คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ★ IT HAS TO BE YOU ★ THREE
- THREE -
เกาะเชจูคือสถานที่สำหรับถ่ายนิตยสารของนายแบบหนุ่มในวันนี้ ไม่ว่าจะเป็นบรรยากาศหรือวิวทิวทัศน์ก็ดูสบายหูสบายตากว่าในเมืองกรุงหลายสิบเท่า นั่นก็ทำให้คนที่มัวแต่เพลิดเพลินอยู่กับทุกสิ่งอย่างถึงกับลืมหน้าที่ของตัวเองไปเสียสนิทเลยทีเดียว
“เลย์”
“…….”
“เลย์!”
เสียงทุ้มเอ่ยเรียกผู้จัดการตัวเล็กที่กำลังหลงลืมหน้าที่ของตัวเองไปถ่ายรูปอย่างเพลินเพลินจนไม่เป็นอันทำงาน กว่าจะเรียกให้หันมาคุยกันได้ก็ทำเอาคริสต้องตะโกนแหกปากจนทีมงานหันมามองอย่างน่าอาย
“อะไรครับพี่?”
นี่ก็ไม่ได้รู้ตัวเลยสักนิดว่าทำอะไรอยู่ ไม่วายยังหันใบหน้าหวานกลับไปย้อนถามนายแบบหนุ่มอย่างไม่สะทกสะท้านอีกต่างหาก
“เขาให้มาทำงานนะ ไม่ใช่ให้มาเที่ยว”
“โหย! ก็นิดนึงได้ป่ะ ผมไม่เคยมาที่นี่อ่ะ”
สุดท้ายเลย์ก็ไม่สนใจคริสเหมือนเคย หันกลับไปถ่ายรูปเซลก้าแอ๊บหน้ามุ้งมิ้งต่อไป นั่นก็ทำให้คริสถึงกับส่ายหน้าเพลียใจกับเด็กคนนี้เสียเหลือเกิน
“คุณคริสคะ คือว่า…”
เสียงออเเกไนซ์สาวเอ่ยเรียกชื่อนายแบบหนุ่มมาแต่ไกล ก่อนจะมาหยุดยืนหอบแฮ่กอยู่ตรงหน้าทำเอาคริสต้องขมวดคิ้วสงสัยเมื่อเห็นอีกคนทำท่าเหมือนมีเรื่องสำคัญ
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“เอ่อ...คือว่าทางเราต้องขอโทษจริงๆนะคะ…” หญิงสาวพูดไปแค่นั้นก็อ้ำอึ้งไม่เข้าประเด็นสักที ร้อนถึงคริสที่ต้องทำให้อีกคนพูดมันออกมา
“มีอะไรก็พูดมาเถอะครับ จะยกเลิกงานหรือไง?”
“เปล่านะคะๆ”
“แล้วมันเรื่องอะไรล่ะครับ?” คริสเอ่ยถามอีกครั้งพร้อมรอยยิ้มบางเมื่อหญิงสาวที่ยืนอยู่ตรงหน้าเหงื่อตกทั้งยังทำท่าเกร็งจนนึกขัน
“เอ่อ...ทางเราต้องขอโทด้วยนะคะคุณคริส คือว่าเราจองโรงแรมได้แค่ห้องเดียวเท่านั้น ชะล่าใจไปหน่อยเพราะมั่นใจว่าไม่ใช่ช่วงเทศกาลโรงแรมไม่น่าจะเต็ม แต่ก็คิดผิดไป”
“แล้วคุณไม่ได้จองไว้ล่วงหน้าหรอครับ?”
“ต้องขอโทษจริงๆค่ะ เพราะทีมงานเรามัวแต่ยุ่งมากเลยไม่ได้จัดการไว้แต่เนิ่นๆ เพิ่งจะมาจองเมื่อวานนี้เอง”
หญิงสาวหลับตาปี๋พลางก้มหัวนับครั้งไม่ถ้วนเพื่อขอโทษคริสที่ไม่มีความเตรียมพร้อมให้กับนายแบบชื่อดังอย่างเขา
“อ้อ ไม่เป็นไรหรอกครับผมอยู่ได้”
และนั่นก็ไม่ใช่ปัญหาเพราะคริสเองไม่ใช่พวกเรื่องมากอยู่แล้ว
“ค...คือคุณคริสน่ะอยู่ได้ค่ะ แต่ผู้จัดการคุณคริสล่ะคะ”
ม่านตาระยับสอดส่ายเปลี่ยนทิศทางไปหาผู้จัดการตัวเล็กที่ตอนนี้เล่นเป็นเด็กถ่ายรูปไม่เลิก ทำเอาคริสต้องหันเหทิศทางตามไปอีกคน
“ไม่เป็นไรครับ เขาก็นอนกับผมทุกคืนอยู่แล้ว…เลย์มานี่เร็ว!”
ต้นประโยคเอ่ยกับออเเกไนซ์สาว ส่วนท้ายประโยคก็หันกลับไปโบกมือเรียกผู้จัดการตัวเล็กให้เข้ามาหา
“มีอะไรครับพี่?”
