คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ll ADOLESCENT 4 ll
ADOLESCENT 4
กริ๊ง!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
สัญญาณบอกเวลาเลิกเรียนในตอนเย็นส่งเสียงกึ่งก้องดังไปทั่วทั้งตึก ทำให้เหล่าบรรดานักเรียนมัธยมปลายในห้องต่างโก่งคอร้องตะโกนออกมาด้วยความดีใจที่เวลาในตอนนี้เป็นสิ่งที่พวกเขารอคอยมาตลอดทั้งวัน ทุกคนพร้อมใจกันลุกขึ้นยืนเก็บข้าวเก็บของลงกระเป๋ากันอย่างไม่ต้องนัดหมาย นั่นก็รวมถึงเด็กหนุ่มที่มีใบหน้าน่ารักปรานหญิงสาวอย่างลู่หานด้วยเช่นกัน
เท้าเล็กเดินลงมาจากตึกเรียนพลางกระชับกระเป๋าที่สะพายใส่หลังอยู่ให้มั่นคง เดินลงมาถึงชั้นล่างของตึกก็ถึงกับนึกแปลกใจกับผู้คนมากมายที่กำลังมุงดูบางสิ่งบางอย่างอยู่ หากแต่นั่นก็ไม่สามารถดึงดูดคนอย่างลู่หานได้เลย คนน่ารักเดินเลยผ่านกลุ่มคนไปโดยไม่ได้สนใจกับสิ่งที่เกิดขึ้นเลยสักนิด หากแต่เดินผ่านไปได้สักพัก หางตาก็คุ้นๆกับสิ่งที่เหมือนเคยเห็นมาก่อนอยู่ร่ำไร เท้าเล็กจึงชะงักกึกก่อนจะค่อยๆถอยหลังกลับไปดูให้แน่ใจอีกครั้ง
“ไอ้ติ๋ม!!....มาได้ไงวะ?”
เหมือนจะลืมว่าให้อีกคนมารับ เสียงหวานถึงกับอุทานออกมาในทันทีเมื่อรู้ว่าทุกคนให้ความสนใจกับอะไร ก็แน่ล่ะรถยุโรปสีขาวไข่มุขที่จอดอยู่หน้าตึกเรียนของเขามันดึงดูดสายตาผู้คนได้เป็นอย่างดี พร้อมกับเจ้าของมันที่ยืนพิงรถอยู่เหมือนรอคอยอะไรบางอย่างนั่นก็ด้วย
“ลู่หาน!”
กำลังจะหันหลังย่างก้าวเดินจากไปแต่ก็ต้องชะงักเท้าไว้เพียงเท่านั้น เมื่อเสียงทุ้มที่เรียกรั้งไว้ทำเอาคนน่ารักต้องหันไปประจันหน้ากับอีกคนอย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
“อะไร มาทำไม?”
“ฉันมารับตามที่สัญญา” พูดเสร็จเซฮุนก็ยิ้มกรุ้มกริ่มส่งไปให้จนลู่หานถึงกับนึกหมั่นไส้ไม่น้อย คนก็เยอะ ทั้งตอนนี้ยังเป็นจุดสนใจอีก ลู่หานจะทำยังไงได้ จำต้องเลยตามเลยเดินตามเจ้าของเสียงเรียกไปขึ้นรถคันหรูท่ามกลางสายตาผู้คนที่มุงดูอยู่อย่างจำใจ
.
.
.
“ทีหลังจะมารับช่วยเปลี่ยนรถด้วยนะ” นั่งนิ่งเป็นตุ๊กตาหน้ารถอยู่ได้ไม่นาน ลู่หานก็เอ่ยพูดทำลายความเงียบขึ้นมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย
“ทำไมอ่ะ?”
“มันเป็นจุดเด่น ฉันไม่ชอบ!”
พูดเสร็จก็เบือนใบหน้าน่ารักออกไปมองนอกกระจกรถในทันที ลู่หานเกลียดที่สุดคือการเป็นจุดเด่นในสายตาของคนอื่น เขาชอบอยู่เงียบๆกับตัวเอง ทำอะไรที่มันเรียบง่ายไม่หรูหรา นั่นก็เป็นเหตุผลว่าทำไมเขาถึงต้องจากบ้านมาเรียนไกลถึงที่เกาหลี เพราะครอบครัวที่มีชื่อเสียงทำให้เขาทำตัวลำบากมากกว่าที่เป็น
“งั้นต่อไปจะไม่เอาคันนี้มาแล้ว”
“ไม่ต้องเลย! พรุ่งนี้ฉันจะขับรถมาเอง”
“โอเคๆ”
ตอบไปแค่นั้นเซฮุนก็หันกลับไปมองทางข้างหน้าพลางตั้งใจขับรถต่อไป นึกว่าลู่หานจะใจอ่อนกับช่อดอกไม้เมื่อเช้าหากแต่ก็ไม่มีอะไรคืบหน้าเลยสักนิด ถึงอย่างนั้นเซฮุนก็ยังไม่คิดจะเลิกลา ในเมื่อตอนนี้เขาต้องการลู่หานมากซะเหลือเกิน
“ไอ้ติ๋ม! นายจะพาฉันไปไหนเนี่ย? นี่มันไม่ใช่ทางกลับคอนโดฉันนะเว้ย!” โวยวายขึ้นมาทันควันเมื่ออีกคนกำลังจะยูเทิร์นรถกลับไปอีกทาง หันซ้ายหันขวาเมื่อไม่ใช่ทางกลับไปที่อยู่ของตน ลู่หานก็ถึงกับหงุดหงิดขึ้นมาเสียเฉยๆ
“ดินเนอร์”
เสียงทุ้มพยายามออกเสียงสำเนียงภาษาอังกฤษเพื่อกวนประสาทคนน่ารักและนั่นเซฮุนก็ไม่ใช่แค่ได้รับสายตาที่ไม่พอใจจากลู่หานกลับมา หากแต่คนที่นั่งข้างๆก็ยังส่งมือเล็กมาหยิกเข้าที่ต้นแขนแกร่งนั้นจนเต็มแรง
“โอ้ย!! ฉันเจ็บนะ”
“ฉันจะกลับคอนโด เลี้ยวรถเดี๋ยวนี้นะไอ้ติ๋ม!”
“ไปทานข้าวกันก่อนนะ สัญญาเลยว่าจะไปส่งให้ถึงเตียง เอ้ย!...ถึงคอนโดเลย”
“ไอ้...ติ๋ม!!” ลู่หานหลับหูหลับตาตะโกนใส่เซฮุนอย่างเหลืออด ให้ตายเหอะว่าโคตจะเหนื่อยเลยที่ต้องมาต่อล้อต่อเถียงกับเซฮุน หมั่นไส้มากก็ยกมือเล็กขึ้นตีอีกคนรัวๆจนหน้าแดงกล่ำไปหมด
“โอเค ยอมแล้วๆ สงบศึกแล้วไปทานข้าวกันนะ” เซฮุนยอมรับเลยว่าที่อีกคนรัวฝ่ามือใส่มาเมื่อครู่นั้นเจ็บมากก็ไม่ปราน หากแต่ก็รู้สึกดีเมื่อได้ยินคำด่าทอจากอีกคน เซฮุนโรคจิตอ่อนๆแล้วใช่ไหม
.
