คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #27 : ll THE WIZARD ll Chapter 23 ...END...
THE WIZARD 23
“ไอ้เด็กบ้า! นายมาทำอะไรหน้าห้องฉันแต่เช้าเลยวะ?” เสียงทุ้มของเจ้าของห้องเอ่ยถามเด็กหนุ่มรุ่นน้องด้วยความหงุดหงิด มือหนายกขึ้นขยี้ผมตัวเองจนยุ่งเหยิงก่อนจะจ้องเขม่นคนตรงหน้าอย่างเอาเรื่อง กำลังหลับสบายเลยแท้ๆมันมาทำอะไรเอาตอนนี้
“ผมมาหาพี่เลย์” เด็กหนุ่มตอบไปด้วยสีหน้าเรียบนิ่ง เหลือบมองรุ่นพี่ตัวสูงชั่วครู่ก็ยกมือขึ้นกอดอกพลางเสมองไปทางอื่นด้วยความเบื่อหน่าย
“มีธุระอะไรกับแฟนฉันไม่ทราบ?”
“ผมจำเป็นต้องบอกรุ่นพี่ด้วยหรอครับ”
คำพูดคำจาของเด็กหนุ่มทำเอาคริสของขึ้นแต่เช้าก็ไม่ปราน ไอ้นี่มันกวนเบื้องล่างยิ่งกว่าอะไรดี ก่อนสายตาคมจะค่อยๆกวาดมองการแต่งกายของรุ่นน้องตรงหน้าตั้งแต่หัวจรดเท้าเหมือนอย่างวันแรกที่พบกันอีกครั้ง
“หึ! ถามจริงเหอะ แต่งตัวแบบนี้คิดจะเปลี่ยนแปลงเดอะวิซาร์ดรึไง?”
ปากเรียวกระตุกยิ้มอย่างนึกขัน แฟชั่นแปลกๆของรุ่นน้องตรงหน้าก็ไม่ต่างไปจากวันแรกซะเท่าไหร่ เสื้อยืดตัวโคร่ง กางเกงขาสั้นเหนือเข่าทั้งยังคีบรองเท้าแตะราคาแพง แต่ที่อยากจะหัวเราะร่วนออกมาก็เห็นจะเป็นเสื้อคลุมของปราสาทฟีนิกซ์นี่ล่ะนะ คงคิดว่าดูดี
“พอดีผมหนาวก็เลยเอาเสื้อคลุมมาใส่ ไม่ทราบว่าหนักส่วนไหนของรุ่นพี่หรอครับ” เซฮุนตอบกลับไปกวนประสาทอีกคนก่อนจะไหวไหล่น้อยๆอย่างไม่เกรงกลัวรุ่นพี่อย่างคริสเลยสักนิด
“ไอ้....”
“นายคุยกับใครอ่ะคริส?”
ไม่ทันจะได้เอ่ยปากต่อว่ารุ่นน้องผู้อวดดีคริสก็ต้องกลืนคำพูดนั้นลงคอไปอย่างรวดเร็ว ก่อนจะหันกลับไปหาคนรักที่เพิ่งเดินออกมาจากห้องน้ำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“โอเซมาหา” คริสเอ่ยบอกเลย์แค่นั้นก็เดินกลับเข้าไปในห้องทันทีด้วยอารมณ์ที่คุกรุ่น
“ผมชื่อโอเซฮุนครับรุ่นพี่ไม่ใช่โอเซ กรุณาเรียกให้ถูก”เซฮุนชะเง้อหน้าเข้าไปพูดกับอีกคนที่เดินเข้าห้องไปแล้ว ไม่รู้ว่าเมื่อยปากมากนักรึไงที่จะเรียกชื่อเขาเต็มๆน่ะ
“ก็ฉันจะเรียก นายมีปัญหาอะไร?”
เลย์ที่ยืนมองเหตุการณ์อยู่นานก็ถึงกับถอนหายใจก่อนจะส่ายหน้าไปมาอย่างระอาแต่นั่นก็ยังเผยรอยยิ้มให้เห็นอยู่ตลอดเพราะคริสน่ะนิสัยก็ไม่ได้ต่างไปจากเซฮุนซักเท่าไหร่หรอก
“นายมาแต่เช้ามีอะไรรึเปล่าเซฮุน” เลย์เอ่ยถามรุ่นน้องตรงหน้าที่ยืนรออยู่นานแล้ว
“ผมหิวข้าว...”
“อะไร? โตเป็นวัวเป็นควายแล้วหากินเองไม่เป็นรึไง?” คริสสวนขึ้นมาในทันทีทั้งๆที่เซฮุนยังพูดไม่จบ ยิ่งได้เห็นใบหน้าลูกคุณหนูของเซฮุนแล้วเขาก็อยากจะแกล้งซะให้เข็ดไปเลย
“คริสพูดกับน้องดีๆสิ”
“นี่นายเข้าข้างมันหรอเลย์?”
“เปล่าซะหน่อย” เลย์ไหวไหล่ก่อนจะถอนหายใจออกมาอีกครั้งเมื่อคริสไม่คิดจะฟังเหตุผลอะไรเลย แต่กลับเดินหนีเข้าห้องน้ำไปซะเฉยๆ
“ผมยังพูดไม่จบนะครับรุ่นพี่ ผมจะบอกว่าผมหิวข้าวแล้ว และทุกคนก็รออยู่ที่ร้านอาหารข้างโรงเรียน”
“ทุกคนให้มาตามหรอ?” เลย์เอ่ยถามเซฮุนอีกครั้ง แทบจะส่งมือไปลงโทษอีกคนที่เพิ่งจะมาบอก ทำไมไม่พูดให้มันจบวะเห็นไหมว่าไอ้โย่งนั่นงอนเขาไปแล้ว
“ผมกำลังจะพูดแต่พี่คริสก็สวนขึ้นมาก่อน ไม่รู้จักโตเอาซะเลย” ท้ายประโยคเซฮุนก็อดจะบ่นค่อนขอดรุ่นพี่หน้าหล่อเสียไม่ได้ เหมือนจะเป็นผู้ใหญ่แต่ก็ไม่เลยสักนิด
“โอเคฉันเข้าใจแล้ว ถ้างั้นเราไปกันเถอะ” ใบหน้าหวานพยักขึ้นลงให้เป็นคำตอบ กำลังจะหันหลังกลับเข้าไปในห้องเพื่อใส่รองเท้าหากแต่รุ่นน้องอีกคนก็แย้งขึ้นมาจนต้องหันกลับไปมองอีกครั้ง
“แล้ว...” เซฮุนชี้นิ้วไปยังประตูห้องน้ำที่มีใครอีกคนอยู่ข้างในเป็นเชิงถามว่ารุ่นพี่ตัวสูงจะไปด้วยหรือเปล่า ก็เพราะหวั่นว่าคนในห้องน้ำนั่นน่ะจะมาพาลใส่เขาอีกทีหลังน่ะสิ
“เดี๋ยวก็ตามไปเองนั่นแหละ”พูดแค่นั้นเลย์ก็เดินกลับไปใส่รองเท้าที่เตียง ก่อนจะออกจากห้องไปพร้อมกับเซฮุนแล้วตรงดิ่งยังที่นัดหมายทันที
...THE WIZARD…
ร้านอาหารเจ้าประจำ สถานที่รวมตัวอีกแห่งนอกจากห้องสมุดที่มักจะไปกันบ่อยๆ เสียงหัวเราะที่โต๊ะในมุมหนึ่งของร้านช่างดูครึกครื้นและบ่งบอกถึงอารมณ์ของทุกคนที่กำลังมีความสุขได้เป็นอย่างดี หากแต่คนที่เพิ่งจะเดินเข้ามาในร้านเป็นคนสุดท้ายกลับไม่มีอารมณ์ร่วมเลยสักนิด ใบหน้าหล่อเง้างอทั้งยังฉายแววหัวเสียเป็นอย่างยิ่ง คนรักไม่รอแถมไม่รับโทรศัพท์ของเขาอีก แล้วอย่างนี้จะไม่ให้อารมณ์เสียได้ยังไง
“เฮ้ย! เป็นอะไรของนายวะคริส?” ชางมินเอ่ยถามน้องชายในสายเลือดเมื่อเห็นอีกคนดูสีหน้าไม่ค่อยสู้ดี หากแต่ก็ต้องกลอกตาไปมาเมื่อคริสไม่แม้แต่จะเอ่ยปากตอบคำถามของเขาเลยสักคำ
“ไปนั่งที่อื่นดิ๊!”