“เขาบอกว่าจองโรงแรมได้แค่ห้องเดียว นายโอเคไหม?” คริสเอ่ยบอกอย่างที่ออแกไนซ์สาวได้เปรยไว้ในตอนแรก
“ไม่มีปัญหานี่ครับ”
เลย์ตอบไปก็พลันก้มใบหน้ามองดูรูปในกล้องที่ถือติดมือมาอย่างอารมณ์ดี แต่นั้นไม่นานก็ต้องเงยใบหน้าขึ้นมองคนพูดอีกครั้งเพราะทุกอย่างดูท่าว่าจะไม่ได้เป็นอย่างที่คาดคิด
“ที่ไม่มีปัญหามันก็ใช่ค่ะ แต่ว่าที่ฉันจะบอกก็คือ...มันเป็นเตียงเดี่ยวค่ะ”
เอาเถอะว่าไม่มีอะไรแย่ไปกว่านี้อีกแล้ว สิ้นคำหญิงสาวเลย์ก็ถึงกับอ้าปากค้างชะงักงันเมื่อได้รับรู้ว่าไอ้ห้องที่จองได้แค่ห้องเดียวเนี่ยมิหนำซ้ำยังเป็นเตียงเดี่ยวอีก นอนพื้นเมื่อครั้งก่อนก็ทำเอาปวดหลังแทบแย่ เลย์บอกได้เลยว่าเข็ด
“ไม่มีโรงแรมอื่นแล้วหรอครับ? ผมจ่ายเงินเองก็ได้”
ใบหน้าหวานที่แย้มรอยยิ้มในตอนแรกหายไปเสียสนิท เลย์ไม่ได้กลัวคริสหรือว่าอะไรหรอกนะ แต่มันคงไม่ดีแน่ถ้าจะนอนที่พื้นแบบนั้น
“โรงแรมเต็มทั้งเกาะเลยค่ะ ฉันต้องขอโทษจริงๆ”
เป็นอีกครั้งที่ออแกไนซ์สาวเอาแต่ก้มใบหน้าโค้งศีรษะสำนึกผิด เลย์ไม่อยากจะบอกหรอกนะว่ากำลังเดือดในใจ
“นายก็นอนกับฉันนั่นแหละ ไม่เป็นไรหรอกแค่คืนเดียวเอง”
คริสพยายามพูดปลอบเลย์พลางส่งมือไปวางที่หัวทุยของคนตัวเล็กกว่า โยกมันไปมาเบาๆเมื่อเห็นว่าเรียวปากอวบอิ่มอมชมพูนั้นกำลังเบ้ทำท่าเสียความรู้สึกเต็มประดา
“ก็ได้ครับ”
สุดท้ายก็ต้องตอบตกลงไปเพราะไม่มีทางเลือก นอนที่พื้นก็ดีกว่านอนนอกห้องให้ยุงกัดเล่นละกัน
“ขอบคุณมากนะคะที่เข้าใจทางเรา พวกเราจะชดเชยความผิดพลาดครั้งนี้ให้กับพวกคุณค่ะ ตอนนี้คุณคริสกับคุณเลย์ไปพักก่อนนะคะ ช่วงเย็นเดี๋ยวฉันจะไปตามที่ห้องเพื่อถ่ายแบบอีกครั้ง”
บอกตารางเวลางานคร่าวๆหญิงสาวก็เดินจากไปพร้อมทั้งความโล่งอกที่แสดงออกอย่างชัดเจนทางสีหน้า ก่อนจะปล่อยให้คริสและเลย์ได้พักผ่อนกันตามอัธยาศัยเพื่อรอเวลาที่สมควร
“ทำไมทำหน้าอย่างนั้นล่ะ ทางทีมงานก็ขอโทษแล้วไง” เมื่อเห็นว่าเลย์ยังคงทำหน้าตางองุ้มแสดงออกว่าไม่ชอบใจคริสจึงเอ่ยถามอีกครั้ง
“ก็ไม่ใช่แบบนั้นครับ”
“แล้วมันแบบไหน ไม่อยากนอนร่วมห้องกับฉันว่างั้น?”
“แต่มันเป็นเตียงเดี่ยว ผมไม่อยากนอนพื้น”
“ก็นอนบนเตียงกับฉันสิไม่เห็นจะยาก”
“พี่จะบ้าหรือไงครับ เตียงเดี่ยวน่ะนอนคนเดียวก็เต็มแล้ว โรงแรมนี้ก็แปลก ปกติถ้าเป็นเตียงเดี่ยวห้องนึงก็ต้องมีสองเตียงสิ นี่อะไรมีเตียงเดียวเนี่ยนะ”
“เหอะน่า! เลิกบ่นแล้วขนของขึ้นไปเก็บบนห้องได้แล้ว”
พูดแค่นั้นก็ส่งมือหนาไปผลักเข้าที่หัวทุยจนเซไปอีกทาง ทำเอาใบหน้าหวานที่งองุ้มอยู่แล้วต้องบูดบึ้งขึ้นไปอีก ไม่วายคนถูกกระทำยังส่งสายตากลับมาจ้องเขม่นจนคริสต้องส่งมือไปผลักหัวทุยนั้นซ้ำสอง ไม่ได้สำนึกเลยสักนิดว่าผู้จัดการตัวเล็กอยู่ในอารมณ์แบบไหน ก็เห็นแล้วมันน่าหมั่นไส้เลยอดจะแกล้งไม่ได้นี่นา
หลังจากพักผ่อนไปแล้วก็ถึงเวลาของการเริ่มถ่ายนิตยสารกันเสียที แสงในยามเย็นกำลังสาดส่องกระทบผิวน้ำจนพราวระยับไปหมด พระอาทิตย์เริ่มคล้อยลงต่ำพลางทอแสงอร่ามเหมาะแก่การถ่ายภาพเป็นที่สุด และนั่นผู้จัดการตัวเล็กก็เป็นอีกครั้งที่หลงลืมหน้าที่ของตัวเองเหมือนอย่างเคย
“เดินตามมาเร็วๆเลย์!” คริสเอ่ยเรียกเมื่อเห็นว่าอีกคนยังไม่เลิกถ่ายรูปอยู่อีก นี่ก็ไม่รู้จะเว่อร์ไปหรือเปล่า ไม่ว่าจะเดินไปทางไหนก็ได้ยินเสียงกดชัตเตอร์ตามมาตลอดทาง
“พี่คริสไปก่อนเลยเดี๋ยวผมตามไป”
“เร็วๆนะ อย่าไปหลงแถวไหนล่ะ ขี้เกียจตามหา”
“พี่ก็ทำเหมือนผมเป็นเด็กไปได้”
“หรือไม่ใช่?”
คริสยืนเท้าสะเอวถามอีกคนพลางถอนหายใจรัว ทำเอาใบหน้าน่ารักของผู้จัดการต้องสะบัดหนีไปอีกทางอย่างนึกงอน ทำปากขมุบขมิบบ่นพึมพำอยู่คนเดียวไม่วายยังล้อเลียนท่ายืนของคริสด้วยอีก
“ครับๆรู้แล้ว เดี๋ยวตามไป”
เห็นอีกคนจ้องมาก็ถึงกับเสียวสันหลัง จำเลยต้องตอบเสียงอ่อนเสียงหวานเพราะจริงๆก็กลัวนั่นแหละ ไม่รู้คริสจะต้องทำหน้าตาจริงจังไปเพื่ออะไร แค่เหลือบตามองมาเลย์ก็กลัวแล้ว
เมื่อเห็นว่านายแบบหนุ่มเดินจากไปปฏิบัติหน้าที่ของตัวเองเลย์ก็พรูลมหายใจออกจากปาก ยกยิ้มอีกครั้งเมื่อภาพตรงหน้าทำเอาต้องยกกล้องขึ้นมาถ่ายเรื่อยๆ แต่นั่นไม่นานก็ต้องปล่อยมันลงที่เดิมเมื่อเห็นร่างของใครบางคนที่คุ้นเคยจนสะดุดตา ไม่รอช้าเมื่อได้แน่ชัดว่าคนๆนั้นเป็นใครขาเล็กจึงออกวิ่งตรงดิ่งเข้าไปหาอย่างไม่รีรอ
“เซฮุน!”