.
.
อาหารที่วางเรียงรายเต็มโต๊ะกว้างทำให้ลู่หานถึงกับเบิกตาโพลงแพรวพราว กวาดม่านตากลมมองไปยังอาหารคาวหวานตรงหน้าก็ถึงกับกลืนน้ำลายเอือกลงคอในทันที ก็ตั้งแต่อยู่คอนโดคนเดียวเคยมาทานอะไรแบบนี้ซะที่ไหน ทั้งยังนิสัยขี้งกที่แก้ยังไงก็ไม่หายทำให้ลู่หานถึงกับยิ้มกริ่มเพราะของฟรีที่เขาไม่ต้องเป็นคนจ่าย แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเก็บอาการเมื่อเห็นคนที่นั่งฝั่งตรงข้ามเอาแต่ลอบมองเขาอยู่ตลอด
“เลี้ยงปะเนี่ย?” คำถามที่ทำเอาเซฮุนเกือบตกเก้าอี้ก็ไม่ปราน ทำให้ใบหน้าหล่อเผยยิ้มบางๆส่งไปให้อย่างเปิดเผย ก็คนที่เขาพามาก็หวังจะเลี้ยงอยู่แล้วแต่ลู่หานก็ยังนึกระแวงอยู่ดี
“เลี้ยงดิ ก็จีบอยู่”
“ห๊ะ!! อะไรนะ?” ถึงกับตกใจเมื่อได้ยินคำพูดที่หลุดออกมาจากปากของเซฮุน ลู่หานไม่ได้หูฝาดไปใช่ไหม
“ฉันจีบนายอยู่ นายไม่รู้ตัวเลยรึไง?” ตรงเกินไปจนคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามถึงกับหลุบตาหนีแทบไม่ทัน เซฮุนกำลังทำให้ลู่หานเสียสมดุลทั้งยังสายตาเจ้าเล่ห์ที่เอาแต่จับจ้องใบหน้าน่ารักก็ทำให้ลู่หานทำตัวไม่ถูกเอาเสียดื้อๆ
“นายชอบฉันหรอ? แต่ว่า...ฉันไม่ได้ชอบนายว่ะติ๋ม” ถึงจะทำตัวไม่ถูกแต่ลู่หานก็ยังไม่ละลายฝีปากตัวเองเลยสักนิด
“ก็ถ้านายชอบฉัน ฉันคงไม่ต้องเสียเวลาจีบหรอกจริงไหม?”
สิ้นเสียงทุ้ม ลู่หานก็นิ่งอึ้งไปชั่วขณะ คำพูดที่ฟังยังไงก็ไม่คิดว่าจะทำให้หัวใจเต้นเร็วได้ แต่กับลู่หานในตอนนี้มันไม่ได้เป็นอย่างนั้นเสียแล้ว สายตาคมที่จ้องมองมาก็ทำเอาหัวใจวูบโหวงไม่เป็นตัวของตัวเอง ถึงอย่างนั้นก็ยังสูดลมหายใจเข้าปอดลึกๆเพื่อเรียกสติให้กลับคืนมา ก่อนจะไหวไหลน้อยๆพลันเอ่ยพูดออกไปอย่างชัดถ้อยชัดคำอีกครั้ง
“ถ้าคิดว่าจะจีบฉันติด....ก็ลองดู!”
…ADOLESCENT…
เลยเวลาเลิกเรียนมานานพอสมควรแล้ว หากแต่คนตัวเล็กเจ้าของลักยิ้มบุ๋มก็ยังคงนั่งอยู่ในห้องเรียนที่เดิมอย่างนั้นไม่ไปไหน ตลอดช่วงบ่ายที่แยกกันกับชายหนุ่มเจ้าของเลือนผมสีบลอนด์ เลย์ก็ไม่เห็นคนๆนั้นอีกเลย นั่งเรียนก็เหลือบหันไปมองที่นั่งด้านหลังก็ยังเห็นว่างอยู่เหมือนเดิม นึกเป็นกังวลทั้งยังเป็นห่วงความรู้สึกของอีกฝ่าย หากแต่ก็ไม่เข้าใจว่าเป็นคนพูดตัดขาดเองไหงถึงต้องมานั่งรู้สึกไม่ดีอยู่อย่างนี้
“ยังไม่ไปเรียนพิเศษอีกหรอ?”
กายบางสะดุ้งน้อยๆเมื่อกำลังคิดอะไรไปเพลินๆอีกคนก็เข้ามาแบบไม่ให้สุ่มให้เสียง คริสเอ่ยถามคนที่นั่งอยู่ที่โต๊ะเรียนหลังจากเดินเข้ามาในห้อง นี่ก็ค่ำมากแล้วทั้งยังภารโรงก็กำลังจะมาปิดห้องเรียนในอีกไม่ช้า แต่คนที่นั่งนิ่งอยู่ตรงนั้นคืออะไร
“ก็รอคนที่บอกว่าจะไปส่ง” เอ่ยพูดกับคนตัวสูงหากแต่ใบหน้าหวานก็ยังไม่หันกลับไปมองคนที่ยืนอยู่หลังห้องเลยสักนิด
“ก็ไหนบอกว่าจะไม่ให้ฉันยุ่งกับนายอีกไง?”
“แล้วมันเกี่ยวกับสัญญาที่ให้ไว้ตรงไหน?” พูดเสร็จเลย์ก็ลุกขึ้นยืนสะพายกระเป๋าแล้วเดินออกจากห้องไปโดยไม่เหลียวมองใบหน้าหล่อของคนที่ยืนอยู่อีกเลย
นัยน์ตาคมมองตามคนตัวเล็กที่เดินออกไปจากห้องอย่างไม่เข้าใจ ถ้าเขาไม่กลับมาเอากระเป๋านักเรียนที่ห้องก็คงไม่เห็นว่าเลย์นั่งรอเขาอยู่แบบนี้สินะ เป็นคนบอกเองว่าห้ามยุ่งแล้วตอนนี้มันคืออะไร คริสสับสนไปหมดแล้ว ถึงอย่างนั้นก็ไม่คิดอะไรมากไปกว่านี้ มือหนาหย่อนหนังสือลงประเป๋าเป้แล้วรีบวิ่งออกจากห้องตามคนหน้าหวานไปในทันที
“รอก่อน เดี๋ยวฉันไปส่ง” เดินไปประชิดตัวก็รั้งแขนเล็กไว้เบาๆ เมื่อได้รับสายตาหวานที่มองมือที่เขาจับอยู่นั้น คริสก็จำเป็นต้องปล่อยออกอย่างไม่มีข้อแม้ เผลอลืมตัวจนต้องนึกตำหนิตัวเองอีกครั้ง
“ขอโทษนะ ฉันไม่ได้ตั้งใจ”
“จะไปกันได้รึยัง?” เลย์เอ่ยสวนขึ้นโดยไม่คิดจะฟังคนตัวสูงพูดเลยสักนิด หน้าหล่อๆของอีกคนเลย์ก็ยังไม่คิดจะเหลือบมอง แต่นั่นก็ไม่ได้ไม่อยากมองหากแต่พูดกับคริสไปแรงแบบนั้นแล้วยังจะกล้ามองหน้าเขาได้ยังไง
“อ้อ รอแปบนึงเดี๋ยวฉันไม่เอารถก่อน” เอ่ยเสร็จขายาวก็ทำท่าจะออกเดินไปที่ลานจอดรถของโรงเรียน หากแต่อีกคนก็กลับพูดรั้งไว้เสียก่อน
“ไม่ต้อง!”
