คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : ll ADOLESCENT 5 ll
ADOLESCENT 5
“คุณหนูคะ ตอนนี้อาหารพร้อมแล้วนะคะ” เสียงแม่บ้านคนสนิทเอ่ยบอกคุณหนูประจำตระกูลเหมือนอย่างทุกวัน ก่อนจะกลับไปทำหน้าที่ของตัวเองเมื่อได้ทำภาระกิจอีกอย่างเสร็จสิ้นไป
“คริส! เสร็จรึยัง? จะได้ไปทานข้าวกัน” เสียงหวานเอ่ยถามคนตัวสูงที่อยู่ในห้องน้ำ ก่อนจะเดินไปนั่งรอที่เตียงของตัวเองพลางมือบางก็เช็ดผมที่เปียกชื้นอยู่ไปด้วย
“เสร็จแล้ว”
คริสตอบเลย์กลับไปพร้อมกับร่างกายสูงโปรงที่เดินออกมาจากห้องน้ำพร้อมกัน เส้นผมเปียกสีบลอนด์ทองที่ลู่ลงตามโครงหน้าหล่อเหลา ทำให้คนที่เพิ่งจะเงยหน้าขึ้นมองถึงกับอึ้งไปชั่วขณะ อีกครั้งแล้วสินะที่เลย์มักจะเห็นคริสในมุมที่คนอื่นไม่เคยได้เห็น
“อ...เอ่อ ไปทานข้าวกัน” พูดเสร็จคนหน้าหวานก็ลุกขึ้นพรวดพราดในทันที ทำท่าจะเดินออกไปหากแต่อีกคนก็ยังเรียกรั้งไว้อีกครั้ง
“เดี๋ยวสิเลย์ ฉันขอถามอะไรหน่อย?”
“ว่า?”
“ไม่กลัวฉันแล้วรึไง? ที่เมื่อก่อนฉันทำไม่ดีกับนายไว้ตั้งหลายเรื่อง”
คริสเอ่ยออกไปอย่างที่ใจคิด จริงไหมล่ะที่ก่อนหน้าเขาทำเรื่องแย่ไว้กับเลย์จนเลย์ทำตัวออกห่างเขายิ่งกว่าอะไรดี แค่เสี้ยวหน้าเขาก็ยังไม่อยากจะมอง หากแต่ตอนนี้คนตัวเล็กกลับทำเหมือนเรื่องแบบนั้นที่เขาทำไปไม่เคยเกิดขึ้น ทั้งยังทำตัวปกติเหมือนกับว่าอยู่กับเขาแล้วไม่ต้องระแวงอะไรอีก
“ตอนนี้นายไม่คิดจะทำมันแล้วใช่ไหม?
“ก็ไม่แน่!” แสร้งพูดแกล้งอีกคนไปอย่างนึกสนุก ยิ่งได้รู้ว่าอีกคนเป็นใครคริสก็ยิ่งอยากจะแกล้งให้หนักขึ้นไปอีก
“ไอ้บ้า! ลองดิ เดี๋ยวจะเจอดี!”
พูดเสร็จคนตัวเล็กก็เดินตึงตังออกไปจากห้องในทันที ปล่อยให้คริสได้แต่ยืนมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างนึกขัน ไม่วายก็ต้องส่ายหน้าไปมาเพราะอีกคนก็เด็กน้อยดีๆนี่เอง ภายนอกของเลย์ที่เห็นมันก็แค่เกราะป้องกันไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของเจ้าตัวเลยสักนิด
เมื่ออีกคนเดินออกไปได้ไม่นาน คริสก็เหลือบมองไปยังลิ้นชักข้างหัวเตียงของคนหน้าหวานก่อนจะเดินไปยังที่ตรงนั้นโดยไม่รอช้า หันซ้ายหันขวาเมื่อเห็นว่าเลย์คงไม่เดินกลับขึ้นมาอีกแน่นอน มือหนาจึงเปิดลิ้นชักออกก่อนจะหยิบกรอบรูปสี่เหลี่ยมที่วางอยู่ในนั้นขึ้นมาดูอีกครั้ง แค่มองดูเฉยๆก็คงไม่พอ คนตัวสูงยังถ่ายรูปเก็บไว้เป็นที่ระลึกอีก ชอบเขามากเลยสินะคริส
.
.
“ทำอะไรอยู่ ทำไมลงมาช้า?” เพียงแค่ก้าวเท้าเข้ามาในห้องอาหาร คริสก็ถึงกับถอนหายใจออกมา เลย์คนเดิมกลับมาแล้วสินะ คำถามที่ใช้สำเสียงห้วนๆทำให้คริสเริ่มจะตามอีกคนไม่ทันอีกแล้วจริงๆ
“เปล่า ก็แค่กลับไปเอาโทรศัพท์” ตอบคำถามไปแค่นั้นคริสก็หย่อนกายนั่งลงตรงข้ามกับอีกคนทันที ทำเนียนซะเลย์ก็ไม่คิดจะติดใจเอาความอะไรอยู่เหมือนเดิม
“………………………”
“พ่อแม่นายกลับมาตอนไหนอ่ะ?” คริสเอ่ยถามเมื่อมองไปรอบๆบ้านหลังใหญ่ นอกจากแม่บ้านแล้วก็ไม่เห็นจะมีใครอีกเลย
“ไม่กลับหรอก”
“อยู่คนเดียวหรอ?”
คนตัวสูงถึงกลับแปลกใจเมื่อได้ลอบสังเกตุสีหน้าที่ติดจะเศร้าของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม และนั่นเขาก็ได้เพียงแค่การพยักหน้าจากคนตัวเล็กตอบกลับมา
“……………..”
“รู้สึกว่าเหงาบ้างไหม?”
คริสเอ่ยถามอีกคนอย่างเกรงใจ แต่นั่นก็เพราะว่าเขาเป็นห่วงความรู้สึกของเลย์เอามากๆ บ้านหลังใหญ่โตขนาดนี้อยู่คนเดียวมันคงรู้สึกไม่ดีแน่ แค่คอนโดห้องเล็กๆของเขาที่ใช้ชีวิตอยู่คนเดียวก็เหงาจนไม่รู้จะอธิบายให้ใครฟัง
“ก็มีบ้าง แต่ได้คุยกับพ่อบ้านแม่บ้านที่นี่ก็รู้สึกดีขึ้น บางครั้งลู่หานก็จะมาอยู่เป็นเพื่อน” ตอบแค่นั้นใบหน้าหวานก็ก้มลงทานข้าวในทันที
“คงเหงาเหมือนกันสินะ ไม่น่าถามเลย” คริสพึมพำกับตัวเองอย่างแผ่วเบาก่อนจะก้มหน้าทานข้าวไปพร้อมกับอีกคนโดยไม่อยากจะถามไถ่ให้มากความ ถึงจะเป็นห่วงแต่มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะล้ำเส้นอีกฝ่ายทั้งๆที่เขาไม่เต็มใจจะบอก
.
.
.
หลังจากทานมื้อค่ำกันเสร็จแล้ว คนหน้าหวานก็ออกมาส่งคริสที่หน้าบ้านเป็นการขอบคุณที่วันนี้ยอมสละเวลามาส่งเขา ทั้งยังเปียกฝนกลับมาด้วยกันอีก ไม่วายก็ยังช่วยอุ้มเขาเดินผ่านสุนัขตัวใหญ่ที่นอนเฝ้ายามอีกด้วย บางทีก็ไม่เสียหายอะไรถ้าจะลบลืมภาพเก่าๆของคริสที่เคยทำไม่ดีกับเขาไป อย่างน้อยคริสคงนิสัยไม่ต่างจากตอนเด็กมากเท่าไหร่มั้ง
“เลย์ ฉันขอถามอะไรหน่อยได้ไหม?” ระหว่างที่เดินออกมารอแท็กซี่ที่หน้าบ้านของเลย์ คริสก็อยากลองถามคำถามที่เขาค้างคาใจอยู่บ้าง หากแต่อย่าเรียกว่าถามเล ยเรียกว่าแกล้งน่าจะดีกว่า
“อะไรอีกอะ?”
“นายมีชื่อจริงหรือเปล่า?”