วิ่งเข้าไปหาเพื่อนสนิทก็โผเข้ากอดด้วยความคิดถึง ไม่ใช่แค่เลย์ที่ตกใจหากแต่คนที่ถูกจู่โจมโดนสวมกอดก็ตกใจไม่แพ้กัน ยิ้มร่าเมื่อไม่คิดไม่ฝันว่าจะเจอกับเพื่อนรักที่นี่ เลย์บอกได้เลยว่างานนี้ยาว
“นายมาอยู่ที่นี่ได้ไงอ่ะเลย์ มาเที่ยวหรอ?” เซฮุนเอ่ยถามหลังจากที่ผละอ้อมกอดออกแล้วมองใบหน้าหวานของเพื่อนสนิท เห็นอีกคนที่ท่าทางระรื่นในตอนแรกเจือนยิ้มลงฉับพลันเมื่อเจอคำถามของเขาก็อดจะนึกสงสัยเสียไม่ได้
“มาทำงานน่ะสิ ว่าแต่ยูเถอะเซฮุน ไหนว่าซัมเมอร์นี้จะอยู่อังกฤษไม่ใช่หรอ? แล้วทำไมมาอยู่เกาหลีได้ ไอชวนแล้วชวนอีกไม่ยักจะมา”
“ฉันหรอ? พอดีลู่หานกลับมาเกาหลีฉันเลยตามกลับมาด้วย”
“แหมๆ เห็นลู่หานสำคัญกว่าไออีกนะมันน่าน้อยใจนัก ว่าแต่เมื่อไรจะจีบติดเนี่ย?”
“ใจเย็นน่า ได้มาง่ายๆมันก็ไม่ใช่ลู่หานน่ะสิ รายนั้นเขาเลือกได้ ฉันก็เป็นหนึ่งในตัวเลือกของเขานั่นแหละ”
พูดแล้วก็ตีสีหน้าเศร้าสร้อยทำเอาเลย์อดจะเห็นใจไม่ได้ ก็เซฮุนน่ะจีบลู่หานมาตั้งนาน อีกคนกลับไม่เคยเห็นเพื่อนสุดหล่อของเขาในสายตาเลยให้ตายสิ และนั่นก็ทำได้แค่ส่งมือเล็กไปตบเข้าที่บ่าหนาเบาๆเป็นกำลังใจให้เซฮุนต่อไป
“แล้วยูมากับใครเนี่ย?”
“ฉันมากับพี่ชาย พอดีฮีมาหาแฟนเลยลากฉันมาเป็นเพื่อน”
“พี่แจจุงน่ะหรอ?”
“ใช่! ฉันเพิ่งกลับมาถึงเกาหลีเมื่อวานเลยนะ แต่ฮีไม่คิดจะเห็นใจฉันเลยสักนิด แล้ว...ที่นายบอกว่ามาทำงานนี่งานอะไรหรอ? ไม่ยักจะรู้ว่าลูกคุณหนูอย่างนายทำงานกับเขาเป็นด้วย” เสียงทุ้มเอ่ยถามอย่างไม่เชื่อว่าเพื่อนตัวดีของเขาจะเอาการเอางาน อย่างเลย์น่ะดื้อ แล้วอยู่ๆมาทำอะไรแบบนี้เซฮุนไม่เชื่อง่ายๆหรอก
“เออดิ โดนแด๊ดบังคับให้มาเป็นผู้จัดการนายแบบ ถ้าไม่เห็นแก่เงินไอไม่ทำหรอกนะบอกเลย นอนหลับไม่เต็มอิ่มมาหลายวันแล้ว”
ว่าไปก็กุมขมับไป ทำหน้าเบื่อหน่ายเสียเต็มประดาเพราะตั้งแต่ที่ได้มาทำหน้าที่นี้ตารางการใช้ชีวิตของเลย์ก็รวนไปหมด
“จริง? ดีจะตายฉันว่า แล้วนายแบบหล่อป่ะ ชื่อไรอ่ะ?” เซฮุนเอ่ยถามด้วยความตื่นเต้น แสดงท่าทางอยากรู้อยากเห็นอย่างถึงที่สุด
“ชื่อคริส หล่อมาก!” พูดไปก็ทำหน้าเพ้อเสียเพื่อนตัวสูงต้องเบ้ปากหมั่นไส้ แต่นั่นก็อดสงสัยไม่ได้ว่านายแบบที่ว่าจะหล่อขนาดไหนกันเชียวถึงทำให้เลย์ที่ไม่เคยสนใจใครเลยเป็นแบบนี้จนผิดไปจากคนเดิม
“ปกติไม่เห็นสนใจผู้ชาย ผู้หญิงก็ไม่มอง ไม่เห็นนายจะสนใจใครสักคน แล้วทำไมคนนี้ถึงเข้ามาอยู่ในสายตาได้ล่ะ”
“ไม่รู้เหมือนกัน แต่คนนี้ไอชอบจริงๆ ตรงตามชายในฝันเลยอ่ะ”
แน่นอนที่สุด ก็คริสออกจะเพอร์เฟคขนาดนั้น ตรงตามมโนภาพของเลย์ที่เพ้อฝันไว้ เจอปุ๊ปชอบปั๊ป คนนี้แหละโดนใจ
“พูดมาซะขนาดนี้ฉันชักอยากจะเห็นหน้าแล้วสิ พาไปเจอหน่อย”
เมื่อได้ฟังสิ่งที่เซฮุนร้องขอเลย์ก็ทำท่าชั่งใจอยู่ชั่วครู่ ไม่ใช่ไม่อยากพาเพื่อนไปเจอนายแบบในการปกครองหรอกนะ แต่ถ้าเขากลับไปที่กองแน่นอนว่าเขาอาจจะไม่ได้ออกมาเดินเล่นกับเซฮุนอีก
“อย่าเพิ่งเลยดีกว่าพี่เขาทำงานอยู่ เราไปหาร้านกาแฟนั่งคุยกันเถอะ ยูต้องไปหาพี่แจจุงหรือเปล่า?” เปลี่ยนเรื่องทันทีทันใดแต่นั่นเซฮุนก็ไม่คิดจะสาวความ
“พี่แจจุงไม่ว่าหรอก ฮีไม่ชอบให้ฉันเข้าไปยุ่งด้วยเวลาที่อยู่กับพี่ยุนโฮสองต่อสอง เดี๋ยวก็โทรมาตามเองนั่นแหละ ว่าแต่นายไม่ต้องไปทำงานหรือไง?”
