นมันกับตา เสื้อเปิดถึงเอวฉันแทบจะทำใจไม่ได้จริงๆจงอินก้มหน้ากุมอกตัวเอง ในตอนแรกเขาคิดว่าลู่หานเต็มใจให้คริส ทว่ารู้อีกทีคือคนน่ารักถูกล่วงเกินจากเทาจนเกือบไม่เหลือความเป็นตัวเอง

     

    อี้ชิงน้ำตานองหน้าไม่โวยวาย เขากำลังช็อคกับเหตุการณ์ที่กำลังประมวลภาพในสมอง ลู่หานเจอเรื่องแบบนี้ทำไมเขาไม่เคยรู้ กี่ครั้งกี่หนที่น้องชายต้องทุกข์ทรมาน ทั้งแบคฮยอนคนที่เคยไว้ใจยังหักหลังทำให้ลู่หานไม่มีคนคบ น้องชายเข้าเก่งที่อดทนมันได้ ถ้าเป็นอี้ชิงคงไม่คิดจะทนมัน


    “…………….”

     
     

    อี้ชิง...วันนี้ถ้าไม่ได้พี่คริสลู่หานก็ไม่รู้จะเป็นยังไงนะ เพราะไม่ทันได้ระวังตัวเขาถึงโดนแทงเจ็บหนัก เห็นแก่ลู่หานก็อย่าใจร้ายกับพี่เขานักเลย ฉันไม่ถามหรอกว่าระหว่างนายกับพี่คริสมันเกิดอะไรขึ้น  ฉันไม่รู้อะไรสักอย่าง แต่ถ้าลู่หานพูดมาเองว่าพี่เขารักนายฉันก็พอจะมั่นใจได้ ถ้าลู่หานบอกว่าพี่เขาเป็นดีฉันก็เชื่อ เพราะวันนี้พี่เขาเป็นคนช่วยลู่หานไม่ให้โดนไอ้เลวนั่นขืนใจ เขาจิตใจดีกว่าที่คิดนะ

    นัยน์ตาคู่หวานเบิกโพลงเมื่อรับรู้ความเป็นไปเป็นมาของบาดแผลที่ฝังอยู่ในเรือนร่างคนตัวสูง อี้ชิงไม่เคยรู้อะไรสักอย่าง แต่นั่นเขาจะให้อภัยคริสได้หรือ จงอินยังไม่รู้ว่าอีกคนทำอะไรเขาไปบ้าง เจ็บมาเยอะเหมือนกันที่ผ่านมา และในตอนนี้เขาก็ถือว่าติดหนี้บุญคุณคริสอยู่ เพราะถ้าเป็นเรื่องของลู่หานแล้ว อี้ชิงยอมเพื่อน้องได้ทุกอย่าง


    ฉันเข้าใจแล้วจงอิน ตอนนี้นายคงเหนื่อยมากไปพักผ่อนเถอะ ฉันก็จะเข้านอนแล้วเหมือนกัน

    มือบางปาดน้ำตาบนใบหน้า ลุกยืนพลันเดินขึ้นไปยังห้องนอนทั้งความคิดมากมายในหัวสมอง เปิดประตูได้อี้ชิงก็ต้องชะงักอีกระลอกเมื่อเห็นคนเจ็บนั่งที่ปลายเตียงแล้วก้มหน้านิ่งอยู่เงียบๆ



    อ...เอ่อ...


    ขอโทษที่เป็นภาระอีกแล้วเสียงทุ้มเอ่ยพูดผะแผ่ว ค่อยๆหยัดกายลุกขึ้นยืนอย่างยากลำบาก จะล้มแลไม่ล้มแลจนอี้ชิงต้องรีบปรี่เข้าไปช่วยประคองด้วยความเห็นห่วง

    จะไปไหนอีก เลือดไหลไม่หยุดแล้วเห็นไหม?” อี้ชิงตัดพ้ออีกคนที่ฝืนตัวเองทั้งที่เจ็บหนัก รู้ว่าไม่ไหวสังขารไม่ให้แล้วยังจะอวดเก่งอีก

    นายบอกให้เลิกยุ่งฉันก็จะเลิก อย่าทำแบบนี้เลยฉันจะตัดใจจากนายไม่ได้นะอี้ชิง คิดว่าจะปล่อยนายไปแล้ว ชีวิตนายจะได้มีความสุขอย่างที่ต้องการ

    มือบางพลันไร้เรี่ยวแรงยามได้ยินเสียงทุ้มเอ่ยคล้ายเจ็บปวดอย่างถึงที่สุด อี้ชิงทิ้งสองมือไว้ข้างกายมองคริสด้วยสายตาวูบไหว ทุกอย่างมันบ่งบอกว่าคริสเเคร์เขายิ่งกว่าใคร อี้ชิงต้องการแบบไหนคริสก็จะทำให้ถึงแม้ไม่ได้อยากจะเดินจากไปเลยก็ตาม

     
     

    ... ดึกแล้วนอนที่นี่แหละ เห็นฉันเป็นคนใจยักษ์ใจมารหรือยังไงกัน แล้วพรุ่งนี้อยากไปไหนก็ไปฉันจะไม่ห้าม!”

    พูดเองเจ็บเองอี้ชิงกำลังรู้สึก ไม่รู้ว่าทำไมคำพูดทุกคำมันตอกย้ำให้เขาพ่ายแพ้ คริสเป็นแบบนี้เขาก็เห็นใจ อีกคนช่วยเหลือน้องชายเขาเองไม่อยากติดหนี้บุญคุณ


    มือหนาค่อยๆออกแรงรั้งกายสูงให้ไปทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงเหมือนเดิม ส่งสายตาเขม่นจ้องมองเป็นนัยๆว่าไม่ให้ขัดขืน ก่อนจะเดินไปเลือกเสื้อผ้าในตู้เพื่อให้อีกคนสวมใส่แทนชุดตัวเดิมที่เปื้อนเลือด


    นี่เสื้อผ้าฉันเอง ฉันเช็ดตัวให้แล้วนายเปลี่ยนมันเลยก็ได้ยื่นเสื้อผ้าให้อีกคน เห็นท่าทางเก้ๆกังที่จะรับ อี้ชิงจึงจัดการยัดใส่มือให้คริสไปทันที


    ขอบคุณนะ


    คริสเดินเข้าห้องน้ำไปเปลี่ยนเสื้อผ้าไม่นานก็ออกมา มือหนายกขึ้นลูบท้ายทอยแก้เก้อไม่รู้ว่าอี้ชิงจะให้เขาไปนอนที่ไหน กลิ่นหอมจากเสื้อผ้าคนตัวเล็กที่สวมใส่ท่าจะทำให้หลับฝันดี กลิ่นนี้คริสจำได้เพราะติดตัวอีกคนอยู่ตลอด


    นอนเถอะดึกมากแล้วเสียงหวานเอ่ยสั่ง คริสเองยังคงไม่เคลื่อนย้ายร่างกายไปไหน หันซ้ายแลขวาเกาศีรษะไม่รู้ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร


    “…………….”