คริสเดินเข้าไปหาเซฮุนที่นั่งอยู่ข้างๆเลย์ ยกเท้าหนาขึ้นเตะเข้าที่เก้าอี้ของรุ่นน้องฟีนิกซ์ที่นั่งอยู่ ก่อนจะพยักเพยิดหน้าให้เซฮุนออกไปให้ห่าง เพราะคนที่นั่งข้างเลย์น่ะเป็นเขาได้คนเดียวเท่านั้น
“แล้วทำไมผมต้องทำตามคำสั่งรุ่นพี่ด้วยล่ะครับ?” เด็กหนุ่มเงยใบหน้าขึ้นมองรุ่นพี่อีกคนเรียบนิ่ง พ่อแม่ก็ไม่ใช่แล้วทำไมต้องเชื่อฟัง
“ก็เพราะฉันเป็นรุ่นพี่นายไง ขยับไปเลยไป” พูดกับรุ่นน้องต่างปราสาทเสร็จคริสก็ยกเข้าขึ้นเตะเก้าอี้ที่เซฮุนนั่งอีกครั้ง ก่อนเซฮุนจะต้องเลื่อนเก้าอี้ให้อย่างจำใจเมื่อเห็นรุ่นพี่หน้าหวานส่งสายตามาบอกว่าให้ยอม
“ผมเลื่อนให้ก็ได้ครับ แต่ผมไม่ให้เก้าอี้นะ รุ่นพี่ไปเอามาเองเลย”
ถึงจะไม่พอใจสักเท่าไหร่แต่คริสก็ยอมเดินไปเอาเก้าอี้ตัวใหม่มานั่งแทรกกลางระหว่างเซฮุนกับเลย์แต่โดยดี
บรรยากาศภายในโต๊ะถึงกับเงียบสนิทเมื่อไม่มีใครรู้ว่าระหว่างคริสและเซฮุนนั้นมีเรื่องอะไรเกิดขึ้น แล้วไอ้ตัวการสองคนที่กำลังทำให้คนอื่นสงสัยอยู่นั้นก็เอาแต่นั่งก้มหน้าจิ้มโทรศัพท์ไปโดยไม่สนใจใครเลย กำลังเฮฮาเลยเชียวแต่ความคุกรุ่นก็เข้ามาแทนที่ทุกครั้งไป แล้วจากนั้นจะมีอะไรได้อีกก็เงียบกันเป็นเป่าสากเพราะไม่มีใครกล้าเอ่ยพูดกันอีกเลยนะสิ
“สวัสดีครับ”
เสียงทักทายของคนที่เข้ามาใหม่ทำเอาทุกคนที่ตกอยู่ในความเงียบตอนแรกต้องหันไปมองเป็นตาเดียว พร้อมกับการปรากฏตัวของเด็กหนุ่มหน้าหวานที่เดินเข้ามาอย่างเก้ๆกังๆ ไม่วายใบหน้าน่ารักนั่นยังต้องหันกลับไปเหลือบด้านหลังเล็กน้อยว่าทุกคนมองอะไรกันอยู่ แต่นั่นก็เหมือนจะรับรู้ได้ว่ามองมาที่เขาจริงๆล่ะมั้ง
ผมสีน้ำตาอ่อนที่รับกับใบหน้าน่ารักกอรปกับดวงตากลมโตที่ทอประกายระยับ ทั้งยังองค์ประกอบบนใบหน้าที่ทำเอาทุกคนก็อดจะชื่นชมในใจเสียไม่ได้ อ้าปากค้างกันอยู่นานก็นึกสงสัยว่าเด็กหนุ่มคนนี้เป็นใคร แล้วอยู่ๆยังมาทักทายทุกคนเหมือนกับว่าเคยรู้จักกันมาก่อนอย่างนั้นแหละ
“เอ่อ...ผมทำอะไรผิดหรอครับ?” เมื่อเห็นทุกคนเอาแต่จ้องมา เด็กหนุ่มจึงเอ่ยถามพลางมือเล็กก็ยกขึ้นเกาศรีษะด้วยความไม่เข้าใจ
“ม...ไม่ผิดหรอก ว่าแต่..นายเป็นใคร?” คำถามจากชางมินทำให้เด็กหนุ่มเริ่มเข้าใจว่าทำไมทุกคนถึงดูงงๆเมื่อได้เจอเขา ก็ไม่ได้แนะนำตัวเลยใช่ไหมล่ะแล้วคนอื่นจะรู้ได้ยังไงกัน
“น้องชายฉันเองแหละ” แจจุงที่นั่งนิ่งอยู่นานก็ไม่คิดจะพูด เพิ่งจะนึกขึ้นได้หรือว่าต้องแนะนำน้องชายตัวเองน่ะ
“จริงอ่ะ!”
ทุกคนดูจะตกใจไม่น้อยที่รู้ว่ารุ่นน้องหน้าตาน่ารักที่เพิ่งเดินเข้ามาใหม่เป็นใคร ไม่มีใครรู้ตัวก็ตะโกนถามออกไปพร้อมกันเสียแล้ว แต่ดูเหมือนว่าคนที่ให้ความสนใจมากเป็นพิเศษเห็นจะเป็นคนผิวเข้มที่ก็รู้นิสัยกันดีว่าเป็นคนยังไง
“ไคเก็บปากด้วย”
ดีโอรีบยกมือขึ้นดันปลายคางของคนรักให้ปิดลงก่อนน้ำใสๆในโพลงปากมันจะไหลออกมาเสียก่อน ไม่วายยังต้องทำโทษอีกคนด้วยการบิดเข้าที่เอวหนาไปลูกใหญ่ เห็นตาคมที่จ้องมองรุ่นน้องมันเป็นประกายก็อดไม่ได้จะนึกงอนไปเสีย
“ลู่หานมานั่งนี่สิ อ่า...ตรงข้ามเซฮุนนั่นล่ะ” แจจุงรีบกวักมือเรียกน้องชายให้เข้ามานั่งตรงเก้าอี้ที่ยังว่างอยู่ทันที ไม่วายยังช่วยชี้ที่ตรงข้ามรุ่นน้องอีกคนที่เอาแต่ก้มหน้าเล่นโทรศัพท์ไม่เลิก
“สวัสดีครับ ผมลู่หานนักเรียนปี1จากปราสาทยูนิคอร์น ฝากเนื้อฝากตัวด้วยนะครับ”
ลู่หานเอ่ยแนะนำตัวกับทุกคนก่อนจะหย่อนกายนั่งลงที่เก้าอี้ ปากอิ่มยกยิ้มหวานไปให้อย่างจริงใจหากแต่ก็ต้องเจือนยิ้มไปเสียสนิทเมื่อหันมาเห็นคนตรงข้ามไม่แม้แต่จะให้ความสนใจเขาเลย
“โอเซ นายไม่ทักเพื่อนรุ่นเดียวกันหน่อยรึไง” คริสกระทุ้มศอกเขาที่ต้นแขนของเซฮุนเพื่อบอกให้ทักรุ่นน้องอีกคนบ้าง ไอ้นี่นอกจากจะกวนเบื้องล่างแล้วก็ยังไม่มีมารยาทเสียอีก
“ผมบอกรุ่นพี่แล้วไงครับว่าไม่ให้เรียก...”
เพียงแค่เงยใบหน้าขึ้นจากโทรศัพท์เครื่องหรู ไม่ทันได้เอ่ยจบประโยคคำพูดทั้งหมดก็ต้องหยุดชะงักไปเพราะคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามทำเอาดึงดูดสายตาไปเสียหมด ดวงตาเป็นประกายนั้นกำลังส่งมามองที่เขาทำเอาร่างกายชาวาบในทันที แล้วไอ้รอยยิ้มแบบนั้นอีกที่ได้เห็นก็หัวใจเต้นแรงจนจับจังหวะของมันไม่ได้ เกิดขึ้นเพราะอะไรกัน แล้วมั่นใจนะว่าเป็นผู้ชายน่ะ คนตรงหน้าที่ทำเอาโอเซฮุนสติหลุดลอยไปไหนต่อไหนจนแทบจะกู่ไม่กลับเลยทีเดียว
“นายจะพูดว่าอะไรนะโอเซ?” คริสถามย้ำอีกครั้งก่อนจะยกยิ้มกรุ้มกริ่มอย่างรู้ทัน
“ผ...ผมบอกไปแล้วไงครับว่าให้เรียกชื่อผมดีๆ รุ่นพี่หูหนวกรึเปล่า?”
เรียกสติตัวเองได้เซฮุนก็ตอบกลับคริสไปก่อนจะหลุบตาลงเล่นโทรศัพท์อีกครั้ง ไม่ไหวหรอกนะถ้าจะให้นั่งทานข้าวตรงข้ามกับอีกคน จะกลืนมันลงหรือเปล่าก็ยังไม่รู้
“ฉันจะเรียกเว้ย! นายน่าจะดีใจนะที่ฉันตั้งชื่อเพราะๆให้นาย”
“รุ่นพี่ไม่เข้าใจภาษาคนเลยสักนิด”
เซฮุนละสายตาออกจากหน้าจอโทรศัพท์อีกครั้ง เหลือบมองรุ่นพี่หน้าหล่อพลางขมวดคิ้วมุ่นด้วยความไม่พอใจ บอกตรงๆว่าเหนื่อยมากที่ต้องสนทนากับคนอย่างคริส
“ไอ้เด็กบ้า!” คริสเกือบจะอารมณ์ดีอยู่แล้วเชียว แต่สุดท้ายไอ้เด็กนี่ก็ทำเอาเขาควบคุมอารมณ์ตัวเองไม่ได้เหมือนเคย
“พอแล้วคริส”
เมื่อเห็นว่าสงครามย่อมๆกำลังจะเกิดเลย์จึงรีบเอ่ยห้ามคนรักทันที พอๆกันเลยล่ะสองคนนี้ ต่างฝ่ายต่างไม่คิดจะยอม เห็นแล้วมันก็น่าขัน
“นายดูมันดิ มันเถียงฉัน”
“ฉันก็ดูอยู่นี่ไง”
“เลย์!”