“ไม่เป็นไรๆ ไปที่กองไอก็นั่งดูพี่คริสถ่ายแบบเฉยๆ ไม่มีอะไรทำเลยน่าเบื่อจะตาย”
ไม่มีอะไรทำหรือไม่คิดจะทำอะไรกันแน่น่ะเลย์
ไม่สนใจอะไรอีกแล้วเมื่อเจอกับเพื่อนสนิทโดยบังเอิญ เลย์จูงมือเซฮุนไปยังคาเฟ่ใกล้ๆที่บรรยากาศอบอวนไปด้วยความหอมกรุ่นของกาแฟ แค่เดินเข้ามาก็เหมือนว่าได้ผ่อนคลายสมองไปในตัว ก่อนจะสาวเท้าไปหาที่นั่งในมุมที่เป็นจุดชมวิวแล้วสั่งออเดอร์กับพนักงานของร้านอย่างอารมณ์ดี ต่อจากนั้นก็กินเวลานานจนล่วงเลยผ่านทำให้หลงลืมบางสิ่งบางอย่างไปเสียสนิท
...IT HAS TO BE YOU…
นายแบบหนุ่มยกนาฬิกาที่ข้อมือขึ้นดูก็พบว่าเป็นเวลาสี่ทุ่มกว่าแล้ว ตั้งแต่ถ่ายแบบเสร็จก็นั่งรอผู้จัดการตัวเล็กอยู่ที่เคาน์เตอร์ของโรงแรมอีกคนก็ยังไม่กลับมาเสียที โทรไปก็ปิดเครื่องทำเอาในกายมันร้อนรุ่มจนไม่อาจอยู่เฉยได้ ทนไม่ไหวจึงเดินออกไปที่หน้าโรงแรมเพื่อมองหาอีกคน คิดไว้ว่าถ้าไม่มาภายในอีกห้านาทีคริสจะออกไปตามหาในทันที
“ก็บอกตั้งแต่แรกแล้วว่าให้รีบตามมา แล้วนี่ไปเถลไถลที่ไหนอีกนะ” พึมพำกับตัวเองมือหนาก็ประสานกันไว้แน่น บีบเกร็งเพราะเอาแต่คิดกระวนกระวายใจเป็นห่วงคนที่ยังไม่กลับมา
สุดท้ายก็รอเวลาให้ถึงห้านาทีไม่ไหว คริสตัดสินใจเดินออกจากโรงแรมแล้วสอดส่ายสายตามองหาร่างเล็กที่คุ้นเคย ในเวลานี้นอกจากแสงสว่างจากไฟรายทางก็มีแค่ไฟดวงเล็กจากเรือหาปลาจากที่ห่างไกลเท่านั้น แล้วนั่นผู้จัดการตัวเล็กของเขาจะไปอยู่ที่ไหนกัน ค่ำมืดแบบนี้มันอันตรายรายนั้นจะรู้บ้างไหม
“โธ่เว้ย!”
สบทออกมาอย่างเหลืออดพลางส่งเท้าออกไปเตะก้อนหินก้อนเล็กตรงหน้าเพื่อระบายอารมณ์
คริสไม่อยากจะยอมรับว่าตอนนี้เขาเป็นห่วงอีกคนมากแค่ไหน ไม่อยากจะยอมรับเลยว่าเขากังวลและกำลังกระวนกระวายใจกับเรื่องของอีกคน ผ่านมาร่วมชั่วโมงแล้วไม่ว่าจะเดินไปที่ไหนของเกาะก็ไม่พบแม้แต่เงาของคนตัวเล็กที่เฝ้ารอมาหลายชั่วโมงตั้งแต่ทำหน้าที่ของตัวเองเสร็จ
“โทรศัพท์มีไว้ทำไมกัน รู้จักเปิดเครื่องบ้าง ถ้าเปิดแล้วก็ควรจะโทรหาฉันสิ ไม่ใช่ปล่อยให้ฉันแทบบ้าอยู่แบบนี้!”
ยกเครื่องมือสื่อสารสีดำขลับขึ้นมาก็บ่นมันเสียให้ส่งไปถึงอีกคน สุดท้ายก็หมดแรงหย่อนกายนั่งลงกับพื้นทรายมองทิวทะเลตรงหน้าแล้วถอนหายใจเฮือกใหญ่ กุมขมับเพราะคิดไปแล้วว่าผู้จัดการอาจจะเป็นอันตราย แต่ก็ยังมองสองแง่สองง่ามว่าอาจจะกลับไปที่โรงแรมแล้วก็ได้
คิดได้แค่นั้นก็รีบกุลีกุจอลุกขึ้นแล้วปัดผงทรายออกจากกางเกง หมุนตัวกลับไปทำท่าจะเดินกลับโรงแรมแต่แล้วก็ต้องชะงักเท้าเมื่อใครบางคนมายืนจังก้าอยู่ตรงหน้าพลางยิ้มแป้นอารมณ์ดี เห็นแล้วก็ถึงกับนึกโมโหขึ้นไปอีก
“ทำไมพี่มานั่งอยู่ตรงนี้อ่ะครับ มารับลมทะเลหรอ?”
ดูเอาเถอะว่าไม่ได้สำนึกเลยสักนิด หายไปตั้งหลายชั่วโมงยังจะมีหน้ามาย้อนถามอีกนะ
คริสแทบจะระเบิดใส่อีกคนเสียเดี๋ยวนั้น นัยน์ตาคู่คมกลอกส่ายไปมาด้วยความเอือมระอา แต่นั่นก็ยังถอนหายใจอย่างโลกอกที่เห็นผู้จัดการตัวเล็กยังปลอดภัยดี
“ไปไหนมา?”
คริสกดเสียงให้เรียบนิ่งที่สุดเอ่ยถามออกไป ใบหน้าหล่อเหลาไร้แววของความเป็นมิตรเมื่อได้เห็นผู้จัดการตัวเล็กอารมณ์สุนทรีในขณะที่เขาร้อนรนใจจนอยู่ไม่เป็นสุข
“ไปดื่มกาแฟกับเพื่อนมาครับ”
“เพื่อนที่ไหน?”