สิ้นเสียงทุ้ม คนตัวเล็กก็ดูจะชะงักไปชั่วขณะ และนั่นคริสที่เดินตามหลังเลย์มาก็แทบจะหลุดขำก็ไม่ปราน ทำไมเมื่อก่อนเขาไม่นึกสงสัยเลย์บ้างเลยนะ ทั้งที่เจ้าตัวก็มีพิรุธให้จับผิดอยู่ตลอด
“อยากรู้ไปทำไม?” เลย์ยังแสร้งถามกลบเกลื่อนความตื่นเต้นได้ดีอยู่ หากแต่นั่นจะรู้บ้างไหมว่าไอ้คนตัวสูงหัวทองนั่นน่ะมันรู้ความจริงทุกอย่างแล้ว
“ก็แค่ถามดู”
“ม...ไม่มีหรอก นายรู้แค่ว่าฉันชื่อเลย์ก็พอ” คริสแทบจะกลั้นยิ้มไว้ไม่อยู่เมื่ออีกคนก็เอาแต่พูดติดขัดฟังแทบไม่ได้ศัพย์ไปหมด ต่อให้ไม่ใช่คริสก็ดูออกว่าเลย์กำลังโกหกอยู่อย่างหน้าตาย
“พรุ่งนี้เราก็คงจะไม่รู้จักกันแล้วสินะ” อยู่ๆเสียงทุ้มก็เอ่ยลอยๆขึ้นมาพลางทำเสียงเศร้าจนน่าเห็นใจ หากแต่กลับจงใจให้คนหน้าหวานได้ยินมันเต็มที่ นัยน์ตาคู่คมเหลือบมองอีกคนที่ก้มหน้าอยู่ก็รู้ได้ว่าที่เลย์พูดตัดขาดกันแบบนั้นคงไม่ได้ตั้งใจ คนตัวเล็กคงโมโหอะไรมาสุดท้ายก็มาลงกับเขาที่เข้าไปยุ่งไม่ถูกเวลา
“จริงๆก็ไม่ได้ตั้งใจจะพูดแบบนั้นซะหน่อย”
“ห๊ะ? นายว่าอะไรนะ?” เมื่อเห็นเลย์บ่นพึมพำอยู่คนเดียว คริสก็แสร้งเอ่ยถามอีกคนจนร่างบอบบางนั้นถึงกับสะดุ้งน้อยๆอย่างน่าเอ็นดู
“ป...เปล่า กลับบ้านดีๆนะ แท็กซี่มาแล้ว”
คริสไม่ได้ถามอะไรอีก รู้ทุกอย่างแล้วมีอะไรที่ต้องสงสัย แต่นั่นเลย์กลับพลาดกับสิ่งที่ทำอยู่เต็มเปา รู้จักเขามานานแต่กลับไม่คิดจะบอกกันเลยสักนิด
ขายาวพาร่างตัวเองเดินไปหยุดอยู่ข้างหน้าคนตัวเล็ก ยิ้มให้บางๆก่อนจะยกมือขึ้นวางไว้บนบ่าของอีกคน จ้องมองลึกสบเข้ากับนัยน์ตาคู่สวยอย่างไม่คิดจะหลีกหนี หากแต่ก็ต้องยกยิ้มอีกครั้งเมื่อใบหน้าหวานนั้นกลับเอาแต่หันหลบเขาไม่กล้ามองกันตรงๆ
“ดูแลตัวเองด้วยนะ ทีหลังก็ไม่ต้องกลับบ้างเองหรอกมันลำบาก ลาก่อนนะเลย์”
พูดเสร็จก็เดินเข้าไปนั่งในรถแท็กซี่โดยไม่หันหลับไปมองคนตัวเล็กที่ยืนอยู่อีกเลย คำพูดของคริสที่เจ้าตัวกำลังนึกสนุกหากแต่กับเลย์แล้วมันเหมือนคำบอกลาดีๆนี่เอง ความผิดทั้งหมดมันเริ่มมาจากคนตัวเล็ก ตัดขาดกับคริสแล้วสุดท้ายก็เป็นฝ่ายที่เจ็บปวด เพียงเพราะอารมณ์ชั่ววูบเท่านั้นทุกอย่างมันกลับกลายเป็นเรื่องแย่ไปเสียหมด
...ADOLESCENT…
คนหน้าหวานแทบจะไม่มีกระจิตกระใจจะเรียนหนังสือกันเลยทีเดียว เมื่อนี่ก็เป็นหนึ่งอาทิตย์แล้วที่คริสไม่ได้มาเรียนหลังจากแยกกับเขาที่บ้านวันนั้น เลย์ยังเฝ้ารอทุกวันหวังว่าจะได้เห็นหน้าคริสบ้าง แต่นั่นก็ต้องผิดหวังเพราะหันไปมองที่นั่งด้านหลังก็เห็นว่ามันว่างอยู่เหมือนเดิม ครั้นจะเดินไปถามแบคฮยอนที่เป็นเพื่อนสนิทของคริสใจก็ไม่กล้าพอ
คาบสุดท้ายของการเรียนในวันนี้ เลย์ตัดสินใจเดินเข้าไปหาแบคฮยอนที่นั่งข้างคริสเพื่อถามไถ่เกี่ยวกับคนตัวสูง รอเพื่อนในห้องทุกคนออกไปจนหมด ไม่รอช้าคนหน้าหวานก็รีบเดินเข้าไปหาอีกคนที่ตัวเล็กกว่าอย่างไม่รีรอ
“แบคฮยอน” เลย์รีบเอ่ยเรียกเพื่อนคนน่ารักในห้องเดียวกันทันทีเมื่อเห็นว่าอีกคนทำท่าจะเดินออกไป และนั่นแบคฮยอนก็ต้องหันกลับมาถามความต้องการจากเลย์ด้วยความสงสัย
“อ้าวเลย์! มีอะไรรึเปล่า?”
“เอ่อ... คือว่า....”
“หื้ม?” แบคฮยอนเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เห็นท่าทางเงอะงะของเลย์ก็อดจะนึกขำกับความน่ารักเสียไม่ได้
“คริส....มาไหม?” เอ่ยถามเสร็จก็ทำเหมือนว่าไม่คิดจะใส่ใจเรื่องของคนๆนั้นและนั่นเมื่อเห็นว่าแบคฮยอนมองมาที่เขาเป็นเชิงจับผิดเลย์ก็รีบก้มหน้าหลบสายตาเฉี่ยวอายไลน์เนอร์คู่นั้นในทันที
“คริสมันไม่รับโทรศัพท์ฉันเลยนะ แต่ฉันก็ถามเซฮุน มันบอกว่าไอ้คริสสบายดีแค่ไม่อยากมาเรียน” เสียงเจื้อยแจ้วของแบคฮยอนบ่งบอกได้ถึงอุปนิสัยของเจ้าตัวได้เป็นอย่างดี เพราะเป็นคนอัธยาศัยดีเข้ากับคนอื่นได้ง่ายทำให้เลย์ไม่รู้สึกเกร็งเมื่อได้พูดคุย หากแต่คำว่าคริสไม่อยากมาเรียน นั่นจะเป็นเพราะเขาหรือเปล่านะ
“อ้อ อย่างนั้นหรอ แล้วรู้ไหมว่าคริสจะมาเรียนเมื่อไหร่?” เอ่ยถามอีกครั้งใบหน้าหวานก็ถึงกับขมวดคิ้วเข้าหากันจนเป็นปมด้วยความเป็นห่วงคนตัวสูงเอาเสียมากๆ
“ฉันก็ไม่รู้อ่ะ ถ้ามันอยากมาก็คงมาเองแหละ อีกอย่างมันไม่ได้ไปซ้อมบอร์ดด้วย ฉันเลยไม่ได้ติดต่อมันเลย ว่าแต่นายมีเรื่องอะไรหรอเลย์?”