    นอนดิ ไม่นอนหรอ?” คนบนเตียงที่พร้อมจะล้มหายลงนอนหันมาถามคริสอีกครั้ง


    เอ่อ...มีที่นอนให้ฉันสักชุดไหมอ่ะ?”


    นายจะเอาไปทำไม?”


    คือนอนที่พื้นมันเย็น ฉันเกรงว่าจะนอนได้ไม่ถึงเช้า


    ใครจะให้นายนอนพื้นกัน นอนบนเตียงสิขึ้นมามือบางตบปุลงยังที่นอนด้านข้างกาย ทำเอาคริสถึงกับแปลกใจที่อี้ชิงไม่ระแวงเขาเหมือนเมื่อก่อน

    นายไว้ใจฉันหรือยังไง?” คริสเอ่ยถาม อี้ชิงชะงักไปเล็กน้อย หากแต่กลับทำเหมือนว่าไม่สนใจกับสิ่งที่อีกคนพูด

    ถ้าอยากยืนอยู่ตรงนั้นก็ตามใจ ฉันจะนอนแล้ว

    ไม่ตอบคำถาม อี้ชิงพลันทิ้งหัวลงกับหมอนแล้วพลิกตัวหันหลังให้คนที่ยืนข้างเตียง คริสทำอะไรไม่ได้ในเมื่ออี้ชิงยอมให้ขนาดนี้เขาก็ไม่ปฏิเสธความหวังดี ค่อยๆสาวเท้าขึ้นบนเตียง สอดตัวเบาๆเข้าในผ้าห่มแล้วล้มตัวลงนอนข้างอีกคน ไม่ลืมปิดโคมไฟที่หัวเตียงเพื่อปิดฉากค่ำคืนแสนทุกข์ระทมมาทั้งวัน แต่ทว่ามันจะจบอยู่เพียงแค่นี้หรือ ในเมื่อเขาไม่อาจข่มตาให้หลับได้ คนหน้าหวานที่นอนข้างกันทำให้คริสขวัญหนีดีฝ่ออยู่ตลอด เกิดไม่รู้ตัวทำเรื่องไม่ดีขึ้นมาจะว่ายังไง


    ทำไมต้องใจดีกับฉันหื้มอี้ชิง? ยิ่งนายเป็นแบบนี้ฉันยิ่งเจ็บปวดตัดสินใจพูดให้อีกคนได้ยินเพราะคริสเองอยากรู้มันเหมือนกัน ไม่มีแววว่าอี้ชิงจะให้อภัยเขาสักนิด ทว่าตอนนี้กลับไม่คิดจะขับไส่ไล่ส่งมันเกิดอะไรขึ้น

     

    ฉันก็ดีกับทุกคน ไม่ร้ายใส่ฉันก่อนฉันก็ไม่เคยใจร้ายกับใครอี้ชิงลืมตาในความมืดตอบอย่างที่ใจคิด บางทีได้พูดคุยอย่างนี้มันอาจจะทำให้เขาหายอึดอัดก็เป็นได้

     

    เวลาผ่านไปความเงียบเข้าปกคลุมอีกครั้งเมื่อบทสนทนาไม่เดินหน้าไปไหน ก้อนเนื้อในอกซ้ายเอาแต่เต้นโครมครามส่งเสียงดังกลัวว่าคนด้านข้างจะได้ยินมัน

     
     

    สิบนาที....

    สิบห้านาที....

    เกินครึ่งชั่วโมงก็แล้ว....

     

    คริสไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยแม้แต่น้อย เหลือบมองคนหน้าหวานก็เห็นว่านอนหันหลังให้กันอยู่เหมือนดั่งในตอนแรก ได้ยินเสียงลมหายใจที่ผ่อนเข้าออกเป็นจังหวะคริสบอกเลยว่าอึดอัดมากที่สุด จะกลืนน้ำลายให้ลงคอทียังไม่กล้าทำเสียด้วยซ้ำ บาดแผลจากการถูกทำร้ายก็เจ็บแสนเจ็บ จะร้องโอดโอยเกรงว่าจะเป็นการรบกวนอีกคนให้ตื่นขึ้นมา จึงทำได้แค่นอนเปิดเปลือกตานิ่งท่ามกลางความมืดมิดที่เงียบสงัด

     

     

    เฮ้อ! / เฮ้อ!”

    เสียงถอนหายใจที่ดังออกมาพร้อมกันทำให้คนทั้งคู่หันมาสบมองจ้องตาในทันที คล้ายต่างคนต่างนอนไม่หลับ คริสกระแอมเล็กน้อยเพราะในตอนนี้รู้ตัวได้ว่ากำลังจดจ้องใบหน้าหวานของใครอยู่ ถึงจะอยู่ในความมืดหากแต่อีกคนก็น่ารักตรึงใจให้ในอกมันสั่นไหวได้เป็นอย่างดี

     

    คริสเองคงยังไม่รู้ว่าอี้ชิงไม่ได้ต่างกัน คนหน้าหวานไม่ปฏิเสธว่าแสนจะอึดอัดที่มีอีกคนนอนร่วมเตียงเดียวกับเขาทั้งที่ไม่น่าจะเป็นไปได้ อี้ชิงไม่ได้ใจร้ายนี่นาใยจะกล้าขับไสไล่ส่งคนเจ็บให้ไปนอนที่อื่น คริสในตอนนี้มีพระคุณกับลู่หานที่ได้ขึ้นชื่อว่าเป็นน้องชาย มันคงจะดีถ้าเขาได้ตอบแทนสิ่งเล็กๆน้อยๆให้อีกคนบ้าง แต่นั่นก็ใช่ว่าจะใจอ่อนให้เพราะเรื่องบางเรื่องมันทดแทนความผิดไม่ได้เลยจริงๆ

     
     

    อ...เอ่อ นอนไม่หลับเหรอ?” เสียงหวานเอ่ยถามพลางค่อยๆพลิกร่างให้นอนหงายแหงนหน้ามองฝ่าเพดานห้อง ได้ยินเสียงถอนกายใจของอีกคนดังพร้อมๆกันก็รู้ได้ว่าคงหนักอกหนักใจ

    อืม เจ็บแผลด้วยต่างที่ด้วยเลยนอนไม่ค่อยหลับ แล้ว...นายทำไมยังไม่นอน? นึกว่าหลับไปแล้วซะอีก

    กังวลเรื่องของลู่หานน่ะไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมถึงต้องบอกให้อีกคนรับรู้ แค่ส่วนหนึ่งที่ทำให้อี้ชิงนอนไม่หลับก็คือเรื่องของน้องชาย แต่เหนือสิ่งอื่นใดมันไม่พ้นคนที่นอนอยู่ข้างกายกันในตอนนี้ที่ทำให้เขาไม่สงบใจหลับตาสนิทได้

    ฉ...ฉันขอโทษ...อีกครั้งที่คริสเอ่ยคำพูดสั่นคลอนหัวใจของคนหน้าหวาน หลายหนกับประโยคขอโทษขอโพยที่ทำให้อี้ชิงอ่อนยวบได้อยู่เรื่อย



    “………….”