“เพื่อนที่อังกฤษครับ บังเอิญเจอกัน”
ตอบเสียงใสก็ยิ้มร่าจนคริสต้องละสายตาออกจากใบหน้าหวานแล้วเสมองไปทางอื่น มองใบหน้าระรื่นนั้นนานๆมีหวังคริสได้ระงับอารมณ์ตัวเองไม่ได้แน่ๆ
นี่เขากำลังทำอะไรอยู่นะ เป็นห่วงคนที่เขาไม่เคยห่วงตัวเองทำไมกัน
“แล้วบอกให้ตามไปที่กองถ่ายทำไมถึงไม่ตามไป เป็นเด็กทำแบบนี้รู้ไหมเขาเรียกว่าเด็กไม่ดี” ตัดพ้อทันทีอย่างเหลืออด บางทีถ้าเลย์ไม่เป็นห่วงตัวเองก็ห่วงจะเป็นคนอื่นบ้าง
คำพูดของคริสทำเอาอีกคนต้องนิ่งไปชั่วครู่ ถึงจะเป็นประโยคที่ฟังดูธรรมดาแต่สำหรับเลย์แล้วมันแทงใจดำเขาเข้าเต็มๆ
“ก็ผมมันเป็นเด็กไม่ดีหนิครับ ผมขอโทษ! ผมผิดเองที่ไม่ยอมเชื่อฟังพี่ แค่นี้ใช่ไหมครับจะพูด ผมจะกลับโรงแรมไปอาบน้ำแล้ว”
พูดแค่นั้นก็หมุนตัวกลับพลางสะบัดใบหน้าหนีอย่างไม่ไยดี เลย์รู้สึกน้อยใจที่อะไรนิดอะไรหน่อยคริสก็มักจะบอกว่าเขาเป็นเด็กเสมอ ทำเหมือนเขาดูแลตัวเองไม่ได้อย่างนั้นแหละ ไปอยู่อังกฤษตั้งหลายปีนั่นยังไม่รับรองอีกหรอว่าเขาโตพอจะดูแลตัวเองได้ แล้วไม่วายยังจะตัดพ้อกันแบบนั้นอีก รู้ว่าทำผิดเลย์ก็จะยอมรับผิด แต่ที่ไม่เข้าใจเลยคือทำไมคริสต้องทำเหมือนโกรธเขามากขนาดนั้นด้วย
ความปวดหนึบที่ใจมันกำลังรุมเร้าเลย์ไปหมด สายตาที่ฉายแววผิดหวังส่งมาทอดมองทำเอาร่างกายชาวาบจนต้องเบือนใบหน้าหนีไปอีกครั้ง ก็แค่เรื่องเล็กน้อยแล้วทำไมต้องทำให้เรื่องมันดูใหญ่โต
“....ไม่รู้หรือไงว่าเป็นห่วง?”
เพียงแค่ได้ยินเสียงทุ้มที่เอื้อนเอ่ยเท้าเล็กที่กำลังออกเดินหนีไปก็ต้องชะงักนิ่งอยู่กับที่ในฉับพลัน ทุกอย่างเหมือนถูกหยุดด้วยเวลาเมื่อคำพูดของอีกคนมันฉายแววจริงจังอย่างชัดเจน ไม่ได้พูดเล่นทั้งยังหนักแน่นจนหัวใจของเลย์เริ่มสั่นคลอน
...เป็นห่วงหรอ? พี่คริสบอกว่าเป็นห่วงเขา...
“ผ...ผมขอโทษ อ๊ะ!”
หมุนตัวกลับอีกครั้งเพื่อหันไปหานายแบบหนุ่ม ไม่ทันได้ตั้งตัวร่างกายก็ลอยหวือเข้าไปอยู่ในอ้อมกอดอบอุ่นเสียแล้ว ทั้งอึ้งทั้งตกใจเมื่อไม่คิดว่าอีกคนจะเป็นห่วงกันมากขนาดนี้ ไม่วายยังกระชับอ้อมกอดเสียแน่นจนหัวใจเต้นโครมครามไม่เป็นจังหวะทำเอาร่างกายไร้เรี่ยวแรงยืนไม่ติดที่เลยทีเดียว
“จะไปไหนก็บอก ไม่ใช่หายไปเฉยๆแล้วปิดมือถือด้วยอีก” คริสเอ่ยพูดเสียงเรียบพลางกอดอีกคนไว้แน่น ก่อนจะรับรู้ได้ถึงอ้อมแขนเล็กที่ยกขึ้นกอดตอบเขากลับมาด้วยเช่นกัน
“ผ...ผมไม่ได้ปิดมือถือนะ”
“แต่โทรไปไม่ติด”
“ไม่ได้ปิดจริงๆ เดี๋ยวผมเอาให้ดู”
พูดแค่นั้นเลย์ก็ค่อยๆผละร่างกายออกจากอีกคนช้าๆ แต่นั่นคนที่โอบกอดเขาอยู่กลับไม่คลายอ้อมแขนให้เป็นอิสระ ทั้งยังออกแรงกอดรัดแน่นเสียแทบจะหลอมรวมกลายเป็นร่างเดียว
ร่างกายของคริสมันอบอุ่นแบบนี้นี่เอง เลย์แทบจะร้องไห้เมื่อคนที่เอาแต่ชอบดุชอบว่าเขากลับแสดงออกด้วยท่าทางอ่อนโยนผิดไปจากเดิม หัวใจที่คิดว่าคล้อยตามคริสได้อยู่แล้วมันกลับมอบให้อีกคนไปอยากไม่มีข้อแม้ ไม่ปฏิเสธว่าตอนแรกก็ชอบที่หน้าตานั่นแหละ แต่เพราะคริสเป็นแบบนี้ไงเลย์ถึงเริ่มไม่มั่นใจในความรู้สึกของตัวเอง – สับสน
“ห้ามเป็นแบบนี้อีกเข้าใจไหม? ถ้านายเป็นอะไรไปฉันจะทำยังไง”
“พ...พี่คริส”
เพียงแค่นั้นทุกอย่างก็เหมือนภาพวาดที่ไร้การเคลื่อนไหมอีกครั้ง สายลมเอื่อยๆพัดผ่านมาแล้วก็ผ่านไปทิ้งเวลานานพอตัว คริสไม่อยากคลายอ้อมกอดให้อีกคนต้องออกห่างแม้แต่ก้าว ส่วนคนที่อยู่ในอ้อมกอดก็ยอมให้โดยไม่ขัดขืนเลยสักนิด ก่อนจะเริ่มรับรู้ได้ว่ามันคงนานเกินความด้านชาแล้วถึงได้เกิดความเคอะเขินขึ้นมาเมื่อร่างสองร่างแนบเข้าหากันเป็นเวลานาน
“เอ่อ...กลับโรงแรมกันเถอะ มันดึกมากแล้ว”
พูดแค่นั้นคริสก็ยอมปล่อยผู้จัดการตัวเล็กให้เป็นอิสระ ก้มหน้าก้มตาเดินนำหน้าไปทางที่พักโดยไม่รั้งรออีกคนเสียเลย ไม่กล้าสบตาแม้แต่จะเงยหน้าขึ้นมาก็ยังไม่กล้าพอ ทำไปแล้ว กอดอีกคนด้วยความรู้สึกส่วนตัวไปแล้ว เขาผิดปกติไปหรือเปล่านะ – อาการแบบนี้มันคืออะไร?