“เอ่อ...อ้อ! พอดีฉันได้ทำรายงานคู่กับคริสน่ะ ตอนนี้ยังไม่ได้เริ่มเลย” เลย์กล้าบอกเลยว่าคำตอบที่ตอบเพื่อนตัวเล็กไปไม่ได้เตรียมมาเลยสักนิด ผุดขึ้นมาในหัวก็ใช้มันเป็นเหตุผลไปอ้างให้อีกคนได้เข้าใจ
“โอเคๆ ยังไงถ้าติดต่อมันได้แล้วฉันจะบอกไอ้คริสมันให้นะ”
แบคฮยอนไม่ได้รู้สึกแปลกใจหรือสงสัยอะไรเลยสักนิด เมื่อได้ฟังว่าคนหน้าหวานถามถึงเพื่อนตัวสูงเขาทำไม แบคฮยอนก็ตั้งใจจะช่วยตามคริสให้อีกแรง รายงานคะแนนเยอะแบบนี้ เห็นเลย์ได้คนอย่างคริสมาคู่ด้วยนับว่าซวยไม่น้อย เพราะรายนั้นแม้กระทั่งเข้าเรียนก็ยังไม่เข้า ส่วนเรื่องทำงานไม่ต้องพูดถึง แต่ถึงอย่างนั้นแบคฮยอนก็ยังกล้าพูดได้ว่าคริสเป็นคนหัวดีเลยทีเดียว
...ADOLESCENT…
เป็นอีกวันที่เลย์ก็เอาแต่นั่งคิดอยู่กับตัวเองเกี่ยวกับเรื่องของคนตัวสูง เขาเลือกที่จะมาโรงเรียนแต่เช้าเพราะอยู่ที่บ้านก็ไม่มีอะไรทำ ทั้งยังเหงาเพราะไม่รู้ว่าจะต้องพูดคุยกับใคร อยู่ในห้วงความคิดได้ไม่นาน ร่างบางก็ลุกขึ้นยืนก่อนจะเดินไปจัดหนังสือที่ชั้นวางเพื่อเตรียมตัวเรียนในคาบแรกของวัน หากแต่แค่หันกลับไปด้านหลังห้อง เท้าเล็กก็ต้องชะงักเมื่อพบกับใครที่นั่งมองมาที่เขาอยู่ก่อนแล้ว มาตั้งแต่เมื่อไหร่ทำไมเขาถึงไม่รู้สึกตัวเลย
“นายหายไปไหนมาตั้งหลายวัน รู้ใช่ไหมว่าพรุ่งนี้ต้องส่งรายงานแล้ว แต่นี่ยังไม่ได้เริ่มอะไรสักอย่าง แล้วที่ทำแบบนี้คิดจะหนีหน้าฉันรึไง?” เพียงแค่ได้เจอใบหน้าหล่อที่เขาคิดถึงอยู่ทุกๆวัน เสียงหวานก็พูดตัดพ้อเสียยืดยาว ไม่วายยังเอาเรื่องรายงานขึ้นมาอ้างเพื่อบังหน้าอีก
“ฉันเปล่า ไม่ได้จะหนีหน้านายนะ” คริสพยายามจะอธิบายให้เลย์เข้าใจว่าที่เขาหายไปทั้งอาทิตย์นั้นไม่ได้ตั้งใจจะหายและหนีหน้าอีกคนเลยสักนิด
“แล้วที่ทำอยู่นี่มันอะไร? เพียงแค่ฉันบอกว่าอย่ามายุ่งกับฉันอีก นายก็เชื่อแล้วก็ทำตามอย่างนั้นหรอ? ฉันไม่ได้ตั้งใจจะให้มันเป็นแบบนั้นซะหน่อย ก็แค่อารมณ์ชั่ววูบ นั่นเพราะผู้หญิงของนาย....” เสียงหวานหยุดลงเมื่อรับรู้ได้ว่าคริสดูจะอึ้งกับคำพูดของเขา เลย์อธิบายซะยืดยาวทั้งๆที่คริสเองก็ไม่ได้คิดอะไร แต่นั่นก็ทำให้คริสเข้าใจแล้วว่าที่เลย์โมโหเขาในวันนั้นคงเป็นเพราะเจสสิก้าอย่างแน่นอน
“เจสสิก้าทำอะไรนาย?” คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันอย่างไม่ชอบใจเมื่อได้รู้ว่าหญิงสาวที่เขาบอกตัดสัมพันธ์ไปยังคงมาก่อกวนคนที่เขาแคร์ที่สุด คิดว่าพูดคุยกันรู้เรื่องแล้วหากแต่หญิงสาวก็ยังไม่วายทำให้เขาโกรธขึ้นมาอีกครั้ง
“ช่างมันเถอะ!”
พูดเสร็จร่างกายบางก็เดินไปที่ชั้นหนังสือเพื่อจัดการเตรียมหนังสือเรียนที่จะใช้ในคาบแรก ทำเหมือนไม่สนใจ ทำเหมือนไม่รู้สึกอะไรหากแต่นั่นจะรู้บ้างไหมว่าหัวคิ้วที่แทบจะขมวดติดกันอยู่ มันทำให้คริสรู้ว่าเลย์คิดมากกับเรื่องนั้นขนาดไหน
“ฉันขอโทษ ฉันทำให้นายลำบากมากสินะ”
“ไม่ต้องกังวล ผู้หญิงของนายทำอะไรฉันไม่ได้หรอก ฉันไม่ได้อ่อนแอขนาดนั้น”
“เขาไม่ได้เป็นผู้หญิงของฉัน นายเข้าใจผิดแล้ว”
“งั้นหรอ? ฉันก็แค่พูดในสิ่งที่ฉันเห็น”
สิ้นเสียงหวาน คริสก็ถึงกับถอนหายใจออกมาอย่างเต็มแรง เอาเถอะถ้าเลย์จะเข้าใจเขาผิดๆ ไหนๆก็ทำให้เลย์เข้าใจผิดมาตั้งแต่แรกแล้ว ยังไงก็จะพยายามให้อีกคนเข้าใจในสิ่งที่ถูกต้องเกี่ยวกับเขาให้ได้
“ไหนล่ะรายงานที่จะให้ฉันทำ พรุ่งนี้ต้องส่งแล้วไม่ใช่รึไง?” คริสเปลี่ยนเรื่องถามเพราะยิ่งคุยกันเกี่ยวกับเรื่องเมื่อครู่ ความตึงเครียดก็ดูจะเพิ่มขึ้นเรื่อยๆ
“ตอนนี้แบ่งไปทำก็ไม่ทันหรอก ต้องช่วยกันทำเท่านั้น”
“แล้วต้องทำยังไง?” คริสเอ่ยถามอีกครั้งอย่างเป็นกังวล สำหรับเขาไม่เป็นอะไรเลย แต่สำหรับเลย์ คะแนนรายงานเล่มนี้มันสำคัญมาก
“อ่า ที่ไหนที่พอจะทำงานได้บ้างน้า” เสียงหวานบ่นพึมพำกับตัวเอง ทำท่าคุ้นคิดหาสถานที่ทำงานที่คิดว่ามันจะสะดวกและเป็นส่วนตัวที่สุด
“ห้องสมุดล่ะ” อยู่ๆคริสก็โพลงขึ้นมาเมื่อนึกถึงสถานที่ที่คนหน้าหวานชอบไป
“เที่ยงนี้ฉันไม่ว่างอ่ะต้องไปเข้าชมรม มีเวลาว่างก็ตอนเย็นเลย ห้องสมุดคงปิดแล้ว อีกอย่างต้องรอคนขับรถเอาโน๊ตบุ๊คมาส่งด้วย มันจำเป็นต้องใช้” เริ่มคิดหนักเมื่อทุกอย่างในวันนี้ก็ดูจะไม่เป็นใจเอาเสียเลย คนหน้าหวานทำท่าคุ้นคิดไปเรื่อยหากแต่ก็ไม่รู้ว่าจะทำยังไงดี สักพักอีกคนก็เสนอความคิดขึ้นมาทำเอาเขาต้องคิดหนักกว่าเก่าเสียอีก
“ถ้าไม่รังเกียจ คอนโดฉันได้ไหม?” คริสเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจว่าเลย์จะคิดยังไง ก็แน่ล่ะเคยทำอะไรให้เขามั่นใจบ้างล่ะ คริสไม่เคยเลยสักครั้ง
“เอ่อ.....”
“ฉันไม่ทำอะไรหรอกน่า ไม่ต้องกลัว” เมื่อเห็นคนหน้าหวานดูจะคิดหนัก คริสก็ไม่รอให้อีกคนต้องเครียดไปมากกว่านี้ พูดออกไปเพื่อให้เลย์สบายใจ แต่คริสบอกได้เลยว่าเขาเองยังไม่เชื่อใจในตัวเขาเหมือนกัน ให้ตายเถอะ
“อื้ม ตามนั้น”
พูดเสร็จก็ทำท่าจะเดินกลับไปนั่งที่โต๊ะของตัวเองเหมือนเดิม หากแต่พอได้ยินเสียงทุ้มที่เอ่ยรั้ง เลย์ก็ต้องหันกลับไปประจันหน้ากับคนตัวสูงอีกครั้งอย่างจำใจ
“คือ...ฉันไม่ได้จะหนีหน้านายนะ แค่....ไม่สบาย”
สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็ดูจะตกใจไม่น้อย ที่คริสไม่สบายนั่นเป็นเพราะเขาใช่หรือเปล่า ก็เล่นตากฝนกลับบ้านด้วยกัน อาจจะเป็นเหตุผลนี้ก็ได้
“นายเป็นอะไรมากหรือเปล่า? อ่า เป็นเพราะว่าเดินตากฝนไปส่งฉันที่บ้านวันนั้นแน่ๆเลย” พูดไปก็ไม่วายยกมือบางขึ้นทาบไปที่หน้าผากของอีกคนหวังเช็คสภาพร่างกาย และนั่นคริสก็ถึงกับต้องยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ เลย์นิสัยเหมือนตอนเด็กๆก็ไม่มีผิด เป็นห่วงคนอื่นเสมอ
“ตอนนี้หายดีแล้ว เลิกกังวลเถอะ” พูดเสร็จก็ยกมือหนาขึ้นไปกุมมือเล็กที่กำลังทาบอยู่บนหน้าผากของเขาอยู่ ดึงออกช้าๆก็จับมันไว้แน่นแล้วจ้องมองนัยน์ตาคู่สวยของคนตรงหน้าจนอีกคนต้องเบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างทำอะไรไม่ถูก
“หายแล้วก็ดี!”