    คนตัวเล็กเอาแต่เงียบไม่เอ่ยวาจาใดๆอีกเลย แพขนตาสวยกะพริบปริบไล่หยาดน้ำตาที่กำลังจะเอ่อไหลออกมายามได้นึกถึงเรื่องราวต่างๆที่ผ่านพบเจอ



    ค...คือ ฝันดีนะ

    คริสเอ่ยตัดบทฉับพลันพร้อมกับเปลือกตาหนาที่ปิดลง ความเงียบงันที่อี้ชิงมอบให้รู้ดีว่าคำขอโทษคงไม่มีความหมาย แต่ความจริงใจของเขาก็อยากให้คนหน้าหวานได้รับรู้มันบ้าง ไม่ต้องรักกัน ไม่ต้องใจดี ไม่ต้องให้อภัยก็ได้ ขอแค่อีกคนได้รับรู้ทุกสิ่งทุกอย่างที่เขาพยายามสื่อส่งไปให้ก็เพียงพอ



    “………”


    อี้ชิงแทบจะกลั้นเสียงสะอื้นไว้ไม่อยู่ นัยน์ตาคู่กลมกะพริบไม่กี่ครั้งหยาดน้ำไร้สีพลันไหลลงจากหางตาอย่างไม่เข้าใจตัวเอง คล้ายว่าจะใจแข็งได้ แต่แล้วทำไม...คำพูดของอีกคนที่เอ่ยออกมาแต่ละคำถึงได้เริ่มมีอิทธิพลกับคนอย่างเขามากขึ้นทุกที

     


     

    …ERROR…






     

    สิบสองวันล่วงเลยผ่าน

    สิบสองวันที่ลู่หานไม่ยอมปริปากพูดกับอี้ชิง

    สิบสองวันที่คริสไม่มาให้เห็นหน้า

    และสิบสองวันที่ไม่มีความสุขเข้ามาให้ได้เฉยชม

     

     

    อี้ชิงกำลังสับสนทั้งยังไม่เข้าใจตัวเอง เพียงเพราะไม่เห็นใครคนนั้นที่มหาวิทยาลัยหัวใจมันรู้สึกแกว่งแปลกๆ คล้ายว่าไม่ชินหรือก็ไม่รู้ได้ คิดถึงทำไม อยากเห็นหน้าทำไม อีกคนทำร้ายให้ตายทั้งเป็นขนาดนี้ยังไม่เข็ดหลาบ พลักใส่ไล่ส่งเขาเองแท้ๆ อยากให้ไปไกลๆสายตา อีกคนไปแล้วมันควรจะดีใจไม่ใช่หรือยังไง

     

    ตั้งแต่วันที่คนตัวสูงค้างคืนที่บ้าน ตื่นมาในตอนเช้าอี้ชิงก็เห็นแค่ความว่างเปล่าข้างกายกัน มีเพียงกระดาษแผ่นเล็กที่บรรจงเขียนคำขอบคุณและคำขอโทษไว้ให้ดูต่างหน้า ประโยคธรรมดาที่ฟังนับครั้งไม่ถ้วนจนขึ้นใจ ทว่าทำไมอี้ชิงถึงคิดว่ามันเป็นคำบอกลาดีๆนี่เอง

     

     

     

    เฮือก!

     
     

    ปล่อยความคิดมากมายในขณะเดินกลับหอพัก หากแต่พอได้เงยหน้าขึ้นมองทัศนียภาพอีกทีลมหายใจพลันขาดห้วงทั้งร่างกายก็ชาวาบเมื่อเห็นว่าเดินมาประจบกับใครเข้าพอดิบพอดี

     

    อี้ชิงกำลังจะเดินออกจากรั้วของมหาวิทยาลัยหากแต่คริสที่ไม่รู้ว่ามาจากไหนกลับหยุดอยู่ตรงหน้าให้นึกหวั่น วันนี้เซฮุนไม่ได้กลับพร้อมเขาด้วย เพราะรายนั้นมีธุระที่ต้องไปทำต่อจึงทำให้อี้ชิงต้องเดินกลับหอคนเดียว

     

    เท้าสองคู่หยุดยืนอยู่กับที่มองสบตากันราวกับอยากจะหยุดเวลาไว้ที่ตรงนี้ อี้ชิงนิ่ง คริสนิ่ง ทุกอย่างก็คล้ายว่าจะนิ่งตามไปด้วย ความรู้สึกข้างในอกก็เอาแต่โครมครามให้คนทั้งสองได้ฟังจากกันและกัน

     
     

     ...คริสแน่ใจว่ารัก หากแต่อี้ชิงกำลังสับสน….

     
     

    อยากไปส่ง ได้หรือเปล่า?”  เอ่ยพูดไปนัยน์ตาคมก็เอาแต่จดจ้องที่ใบหน้าหวานอย่างรอคำตอบ คริสตัดสินใจแล้ว เขาพร้อมจะเดินหน้าต่อถึงแม้จะเจ็บปวดซ้ำแล้วซ้ำเล่าก็ตาม



    “………..”

    คนหน้าหวานชั่งใจยืนนิ่งครุ่นคิด ถามว่าอึดอัดไหมในตอนนี้มันลดลงบ้างแล้วจากที่รู้สึกในตอนแรก ไม่ปฏิเสธเลยหรอกว่ายามที่ได้เห็นใบหน้าหล่อนั้นเศร้าสร้อยอี้ชิงก็อ่อนยวบอยู่เสมอ



     อี้ชิง....

    เสียงทุ้มเอ่ยเรียกอีกครั้งคนหน้าหวานก็เอาแต่นิ่งไม่พูดจา นัยน์ตาระยับของคนตรงหน้าเหลือบมองคริสเพียงเล็กน้อยก่อนจะหลุบหนีเพราะไม่อยากสั่นคลอน หากแต่นั่นอี้ชิงเลือกที่จะไม่ตอบกลับ เลือกจะไม่ต่อวาจาแล้วสาวเท้าเดินผ่านคริสไปไม่สนใจ

     

     

    ทุกอย่างเข้าสู่ความเงียบถึงแม้ทางกลับหอพักจะวุ่นวายก็ตามที อี้ชิงยังเอาแต่เดินก้มหน้ารู้ดีว่าคริสนั้นสับเท้าตามหลังเขามาไม่ห่าง หงุดหงิดที่เห็นหน้าอีกคนแล้วหัวใจมันเต้นแรงไม่ผ่อนปรน ไม่ได้ต่อว่าไม่ได้สั่งห้ามหากแต่ไม่คิดจะพูดคุย อยากเดินตามก็เดินไปเพราะยังไงแล้วอี้ชิงก็ไม่ใจอ่อนหรอก

     

    ขายาวที่ก้าวเป็นจังหวะพร้อมคนที่เดินนำหน้าก็ได้เพียงแค่จ้องมองแผ่นหลังบางคล้ายใครสักคนที่ไม่มีความสำคัญ อยากเดินเคียงข้างหากแต่ในตอนนี้คงจะได้แต่ฝัน ทำเขาเจ็บเจียนตายยังคิดจะร้องขอ หน้าด้านไม่มีใครเกินคงคริสคนนี้สินะ

     
     

    เดี๋ยวก่อนสิอี้ชิง....