“หื้ม?” คริสสับสนทั้งยังไม่เข้าใจ ไม่คิดว่าคนหน้าหวานที่เขารู้สึกดีๆด้วยจะเข้าใจยากขนาดนี้
“อยากเดินไป เดินไปส่งได้รึเปล่า?” พูดเสร็จเลย์ก็เหลือบมองคนที่สูงกว่าเล็กน้อยก่อนจะหลุบตาลงแล้วมองไปทางอื่นเหมือนรอคอยคำตอบ
“ถ้าต้องการแบบนั้นก็ได้”
.
.
ความเงียบเข้าปกคลุมมาเป็นเวลานาน ระหว่างทางที่เดินไปโรงเรียนกวดวิชาของคนหน้าหวานก็ไม่มีใครพูดคุยกันเลยแม้แต่คำเดียว เลย์เดินนำหน้าคนตัวสูงไปอย่างช้าๆ ส่วนอีกคนที่เดินตามหลังก็เว้นระยะห่างไว้พอสมควร มือหนาสอดลงไปในกระเป๋าเสื้อสูทของโรงเรียนพลางเดินเตะฝุ่นไปตามทางเรื่อยๆ เหลือบมองคนตัวเล็กที่เดินนำหน้าอยู่เป็นครั้งคราวก็นึกในใจว่าอีกคนกำลังคิดอะไรอยู่
“ถึงแล้ว...เอ่อ...ขอบคุณมากนะ” เลย์หันกลับไปขอบคุณคริสเมื่อทั้งสองมาหยุดยืนอยู่ที่หน้าโรงเรียนกวดวิชาในย่านดัง หากแต่เลย์ก็ยังไม่คิดจะมองหน้าคริสอยู่เหมือนเดิม ก้มหน้าก้มตา บ้างก็หันไปมองทางอื่นเพื่อกลบเกลื่อนสิ่งที่ซ่อนลึกอยู่ในจิตใจ
“อื้ม ไม่เป็นไร ตั้งใจเรียนนะ”
สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็เดินเข้าไปในโรงเรียนกวดวิชาในทันที ปล่อยให้คนตัวสูงยืนมองตามแผ่นหลังบางไปอย่างไม่เข้าใจกับสิ่งที่อีกคนกำลังทำอยู่
“หวังอะไรอยู่นะคริส เขาก็แค่มาทวงสัญญาที่ให้ไว้”
คริสพึมพำเบาๆเป็นการเตือนสติ ถึงอยากจะคิดเข้าข้างตัวเองอยู่เหมือนกันว่าอีกคนอยากจะขอโทษ หากแต่ก็ดูไม่มีท่าทีเอาเสียเลย เพียงแค่คิดถึงคำพูดของคนหน้าหวานที่พูดตัดพ้อเมื่อเที่ยง ก็คิดได้ว่าวันนี้คงเป็นวันสุดท้ายที่จะได้พูดจากัน เพราะต่อจากนี้ไปคริสจะไม่ทำให้เลย์ต้องอึดอัดใจอีก
.
.
.
...ADOLESCENT…
“อ้าว! ยืนทำหน้าวอกอยู่ทำไม กลับบ้านไปได้แล้วไป”
เมื่อยังเห็นว่าเซฮุนเอาแต่ยืนยิ้มอยู่หน้าห้องของเขาหลังจากขับรถมาส่งที่คอนโดแล้ว ลู่หานก็เอ่ยถามในทันที ไม่วายยังไม่อยากจะไว้ใจเซฮุนอยู่เหมือนเดิม เห็นหน้าติ๋มๆแบบนี้ไว้ใจได้ซะที่ไหน
“ไม่คิดจะชวนฉันเข้าไปนั่งเล่นหน่อยรึไง?” ไม่ผิดเลยสักนิด เซฮุนก็หวังอะไรลึกๆอยู่ตลอด
“อยากทำคะแนนว่างั้น?” คนน่ารักเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม เซฮุนจะมีเรื่องอะไรซะอีกถ้าไม่ใช่เรื่องนี้
“ก็ไม่เชิง ก็แค่อยากจะเห็นหน้านายนานๆ”
“เพราะ?”
“เพราะว่าฉันชอบนาย”
สิ้นเสียงทุ้ม ลู่หานก็เหมือนคนสติหลุดยังไงอย่างนั้น แค่เซฮุนบอกว่าจะจีบเขาก็พอจะรู้แล้วว่าอีกคนคิดยังไง แต่พอได้เห็นสีหน้าจริงจังของคนที่ยืนอยู่หน้าห้องแล้ว หัวใจของเขาก็แทบกระส่ำกระส่ายอ่อนไหวไปกับทุกอย่าง อย่าบอกนะว่าเซฮุนคิดจริงจัง
“กลับไปได้แล้วไป ฉันเหนื่อยอยากจะนอน”
พูดเสร็จมือบางก็จัดการผลักประตูห้องให้ปิดลง หากแต่อีกคนก็ยังดันประตูอยู่แบบนั้นจนลู่หานต้องเปิดออกมาถามความต้องการของคนตัวสูงอีกครั้ง
“มีอะไร? อ๊ะ!”
คนหน้าห้องไม่คิดจะตอบคำถามของลู่หานเลยสักนิด ผลักประตูบานหนาให้เปิดออกก่อนจะแทรกตัวเข้าไปภายในห้องของคนน่ารักอย่างถือวิสาสะ รั้งเอวบางขอดให้เข้าแนบชิดกายก่อนจะกระชับร่ายกายเล็กนั้นไว้ในอ้อมกอดอย่างที่ใจต้องการ
“นายใจร้ายกับฉันจังเลยนะลู่หาน” เอ่ยแผ่วเบาข้างใบหูของคนตัวเล็ก กระชับอ้อมกอดให้แน่นขึ้นไปอีกจนรับรู้ได้ว่าร่างในอ้อมกอดนั้นยืนตัวเกร็งแข็งทื่อจนทำอะไรไม่ถูก ไม่นานก็ยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อยังไงก็สามารถทำให้อีกคนเชื่อฟังได้อยู่เหมือนกัน
“อ...อะไร? ฉันใจร้ายกับนายตรงไหน? ปล่อยเลย” มือบางยกขึ้นผลักอกแกร่งของอีกคนหวังให้ออกห่าง หากแต่ก็ไม่เป็นผลเลยสักนิด
“ฉันชอบนายมากจริงๆนะ ชอบทุกอย่างที่เป็นนายแม้กระทั่งคำด่าทอที่นายด่าว่าฉันทุกวัน ฉันก็ยังชอบมัน”
น้ำเสียงที่จริงจังของเซฮุนทำให้ลู่หานแทบจะอ่อนยวบไปกลับแผ่นอกกว้าง ทำอะไรไม่ได้ก็พิงใบหน้าไปซบกับอีกคนไม่วายก็ใจอ่อนให้เขากอดอยู่แบบนั้น
“จะเป็นไปได้ยังไง ครั้งแรกที่เจอกันนายยังไม่มีวี่แววว่าจะชอบฉันเลยสักนิด นายโกหกฉันใช่ไหม?”