คริสหันหน้าหนีไปอีกทางเมื่ออีกคนมักจะเข้าข้างรุ่นน้องต่างปราสาทอยู่เสมอ น้อยใจเมื่อช่วงนี้อะไรเลย์ก็ดูเหมือนว่าเซฮุนจะสำคัญกว่าเขาไปซะหมด
“โอเคๆขอโทษนะ” มือบางรั้งใบหน้าหล่อของอีกคนให้นั้นมามองกันเหมือนเดิม ส่งยิ้มน้อยๆพร้อมกับคำขอโทษอย่างจริงใจไปให้ เมื่อก่อนคงงอนคริสบ่อยไป สงสัยโดนเอาคืนบ้างแล้วแน่ๆ
“อาหารมาแล้ว มาทานพร้อมกันเถอะ”
ชางมินรีบพูดตัดบทเมื่ออาหารเริ่มมาเสริ์ฟ เหลือบมองรุ่นน้องแต่ละคนก็อดจะหนักใจเสียไม่ได้ ส่ายหน้าเบาๆก่อนจะพรูลมหายใจออกมาเป็นรอบที่ร้อยของวัน เดี๋ยวง้อเดี๋ยวงอนจนเริ่มจะเป็นเรื่องปกติไปเสียแล้ว
“นายจะจีบเลย์หรอเซฮุน?”
ระหว่างทานข้าวอยู่ๆชางมินก็ถามรุ่นน้องฟีนิกซ์ขึ้นมาแบบไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย จนเซฮุนที่เอาแต่ก้มหน้าทานข้าวอยู่ในตอนแรกต้องเงยหน้าขึ้นมองรุ่นพี่หน้าคมก่อนจะเหลือบไปมองเด็กหนุ่มเจ้าของใบหน้าน่ารักที่นั่งทานข้าวตรงข้ามกัน
“ตอบดีๆนะเว้ย” คริสที่นั่งรอฟังคำตอบอยู่ก็เตรียมถลกแขนเสื้อขึ้นอย่างเอาเรื่อง ลองตอบไม่เข้าหูสิไม่วายได้นอนหยอดข้าวต้มแน่
“ผมไม่เคยพูดซะหน่อยว่าจะจีบพี่เลย์”
“...นายพูดจริงรึเปล่าโอเซ?” คริสเอ่ยถามพร้อมทั้งรอยยิ้มจางๆบนใบหน้าหล่อ หากแต่ก็ยังไม่ไว้วางใจอยู่ดีว่าไอ้เด็กนี่มันจะพูดจริงหรือเปล่า
“ครับ”
เพียงคำตอบสั้นๆของเซฮุนก็ทำเอาคริสใจชื้นขึ้นมาได้อีกระดับ กายสูงค่อยๆหันเข้าหารุ่นน้องต่างปราสาทก่อนจะรั้งลำคอขาวเข้ามากอดไว้แน่น ทำเอาคนทั้งโต๊ะถึงกับตาค้างพูดไม่ออกกันเลยทีเดียว นั่นก็รวมถึงคนที่พ่วงตำแหน่งคนรักอย่างเลย์ด้วยเช่นกัน
“เซฮุนน้องรัก อยากกินอะไรขอให้บอกเดี๋ยวพี่คริสเลี้ยงเอง” คำพูดที่เปลี่ยนไปทำให้เซฮุนต้องถอนหายใจจนเต็มแรงก่อนจะเบือนหน้าหนีไปทางอื่นด้วยความระอา
“รุ่นพี่ครับ เลิกกอดคอผมสักที ผมรำคาญแล้วมันก็หายใจไม่ออกด้วย” พูดแค่นั้นเซฮุนก็ยกแขนของรุ่นพี่หน้าหล่อออกไปห่าง ไม่วายก็ขมวดคิ้มมุ่นแล้วเหลือบมองไปหาอีกคนอย่างไม่ชอบใจ ผีเข้ารึไงวะ
“เป็นไปได้ฉันจะหอมแก้มนายให้เป็นรางวัลเลย” อีกแล้วที่คริสดูจะเปลี่ยนไป และนั่นเลย์ก็แทบใจหายกับคำพูดของคนรักเมื่อครู่ หากแต่เป็นเพราะคริสดีใจมากต่างหาก ดีใจที่รุ่นน้องอีกคนไม่คิดจะมายุ่มย่ามกับคนรักของเขา
“อย่าเลยครับ แค่คิดผมก็อยากจะอ้วกอยู่แล้ว” เซฮุนพูดแค่นั้นก็หันกลับไปทานข้าวเหมือนเดิมโดยไม่สนใจรุ่นพี่อีกคนที่ดูท่าว่าจะพูดมากขึ้นทุกวัน
“อยากพูดไรพูดเลย ตอนนี้ฉันไม่โกรธนายเลยสักนิด” คริสเปิดใจอย่างถึงที่สุด โล่งอกทั้งยังรู้สึกไปในทางที่เป็นบวกกับรุ่นน้องมากขึ้น
“คือ...จริงๆผมก็ยังพูดไม่จบนะครับ ที่บอกว่าไม่ได้จีบพี่เลย์น่ะ ผมไม่จีบครับ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าผมไม่ชอบ”
สิ้นเสียงทุ้มของรุ่นน้อง ใบหน้าหล่อก็หันขวับไปเขม่นทันที ก่อนมือหนาจะส่งไปผลักหัวทุยของรุ่นน้องฟีนิกซ์จนเซไปอีกทาง คริสแทบจะกระชากเซฮุนมาปล่อยหมัดใส่ก็ไม่ปรานเมื่ออีกคนมันเริ่มเยอะขึ้นเรื่อยๆ ไอ้เด็กนี่มันกวนสุดๆไปเลย
“ไอ้เด็กเวร! ทีหลังก็พูดให้มันจบไปทีเดียวสิเว้ย ทำไมชอบทำอะไรครึ่งๆกลางๆวะ?!”
ชางมินที่มองอยู่แทบจะหัวเราะออกมาดังๆเมื่อได้เห็นมุมที่ไม่เคยเห็นของน้องชายในสายเลือด ไม่คิดว่ารุ่นน้องหน้าหวานจะทำให้น้องชายของเขาเป็นได้ขนาดนี้ คงจะกลัวเสียอีกคนไปสิท่าถึงเลือดขึ้นหน้าสติแตกจนกู่ไปกลับ หากแต่ก็ตลกดี ตอนเด็กเซนทอร์ก็ยังไม่โวยวายมากเหมือนตอนนี้เลย พอเป็นเซฮุนเข้าหน่อยก็ถึงกับควบคุมไม่ได้ เจอคนที่นิสัยคล้ายตัวเองเข้าบ้างก็รู้สึกแล้วสินะ
…THE WIZARD…
คนตัวสูงรีบเดินกลับห้องด้วยความโมโห ข้าวก็ทานอยู่น้อยนิดเพราะไอ้รุ่นน้องต่างปราสาทนั่นล่ะทำเอากินไม่ลงกันเลยทีเดียว เดินเข้ามาในห้องก็ทิ้งตัวนั่งลงที่เตียงอย่างหมดแรง คงจะระแวงเกินไปจนเกินเหตุ แต่ก็เพราะกลัวจะเสียเลย์ไปเลยคิดฟุ้งซ่านอยู่ตลอด รู้ว่าอีกคนรักแต่นั่นรักได้มันก็เปลี่ยนแปลงได้เสมอ
“ทำไมกลับมาก่อน ไม่รอฉันเลยนะ” เสียงหวานเอ่ยถามพลางค่อยๆสาวเท้าเข้าไปหาอีกคนช้าๆ หย่อนกายนั่งลงข้างคนรักได้ก็ส่งมือไปประสานกับมือหนาพลางกระชับไว้แน่นให้มั่นคง
“……………………………..”
“ฉันทำอะไรผิดทำไมนายถึงเมินฉันแบบนี้” เลย์เอ่ยถามอีกคนอย่างไม่เข้าใจก่อนจะเอียงหัวทุยไปวางบนลาดไหล่ที่คุ้นเคยของคนตัวสูงเพื่อพักพิง
“ฉันเหนื่อย” คริสตอบไม่ตรงคำถาม ใบหน้าหล่อหันหนีอีกคนไปอีกทางก่อนจะถอนหายใจออกมาเมื่อรู้สึกแบบนั้นจริงๆ
“เหนื่อยที่ต้องดูแลฉันหรอ?”