    กำลังจะเดินเข้าหอพักเสียงทุ้มที่เอ่ยเรียกจากทางด้านหลังทำให้คนหน้าหวานต้องหยุดเดิน นิ่งงันไม่หันมองทำได้เพียงแค่เงี่ยหูฟังเท่านั้น



    “………...



    โอกาส! ฉันขอแค่โอกาส มันอาจจะดูเห็นแก่ตัวไปที่ฉันเรียกร้องจากนายอย่างหน้าไม่อาย แต่ฉันอยากแก้ตัวนะอี้ชิง ขอให้ฉันได้ชดเชยกับสิ่งที่ได้ทำกับนายเถอะคริสอ้อนวอนร้องขอ อี้ชิงจึงหันกลับไปมองอีกคนไร้ซึ่งความรู้สึกให้คนตัวสูงต้องเจ็บปวด


    จะชดเชยอะไรไม่ทราบในตอนนี้  สายเกินแก้เพราะทุกอย่างมันไม่มีทางกลับไปเป็นเหมือนเดิมได้อีกแล้ว

    อี้ชิงเค้นยิ้มฝืนมันเพราะไม่ใช่วิสัย แต่นั่นอยากลองเข้มแข็งดูบ้าง อ่อนโยนเกินไปแลดูจะอ่อนแอ อยากลองเลวสักครั้งให้รู้ว่าเขาคนนี้ก็ทำได้

    แล้วนั่น....คริสจะกลับมาทำไมอีก ไหนว่าอยากจะปล่อยเขาไป หายหน้าหายตาเสียหลายวันแล้วก็กลับมาเพื่อร้องขอแค่นี้น่ะหรือ




    มันไม่มีอะไรสายเกินไปหรอกนะอี้ชิง ฉันรักนายใช่ว่าเพิ่งรู้ตัว รู้สึกมานานแล้วหากแค่ไม่มั่นใจ

    อีกครั้งที่คำพูดของคริสทำให้อี้ชิงชาไปได้ทั้งร่าง อย่าเอ่ยแบบนี้อีกได้ไหมขอร้องเพราะหัวใจดวงเล็กมันคล้ายโดนบีบเค้น ที่เห็นก็แค่หน้ากาก เพราะอี้ชิงตัวจริงไม่เคยทำร้ายใครได้ลงคอ อีกคนคงไม่รู้ว่ากว่าจะอดทนได้ขนาดนี้มันไม่ง่าย เขาไม่เคยเป็นตัวของตัวเอง ต้องพยายามแม้ว่าทุกอย่างจะฝืนให้ต้องสู้มัน

     
     

    ...เรื่องของเรามันเป็นไปไม่ได้หรอก การที่เราได้มาพบกันมันเกิดจากความผิดพลาด ...เพราะฉะนั้นต่อจากนี้ก็ต่างคนต่างอยู่จะดีกว่า



    แต่ความผิดพลาดมันทำให้ฉันได้รู้ว่า....ฉันรักนาย!...


    คริสเอ่ยสวนทันทีเพราะยังไงเขาตัดสินใจว่าจะเดินต่อไม่ถอยหลัง ถึงแม้ว่าทำใจให้ปล่อยอีกคนไปแล้ว แต่ความจริงมันย้ำว่าเขาไม่สามารถทนได้ พร้อมเจ็บ พร้อมรับชะตากรรม ขอแค่สักครั้งคือได้เดินเคียงข้างอีกคน


    มันก็แค่ลมปากไม่มีความน่าเชื่อถือ กี่ครั้งกันที่นายร้ายใส่ฉัน ทำดีให้เห็นแค่เพียงนิดแต่ร้องขอกันขนาดนี้มันมากเกินไปหรือเปล่า?”

    อี้ชิงไม่ลดละต่อกลับเพราะความวูบไหวในอกทำให้เขาไม่อาจควบคุมตัวเองได้ ทั้งผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมาก็ลอบมองเขากับคริสด้วยความอยากรู้ นั่นยิ่งทำให้อี้ชิงอยากจะจบเรื่องทั้งหมดให้เร็วขึ้น



    ถ้านายคิดว่าสิ่งที่ฉันพูดมันคือลมปากไม่น่าเชื่อถือ แล้วจะให้โอกาสคนอย่างฉันได้พิสูจน์มันบ้างหรือเปล่า?”

    อี้ชิงถึงกับเหนื่อยใจเพราะคนตัวสูงไม่เลิกลาจะตอแย อยากจะคิดว่าอีกคนก็แค่เล่นๆหากทว่าสีหน้าที่จริงจังกำลังทำให้เขาคิดเป็นอื่นไม่ได้



    ถ้ากล้าพูดขนาดนี้ก็ไปเลิกกับคนของนายให้ขาดก่อน นายคงลืมว่ายังมีหัวใจอีกดวงที่ต้องดูแล ถ้าเรื่องแค่นี้ยังทำไม่ได้ โอกาสจากฉันก็ไม่ต้องเอา!”

    เสียงหวานเด็ดขาดให้คนตรงหน้าค้างนิ่งตาแดงก่ำ อี้ชิงค่อยๆหันกลับหลังเดินเข้าประตูหอพัก แต่นั่นคำพูดของอีกคนยังคงรั้งและเขาเองก็ดันหยุดฟังมันอย่างไม่เข้าใจ



    ฉันเลิกกับแบคฮยอนแล้ว! ฉันจะทำให้นายมั่นใจว่าตอนนี้หัวใจของฉันมันหยุดอยู่ที่ใคร! ขอแค่...


    ไม่ให้! ฉันไม่ให้โอกาสนาย...ชัดเจนนะ


    ไม่รอให้อีกคนเอ่ยจบอี้ชิงรีบตัดบทฉับพลันแล้วเดินเข้าหอไปอย่างรวดเร็ว ทิ้งให้คนที่ได้รับฟังคำตอบต้องยืนน้ำตาคลอหน่วยหมดความเป็นลูกพี่ชายอีกครั้ง

    น้ำตาที่ไหลออกมาทั้งหมดก็เพื่อคนตรงหน้าที่ชื่อจางอี้ชิง...