“ฉันคงดูเหมือนคนโกหกสินะ ก็ใช่อยู่ว่านิสัยฉันมันเป็นแบบนี้ แต่ฉันก็จริงจังนะลู่หาน”
สิ้นเสียงทุ้มลู่หานก็ค่อยๆผละกายออกห่างจากอีกคน ไม่ได้โวยวายแต่ก็ไม่ได้เหมือนลู่หานที่ร่าเริงคนเดิม คำพูดของเซฮุนทำให้เขารู้สึกสับสน ไม่รู้ว่าที่อีกคนพูดมามันจะเชื่อได้หรือเปล่า
“กลับไปเถอะฉันอยากจะนอนแล้ว ปิดประตูห้องให้ด้วยนะ” หันหลังให้เซฮุน ลู่หานก็เดินไปยังโซฟาในทันที เพียงแค่ออกเดินไปไม่กี่ก้าวรู้ตัวอีกทีร่างกายบางก็ล้มลงหลังแนบไปกับโซฟาเนื้อดีเสียแล้ว พร้อมกับกายสูงโปรงของคนที่เพิ่งสารภาพว่าชอบเขาเมื่อครู่ก็คร่อมอยู่บนตัวทำเอาตกอกตกใจไปหมด
“…………………………….”
“จะทำอะไรไอ้ติ๋ม ออกไปเดี๋ยวนี้เลย!” ลู่หานคนเดิมกลับมาแล้ว โวยวายเสียงแปดหลอดแบบนี้แหละที่เซฮุนถูกใจ ใบหน้าหล่อเผยยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยเมื่ออีกคนก็ช่างน่ารักเกาะแขนเขาไว้ซะแน่นเชียว ปากก็เอ่ยไล่ไหงถึงเกาะกันแน่นแบบนี้
“อยากให้ฉันออกไปจริงๆหรอ?” เอ่ยถามเสร็จใบหน้าหล่อก็โน้มลงเข้าหาอีกคนจนปลายจมูกโด่งแตะกันเบาๆ ลมหายใจเข้าออกที่เป่ารดกันอยู่นั้นแทบจะทำให้คนทั้งคู่หลอมละลายก็ไม่ปราน ทั้งยังคนใต้ร่างที่บอกว่าไม่ได้รู้สึกอะไรกับกายสูงก็หน้าเจือสีจนชัดเจนอย่างน่าเอ็นดู
“กลับบ้านไปเลยไป” บ่นค่อนขอดเสียงแผ่วเบาก็หันใบหน้าน่ารักหลบหนีไปอีกทาง หากแต่หันหนีไปก็เท่านั้น ปลายจมูกของอีกคนก็ยังมาคลอเคลียอยู่ที่ข้างแก้มจนต้องหลับตาปี๋
“ลู่หาน นายช่วยเรียกชื่อฉันสักครั้งได้ไหม?”
“ชื่อติ๋มไง” กำลังจะโรแมนติกอยู่แล้วหากแต่ลู่หานก็ใสซื่อทำเอาเสียงานไปหมด จนเซฮุนถึงกลับต้องผงะหัวขึ้นมาก่อนจะหันไปถอนกายใจอย่างรู้สึกเพลีย
“ไม่ใช่ชื่อนี้ ชื่อจริงฉันสิ…เซฮุน… เรียกมันสักครั้งได้ไหม?” ร้องขออีกคนออกไปก็ดูเหมือนจะไม่เป็นผล ลู่หานยังคงชั่งใจว่าจะพูดดีไหม สุดท้ายเซฮุนก็หมดความอดทนก่อนจะโน้มใบหน้าหล่อไปประกบริมฝีปากทาบทับกลีบปากอมชมพูนั้นอย่างทนไม่ไหว
เพียงแค่ได้สัมผัสกับผิวเนื้อนุ่มหยุ่น เซฮุนก็แทบคลั่ง นี่ก็ไม่ใช่ครั้งแรกที่สัมผัสริมฝีปากสวยตรงหน้าหากแต่ครั้งแรกที่ได้มันก็โหยหาอยู่ตลอด ดูดเม้มเบาๆอยู่สองสามทีก็ยกมือหนาขึ้นกดปลายคางมนต์เบาๆให้เผยอออกก่อนจะสอดสิ้นร้อนเข้าไปควานหาความหอมหวานอย่างเต็มเปี่ยม เอียงหน้าปรับองศาเล็กน้อยให้ถนัดไม่วายก็เหลือบมองใบหน้าน่ารักที่ขึ้นสีของคนใต้ร่างอยู่ตลอด
“เซฮุน”
เสียงครางแผ่วเบาที่ลอดออกมาจากลีบปากสวยแทบทำให้คนที่อยู่ด้านบนเกือบหยุดหายใจ เซฮุนเพียงแค่ผละริมฝีปากออกเพื่อให้อีกคนได้กอบโกยอากาศเข้าไปในปอด ไม่คิดว่าคำที่เขาอยากจะได้ยินมาตลอดจะหลุดออกมาจากปากของลู่หาน ครั้งแรกที่ลู่หานเรียกชื่อจริงๆของเขา เซฮุนจะขอคิดได้ไหมว่าอีกคนกำลังเปิดใจให้กับเขาอยู่ในตอนนี้
...ADOLESCENT…
คนหน้าหวานเดินออกมาจากโรงเรียนกวดวิชาหลังจากเรียนพิเศษเสร็จ ก้มหน้าก้มตาเดินอย่างรู้สึกอ่อนเพลีย เหนื่อยกายและเหนื่อยใจทั้งวันนี้ก็ยังเรียนไม่รู้เรื่องจนรู้สึกหงุดหงิดไปหมด เริ่มรู้ตัวแล้วว่าที่เป็นแบบนี้ต้นเหตุมันมาจากอะไร และใครที่กำลังทำให้เขาเป็นแบบนี้ …คน...ตรงหน้านี่เอง
“ทำไมยังไม่กลับอีก? นี่ก็ดึกแล้วนะ” เลย์ถึงกับนึกแปลกใจเมื่อยังคงเห็นคริสยืนอยู่ที่เดิม ชั่วโมงกว่าๆที่คริสก็ยังยืนอยู่ตรงนี้จนเขาเรียนพิเศษเสร็จ มีอะไรหรือเปล่านะ
“ไหนๆ ก็จะไม่ยุ่งกันแล้ว ขอมองหน้านายชัดๆอีกครั้งก็ยังดี” ที่พูดออกไปแบบนั้นก็ไม่ใช่อะไรเลย ต่อไปเดินผ่านก็คงจะทำเป็นไม่รู้จักกันเหมือนเมื่อก่อน ไม่มองหน้ากัน และคงไม่ได้คุยกันอีก นั่นก็ทำให้คริสต้องทำตามหัวใจตัวเองโดยการยืนรออีกคนเลิกเรียนเพื่อสิ่งนี้โดยเฉพาะ
“……………………”
“คนขับรถไม่มารับหรอ?”