“พี่คริส! รอผมด้วย”
เห็นช่วงขายาวที่เดินจากไปโดยไม่รั้งรอเลย์ก็รีบสาวเท้าตามไปติดๆ ล้วงมือเข้าไปในกระเป๋ากางเกงก็ดึงเครื่องมือสื่อสารขึ้นมาดูว่ามีสายเข้าหรือเปล่า แต่นั่นก็รับรู้ได้ว่าแบตในมือถือเขาหมดจนหน้าจอมืดสนิทไร้การแสดงใดๆ
“………………”
“พี่คริส คือผมไม่ได้ปิดเครื่องนะแต่แบตมันหมด”
เดินตามอีกคนไปก็แก้ตัวไปด้วยตลอดทาง รู้สึกผิดขึ้นมาเพราะเข้าใจแล้วว่าที่คริสเป็นห่วงเพราะอะไร เลย์ผิดเต็มๆเลยครั้งนี้ ไม่ทำหน้าที่ของตัวเองไม่พอยังแอบไปเริงรื่นกับเซฮุนด้วยอีก สมควรแล้วที่ถูกดุ
“อืม ช่างมันเถอะ แค่นายกลับมาก็ดีมากแล้ว”
…IT HAS TO BE YOU…
นายแบบหนุ่มที่อยู่ในชุดนอนไม่ต่างจากอีกคนก็เอาแต่นั่งเปิดนิตยสารรายวันดูไปคนเดียวโดยไม่สนใจคนตัวเล็กเลยสักนิด ตั้งแต่กลับมาถึงโรงแรมก็ไม่มีบทสนทนาระหว่างทั้งคู่อีกเลย อีกคนไม่พูดทั้งยังเอาแต่นิ่ง ส่วนอีกคนพยายามจะพูดหากแต่พูดไม่ออกแม้แต่จะอ้าปาก
ความอึดอัดมันเริ่มโหมขึ้นเรื่อยๆเมื่อในตอนนี้ต่างคนต่างนั่งหันหลังอยู่คนละฝากฝั่งของเตียงนอนหลังเล็ก ใบหน้าหวานหันเหลือบมองคนที่นั่งอ่านหนังสืออยู่ก็ถึงกับใจตุ้มๆต่อมๆ ไม่กล้าแม้แต่จะชวนอีกคนพูดคุยหรือเอ่ยคำขอโทษกับเรื่องที่ผ่านมา แต่นั่นทุกอย่างดูท่าว่าจะจบลงเมื่อคำพูดเพียงประโยคเดียวสามารถจบสิ้นทุกอย่างได้
“นอนกันเถอะ”
มือหนาพับหนังสือเก็บพลางค่อยๆล้มตัวลงนอนที่เตียงนุ่ม ดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมถึงหน้าอกก็ต้องแปลกใจเมื่อผู้จัดการตัวเล็กยังเอาแต่นั่งอยู่กับที่ไม่เคลื่อนกายไปไหน
“ผมว่าผมนอนที่พื้นน่าจะดีกว่า”
“ตามใจ”
ไม่ง้อเลยสักนิด เลย์อยากทำอะไรคริสก็ตามใจ ถ้าอยากนอนกับพื้นคริสก็ไม่ขัดอยู่แล้ว ดีซะอีกจะได้ครองเตียงคนเดียวนอนมันสบายทั้งคืน
สิ้นคำพูดของนายแบบหนุ่ม กายเล็กก็ค่อยๆคลานลงมานอนกับพื้นห้องอย่างเงียบๆ ดึงผ้าห่มกับหมอนลงมาก็บุ่ยหน้าบ่นพึมพำน้อยใจอีกคนอยู่คนเดียว ทิ้งหัวทุยลงกับหมอนก็สะบัดผ้าห่มคลุมกายตัวเอง แต่นั่นทำไมไม่ปิดไฟวะ แล้วโคมไฟมันอยู่ตรงไหน? ก็ตรงหัวพี่คริสนั่นไง
“ปิดไฟด้วยครับพี่คริส”
“แล้วทำไมนายไม่ปิดเองล่ะ”
“ก็มันอยู่ตรงหัวพี่นี่ครับ”
เพียงไม่นานไฟในห้องก็มืดสนิท เลย์ค่อยๆกะพริบเปลือกตาปรับโฟกัสเพื่อให้คุ้นชินกับความมืดมิด ดีที่ยังมีแสงไฟเล็ดลอดมาให้มองเห็นอยู่บ้าง แล้วไอ้การนอนพื้นเนี่ยนอกจากจะปวดหลังแล้ว อีกอย่างที่เลย์นึกกลัวเลยนั่นก็คือสิ่งที่มองไม่เห็น ไม่น่าเลยไหมล่ะ
“คนอะไรใจร้าย”
บ่นค่อนขอดนายแบบหนุ่มในความมืดก็เบ้ปากทำท่าว่าจะร้องไห้อยู่รอมร่อ เหลือบม่านตากลมมองไปรอบๆห้องก็มโนภาพขึ้นเสียให้ระแวงเอง คิดได้ดังนั้นก็รีบพลิกตัวหันหน้าเข้าหาเตียงทันทีเพราะกลัวการมองออกไปยังนอกระเบียงห้องแล้วจินตนาการเองต่างๆนาๆ
ปุ่!!!!