     

     

    มือบางกดชั้นสิบเอ็ดแล้วปล่อยให้ลิฟล์ปิดเองเคลื่อนตัวขึ้นสู่ที่สูง ทิ้งแผ่นหลังพักพิงพลางยกมือขึ้นกุมขมับผ่อนลมหายใจ คำพูดที่เอ่ยบอกกับอีกคนใช่ว่าอี้ชิงไม่เจ็บปวด แต่นั่นเพราะคิดดีแล้วจึงอยากจบเรื่องให้มันไม่ยืดยาว

     

    เดินออกจากลิฟล์มาหยุดยืนที่หน้าห้อง ไขกุญแจเสร็จมือบางจึงผลักประตูไม้บานหนาเข้าไปด้วยความเหนื่อยอ่อน อยากจะร้องไห้เหลือเกินหากทว่าตอนนี้มันกลับร้องไม่ออกเสียอย่างนั้น ก่อนจะทำท่าปิดประตูลงแล้วต้องการนอนพักสมองสักตื่น

     
     

    อี้ชิง... แฮ่กๆ

     คนถูกเรียกสะดุ้งเฮือกเมื่อกำลังจะปิดประตูลง แต่นั่นมือหนาของใครบางคนกลับยื้อไว้ทำให้นิ่งค้างตกอกตกใจ



    เสื้อนักศึกษาสีขาวแนบเนื้อตัวบางเปียกโชกพร้อมทั้งคนตรงหน้าที่ยืนหอบแฮก เรียกนัยน์ตาหวานให้มองสำรวจตั้งแต่หัวจรดปลายเท้า อี้ชิงนิ่งอึ้งในขณะที่อีกคนรีบแทรกตัวผ่านประตูเข้ามาให้ห้องทันทีอย่างรวดเร็ว ไม่วายยังร้อนรนลงกลอนไม่รอช้า และนั่นกว่าสติจะกลับมาอีกครั้งคืออี้ชิงและคริสยืนอยู่ในห้องด้วยกันเป็นที่เรียบร้อยแล้ว


    นาย...มาได้ยังไง? ออกไปจากห้องฉันเดี๋ยวนี้นะ!”

     

    เห็นอีกคนยืนหอบอยู่ตรงหน้าอี้ชิงก็พอรู้ว่าวิ่งขึ้นบันไดมา แต่ใครบอกคริสกันว่าเขาพักอยู่ชั้นนี้นั่นแหละที่สงสัย คนตัวเล็กเดินเข้าหาอีกคนไม่รีรอ ผลักอกแกร่งบังคับให้ออกไปจากห้อง แต่แรงอันน้อยนิดใยจะทำให้อีกคนสะเทือนได้



    อี้ชิง ให้โอกาสฉันสักครั้ง ฉันขอร้อง

    ฉันบอกนายชัดเจนแล้วนะว่าคำตอบคืออะไร นี่นายยังไม่เข้าใจอีกหรือยังไงกัน? ถ้ามันไม่ชัดพอ ฉันจะบอกนายให้ก็ได้ว่า ฉันเกลียดนาย....


    ช่างโหดร้ายเมื่ออี้ชิงชัดถ้อยชัดคำเสียให้ร่างกายไร้เรี่ยงแรง ขายาวทรุดฮวบลงกับพื้นก้มหน้านั่งคุกเข่าหัวใจเจ็บปวด คนตัวเล็กที่เห็นตามสัญชาตญานก็แทบจะปรี่เข้าไปหา  แต่ยังคงคิดได้ว่าต้องใจแข็งถึงเอาแต่ยืนเฉยเสมองไปทางอื่น

     

    ไม่นานเสียงสะอื้นไห้ก็ตามมาจากคนตัวสูง หยาดน้ำสีใสร่วงแหมะลงสู่พื้นจากนัยน์ตาคมลู่ลงตามใบหน้าหล่อ ไหล่หนาไหวผะแผ่วอดกลั้นเพราะน่าอายเหลือเกินที่เผยความอ่อนแอต่อหน้า ทำให้คนตัวเล็กที่ได้เห็นต้องตื่นตระหนกเพราะไม่คิดว่าคริสจะร้องไห้เพื่อเขาอีก


    ฮึก... ขอร้องเถอะอี้ชิง ฉันรู้ว่านายไม่ใช่คนใจร้าย ได้โปรดให้โอกาสคนโง่ๆอย่างฉันสักครั้ง

    ใบหน้าหล่อก้มลงมองพื้นยกมือปิดหน้าในท่าคุกเข่า จมูกแดงคล้ายรอยช้ำเห็นแล้วอี้ชิงใจอ่อนยวบไม่เป็นท่า  คนตัวเล็กเหลือบมองคนร้องไห้เล็กน้อย ผ่อนลมหายใจพรั่งพรูเพราะสุดท้ายก็แพ้คาบน้ำตาจากคนที่เคยใจร้ายต่อกัน

     
     

    อ...อย่าร้องเอ่ยพูดเสร็จก็รอดูท่าทีของอีกคน เห็นว่าคนตัวสูงยังเอาแต่นั่งสะอื้นไห้อี้ชิงไม่รู้ว่าควรจะทำอย่างไรดี

    “………”

    เฮ้อ! คริส เลิกร้องไห้แล้วลุกขึ้นได้แล้วน่ะ

     
     

    ฉัน...รอโอกาสอยู่


    ใบหน้าหวานส่ายไปมาเมื่ออีกคนยังดื้อด้านไม่รู้ฟัง



    ถ้างั้นก็รอต่อไป ไม่มีให้นายหรอกโอกาสน่ะ

     

    อี้ชิงสะบัดหน้าหนีทำท่าจะเดินเข้าห้องน้ำ ทว่าคนตัวสูงที่นั่งอยู่กับพื้นในตอนแรกพรวดพราดลุกขึ้นยืนแล้วโผลเข้าหาเขาทันที ด้วยความตกใจจึงส่งมือเล็กเข้าผลักที่อกแกร่งเสียเต็มแรงหมายป้องกันตัวตามสัญชาตญาณ ส่งผลให้คริสหงายหลังล้มตึงไปบนฟูกนุ่ม ทั้งสองแขนที่โอบรัดร่างเล็กอยู่ก็ทำให้อี้ชิงล้มลงตามไปด้วยอย่างไม่ได้ตั้งใจ

     

     

    โอ้ย!”

    คริสโอดโอยครวญครางยามร่างบอบบางของคนที่อยู่ด้านบนหล่นทับเขาจนเต็มแรง แผลเดิมปริอีกครั้งให้เลือดซึมผ่านเสื้อที่สวมใส่อยู่ไม่รู้ตัว แต่นั่นทุกอย่างก็เงียบลงฉับพลันเมื่อตาต้องตาปล่อยลมหายใจให้เป่ารดกันเพราะใบหน้าเว้นระยะห่างไม่ถึงคืบ

     

    อี้ชิงช่างหอมนั่นคือความคิดของคนตัวสูงที่พยายามห้ามใจไม่ให้ทำรุ่มร่ามกับอีกคน คนด้านบนที่อึ้งเผยให้เห็นใบหน้าขึ้นสีระเรื่อจนคริสไม่อยากจะเชื่อ หรือจะเขินไม่แน่ใจเพราะในตอนนี้หัวใจที่ห่อเหี่ยวมันกำลังพองลมขึ้นมาอีกครั้ง

     

    เมื่อไรจะเลิกยุ่งกับฉันสักที ไม่ต้องมาให้เห็นหน้าได้จะเป็นพระคุณอย่างยิ่ง ไหนว่าจะปล่อยฉันไปไง แล้วตอนนี้กลับมาทำไมผิดคำพูดนะรู้หรือเปล่าเสียงหวานเอ่ยหากไม่อยากให้ทุกอย่างผิดลู่ผิดทางจนเกินเลย หันเหไปหน้าหลบหนีทั้งที่ทาบทับร่างของอีกคนอยู่