เมื่อเห็นอีกคนเอาแต่ยืนก้มหน้านิ่ง คริสก็เอ่ยถามอีกครั้ง ไม่รู้ว่าคำพูดเมื่อครู่จะทำให้เลย์คิดมากรึเปล่าหากแต่นั่นมันก็มาจากใจเขาล้วนๆ คริสยอมทำตามคำขอของเลย์คนเดียวเท่านั้น เป็นเพราะอะไรเขาก็ยังไม่แน่ใจ แต่ก็รับรู้ได้ว่าที่เป็นแบบนี้คงเพราะหัวใจเขาที่มันพยายามบอกอะไรบางอย่าง
“ก็แค่อยากลองกลับบ้านเองดูสักครั้ง” เสียงหวานตอบกลับไปให้คนตัวสูง พลางก็เขี่ยเท้าเล่นกับพื้นไปเรื่อยๆ
“แล้วกลับเป็นรึไง?”
“…………………..” เลย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับไป หัวทุยส่ายไปมาก่อนจะเหลือบมองคนที่สูงกว่าเป็นเชิงบอกว่าไม่เคยเลยสักครั้ง นั่นก็เรียกรอยยิ้มให้แต้มไปบนใบหน้าหล่อได้ไม่ยาก
“อยากลองขึ้นรถเมล์ดูไหม?” คิ้มเรียวเลิกขึ้นเป็นเชิงถามอีกคน ก่อนจะต้องยกยิ้มอย่างพอใจเมื่อใบหน้าหวานที่ดูจะชั่งใจอยู่กับคำชวนของเขาในตอนแรก ก็ยอมพยักหน้าตกลงอย่างว่าง่าย
ทั้งคริสและเลย์ขึ้นมานั่งอยู่บนรถโดยสารประจำทางเรียบร้อยแล้วหลังจากพูดคุยกันอยู่นานถึงที่อยู่ของคนหน้าหวาน ทั้งๆที่เมื่อก่อนเลย์ก็ไม่ชอบจะให้ใครรู้หรอกว่าบ้านของเขาอยู่ที่ไหน แต่เพราะก็นั่นแหละ แค่อยากใช้เวลาอยู่กับอีกคนให้นานๆ
“ทานข้าวรึยัง?” เสียงทุ้มเอ่ยถามหลังจากขึ้นมาบนรถได้สักพัก หันไปมองอีกคนก็เห็นว่าก้มหน้ามองมือตัวเองอยู่เหมือนเดิม
“ยังอ่ะ จะกลับไปทานที่บ้าน” พูดเสร็จเลย์ก็หลับตาลงอย่างรู้สึกเหนื่อยอ่อน นั่งโอนเอนไปไม่นานหัวทุยก็ซบลงกับลาดไหล่หนาของคริสอย่างไม่รู้ตัว เหนื่อยจนเผลอหลับไปซะเฉยๆ
คริสสะดุ้งน้อยๆเมื่ออีกคนอยู่ๆก็เอนมาพิงที่ไหล่ของเขา เผลอยิ้มออกมาอย่างเปิดเผยเมื่อเห็นว่าคนตัวเล็กนั้นหลับตาหายใจเข้าออกสม่ำเสมอ แต่ถึงอย่างนั้นก็ยังเป็นสุภาพบุรุษคอยประคองใบหน้าหวานไปตลอดทาง หันหน้าไปอีกฝั่งก็เอาแต่มองเงาสะท้อนของกระจกรถที่มีใบหน้าน่ารักนั้นหลับตาพริ้มอยู่ ยกมือหนาขึ้นทาบกระจกหวังจะทำเหมือนได้สัมผัสหน้าสวยๆของอีกคน แต่ก็เป็นเพียงกระจกบานหนึ่งที่มีอีกคนในเงาสะท้อนนั้น เริ่มรู้แล้วว่าชอบคนๆนี้มากจริงๆ
.
.
“เลย์ตื่นเถอะ ถึงบ้านนายแล้วนะ” เมื่อถึงป้ายรถเมล์ในย่านหมู่บ้านหรูที่คริสได้สอบถามจากอีกคนก็รีบปลุกคนหน้าหวานให้รู้สึกตัวในทันที
“อ่า ถึงแล้วหรอ?” ยังไม่ทันตื่นดีก็ถูกคริสรั้งข้อมือบางให้ลงจากรถเมล์ไปอย่างรวดเร็ว ขืนชักช้าคนรถจะว่าเอาได้
“แล้วบ้านนายเดินไปทางไหนต่อ?”
“อืม.......” คนตัวเล็กหมุนไปรอบตัวอย่างน่าเอ็นดูพลางยกนิ้วชี้ขึ้นแตะที่คางมนต์เพื่อใช้ความคิด มองหาซอยเข้าบ้านตัวเองก็รู้สึกมึนงง จนคริสที่มองดูอยู่ก็ถึงกับหลุดขำออกมาอย่างอดกลั้นไม่ได้
“มั่นใจนะว่าไม่ได้ลืมบ้านตัวเองน่ะ หื้ม?”
“ไม่ได้ลืมซะหน่อย ก็แค่งงๆเพราะขึ้นรถเมล์มาต่างหากล่ะ” แก้ตัวไปก็ดูจะไม่ขึ้นเอาเสียเลย หันไปมองอีกคนที่ยืนหัวเราะอยู่ก็แทบอยากจะโบกมือให้สักทีสองที ถึงอย่างนั้นก็เดินนำไปก่อนโดยไม่เอ่ยชวนคนตัวสูงเลยสักนิด
“บ้านนายแท้ๆ ยังจำไม่ได้”
“เออ! ก็เดินตามมาสิ ใครจะลืมบ้านตัวเอง บ้าป่าว!”
“นายก็ลืมอยู่นี่ไง”
“นั่นเพราะฉันเพิ่งจะตื่นต่างหากล่ะ!” เลย์หันกลับไปโวยวายคนตัวสูงสักพักก็สะบัดใบหน้าหนีไปอีกทางอย่างนึกงอน ใครจะลืมบ้านตัวเอง ก็แค่งงเฉยๆ
“ก็ไม่เห็นต้องโมโหเลย” เสียงทุ้มบ่นพึมพำกับตัวเอง และนั่นก็ต้องสงบปากสงบคำเพราะคำพูดเมื่อครู่คนตัวเล็กได้ยินมันเต็มสองหูอย่างชัดเจน
“ฉันไม่ได้โมโหนะ!”
“ก็ขึ้นเสียงแบบนี้แหละเขาเรียกโมโห”
“บอกว่าไม่ได้โมโหไงเล่า!”