พึมพำกับตัวเอง เลย์ก็พยายามดึงมือออกจากการกอบกุมของอีกคนในทันที หากแต่ดูท่าจะยากเสียเหลือเกิน เมื่อไอ้ทองทองที่นั่งจ้องมองมาที่เขาอยู่มือเหนียวยิ่งกว่าตุ๊กแกเสียอีก ยื้อกันไปยื้อกันมาอยู่เป็นเวลานาน คริสก็ยังไม่คิดจะปล่อยมือบางนั้นออกเสียที ไม่เจอกันร่วมอาทิตย์เขาก็คิดถึงอีกคนเป็นธรรมดาอ่ะนะ
“พวกนายเล่นอะไรกันอ่ะ?”
บุคคลที่สามที่เข้ามาในห้องทำเอาคนทั้งคู่ต้องผละออกจากกันโดยอัตโนมัติ เพื่อนร่วมชั้นตัวเล็กเดินเข้ามาพลางส่งสายตาจับผิดคนทั้งคู่ไปด้วย เหลือบมองทั้งเลย์และคริสสลับกันไปมา จนเลย์ต้องเป็นฝ่ายปลีกตัวกลับไปนั่งที่ของตัวเองอย่างไม่มีข้อแม้
“แน่ะๆ อะไรของมึงเนี่ยคริส?” หย่อนกายนั่งลงกับเก้าอี้ได้ แบคฮยอนก็ไม่วายเอ่ยแซวเพื่อนตัวสูงตามนิสัยคนขี้แกล้ง นิสัยที่คริสไม่ชอบเลยสักนิด
“ก็ไม่มีอะไร คุยกันเรื่องรายงาน”
“หรอ? กูไม่ยักรู้ว่าคุยเรื่องรายงานเขาจับมือถือแขนกันด้วย”
แบคฮยอนยิ้มกริ่มส่งไปให้เพื่อนตัวสูงอย่างไม่อยากจะเชื่อกับสิ่งที่คริสพูดจะเป็นความจริง จนคริสเองก็ถึงกับต้องเสมองไปทางอื่นแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“………………..”
“จริงๆ เมื่อวานเลย์ก็ถามถึงมึงด้วยนะ ดูเป็นห่วงมึงม้ากมาก” แบคฮยอนแสร้งทำเป็นพูดเรื่องเมื่อวานที่เพื่อนหน้าหวานมาถามไถ่เกี่ยวกับเพื่อนสนิทของเขา และนั่นก็ไม่ผิดคาดเลยเพราะคริสก็หันกลับมาสนใจเขาทันทีจนผิดวิสัย
“จริงอ่ะ?”
“แหมๆ ดูมึงจะดีใจซะเหลือเกินนะ นี่ใช่คริสเพื่อนกูคนเดิมหรือเปล่าวะเนี่ย?” ใบหน้าน่ารักยิ้มเย้ยก่อนจะมองสำรวจเพื่อนตัวเองอย่างไม่อยากจะเชื่อว่าคริสจะสนใจเรื่องของคนอื่นด้วย ทีเมื่อก่อนต่อให้เอาเรื่องใครต่อใครมากรอกหูมันก็ไม่คิดจะใส่ใจเลยสักนิด น่าสงสัย
“เปล๊า! กูก็เป็นของกูแบบนี้มานานแล้ว”
“โถว ปฏิเสธกูเสียงสูงเป็นเปรตขนาดนี้ยังจะมาโกหกอีก กูเป็นเพื่อนกับมึงมากี่ปีแล้วทำไมจะดูไม่ออก ต่อให้ไอ้ฮุน ไอ้กัมจง มันมองมึงผ่านๆก็รู้ว่ามึงอ่ะชอบเขา งุ้ย!”
พูดเสร็จแบคฮยอนก็เบะปากพลางส่ายหน้าอย่างเพลียใจให้กับเพื่อนตัวสูงที่มันก็ไม่รู้ตัวเองเอาซะเลยว่าเปลี่ยนไปมากขนาดไหน ทั้งยังเป็นเรื่องของคนหน้าหวานนามว่าเลย์อีก แว้บแรกแบคฮยอนก็มองออกอย่างไม่ต้องสืบ ถ้าเข้าใจไม่ผิดอีกฝ่ายก็ดูจะสนใจเพื่อนเขาอยู่เหมือนกันนั่นแหละ
“แล้วมึงว่าเลย์จะคิดยังไงกับกูวะ?”
แบคฮยอนแทบจะหลุดขำออกมาก็ไม่ปราน คริสสุดหล่อที่มีแต่ความมั่นใจ จีบใครก็ไม่เคยจะผิดหวังเลยสักครั้ง เพียงแต่มันกระดิกนิ้วทุกคนก็หลงไหลในตัวเทพบุตรคนนี้แล้ว หากแต่นี่มันคืออะไร ไม่มั่นใจว่าอีกคนจะสนใจใช่ไหมเนี่ยถึงถามกันอย่างกระตือรือล้นขนาดนี้
“กูจะไปรู้เรอะ! เรื่องของมึง มึงก็คิดเองดิ” ใบหน้าน่ารักแสร้งทำเป็นไม่สนใจ หากแต่ไม่วายก็แอบเหลือบมองเพื่อนรักไปด้วยอย่างนึกขำ เสือจะสิ้นลายก็ครั้งนี้สินะ
.
.
.
“จะไปรึยัง?” หลังจากเลิกเรียนในคาบสุดท้ายของวันแล้ว คนหน้าหวานก็เดินมาที่หลังห้องซึ่งมีโต๊ะประจำที่คริสนั่งอยู่ ก่อนจะเอ่ยถามพลางทำหน้านิ่งเหมือนอย่างที่ชอบทำอยู่บ่อยๆ หน้าตาและคำพูดที่ไม่เป็นมิตรเอาซะเลย
“ไปสิ”
พูดตอบไปก็ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงพลางสะพายกระเป๋าใส่หลังอย่างรวดเร็ว พยักหน้าให้คนหน้าหวานที่ยืนรออยู่ก่อนแล้ว ก็เดินออกจากห้องไปพร้อมกัน และนั่นก็ไม่พ้นสายตาของแบคฮยอนที่แอบจับผิดอยู่นานพอสมควร
คนทั้งสองเดินเคียงข้างกันไปหลังจากลงมาจากตึกเรียน ทุกครั้งที่เดินด้วยกันคริสมักจะเป็นฝ่ายที่เดินตามหลังคนตัวเล็กอยู่เสมอ หากแต่ครั้งนี้เจ้าตัวกลับเดินเคียงข้างอีกคนจนไหล่แนบไหล่ไปตามทาง ไม่วายก็เอามือไปโดนมืออีกคนบ้างเป็นครั้งคราว คริสบอกได้เลยว่าตั้งใจสุดๆ
มาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนก็รอคนขับรถของคนตัวเล็กมารับเหมือนอย่างทุกวัน หากแต่วันนี้เลย์ไม่ได้จะกลับบ้าน แต่เปลี่ยนเส้นทางไปคอนโดของอีกคนที่อยู่ข้างๆห้องของเพื่อนน่ารักอย่างลู่หานแทน
ไม่รู้ว่าใช้เวลาไปนานเท่าไหร่ ไม่รู้ว่าคิดอะไรไปเพลินหรือยังไง รู้ตัวอีกทีเลย์ก็มายืนอยู่หน้าห้องของคริสเสียแล้ว มองบานประตูที่เปิดรอให้เขาเดินเข้าไปข้างในอยู่อย่างชั่งใจ ขามันก้าวไม่ออก ไม่ยอมแม้แต่จะเดินเข้าไปในห้องของคนตัวสูง แปลกและไม่ชินเลย์คิดได้แต่เพียงเท่านี้
“เข้ามาสิ หรือว่าต้องให้อุ้ม?” เมื่อเห็นอีกคนยังยืนนิ่งอยู่กับที่ คริสจึงเอ่ยเรียกสติเลย์ให้กลับมาอีกครั้ง ดูก็รู้ว่าคนตัวเล็กกลัว หากแต่นั่นก็ยังจะยอมมาทำงานที่ห้องของเขา ให้ตายเถอะ
“ไม่ต้อง มีเท้าเดินเองได้” เสียงหวานตอบกลับไปก็ค่อยๆย่างก้าวเดินเข้าห้องของอีกคนไปอย่างกล้าๆกลัวๆ หันซ้ายหันขวาระแวงจนคริสก็แทบจะหลุดขำออกมา
“มัวแต่ชักช้าแบบนั้นแล้วจะได้ทำรายงานกันสักทีไหม?”