    นัยน์ตาหวานลอกแล่กกลอกมองไปรอบๆคล้ายทำอะไรไม่ถูก ความร้อนผ่าวก่อขึ้นในอกยามเห็นว่าคนตัวสูงเอาแต่จ้องมองมาที่เขาไม่ลดละสายตาไปทางอื่น มีอะไรทำไม่พูด อี้ชิงไม่ชอบความเงียบและสายตาที่คาดเดาไม่ได้


    จะว่าฉันหน้าด้านก็ได้ไม่เถียงเลยสักนิด แต่เพราะรู้ตัวว่ารักมาก ...เลยไม่คิดว่าจะทนได้ถ้าต้องปล่อยให้นายจากไปโดยไม่ทำอะไรเลยเพียงไม่นานคริสก็บอกความจริงไปหมดทุกอย่าง หากทว่าม่านตาคมยังคงจดจ่ออยู่ที่เดิม อยู่ที่ดวงหน้าหวานขึ้นสีของคนตัวเล็กบนร่างกาย


    “…………”

     

    เงียบเหมือนเดิมคืออี้ชิงไม่รู้จะพูดอะไรต่อ กายเล็กค่อยๆหยัดตัวลุกขึ้นจัดเสื้อผ้าหน้าผมแก้เก้อ

    คริสที่ให้อีกคนทับร่างมาเสียนานจำต้องกัดฟันกรอดอดกลั้นเพราะบาดแผลเริ่มเอ่อความเจ็บ แต่ถึงอย่างนั้นเจ็บได้ไม่เท่าคนหน้าหวานที่ไม่พูดจาอะไรกับเขาเลยสักคำ ก่อนจะลุกขึ้นยืนตามอีกคนแล้วไม่ลดละความพยายาม

     
     

    ฉันยังไม่ได้คำตอบเลยนะอี้ชิง โอกาสน่ะให้คนอย่างฉันบ้างได้ไหม?”

    คำถามเดิมหนักแน่นไม่ยอมถอย อี้ชิงได้ฟังถึงจะเหนื่อยใจแต่คริสคงไม่เลิก ดูจากที่ผ่านมาก็รู้ เขาจะหายไปอยู่ไหนทำอะไรอีกคนก็รู้ได้ตลอด

     
     

    ....ก็ไหนว่ารักกันไง แล้วใจร้อนทำไมรอคอยบ้างไม่เป็นเหรอ?”

    พูดแค่นั้นคนหน้าหวานพลันก้าวฉับทำท่าจะเดินไปเปิดประตูเชิญคริสออกจากห้อง แต่นั่นมือหน้ากลับรั้งให้เขากลับมาประจันหน้าเหมือนเดิม อี้ชิงแพ้สัมผัสจากคนตัวสูงพลันปัดมือไม่อยากให้แตะต้อง หากแต่ไม่ได้ตั้งใจมือบางกับกระแทกเข้าที่บาดแผลของอีกคนจนเลือดสีแดงเปรอะเปื้อนติดมือกลับมา

     
    อ๊ะ!”


    คริส!” สัญชาตญาณของความเป็นห่วงเป็นใยมันกำเลิบ ร่างกายบางถลาเข้าหาอีกคนเมื่อคริสคร่อมตัวกุมแผลด้วยความเจ็บปวด

     

    อี้ชิงประคองคนตัวสูงให้ไปนั่งหย่อนกายลงที่ปลายเตียง คริสเองก็ไม่ได้ขัดจึงทำตามไม่อีดออด เจ็บจนพูดไม่ได้คงเหมาะกับสถานการณ์นี้ ก่อนจะเห็นคนหน้าหวานเดินไปหยิบกล่องพยาบาลในตู้ที่ติดอยู่ข้างพนังห้องซะสูงกว่าร่างกายอีกคน

     

    คริสนึกขันในใจเมื่อคนตัวเล็กเดินดุ่มไปเอาเก้าอี้ม้านั่งมาต่อตัวขึ้นไปหยิบมัน ภาพในกรอบม่านตาอดให้อมยิ้มเสียไม่ได้ น่ารักเกินไปจริงๆสินะอี้ชิงของคริส ของใครไม่รู้ทว่าตุตะให้เป็นของตัวเองไม่สนใจ

     
     

    ถอดเสื้อสิจะทำแผลให้ใบหน้าหวานง่วนหาของในกล่องพยาบาล คิ้วเรียวขมวดเป็นปมคล้ายกังวลอย่างน่าเอ็นดู แต่คริสอยากเจ้าเล่ห์ เจ้าเล่ห์กับคนน่ารักจะได้ไหม


    “………..”

    บอกให้ถอดเสื้อยังไงล่ะคริส



    ขยับนิดนึงมันก็เจ็บ แค่ยกแขนก็เจ็บแล้วตีหน้านิ่งทำเหมือนจริงจัง ไม่ให้อี้ชิงจับได้ว่าคริสคนนี้หวังให้อีกคนดูแลทั้งร่างกายและหัวใจ


    ทำตัวเป็นเด็ก!” จิ๊ปากไม่สบอารมณ์พลางบ่นพึมพำเบาๆให้คริสอยากจะยิ้มออกมา

    มือบางเอื้อมไปปลดกระดุมเสื้อนักศึกษาให้คนตัวสูงทีละเม็ดอย่างยากลำบาก แรงสั่นนิดๆทำให้คริสต้องหลุบม่านตามองว่าคนตัวเล็กกำลังทำอะไรกับเสื้อที่เขาสวมใส่อยู่ ก่อนจะแน่ชัดเพราะอี้ชิงมือสั่นเหงื่อออกพลั่กเสียน่ารักเลย


    สั่นทำไม?” คริสเอ่ยถาม อี้ชิงชะงักก่อนจะเขม่นมองแล้วชักมือตัวเองกลับทันที

    ถอดเองเลยไป เร็วๆด้วย

    พูดแค่นั้นก็ก้มหน้าก้มตาหายาฆ่าเชื้อในกล่องพยาบาลหลบซ่อนความร้อนผ่าวที่เอ่อออกมาข้างนอก แนวฟันสวยขบกัดริมฝีปากร่างอย่างประหม่า พลาดแล้วที่เผยมันให้คริสเห็น ไม่รู้ว่าตัวเองเป็นอะไรแต่อี้ชิงคล้ายตัวรุมๆจะเป็นไข้ก็ไม่ปราน

     

    คนหน้าหวานค่อยๆบรรจงทำแผลให้คนเจ็บอย่างเบามือ ใบหน้าที่จริงจังทำให้คริสลอบมองไม่ทั้งเชยชม คิ้วเรียว จมูกรั้น แพขนตาหนา ริมฝีปากอิ่มวาวระยับ ทั้งโครงหน้าสวยทุกอย่างรวมเป็นอี้ชิงที่สมบูรณ์แบบ ขาวสะอาดถึงเพียงนี้คริสก็ทำให้มีมลทินเสียอย่างนั้น แต่นั่นเขาจะลบมันเอง ลบเรื่องเลวร้ายทุกอย่างให้เป็นโอกาส โอกาสให้คนอย่างเขาได้ครอบครองอีกคนทั้งร่างกายและหัวใจ