พูดเสร็จเลย์ก็จ้องเขม่นไปหาคริสในทันที ไม่วายหน้าอกบางก็กระเพื่อมขึ้นลงจากแรงหอบหายใจที่ต่อล้อต่อเถียงกับคนตัวสูงเมื่อครู่ ตอนแรกยอมรับเลยว่าไม่ได้โมโหแต่ตอนนี้ชักไม่แน่ใจแล้วเหมือนกัน
“โอเคๆ ไม่โมโหก็ไม่โมโห รีบกลับบ้านเถอะ”
ใบหน้าหล่อพยักเพยิดให้อีกคนออกเดินอีกครั้ง ไม่วายต้องหันหน้าหนีไปถอนหายใจเมื่อเลย์ก็อารมณ์ขึ้นๆลงๆอยู่บ่อยๆ คริสเริ่มระแวงแล้วเหมือนกันว่าจะทำให้อีกคนรำคาญไปมากกว่านี้
ซ่า!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
อยู่ๆฝนที่ไม่มีแม้แต่การตั้งเค้าบอกก่อนกลับกระหน่ำลงมาแบบไม่ทันได้ตั้งตัว เมื่อเห็นดังนั้นคนทั้งคู่จึงรีบวิ่งไปหาที่หลบอย่างรวดเร็ว ไม่วายที่ใกล้ที่สุดเห็นจะเป็นมินิมาร์ทที่มีหลังคายื่นออกมาพอให้ยืนหลบได้ ทั้งคนที่เจอสถานการณ์เดียวกันนี้ก็ยังไปรวมตัวกันอยู่ที่แห่งเดียวจนแออัดไปหมด
“นี่ก็ไม่ใช่หน้าฝนเลยนะ อยู่ๆก็ตกลงมาเฉยเลย โลกชักแปรปวนขึ้นไปทุกที”
คนหน้าหวานหันไปพูดกับคนด้านข้างที่กำลังเช็ดเนื้อตัวที่เปียกปอนอยู่ แทบจะลืมหายใจเมื่อใบหน้าหล่อที่ปกคลุมไปด้วยเส้นผมเปียกน้ำที่ลู่ลงข้างแก้มถูกเสยขึ้นจนเห็นใบหน้าคมนั้นได้อย่างชัดเจน
“น่านน่ะสิ ลำบากนายแย่” พูดไปมือหนาก็ลวงลงไปในกระเป๋าเสือสูทตัวหรูก่อนจะดึงผ้าเช็ดหน้าสีน้ำเงินเข้มส่งไปให้เลย์ในทันที
“อะไร?”
“นายเปียกหมดแล้ว เอาผ้าฉันไปเช็ดก่อน”
เมื่อเห็นอีกคนยังชั่งใจที่จะรับความหวังดีจากเขา คริสจึงเอื้อมไปดึงมือเล็กอย่างถือวิสาสะก่อนจะยัดผ้าเช็ดหน้าใส่มืออีกคนอย่างไม่รีรอ
“แต่นายก็เปียก”
“ฉันไม่เป็นอะไรหรอกน่า” พูดเสร็จก็เงยใบหน้าหล่อขึ้นมองบนทองฟ้าที่กำลังมีหยดน้ำสีใสโปรยปรายลงมาอย่างไม่ขาดสาย มองภาพตรงหน้าแล้วก็คิดถึงตัวเองในทันที ถึงตอนนี้จะดูเหมือนไม่มีอะไร แต่ข้างในกลับกำลังร่ำไห้เหมือนสายฝนที่สาดเทดั่งน้ำตาก็ไม่ปราน
“นายจะกลับก่อนไหม? เดี๋ยวฉันเดินกลับเองก็ได้” เลย์รู้สึกเกรงใจที่รบกวนคริสมากขนาดนี้ และตอนนี้ก็ดูจะลำบากอีกคนมากเสียด้วย
“ไม่เป็นไรหรอก ฉันเต็มใจ”
สิ้นเสียงทุ้ม เลย์ก็รีบก้มใบหน้าหวานลงทันที เต็มใจงั้นหรอ ทั้งที่โดนต่อว่าไปซะเยอะขนาดนั้นแต่คริสก็ยังเต็มใจจะมาส่งเขาอย่างนั้นหรอ
“ฉันว่าเราเดินเรียบข้างตึกนี้ไปก็ได้นะ ไม่ไกลก็ถึงบ้านฉันแล้ว รอฝนหยุดตกคงอีกนาน” หันไปถามความเห็นจากคริส และนั่นใบหน้าหล่อก็พยักขึ้นลงตอบคนตัวเล็กไป
ทั้งสองเดินเรียบข้างตึกไปเรื่อยๆ หลบฝนบ้างเพื่อป้องกันร่างกายที่อาจจะเป็นหวัดได้ทุกเมื่อ คริสถอดเสื้อสูทตัวนอกออกก่อนจะตวัดมันขึ้นมาคลุมบนศรีษะของตัวเองและไม่ลืมอีกคนที่เดินแนบข้างกันมาด้วย
“ขอบคุณนะ”
เสียงหวานเอ่ยเสร็จก็ยกยิ้มออกมาอย่างลืมตัว และนั่นคริสก็แทบจะละลายซะตรงหน้า ครั้งแรกเลยมั้งที่เลย์ยิ้มให้เขา รอยยิ้มหวานที่ดูเป็นมิตรมากกว่าเมื่อก่อนทั้งยังมีผลต่อการเต้นของหัวใจได้มากเลยทีเดียว
“อ...อื้ม ไม่เป็นไร”
เดินต่อไปเรื่อยๆ คริสก็ต้องหันกลับไปหาอีกคนที่ดูเหมือนจะระแวงอะไรบางอย่าง เลย์หยุดยืนอยู่กับที่หน้าซีดเผือดจนคริสต้องรีบเข้าไปดูด้วยความเป็นห่วง หากแต่แค่ได้ฟังคำพูดของอีกคน ก็แทบจะกลั้นหัวเราะไว้ไม่อยู่
“กลัวหมาอ่ะ ฉันไม่กล้าเดินผ่าน” ใบหน้าหวานถึงกับเจือนลงอย่างเห็นได้ชัดเมื่อบ้านตรงหน้าที่มีหมาสีดำตัวใหญ่นอนเฝ้ายามอยู่ เลย์บอกได้เลยว่าไม่ชอบทั้งยังกลัวมันมากๆเสียด้วย
“อยู่กับฉันไม่ต้องกลัวหรอกน่า ก็แค่หมาตัวเล็กๆเอง”
“หือ...นายตาบอดหรอคริส? ตัวเล็กบ้าอะไรเล่า ลองมันลุกขึ้นยืนสิตัวเท่าเอวฉันเลยละมั้ง” พูดไปก็เหลือบมองไอ้สัตว์สี่เท้าไปด้วยอย่างหวาดระแวง
“แล้วนายจะเดินย้อนกลับไปรึไง? มันไกลมากเลยนะ”
“ง่า ก็ฉันกลัวหนิ!”