“... เปล่าหรอก ฉันเหนื่อยที่ต้องกันคนอื่นให้ห่างออกจากนายมากกว่า นายก็รู้ว่าฉันจะเป็นยังไงถ้ามีใครเข้ามายุ่งกับนาย ฉันมันงี่เง่าสิ้นดีเลยใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างแผ่วเบา ไม่รู้ว่าทำไมต้องคิดมากถึงขนาดนี้ พยายามแล้วแต่ใครจะสามารถทนได้ถ้ามีใครบางคนเข้ามายุ่งกับคนที่เขารัก
“ไม่เลย ไม่งี่เง่าเลยสักนิด ฉันออกจะดีใจด้วยซ้ำที่นายหึงฉัน เพราะตอนฉันหึงนายมันยิ่งกว่านี้อีกนะ”
“แต่ฉันรู้สึกว่าฉันเริ่มงี่เง่าขึ้นทุกวัน เพราะอะไรนายรู้ไหม?...เพราะฉันกลัว กลัวว่าจะเสียนายไป” พูดเสร็จมือหนาก็ค่อยๆยกขึ้นลูบหัวทุยของคนหน้าหวานเบาๆ โน้มใบหน้าหล่อเข้าไปจุมพิตที่หน้าผากบางก่อนจะสวมกอดอีกคนไว้แน่น
“อย่ากลัว...เพราะมันจะไม่มีวันนั้นแน่นอน” เสียงหวานเอ่ยกับคนรักแผ่วเบา หากแต่มันช่างหนักแน่นและเปี่ยมไปด้วยความมั่นใจว่ายังไงก็จะอยู่กับคนๆนี้ไปตลอด
“เลย์”
“หื้ม?”
“เราแต่งงานกันเลยไหม?”
เลย์ถึงกับชะงักเมื่ออีกคนเอ่ยอะไรออกมาไม่รู้ว่าเพ้อไปหรือเปล่า ก่อนจะผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นช้าๆแล้วอมยิ้มอย่างนึกขำ
“นายพูดอะไรน่ะคริส?”
“ก็ถ้าเราแต่งงานกันนั่นก็แสดงว่าเรามีข้อผูกมัดที่ดีกว่าแฟน คนอื่นจะได้รู้ว่านายเป็นของฉันอย่างสมบูรณ์แบบแล้วไง”
“นายจริงจังไปรึเปล่า? เรายังเด็กนะ ยังมีเวลาอีกมากที่จะอยู่ด้วยกันแล้วทำไมต้องรีบ อีกอย่างตอนนี้ฉันยังไม่เป็นของนายอย่างสมบูรณ์แบบรึไงห๊ะ?” พูดแค่นั้นก็ก้มใบหน้าหวานลงอย่างเขินอาย พวงแก้มนิ่มขึ้นสีจางระเรื่ออ่อนทันทีที่นึกได้ว่าพูดอะไรออกไป เป็นของคริสแล้ว เลย์เป็นของคริสอย่างสมบูรณ์แบบแล้ว
“ฉันก็ไม่เข้าใจเหมือนกัน ถ้าเป็นเรื่องของนายฉันมักจะจริงจังเสมอ ถ้าเป็นเรื่องของคนที่ฉันรักฉันก็อยากทำอะไรให้มันชัดเจนไปเลย” เสียงทุ้มเอ่ยอย่างหนักแน่นและคงเว้นคงวา ส่งสายตาคมที่ฉายแววจริงจังไปให้คนรักอย่างให้รู้ว่าเขาพูดจริงทำจริง
“ครับ เข้าใจแล้วครับ...เข้าใจแล้ว” เสียงหวานเอ่ยพูดกับอีกคนก่อนจะสวมกอดคนตัวสูงไว้แน่น ซุกใบหน้าไปกับอกแกร่งของคนรักอย่างโหยหา เลย์ไม่อยากจะบอกว่าเขาก็กลัวเหมือนกัน กลัวว่าจะเสียคริสไป รู้สึกไม่ต่างไปจากอีกคนหรอกหากแต่ค่อนข้างมั่นใจว่ายังไงเขากับคริสจะรักกันตลอดไปแน่นอน
“แล้วตกลงเรื่องแต่งงาน?” คริสยังคงถามซ้ำอยู่อย่างนั้น ให้ตายเหอะว่าไม่รู้จะรีบไปไหน
“เดี๋ยวค่อยคุยเรื่องนี้กันได้ไหมเล่า” พูดอู้อี้ไปกับแผ่นอกกว้างของอีกคน เลย์ก็กดใบหน้าหวานเข้าไปอีก กลบเกลื่อนอาการร้อนผ่าวที่มันกำลังแผ่กระจายไปทั่วทั้วพวงแก้ม บางทีเรื่องแบบนี้ก็ไม่ควรถามกันซึ่งๆหน้านะคริส
“ไม่เอาอ่ะ จะคุยมันวันนี้แหละ” คริสก็ยังไม่คิดจะลดละ เรื่องความใจร้อนก็ยังคงไม่เปลี่ยนไป
“นายเป็นคนหัวดื้อตั้งแต่เมื่อไหร่เนี่ย?”
“นั่นมันความผิดนายทั้งนั้น เพราะนายฉันเลยต้องเป็นแบบนี้”
เลย์ถึงกับเบะปากเมื่ออีกคนไม่เคยคิดจะโทษตัวเองบ้างเลย คงเพราะเขาสินะที่ทำให้เป็นแบบนี้ ไอ้นิสัยไม่ดีของคริสก็คงได้มาจากเขาใช่ไหม
“.............................”
“ว่าไงครับที่รัก” คริสเลิกคิ้วถามเลย์อีกครั้ง จ้องลึกสบตาคู่สวยด้วยความจริงจังจนอีกคนต้องก้มหน้างุดหนีทันที
“รู้อยู่แล้วก็ยังจะถาม” เสียงหวานพูดอู้อี้จนอีกคนฟังแทบไม่ได้ศัพย์ ร้อนถึงคริสที่ต้องก้มหน้าเข้าไปใกล้แล้วเอ่ยถามย้ำๆเพื่อรอคำตอบที่น่าพอใจ
“พูดอะไรฉันฟังไม่รู้เรื่องเลย หื้ม?”
“โอ้ย! นายก็รู้คำตอบอยู่แล้วหนิ ไม่ต้องถามก็น่าจะเดาออกไม่ใช่รึไงว่าฉันต้องยอมนายอยู่แล้ว”
พูดเสร็จก็ฟุบหน้าไปกับอกแกร่งของคนตัวสูงอีกครั้ง จนคนที่รอคำตอบอยู่ในตอนแรกก็ถึงกับยกยิ้มออกมาอย่างพอใจ ก่อนจะค่อยๆดันกายบอบบางของอีกคนในนอนราบไปกับเตียงนุ่มแล้วขึ้นคร่อมตามลำดับ ก่อนจะโน้มใบหน้าลงฟังปลายจมูกโด่งไปกับแก้มนิ่มพร้อมกับรับกลิ่นหอมอ่อนๆเข้าไปในปอดฟอดใหญ่
“จ..จะทำอะไร?” ใบหน้าหวานตื่นตะหนกเมื่อตอนนี้รับรู้ได้ว่ากำลังอยู่ในท่าที่ล่อแหลม ว่าแต่มันใช่เวลาไหมที่จะทำแบบนี้กัน ไม่ใช่ไม่รู้ว่าคริสจะทำอะไรต่อไปแต่ขอแกล้งโง่สักสามวินาทีเถอะ
“ขออีกครั้งได้ไหม?”
“ขออะไรของนาย?” เลย์แทบจะกันลิ้นตัวเองให้ตายไปเสีย หันใบหน้าหลบสายตาคมของอีกคนเป็นพัลวัล เจอสายตาแบบนี้ทีไรก็ต้องแพ้ทางให้คริสทุกที แกล้งโง่เป็นรอบที่สองก็แล้วกัน
“ไม่ได้กอดนายมานานแล้วนะ อยากกอดนายทั้งวันทั้งคืนเลย”
ไม่พูดเปล่าใบหน้าหล่อยังโน้มเข้าไปหาอีกคนจนปลายจมูกโด่งแตะที่แก้มนิ่มของคนที่หันหนีอย่างแผ่วเบา ลมหายใจอุ่นที่เป่ารดอยู่ข้างแก้มทำให้เลย์ต้องหลับตาปี๋ อีกนิดแล้วสินะที่ใจมันเริ่มจะเผลอไปตามคนรักอย่างห้ามไม่อยู่
มือหนาค่อยๆรั้งปลายคางมนต์ของคนใต้ร่างให้หันมามองกันตรงๆ ไม่รอช้าก็ส่งริมฝีปากเรียวกดลงจุมพิตที่กลีบปากเคลือบใสของอีกคนเบาๆ กดไปหนึ่งทีก็ผละออกมองหน้าหวานๆนิ่ง กดครั้งที่สองผละออกก็ยังจ้องมองอยู่อย่างนั้นเหมือนเดิม ทำเอาคนใต้ร่างต้องเบือนใบหน้าขึ้นสีหลบไปทางอื่นเมื่อทนต่อสายตาคมที่พราวสเน่ห์นั้นไม่ได้
“จะทำอะไรก็รีบทำเร็วๆ จะลีลาทำไมเล่า”
นี่สินะที่คริสอยากจะได้ยิน มัวแต่ร้ำรี้ร่ำไรก็เพราะต้องการคำอนุญาติของคนตัวเล็กใต้ร่างเสียก่อน แน่นอนว่ายังไงเลย์ก็ไม่รอดอยู่แล้ว แต่นั่นก็อยากทำให้อีกคนประทับใจเหมือนครั้งที่ผ่านมา แล้วจะมีอะไรอีกถ้าในตอนนี้คนใต้ร่างกลับเอาแต่นอนตัวเกร็งจนคริสนึกขำ ปากก็บอกว่าให้เร็วๆแล้วไอ้อาการแบบนี้มันคืออะไร
“มั่นใจ?”