เสียงบางสิ่งบางอย่างที่ดังอยู่ด้านหลังของเลย์ทำให้ต้องสะดุ้งโหย่งแล้วหลับตาปี๋ทันที แล้วไอ้เสียงที่ว่านั่นมันก็อยู่ใกล้เขาเกินไปจนตอนนี้ขนแขนลุกเกรียวไปหมด
ปิดเปลือกตาไว้แน่นพลางปากก็พึมพำท่องบทสวดเป็นสิบๆบท อยากจะลุกขึ้นไปนอนกับคนบนเตียงเสียเหลือเกิน แต่แค่จะขยับร่างกายกลับยังไม่กล้า ซวยกว่านี้มีอีกไหมวะ
ฟุ้บ!
เอาอีกแล้ว เสียงบ้าเสียงบอนั่นมันอะไรกันดังอยู่ด้านหลังของเขา ไม่วายยังมีลมพัดมากระทบกับแผ่นหลังด้วยอีก ประตูตรงระเบียงก็ปิดอยู่แล้วไอ้ลมบ้านี่มันมาจากไหน
เลย์พยายามรวบรวมความกล้าทั้งหมดที่จะเผชิญหน้ากับสิ่งที่มองไม่เห็น สิ่งที่เขาคิดมันอาจจะไม่เป็นอย่างที่คิดก็ได้ เพราะฉะนั้นต้องพิสูจน์ให้รู้กันไป ไม่งั้นคืนนี้เขาคงไม่ได้นอนยันเช้าแน่ๆ
1….2….
ว่าแล้วก็เริ่มนับหนึ่งในใจเพื่อเตรียมความพร้อม สูดลมหายใจเข้าปอดจนเต็มเพิ่มกล้าหาญยิ่งขึ้น สองจิตสองใจอยู่เป็นเวลานาน ก่อนจะตั้งสติแล้วหมุนตัวกลับไปมองอย่างรวดเร็วว่าไอ้ความผิดปกติแปลกๆนั่นคืออะไร
3…..
!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!!
“อ้าก!.... อื้อ….”
เพียงแค่หันกลับไปมองก็แทบช๊อคเมื่อมีเงาตะคุ่มของใครบางคนนอนอยู่ข้างๆกัน ก่อนจะกลืนเสียงนั้นลงคอไปฉับพลันเพราะริมฝีปากอวบอิ่มถูกครอบครองจนไม่อาจขัดขืนได้ ส่งกำปั้นเล็กไปทุบที่หน้าอกแกร่งก็แน่ชัดแล้วว่าไม่ใช่ผีหากแต่เป็นคนที่มีเนื้อหนังมังสา แล้วคนๆนั้นก็....
ลิ้นร้อนถูกส่งเข้าไปควานหาความหอมหวานอย่างเอาแต่ใจ ดูดเม้มแผ่วเบาทำเอาอีกคนครางเสียงหวานในลำคออื้ออึง แต่นั่นคนที่อยู่ใต้ร่างก็ตอบรับกลับมาด้วยความไม่ประสาจนไม่อยากจะละจากริมฝีปากสวยเลยสักนิด ความหอมหวานมันยังตรึงตราตั้งแต่ครั้งแรกที่เคยได้รับสัมผัส ถึงจะเป็นความผิดพลาดแต่มันก็ทำให้หัวใจก่อเกิดบางสิ่งบางอย่างตั้งแต่นั้นมา
“พ...พี่คริส”
เสียงหวานเอ่ยเรียกชื่ออีกคนทั้งเบิกตากว้างด้วยความตื่นตระหนก หอบแฮ่กเพราะรสจูบเมื่อครู่ทำให้ร่างกายเกือบขาดอ๊อกซิเจนจนกลัวว่าจะไม่ตื่นขึ้นมาอีกครั้ง
ว่าแต่คริสมาอยู่ตรงนี้ได้ยังไง
มาตั้งแต่เมื่อไหร่
“อะไร?”
นี่ก็ไม่รู้จักสะทกสะท้าน ขโมยจูบเขาไปแล้วยังจะนิ่งเฉยได้อยู่อีก
“พี่ทำแบบนี้ทำไม?”
“นายเสียงดัง”
“ก็แล้วมันเพราะใครล่ะ ไม่ใช่เพราะพี่หรือไงที่ลงมานอนเงียบๆทำผมตกอกตกใจน่ะ!”
ได้สติก็สวนกลับอีกคนไม่ยั้ง ปากพูดไปหากแต่ใบหน้าน่ารักกลับเบือนหนีไปอีกทางทั้งในอกมันก็ตีรวนไปด้วยความสับสน เพราะคนที่เข้าจู่โจมก็เอาแต่จ้องอยู่อย่างนั้นไม่คิดจะละสายตาออกไปเลยสักนิด
“หรอ? ฉันทำนายตกใจหรอ?”
“ก็ใช่น่ะสิครับ! คนยิ่งกลัวๆอยู่ แล้วนี่พี่จูบผมทำไมยังทำเฉยได้อีก แกล้งกันหรือไง?”
เอาเถอะว่าเลย์ไม่เกรงใจใครแล้วตอนนี้ ถึงจะเขินอายมากขนาดไหนแต่นั้นเขากลับรู้สึกหงุดหงิดทั้งยังไม่ชอบใจเสียมากกว่า ก็พราะช่วงนี้นายแบบหนุ่มชอบทำอะไรแปลกๆจนเขาขวัญหนีดีฝ่ออยู่ตลอดเลยนี่นา
“...ฉันไม่ได้แกล้ง... หัวใจเต้นแรงจะตายไม่ได้ยินหรอ?”