“ขี่หลังฉันไหม?” คริสทำท่าจะย่อตัวลงให้กับอีกคน หากแต่เลย์ก็รั้งแขนแกร่งให้ลุกขึ้นยืนเหมือนเดิมเสียก่อน
“ไม่เอาๆ เดี๋ยวฉันเดินไปนี่แหละ ไหนๆก็จะถึงบ้านแล้ว...เห็นว่ามากับนายหรอกนะ ไม่งั้นไม่มีทางเดินผ่านมันแน่นอน” ประโยคท้ายก็บ่นค่อนขอดไปเรื่อยตามประสา และนั่นก็เรียกรอยยิ้มให้แต้มไปบนใบหน้าหล่อได้ในทันที
เพียงแค่เริ่มออกเดินไปข้างหน้า มือเล็กก็เกาะเข้าที่แขนแกร่งของคริสอย่างไม่รีรอ ซ้ำยังเบียดตัวเองเข้าไปให้แนบชิดขึ้นไปอีก กลัวสัตว์ตัวสีดำสี่ขานั่นจนลืมตัว คริสเข้าใจแล้วว่าเลย์คงกลัวมันมากจริงๆ
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
“งื้อ....ไม่เอา ฉันกลัว!” เสียงเห่าของสัตว์สี่ขาทำให้สติของคนตัวเล็กเตลิดเปิดเปิงไปหมด แทรกตัวเขาไปหาคนตัวสูงก็รั้งข้อมือหนาให้มากอดตัวเองไว้ซะอย่างนั้น หลับหูหลับตาได้ก็ยกมือขึ้นปิดหูอย่างนึกกลัว แค่ได้ยินเสียงมันเลย์ก็แทบจะลมจับแล้ว
“อย่าวิ่งนะ ถ้านายวิ่งมันจะวิ่งไล่นาย”
“คริส!”
“อะไรเล่า ก็ฉันพูดจริงหนิ”
โฮ่ง! โฮ่ง! โฮ่ง!
“งื้อ...คริสอ่า” เลย์สะดุ้งโหยงทันทีเมื่อเสียงเห่านั่นก็ทำเอาเขาขวัญผวาอยู่ตลอด มือบางกำเข้าที่ชายเสื้อนักเรียนของคริสแน่นจนมันยับยู่ยี่ไปหมด หลับตาปี๋อีกครั้งไม่นานก็รู้สึกถึงความเบาหวิวที่ร่างกาย แน่ล่ะเพราะตอนนี้เลย์ถูกคริสอุ้มไปอยู่ในอ้อมกอดเสียแล้ว
“ก็แค่เนี่ย อยู่เฉยๆด้วยล่ะ ไม่งั้นฉันจะปล่อยนายไว้แล้วหนีกลับคอนโด”
สิ้นเสียงทุ้มที่เหมือนเอ่ยสั่ง เลย์ก็สงบปากสงบคำทำตัวนิ่งตามคำขู่ของอีกคน มองมือบางที่เกาะอยู่ที่ไหล่ของคริสก็แทบจะทึ้งหัวตัวเองซะให้รู้แล้วรู้รอด ไปเกาะเขาตอนไหนก็ไม่รู้ตัวเลยจริงๆ นัยน์ตาคู่สวยเหลือบมองใบหน้าหล่อตรงหน้าอยู่ตลอดเวลาและนั่นก็ต้องยกยิ้มบางๆอยู่กับตัวเองจนคริสต้องเลิกคิ้วถามอย่างไม่เข้าใจ
“ยิ้มอะไร?”
“ห...ห๊ะ ฉันยิ้มหรอ?” ถึงกับตกใจเมื่ออีกคนเอ่ยถาม มือบางข้างที่พอจะว่างก็ยกขึ้นแตะหน้าตัวเองไปมาอย่างลุกรน คริสจะจับได้ไหมนะ
“นายเนี่ยน้า” ใบหน้าหล่อส่ายไปมาอย่างนึกเอ็นดูก่อนจะค่อยๆวางร่างบางให้อ้อมกอดให้เป็นอิสระอีกครั้งเมื่อเดินผ่านสัตว์สี่เท้านั้นมาได้แล้ว
“อ่า นี่ไงถึงบ้านฉันแล้ว แต่ว่าฝนก็ยังตกอยู่ เข้าไปข้างในก่อนเถอะ” ยืนอยู่หน้าประตูบ้านหลังใหญ่ เลย์ก็ชี้เข้าไปในรัวเหล็กสูงตะหง่า เพื่อบอกอีกคนให้เข้าไปด้วยกัน
“ไม่เป็นไร กลัวว่าจะรบกวนนาย”
“อย่าทำให้ฉันรู้สึกผิด” ไม่รอให้คริสได้เอ่ยอะไรอีก มือบางก็รั้งมือหนาให้เดินเข้าบ้านไปด้วยกันอย่างไม่รีรอ โดยไม่รู้เลยว่าการจับมือถือแขนของอีกคนนั้นทำให้คริสรู้สึกดีมากแค่ไหน เดินตรงเข้าไปก็ไม่วายมีแม่บ้านและพ่อบ้านจำนวนไม่น้อยมารอรับเหมือนอย่างทุกๆวัน
“กลับมาแล้วหรอคะคุณหนู? ว่าแต่ทำไมตัวเปียกแบบนี้ แล้ววันนี้ลุงโฮดงไม่ไปรอรับหรอคะ? เดี๋ยวก็ไม่สบายกันพอดี”
แม่บ้านวัยกลางคนเอ่ยถามทันทีด้วยความเป็นห่วงเมื่อเห็นสภาพของเด็กหนุ่มหน้าหวานผู้เป็นเจ้านาย ไม่ทันที่เลย์จะเอ่ยตอบเธอก็สวนคำถามมาเป็นชุดจนเลย์ต้องยกมือห้ามให้หยุดเสียไม่ทัน
“ผมไม่เป็นอะไรหรอกครับป้า ที่ลุงโฮดงไม่ไปรับเพราะผมสั่งไว้เอง”
“อ้อ อย่างนั้นหรอคะ? แล้วเพื่อนคุณหนูล่ะคะ” เอ่ยถามคุณหนูของบ้านเสร็จก็หันกลับไปยิ้มเป็นมิตรให้กับชายหนุ่มที่ยืนตัวเปียกปอนไม่ต่างกัน
“ครับ พอดีเขามาส่งผม ยังไงช่วยจัดโต๊ะอาหารเผื่อเขาด้วยนะครับ” ใบหน้าหวานเผยรอยยิ้มจริงใจอย่างที่คริสเองก็ไม่ค่อยเห็นบ่อยนักไปให้หญิงวัยกลางคน และรอยยิ้มแบบนี้เองที่ทำให้คนตัวสูงที่มองดูอยู่ก็ถึงกับใจสั่นทั้งยังเริ่มมั่นใจกับความรู้สึกของตัวเองขึ้นมาอีกนิด ทีอยู่กับเขาไม่เห็นจะยิ้มแบบนี้บ้างเลย
“นายควรจะอาบน้ำ” เลย์หันมาหาคริสอีกครั้งหลังเอ่ยสั่งแม่บ้านคนสนิทเสร็จ มองตั้งแต่หัวจรดเท้าของคนตัวสูงก็อดจะอมยิ้มเสียไม่ได้ เหมือนลูกหมาตกน้ำก็ไม่ปราน
“เดี๋ยวฉันกลับไปอาบที่คอนโดดีกว่า”
“ก็บอกแล้วไงว่าอย่าทำให้ฉันรู้สึกผิด” ไม่รอช้าก็ลากอีกคนให้ขึ้นไปบนห้องนอนโดยไม่ฟังเสียงท้วงติงเลยสักนิด เลย์นี่เอาแต่ใจตัวเองจริงๆ
.