    เวลานายอายเนี่ย...น่ารักจังเลยนะเสียงทุ้มเอ่ยผะแผ่วจ้องเชยชมใบหน้าหวาน คนฟังชะงักค้างอยู่ชั่วครู่ ก่อนจะรีบเร่งทำแผลให้คริสอย่างรวดเร็วไม่อยากให้พูดจาเพ้อเจ้ออีกต่อไป

    “ใครอาย? แล้วเวลานายร้องไห้...ก็น่าเกลียดดีนะอี้ชิงสวนถอนหายใจเฮือกใหญ่ เก็บขวดยาลงกล่องพยาบาลอย่างรวดเร็วเมื่อทำแผลให้อีกคนเสร็จ ลุกยืนขึ้นเต็มความสูงก่อนจะทำท่าเดินเอาไปเก็บไว้ที่เดิมของมันที่เคยอยู่

     
     

    ร้องไห้ให้นาย... ถึงน่าเกลียดได้แต่นั่นก็เพราะรัก

    ไม่อาจนับครั้งได้ว่าอี้ชิงสะดุดกลางคันไปกี่ครั้ง ก้อนเนื้อในอกซ้ายเอาแต่ส่งเสียงตึกตักระรัวจนจับจังหวะไม่ได้ วูบโหวงในท้องน้อยเหมือนอาการบางอย่างที่ไม่อาจอธิบายให้มันชัดเจน คริสกำลังลุกเขาอย่างไม่ไว้หน้า

    เพราะฉะนั้น...



    กลับบ้านไปได้แล้ว ฉันเหนื่อยอยากจะนอนสักงีบ

    เอ่ยไล่ก็หันไปมองคนที่นั่งอยู่ปลายเตียงแว้บนึง อี้ชิงพลางใช้เท้าดันเก้าอี้ม้านั่งตัวเล็กไปอยู่ที่หน้าตู้ติดกับพนังห้อง เหยียบขึ้นไปยืนข้างบนแล้วยืดตัวส่งกล่องพยาบาลเก็บไว้ตรงที่เดิม

     

    เสร็จสับจึงหันหลังกลับมา หากแต่ลมหายใจพลันขาดห้วงเหมือนมันจะหยุดแล้วไม่กลับเข้าปอดอีก นัยน์ตาคู่กลมเบิกกว้างเมื่อใบหน้าคมของคนตัวสูงอยู่ใกล้กันเพียงลมหายใจคั่น ปลายจมูกโด่งแตะกันแผ่วเบา ลมอุ่นที่เป่ารดให้หัวใจวูบไหวอ่อนระทวยจนแทบจะล้มพับ เพราะอยู่บนเก้าอี้อี้ชิงจึงสูงเทียบเทียบเท่าคริสอย่างไม่มีข้อสงสัย แล้วมาตอนไหนเขาเองก็ไม่รู้ รู้ตัวอีกทีคือภาพทุกอย่างหยุดการเคลื่อนไหวให้รู้สึกได้ว่ามันไม่ธรรมดา

     
     

    คริสไม่รอช้าส่งอ้อมแขนแกร่งโอบรัดร่างเล็กให้แนบกาย อี้ชิงพยายามดิ้นคริสเองก็กัดฟันแน่นเพราะเจ็บแผลที่ข้าวเอว แต่ไม่ยอมแพ้เพราะไม่อยากปล่อยให้คนหน้าหวานจากไปไหนอีก รักหมดใจแล้วและก็รักมากด้วยอี้ชิงจะรับรู้บ้างไหม


    นายจะได้ทำแผลให้ฉันอีกรอบนะถ้าเอาแต่ดิ้นแบบนี้น่ะอี้ชิง เอ่ยพูดในขณะที่ค่อยๆรั้งร่างเล็กให้เข้ามาสวมกอด กระชับให้แน่นเพียงนิด ก่อนจะยกมือขึ้นลูบกลุ่มผมนุ่มให้รู้ว่าคริสน่ะทะนุถนอมอี้ชิงที่สุด



    คราวนี้เบื่อจะทำให้แล้ว แผลนายจะเป็นยังไงใช่เรื่องของฉันหรือ ตัวใครตัวมันไม่สนใจหรอกอี้ชิงยืนนิ่ง ปากว่าไปทว่าร่างกายไม่ผลักไส หงุดหงิดตัวเองเพราะดีเกินไปจึงไม่อาจทำให้อีกคน เจ็บ คำพูดที่สวนทางแบบนี้ไม่ใช่ตัวอี้ชิงเลยสักนิด ทั้งอ้อมกอดที่อบอุ่นมันชวนให้ทำอะไรไม่ได้อีกเลย


    ถ้าฉันเป็นอะไรไปนายจะไม่เสียใจเลยเหรอ? จะรักกันบ้างหรือเปล่านะอยากรู้เหลือเกิน ต้องรออีกนานไหมโอกาสที่นายจะให้ รู้ตัวแล้วว่าอี้ชิงน่ะสำคัญสำหรับฉันแค่ไหน แค่อยากดูแล...อ่า ไม่แค่สิ ต้องบอกว่าอยากดูแลหัวใจนาย ทั้งร่างกายของนายฉันก็อยากจะดูแล

    คริสอ่อนโยนจนอี้ชิงเริ่มคลายความเป็นตัวเองเสียจนหมด นัยน์ตาคู่กลมคลอหยาดน้ำไร้สีที่ไม่รู้ว่าเอ่อขึ้นในตอนไหน แรงกระเพื่อมที่หน้าอกคริสเองอาจจะรับรู้ก็เป็นได้ มันออกจะชัดเจนทั้งดังโครมครามเสียขนาดนั้น อยากผลักไสอยากไล่ส่ง แต่ทำไม...คนใจร้ายถึงกลายเป็นคนดีเข้ามามีอิทธิพลกับเขาอย่างไม่น่าเชื่อ


    “……….”


    จะไม่เชื่อก็ได้นะอี้ชิง แต่ให้ใจไปแล้ว อยู่ที่นายจะรับมันไว้หรือเปล่า…ให้แล้วให้เลยไม่ขอคืน”

     

    มันยากที่ฉันจะเชื่อ ก็นายทำให้ฉันเจ็บไม่รู้กี่ครั้งต่อกี่ครั้ง ถ้ารักกันจริง....