“รีบมากก็ทำไปก่อนดิ!”
“ก็รู้อยู่ว่าฉันไม่เคยเข้าเรียน แล้วจะให้ฉันทำอะไรล่ะ ถ้านายไม่บอก”
พูดจบคริสก็เดินไปเอาโต๊ะญี่ปุ่นมากางไว้บนพรมผืนใหญ่ที่ไว้รองนั่ง เปิดโน๊ตบุ๊คขึ้นรออีกคนสั่งงานว่าต้องทำอะไรอย่างรอคอย บอกได้เลยว่าคริสจะจริงจังกับงานก็ครั้งนี้แหละ
เห็นดังนั้นคนหน้าหวานก็ไม่รอช้าเช่นกัน เปิดกระเป๋าโน๊ตบุ๊คของตัวเองออกบ้าง ก่อนจะนำมันมาวางไว้บนโต๊ะฝั่งตรงข้ามกับคริส หลังจากนั้นก็ก้มหน้าควานหาเอกสารประกอบการเรียนที่ไปค้นมาจากห้องสมุดและถ่ายเอกสารไว้เพื่อพิมพ์รายงานส่ง ขีดๆเขียนๆอย่างจริงจัง ซึ่งก็ทำให้คริสถึงกับงงว่าอีกคนทำอะไรอยู่ จนต้องชะเง้อใบหน้าหล่อเข้าไปมองด้วยความสงสัย
“มานั่งฝั่งนี้ ฉันจะบอกงานให้” เสียงหวานเอ่ยสั่งก่อนจะจัดการเอกสารที่แบ่งกันกับคริสไว้เป็นกองๆ
“เยอะอ่ะ!” เพียงแค่เห็นตัวหนังสือเล็กถี่ยิบในหน้ากระดาษเอสี่คนตัวสูงก็โวยวายทันที
“อะไร? ก็เพราะนายไม่ใช่รึไงที่ไม่มาเรียน แล้วจะให้ฉันไปสั่งงานกับผีสางที่ไหนล่ะ เพราะฉะนั้นเลยต้องมาเร่งทำทีหลังนี่ไง บ่นเพื่อ?”
“ฉันก็แค่บอกว่าเยอะ ยังไม่ได้ว่าอะไรสักน่อย”
“ก็เพราะว่านายไม่เคยทำอะไรเลยไง นิดๆหน่อยๆก็บอกว่าเยอะ!”
สิ้นเสียงหวานใบหน้าหล่อก็ถึงกับเจือนลงสนิท หันหน้าไปอีกทางก็แอบถอนหายใจอย่างรู้สึกเหนื่อย นี่คุยกับเพื่อนหรือคุยกับแม่ เหมือนโดนดุยังไงก็ไม่ปราน
“ตรงนี้นายต้องเปลี่ยนเนื้อหานะ แล้วพิมพ์ใหม่ตามที่ฉันเขียนไว้” เลย์เอ่ยบอกก่อนจะขีดเส้นใต้เนื้อหาในหน้ากระดาษนั้นเพื่อให้คริสพิมพ์ตามได้ถูก หากแต่อีกคนก็ทำเอาเลย์ต้องหยุดพูดไปชั่วคราวก่อนจะเหลือบมองใบหน้าหล่อนั้นอย่างเอาเรื่อง
“……………………………”
“เอาแต่จ้องหน้าฉัน แล้วจะเข้าใจไหม?” เมื่อเห็นว่าคริสเอาแต่จ้องมองใบหน้าของเขาอยู่โดยไม่คิดจะละออก เลย์จึงหันไปจ้องตาขวางเพื่อบอกอีกคนให้รู้ตัว ใบหน้าหวานที่ขึ้นสีระเรื่อถึงจะดูไม่เป็นมิตรหากแต่ผิดตรงที่หัวใจมันกลับแปรปรวนสวนทางซะเหลือเกิน
“ถึงตาฉันจะจ้อง แต่หูฉันก็ฟังอยู่นะ”
“จะเลิกเล่นสักทีได้รึยัง?” ถามออกไปแบบนั้นก็ไม่ใช่อะไรเลย อกจะแตกตายถ้าคริสจะจ้องกันจนเสียวสันหลังแบบนี้ แถมยังนั่งข้างซะแนบชิดจนแอร์ภายในห้องก็ไม่สามารถทำให้ร่างกายบางเย็นขึ้นได้เลย
“ไม่ได้เล่นสักหน่อย ฉันก็ตั้งใจอยู่”
พูดเสร็จก็เริ่มขยับกายเข้าไปใกล้อีกคนให้มากขึ้น เบียดไหล่กว้างเข้าไปซ้อนหลังบางของเลย์ก่อนจะส่งใบหน้าหล่อเข้าขนาบข้างแก้มนิ่มของอีกคน พลางมองเนื้อหาที่คนหน้าหวานกำลังอธิบายอยู่อย่างตั้งใจ
“เอาหน้าออกไปไกลๆได้ป๊ะ?” รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่สูดผ่านข้างแก้ม เลย์ก็แทบใจเต้นกระสับกระส่ายไม่เป็นตัวของตัวเอง เอ่ยบอกอีกคนเสียงแข็งได้ก็ไม่วายผลักหน้าหล่อๆนั้นให้ออกไปห่างๆ จะเสร็จสักทีไหมนะรายงานเล่มนี้
“ฉันกำลังตั้งใจอยู่ไง เดี๋ยวนายก็ว่าฉันอีกอ่ะ”
“ตั้งใจไปนะบางที กวนฉันใช่ไหม?”
“ไม่ได้กวนซะหน่อย” เชื่อได้ไหมว่าคริสไม่ได้กวน ไม่ได้กวนหน่อยหากแต่กวนอีกคนมากจริงๆ
“เอานี่ไปพิมพ์ ทำให้เสร็จด้วยล่ะ” มือบางส่งชีสไปแปะไว้ที่หน้าอกของคริสอย่างแรง พลางชี้มือเป็นเชิงบอกให้อีกคนกลับไปนั่งที่เดิมอย่างรวดเร็ว จ้องเขม่นอย่างคาดโทษไม่วายก็หยิบหมอนใกล้ๆมือปาใส่คนตัวสูงอย่างนึกหมั่นไส้
“นิสัยผิดกับหน้าตาจริงๆ” เสียงทุ้มพึมพำกับตัวเองเบาๆ หากแต่...
“ฉันได้ยินนะคริส ย๊า! ไอ้บ้า!” หลับหูหลับตาตะโกนออกไปจนใบหน้าหวานแดงกล่ำไปหมด พองลมที่แก้มอย่างนึกงอนอีกคนก่อนจะก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานต่อไป พยายามข่มอารมณ์เพราะรู้ว่าอีกนิดมันก็จะถึงขีดสุดแล้ว แต่นั่นรายงานต้องมาก่อน รอรายงานเสร็จเมื่อไหร่ เลย์บอกได้เลยว่าจะเอาคืนอย่างแน่นอน
ทำงานมาได้แค่ครึ่งทาง นี่ก็ดึกมากแล้วหากแต่ทั้งคู่ยังคงขะมักเขม้นปั่นงานกันจนลืมเวลา ลืมไปเสียว่าตั้งแต่เลิกเรียนมือค่ำก็ยังไม่ได้ตกถึงท้องเลยสักนิด ก้มหน้าก้มตาพิมพ์งานกันไปโดยไม่มีใครเอ่ยพูดอะไรกันสักคำ ทั้งคริสที่เป็นคนไม่เอาไหนกับงานก็ยังดูจริงจังขึ้นมาจนเลย์ที่แอบเหลือบมองอยู่ก็ถึงกับนึกพอใจไม่น้อย
“ทานข้าวกันก่อนไหม?”
เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากพิมพ์งานอีกแผ่นเสร็จไป ลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก็บิดซ้ายบิดขวาเพื่อผ่อนคลายกล้ามเนื้อ เพราะว่าไม่เคยทำงานหนักแบบนี้มานานคริสจึงไม่คุ้นชินกับอาการที่กำลังเป็นอยู่ ปกติมีอะไรคนมีเงินอย่างเขาก็จ้างทำตลอด แม้กระทั่งภาษาอังกฤษที่อาจารย์ประชั้นให้แปลเขาก็ยังไปจ้างเพราะขี้เกียจทำเองทั้งๆที่เรื่องภาษาของเขาดีมากเลยทีเดียว
“ก็ดี ฉันหิวแล้วเหมือนกัน”
“อยากออกไปทานข้างนอกหรือว่าจะทำทานเองในห้อง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามความต้องการจากอีกคน ให้เลย์เลือกส่วนเขาก็มีหน้าที่แค่ทำตามใจคนตัวเล็กคนนี้
“ที่ห้องก็สะดวกดี ฉันง่ายๆ” ไหล่บางไหวน้อยๆเป็นเชิงบอกว่าเขาไม่เรื่องมาก และนั่นคริสก็ถึงกับส่ายหน้าไปมา จะง่ายได้สักกี่น้ำเชียว เห็นที่ผ่านมาก็เอาแต่ใจตัวเองทั้งนั้น
“คือฉันทำอาหารไม่เป็นน่ะ นายทำเป็นหรือเปล่า?”
“………………………”
เลย์ไม่ได้พูดอะไร ใบหน้าหวานส่ายไปมาก่อนจะก้มหน้าลงเพราะเขาทำมันไม่เป็นจริงๆ ถ้าทำอะไรเองเป็นคงออกมาอยู่ข้างนอกคนเดียวแล้ว แต่นี่ยังอยู่บ้านให้แม่บ้านทำอะไรให้ทุกอย่าง
“ไม่เป็นไร ฉันก็คิดไว้อยู่แล้วแหละ”
“แอบด่าฉันป่ะเนี่ย?”
“เปล่าๆ ...ฉันมีแต่อาหารแช่แข็ง นายทานได้นะ?” มือหนาโบกปฏิเสธคนหน้าหวานไปก่อนจะถามอีกครั้งหลังจากเปิดตู้เย็นแล้วพบว่าข้างในมันมีแต่อาหารสำเร็จรูปที่แค่เวฟก็ทานได้ในทันที
“อื้ม แค่มีจะกินก็พอ”
สิ้นเสียงหวานคริสก็ถึงกับหัวเราะร่วนอย่างเปิดเผย แอบตลกนะเลย์เนี่ย คุณหนูผู้เอาแต่ใจ อะไรก็ได้งั้นหรอ คริสจะรอดู
หลังจากรับประทานอาหารกันเสร็จ ทั้งสองก็มานั่งทำงานต่อเหมือนเดิม ใช้เวลานานพอสมควรก็ปริ้นมันออกมาจัดรูปเล่มจนเป็นรูปเป็นร่างขึ้นมา เหลือแต่หน้าปกที่ต้องมีชื่อของทั้งสองและรหัสนักเรียนเพื่อเป็นตัวรับคะแนนจากอาจารย์ผู้สอน หากแต่นั่นคนที่ไม่เปิดเผยชื่อจริงอย่างเลย์จะทำอย่างไรต่อไปดี
“พิมพ์ชื่อนายลงไปสิ” คริสหันหน้าจอโน๊ตบุ๊คไปหาคนหน้าหวาน กระตุกยิ้มที่มุมปากพลางก็อดกลั้นมันเต็มที่เมื่อได้เห็นสีหน้าของเลย์ในตอนนี้ บอกได้เลยว่าเจือนเสียสนิท หนักใจและเป็นกังวลคงเห็นได้ชัดเจนที่สุด
“เอ่อ...หน้าปก? เดี๋ยวฉันกลับไปพิมพ์ที่บ้านดีกว่า”
“ทำไมอ่ะ นี่ก็จะเสร็จแล้วนะ นายจะเอากลับไปทำที่บ้านให้เป็นภาระอีกทำไม?” คริสกำลังนึกสนุกขึ้นมาเสียเฉยๆ ยิ่งเร้าอีกคนเลย์ก็ดูจะมีพิรุธจนเห็นได้ชัด
“ก...ก็ฉันบอกว่าจะเอากลับไปพิมพ์ที่บ้านก็คือไปพิมพ์ที่บ้าน ไม่ต้องยุ่งได้ป๊ะ?” พูดเสร็จใบหน้าหวานก็งองุ้มในทันที ก้มหน้าลงก็ถอนหายใจออกมาเบาๆเมื่อนี่ก็เป็นอีกครั้งที่เอาตัวรอดมาได้
“โอเค งั้นเดี๋ยวฉันส่งเข้าเมลล์ให้แล้วกัน ...แล้วนายว่าตรงนี้มันเป็นยังไงบ้าง มันต้องเพิ่มอะไรอีกไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยถามอีกครั้งก่อนจะเปลี่ยนฝั่งไปนั่งฝากเดียวกับเลย์เพื่อขอความคิดเห็น
“มันก็ใช้ได้แล้วนะ แต่ว่านายควรจะปรับตัวหนังสือตรงนี้ให้มันเข้มหน่อย เพราะมันเป็นส่วนสำคัญ” พูดเสร็จมือบางก็เอื้อมไปเลื่อนเมาส์เพื่อจัดหน้ากระดาษและตัวหนังสือให้กับคริสอย่างตั้งใจ หากแต่...
“อ่า มันต้องปรับตรงนี้สินะ” ไม่พูดเปล่าก็ถือโอกาสวางมือหนาลงทาบทับมือบางที่กอบกุมเมาส์อยู่อีกที ทำเนียนจับมืออีกคนไปอย่างหน้าตาเฉย ได้นิดนึงพอชื่นใจก็ยังดีนะคริส
รู้สึกได้ถึงไออุ่นจากมือหนาที่กุมมืออยู่ ใบหน้าหวานก็หันกลับไปหวังจะต่อว่าอีกคนที่ฉวยโอกาสเขาอยู่ตลอดทุกเมื่ออย่างไม่รีรอ หากแต่หันไปได้ใบหน้าหล่อนั้นก็หันหน้ามาทางเขาพอดี ปลายจมูกโด่งทั้งสองจึงแตะกันเบาๆ ความใกล้ชิดแบบนี้ทำให้รับรู้ได้ถึงลมหายใจอุ่นๆที่เป่ารดกันอยู่เพียงเซนต์ของไม้บรรทัด ใกล้กันมากจนแทบจะได้ยินเสียงของก้อนเนื้อในอกที่มันเต้นโครมครามแข่งกันก็ไม่ปราน
“ขอโทษๆ ก็แค่จะหันไปถาม” เมื่อเรียกสติตัวเองกลับมาได้ คริสก็รีบขอโทษขอโพยคนตัวเล็กอย่างรวดเร็ว ยอมรับว่าที่แอบจับมืออีกคนอ่ะตั้งใจ แต่ไอ้ที่หันหน้าไปแบบนั้นบอกเลยว่าแค่บังเอิญ
“อื้อ”
ตอบเสียงแผ่วเบาในลำคอ ใบหน้าหวานก็ก้มงุดหลบซ่อนความร้อนผ่าวที่ระอุอยู่ในตอนนี้ทันที พวงแก้มอมชมพูที่เจือสีชัดมากกว่าเดิม เลย์พยายามแล้วที่จะควบคุมมันแต่นั่นก็เขินซะจนเก็บไว้ไม่อยู่
“………………….”
“เอ้อ ว่าแต่ตอนนี้กี่โมงแล้ว” มัวแต่เขินอีกคนเพลิน นึกได้อีกทีก็ลืมเวลาไปเสียสนิท ยกข้อมือบางขึ้นดูนาฬิกาที่เข็มยาวชี้บอกเวลาก็ถึงกับตาเบิกโพลงด้วยตวามตกใจ
“อีกห้านาทีจะเที่ยงคืน” คริสช่วยตอบให้อีกคนเป็นการย้ำเตือน ไม่วายก็ยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างเจ้าเล่ห์
“เห้ย! ฉันจะกลับบ้านยังไงล่ะเนี่ย?”
เสียงหวานโวยวายขึ้นมาทันควัน ยกมือขึ้นทึ้งหัวตัวเองด้วยความหงุดหงิด ไม่ได้โทรบอกใครไว้เลยทั้งยังลุงโฮดงคนขับรถก็มีหน้าที่ถึงแค่สามทุ่มในการรับส่งเขาในแต่ละวัน ซวยแล้วไงเลย์
“กลับไม่ได้ก็นอนกับฉัน”
“อย่ามาตลกน่าคริส!” บ่นค่อนขอดอีกคนเสร็จ เลย์ก็รีบล้วงเครื่องมือสื่อสารราคาแพงจากในกระเป๋าขึ้นมา เลื่อนปลดล็อคหน้าจอก่อนจะโทรหาเพื่อนสนิทคนน่ารักอย่างรวดเร็ว
“……………………….”
“งื้อ...ลู่หานไม่รับอ่ะ!” ไม่พูดเปล่า คนตัวเล็กก็เอาแต่เดินไปเดินมาภายในห้องแคบๆและนั่นคริสก็มองภาพตรงหน้าอย่างนึกขัน
“……………………..”