“อย่าแกล้งน่าคริส”
สิ้นเสียงหวานใบหน้าหล่อก็โน้มเข้าไปหาอีกครั้ง จุมพิตลงบนกลีบปากอมชมพูก่อนจะเม้มเบาๆให้รู้สึกถึงความอุ่น เอียงใบหน้าเล็กน้อยให้ถนัดก่อนจะสอดลิ้นร้อนเข้าไปในโพลงปากเพื่อควานหาความหอมหวานที่ได้รับไม่เคยเบื่อ ทุกสัมผัส ทุกการกระทำ ทั้งภาพของการปลดเปลื้องคริสก็ไม่เคยลืม
“อือ...”
การดูดเม้มทำให้เสียงหวานครางออกมาอย่างไม่รู้ตัว ก่อนจะสะดุ้งน้อยๆเมื่ออีกคนเริ่มสอดมือเข้าไปในสาบเสื้อตัวบางก่อนจะร่นมันขึ้นไปจนเผยให้เห็นหน้าอกขาวเนียน สายตาเริ่มพร่ามัวเมื่อความกระหายและความต้องการมันเพิ่มมากขึ้น ถึงตอนนี้จะกู่ให้กลับก็คงยากเกินไปเสียแล้ว
“ค...คริส”
พูดแทบไม่เป็นศัพย์เมื่อคนบนร่างหยุดเล่นกับติ่งไตเม็ดสวย แอ่นอกรับสัมผัสนั้นเมื่อความเสียวกระส่ายกำลังพาสติที่มีอยู่น้อยนิดให้หมดไป รู้สึกวูบโหวงที่ท้องน้อยเมื่ออีกคนยังคงใช้ปากทำหน้าที่สร้างรอยรักได้ดีไม่ขาด ก่อนจะเห็นว่าคนตรงหน้าก็เริ่มถอดเสื้อที่สวมใส่อยู่ให้เปลือยส่วนบนด้วยแล้วเหมือนกัน
“ฉันรักนายมากนะ รู้ใช่ไหม?” เสียงทุ้มเอ่ยกระซิบข้างใบหูอย่างแผ่วเบา ไม่วายก็ยังลากปลายจมูกโด่งไปคลอเคลียที่แก้มนิ่มของคนตัวเล็กอยู่อย่างนั้นเพื่อกอบโกยความสุขเล็กๆน้อยๆที่ทำเอาหัวใจพองโตได้ตลอด
“พูดบ่อยไป....”
ไม่ทันได้พูดจบดีริมฝีปากบางก็โดนครอบครองโดยอีกคนไปอย่างหน้าตาเฉย บางทีก็น่าจะให้โอกาสเลย์ได้พูดบ้าง ไม่เคยจะทันก็โดนเอาเปรียบเสมอเลย แต่นั่นก็ยอมจูบตอบอีกคนไปอย่างว่าง่าย แลกเปลี่ยนสัมผัสกันอย่างโหยหา พลันในกายก็ร้อนรุ่มไปทุกส่วนที่อีกคนสัมผัส ขนลุกเกรียวเมื่อมือหนาที่กำลังปัดป่ายไปตามเรือนร่างขาวไม่ยอมหยุดนิ่ง ก่อนจะค่อยๆรู้สึกว่าสัมผัสนั้นกำลังจะหยุดลงที่ขอบกางเกงตัวนอกของเขาจนต้องเกร็งตัวรอรับความน่าอายต่อจากนี้
พลั่ก!!
ไม่ทันจะได้ต่อกันจนจบก็มักจะเป็นแบบนี้อยู่เรื่อย ค้างเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วก็ไม่รู้เมื่อทุกครั้งก็มักจะมีมารมาผจญอยู่ร่ำไป ให้ตายเหอะว่าแทบจะคลั่งเมื่อโดนขัดเข้ากลางคัน แล้วไอ้คนที่มันเปิดประตูมาพรวดพราดนั่นทำไมยังยืนหน้ามึนอยู่อีกวะ
“ผมขอโทษครับ ไม่คิดว่ารุ่นพี่จะ....” เซฮุนพูดเสียงเรียบเมื่อได้เห็นภาพบนเตียงที่ก็พอจะรู้ว่ารุ่นพี่ทั้งสองกำลังจะทำอะไร แต่นั่นเขาไม่ได้ตั้งใจ ไม่ได้ตั้งใจเลยสักนิด
“โอเซแก...” คริสถึงกับฟุบหน้าไปกับหมอนทันทีเมื่อสุดท้ายก็ไม่สามารถทำอะไรได้เลย เข้าใจไหมว่าเวลาโดนขัดมันเป็นยังไง ค้างสุดอะไรสุด
“อ...เอ่อ เซฮุนมีอะไรรึเปล่า?” เลย์เอ่ยถามเมื่อเห็นรุ่นน้องที่มาใหม่ยืนอยู่หน้าประตูห้อง ก่อนจะเชื้อเชิญให้เข้ามาด้านในอย่างเป็นกันเอง เกือบจะเก็บอาการไม่อยู่ทั้งยังดึงเสื้อลงปิดผิวหนังที่อีกคนสร้างรอยจางๆไว้บนร่างกายแทบไม่ทัน แต่นั่นก็ต้องปั้นหน้ายิ้มไปให้รุ่นน้องต่างปราสาทเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น
“คือผมไม่ได้ตั้งใจนะครับรุ่นพี่ ผมแค่มีเรื่องจะปรึกษาก็เลยไปหาพี่ชางมิน แต่ว่าพี่เขาให้มาหารุ่นพี่แทน”
“ว่าแล้ว...แม็กมันสอนอะไรนาย?” คริสเอ่ยถามเซฮุนทั้งๆที่ยังนอนอยู่บนเตียง ยกมือขึ้นกุมขมับอย่างนึกแค้นพี่ชายที่ไม่มาขัดจังหวะด้วยตัวเองก็ชอบส่งคนอื่นมาแทน
"พี่ชางมินสอนบทกลอนมาบทหนึ่งให้มาท่องหน้าห้องรุ่นพี่ แล้วอยู่ๆประตูห้องมันก็เด้งเปิดเอง ผมไม่ได้ตั้งใจนะครับ” ไอ้บทกลอนที่ว่ามันเป็นคาถาเวทมนต์นะเว้ย...เซฮุนยังคงยืนเล่าเสียงเรียบ ไร้อารมณ์ยิ่งกว่าอะไรดีทั้งๆที่เกือบจะได้เห็นฉากบนเตียงของรุ่นพี่ทั้งสองแล้วแท้ๆ
“ไอ้พี่บ้าเอ้ย! เป็นอย่างงี้ทุกทีเลยสิน่า คอยดูเถอะฉันจะไปยืนท่องคาถาหน้าห้องมันบ้าง” ยิ่งคิดก็ยิ่งแค้น คริสแทบจะไปลากคอพี่ชายมาสั่งสอนเลยซะเดี๋ยวนี้ ขอให้กรรมตามสนองมันเร็วๆเถอะจะได้หายกัน
“ว่าแต่นายมีอะไรจะปรึกษาล่ะเซฮุน” เลย์เอ่ยถามเข้าเรื่องอีกครั้ง ก่อนจะเดินกลับไปนั่งหย่อนกายลงที่เตียงของตัวเอง
“ก็.....” เซฮุนอ้ำอึ้งเมื่อไม่รู้ว่าต้องเริ่มจากตรงไหนก่อนดี
“ก็อะไร หื้ม?”