    อี้ชิงเงียบลงไม่ต่อประโยคให้สมบูรณ์ คริสเองก็เข้าใจถึงจะคาดหวังอยู่ลึกๆก็ตามที เป็นใครเจอแบบอีกคนคงไม่มีวันมองหน้าเขาอย่างแน่นอน แต่เพราะคนนี้คือจางอี้ชิง ใจดีแสนดีมีคนเดียวในโลก

     
     

    แต่นั่น...อยู่ๆหัวใจกลับเหมือนหยุดเต้นไปชั่วคณะ เมื่อนัยน์ตาคู่คมเหลือบไปเห็นบางสิ่งบางอย่างที่คุ้นตาบนโต๊ะหนังสือ แน่ชัดแล้วคริสพลันเผยยิ้มทันทีอย่างไม่รู้ตัว ไม่ใช่รอยยิ้มที่ฝืนหากแต่เป็นรอยยิ้มแห่งความดีใจที่กว้างที่สุดเท่าที่เคยยิ้มมา

     

    การ์ดสีม่วงที่คริสจำได้ว่าเป็นคนเลือกมันมากับมือ ตัวหนังสือข้างในก็ของเขาเองจำได้ไม่ยาก พร้อมทั้งก้านของดอกกุหลาบที่ยื่นจากในหนังสือให้เห็นเหมือนถูกทับไว้จนแห้งกรอบ อี้ชิงเก็บมันมาทั้งที่โยนทิ้งลงถังขยะเองไปกับมือ คนหน้าหวานเก็บมันมาทำไม...

     

    คล้ายคนฝุ่นเข้าตาอีกครั้ง คริสรีบกะพริบมันถี่ๆกลัวว่าจะร้องไห้ต่อหน้าอี้ชิงอีกระลอก ดอกกุหลาบสีขาวที่เขามอบให้อีกคนกับมือตอนแรกมันอยู่ในถังขยะไร้การเหลียวแล หากแต่ตอนนี้มันกลับมาอยู่ในห้องของคนที่เขาเทใจไปให้ทั้งดวงทำเอามีความสุขจนอธิบายออกมาเป็นคำพูดไม่ได้

     
     

    แค่นี้ก็มากพอแล้วกับโอกาสที่อี้ชิงให้โดยไม่บอกกล่าว คริสจะจดจำมันไปตลอด...

     

     

    ร่างสูงผละตัวออกมาเล็กน้อยจ้องหน้าอี้ชิงนิ่ง รอยยิ้มเมื่อครู่พยายามปรับในเป็นปกติเหมือนเดิมดั่งในตอนแรก ยกมือประคองเรียวหน้าหวานของอีกคน โน้มตัวเข้าหาอย่างช้าๆ ไม่ได้บังคับร่างกายแรงดึงดูดจากคนตัวเล็กก็ช่างเป็นเครื่องมือช่วยให้เป็นอย่างดี

     

     

    ริมฝีปากเรียวทาบทับฝังความรักให้กลีบปากอิ่มสีชมพูอ่อน ค้างไว้ให้ความอุ่นส่งผ่านเพื่อรับรู้ว่าเขามีตัวตนจริง คริสอ่อนโยนจนแทบไม่เคยเป็นมาก่อน ดูดเม้มแผ่วเบาเนิบนาบปล่อยความต้องการให้เป็นตัวนำพา แค่อี้ชิงไม่ต่อต้านนั่นถือว่าเขาประสบความสำเร็จไปเกินครึ่ง


    อืม...

    เสียงครางผะแผ่วทำให้มีความสุข มือบางที่หาแหล่งยืดเหนี่ยวไม่ได้เพราะตอนนี้คริสไม่ได้ใส่เสื้อจึงสวมกอดที่รอบเอวทำให้ตกอกตกใจ อี้ชิงหลับตาพริ้มตอบรับไม่ประสาให้คนตัวสูงได้กอบโกยอย่างเต็มอก ส่งลิ้นร้อนเข้าควานหาความหอมหวานในโพลงปากทุกอณูและเก็บเกี่ยวทุกหยาดหยด เอียงหน้าเอ็กน้อยบดคลึงเบาๆกลัวว่าปากนิ่มของคนน่ารักจะบอบช้ำแล้วเขาเองจะเจ็บปวด หวานเหลือทนเพราะครั้งแรกที่อี้ชิงไม่ต่อต้าน ใกล้กันเกินก็หอมกลิ่นประจำกายเล็กที่คุ้นเคย คริสเกรงว่าจะถลำลึก เกรงว่าผละออกแล้วอี้ชิงจะไม่ใช่คนเดิมในเวลานี้ แต่อยากให้รู้ว่าเขาแน่ใจและมั่นใจที่สุด เพราะอีกคนคือหัวใจทั้งดวงที่คริสให้เป็นส่วนหนึ่งในชีวิตจะปล่อยจากไปคงไม่ยอม

     
     

    ปล่อยริมฝีปากออกก็เห็นว่าใบหน้าหวานตรงหน้าขึ้นสีที่พวงแก้มเสียน่ารัก อี้ชิงมีหยาดน้ำคลอที่ดวงตาเล็กน้อยทั้งทรุดลงจนคริสต้องประคองกอด ก้มหน้าไม่กล้าสบมองนัยน์ตาคมตรงๆ เพราะยอมไปแล้วจะให้ทำอย่างไรได้ คิดว่าหัวใจก็ต้องการถึงไม่ขัดขืนเหมือนเมื่อก่อน แพ้ความอ่อนโยน ทั้งที่เคยใจร้ายทว่าคริสกลับกอดเขาเหมือนสิ่งของที่ล้ำค่า อีกคนยิ่งทำแบบนี้ อี้ชิงจะผิดสัญญาที่ให้ไว้กับตัวเอง แต่นั่นจะเป็นอย่างไรต่อไปเขาก็ไม่สามารถล่วงรู้ได้

     

     

    ขอบคุณที่เก็บหัวใจฉันมานะอี้ชิง

    คริสเอ่ยพูดอี้ชิงเองจึงเงยหน้าขึ้นมอง ผละออกจากกันได้ทว่าปลายจมูกโด่งยังคงแตะผะแผ่วไม่ออกห่าง คนหน้าหวานหอบหายใจรัว มือที่กอดอีกคนอยู่กลับกอดรัดแน่นไม่รู้ว่าตอนไหน

    คริสยกยิ้มทันทียามได้รับรู้ถึงสัมผัสที่รอบเอว ก่อนจะกดหัวทุยของคนตัวเล็กให้ฟุบลงที่ลาดไหล่ ลูบกลุ่มผมนุ่มพร้อมทั้งมอบจุมพิศที่ขมับขาวให้อย่างอ่อนโยน

    น่ารัก... น่ารักมากจริงๆ ทั้งที่ยืนอยู่บนเก้าอี้ม้านั่งแล้วก็ยังไม่สูงไปกว่าเขานะจางอี้ชิง จะทะนุถนอมอีกคนให้ดีที่สุด ขอแค่ได้โอกาสคริสจะไม่ปล่อยมันไป

     

     

     



    …ERROR…













    *** มันยาวมากค่ะ เพราะยาวรู้ว่าหลายคนจะเม้นแบบสั้นๆหรือขี้เกียจจะเม้นใช่ไหม??? ><
    ขอนะคะ ไรท์แต่งแชปนี้มาร่วมอาทิตย์กว่า T0T
    ไม่เคยเรียกร้องมานานนมแต่อยากให้เม้นติชมกันจริงๆ ^^
    มีคอมเม้นก็มีกำลังใจจะแต่ง จะมาเร็วถ้าได้กำลังใจดีนะคะ >///<




     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×