“เดี๋ยวฉันมานะ” เสียงหวานเอ่ยบอกคนที่นั่งเงยหน้ามองเขาอยู่ ก่อนขาเล็กจะพาตัวเองให้เดินออกไปนอกประตูและไปหยุดยืนอยู่ที่หน้าห้องข้างๆด้วยอาการลุกลน หนทางเดียวที่เขาจะมีที่ซุกหัวนอนในคืนนี้คือห้องของลู่หาน เพื่อนสนิทที่ไว้ใจได้ที่สุด
มือเล็กเคาะประตูไม้บานหนาอยู่นานสองนาน หวังว่าคนที่เขากำลังคิดถึงอยู่จะออกมาเปิดให้อย่างที่ใจคิด แต่นั่นกลับต้องผิดหวังเพราะนอกจากอีกคนจะไม่มาเปิดประตูให้เขาแล้วก็ไม่มีเสียงใดๆตอบรับกลับมาให้ใจชื้นเลย
“ดูท่าลู่หานจะไม่อยู่ด้วยสิ”
คนตัวสูงออกมายืนพิงประตูห้องของตัวเอง สองแขนสอดประสานกันขึ้นแนบอกพลางมองคนตัวเล็กที่เอาแต่เคาะประตูบานนั้นอยู่ซ้ำๆ รู้อยู่ว่าจะไม่มีใครมาเปิด แต่ก็พยายามจริงๆเลยนะเลย์
“ฉันจะกลับบ้าน!”
“นอนกับฉันแล้วมันเป็นอะไร? ก็ผู้ชายด้วยกัน อีกอย่างเที่ยงคืนแล้วรถเมล์ก็หมดแล้วด้วย รถแท็กซี่นายกล้าขึ้นกลับคนเดียวไหมล่ะ?”
“ก็เพราะว่าต้องนอนกับนายนั่นแหละ ฉันถึงกลัว!”
“หึ! ไม่แน่จริง”
สิ้นเสียงทุ้มมือบางก็กำเข้าหากันแน่นอย่างนึกแค้นอีกคน กวนประสาทกันไม่พอ ยังเป็นมารประจำกายเขาอีกด้วย ไม่พูดพร่ำทำเพลง เลย์ก็ไม่คิดจะให้อีกคนดูถูกเขาไปมากกว่านี้ ขาเล็กพาตัวเองให้เดินกลับเข้าไปในห้องของคนตัวสูงอีกครั้ง หันกลับมามองอีกคนที่เดินตามหลังมาก็เอ่ยพูดในทันที
“จะอาบน้ำ!”
พูดเสร็จ ใบหน้าหวานก็งองุ้มนึกงอนอีกคนอย่างเห็นได้ชัด ที่ยอมนอนด้วยก็เพราะไม่มีหนทางอื่นให้เลือก ไม่งั้นเลย์บอกได้เลยว่าเขาจะไม่มีทางเอาชีวิตมาเสี่ยงแบบนี้อย่างแน่นอน ถึงจะเป็นผู้ชายด้วยกัน แต่ผู้ชายอย่างคริสเลือกซะที่ไหนแถมยังไว้ใจไม่ได้อีก
“จะนอนที่นี่?”
คิ้วเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถาม กระตุกยิ้มมุมปากอย่างคนที่เหนือกว่า เย้ยคนหน้าหวานจนอีกคนต้องเสมองไปทางอื่นด้วยความหงุดหงิด
“เออ! ก็ไม่มีที่จะไปแล้วหนิ”
สิ้นเสียงหวานใบหน้าหล่อก็เผยยิ้มในทันที ไอ้อาการไม่เป็นมิตรของเลย์แบบนี้ไงที่ทำให้คริสเริ่มตกหลุมรัก ถึงจะรู้ว่ามันไม่ใช่นิสัยที่แท้จริงของคนหน้าหวานแต่นั่นคริสก็ว่าน่ารักดี แต่ที่แปลกใจคือเริ่มรู้สึกว่านิสัยตอนนี้กับตอนเด็กของเลย์มันเริ่มสวนทางกันซะเหลือเกิน
.
.
หลังจากอาบน้ำเสร็จ คนหน้าหวานก็เดินมาหยุดนั่งที่โซฟาเนื้อดีในห้องที่เขาใช้เวลามานานแล้วหากแต่มันกลับไม่คุ้นเคยเอาซะเลย มองซ้ายมองขวาหาคนตัวสูงเจ้าของห้องก็นึกแปลกใจว่าเจ้าตัวไปไหน แต่นั่นความสงสัยก็พลันมลายหายไป พร้อมกับใบหน้าหวานที่หันขวั่บหนีไปอีกทางอย่างรวดเร็ว
“จะถอดเสื้อถอดผ้าก็ไปถอดในห้องน้ำดิ มาถอดอะไรตรงนี้ เห็นฉันเป็นหัวหลักหัวตอรึไง?” โวยวายทันทีเมื่อหันไปเห็นว่าอีกคนกำลังทำอะไร คริสที่กำลังถอดเสื้อผ้าจนเหลือเพียงแค่ผ้าเช็ดตัวที่ห่อหุ้มช่วงล่างไว้ ทำเอาเลย์ต้องยกมือปิดหน้าไม่อยากมองภาพบาดตาที่ได้พบเห็น
“ปกติฉันก็ทำแบบนี้”
“แต่วันนี้ฉันอยู่ในห้องกับนายนะเว้ย!” พูดอู้อี้ไปกับมือที่ยังคงปิดหน้าตัวเองเอาไว้ เลย์บอกได้เลยว่าคริสเป็นคนที่กวนส่วนที่เดินได้ที่สุดตั้งแต่เคยพบเจอมา
“อ้าวหรอ? โทษที ก็มันชินอ่ะ” ยิ้มแหยๆส่งไปให้คนตัวเล็กก็รีบเดินเข้าห้องน้ำไปอย่างรวดเร็ว ก่อนที่เลย์จะไม่ใช่แต่ด่าทอแต่อีกคนอาจจะทำร้ายร่างกายของเขาก็เป็นได้ เห็นแบบนี้นิสัยแข็งกระด่างของเลย์ก็ทำให้คริสหวั่นๆอยู่ไม่น้อยเลยทีเดียว
คนตัวเล็กถึงกับถอนหายใจออกมาเมื่อคริสเข้าไปในห้องน้ำเป็นที่เรียบร้อยแล้ว จำได้ว่าเพิ่งจะอาบน้ำไปไหงตอนนี้เหงื่อแตกพลั่กเต็มตัวไปหมด ทั้งตื่นเต้นทั้งร้อนรุ่ม เลย์บอกได้เลยว่าอยู่กับอีกคนทีไรก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่เสมอ
มองไปรอบๆห้องที่ตกแต่งคล้ายคลึงกับห้องของเขา เลย์ก็ถึงกับยกยิ้มออกมาอย่างลืมตัว สำรวจนู่นสำรวจนี่หวังจะซึมซับว่าอีกคนมีความเป็นอยู่ยังไง และนั่นม่านตากลมก็ต้องไปหยุดอยู่กับสิ่งที่คล้ายกับของเขาอีกสิ่งอยู่ที่หัวเตียงของคริส กรอบรูปที่มีภาพสมัยเด็กตั้งโชว์อยู่
“ไม่เคยคิดเลยว่าจะได้มาอยู่ด้วยกันอีกครั้งในตอนนี้”
เสียงหวานเอ่ยกับตัวเองแผ่วเบา ก่อนจะยืนจ้องรูปสมัยเด็กของคริสไม่วางตา ยิ้มบางๆออกมาอย่างนึกเอ็นดูกับเด็กหนุ่มวันห้าขวบในภาพนั้น ภาพที่เลย์จำได้เสมอไม่เคยลืม และวันที่คริสจากเขาไปนั่นเขาก็ไม่เคยลืมมันด้วยเช่นกัน
“ยืนมองอะไรอยู่?” ถึงกับสะดุ้งโหยงเมื่อเสียงทุ้มที่ดังมาจากด้านหลังทำให้ห้วงความคิดมลายหายสิ้นไป ทำตัวไม่ถูกก็หันกลับไปยิ้มกับอีกคนเพื่อกลบเกลื่อน
“รูปตอนเด็กนายน่ารักมากเลย” เลย์พูดชมออกไปจากใจจริง ตอนเด็กน่ารัก โตมาก็หล่อไม่เบาเลยทีเดียว
“ตอนเด็กกับตอนนี้ไม่เหมือนกันเลยใช่ไหมล่ะ?”