“คือ...แบบว่า...แบบว่ารุ่นพี่เคยรู้สึกใจเต้นแรงๆไหมครับ แบบ...ผมอธิบายไม่ถูกอ่ะ”
เซฮุนเอ่ยถามอย่างไร้เดียงสา ใบหน้าขาวเลิกลั่กอย่างไม่รู้ต้องพูดยังไงที่จะให้คนที่ฟังอยู่ได้เข้าใจกับสิ่งที่เขาต้องการจะสื่อ หากแต่นั่นรุ่นพี่ทั้งสองกลับรู้ดีว่ามันคืออะไร และรู้ด้วยว่าที่เซฮุนเป็นอยู่น่ะเริ่มมาจากใคร
“ใจเต้นแรงที่นายว่ามันเกิดขึ้นยังไงล่ะโอเซ?” คริสเอ่ยถามเมื่อรู้ว่าจริงๆแล้วรุ่นน้องคนนี้กำลังต้องการจะปรึกษาเรื่องไหน ก่อนจะนอนเท้าแขนแล้วหันหน้ามองรุ่นน้องต่างปราสาทเพื่อรอคำตอบ
“แบบเจอใครสักคนแล้วอยู่ๆก็ใจเต้นแรงอะไรประมานนี้อ่ะครับ เวลาได้มองหน้าก็คล้ายว่าจะมวนท้องเหมือนไม่สบาย แล้วก็เป็นอาการที่ไม่กล้าเข้าหาอีกคน”
“นายเป็นแบบนี้กับแฟนฉันด้วยรึเปล่า?” คริสยังคงอยากรู้ให้แน่ชัด เอ่ยถามไปก็ขมวดคิ้มมุ่นรออีกคนได้พูด
“เป็นไหม? ก็ไม่ค่อยแน่ใจครับ แต่มันไม่ชัดเจนเหมือนกับที่ผมกำลังเป็นอยู่”
คริสพยักหน้าอย่างเข้าใจก่อนจะหันไปมองคนรักที่ก็ส่งยิ้มกลับมาเป็นเชิงรู้กัน แต่นั่นมันควรจะดีถ้าให้เซฮุนได้เรียนรู้ด้วยตัวเองบ้าง เพราะเรื่องแบบนี้น่ะมันจะเริ่มรู้สึกเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆเมื่อเวลาผ่านไป ไม่นานเซฮุนก็อาจจะรู้ใจตัวเอง
“ความรู้สึกแบบที่นายเป็นฉันก็ไม่รู้ว่ามันคืออะไรหรอก นายต้องรู้มันด้วยตัวเองนะเซฮุน แต่ที่ฉันจะบอกคืออาการแบบที่นายกำลังรู้สึกอยู่มันเป็นความรู้สึกเดียวกันกับที่ฉันและคริสเคยประสบมา คริสทำให้ฉันใจเต้นแรงส่วนฉันก็ทำให้คริสใจเต้นแรงเหมือนกัน หลังจากนั้นเราก็กลายมาเป็นคนรัก และความรู้สึกแบบนั้นมันก็สานต่อจนถึงปัจจุบัน นายพอจะเข้าใจใช่ไหม?” เลย์พยายามอย่างถึงที่สุดเพื่ออธิบายให้รุ่นน้องต่างปราสาทได้เข้าใจ ไม่อยากจะบอกตรงๆเพราะอีกคนน่ะต้องรู้ใจตัวเองเสียก่อน
“คนรัก? ก็ต้องรักกันใช่ไหมครับ?” เซฮุนเอ่ยถามอีกครั้ง ความไม่มีประสบการณ์ทำให้คริสนึกถึงช่วงเวลาที่ผ่านมาได้เป็นอย่างดี แต่นั่นกว่าจะผ่านมันมาได้ก็ไม่ใช่ง่ายๆเลยทีเดียว
“ก็ประมานนั้น” เลย์ตอบกลับก่อนจะยิ้มบางๆไปให้รุ่นน้องที่กำลังยืนนิ่งทำท่าคุ้นคิดอยู่
“เซฮุนมาทำอะไรที่นี่?” ยุนโฮที่กลับมาเก็บของที่หอพักบังเอิญเจอลูกพี่ลูกน้องของตัวเองแทนที่จะอยู่อีกปราสาท หากแต่กลับมาอยู่ที่นี่ก็อดสงสัยไม่ได้ ก่อนจะเดินเข้าไปหาแล้วเอ่ยถามทันที
“พี่ยุนโฮ”
“อะไร?”
“ผมอยากได้ลู่หาน”
“ห๊ะ! ว่าไงนะ?”
ไม่ใช่แค่ยุนโฮที่ตกใจหากแต่ทั้งคริสและเลย์ก็ถึงกับอึ้งไปด้วยไม่ต่างกัน เด็กสมัยนี้มันคิดอะไรกันอยู่นะ ไวไฟใช่เล่นเลย
“นายว่าอะไรนะเซฮุน อ...อะไรอยากได้?” ยุนโฮเอ่ยถามอีกครั้งด้วยสีหน้าตื่นตะหนก
“ผมจะเอาลู่หานมาเป็นของผม”
“ไอ้เด็กบ้า! นายจะแก่แดดเกินไปแล้ว” ยุนโฮต่อว่าน้องชายลูกพี่ลูกน้องของตัวเอง ก่อนจะเดินวนไปรอบๆเมื่อคำพูดที่น้องชายพูดมามันทำให้เขาปวดหัวอย่างถึงที่สุด ไอ้นี่ก็ตรงเกินจนทำเอาคนเป็นพี่อย่างเขาเหงื่อตกเลยล่ะ
“แก่แดดอะไร? ถ้าผมแก่แดดพี่คริสกับพี่เลย์ก็...อื้อ...”
“หยุดเลยโอเซ”
ไม่ทันที่เซฮุนจะได้พูดจบ คริสก็รีบปรี่เข้าไปปิดปากของรุ่นน้องต่างปราสาทไว้เสียก่อนที่มันจะพูดอะไรออกมาจนทำให้เขาต้องอับอายอีกครั้ง แต่นั่นเลย์ที่ลุ้นจนตัวเกร็งก็แทบจะล้มพับไปกับพื้นก็ไม่ปราน ถ้ายุนโฮรู้เรื่องเขากับคริสเมื่อครู่มีหวังเอาไปเล่าให้คนทั้งกลุ่มฟังแน่ๆ
“พวกนายเป็นอะไรกัน?”
“ป...เปล่าครับรุ่นพี่” เลย์ตอบปัดไปอย่างมีพิรุธจนคริสต้องกลอกตาไปมาอย่างรู้สึกเพลีย เจอจับได้กี่ครั้งเลย์ก็ยังไม่เคยจะเนียนอยู่เหมือนเดิม
“อื้อ....”
เสียงแย้งของเซฮุนทำให้คริสต้องค่อยๆคลายมือออกจากปากรูปกระจับของรุ่นน้องช้าๆ ก่อนจะเขม่นเซฮุนไปเป็นการบอกให้หุบปากเงียบไว้ แต่นั่นเซฮุนกลับไม่ได้สนใจอะไรเลย ใบหน้าขาวเอาแต่คุ้นคิดบางสิ่งบางอย่างไปคนเดียวจนคริสก็อดจะนึกสงสัยไม่ได้
“เป็นอะไรวะโอเซ?” เมื่อเห็นเซฮุนเอาแต่พึมพำอยู่คนเดียว คริสจึงเอ่ยถามทันที
“ใช่! ผมรักลู่หานแน่ๆอ่ะ ใช่แล้ว ผมรักลู่หานเพราะผมใจเต้นแรงกับลู่หาน”
เซฮุนเอ่ยพูดอยู่คนเดียวก่อนจะเดินออกไปจากห้องท่ามกลางสายตาของรุ่นพี่ทุกคนที่ได้แต่มองตาม ถึงกับเหวอกันหมดเมื่อไอ้เด็กคนนี้นอกจากจะกวนส่วนที่เดินได้แล้วยังโลกส่วนตัวสูงเข้าญานพูดคนเดียวอีก มันไหวไหมนั่น
“เฮ้อ! ฝากดูแลมันด้วยแล้วกัน ท่าทางจะจริงจังนะนั่น พ่อมันเอาฉันตายแน่”
ยุนโฮถอนหายใจจนเต็มแรงก่อนจะพูดกับรุ่นน้องทั้งสองพลันปลีกตัวออกจากห้องไป ปล่อยให้ความเงียบเข้าปกคลุมพร้อมกับคนทั้งคู่ที่นั่งมองหน้ากันตาปริบๆโดยไม่พูดอะไรเลย ก็จะให้พูดอะไรได้ล่ะในเมื่อกำลังอึ้งอยู่ ที่สอนเซฮุนไปน่ะไม่คิดว่าไอ้เด็กนั่นมันจะเรียนรู้เร็วขนาดนี้ รู้ว่ารักเขาแล้วสินะ จะฉลาดเป็นกรดไปหรือเปล่า
“แล้วเราจะทำยังไงกันต่อไป?” เสียงหวานเอ่ยถามหลังจากปล่อยเวลาให้ผ่านไปชั่วครู่ เห็นเซฮุนเป็นแบบนั้นก็อดเป็นห่วงเสียไม่ได้ ดูท่าจะเริ่มลุกหนักแล้วนะ
“ไม่เห็นต้องทำอะไรเลย มาว่าเรื่องของเราต่อดีกว่า” เหมือนในตอนแรกคริสก็ดูจะเป็นห่วงเซฮุนไม่น้อย หากแต่ไม่เลยเมื่อสุดท้ายก็ห่วงเรื่องของตัวเองมากกว่า
“ไม่เอาแล้วไม่มีอารมณ์”
“อย่าทำแบบนี้น่าเลย์ มาต่อให้มันจบๆไปเถอะ” ใบหน้าหล่อฉายแววเว้าวอนอีกคนอย่างถึงที่สุด พลางลุกขึ้นเดินไปนั่งข้างคนรักอีกเตียงก่อนจะส่งมือหนาไปรั้งเอวบางเข้ามากอดไว้แน่น
“………………………………..”