ความเงียบเข้าปกคลุมทันทีเมื่อสิ้นเสียงทุ้มที่เอ่ยออกมาอย่างจริงจัง นัยน์ตาคู่คมจ้องมองเสี้ยวหน้าหวานของผู้จัดการหนุ่มตัวเล็กโดยไม่คิดจะลดละ ไม่มีเหตุผลไม่มีข้อแก้ตัว ก็แค่อยากมองถึงแม้จะอยู่ในความมืดก็ตาม
“แน่ะ! อย่ามาตลกน่าพี่คริส ชอบผมอยู่หรือไง?” เอ่ยทีเล่นทีจริงอย่างนึกสนุก ถึงแม้ในใจจะรัวกล้องจนแทบจะหลุดออกมาแต่เลย์ก็ไม่อยากจะเชื่อว่าอยู่ๆคนอย่างคริสจะเปลี่ยนไปจากหน้ามือเป็นหลังมือได้ขนาดนี้
“…ไม่รู้ว่าชอบหรือเปล่า...แต่รู้สึกดี”
ตู้ม! เลย์บอกได้เลยว่าคำพูดแค่นี้ไม่ต้องมากมายเขาก็แทบจะลมจับ คริสเปลี่ยนไปแล้วจริงๆ บ้าไปแล้วแน่ๆ อาจจะไม่สบายหรือว่าสมองกระทบกระเทือน คนอย่างคริสเนี่ยนะจะมารู้สึกดีกับเด็กกะโปโลอย่างเขา
“พี่คงเพี้ยนไปแล้วจริงๆ กลับไปนอนบนเตียงเถอะครับ ผมง่วงแล้วจะนอนเหมือนกัน”
“ฉันมั่นใจว่าฉันยังปกติดี”
ยังไม่เลิก อยากจะให้เลย์หัวใจวายตายหรือยังไง มาพร่ำเพ้ออะไรเสียดึกดื่นป่านนี้ แล้วอย่างนี้เขาจะทำยังไงต่อไปดีล่ะ
“โอเคครับ พี่ปกติดีแต่บางทีผมคงฝันไป”
พูดเสร็จก็ล้มตัวลงนอน ทิ้งหัวกับหมอนนุ่มพลางส่งมือไปดึงผ้านวมผืนหนาขึ้นมาคลุมกาย แต่แล้วก็ต้องชะงักมือไปเสียดื้อๆ เมื่ออีกคนที่เอาแต่ใจกลับดึงผ้าห่มของเขาไปแล้วแทรกกายเข้ามานอนด้วยกันโดยไม่ได้ขออนุญาตก่อนเลยสักนิด ไม่วายยังโอบกอดไว้แน่นทำเอาใบหน้าหวานเห่อแดงจนร้อนผ่าว
แล้วก็มั่นใจแล้วว่าไอ้เสียงที่ได้ยินจนหลอนนั่นน่ะคือเสียงอะไร
...เสียงแรกคือเสียงโยนหมอนลงกับพื้น ทำเอาหวาดระแวงจนเกือบสติหลุด
...เสียงที่สอง คือเสียงพี่คริสที่ล้มตัวลงนอนข้างๆกัน นี่ก็ทำเอาลมจะจับอยู่แล้ว
มาไม่ให้สุ่มให้เสียงแบบนี้ถ้าเขาเป็นอะไรไปจะว่ายังไง...
“พี่คริส!” กระแทกเสียงเรียกอีกคนก็ค่อยๆหันใบหน้าไปมองคนที่นอนโอบกอดเขาอยู่ ไม่วายยังฟุบหน้าไปกับซอกคอด้วยอีก
“อะไร?”
“ไปนอนบนเตียงสิครับ”
“ไม่อยากนอน”
“พี่ก็ชอบเอาแต่ใจ ถ้าพี่ไม่นอนงั้นผมไปนอนเองก็ได้”
พูดเสร็จก็ทำท่าจะลุกขึ้น ถามว่าได้ผลไหม ตอบเลยว่าไม่ เลย์ถึงกับเหนื่อยใจเมื่อทำอะไรคริสไม่ได้เลยสักอย่าง หันไปหาอีกคนใบหน้าหล่อก็อยู่ใกล้เพียงลมหายใจกั้น อยากจะเบิดตัวเองให้ไปถึงดาวอังคารเสียตอนนี้ จะบ้าตายอยู่แล้ว
ทำได้ก็แค่ดิ้นขลุกขลักอยู่ในอ้อมกอดแกร่งอย่างนั้นจนอีกคนที่คิดว่านอนหลับไปแล้วต้องเอ่ยพูดตัดปัญหาไปเสีย
“ไม่หยุดดิ้นเจอจูบแน่”
สุดท้ายก็พ่ายแพ้ คนที่แพ้ก็เลย์เองนั่นแหละ ให้นอนกับอีกคนแบบนี้เลย์นอนไม่หลับหรอกนะ เขาไม่สามารถข่มตาให้หลับได้เลยจริงๆ
“พี่ทำแบบนี้กับผมทำไมเนี่ย?” ถามอีกครั้งก็ถึงกับถอนหายใจ กลอกตาไปมาด้วยความเอือมระอา และนั่นก็ได้รับคำตอบที่แท้จริงแล้วว่าทำไม
“แค่อยากแกล้ง ล้อเล่นหน่อยไม่ได้ใช่ไหม?”
ไม่รู้ว่าทำไมประโยคที่สามารถมองข้ามไปได้มันกลับทำให้หัวใจเจ็บปวด แค่ลืมมันไปไม่ใส่ใจก็จบเรื่อง แต่เลย์ทำไม่ได้ คำพูดที่คริสพูดมานั้นชวนปวดหนึบที่ใจอย่างบอกไม่ถูก อาการหน่วงแปลกๆที่ไม่รู้ว่าเหตุเกิดจากอะไรทำให้หัวใจแฟ่บแบนได้ฉับพลัน เสียงโครมครามในอกเมื่อครู่นึกว่าจะจะหยุดเต้นไปเสียบัดเดี๋ยวนั้น ย้ำว่าเลย์ไม่ได้คิดอะไรแต่ทำไมถึงต้องรู้สึกไม่พอใจ ทำไมถึงอยากจะร้องไห้ก็ไม่รู้
“ก็รู้อยู่หรอกว่าแค่แกล้ง ผมนอนแล้วนะ”
พูดด้วยน้ำเสียงแผ่วเบาก็พลิกตัวหันหนีอีกคนทันที ปิดเปลือกตาลงและยอมให้นายแบบหนุ่มโอบกอดอยู่อย่างนั้นโดยไม่ขัดขืน ก็เพราะว่าอีกคนแค่ล้อเล่น แล้วทำไมต้องไปใส่ใจด้วยก็ไม่รู้ ลืมมันซะให้หมด ตื่นมาพรุ่งนี้ก็แค่ลืม...
...IT HAS TO BE YOU…
*** หายไปนานต้องขอโทษก่อนเลย
ไม่มีเวลาแต่งบวกกับเรื่องอื่นๆด้วยค่ะ T^T
แต่ว่าไม่ทิ้งแน่ๆ ต่อให้จนจบแน่นอนคร้า
แล้วจะหาเวลามาอัพให้เรื่อยๆนะคะ อย่าเพิ่งทิ้งกันเน้อ ^^
สุดท้ายก็ขอบคุณที่ยังติดตามนะคะ
ความคิดเห็น