“ก็ไม่แตกต่างเท่าไหร่” พูดไปก็มองสำรวจใบหน้าหล่อเหลาคนตัวสูงที่อยู่ในชุดนอนไปด้วย
“นายหมายถึงตอนนี้ฉันน่ารักเหมือนตอนเด็กใช่ไหม?” ยกยิ้มที่มุมปากก็เอ่ยถามคนหน้าหวานออกไป ชมแต่เขาน่ารักไม่ยักจะมองตัวเองบ้างเลยนะเลย์ว่าน่ารักมากขนาดไหน
“ฉันไม่ได้พูดแบบนั้นสักหน่อย หลงตัวเอง!”
.
“แล้วรูปตอนเป็นเด็กนายไม่มีบ้างหรอ? แอบดูรูปฉันแล้ว นายต้องเอารูปนายมาให้ฉันดูบ้างนะ” เลย์ถึงกับสะอึกเมื่อสิ่งที่อีกคนพูดนั้นทำเอาอยากเปลี่ยนเรื่องคุยไปซะเฉยๆ ให้เห็นรูปตอนเป็นเด็กความก็แตกหมดอ่ะดิ
“เอ่อ...อยู่เมืองจีนหมดอ่ะ ฉันไม่ได้เอามาด้วย” พูดไปก็เสมองไปอีกทางเพื่อหลีกเลี่ยงสายตาคมของอีกคนที่จ้องมองมา โกหกออกไปเต็มปาก แต่นั่นเลย์ก็ไม่มีทางเลือกแล้วจริงๆ
“อ้อหรอ? ว้า...น่าเสียดาย” ใบหน้าหล่อพยายามอย่างถึงที่สุดเพื่อให้รู้ว่าเสียดายแค่ไหน บางทีคริสก็ควรจะไปเป็นนักแสดงมากกว่านักบอร์ดเสียอีก แอคติ้งแนบเนียนจนเลย์เองก็ถึงกับเชื่ออย่างไม่มีข้อแม้
“ง่วงแล้ว จะนอนยัง?” คนตัวเล็กเอ่ยถามเมื่อไม่อยากสาวความไปมากกว่านี้ ยิ่งพูดอีกคนก็ดูจะจับผิดเขาอยู่ตลอด เหมอๆความอาจจะแตกในอีกไม่ช้าก็เป็นได้
“โอเคๆ นอนแล้วครับ”
ไม่พูดเปล่า ขายาวยังพาร่างของตัวเองให้เดินเข้าไปประชิดคนตัวเล็กกว่าช้าๆ เดินเข้าหาร่างกายบางจนอีกคนก็เซไปข้างหลังด้วยความหวาดหวั่น สุดทางจนถึงปลายเตียงหลังใหญ่ มือหนาจึงออกแรงดันคนตัวเล็กให้นอนราบไปกับเตียงนุ่มในทันที ไม่คิดอะไรมากก็ขึ้นคร่อมอีกคนโดยไม่รอให้ขัดขืน ก่อนจะเอ่ยประโยคที่ทำให้เลย์อยากจะวิ่งหนีออกจากห้องนี้ให้รู้แล้วรู้รอดก็ไม่ปราน “ต้องนอนด้วยกันนะ”
“ไม่เอา!” หน้าตาตื่นเมื่ออีกคนนอนทาบทับอยู่บนร่างกายของเขา เลย์คิดว่าจะไว้ใจคริสได้อยู่แล้วเชียว สุดท้ายนิสัยเดิมๆก็ไม่ได้จางหายไปเลยสักนิด
“นายว่าอะไรนะ?”
“ฉันไม่อยากนอนกับ....อื้อ”
ไม่ทันจะได้เอ่ยจบประโยคก็ต้องกลืนคำพูดลงคอไปเสียก่อน เมื่อกลีบปากอมชมพูสวยโดนครอบครองจากคนที่อยู่บนร่างจนไม่สามารถขัดขืนได้ หันหนีไปอีกทางคนตัวสูงก็ชำนาญซะจนต้องโดนประกบจูบอีกครั้ง เผลออ้าปากเมื่อต้องการลมหายใจก็รับรู้ได้ถึงลิ้นร้อนที่สอดเข้ามาควานหาบางสิ่งบางอย่างในตัวของเขา ขัดขืนได้ไม่นานมือไม้ก็อ่อนยวบจนน่าหงุดหงิด จูบตอบอีกคนไปเบาๆก็ครางเสียงหลงออกมาอย่างน่าอาย
“ไอบ้า! ไหนว่าจะไม่ทำแบบนี้กับฉันไงเล่า!” โวยวายใส่คนตัวสูงที่อยู่ด้านบนทันทีเมื่อได้รับอิสระ ใบหน้าขาวเจือสีแดงระเรื่อชัดเจน ไม่รู้ว่าโมโหหรือว่าเขินกันแน่ หากแต่ตอนนี้เลย์บอกได้เลยว่าสับสนที่สุด
“ฉันบอกตอนไหน?”
“คริส!” เสียงหวานตะโกนแทบจะสุดเสียงเมื่ออีกคนทำเหมือนว่าคำพูดที่เคยบอกเขามันไม่มีความหมาย ทั้งยังทำเป็นไม่รู้ไม่ชี้ ไม่อยากจำหรือต้องการอะไรกันแน่ หมั่นไส้สุดๆ
“ไม่เอาน่า นอนกันเถอะนะ” พูดเสร็จก็ทิ้งตัวลงนอนข้างๆกายบางพลางรั้งเข้ามาไว้ในอ้อมกอดแล้วกระชับแน่นในทันที โดยไม่ได้สำนึกเลยว่าคนหน้าหวานที่เขาแกล้งอยู่นั้นไม่ได้เต็มใจเลยสักนิด
“ปล่อยเดี๋ยวนี้!”
เลย์พยายามดิ้นจนสุดตัวหากแต่อีกคนก็เอาแต่กอดรัดแน่นแล้วซบหน้าไปกับซอกคอของเขาอยู่อย่างนั้น ไม่วายยังไม่รู้ร้อนรู้หนาวทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้นอีก เหลือบมองอีกครั้งก็เห็นคริสเอื้อมมือไปปิดไฟที่หัวเตียงจนตอนนี้มันมืดมิดมองไม่เห็นอะไรเลย
“นายว่าไหม? โลกใบนี้มันกลมซะจริงๆ” อยู่ๆเสียงทุ้มก็เอ่ยถามในความมืดทั้งๆที่ยังหลับตาอยู่ และนั่นเลย์ก็ถึงกับหยุดดิ้น นอนนิ่งให้อีกคนกอดอยู่แบบนั้น
“นายจะพูดอะไรกันแน่?”
“นายเหมือนใครคนนึงที่ฉันเคยรู้จัก เหมือนคนที่ฉันอยากจะพบเจอมาตลอดสิบสองปีที่ผ่านมา ฉันคิดถึงเขา” เสียงทุ้มเอ่ยข้างใบหูของคนหน้าหวานอย่างแผ่วเบา จนคนที่ได้รับฟังมันก็ถึงกับเกร็งตัว จำต้องเบื้อนหน้าหนีไปอีกทาง
“ก็แค่เหมือน ไม่ใช่คนๆนั้นของนายสักหน่อย” รู้สึกน้อยใจเมื่อคิดว่าคริสก็แค่เห็นเขาเหมือนตัวแทน ถึงจะรู้ว่าคนที่คริสเอ่ยถึงเป็นตัวเขาเองแต่ทำไมไม่รู้เหมือนกัน เลย์ถึงรู้สึกน้อยใจถึงเพียงนี้ หากแต่พอได้ฟังประโยคถัดไปของคนที่กอดรัดร่างกายเขาอยู่ ก็ถึงกับน้ำตาคลอขึ้นมาเสียดื้อๆ ไม่รู้ทำไมถึงอ่อนไหวกับเรื่องนี้ได้มากเหลือเกิน
“ไม่ใช่แค่เหมือน แต่ฉันรู้สึกว่านายเป็นคนๆนั้นเลยต่างหาก”
...ADOLESCENT…
*** มาอัพแล้วค่ะ รู้สึกจะเว้นระยะสั้นกว่าครั้งก่อนๆ คริคริ
ขยายความดีกว่า คือตัวละครเด็กๆในเรื่องนี้ อารมณ์ก็แบบลูกคนรวยเนาะ แต่สังเกตุว่าทุกคนจะมีปมของตัวเองที่ตอนนี้รีดเดอร์ก็ยังไม่รู้ แฮ่ๆ ค่อยๆเป็นค่อยๆไปจร้า มีเงินแต่บางทีก็อาจจะไม่มีความสุข นั่นแหละที่จะสื่อ สุดท้ายก็....รักรีดเดอร์ทุกคนค่ะ 55555555
ความคิดเห็น