“นายก็รู้ว่ามันใกล้จะจบแล้ว”
“เรื่องของเราน่ะหรอจะจบ?” ไม่รู้ว่าซื่อหรืออะไร เลย์พลันเอ่ยถามอีกคนออกไปแบบไม่คิด ใบหน้าหวานฉายแววสงสัยทั้งยังไม่เข้าใจว่าที่คริสพูดมามันหมายความว่าอย่างไร
“นี่แน่ะ! ใครบอกว่าเรื่องของเราจะจบกันล่ะ เรื่องเดอะวิซาร์ดต่างหาก” มือหนายกขึ้นตีหน้าผากบางไปหนึ่งทีก่อนจะหรี่ตาคาดโทษอย่างเอาเรื่อง คิดได้ไงว่าเรื่องระหว่างเราจะจบ มันน่าไหมเนี่ย
“อ้าวหรอเพิ่งรู้”
“ตั้งแต่ต้นเรื่องยันจะจบเรื่องนายเคยรู้อะไรบ้างไหม?”
สิ้นเสียงทุ้มใบหน้าหวานก็งองุ้มในทันที เบือนหน้าหนีไปอีกทางอย่างนึกงอนไม่วายอีกคนก็ฉวยโอกาสฝังปลายจมูกโด่งลงที่ซอกคอของเขาซะหนิ ให้มันได้อย่างนี้สิ รู้ตัวอีกทีสุดท้ายก็นอนราบไปกับเนื้อฟูกชั้นดีให้อีกคนขึ้นคร่อมเสียแล้ว เสียความรู้สึกไม่เท่าไหร่แต่เสียท่าให้ไอ้หัวทองนี่ดิไม่อยากจะให้อภัยตัวเองเลย
“ค...คริส”
เลย์หดไหล่หลบน้อยๆเมื่ออีกคนก็ยังไม่คิดจะละออกไปจากลำคอขาวของเขา ขนลุกเกรียวเมื่อรับรู้ได้ถึงความเย็นจากฝ่ามือหนาของอีกคนที่แตะกระทบกับผิวเนื้อในร่มผ้า ในขณะเดียวกันกับความรู้สึกหวิวที่ลำคอจนยากจะควบคุมอารมณ์ ดูเอาเถอะว่าคริสน่ะดื้อขนาดไหน
“เลย์”
“อะไรอีกล่ะ?”
“รู้ใช่ไหมว่ารัก?”
“เออ รู้แล้วน่า จะพูดอะไรบ่อยนักหนาเล่า” เอาเถอะว่าน้ำเสียงไม่ค่อยจะเป็นใจหากแต่ใบหน้านี่ขึ้นสีจัดชัดเจนเลยล่ะ
“ฉันรักนาย แต่ไม่เคยบอกเลยใช่ไหมว่ารักมากขึ้นทุกวัน”
เลย์ถึงกับปรับสีหน้าไม่ถูกเมื่ออีกคนพูดออกมาตรงใจจนไปไม่เป็น ทั้งสายตาคมที่จ้องมองลงมาจากด้านบนก็ทำเอาหัวใจวูบโหวงเต้นถี่รัวจนรวนไปเสียหมด ความอ่อนโยนของอีกคน น้ำเสียงที่สื่อถึงความจริงจัง รวมทั้งสัมผัสอบอุ่นนั้นไม่เคยเลยสักครั้งที่จะทำให้เขาชิน ไม่ชินแต่กลับเพิ่มความหวานให้กับหัวใจมากขึ้นไปเรื่อยๆ สุดท้ายก็ต้องพ่ายแพ้ให้กับคนบนร่างอย่างราบคาบก่อนจะแข็งใจพูดสิ่งที่อยากพูดให้อีกคนฟัง
“ฉันก็ไม่เคยบอกเหมือนกันใช่ไหมว่าฉันรักนายจนรักใครไม่ได้อีกแล้ว”
“น่ารัก ...”
“แน่นอน”
“ ไหนๆเรื่องนี้ก็จะจบแล้ว เรามาสานต่อให้มันจบแบบสวยๆกันเถอะ...คริสรักเลย์นะครับ” ปลายประโยคเอ่ยกระซิบแผ่วเบาก่อนจะจุมพิตที่ริมฝีปากเคลือบใสของอีกคนไปหนึ่งที
“…เลย์ก็รักคริสครับ”
สิ้นเสียงหวาน ใบหน้าหล่อก็โน้มลงต่ำก่อนจะกดจูบที่ซอกคออันน่าหลงใหล ไล่ลงตามสันกรามได้รูปก็พรมจูบไปทั่วจนถึงหน้าอกขาวเนียนที่เผยให้เห็นเมื่ออีกคนก็ช่างใส่เสื้อที่ล้วงคอไปลึกซะเหลือเกิน หากแต่นั่นเมื่อเห็นว่ามันรกม่านตาก็หวังดีช่วยถอดให้แล้วโยนไปพ้นทาง พรมจูบลงที่แผ่นอกเนียนของคนใต้ร่างอีกครั้งก็ลากริมผีปากสร้างรอยสีกุหลาบไว้เป็นเครื่องค้ำประกันว่าร่างนี้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เหลือบมองอีกคนเล็กน้อยก็เห็นว่าหลับตาพริ้มเหมือนว่าพอใจกับสิ่งที่เขามอบให้ ก่อนจะทำหน้าที่ของตัวเองต่อไปเพราะในตอนนี้มันห้ามไม่ได้อีกแล้ว
“อื้อ ค...คริส”
ครางเสียงหวานเมื่อมือไม้ที่ไม่อยู่กับทีของอีกคนลูบไลมันไปทั่ว จากที่เชื่องช้าเนิบนาบก็เพิ่มความเร่าร้อนเข้าไปจนสติสตังเริ่มกู่ไม่กลับ แค่หวังว่าช่วงเวลานี้มันจะผ่านไปได้ด้วยดี อีกครั้งกับความสุขที่มอบให้อีกคน ขอแค่คริสต้องการเขาก็เต็มใจจะมอบให้ ไม่ใช่ให้แค่ร่างกายแต่หัวใจทั้งหมดที่มีก็ให้คนรักที่ชื่อคริสแต่เพียงผู้เดียว
ก๊อก ก๊อก ก๊อกๆ
เอาเถอะว่าเสียงเคาะแบบนี้ก็ไม่ต้องบอกว่าเป็นใคร เพียงแค่ได้ยินก็ถึงกับชะงักไปชั่วครู่ แต่นั่นก็ยังไม่คิดจะหยุดมันแล้ว เคาะได้เคาะไปเถอะไอ้พี่บ้า ชอบมาขัดเอาเวลาแบบนี้ตลอด
“เฮ้ย!คริส มาเปิดประตูให้ฉันหน่อยดิ”
เสียงทุ้มที่ตะโกนเข้ามาจากอีกฝั่งของประตูทำให้คริสหงุดหงิดถึงที่สุด แต่นั่นก็ยังไม่ละริมฝีปากไปจากเนื้อผิวละเอียดของอีกคนเลยสักนิด คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันเมื่อไอ้พี่โรคจิตหน้าห้องมันยังไม่เลิกเคาะประตูรบกวนเขาอยู่อีก บางทีแม่งจะรู้บ้างไหมว่าเขาก็ต้องการเวลาที่เป็นส่วนตัวบ้าง
“คริส พี่ชางมิน...”
เลย์สะกิดแขนคนรักเพื่อให้รู้สึกตัว ไม่วายยังเตรียมพร้อมในการวิ่งไปเอาเสื้อที่คริสโยนไว้ที่พื้นขึ้นมาใส่ หากแต่นั้นก็ต้องหน้าตาตื่นเมื่อคนรักก็ยังไม่คิดจะหยุดทั้งยังไม่คิดจะสนใจเสียงของพี่ชายอีกต่างหาก
“ช่างมัน ปล่อยให้มันเคาะไป”
“นายก็รู้ว่าพี่ชางมินสะเดาะกลอนประตูห้องเราได้.....”
พลั่ก!
ไม่ต้องรอให้คริสเดินไปเปิดประตูอีกคนก็ถือวิสาสะเปิดมันเองทันที เห็นคนอ่อนปีกว่าในท่าที่ล่อแหลมก็ถึงกับตาโตพลางอ้าปากค้างจนแทบช็อค แต่นั่นก็แค่สร้างภาพ รู้อยู่หรอกว่าทำอะไรกัน แต่แค่อยากมาแกล้งไอ้น้องชายตัวดีก็เท่านั้น และนั่นไอ้น้องตัวดีกลับไม่สะทกสะท้านอะไรเลย เห็นจะมีแต่รุ่นน้องหน้าหวานนี่ล่ะนะที่ลุกขึ้นนั่งพรวดพราดรีบวิ่งไปเอาเสื้อมาสวมใส่
“ฉันเข้ามาผิดเวลาอีกแล้วใช่ไหม?” ชางมินเอ่ยพูดก่อนจะแสร้งทำหน้าเศร้า เอาเถอะนะ ว่าที่ประธานปราสาทดร้าก้อนคนใหม่ช่างแสดงละครเก่งเหลือเกิน
“อย่าแกล้งทำเป็นไม่รู้ ออกไปเลยไป” คริสพูดกับพี่ชายด้วยความเอือมระอา ก่อนจะต้องยกมือขึ้นขยี้ผมตัวเองเมื่อมันจบแบบนี้ทุกที
“ฉันจะมาบอกว่าพรุ่งนี้กลับบ้านนะ แค่นี่แหละ”
“เขียนใส่โพสอิทแล้วแปะไว้หน้าห้องมันจะตายไหม?”