.
.
“อะนี่! เสื้อคลุมอาบน้ำ ผ้าเช็ดตัว แล้วก็ชุดของฉันที่ตัวใหญ่ที่สุดแล้ว” เมื่อขึ้นมาบนห้องเลย์ก็รื้อตู้เสื้อผ้าเพื่อหาชุดที่เขาคิดว่าเหมาะกับคริสให้ไป ไม่วายก็รื้อของตัวเองเพื่อใส่ในวันนี้ด้วยเช่นกัน
“นายอาบก่อนเลยนะ” คริสเอ่ยบอกก่อนจะหย่อนกายนั่งลงที่เกาอี้ไม้ข้างๆเตียง เป็นห่วงกลัวว่าอีกคนจะไม่สบายเอาได้
“งั้นก็ได้ รอแปบนึงแล้วกัน”
พูดเสร็จคนหน้าหวานก็เดินเข้าห้องน้ำไปในทันที ปล่อยให้คริสนั่งเงียบๆไปคนเดียวพลางคิดอะไรไปเรื่อยเปื่อย หันซ้ายทีขวาทีสำรวจห้องนอนของอีกคนไปทั่ว ไม่เคยคิดเลยสักครั้งว่าวันนี้จะได้มีโอกาสเข้ามาถึงความเป็นส่วนตัวของอีกคน
คริสลุกขึ้นยืนเต็มความสูงก่อนจะค่อยๆเดินมองสำรวจห้องที่ดูเรียบหรูไปอย่างสนใจ ถึงจะดูเรียบหากแต่ก็มีการตกแต่งที่เป็นสไตล์เดียวกันกับที่เขาชอบ เดินดูไปสักพักม่านตาคมก็ต้องหยุดอยู่กับกรอบรูปบนตัวเตียงของคนตัวเล็ก ไม่วายแค่แว้บแรกที่มันผ่านตาก็ต้องรีบถลาเข้าไปดูให้ชัดเจนยิ่งขึ้น
“อี้ชิง!”
เสียงทุ้มอุทานแผ่วเบาออกมาอย่างไม่อยากจะเชื่อ รูปใบเล็กที่ใส่กรอบไว้อย่างดิบดีทำให้คริสต้องเบิกตาโพลง รูปของเด็กหนุ่มตัวเล็กที่มีลักยิ้มบุ๋มที่ข้างแก้ม กำลังยืนยิ้มตาหยีอยู่ระหว่างกลางของคนเป็นพ่อแม่ คริสจำไม่ผิดแน่ว่านี่คืออี้ชิงเพื่อนสมัยเด็กของเขา ทั้งคุณอาทั้งสองที่อยู่ในภาพก็ทำให้คริสมั่นใจได้เต็มร้อย โลกมันช่างกลมซะเหลือเกิน
หากแต่จมอยู่กับความคิดตัวเองได้ไม่นาน เสียงภายในห้องน้ำก็ทำให้คริสรู้ได้ว่าเลย์กำลังจะออกมาในอีกไม่ช้า มือหนารีบวางกรอบรูปไว้ที่หัวเตียงเช่นเดิมก่อนจะเดินมานั่งลงที่เก้าอี้ตัวเก่าแล้วทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“นายเข้าไปอาบสิ” แค่ย่างก้าวออกมาจากห้องน้ำเลย์ก็เอ่ยสั่งคริสเสียแล้ว แต่ดูเหมือนว่าเลย์จะนึกอะไรขึ้นได้ ขาเล็กจึงรีบพาตัวเองให้เดินไปเก็บกรอบรูปที่ตั้งอยู่บนหัวเตียงลงลิ้นชักในทันทีอย่างร้อนรน ลืมไปเสียสนิทเลยว่ากรอบรูปบนหัวเตียงเป็นรูปตอนเด็กของเขา คริสจะเห็นรึยังก็ไม่รู้
“อื้ม งั้นฉันจะเข้าไปอาบน้ำแล้วนะ”
“เดี๋ยวคริส! นายไม่ได้ลุกเดินไปไหนนอกจากนั่งอยู่ตรงนั้นใช่ไหม?”
เสียงหวานเอ่ยถามอย่างไม่มั่นใจว่าคริสจะเห็นรูปของเขา ไม่รู้ทำไมเหมือนกันว่าตอนแรกถึงอยากจะให้คริสจำเขาได้นัก หากแต่ตอนนี้กลับอยากเก็บมันไว้เป็นความลับเสียมากกว่า
“ก็เปล่าหนิ ฉันก็นั่งอยู่ที่เดิมตลอด”
โกหกออกไปเต็มปาก คริสทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น เนียนไปจนเลย์ก็เชื่อเสียสนิทใจ แต่พอหันหลังจะเดินเข้าไปในห้องน้ำก็ต้องยิ้มกริ่มกับเรื่องดีๆที่ได้พบเจอ ทั้งยังหัวใจที่เหี่ยวเฉาในตอนแรกมันก็ดูเหมือนจะกลับมาเบ่งบานได้อีกครั้ง ที่เห็นเลย์ร้อนรนตอนเก็บกรอบรูปขนาดนั้นก็คงรู้มาก่อนแล้วสินะว่าเขาคืออู๋ฟาน แต่ทำไมถึงไม่บอกกัน ถึงอย่างนั้นคริสก็บอกได้เลยว่าเขามั่นใจถึงความรู้สึกที่มีให้กับอีกคนแล้วว่ามันคืออะไร อยากขอบคุณพระเจ้ามากเหลือเกิน
...ฉันเจอนายแล้วอี้ชิง...
…ADOLESCENT…
*** ขอโทษที่หายไปนานนะคะ พอดีไม่หมกหมุ่นอยู่กับเดอะวิซาร์ดอยู่ 555
กลับมาทีก็ป่วงเลย ตอนนี้ฮุนฮานก็เยอะอีกและ 555 ตอนหน้าจะมาชดเชยคริสเลย์ให้เต็มๆเลยค่ะ ช่วงนี้ไรท์เตอร์ไม่ค่อยว่า มีเรียนตลอด กลับมาจากตามผู้ชายก็ไข้ขึ้น แถมพกความเฟลมาเพียบ ดีที่ไปฟินในคอน ปริ่มมากค่ะ T0T ติดตามกันต่อไปนะคะๆ
ปล. ตรวจคำผิดมารอบเดียว ตกหล่นอย่าว่ากันน้า ^^
ความคิดเห็น