“ก็รักน้องมากไงเลยเดินมาบอกถึงที่”
ชางมินยังคงยืนยิ้มกรุ้มกริ่มอยู่หน้าห้องอย่างไม่สะทกสะท้าน ไม่รู้ร้อนรู้หนาวเลยสักนิดหากแต่คนอ่อนปีกว่าอย่างคริสนี่แทบจะเดินไปลากคอพี่ชายมาปล่อยหมัดใส่ก็ไม่ปราน
“จะรักก็ช่วยรักให้มันถูกเวลาด้วยได้ไหม...แม็ก!” คริสกัดฟันพูดเสียงเรียบ ใบหน้าหล่อฉายแววเอือมระอาอย่างถึงที่สุด แต่นั่นกลับทำอะไรคนเป็นพี่ไม่ได้เลย
“เออๆ ฉันไปแล้วนะ”
“อย่าตอบผ่านๆ ทีหลังหัดทำด้วย เข้ามาได้จังหวะตลอด”
พูดแค่นั้นคริสก็ลุกจากที่นอนแล้วเดินไปประชิตตัวคนเป็นพี่ทันที ดันร่างสูงโปร่งของพี่ชายให้พ้นจากเขตห้องก่อนจะปิดประตูใส่หน้ายิ้มกวนๆของชางมินไปอย่างไม่ใยดี เดินเข้ามาหาคนรักที่ล้มตัวลงนอนที่เตียงก็บ่นค่อนขอดมาตลอดทาง สุดท้ายก็พลาดเหมือนอย่างทุกครั้งที่ผ่านมา
“นอนกันเถอะ” นอนตอนกลางวันอีกเช่นเคย คริสค่อยๆสอดตัวเข้าไปในผ้าห่มที่มีอีกคนนอนอยู่ก่อนจะสอดแขนโอบกอดอีกคนให้เข้ามาหา กดริมฝีปากจุมพิตที่หน้าผากบางแล้วหลับตาลงอย่างอ่อนใจ
“เลิกล้มความตั้งใจแล้ว?” เลย์เอ่ยถามเมื่อเห็นคริสดูท่าว่าจะยอมแพ้เสียแล้ว
“เปล่า รอกลับบ้านพรุ่งนี้ดีกว่า ฉันไปนอนบ้านนายนะ”
“แต่...”
“ไม่ต้องค้านเลย ตามนั้นนะครับที่รัก”
พูดแค่นั้นก็ไม่คิดจะให้อีกคนได้ตอบกลับ รีบกดริมฝีปากทาบทับกลีบปากอิ่มของคนหน้าหวานทันที ฉกฉวยความหอมหวานในทุกเมื่อที่มีโอกาส เอาเถอะว่ากลับบ้านแล้วไม่ให้พลาดแน่
“………………....”
“รักนายนะ”
“พูดบ่อยอีกและ” เลย์ค่อนขอดไปทีก็ฟุบใบหน้าหวานไปกับอกแกร่งของอีกคน เขินอีกเหมือนเคย ไม่อาจนับได้เลยว่าวันนี้หน้าร้อนผ่าวไปกี่รอบแล้ว
“แล้วรักไหมล่ะ?” นี่กะจะให้เขินม้วนสักกี่ตลบ รู้อยู่แก่ใจแต่ก็ชอบถามให้ตอบยากอยู่เรื่อย
“...ก็ต้องรักอยู่แล้วดิ”
… สุดท้ายเราก็จบแบบนี้กันอยู่เสมอ แต่มันไม่จำเป็นหรอกครับว่าเราต้องแลกเปลี่ยนร่างกายกันถึงจะเรียกว่ารักที่แท้จริง ขอแค่ความเข้าใจ ขอได้รักในแบบที่เป็น เดินเคียงข้างกันไปเรื่อยๆ และอยู่ด้วยกันตลอดไปก็เพียงพอแล้ว ผ่านหนึ่งปีที่แสนจะยากลำบาก เตรียมพร้อมรับมือกับปีสองที่ไม่รู้ว่าจุดหมายปลายทางข้างหน้าจะเป็นอย่างไร ไม่รู้หรอกว่าความรักของเราจะจบลงที่ตรงไหน แต่ขอเพียงตอนนี้แค่เราได้รักกัน หลังจากนั้นจะเป็นยังไงผมไม่เคยคิดจะสนใจ...
...ในบางครั้งใครบางคนอาจอยู่กับเราไม่ตลอดรอดฝั่ง แต่นั่นความรักต่างหากที่ยังจะติดอยู่ในใจเราตลอดไป ที่ผ่านมาอาจจะเห็นแก่ตัวไปบ้าง อาจทำให้ใครอีกคนไม่พอใจ แต่นั่นเพราะอะไรเขาถึงยังไม่เปลี่ยนใจไปจากเรา... เคยได้ยินคนพูดกันบ่อยๆว่ารักแรกมันเป็นรักที่สั้น รักแรกมักจะไม่สมหวังเสมอ แต่นั่นเขาก็เป็นรักแรกของผม ไม่รู้ว่ารักสุดท้ายจะเป็นใครแต่คิดทบทวนดีแล้วก็คงเป็นเขานั่นแหละครับ...
...คู่เราโชคดีอีกอย่างคือเราเจอกันเร็วกว่าที่คิด เอ่อ...ผมคิดว่าอย่างนั้นนะ ที่ผ่านมาก็ทำให้เห็นอะไรหลายๆอย่าง ถ้าไม่มีเขาในวันนั้น ผมคงไม่อยู่ที่นี่จนถึงวันนี้ เคยเจ็บปวดที่หัวใจเจียนตายแต่สุดท้ายก็ยังรักเขาอยู่ดี และนั่นถ้าคิดย้อนไปอีกที เขารักผมมากว่าที่ผมรักเขาเสียอีก...ชีวิตคนเรามันสั้นมากนะครับ เมื่อเจ็บปวดที่จะมองกลับหลัง ก็ลองมองไปข้างหน้าดูบ้าง หากยังหวาดกลัวที่จะมองไปข้างหน้าแล้วละก็... ผมแนะนำให้มองคนข้างๆกายคุณครับ นั่นล่ะคือสิ่งที่จะทำลายความกลัวของตัวเราเอง...
-Lay-
THE WIZARD
…….END…….
_____________________________________________________________________________________
ไรท์รู้ว่าทุกคนดูคุณชายหมอกันอยู่ 555 แต่...
มาเม้นปิดท้ายกันเถอะ ^ ^
*** มาลงตอนจบให้แล้วค่ะ ปาดน้ำตา T0T ขอโทษที่มาช้าเพราะไรท์ไม่ค่อยว่างเลย นี่ก็จะสอบปลายภาคอีกแล้ว มีตอนพิเศษด้วยนะคะในเล่มเลยค่ะ 55555
ช่วงนี้นอนไม่เต็มอิ่มสักวัน กำลังวุ่นเรื่องหนังสือแล้วก็ตรวจคำผิดไปด้วย ให้เพื่อนช่วยตรวจอีกแรงเพราะยอมรับว่าตัวเองค่อนข้างอ่อนเรื่องภาษาบ้านเกิด เอิ่ม...ไม่น่าให้อภัย =_= แต่ก็พยายามมากโดยการเปิดพจนานุกรมดูเลยทีเดียว
*** เรื่องหนังสือสำหรับคนที่สนใจยังมีเวลาอีกเยอะนะคะ ส่วนคนที่จองมาแล้วไรท์ได้ส่งรายละเอียดการโอนเงินไปให้แล้วเนาะ ^^ เข้าใจว่าช่วงนี้หลายๆคนเปิดเทอม รายจ่ายก็เยอะ ไหนผู้ชายจะคัมแบคอีก งุ้ยยยย ตื่นเต้น ยังไงก็มีเวลาอีกหลายวันใครสนใจหนังสือก็สอบถามมาได้เรื่อยๆนะคะ อยากถามอะไรถามไรท์ได้เลย ไรท์ใจดีมากบ่องตง ฮิฮิ ใจดีจริงๆค่ะคอนเฟริ์มด้วยตัวไรท์เอง ^^
*** ส่วนเรื่อง ADOLESCENT อดใจรอสักนิดนะคะ เดี๋ยวจะทยอยลงให้ ขอเคียร์เดอะวิซาร์ดให้จบก่อน ไม่ทิ้งแน่นอนค่ะ
สำหรับคนที่สนใจหนังสือค่ะ CLICK
ความคิดเห็น